0

บทนำ


 

บทนำ

ปัง!

ปับ ปับ ปับ

“เฮ้ย! เกิด’ไรขึ้นกับลูกกู!!”

บนถนนสายหนึ่งกลางกรุงเทพมหานคร รถยุโรปคันเล็กกำลังแล่นตามคันหน้าด้วยความเร็วเท่าเต่าคลาน เนื่องจากการจราจรที่ติดขัดมาตั้งแต่ช่วงเย็น แต่แล้วเสียงระเบิดก็ดังขึ้นที่ล้อขวาด้านหน้า ตามมาด้วยเสียงแปลกประหลาดของล้อเสียดสีกับพื้นถนน รถก็เริ่มสั่นน้อยๆ ทำเอาคนขับถึงกับร้องลั่น มือจับพวงมาลัยแน่น จะชะเง้อหน้าออกไปนอกหน้าต่างก็ไม่กล้า

ตอนนี้ที่แน่ๆ คือ นายเรนโคตรลน!!!

สำหรับเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีเมื่อสามเดือนที่แล้ว เพิ่งจะสอบใบขับขี่ผ่านไม่นาน เอารถพ่อมาออกถนนได้ไม่ถึงสองเดือนเต็ม เหตุการณ์ยางระเบิดก็เหมือนหายนะดีๆ นี่เอง

ปรี๊นนนนนน

“เชี่ย! อย่าเร่งกู อย่าเร่งกูสิ ต้องทำ’ไรก่อนวะ” 

คนลนทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะแวบขึ้นมาในหัว

เออ ป๋าบอกว่าเกิดห่าอะไรขึ้นก็เปิดไฟฉุกเฉินไว้ก่อน

สมองประมวลได้ปุ๊บ เรนก็กระแทกปุ่มไฟฉุกเฉินปั๊บ ซึ่งเหมือนคันข้างหลังจะเข้าใจความหมาย เพราะเปิดสัญญาณเลี้ยวแซงขึ้นไป จนใจชื้นขึ้น แต่ด้วยความที่รถอยู่เลนกลาง แถมติดมาก จะให้จอดตายตรงนี้ก็ไม่ได้ คนขับมือใหม่จึงพยายามประคองรถไปข้างทาง แต่...

เปาะแปะ เปาะแปะ เปาะแปะ

“เชี่ย!

เรนอุทานได้เพียงคำเดียวจริงๆ เมื่อฟ้ามีซ้ำเติม ปล่อยหยดน้ำลงกระทบกระจกหน้ารถดังเปาะแปะ จนอยากจะชูกำปั้นขึ้นฟ้า ตะโกนถามว่ากูยังซวยไม่พอใช่มั้ย

ตอนนี้รถคันข้างหลังรู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติกับรถเขา แต่...ต้องทำไงต่อล่ะวะ!!!

ในเวลาแบบนี้ ทำได้อย่างเดียวเท่านั้น

“ป๊าาา! ช่วยเรนด้วย”

โทร.หาปะป๊าสุดที่รักไง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เฮือก!

ก่อนที่เรนจะต่อสายหาบิดาสุดที่รัก เขาก็ได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างจนสะดุ้งโหยง แล้วก็หวาดผวาจนตัวสั่นเมื่อหันไปเห็นผู้ชายในชุดหนังสีดำสนิท สวมหมวกกันน็อกสีดำเล่นลายไฟสีแดง คร่อมอยู่บนบิ๊กไบค์คันเบ้อเริ่ม ก้มลงมามองด้วยท่าทางคุกคาม จนบอกตัวเองว่า...ซวยแล้ว!

กูเผลอไปทำห่าอะไรให้หรือเปล่า!

ถ้าเป็นเวลาปกติ เรนคงเร่งความเร็วหนีแม่ง แต่ในสถานการณ์ที่ล้อรถฉีกขาดกระแทกพื้นถนนดังปับๆ เขาก็ทำได้แค่น้ำตาคลอ 

ก๊อก ก๊อก

อีกฝ่ายเคาะแรงขึ้น ชี้นิ้วไปยังล้อรถตัวต้นเหตุ 

“%>€!$^>!€¥¥”

“หะ!”

เรนอุทาน เมื่อเสียงที่ลอดเข้ามาในรถอู้อี้จนฟังไม่รู้เรื่อง เลยเผลอกดกระจกลง ตะโกนฝ่าสายฝน

“พี่ว่าอะไรนะ”

พอเขาถาม อีกฝ่ายก็เปิดหน้ากากหมวกกันน็อกขึ้น เผยให้เห็นแค่ดวงตาคมกริบยังกับตาเหยี่ยว

“ข้างหน้ามีทางเบี่ยง น้องประคองรถไปจอดตรงนั้น เดี๋ยวพี่ดูล้อให้”

“จริงอะ!!!”

เรนถึงกับเหยียบเบรกจมเท้า สองมือเกาะขอบหน้าต่าง ทำตาโต ถามอย่างดีใจ ให้คนมองนิ่งไปนิด แล้วพยักหน้าสองที

“เดี๋ยวพี่ดูหลังให้”

เจ้าของบิ๊กไบค์คันงามว่าแค่นั้น ปล่อยให้เรนประคองรถขึ้นไปข้างหน้า แล้วเลี้ยวรถประกบตามข้างหลัง ทั้งยังช่วยเปิดสัญญาณฉุกเฉินบอกคันหลังอีกแรงว่ารถเสีย ทำเอาคนเพิ่งเจอหายนะค่อยยิ้มออก แต่ก็หุบยิ้มฉับทันทีที่นึกได้

เดี๋ยวนะ ถ้ากูจอดแล้วถูกจี้ล่ะ

หนุ่มเมืองกรุง ที่เห็นข่าวจี้ปล้นในไลน์ที่แม่ส่งมาให้ไม่เว้นแต่ละวันแอบผวา แต่ก็นึกปลอบใจว่าเขาคงไม่เป็นหนึ่งในนั้น แถมแถวนี้รถเยอะแยะ มีเรื่องขึ้นมา รับรองว่าข่าวลงทวิตเตอร์แน่นอน 

เอาวะ ถึงโทร.หาป๊า กว่าป๊าจะมาก็คงเลยเที่ยงคืนแน่ อย่างนี้ต้องเสี่ยงกันสักตั้ง

ความคิดของคนที่มองกระจกส่องหลัง แล้วพบว่าเฮียบิ๊กไบค์กันรถคันอื่นให้เขาเบี่ยงซ้ายง่ายๆ จนมือใหม่หัดขับประคองรถไปถึงทางเบี่ยงโดยสวัสดิภาพ แม้ว่าเสียงปับๆ จะทำให้ประสาทเสียไปบ้างก็ตาม

ตอนนี้จอดรอดแล้ว แต่กูเนี่ยแหละจะรอดจากเฮียบิ๊กไบค์มั้ย

เจ้าของรถแอบเหลือบมองกระจกส่องหลังอีกที แล้วพบว่าเฮียเสื้อหนังกำลังเอาบิ๊กไบค์คันงามมาจอดกันรถคันอื่นให้ด้านหลัง เปิดสัญญาณไฟให้รถอื่นที่เลี้ยวมารู้ว่าตรงนี้มีรถเสีย จากนั้นก็ก้าวยาวๆ เข้ามาชิดกับด้านข้างคนขับ ก้มลงเคาะกระจกจนเด็กหนุ่มสะดุ้ง

“ครับพี่”

“ล้อยางแตก น้องมียางสำรองมั้ย”

เอาวะ คนดีไม่ไร้เท่าใบพุทรา!

แม้จะไม่ไว้ใจเฮียแกเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเขามอบความปรารถนาดีมาให้ ก็ช่างหัวข่าวจี้ปล้นกับภัยอันตรายที่หม่าม้ากรอกหูทุกวันไปก่อน เรนเลยเดินลงมาเปิดกระโปรงท้าย ชี้ให้อีกฝ่ายเห็นล้อสำรองกับอุปกรณ์ช่างครบครัน แต่บอกตรงๆ ว่าทำเองไม่เป็นหรอกนะ…

            ทั้งหมดนี่ของป๊าทั้งนั้น

            “แบบนี้ใช้ได้มั้ยพี่”

            “น้องเคยเปลี่ยนยางมาก่อนมั้ย”

            ขวับๆ

            “ก็ว่างั้น”

            เฮียบิ๊กไบค์พึมพำ เหลือบมองฟ้า

            “งั้นน้องไปรอในรถ ฝนทำท่าจะตกหนักกว่าเดิม ตรงนี้พี่ทำให้”

            “แต่...”

            “ทำไม่เป็น อยู่ไปก็เกะกะ”

            ก็สอนสิวะ!

            เรนก็อยากจะสวนกลับหรอกนะ แต่พอเห็นสายตาคมที่จ้องมา บวกกับสายฝนที่รินรดกลางกระหม่อมหนักหน่วงขึ้น เขาก็จนปัญญาจะเถียง ได้แต่ก้าวขึ้นรถอย่างว่าง่าย ปล่อยให้พี่แกเอาแม่แรงไปยกรถด้านหน้า แล้วเชื่อมั้ย จับสองสามที เรนก็รู้สึกว่ารถเขาเผยอหน้าขึ้นอย่างง่ายดาย บอกได้เลยว่าโคตรมืออาชีพ

            ซ่า ซ่า...

            ทว่าสายฝนก็ยังไม่เป็นใจ จนเรนได้แต่ชะเง้อคอมองอีกฝ่ายอย่างกังวล ก็ถ้าพี่แกไม่มีเสื้อหนังกันน้ำ  กับหมวกกันน็อกสุดเท่ ป่านนี้คงเปียกชุ่มโชกไปทั้งหัวทั้งตัวแล้วแน่ แต่นั่นไม่ได้หมายรวมถึงกางเกงที่คงชุ่มถึงข้างใน จนเด็กหนุ่มตัดสินใจปีนไปเบาะหลัง คว้าร่มออกมากางนอกรถ

            ฟึ่บ!

            “ถึงผมจะช่วยพี่เปลี่ยนล้อไม่เป็น แต่ผมก็ถือร่มให้พี่ไม่เปียกได้นะ...มีอะไรให้ผมช่วยอีกมั้ย”

            เด็กหนุ่มยื่นร่มไปกางบังสายฝนให้ด้วยความเป็นห่วง ก้มหน้าถามคนที่เอาล้อรถเก่าออกมาแล้ว และกำลังเอาล้อสำรองเข้าไปแทนที่อย่างคล่องแคล่ว จนทางนั้นเงยหน้าขึ้นสบตา ซึ่งหากไม่ได้คิดไปเอง เขาคิดว่าเฮียบิ๊กไบค์กำลังยิ้ม เพราะแววตาดูอ่อนลง จากนั้นอีกฝ่ายก็ก้มลงอีกครั้ง ถอดหมวกกันน็อกออก

            “น้องถือให้พี่ที”

            เรนรีบรับหมวกกันน็อกมาอุ้มไว้ด้วยมือเดียว ลอบสังเกตคนที่ก้มหน้าไขนอตให้เข้าที่ จนไม่เห็นหน้าตา พบเพียงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่มาก ไหล่กว้างมาก เวลาขยับไขควงที กล้ามเนื้อสะบักนี่เคลื่อนไหวจนเห็นได้ชัดแม้ว่าจะมีเสื้อหนังคลุมทับไว้ ผมสีเข้ม แถมยังยาวพอที่จะมัดเอาไว้ลวกๆ ที่ท้ายทอย ดูเซอร์ ดูเถื่อน และดูแมนจนได้ใจคนมองไปเต็มๆ

            ตอนนี้เรื่องถูกจี้ปลิวหายไปจากหัว มีเพียงความคิดขอบคุณแถม...โคตรเท่!

            ผู้ชายตัวโตๆ ขับบิ๊กไบค์ แถมเปลี่ยนล้อเป็นนี่มันโคตรแมนเลยว่ะ!

            เด็กหนุ่มเหลือบไปมองบิ๊กไบค์คันงาม แล้วหันกลับมามองคนที่อาสามาเปลี่ยนล้อให้เขาอย่างซึ้งใจ แม้พี่แกจะตาดุไปนิด พูดตรงไปหน่อย แต่เขาจะโชคดีเจอคนดีมาช่วยเหลือแบบนี้สักกี่ครั้งในชีวิตเชียว จนริมฝีปากได้รูปเริ่มขยับเป็นรอยยิ้มกว้าง

            “ขอบคุณมากนะครับพี่ ถ้าพี่ไม่ช่วย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง”

            “ถ้าจะขับรถก็หัดเรียนรู้วิธีดูแลรถเอาไว้ด้วย อย่าสักแต่ขับ หนหน้ามีปัญหา อย่างน้อยจะได้แก้ปัญหาเองได้ เอาละ เสร็จแล้ว” เรนรู้สึกเหมือนถูกด่า แต่เมื่อรถกลับมาแล่นได้อีกครั้ง เขาก็เลยปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นลอยผ่านหู มีเพียงความดีใจจะได้กลับบ้านไปอาบน้ำนอนสักที จนพยักหน้าหงึกๆ ฟังคำสั่งสอนแต่โดยดี

            ขณะที่อีกฝ่ายก็จัดการถอดแม่แรงออก ยืนขึ้นเต็มความสูง และนั่นทำให้เรนรู้สึกว่าเขาตัวเล็กไปจม แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สะดุดใจเขาที่สุด แต่เป็น...ใบหน้าคมที่หันกลับมาสบตา

            “...”

            “ถอยไปสิน้อง พี่จะได้เอาล้อนี่ไปเก็บให้”

            ฟึ่บ!

            เด็กหนุ่มถอยหลังหนึ่งก้าว ขณะที่ยังจ้องหน้าอีกฝ่ายตาโต

            ส่วนพี่บิ๊กไบค์ก็ยกล้อที่ฉีกขาดขึ้นเก็บท้ายรถอย่างทะมัดทะแมง จากนั้นก็ยื่นมือมาตรงหน้า

            “ขอหมวกกันน็อก”

            หากแต่เรนหลุดออกมาได้แค่...

“หล่อสัส!

            เด็กหนุ่มมั่นใจว่าต่อให้เป็นเดือนคณะปีนี้มามอง ก็อุทานแบบเดียวกัน!

            ในเมื่อพี่บิ๊กไบค์โคตรเซอร์ที่มีผมยาวจนมัดไว้ที่ท้ายทอยได้ไม่เพียงแค่สูงเท่านั้น พอถอดหมวกกันน็อกนี่มึงเอ๊ย! ตาคมยังกับเหยี่ยวที่เห็นตอนแรก พอประกอบเข้ากับคิ้วเข้ม จมูกอย่างโด่ง แล้วก็ริมฝีปากบาง ภายในกรอบหน้าคมที่มีไรหนวดจางๆ มันออกมาดูดีเสียจนอยากตะโกนให้ลั่นโลกว่า ต้องเสียเท่าไหร่ ถึงจะได้ความหล่อเข้มแบบนี้มาครอบครอง

            ถ้าหล่อแบบนี้นะมึง จีบสาวไหนก็ติด

            “ขอบใจ”

            คนอยากหล่อรู้สึกตัวทันควันว่าเพิ่งหลุดเพ้อออกมา ได้แต่ตะครุบปากตัวเองเสียงดังเหมือนโดนตบ เหลือแค่ดวงตาเลิ่กลั่กที่เพิ่งรู้ตัวว่าไปชมคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอครั้งแรก แถมเพ้อซะเหมือนเพื่อนสาวในคณะเวลาเจอหนุ่มหล่อ และนั่นก็ทำให้คนหน้านิ่งเผยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจ...กระตุก

            “ขอบคุณสำหรับคำชม แล้วพี่ก็ขอนี่คืน”

            กึก!

            เรนตัวแข็งทื่อ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่นึกอยากได้มาประดับหน้าตัวเองโน้มเข้ามาจนแทบจะชิดแก้ม ตกใจจนเกือบจะผลักอกอีกฝ่าย ถ้าไม่ใช่เพราะมือใหญ่เลื่อนมาดึงหมวกกันน็อกคืน ขณะสายลมที่พัดมาพร้อมกับสายฝนก็พากลิ่นน้ำหอมแบบสปอร์ตแมนลอยเข้าเต็มจมูก จนเด็กหนุ่มรู้ตัวเลยว่าเขาเผลอหลบตา

            หลบทำไมไม่รู้ รู้แต่ว่าข้างในอกนี่สั่นฉิบหาย

            พี่สุดหล่อกลับไปยืนตัวตรงอีกครั้ง แล้วสวมหมวกกันน็อกเข้าที่ นั่นแหละที่พอจะทำให้เรนหายใจหายคอคล่องขึ้นบ้าง

            “ส่วนน้องก็อย่าเอาล้อรถไประเบิดเล่นข้างทางอีกล่ะ รีบกลับได้แล้ว ฝนตกแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่สบาย” คนฟังรีบพยักหน้าไวๆ แต่ละล้าละลังว่าควรจะรอพี่เขาไปก่อนดีมั้ย

            “ขึ้นรถสิ เร็ว พี่จะได้รีบไปเหมือนกัน”

            “ครับๆ ขอบคุณนะครับ”

            เรนรีบกุลีกุจอขึ้นรถตามคำสั่ง ยัดร่มเปียกๆ ไว้ที่วางเท้าข้างคนขับ เหลือบมองกระจกส่องหลังอีกที แล้วพบว่าพี่ตัวสูงขึ้นไปคร่อมเหนือบิ๊กไบค์คันงามแล้ว แต่ยังไม่ไป ซึ่งถ้าเขาไม่ได้คิดเองเออเอง ดวงตาด้านหลังหน้ากากหมวกกันน็อกกำลังมองตรงมาที่รถของเขา ขณะที่สายฝนยิ่งตกหนักขึ้น จนรู้เลยว่าถ้าเขาไม่ไปก่อน พี่พลเมืองดีก็คงยังไม่ไปเหมือนกัน ดังนั้นเลยรีบสตาร์ทรถ แล้วบังคับให้มันแล่นออกไปด้วยแววตาที่พราววิบวับ ปากกลั้นยิ้มไม่อยู่

            เด็กหนุ่มมองกระจกส่องหลังอีกที แล้วพบว่าอีกฝ่ายยกมือขึ้นทำนองลา จากนั้นก็เร่งเครื่องบิ๊กไบค์สุดเท่ไปทางเบี่ยงออกทางคู่ขนาน แล้วแล่นจากไป ส่วนเขาน่ะเหรอ...

                “เท่ฉิบหาย!!!”

            ทำได้แค่ตะโกนลั่นรถอย่างตื่นเต้น รู้สึกว่าเพิ่งเห็นพระเอกขี่ม้าขาวตัวเป็นๆ ก็ครั้งนี้ แต่นี่เท่กว่า เพราะพระเอกปี 2018 ขับบิ๊กไบค์ Ducati เลยเชียวนะ!!!

            ผู้ชายอะไรวะ โคตรเท่เลย!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น