6

บทที่ 6


6

แคทเธอรีน คีย์

 

สวัสดิการพนักงานที่ไอรีนเพิ่งรู้ว่าจัดพิเศษให้เธอคนเดียวไม่ได้ทำให้เธอดีใจ เพราะมันเป็นสวัสดิการเรื้อรังที่เข้ามาพัวพันชีวิตทุกสุดสัปดาห์ และเป็นคำสั่งส่งตรงจากเรมิงตันให้เข้าไปฝึกซ้อมยิงปืนทุกสัปดาห์ แถมต่อด้วยคลาสเรียนป้องกันตัวพื้นฐานที่ให้วินเชสเตอร์สลับกับเอ็มมาเป็นครูฝึกสอน

ไอรีนรู้สึกเหมือนเธอกำลังฝึกเตรียมสอบเข้าเป็นว่าที่ตำรวจหญิงเข้าไปทุกที เสียแต่ว่าฝั่งที่เธอทำงานให้ดันอยู่ฝั่งตัวร้าย ไม่ใช่ตำรวจ

นี่คงไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอออกงานภาคสนามใช่ไหม

ความสงสัยของเธอได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะยกใหญ่ เรมิงตันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่านัยน์ตาวิบวับที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้ร้อนๆ หนาวๆ เหมือนไปชี้โพรงให้กระรอกยังไงยังงั้น

หลังจากสร้างความปั่นป่วนให้เธอเสร็จ เรมิงตันก็ยื่นกล่องใบเล็กมาให้ราวกับจะปลอบใจ ไอรีนสะบัดหน้ามองเมิน แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ง้อ แถมทำท่าจะเก็บกลับคืน เธอก็จำใจต้องรีบคว้ากล่องนั้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว

ไม่ได้งกนะ...กลัวคนให้จะเสียน้ำใจหรอกน่า

ตาเป็นประกายขำขันส่งมาพร้อมกับที่เจ้าของกล่องพยักพเยิดให้เธอเปิดดู ไอรีนจึงค่อยๆ ปลดล็อกสลักด้านข้าง และเปิดฝากล่องขึ้นมา...

...อาวุธป้องกันตัวประสิทธิภาพสูงนอนสงบนิ่งอยู่ในกล่องใบเล็กนั้น

ไอรีนค่อยๆ หยิบขึ้นมาสำรวจอย่างพิถีพิถัน มันไม่ใช่ Glock แบบที่เรมิงตันบอกวันนั้น แต่เป็น KAHR P380 ปืนพกกึ่งอัตโนมัติที่มีน้ำหนักเบากว่าที่คิด สไลด์เป็นสเตนเลสสวยงาม ขนาดเล็กเหมาะมือทำให้พกซ่อนได้ดี

และโครงปืนเป็นสีชมพู...

อ่า...เธอคิดว่าเขาพูดเล่น ไม่คิดว่าจะทำมาจริงๆ

ช่วยให้เกียรติความน่าเกรงขามของปืนสักนิดได้ไหม

และจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้เจ้า KAHR เป็นปืนคู่ใจในการไปฝึกซ้อมทุกสัปดาห์

 

วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ที่เธอมีตารางฝึกซ้อม ไอรีนจัดการตัวเองเสร็จก็ออกมาเตรียมกินอาหารเช้าอย่างทุกวันก่อนที่จะมีผู้ช่วยเรมิงตันคนใดคนหนึ่งมารับไปสนามซ้อมที่บ้าน

ทว่าวันนี้กลับต่างออกไป...

ความแปลกใจฉายวาบผ่านดวงตาเมื่อเห็นหญิงสาวปริศนานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอคนนั้นนั่งหันหลังทำให้ไอรีนไม่เห็นใบหน้า ทว่าจากท่าทางแล้ว แม้จะเป็นด้านหลัง เธอก็บอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องสวยมากทีเดียว

ทันทีที่เดินเข้าไปราวกับอีกฝ่ายก็มีตาหลัง ใบหน้าที่หันกลับมาทำให้ไอรีนนิยามคนตรงหน้าสั้นๆ ว่า...นางฟ้า

และทันทีที่นางฟ้าเห็นเธอก็ลุกขึ้นยืนขยับริมฝีปากยิ้มทักทาย รอยยิ้มที่ส่งมาสดใสทำให้คนมองตาพร่า อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ไอรีนเห็นขาเรียวยาวที่พ้นออกมาจากกระโปรงสั้นจนต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก และทันทีที่นางฟ้าหยุดลงตรงหน้า เธอก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะคนตรงหน้าคือนางฟ้าตัวจริง

สิ่งที่พีอาร์อย่างเธอไม่เคยพลาดคือการเสพไอเดียในการโพรโมตสินค้าของแบรนด์ต่างๆ ยิ่งเป็นแบรนด์ระดับอินเตอร์ยิ่งไม่พลาด เพราะมักจะมีเทคนิคใหม่ๆ มาล่อลวงดึงดูดกลุ่มเป้าหมายตลอด ทำให้คนเอามาประยุกต์ใช้และตกเป็นเหยื่อได้ในคราวเดียวกัน

เรียกว่าเธอคนหนึ่งนี่ละที่เป็นเหยื่อของการตลาด...อย่างเต็มใจซะด้วยสิ

ใบหน้าอันคุ้นเคยที่ราวกับหลุดมาจากรันเวย์ของแบรนด์ระดับอินเตอร์ชื่อดังทำให้ไอรีนแอบหยิกหลังมือว่าฝันไปหรือเปล่า ความเจ็บที่แล่นปราดและประโยคแนะนำตัวของคนตรงหน้าบอกให้รู้ว่า...เรื่องจริง

“แคทเธอรีน คีย์...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

 

เสียงพูดคุยบนโต๊ะอาหารทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินเข้าไปขมวดคิ้วอย่างสงสัย เสียงหนึ่งแน่นอนว่าเป็นของเพื่อนร่วมห้องที่คุ้นเคย ทว่าอีกเสียงหนึ่งที่ได้ยิน...แม้จะคุ้นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่กลับนึกไม่ออกว่าใคร

เรมิงตันก้าวเดินเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบนัก และทันทีที่ภาพตรงหน้าปรากฏสู่สายตา ขาสองข้างก็หยุดชะงัก

หญิงสาวสองคนกำลังคุยกันท่าทางสนุกสนาน คนหนึ่งผมสีเงินราวกับภูต อีกคนผมสีทองเหมือนนางฟ้า เขาอยากจะขยี้ตาสักรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดไป

นี่ยังเป็นห้องในโรงแรมใช่ไหม หรือว่านิยายแฟนตาซี?

“พี่เรย์ คิดถึงจังเลยค่ะ” แคทเธอรีนรีบลุกไปกระโจนสวมกอดชายหนุ่มผู้มาใหม่ทันที เสียงใสเอ่ยทักอย่างดีใจ

ร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนทำให้เรมิงตันตั้งสติได้ ชายหนุ่มผละออกมาเล็กน้อยเพื่อมองหญิงสาวตรงหน้าให้ชัด

“เคธ มาได้ไง” น้ำเสียงแปลกใจกึ่งดีใจทำให้หญิงสาวชื่อเคธยิ้มกว้าง จนเรมิงตันอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

“เซอร์ไพรส์!”

“หึๆ มาทำงานที่นี่ละสิ อย่าคิดว่ารู้ไม่ทัน” เรมิงตันบีบจมูกเชิดๆ ของคนตรงหน้าอย่างมันเขี้ยว

“แล้วทำไมไม่บอก จะได้ให้เอ็มไปรับ” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถาม

หญิงสาวเบ้ปาก ขมุบขมิบบ่น...แบบนั้นจะเรียกเซอร์ไพรส์ได้ยังไงล่ะ

แต่เมื่อปลายสายตาเหลือบไปเห็นอีกหนึ่งคนที่ถูกลืมไปเสียสนิท ดวงตากลมโตจึงหลุบลง รอยยิ้มกดลึกผุดขึ้นมุมปากก่อนจะเลือนหายไป

“ก็อยากมาเซอร์ไพรส์ไงคะ ไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายเซอร์ไพรส์ซะเองนะเนี่ย แอบเก็บเมียเอาไว้ก็ไม่บอก” เคธขยิบตาหนึ่งข้าง เอ่ยน้ำเสียงเย้าแหย่

“แค็กๆๆ” เรมิงตันสำลักน้ำลายตรงคำว่าเมียที่ได้ยิน ปรายตาดุมองคนพูดอย่างปรามๆ ในขณะที่คนถูกทึกทักว่าเป็นเมียสะดุ้งสุดตัว

ไอรีนมองนางฟ้าของเธอที่พูดคำว่า ‘เมีย’ ออกมาได้อย่างไม่เคอะเขิน อุปาทานว่าเห็นเขี้ยวกับหางงอกออกมา... นี่นางฟ้าหรือเดวิล?

ว่าแต่ ‘เมีย’ งั้นเหรอ

“เฮ้ย! ไม่ใช่!” เมื่อตั้งสติได้ก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธไป แต่ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงเพียงแค่มองมาอย่างขำๆ อย่างไม่เชื่อถือ เธอจึงส่งสายตาให้เรมิงตันเพื่อขอความช่วยเหลือ

อาการปฏิเสธแรงของหญิงสาวทำให้เรมิงตันหรี่ตามอง เป็นเมียเขาไม่ดีตรงไหน อารมณ์เสียหน้าที่เป็นฝ่ายถูกปฏิเสธทำให้ชายหนุ่มมองเมินสายตาขอความช่วยเหลือนั่น

เหอะ...แก้ตัวเอาเองก็แล้วกัน!

สีหน้าราวกับจะร้องไห้ของหญิงสาวผมสีเงินทำให้แคทเธอรีนหลุดขำออกมา เธอไม่เคยเจอใครตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธเรย์ขนาดนี้มาก่อน และก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธแบบนี้มาก่อน...น่าสนใจ

“ล้อเล่นค่ะ” สุดท้ายแคทเธอรีนก็ยอมหยุดแกล้งหญิงสาวตรงหน้า และเมื่ออีกฝ่ายถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอก็ยิ่งรู้สึกขำขัน...

...ขำขันสายตามองค้อนของเรมิงตันที่มองไปยังคู่กรณี

“มาถึงก็สร้างเรื่องเลยนะเรา” เรมิงตันหันมาดุ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ปิดความเอ็นดูในน้ำเสียงไม่มิด ทำให้นอกจากคนโดนดุไม่สลดแล้ว ยังยิ้มหน้าบานเดินมาเกาะแขนลากเขาไปนั่งยังเก้าอี้หัวโต๊ะ

“หิวจังเลยค่ะ”

เรมิงตันยิ้มอ่อนกับท่าท่างออดอ้อนของแคทเธอรีน แต่ก็ยอมนั่งลงเปิดประเดิมอาหารมื้อเช้าแต่โดยดี

เมื่อเห็นทุกคนนั่งลงพร้อมกันแล้ว ชายหนุ่มจึงแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ถึงแม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจว่าสองสาวคงทำความรู้จักกันไปก่อนหน้าแล้วก็ตาม

“นี่แคทเธอรีน น้องสาวผม” เรมิงตันผายมือไปทางหญิงสาวผมสีบลอนด์ทอง นัยน์ตาสีฟ้า

ไอรีนเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะเป็นน้องสาวเขา เมื่อครู่ที่ทักทายกัน เธอรู้แค่ว่าหญิงสาวคนนี้คือ แคทเธอรีน คีย์ นางแบบแบรนด์ชุดชั้นในระดับอินเตอร์ การมาที่ไทยของหญิงสาวคนนี้ไม่แปลก เพราะเธอได้ข่าวว่าจะมีการเปิดตัวออฟฟิเชียลสโตร์ของแบรนด์นี้อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ เจ้าตัวคงข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้

สาวสวยขนาดนี้นอกจากมาทำงานแล้วยังแวะมาเซอร์ไพรส์ชายหนุ่มถึงที่พักอย่างเป็นการส่วนตัว คำว่า ‘น้องสาว’ จึงไม่เคยอยู่ในสารระบบ

“เรียกเคธเหมือนเรย์ก็ได้ค่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเองกับรอยยิ้มที่ส่งมาอย่างเป็นมิตรทำให้ไอรีนส่งสายตาขอโทษขอโพยที่เข้าใจผิด คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ควงของบอสไปซะนี่

“ยินดีที่ได้พบค่ะคุณเคธ บนรันเวย์ว่าสวยแล้ว ตัวจริงคูณสิบไปเลยค่ะ” ไอรีนฉีกยิ้มกว้าง ไม่สนใจเสียงร้อง ‘เหอะ’ ในลำคอของคนเป็นบอสที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

บอสเป็นเด็กขี้อิจฉา

“นี่ไอรีน พีอาร์ของพี่” เรมิงตันแนะนำไอรีนให้น้องสาวได้รู้จัก เน้นน้ำหนักไปยังตำแหน่งให้ชัดเจน

เคธไม่สนใจเสียงเข้มที่เน้นตำแหน่งพีอาร์ แต่กำลังกลั้นยิ้มกับคำพูดแสดงความเป็นเจ้าของที่คนพูดดูจะเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ของพี่...

จ้ะ...ของของเรย์ เคธไม่คิดจะยุ่งหรอก

 

วันนี้ไอรีนต้องมาซ้อมยิงปืนและฝึกป้องกันตัวที่บ้าน หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เรมิงตันจึงชวนแคทเธอรีนมาด้วยกัน อีกฝ่ายไม่มีธุระอะไรอยู่แล้วจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย ตอนนี้ไอรีนกำลังซ้อมยิงปืนกับเอ็มอยู่สนามด้านหลัง เรมิงตันจึงพาหญิงสาวอีกคนสำรวจรอบบ้าน

“ที่นี่ยังเหมือนเดิมใช่ไหม” เรมิงตันเปรยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้ากวาดสายตาสำรวจรอบบ้าน แววตารำลึกถึงความหลัง

“ค่ะ” รอยยิ้มน้อยๆ ของหญิงสาวแต้มมุมปากยามรำลึกถึงความหลัง

ตอนเด็กเธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ วิ่งเล่นไปทั่ว หลับตาเดินก็จำได้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน มีเรมิงตันเป็นทั้งพี่ชายที่คอยตามใจ และเป็นทั้งพ่อที่คอยอบรมสั่งสอน บ้านหลังนี้จึงเป็นความทรงจำที่ดีงาม...ความทรงจำที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นยามนึกถึง เป็นบ้านสำหรับเด็กไร้บ้านอย่างเธอ

แคทเธอรีนไม่เคยลืมว่าเธอมีชีวิตแบบทุกวันนี้ได้เพราะใคร

ฉนวนกาซา...อาณาบริเวณเล็กๆ กินพื้นที่แค่ 360 ตารางกิโลเมตร เขตแดนที่ถูกกำหนดขึ้นให้คล้ายกับเขตกันชนระหว่างสองฝ่าย อิสราเอลกับอียิปต์ ดินแดนทุรกันดารที่ผู้อยู่อาศัยส่วนมากเป็นผู้ลี้ภัย มีชีวิตความเป็นอยู่ลำบาก เหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ...ที่ที่เรมิงตันเก็บเธอมา

เรมิงตันเล่าให้ฟังยามที่เธอรู้ความว่า เขาเจอเธอตอนอายุประมาณสองสามขวบ เด็กตัวเล็กๆ ผิวขาวที่บังเอิญเจอทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะเป็นเด็กที่มีลักษณะออกมาทางโซนยุโรป ต่างไปจากคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเธอมองตามเขาตาไม่กะพริบ เดินพันแข้งพันขาจนน่ารำคาญ ชายหนุ่มคิดจะพาเธอส่งกลับหาผู้ปกครอง ทว่าก็ไม่มีใครเหมือนเธอ

ความที่รูปลักษณ์ไม่เหมือนคนแถวนั้นทำให้เรมิงตันคาดเดาว่าเธออาจจะโดนจับตัวมาเพื่อส่งขายต่อ ครอบครัวไม่น่าจะมีใครเหลือรอด และพระเจ้าคงเอ็นดูเธอพอสมควร เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เพิ่งจบอาจจะเป็นสาเหตุให้กลุ่มค้ามนุษย์แตกกระเจิงไป เธอจึงได้หลุดรอดออกมาเจอกับเรมิงตัน

ดวงตากลมโตใสซื่อเป็นประกายที่มองสบตาชายหนุ่มไม่ยอมหลบในครานั้น ทำให้เรมิงตันรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายเป็นครั้งแรก เขาจึงตัดสินใจเก็บเธอกลับมา และตั้งชื่อให้เธอว่า แคทเธอรีน...ความบริสุทธิ์

ยามนั้นเรมิงตันเพิ่งส่งมอบอาวุธให้ทางการและกองกำลังของทั้งสองฝั่งเสร็จสิ้น สารภาพตามตรงว่าพอเล่ามาถึงจุดนี้ เธอได้แต่อ้าปากค้าง นึกอยากถามพระเจ้าว่านี่เอ็นดูแล้วใช่ไหมถึงให้เธอมาอยู่ในน้ำมือของพ่อค้าอาวุธ

ตอนนั้นเธอหวาดกลัวเรมิงตันไปเป็นสัปดาห์ เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่กล้าออกมา แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ทำให้คิดได้ว่าหากเขาโหดร้ายจริง คงไม่เก็บเธอมาแล้วเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ขนาดนี้ จึงยอมออกจากห้องมาเจออีกฝ่าย

‘โตแล้วนะเราน่ะ’

นั่นคือคำพูดยามที่ชายหนุ่มเห็นเธอเปิดประตูห้องออกมา ไม่มีคำว่ากล่าว ไม่มีอาการเคืองโกรธ มีแต่แววตาอบอุ่นเอ็นดูที่ทอดมองมาอย่างเข้าใจ และมันทำให้เธอได้รู้ว่าพ่อค้าอาวุธไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลวเสมอไป

เรมิงตันบอกว่าเขาเป็นคนขาย ถึงไม่ซื้อจากเขา พวกคนที่อยากได้ก็ต้องขวนขวายหาซื้อจากที่อื่นอยู่ดี ปัญหานี้ไม่ได้จบง่ายแค่การไม่ขายอาวุธให้ เขาเลือกที่จะขาย แต่ขายให้ใครมากน้อย ถูกหรือแพง ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของคนพวกนั้น อ้อ...และอารมณ์ของเรมิงตันเป็นสำคัญ

ฟังมาถึงตรงนี้เธอก็หัวเราะคิก...นั่นละเรย์ของจริง

เรมิงตันคือผู้มีพระคุณ คือคนที่มอบชีวิตใหม่ให้เธอ

“คิดถึงก็กลับมา”

เสียงนุ่มทุ้มดึงให้แววตาเหม่อลอยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แววตาอบอุ่นที่มองมาทำให้ตะกอนในอดีตที่ฟุ้งขึ้นมาในใจละลายหายไป

“ไม่หรอกค่ะ เคธเป็นนางฟ้าอยู่บนรันเวย์สวยๆ น่ะดีแล้ว จะกลับมาให้เรย์ใช้แรงงานทำไมกัน” หญิงสาวหันมาย่นจมูกใส่พี่ชาย เรมิงตันส่งเธอไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่ไฮสกูล หลังเรียนจบเธอคิดไว้ว่าจะกลับมาช่วยชายหนุ่มดูแลธุรกิจ ทว่ากลับได้งานในวงการก่อน แล้วเธอก็ชอบมันซะด้วยสิ

“หึ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอขำท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่เจ้าตัวแสดงออก เพราะมันช่างตรงข้ามกับมาดนางพญายามอยู่บนรันเวย์

“รอบนี้มากี่วัน” เรมิงตันถามขึ้น

“น่าจะสองอาทิตย์ได้นะ งานเปิดตัวมีอาทิตย์หน้านู่น”

“ดีเลย...มีของจะฝากกลับ”

เคธเบะปาก เธอคิดว่ารู้ดีเชียวละว่า ‘ของ’ ที่เรมิงตันจะฝากคืออะไร และฝากให้ใคร

เธอไม่ได้มีหน้าที่ขนส่งสินค้าให้ใคร และเรมิงตันก็ไม่เคยคิดให้ทำแบบนั้น ทว่าของรายนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะหากคนคนนี้ต้องการของ เรมิงตันจะเป็นฝ่ายไปส่งเอง หรือเป็นเธอหากบังเอิญมาในช่วงนั้นพอดี อย่างเช่นตอนนี้

“เยอะไหม”

“ไม่หรอก เอาปนๆ ไปกับพรอปได้อยู่”

“ส่งที่ไหน”

“เดี๋ยวเขาไปเอาเอง”

อาการถอนหายใจเฮือกอย่างไม่คิดเก็บท่าทีของหญิงสาวไม่ทำให้เรมิงตันแปลกใจ เพราะ ‘เขา’ ที่จะเข้าไปเอาของมักจะมีประเด็นให้ลับฝีปากกับเคธประจำ

“ดองไว้สักเดือนได้ไหม” ถามน้ำเสียงเหนื่อยใจทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้

“ก็ลองดูแล้วกัน” เรมิงตันตอบกลับขำๆ แล้วก็ได้ค้อนกลับมาจากเคธ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าครั้งหนึ่งเคธเคยหมั่นไส้คนที่มารับของ จึงทำตัววุ่นวายติดงานหายหน้าไปเป็นเดือน ไม่รู้ว่าสุดท้ายไปจบอย่างไรเจ้าตัวถึงได้โทร. ข้ามน้ำข้ามทะเลมาฟ้องให้เลิกส่งของ หรือขึ้นราคาของที่จะส่งให้อีกฝ่าย

“ไปส่งเองเลยไหม” เคธนึกถึงดวงตาสีอัลมอนด์ของคนที่จะมารับของแล้วก็ให้นึกเคืองคนฝาก

“ไม่ละ แก่แล้วนั่งนานๆ เมื่อย” แค่นึกถึงระยะเวลายาวนานกว่าสิบแปดชั่วโมง เรมิงตันก็ปวดเมื่อยตามตัวขึ้นมาทันที

เคธเบะปากใส่คนแก่ คนอย่างเรมิงตันซึ่งมีเครื่องบินส่วนตัวช่างกล้าพูดว่าต้องนั่งเครื่องนาน ในนั้นมีทั้งห้องนอนห้องน้ำ ประหนึ่งบ้านเคลื่อนที่ มีอะไรให้เมื่อย

“พาไอรีนไปเที่ยวไง” เคธพยักพเยิดไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินมา

ผมสีเงินที่บัดนี้ถูกรวบขึ้นไปเป็นหางม้ากวัดแกว่งไปมายามก้าวเดิน ดวงตาเรียวเฉี่ยวเป็นประกายแจ่มใส ใบหน้าขาวแดงระเรื่อขับให้หญิงสาวดูราวกับตุ๊กตา ริมฝีปากส่งยิ้มพร้อมโบกไม้โบกมือมาให้ เคธมองท่าทางมีชีวิตชีวาของไอรีนแล้วก็ชักอยากขโมยใส่กระเป๋ากลับไปด้วย

“ชอบเหรอ” เรมิงตันทักขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวมองไอรีนตาเป็นประกาย

“ถูกชะตาน่ะ ว่าแต่ให้มาเป็นแค่พีอาร์จริงๆ เหรอ” เคธดึงสายตากลับมามองพี่ชายอย่างจับผิด

เธอไม่อยากเชื่อ ไม่สิ...มันไม่น่าเชื่อตั้งแต่เรย์มีพีอาร์แล้ว ถ้าเป็นของโรงแรมหรือธุรกิจอื่นก็คงไม่น่าแปลกใจ แต่นี่มันไม่ใช่...

เรมิงตันยิ้ม...จริง อย่างน้อยตอนแรกเขาก็คิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน

“คิดว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มเลือกถามกลับแทน บางทีสายตาคนนอกอาจมองอะไรได้ชัดกว่า

“ไม่รอด...” เคธส่ายหัวตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

ไม่ได้อยู่ไม่รอดนะ...

...เธอหมายถึงไม่น่ารอดจากน้ำมือเรมิงตันไปได้ สายตาของพี่ชายทำไมเธอจะมองไม่ออก ตอนนี้เจ้าตัวดูจะยังไม่รู้สึกตัว แต่เรมิงตันไม่ใช่คนโง่ ถ้าเขารู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อไรละก็ หญิงสาวผมสีเงินคนนั้นไม่รอดไปจากมือเขาแน่ๆ

เอ๊ะ...หรือว่าจะเป็นเรมิงตันกันแน่นะที่ไม่รอด?

“ชัดขนาดนั้นเชียว?”

“ชัดมาก ชอบเหรอ” คราวนี้เคธเป็นฝ่ายถามกลับ

“หึๆ” เรมิงตันหัวเราะในลำคอ ตามองไปยังร่างบางที่กำลังเดินมา เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าบางสิ่งบางอย่างในตัวเธอทำให้เขาสนใจ

ของแบบนี้ก็ต้องดูกันไปยาวๆ

“ระวังเจ้าตัวรู้เข้าจะโดดหนีหายไป” เคธมองท่าทางของเรมิงตันแล้วเอ่ยปากเตือน ถึงสีหน้าชายหนุ่มจะยิ้มแย้ม แต่ตาวาววับราวกับจ้องมองเหยื่อ

“แล้วต้องทำยังไง” เรมิงตันเลิกคิ้วน้อยๆ เป็นเชิงถาม

เคธกระตุกยิ้มมุมปาก น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “จับไว้อย่าให้หลุดมือ”

เป็นความคิดที่ไม่เลว

 

“คุยอะไรกันอยู่คะ น่าสนุกเชียว”

ไอรีนยิ้มกว้างให้นางฟ้าพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงใส เธอเห็นสองคนนี้นั่งคุยกันตั้งแต่เดินมาไกลๆ ออร่านางแบบนายแบบของทั้งคู่พุ่งออกมาทำเอาอุปาทานว่าเห็นแสงระยิบระยับอยู่รอบตัว

ถึงจะกระดากปากก็เถอะ แต่ต้องยอมรับว่าบอสของเธอหล่อเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“หึๆๆ” เรมิงตันหัวเราะในลำคอ ในขณะที่เคธซ่อนยิ้มมุมปาก ถ้าหญิงสาวรู้ว่าคุยอะไรกันก่อนหน้าเธอจะมาคงไม่ทักแบบนี้

น่าสนุกงั้นเหรอ

ใช่...น่าสนุกเชียวละ!

ไอรีนหันซ้ายหันขวามองท่าทางมีพิรุธของทั้งสองคน แต่ละคนมองมาแปลกๆ ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเธอคงเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาเมื่อครู่

“บอสไม่ได้เผาอะไรให้ฟังใช่ไหมคะ” เรื่องของเธอมีอยู่ไม่มากหรอกที่เอามาเล่าได้ และก็ไม่ใช่เรื่องดีซะด้วยสิ

“ไม่ค่ะ ไม่น้อยเชียวละ” เคธอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดของไอรีน ก่อนจะรีบเอ่ยแก้เมื่อหญิงสาวหันไปแยกเขี้ยวใส่จำเลยอย่างเรมิงตัน

ไม่ได้ๆ เดี๋ยวคะแนนนิยมเรย์หล่น!

“ล้อเล่นน่า...เรย์ชมคุณไว้มากเชียวละค่ะ”

ไอรีนเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อถือนัก แต่ในเมื่อนางฟ้าอย่างเคธเป็นคนพูด เธอจะยอมเชื่อสักวันก็ได้

“ขอบคุณค่ะบอส”

“หึ...เชื่อคนง่ายนะเรา” เรมิงตันเลิกคิ้วหนึ่งข้าง กระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมกับยกมือยีหัวหญิงสาวอย่างมันเขี้ยวปนเอ็นดู

“...” ไอรีนกัดฟันหลับตาอย่างสงบสติอารมณ์ ต่างกับหญิงสาวอีกคนที่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ฮ่าๆๆ”

เสียงใสหัวเราะก้องกังวานหลังจากสตันไปกับคำพูดของพี่ชายอยู่ครู่หนึ่ง ดูท่าเรย์จะไม่ได้สนใจไอรีนธรรมดา แต่สนใจมากเสียด้วยสิ

ท่าทางแบบนี้ของเรย์เคยมีให้ใครที่ไหนกัน!

 

“ทำไมคุณเคธไม่ใช้นามสกุลเดียวกับบอสล่ะคะ”

ไอรีนถามขึ้นขณะเดินไปส่งแคทเธอรีนที่ห้อง เนื่องจากหญิงสาวพักที่โรงแรมเดียวกับที่เรมิงตันอยู่ หลังจากกลับออกมาจากบ้านทั้งหมดจึงตรงดิ่งมายังโรงแรมทีเดียว เธออาสาเดินมาส่งนางฟ้าที่ห้องแทนเรมิงตันที่อาจตกเป็นเป้าสายตาได้ง่าย

“ถึงสมิทธ์จะใช้กันเกลื่อน แต่กันไว้ดีกว่าค่ะ อย่าดูถูกโซเชียลกับปาปารัซซีสมัยนี้ทีเดียวนะคะ ขุดกันเก่งยิ่งกว่าอะไรดี” เคธขนลุกเมื่อนึกถึงสกิลในการจับแพะชนแกะและการขุดล้วงหาข้อมูลของคนพวกนี้

ไอรีนเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ การเป็นคนดังก็ใช้ชีวิตลำบากเหมือนกัน ยิ่งดังมากเท่าไร ความเป็นส่วนตัวก็ลดน้อยลงไปมากเท่านั้น

“เป็นคนดังนี่ลำบากนะคะ”

เธอไม่ได้หมายถึงแคทเธอรีนฝ่ายเดียว แต่หมายรวมถึงเรมิงตันด้วย ต่างกันก็แค่แคทเธอรีนออกสื่อบ่อย เธอคนนี้มักปรากฏกายบนรันเวย์ หน้าปกนิตยสาร หรือบิลบอร์ดใจกลางเมืองให้เห็นอยู่เป็นประจำ ส่วนเรมิงตันขยันทำตัวโลว์โพรไฟล์ เป็นแรร์ไอเท็มที่นานๆ จะได้ยลโฉมสักที

“แต่คนดังก็มีสิทธิพิเศษของคนดังนะคะ”

เห็นสีหน้าที่เจือแววสงสัยของหญิงสาวผมเงิน เคธจึงขยิบตาอย่างซุกซน ขยับเข้าไปกระซิบข้างหู

“อย่างเช่น...ขนอาวุธกลับไปโดยไม่มีใครสงสัย”

เคธหยุดอยู่หน้าห้อง มองสีหน้าเหวอๆ ของอีกฝ่ายก่อนหัวเราะคิก เธอเปิดประตูเข้าห้องไป ขณะจะปิดประตูใบหน้าเรียวก็โผล่ออกมาอีกครั้ง เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมเอามือแตะริมฝีปากส่งจุ๊บมาให้

“กูดไนต์ค่ะ”

“อ่า...กูดไนต์ค่ะ”

ไอรีนหมุนตัวเดินกลับห้องอย่างลอยๆ ประโยคสุดท้ายของเคธยังคงวนเวียนไปมาภายในหัว

ดูท่าคืนนี้เธอคงฝันถึงนางฟ้าถือปืนอย่างไม่ต้องสงสัย

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น