2

บทที่ 2


 

2


เซบาสเตียนมองหญิงสาวที่พอลงมาจากรถปอร์เช่สีดำก็เดินไปทักทายกลุ่มช่างที่ออกมายืนสูบบุหรี่อยู่หน้าอู่ เขาจำเธอได้แม้จะเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายแค่เพียงไม่กี่นาทีก็ตาม เพราะเขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวย โดยเฉพาะดวงตาของเธอ

หลังจากที่เธอยืนคุยกับทีมช่างอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เห็นเธอชี้รถยนต์สีขาวของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มขมวดคิ้วหนา เริ่มเอะใจว่าสิ่งที่เขาคิดอยู่ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นเรื่องจริง

มอร์เกน1 ฮาร์วี่”

เสียงใสที่ดังขึ้นใกล้ตัวดึงเซบาสเตียนให้หลุดจากความคิดตัวเอง แล้วพบว่าหญิงสาวที่เขามองอยู่เมื่อครู่นั้นเข้ามาในออฟฟิศแล้ว เธอยืนอยู่ตรงหน้าฮาร์เวิร์ด และหลังจากเอ่ยทักเจ้าของบริษัทเสร็จ เธอก็หันมาหาเขา

เอ๊ะ คุณ” เธอขมวดคิ้วเหมือนกำลังนึก ก่อนจะส่งเสียง ‘อ้อ’ ออกมาเบาๆ “เราเจอกันที่ปั๊มเอ็ดเมื่อกี้นี่ ใช่ไหม”

ครับ”

บังเอิญจัง” เธอทักเขาแค่นั้น ก็หันกลับไปหาฮาร์เวิร์ดอีกครั้ง แล้วชี้ไปยังรถสีขาวที่จอดอยู่หน้าตึกแล้วคุยด้วยภาษาเยอรมันอันเป็นภาษาหลักของพวกเขา “ขอโทษที ฉันรู้ว่าคุณอยู่กับลูกค้า แต่ขอรบกวนเวลาแค่ครู่เดียวเท่านั้น ฉันแค่อยากรู้ว่าเจ้าของรถบีเอ็มซีรีส์สามสีขาวนั่นคือใคร”

คันไหน” ฮาร์เวิร์ดมองตามนิ้วของหญิงสาวไป นิ่งคิดเล็กน้อย “เอ...ฉันไม่แน่ใจ อาจจะเป็น...”

เซบาสเตียนเข้าใจว่าพวกเขาพูดถึงอะไรกันอยู่ เนื่องจากเขาพูดภาษาเยอรมันได้บ้าง จึงช่วยตอบแทนฮาร์เวิร์ด “รถของผมเองครับ”

สิ้นเสียงเขา นัยน์ตาสีฟ้าของหญิงสาวก็ตวัดกลับมามองเขาทันที เธอเบิกตาเล็กน้อย รอยยิ้มที่มีให้ก่อนหน้านี้หายไปแล้ว

อเล็กซ์ นี่เซบาสเตียน วิศวกรรถแข่งคนใหม่ของเรา” ฮาเวิร์ดเพิ่งได้โอกาสแนะนำตัวทั้งคู่อย่างเป็นทางการ “เซบ นี่คือ อเล็กซิส ฟาวเลอร์ นักแข่ง Carrera Cup ของเรา”

วิศวกรคนใหม่งั้นเหรอ คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม ฮาร์วี่” สิ่งที่หญิงสาวพูดดูจะผิดวิสัยคนที่เพิ่งแนะนำตัวกันไปหน่อย แต่เธอไม่คิดจะใส่ใจเรื่องมารยาทในตอนนี้ เพราะกำลังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า

ทำไมฉันต้องล้อเล่นเรื่องนี้ด้วยล่ะ” เจ้าของทีมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แล้วมองหน้านักแข่งสาวทีหน้าเซบาสเตียนทีอย่างหาคำตอบ “มีอะไรหรือเปล่า”

ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณลุง” ชายหนุ่มตอบแทนคู่สนทนาที่ตอนนี้ยืนเงียบ มองหน้าเขาตาไม่กะพริบ ท่าทางที่เธอแสดงออกนั้นยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดในตอนแรกนั้นถูกต้อง เธอคือเจ้าของรถปอร์เช่สีดำที่พยายามจะเบียดแทรกเข้าเลนคันนั้น

ลุง?” อเล็กซิสมองชายหนุ่มต่างวัยสองคนตรงหน้า เมื่อได้รับรู้เรื่องที่น่าตกใจขึ้นมาอีกเรื่อง “เขาเป็นหลานของคุณเหรอ”

ใช่” ฮาร์เวิร์ดตอบสั้นๆ แล้ววกกลับมายังความสงสัยเดิม “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น เอ๊ะ นี่เคยเจอกันมาก่อนเหรอ”

“...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงลอดไรฟัน เธอรู้ว่าวันนี้จะมีวิศวกรคนใหม่มา เพราะคนเก่าได้งานใหม่กับทีมอื่น แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่เธอเดินชนที่ปั๊ม และยังเป็นเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์สามคันนั้นด้วยอีก โชคชะตาจะเล่นตลกอะไรขนาดนี้

อเล็กซิสจ้องหน้าเขานิ่ง มั่นใจว่าอีกฝ่ายก็รู้ว่าทำไมเธอถึงมีอาการแบบนี้ เขาคงจำเธอได้จากรถของเธอ เหมือนที่เธอจำเขาได้จากรถของเขานั่นละ

ฮาร์วี่ คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะขอคุยกับเขาตามลำพังสักครู่”

ได้สิ” หลังจากได้ยินว่าเคยเจอกันมาก่อน ฮาร์เวิร์ดก็ไม่ติดใจกับท่าทางแปลกๆ ของทั้งสองคนแล้ว เขาหันไปมองห้องประชุมด้านหลังตัวเองแล้วพยักพเยิดหน้าเล็กน้อย “ไปคุยกันในนั้นก็ได้ ตามสบายเลย”

อเล็กซิสเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำ และไม่วายจิกตามองเขาราวกับจะออกคำสั่งให้เดินมาเร็วๆ เซบาสเตียนเพียงแค่มองกิริยานั้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วสาวเท้าตามเธอไป

เมื่อเข้าห้องกระจกที่มีไว้สำหรับประชุมงานกันแล้ว นักแข่งสาวก็ปิดห้องและล็อกประตู ที่เมื่อเสียงคลิกของกลอนดังขึ้น กระจกรอบห้องที่เคยใสก็เกิดฝ้าสีขาวขุ่นทันที ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนกระจกใสเป็นฝ้าด้วยไฟฟ้าสถิต เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ห้องประชุมที่เป็นกระจกใส

นายคือคนเห็นแก่ตัวคนนั้น”

ประโยคแรกที่เธอพูดก็ต่อว่าเขาเลย เซบาสเตียนขมวดคิ้วทันที “ว่ายังไงนะครับ”

ที่ทางแยกออกจากออโตบาห์นเมื่อเช้านี้” เธอเท้าความเพราะคิดว่าเขาจำไม่ได้ “นายไม่ยอมให้ฉันเลี้ยวเข้าเลน ทำให้ฉันต้องเสียเวลาอ้อมไปใช้เส้นอื่น จนมาถึงบริษัทสายขนาดนี้”

ผมคิดว่าคุณเข้าใจอะไรผิดแล้ว”

ฉันว่าฉันเข้าใจถูกแล้ว” เธอเอ่ยเสียงต่ำ มองเขาอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะสบถ “บ้าเอ๊ย! ถ้ารู้แบบนี้ ฉันคงไม่ซื้อกาแฟแก้วใหม่ให้นายหรอก แต่จะสาดใส่หน้านายแทน”

อย่างแรก คุณไม่ได้ซื้อกาแฟแก้วใหม่ให้ผม เพราะผมจ่ายเงินของผมเอง” เขาค่อยๆ แก้ความเข้าใจเธอทีละเรื่อง “และอย่างที่สอง ผมไม่ได้ตั้งใจไม่ยอมให้คุณเลี้ยวเข้าเลน ผมแค่ทำตามกฎจราจรก็เท่านั้น”

เธอสะบัดเสียงทันที “เหอะ กฎจราจรของคนเห็นแก่ตัวน่ะสิ!”

ถ้าการที่ผมไม่ยอมให้คนอื่นเบียดเข้ามาเพื่อแทรกคิวผมและคนอื่นๆ ที่ต่อแถวกันมาอย่างเป็นระเบียบ มันทำให้ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว...” ชายหนุ่มยังคงพูดเสียงเรียบ “...อย่างนั้นสิ่งที่คุณทำ ก็คงทำให้คุณกลายเป็นคนไร้มารยาทเหมือนกัน”

หญิงสาวหน้าชาวาบ “นาย...นายว่าใครไร้มารยาท!”

คิดว่ายังไงล่ะครับ”

อเล็กซิสถึงกับชะงักค้างไปเมื่อโดนย้อน ไม่มีใครเคยพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน เธอถึงกับพูดอะไรต่อไม่ออก

หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมเป็นนาที หญิงสาวก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างหงุดหงิด เพราะมาคิดดูแล้ว เหตุการณ์เมื่อตอนเช้าเธอก็เป็นฝ่ายทำผิดกฎจราจรเอง แต่เธอผิดเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอุบัติเหตุ เลยไม่ได้เข้าเลนขวาตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่ผิดเพราะตั้งใจจะเห็นแก่ตัว คิดจะลัดคิวคนอื่นๆ อย่างที่อีกฝ่ายพูดเสียหน่อย

ดังนั้นเธอจะไม่ขอโทษหรอก เธอไม่ได้ทำอะไรผิด มันก็แค่...แค่...

โอ๊ย! ไอ้บ้าเอ๊ย!

มีอะไรอีกไหมครับ ไม่อย่างนั้นผมจะได้กลับไปคุยกับคุณลุงต่อ” เซบาสเตียนถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปนาน และได้รับเสียงตวาดกลับมาทันที

ไม่จบ!” เธอยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเขาอย่างหงุดหงิดถึงขีดสุด จ้องเขม็งมาที่เขา เอ่ยเสียงห้วนจัด “นายต้องไป ฉันไม่ยอมทำงานร่วมกับนายเด็ดขาด”

เซบาสเตียนขมวดคิ้วกับคำสั่งที่ออกจะฟังดูงี่เง่านั่น “ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การตัดสินใจของคุณ”

ทำไมจะไม่ใช่ ในเมื่อมันคือทีมแข่งของฉัน”

ทีมแข่งของคุณลุงต่างหาก”

เขาแย้งมาแบบนี้ เธอก็ถึงกับสะอึก แต่ยังคงเชิดหน้าเถียงต่อ “ฉันรู้ว่าฮาร์วี่เป็นเจ้าของทีม แต่ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นในเรื่องนี้เหมือนกัน”

เซบาสเตียนเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้ ตั้งแต่ที่เธอหาเรื่องเขาอย่างงี่เง่า ตามด้วยการกล่าวหาเขา และพยายามจะไล่เขาออกจากทีมตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มงาน ช่างเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลและเอาแต่ใจที่สุด

คุณลุงเป็นคนจ้างผมมาทำงาน ผมก็จะทำตามที่ตกลงกันเอาไว้ ผมไม่สนว่าคุณจะพอใจหรือไม่พอใจ เพราะอย่างที่ผมบอกไป นี่คือทีมแข่งของบริษัทคุณลุง” เขาเน้นทีละคำ อยากจะย้ำให้อีกฝ่ายรู้สถานะของตัวเอง ว่าเธอไม่ใช่คนสำคัญที่ทุกคนจะต้องฟัง “ดังนั้นถ้าคุณไม่พอใจผม และไม่อยากจะร่วมงานด้วย เกรงว่าคนที่ต้องไปจากทีมนี้ก็คือคุณ ไม่ใช่ผม”

อเล็กซิสมองคนที่จ้องหน้าเธอนิ่งด้วยสายตาคมกริบ แล้วก็ได้แต่เผยอปากอ้าๆ หุบๆ อยากกรี๊ดใส่หน้าเขาเสียจริง และในเมื่อออกคำสั่งไม่ได้ผล...เธอก็คงได้แต่เปลี่ยนวิธี

ฉันว่าเรามาพนันกันดีกว่า!”

เซบาสเตียนขมวดคิ้วน้อยๆ “พนัน?”

ใช่ เรามาพนันกัน” อเล็กซิสกอดอกอีกครั้ง เชิดหน้ามองเขาอย่างคนที่มีแผนการในใจเรียบร้อย ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เล่นตามเกมของเธอ

ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพนันกับคุณ”

งั้นฉันขอท้านาย ฉันท้านาย!” เธอโพล่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงติดจะร้อนรนหน่อยๆ เพราะนี่เป็นหนทางสุดท้ายที่เธอจะมีโอกาสตัดเขาออกจากทีม และเพื่อให้เขายอมทำตามที่เธอต้องการ เธอจึงเพิ่มการดูถูกเข้าไป “ถ้านายไม่รับคำท้า แปลว่านายเป็นพวกปอดแหก ขี้ขลาด ไม่กล้าแข่งกับใครแม้กระทั่งผู้หญิง ถ้ามั่นใจว่าตัวเองเก่งจริงก็รับคำท้าสิ แต่ถ้ารู้ว่าสู้ไม่ได้ จะเดินออกจากบริษัทนี้ไปเลยก็ได้ ไม่ว่ากัน เฮอะ!”


หางคิ้วของชายหนุ่มกระตุกกึก จากเดิมที่เขาตั้งใจจะเดินออกจากห้อง ก็ต้องเปลี่ยนมาหมุนตัวประจันหน้ากับเธอเต็มตัว เสียงของเขาเข้มขึ้นหลายส่วน “คุณจะท้าอะไรผมครับ”

หญิงสาวกดยิ้มมุมปาก นัยน์ตาวาววับขึ้น อเล็กซิสเดินไปยังประตูกระจก ปลดล็อกกลอนเพื่อให้บานกระจกรอบๆ กลับไปเป็นกระจกใสเหมือนเดิม จากนั้นก็ชี้ไปยังเครื่องจำลองการขับรถที่วางหลบมุมอยู่

รู้จักเครื่องนี้ใช่ไหม”

เขาพยักหน้า ทำให้รอยยิ้มบนดวงหน้าเรียวกว้างขึ้นกว่าเดิม

ฉันขอท้านาย ให้แข่งขับรถในเกมกับฉันโดยใช้เครื่องซิมูเลเตอร์นั่น ถ้านายชนะ ฉันจะยอมรับนายเข้าทีมโดยไม่มีปัญหาอะไรอีก แต่ถ้านายแพ้ นายต้องลาออกไปซะ” อเล็กซิสประกาศคำท้า ก่อนจะแสยะยิ้ม “เชื่อเถอะว่าถึงฉันจะไม่ใช่เจ้าของทีม แต่ตราบใดที่ฉันไม่ต้องการทำงานกับนายอยู่แบบนี้ ฉันก็จะทำให้นายไปอยู่ที่อื่นจนได้แน่”

ความมั่นใจนั้นทำเอาเซบาสเตียนอยากจะสั่งสอนคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าเธอผ่านการดูแลแบบไหนมา ถึงมีนิสัยแบบนี้ ทุกอย่างต้องได้ดั่งใจ ทำทุกวิธีเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ

ดวงตาคมสีเขียวของชายหนุ่มหรี่ลง ก่อนจะเอ่ยคำตอบออกไปสั้นๆ

ตกลง”



เมื่ออเล็กซิสเปิดประตูห้องประชุมแล้วเดินกลับเข้าโถงออฟฟิศ ทุกสายตาก็จับจ้องรออยู่ก่อนแล้ว แต่เธอไม่ได้สนใจนัก เพียงแค่ส่งยิ้มให้แล้วเดินผ่านไปยังเครื่องซิมูเลเตอร์จำลองการขับที่ตั้งอยู่บนพรมสีขาวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

หึ ก็เจ้าเครื่องนี้มันเป็น ‘ลูกรัก’ ของเธอ เธอขลุกอยู่กับมันแทบจะตลอดเวลา ที่ท้าเขาออกไปแบบนั้น เพราะเธอรู้ว่าเธอชำนาญเครื่องนี้มากกว่าใคร กับคนที่ไม่เคยเล่นเครื่องนี้ ต่อให้เก่งอย่างไรก็ไม่มีทางสู้คนที่เล่นมันทุกวันอย่างเธอได้แน่นอน ดังนั้นคำท้านี้ เขามีแต่เสียกับเสียเท่านั้นละ!

พร้อมไหม...บลอนดี้”

เขาขมวดคิ้วกับชื่อที่อีกฝ่ายตั้งให้ “ผมชื่อเซบาสเตียน”

ใครสนใจกันว่านายจะชื่ออะไร” นักแข่งสาวชายตามองผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบบลอนด์ของอีกฝ่ายแล้วยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันอยากเรียกนายบลอนดี้ ฉันก็จะเรียกนายบลอนดี้”

เซบาสเตียนลอบถอนหายใจ ไม่อยากจะเถียงกับเด็กในร่างผู้ใหญ่ตรงหน้า “จะทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ ผมมีงานอื่นรออยู่”

หลังจากนี้ อาจจะไม่มีงานแล้วก็ได้” อเล็กซิสยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ แล้วหันกลับมาเปิดโปรแกรมเครื่องเล่นของตัวเองต่อ “หวังว่านายคงไม่มีปัญหานะ ถ้าฉันจะเป็นคนเลือกสนามและรถแข่ง”

ตามใจคุณ”

ได้ยินดังนั้นเธอก็เลือกสนามและรถแข่งที่ใช้ ตัวสนามนั้นก็คือสนามชื่อดังของเมืองนี้ แต่หญิงสาวเลือกขับเฉพาะสนามส่วน GP Track ที่มีระยะทางไม่มาก เพราะถ้าขับทั้งสนามคงจะใช้เวลามากเกินไป ส่วนรถยนต์ที่เลือกใช้ก็ไม่ไปไหนไกล รถปอร์เช่รุ่นเดียวกับที่จอดซ่อมอยู่ในอู่นั่นละ

อเล็กซิสกดเริ่มเกม ตัวเลขนับถอยหลังปรากฏขึ้นบนจอตรงหน้า พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ออกจากลำโพงรอบๆ ฟังแล้วเหมือนกับเสียงที่ดังมาจากรถยนต์จริงๆ

เมื่อเกมเริ่ม นักแข่งสาวก็ควบคุมรถอย่างคล่องแคล่ว เสียงคันเร่งกระแทกกับแท่นเหล็กดังประสานกับเสียงเครื่องยนต์ รถแข่งบนจอเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงครั้งและครั้งเล่าโดยไม่ชะลอความเร็วแม้แต่น้อย เก้าอี้แข่งรถที่หญิงสาวนั่งอยู่ก็เอนไปมาตามทิศทางการบังคับรถ เวลาผ่านไปได้สองนาทีกับสิบวินาทีพอดี รถแข่งก็พุ่งผ่านเส้นชัย

เซบาสเตียนหย่อนตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้แข่งรถแทนที่นักแข่งสาวที่ออกมายืนยิ้มอยู่ข้างๆ เขาปรับตำแหน่งเก้าอี้ให้พอได้ระยะห่างที่พอเหมาะจากพวงมาลัย พอเข้าที่เขาก็กดเริ่มเกม

ตัวเลขนับถอยหลังปรากฏขึ้นบนจอ เขาเหยียบคันเร่งเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น และดูเหมือนจะปิดตัวเองออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง จึงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาวข้างๆ เลยว่ารอยยิ้มของเธอเริ่มเจื่อนลงเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นทักษะการขับรถในเกมของเขา

สองนาทีต่อมา รถแข่งในจอก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของสนาม อเล็กซิสถึงกับนิ่งค้าง เผยอปาก เมื่อเห็นเวลาบนหน้าจอที่แสดงขึ้นหลังรถแข่งผ่านเข้าสู่เส้นชัย

เขาทำเวลาได้เร็วกว่าเธอถึงสองวินาที

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น