3

บทที่ 3


 

บทที่ 3

ผมว่าต่อให้ไม่ต้องพูดออกจากปากตรงๆ ทุกคนก็เข้าใจไปเรียบร้อยแล้วว่าผมกับพี่กชคบกันจริงๆ

 

Comment#120 : ชัวร์เลย แฟนกันชัดๆ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย

Comment#127 : กรี๊ดดดดดด ฟิน

Comment#150 : ตกลงคบกันจริงๆ ใช่ไหมอ่า

Comment#161 : เปิดตัวแล้วๆ

 

ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงฝั่งของตัวเอง แน่นอนว่าคนส่วนมากเข้าใจว่าผมกับพี่กชคบกันอยู่จริงๆ แต่อีกจำนวนไม่น้อยก็อยากให้ผมพูดให้ชัดเจน

 

Comment#190 : ประกาศว่าคบกันหน่อยสิ

Comment#450 : ตกลงคบกันจริงไหมอยากรู้

Comment#573 : คงไม่ได้คิดไปเองแล้วใช่ไหม กชมิวจริงๆ ใช่ไหม

 

ผมถอนหายใจออกมานิดหนึ่งขณะเหวี่ยงโทรศัพท์ลงข้างตัว เหม่อมองเพดานสีขาว สงสัยคลิปรอบนี้ต้องพูดออกมาจากปากจริงๆ แล้วมั้งว่าพวกเราคบกัน ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม อันที่จริงที่ผมเลี่ยงมาตลอดก็เพราะไม่อยากโกหกแฟนๆ นี่แหละ แต่จะมากลับลำ ไม่เล่นเป็นแฟนกับพี่กชต่อตอนนี้ก็ใจไม่ถึงพอ ไม่น่าจะทันแล้วด้วยซ้ำ เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราคบกัน แล้วผมก็ไม่ได้แก้ข่าวตรงนี้เลย

เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ผมรีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงขณะคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาหอบแฮกๆ

“โทษทีที่ให้รอนะ มิว”

“โห่! ช้าว่ะพี่” ผมแกล้งพูด แต่เห็นสภาพเหงื่อซ่กของเจ้าตัวแล้วก็เห็นใจนิดหน่อยเหมือนกัน “นึกว่าจะไม่ได้เลี้ยงแล้วนะเนี่ย เนื้อย่างพี่เนี่ย”

“บ้า เลี้ยงดิ ไม่เลี้ยงก็ผิดคำพูดปะวะ” เจ้าตัวว่าขณะที่ผมคว้ากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง “ขอโทษจริงๆ ที่ให้รอนะมิว พอดีที่บ้านรั้งตัวไว้ หิวแล้วละสิ”

“หิวครับ” ผมตอบตรงๆ แต่ไม่ได้โกรธอะไรอีกฝ่ายหรอก “งั้นเราไปกันเลยดีกว่า พี่มีหมวกกันน็อกอีกอันใช่ไหม ผมขอยืมนะ”

หลังจากเรามาถึงร้าน จัดแจงเอาเนื้อที่ได้มาชุดแรกลงบนเตา ท้องของผมก็ร้องโครกครากทันที

ผมหน้าร้อนขึ้นนิดหนึ่งด้วยความอาย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนตรงหน้าที่กำลังพลิกแผ่นเนื้ออย่างเมามัน

“โถ! น้องมิวผู้น่าสงสาร หิวจนท้องกิ่วหมดแล้ว”

“เงียบเลยพี่ คิดว่าความผิดใครกันล่ะ”

“โอ๋ๆ ไม่โมโหหิวนะ มา เดี๋ยวพี่บริการเจ้ามือให้ ตอบแทนที่พามาเลี้ยง”

ผมเบ้ปากให้เขานิดหนึ่งเพราะเจ้าตัวชอบพูดย้ำเรื่องที่ผมต้องเลี้ยงเขาเหลือเกิน นี่เขาเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย ไม่ผิดคำพูดหรอกน่า ในเมื่อสัญญาแล้วว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยงสิ!

“เออ แต่พรุ่งนี้พี่คงไม่ว่างช่วงเย็นนะ ต้องไปทำธุระกับที่บ้านว่ะ”

“เลื่อนไปวันอื่นก็ได้นะครับ” ผมว่า เพราะเงื่อนไขในการเล่นเป็นแฟนคือการที่ผมต้องเลี้ยงข้าวเขาสองมื้อต่ออาทิตย์ “ผมไม่ถืออยู่แล้ว ไม่ต้องมื้อเย็นก็ได้ด้วยซ้ำ แค่บอกผมมาแล้วกันว่าจะให้เลี้ยงมื้อไหน”

“อืม” เจ้าตัวทำสีหน้าครุ่นคิด “งั้น...เช้าวันจันทร์เป็นไง พี่อยากกินหมูปิ้งหน้าหอ”

คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที

“แน่ใจนะพี่ว่าแค่นั้นพอ” ก็ตามปกติ ถ้ามีคนบอกว่าจะเลี้ยงข้าวอะไรก็ได้เนี่ย ใครๆ ก็อยากกินอาหารดีๆ แพงๆ กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถึงผมจะไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้นก็เถอะนะ

 “อือ แค่นั้นพอแล้ว” เจ้าตัวยิ้มหวานมาให้ผม “ให้เลี้ยงแต่ของแพงๆ เดี๋ยวน้องหมดตัวพอดี”

เออ ก็รู้ตัวแฮะ พี่กชนี่ใจดีอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ สมแล้วที่เป็นรูมเมทผม

หลังอาหารมื้อนั้นที่ล่อเอาผมจุกไม่น้อย (ตามประสาคนกินบุฟเฟ่ต์ทั่วไป) พี่กชก็ชวนผมไปเดินย่อยตามร้านอะไรก็แล้วแต่ที่พี่แกสนใจ ผมได้หนังสือเกี่ยวกับคันจิมาเล่มในขณะที่เฮียแกได้เสื้อมาตัวหนึ่ง และพออาหารที่เพิ่งยัดห่าเข้าไปเริ่มย่อย ผมก็เริ่มอยากของหวานขึ้นมา

“พี่กช ผมอยากกินไอติม”

“หืม? ไหวเหรอเราน่ะ” ร่างสูงข้างตัวยกยิ้มขัน พูดแซวๆ “เมื่อกี้ยังโอดครวญจะเป็นจะตายอยู่เลย หายจุกแล้วหรือไง”

ใช่ครับ เมื่อกี้ผมครวญจะเป็นจะตาย...แต่ไอ้พี่นี่กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิดทั้งๆ ที่ยัดเนื้อย่างเข้าไปมากกว่าผมตั้งเยอะ กระเพาะน่าจะเป็นหลุมดำขนาดย่อมอะ

“ไหวพี่ ผมหายจุกแล้ว แล้วตอนนี้ปากก็ต้องการน้ำตาล”

“งั้นกินอะไร สเวนเซ่นส์ไหม หรืออยากกินอะไร”

“สเวนเซ่นส์ก็ดีครับ”

“งั้นพี่เลี้ยงนะ”

เป็นอันว่าผมเลี้ยงเนื้อย่างพี่แก ส่วนพี่แกเลี้ยงไอติมผมกลับ เออ ก็ให้ความรู้ไม่เลวเหมือนกัน แม้ว่าเงินที่ออกจากกระเป๋าผมจะมากกว่าเป็นสองเท่าตัวก็ตาม

“เออ มิว” พี่กชว่าขณะตักกล้วยในชามเข้าปาก “เรื่องช่องยูทูบของนายอะ”

“ครับ?”

“พี่ได้ยินมาว่า ถ้าเกิดมิวมีคนดูเยอะๆ จะได้เงินจากยูทูบ”

ผมไม่สะเทือนกับคำถามนั้น ผมคิดว่าเขารู้อยู่แล้วด้วยซ้ำ

“ใช่ครับ พี่ไม่รู้เรื่องนั้นหรอกเหรอ”

“ม่ายอะ”

“แล้วมันทำให้พี่รู้สึกแย่หรือเปล่า” ผมถามกลับตรงๆ แต่จริงๆ เหตุผลที่ผมรับปากว่าจะเลี้ยงเขาสองมื้อทุกอาทิตย์ก็เพราะเรื่องนี้ด้วยนี่แหละ “เพราะมันอาจจะเหมือนผมเอาพี่มาหาเงิน? ถ้าพี่รู้สึกไม่สบายใจ---”

“โอ๊ย! ไม่หรอก ตามสบายเลย” พี่กชว่าพร้อมกับโบกมือสองสามที “แต่มิวนี่ก็เก่งนะ หาวิธีใช้เงินด้วยตัวเองด้วย”

“มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกพี่” ผมพูดยิ้มๆ ดีใจที่อีกฝ่ายชวนคุยเรื่องงานอดิเรกตัวเอง “แต่ทำแล้วมันสนุกดีน่ะ ทำด้วยใจมากกว่า เงินที่ได้ถือเป็นค่าขนมขำๆ”

“แต่หลังจากนี้ก็น่าจะได้มากขึ้นไม่ใช่เหรอ” เขาว่า “ก็คนดูเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วนี่”

“ก็หวังว่านะครับ แต่ผมไม่หวังได้เงินจริงๆ จังๆ หรอก ว่าแต่ผมขอชิมรสนี้หน่อยได้ไหม พี่จะกินของผมด้วยก็ได้นะ”

“ได้เหรอ งั้นขอละนะ”

ว่าแล้วเราสองคนก็แลกไอศกรีมกันกิน เออ รสม็อคค่าที่พี่กชสั่งมาก็อร่อยดี ปกติผมไม่ค่อยชอบกาแฟหรอกเพราะมันขม แต่ไอติมม็อคค่านี่ก็ไม่แย่ขนาดนั้น

จบสิ้นมื้อเย็นทั้งของคาวและของหวาน พวกเราทั้งสองคนก็กลับมาที่หอ

“ให้ตายสิ! เหนื่อยชะมัดวันนี้” พี่กชว่าพร้อมกับถอดเสื้อเปลือยท่อนบนอย่างที่ทำเป็นประจำ พี่แกไม่เคยอายหุ่นผมหรอกครับ แต่ก็อย่างว่า จะอายทำไม ผู้ชายด้วยกัน

“อ้าว! พี่จะนอนนี่เหรอครับคืนนี้ ไม่กลับบ้านเหรอ ไหนบอกพรุ่งนี้มีธุระกับที่บ้าน”

“มี แต่ช่วงสายๆ นู่นแหละ วันนี้ขอนอนนี่ก่อน ไม่อยากขับรถแล้ว” พูดแล้วเจ้าตัวก็เดินไปหยิบข้าวของเตรียมอาบน้ำ ผมพยักหน้าหงึกๆ ทันที

“ดีครับ ขับมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนมันอันตราย”

พี่กชหันมายิ้มยียวนให้ผม “เป็นห่วงกันก็บอกมา”

“ก็ต้องเป็นห่วงดิพี่” ไม่ห่วงจะพูดแบบนั้นทำไมล่ะ จริงไหมครับ “กลางคืนมืดๆ มันอันตรายจริงๆ นะ มอเตอร์ไซค์อะ ขนาดตอนกลางวันยังน่ากลัว”

พี่กชนิ่งไปนิดหน่อยกับคำพูดตรงๆ ของผม ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้ารับแกนๆ แล้วเตรียมดิ่งเข้าห้องน้ำ “เออๆ เข้าใจแล้ว งั้นพี่ขออาบก่อนนะ เหนียวตัวเป็นบ้าเลย”

“ครับ” ผมตอบรับพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโต๊ะคอมพ์ หยิบหนังสือที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ขึ้นมากาง นอกจากเรื่องทำช่องแล้ว ก็มีเรื่องภาษาญี่ปุ่นนี่แหละครับที่ต้องพัฒนา

 

ผ่านไปอีกสองวัน ผมเตรียมตัวจะอัดคลิปใหม่เพื่อลงเกมที่เล่นค้างจากวันก่อน และผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมต้องตัดใจ...โกหก (ไม่อยากใช้คำนี้เลย) แฟนๆ ว่าผมกับพี่กชกำลัง...คบหาดูใจกันอยู่

“อ้าว! คราวนี้จะบอกตรงๆ แล้วเหรอ” พี่กชว่าขณะเลื่อนเก้าอี้จากโต๊ะฝั่งตัวเองมานั่งข้างผม “เห็นวันนั้นยังบอกว่าไม่อยากโกหกด้วยคำพูดตรงๆ เลย”

“มันไม่ได้แล้วพี่” ผมว่า “คนกระหน่ำถามเข้ามาเยอะขนาดนี้ อีกหน่อยคงบุกมาถึงมหา’ลัยเพื่อเค้นหาคำตอบ”

“ถึงมาหาถึงมหา’ลัยก็คงได้คำตอบว่าคบกันอยู่ดี” พี่กชพูดลอยๆ และสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ผิดเลย เพราะหลังจากวันนั้นที่ผมบอกปัทไปว่ากำลังคบกับพี่กช ข่าวลือตัวนี้ก็แพร่กระจายออกเป็นวงกว้าง เพราะงั้นมันก็คงไม่ต่างเท่าไรหรอกมั้ง ถ้าผมจะพูดลงคลิปเรื่องนี้

ดังนั้นแล้วหลังจากกดอัดวิดีโอ ผมจึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก่อนจะลงมือเล่นเกม

“สวัสดีครับทุกคน ก็กลับมาพบกับผม สไลม์สไมลส์อีกเช่นเคยนะครับ และวันนี้เราก็แขกพิเศษเช่นเดิม...พี่กช รูมเมทของผมนั่นเอง”

“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ให้กล้องด้วย น่ารักมากพี่ชาย ประหนึ่งนางสาวไทยกันเลยทีเดียว

“ก็...ก่อนจะเริ่มเล่นเกมวันนี้นะครับ ผมก็...มีเรื่องจะประกาศกับทุกคนอย่างเป็นทางการ” พูดแล้วหันไปยิ้มให้พี่กช ผมเดาว่ามันอาจเป็นยิ้มชืดๆ สักหน่อย ผมเป็นคนโกหกไม่เก่งน่ะ แล้วก็ไม่ชอบโกหกเป็นทุนเดิมด้วย แต่อีกฝ่ายก็แก้สถานการณ์ให้อย่างรวดเร็วด้วยการ เอ่อ ทำตัวกวนตีนใส่ผม

“อ้าว! มองหน้าพี่ทำไมอะน้องรัก บอกผู้ชมไปสิ หน้าพี่ไว้หลังจากนี้ค่อยมองก็ได้ ความหล่อไม่กระเด็นไปไหนหรอก”

“โห! พี่กช” ขึ้นเสียงสูงได้โดยไม่ต้องแสดงเลยครับ ความหมั่นไส้นี่ก็ของจริง “ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะพี่ ก็...อะแฮ่ม อย่างที่ทุกคนสอบถามกันเข้ามามากมายนะครับ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราสองคน ใช่ไหมพี่”

“ช่ายยย”

“ก็...” ผมยกสองมือขึ้นมาประกบกัน “วันนี้ผมจะมาแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ เพราะมีทั้งคนที่อินบ๊อกซ์ถามเข้ามาที่หน้าเพจ ถามทั้งในคอมเม้นท์ มากมายเหลือเกิน ก็ขอบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยนะครับว่า...” ผมเว้นช่วงนิดหนึ่งเพื่อกลั้นใจ “ผมกับพี่กช เราคบกันอยู่”

“อ่าฮะ”

ผมหันไปมองหน้าเขาทันที “อ่าฮะอะไรของพี่”

“อ้าว! ก็...อ่าฮะ ใช่ไง” เขาตอบกลับมายิ้มๆ “เราสองคนคบกันอยู่ ก็ตามนั้นไงครับ”

“หันหน้าบอกคนดูสิพี่” ผมพยายามกลบเกลื่อนใบหน้าที่ร้อนขึ้นของตัวเองด้วยการทำเสียงกวนๆ ใส่เขากลับ “บอกผมทำไมล่ะ นู่น คนดูเขาอยากเห็นหน้าพี่เต็มๆ นู่น”

“ก็ทำไงได้อะเนอะ คนมันหล่อ”

ความประหม่า กระดากเขินอายอะไรหายไปหมดเลยครับ พี่กชมีความสามารถลบความรู้สึกพวกนั้นออกจากผมได้จริงๆ เหลือแต่ความหมั่นไส้ล้วนๆ

“อืม” ผมแกล้งตีหน้าเซ็ง พยักหน้าแกนๆ “เอาเลยพี่ อยากจะพูดอะไรก็เชิญ”

“อ้าว! มิวไม่ดีใจเหรอ ได้เป็นแฟนกับคนหล่อแบบนี้” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเลื่อนมือมายีหัวผมแรงๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้หน้าตาเฉย

นะ...น่ารัก

อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าไอ้พี่กชนี่น่ารักขึ้นมาซะงั้น?

เฮ้ย!? เดี๋ยว ใจเย้น! นั่นรูมเมทมึงนะ!

“อ้าว! ตายๆ หน้าแดงซะแล้ว สไลม์ยิ้มของเรา” พูดเสียงกลั้วหัวเราะไม่พอ ยังจะเลื่อนมือมาหยิกแก้มผมอีก โว้ย! หน้าคนนะ ไม่ใช่ตุ๊กตายางยืด

“นี่ พี่กช พอเลยๆ” ผมปัดมือเขาออก “จะได้เล่นไหมเนี่ย เกมเนี่ย คนดูเขารอดูอยู่นะครับ เอ้า เร็ว พร้อมยัง ผมจะกดเข้าเกมแล้ว”

“แล้วเราไม่ต้องหอมแก้มกันให้ผู้ชมดูก่อนเหรอ”

ผมหันขวับไปมองเขา เบิกตากว้างทันที “พี่กชว่าไงนะ”

“อ้าว!” รอยยิ้มบนริมฝีปากเขาเปิดกว้างมากขึ้น “ไม่ใช่ว่าเราเตี๊ยมกันไว้แบบนั้นเหรอ”

เฮ้ย! บ้า ไม่ได้เตี๊ยมไว้แบบนั้น! อันที่จริงคือเราไม่ได้เตี๊ยมอะไรกันเลยต่างหาก! พี่พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ย!

“บ้าเหรอพี่ เตี๊ยมอะไร” ผมหันหน้ากลับมาให้กล้อง รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนมาก “พอเลยๆ ผมจะเล่นเกมแล้ว พี่จะพูดอะไรไร้สาระก็ไปที่อื่นนู่น เสียเวลา”

“โธ่เอ๊ย! แค่นี้ก็ทำเป็นเขิน” พูดพร้อมกับยื่นหน้าลงมากดปากลงบนแก้มผมอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว

ส่วนตัวผมน่ะเหรอครับ สะดุ้งเฮือกจนตัวแทบจะลอยไปติดฝ้าเพดานห้องแล้ว ผมมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ที่ยังส่งยิ้มหวานยียวนมาให้อย่างไม่ทุกข์ร้อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เล่นใหญ่ไปแล้ว! เล่นใหญ่ไปแล้วโว้ย!

“พอ! พอเลยพี่ มาเถอะครับ เริ่มเกมกันเลยดีกว่า พี่กชแม่ง เล่นอะไรไม่รู้ ไร้สาระ”

“อ้าว! หอมแก้มแฟนนี่ผิดตรงไหน”

ยัง! ยังไม่เลิกอีก เดี๋ยวอัดคลิปนี้จบนะ เดี๋ยวปั๊ด---

และเมื่อเราทั้งสองคนเข้าสู่บรรยากาศเล่นเกมแบบจริงจัง ไอ้ฉากหวานแหววสีชมพูเมื่อครู่ก็หายวับไป กลายเป็นผู้ชายสองคนที่เคร่งเครียดอยู่กับเกมผี และมือผมก็ชื้นเหงื่อจนเม้าส์ลื่นไปหมดอีกตามเคย

“เฮ้ย มิว ทางนั้น นั่นๆๆ มันอยู่นั่น”

“แล้วพี่จะชี้ให้ผมวิ่งไปหาผีทำไมเล่า”

“มิว เทียนอยู่นั่นไง”

“วิ่งดิมิว! วิ่ง! ผีจะแดกหัว--- อ๊ากกกกกก!/ว้ากกกกกก!”

เสียงผมกับพี่มิวประสานกันอย่างไพเราะ ดีนะที่กำแพงกั้นห้องค่อนข้างหนา ไม่งั้นข้างคงมาเคาะประตูด่าทุกวันที่ผมทำคลิป

อัดไปได้ประมาณสี่สิบนาที ผมก็พูดปิดคลิปเหมือนเดิม ขอบคุณที่พี่กชยังหายใจหอบแฮกๆ จากที่โดนผีตุ้งแช่ใส่อยู่เลยไม่มีเวลามาหยอกผมต่อหน้าคนดูแบบตอนเปิดคลิป

“ให้ตายเถอะ” พี่กชว่าเสียงอ่อย “ไอ้เกมห่านี่มันจะยากเกินไปรึเปล่า แล้วผีมันแต่ละตัวนี่ก็...อื้อหือ!”

“เออ มันยากขึ้นกว่าคราวก่อนหลายเท่าเลย” ผมเห็นด้วย “เทียนก็แทบจะไม่มีให้เห็น ให้ตายสิ! โอ๊ย! มือยังสั่นอยู่เลยอะพี่ ตอนที่อยู่ตรงสุสานเมื่อกี้ผมตกใจจริงๆ นะ แบบ...นึกว่าหัวใจจะวายแล้ว”

“เหมือนกัน” อย่าได้คิดครับเฮียแกจะปลอบ ดีไม่ดีแกกลัวกว่าผมอีก “ทำไมเราต้องมาทรมานทรกรรมเล่นอะไรแบบนี้ด้วยวะ มิว เราเล่นเกมที่มันไม่น่ากลัวไม่ได้เหรอ”

“แต่เกมนี้มันเริ่มไปแล้วนี่ครับ ยังไงก็ต้องเล่นให้จบ” ผมว่า “แต่เดี๋ยวเราหาเกมอื่นมาสลับๆ กันบ้างก็ได้ ว่าแต่...พี่กช ไหนมาอธิบายซิ ไอ้ตอนเปิดคลิปนั่นมันอะไรกัน”

จำเลยของผมส่งยิ้มแหยๆ กลับมาให้ก่อนจะพูดแก้ตัว

“ก็ทำให้มันสมจริงไง มิว พี่ว่าตอนที่ทำนี่เป็นธรรมชาติมากๆ เลยนะ ไม่เชื่อลองเปิดย้อนดู”

“พี่จะเล่นใหญ่อะไรขนาดนั้นครับ” ผมถามพร้อมกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ คิดถึงเรื่องนี้ก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกจนได้ “แค่ที่ผมพูดอย่างเดียวก็มีน้ำหนักมากพอแล้ว หรือที่พี่พูดตอบกลับมานั่นไง ต้องมาหอมก้งหอมแก้ม อูย ให้ตายสิ! ขนลุก”

“ขนลุกจริงอ้ะ” พี่กชแกล้งถามอย่างยียวน แน่ะ ยังไม่เลิกเล่นอีก

“ขนลุกดิพี่ ผมเป็นผู้ชายปกตินะ”

“แหม ก็เห็นหน้าแดง นึกว่าฟิน”

“พี่กช!”

“เออๆ อย่าโวยวายนักเลยน่า” พูดพร้อมกับยีหัวผมอีกแล้ว ให้ตายเถอะ! ผมยุ่งเพราะเขามากี่รอบแล้วเนี่ย! “เห็นว่าเนื้อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนอร่อยดีหรอก ก็ต้องเอาให้คุ้มค่าตัวหน่อยถูกไหม นี่พี่ทำเพื่อมิวเลยนะ”

เออ พูดถึงเรื่องนี้...

“แล้วอาทิตย์นี้พี่อยากกินอะไร”

“อืม” พี่กชคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้น...อยากกินอาหารญี่ปุ่นมื้อหนึ่ง แล้วก็...”

“แล้วก็?” อาหารญี่ปุ่นเหรอ อืม ถ้าไม่ใช่ร้านแพงๆ ก็พอไหว เขาไม่ได้บอกนี่ว่าร้านอะไร เอาแค่ถูกๆ ก็พอมั้ง

“แล้วก็อาหารฝีมือมิว”

“ฮะ!?” เมื่อกี้พี่กชพูดว่าอะไรนะ “อาหาร...ฝีมือผม?”

“ใช่” เขาย้ำพร้อมกับยิ้มกว้าง มันอาจจะดูเป็นรอยยิ้มสดใสนะ แต่ผมว่ามันเหมือนแกล้งกันมากกว่า “พี่เลี้ยงง่ายนะ มิว กินอะไรก็ได้ มิวอยากทำอะไรให้พี่กินล่ะ ข้าวผัดเป็นไง”

ไอ้รุ่นพี่บ้า!

ถ้าจะตั้งเงื่อนไขกันแบบนี้ สู้ให้ผมพาไปเลี้ยงร้านแพงๆ ยังจะดีเสียกว่า

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น