3
“ว้าว! สถิติใหม่เลยนะนั่น”
เสียงจากบุคคลที่สามดังขึ้น ดึงให้อเล็กซิสหลุดออกจากความตกใจ แล้วหันไปมองต้นเสียง พบว่าเป็นสตีฟที่ไม่รู้มายืนอยู่ข้างๆ เธอตั้งแต่เมื่อไร ยังมีโจนส์กับแดเนียลอีกสองคน ทุกคนจับจ้องหน้าจอที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นภาพลำดับคะแนน เซบาสเตียนลุกจากเก้าอี้ เหลือบมองหญิงสาวที่ไม่ขยับตัวตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“นาย...ทำไม...” อเล็กซิสยังไม่อยากเชื่อผลการแข่งขัน เธอซ้อมกับเครื่องเล่นนี้ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง คุ้นเคยกับอุปกรณ์ทุกอย่างดีที่สุด สนามที่ขับก็เป็นสนามที่เธอไปขับในชีวิตจริงมาแล้วเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างเธอจะแพ้ให้หนุ่มอังกฤษตรงหน้า
แม้ว่าสิ่งที่เธอพึมพำออกมาจะไม่ใช่คำถามที่ตั้งใจจะถาม แต่เซบาสเตียนก็ตอบเธอ
“กับการแข่งรถ บางทีก็ต้องมีดีมากกว่าแค่ขับเร็วอย่างเดียว”
ดวงตาสีฟ้าของอเล็กซิสที่เหม่อลอยอยู่เปลี่ยนเป็นขุ่นมัวทันที เสียงเธอต่ำลง “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“เปล่าครับ”
อเล็กซิสรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดบนขมับที่เต้นตุบๆ “นายเป็นแค่วิศวกร”
“ครับ”
“นายไม่ใช่นักแข่งรถ นายไม่มีทางรู้อะไรเรื่องแข่งรถดีไปกว่าฉันหรอก”
“ผมคิดว่าผลการแข่งขันเมื่อครู่น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนกว่านะครับ”
“มันก็แค่ฟลุกเท่านั้นล่ะ!”
“ผมยินดีที่จะแข่งกับคุณอีกกี่ครั้งก็ได้ และผมมั่นใจว่า ผลมันจะออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง”
“นาย…”
คนร่างสูงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทางสีหน้า และเขาก็ไม่คิดจะโต้เถียงไปมากกว่านี้ จึงค้อมศีรษะน้อยๆ “ผมหวังว่าคุณจะรักษาคำพูดที่คุณพูดไว้ก่อนหน้านี้นะครับ”
เอ่ยจบ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยให้ทีมงานคนอื่นที่ยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป อเล็กซิสกัดฟันกรอด สองมือกำหมัดแน่น ก่อนจะสะบัดหน้าหนี เดินออกจากตรงนั้นไปบ้างอย่างไม่สบอารมณ์ ที่ตรงนั้นจึงเหลือแค่คนสามคนที่อยากมายืนชมการขับรถแข่งของชายหนุ่มคนใหม่ของทีม ทว่ากลับได้เจอเรื่องที่ทำให้นิ่งค้างยิ่งกว่าการทำลายสถิติเวลาต่อรอบสนามเมื่อครู่
โจนส์เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “พวกนายเห็นใช่ไหม”
“แน่นอน”
“เราควรจะบอกฮาร์เวิร์ดไหม”
“อืม อย่าเลย...” แดเนียลส่ายหน้า
“ฉันว่าปีนี้ทีมเรารื่นเริงแน่” สตีฟยิ้มกว้าง
โจนส์ลอบกลอกตาเมื่อเพื่อนร่วมงานสองคนคิดว่านี่เป็นเรื่องสนุกของพวกเขา ก่อนจะปลีกตัวออกมา “ฉันไปดูอเล็กซ์ก่อนดีกว่า”
“ฮาร์วี่คิดยังไงถึงได้ให้คนแบบนี้มาทำงานกับฉัน!”
โจนส์ยิ้มแหยๆ ขณะส่งขวดน้ำให้นักแข่งสาวที่หนีความหงุดหงิดด้านบนลงมาหงุดหงิดต่อด้านล่าง หญิงสาวพยายามปลอบให้อีกฝ่ายสงบลง “ใจเย็นๆ ก่อนนะอเล็กซ์ ฉันว่าเธอลองทำงานกับเขาดูสักครั้งดีกว่าไหม เขาอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดก็...”
“ไม่ได้แย่งั้นเหรอ!?” อเล็กซิสหันขวับมา เอ่ยด้วยเสียงที่ดังขึ้น “เธอไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับฉันเมื่อกี้นี้หรือไง!”
“จะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูก...เธอเองก็พูด...”
“พูด? ฉันพูดอะไร!”
“เอ่อ...เปล่า” โจนส์ปิดปากฉับทันที
อเล็กซิสกำขวดน้ำแน่นเสียจนมันส่งเสียงกรอบแกรบ “เขาเป็นใคร กล้าดีมาจากไหนกัน”
“...”
“...”
“...”
“โจนส์!ฉันถามเธออยู่นะ ตอบมาสิ!”
“ค่ะ!” สาวแว่นสะดุ้งลุกขึ้นยืนตัวตรงอย่างตกใจ แล้วเร่งให้ตัวเองตอบคำถามนักแข่งสาว ก่อนจะโดนอีกฝ่ายกินหัว “เอ่อ...เธอรู้จัก วิลเลียม ที. ไคลน์ ใช่ไหม”
นั่นดูเป็นการตอบที่ไม่ตรงคำถามเอาเสียเลย อเล็กซิสยกมือขึ้นกอดอก “แน่นอนว่าฉันรู้จัก วี.ที. แต่เขาเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ฉันถามไม่ทราบ”
“คือ...คุณเซบาสเตียนเป็นลูกชายของเขาน่ะ”
“อะไรนะ!” อเล็กซิสหลุดแหวเสียงแหลมอย่างตกใจ “ลูกชายของ วี.ที. งั้นเหรอ!?”
“ใช่” โจนส์พยักหน้าตอบรัวๆ วิลเลียม ที. ไคลน์ คือนักแข่งรถ DTM ชื่อดังสมัยก่อนของประเทศเยอรมนี ได้แชมป์ประจำปีติดต่อกันถึงสี่ปีซ้อน แล้ววางมือจากการแข่งไปเป็นคนคอยดูแลนักแข่งรุ่นใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่ในหลายปีให้หลัง เขามีทีมของตัวเองและนักแข่งเก่งๆ ในมือหลายคน ก่อนจะออกจากวงการแข่งรถไปอย่างเต็มตัวเมื่อไม่กี่ปีก่อนด้วยปัญหาสุขภาพ
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่า วี.ที. มีลูกชาย” อเล็กซิสนิ่งค้างไป ก่อนจะขมวดคิ้ว “แล้วทำไมถึงไม่เป็นนักแข่งแบบพ่อล่ะ”
“รู้สึกว่าเขาอยากจะอยู่เบื้องหลังมากกว่า เขาชอบรถแข่ง แต่ไม่ชอบแข่งเอง” โจนส์เองก็ไม่รู้ข้อมูลของชายหนุ่มมากนัก เพราะเซบาสเตียนเป็นคนเก็บตัวเงียบ น้อยคนจะรู้จักเขา หรือรู้ว่าเป็นลูกชายของวิลเลียม ที. ไคลน์ กับเธอเองถ้าไม่ใช่เพราะฮาเวิร์ดเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นญาติกับอดีตแชมป์และมีหลานชาย ก็คงจะยังไม่รู้อะไรเหมือนอเล็กซิสในตอนนี้นี่ละ
“หรือไม่ก็เพราะไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นนักแข่งเองได้”
“ไม่หรอก ฉันว่าเขามีความสามารถมากนะ ดูอย่างตอนที่เขาขับเครื่องซิมูเลเตอร์ได้เร็วกว่า...”
“โจนส์!!!”
“ฉันหมายถึงว่า เขาต้องได้ความรู้มาจากพ่อเขาหลายอย่างแน่ๆ” ทีมงานสาวรีบเปลี่ยนคำพูด หดคออย่างกลัวคนตรงหน้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะปฏิบัติตัวกับเธอเหมือนเพื่อนร่วมทีมที่สนิทที่สุดก็ตาม แต่บางทีก็ยังมีช่องว่างที่ทำให้เธอรู้สึก...เอ่อ...เกรงใจอยู่บ้าง
อเล็กซิสเดินย่ำเท้าวนไปมาอีกครั้ง กัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด ถ้าเขาเป็นลูกชายของนักแข่งชื่อดังจริง ก็ไม่แปลกที่จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการแข่งรถ เพราะคงได้ความรู้ทุกอย่างมาจากพ่ออย่างที่โจนส์ว่าแน่นอน แต่เพราะไม่ได้ประทับใจอีกฝ่ายเป็นทุนเดิม จะให้เชื่อว่าเขาเก่งง่ายๆ เพียงแค่ได้รู้ว่าเป็นลูกชายอดีตนักแข่งรถยอดฝีมือมันก็ไม่ใช่
“ถ้าเขามีฝีมือมากจริง ทำไมถึงได้ยอมมาทำงานกับฮาร์เวิร์ด ทำไมถึงไม่ไปอยู่ทีมใหญ่ๆ พวกนั้นน่าจะให้เงินเดือนมากกว่านี่ คงคุ้มเหนื่อยกว่ากันเยอะ”
“ความจริงคุณเซบาสเตียนไม่ได้ทำงานในวงการแข่งรถมาพักนึงแล้ว เขาทำรถแข่งให้ทีมไวต์ฮอว์กกับคุณวิลเลียมมาตลอด ก่อนจะก็ออกจากวงการไปพร้อมกับพ่อ เพิ่งกลับมาเพราะคุณฮาร์เวิร์ดขอให้มานี่ละ”
“แล้วหวยมันก็มาออกที่ฉันสินะ ยอดเยี่ยมจริงๆ” อเล็กซิสเอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างประชดประชัน เพราะสำหรับเธอแล้ว ถึงจะมีฝีมืออย่างไร เธอก็ยังคงไม่ชอบขี้หน้าเขาอยู่ดี แค่เรื่องบนถนนออโตบาห์นก็หงุดหงิดมากพอแล้ว ยังจะมาเอาชนะเธอในเกมให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่อีก
“อเล็กซ์ คิดในแง่ดีสิ ว่าการที่มีคนที่มีประสบการณ์และมากความรู้อย่างคุณเซบาสเตียนมาทำอยู่ในทีมแบบนี้ เขาสามารถช่วยให้ผลงานของเธอดีขึ้นได้...” โจนส์เอ่ยประโยคนี้อย่างกล้าๆ กลัวๆ เล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายโมโหแล้วหาว่าเธอดูถูกความสามารถหรือเปล่า...แล้วก็จริงอย่างที่คิด
“ฉันทำผลงานให้ดีได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว” อเล็กซิสหันมาถลึงตาใส่โจนส์ทันที ก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด แล้วเอ่ยเสียงสะบัดส่งท้ายบทสนทนา “แต่โอเค ฉันจะยอมทำงานกับหมอนั่นดูก็ได้ แล้วเราจะได้รู้กันว่า มีความสามารถจริงอย่างที่ทุกคนว่าไว้หรือเปล่า!”
“อเล็กซิสอยู่ไหมครับ”
เสียงทุ้มที่น่ารำคาญสำหรับเธอดังขึ้นให้ได้ยินแว่วๆ จากด้านหลัง อเล็กซิสขยับตัวที่เดิมนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาให้ลุกขึ้นมานั่งหลังตรง และเมื่อหันไปมองต้นเสียง ก็ได้เห็นโจนส์ที่ชี้นิ้วแทนคำตอบมาทางเธอพอดี
“พอจะมีเวลาสักนิดไหมครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ” เซบาสเตียนเดินตรงมาหาพร้อมกับถามด้วยเสียงเรียบสนิท เช่นเดียวกับสีหน้า
เขามักจะดูไร้อารมณ์แบบนี้เสมอ ขัดหูขัดตาเธอเหลือเกิน
อเล็กซิสเชิดหน้าเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงตอบ “ไม่ว่าง”
ชายหนุ่มคาดไว้แล้วว่าจะได้ยินคำตอบนี้ ตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา เวลาเจอหน้ากันที่บริษัท ไม่ว่าเขาจะขอคุยกับนักแข่งสาวกี่ครั้ง เธอก็จะมีเหตุผลในการเบี้ยวนัดตลอด ไม่ออกไปทำธุระข้างนอก ก็มีนัดเทรนเนอร์ไว้ที่ยิม หรือไม่ก็อ้างว่าไม่สบาย ไม่มีแรงจะคุยอะไรกับใคร ทั้งๆ ที่ก็เห็นว่ายังมีแรงนั่งเล่นเกมแข่งรถเป็นชั่วโมงๆ
อยากรู้ว่าวันนี้อีกฝ่ายจะมีอะไรเป็นข้ออ้างอีก
“คราวนี้ไม่ว่างด้วยสาเหตุอะไรครับ”
“ฉันกำลังจะออกไปหาอะไรทาน”
ชายหนุ่มมองอเล็กซิสคว้ากระเป๋าถือใบเล็กสีขาวมาสะพายไหล่ ทำท่าจะออกไปข้างนอกพอดี เขาถอนหายใจ “งั้นก็ไปครับ”
“ฉันก็กำลังจะไปนี่ไง”
“ไปรถผมละกัน ผมขับเอง”
อเล็กซิสชะงักกึก “หมายความว่าไง”
“ก็คุณบอกว่าจะออกไปหาอะไรทาน ผมก็เลยจะพาคุณไปยังไงล่ะครับ”
“แล้วทำไมนายต้องพาฉันไป”เธอขมวดคิ้ว เดินเบี่ยงตัวหลบเขาที่ยืนขวางอยู่ไปยังประตูออฟฟิศ แน่นอนว่าเขาตามเธอมา
“เพราะผมจะได้คุยงานกับคุณหลังทานข้าวเสร็จ” เซบาสเตียนตัดหน้าเธอแล้วเดินนำลงบันไดออกจากตัวตึกไปยังลานจอดรถหน้าบริษัท
อเล็กซิสจำเป็นต้องเร่งฝีเท้าเป็นวิ่งเหยาะๆ เมื่อร่างสูงก้าวเท้าเร็วจนเธอตามไม่ทัน เธอตะโกนไล่หลังเขาไป “ฉันไม่คุยงานในเวลาพักเที่ยงของฉันหรอกนะ!”
“งั้นคุยเรื่องทั่วไปก็ได้ครับ” เซบาสเตียนเปิดประตูรถ บอกเป็นนัยให้อีกฝ่ายขึ้นไปนั่งแต่โดยดี ทว่าอเล็กซิสยังคงยืนนิ่ง
“ทำไมฉันต้องนั่งรถนาย ในเมื่อรถของฉันก็มี”
“รถคุณอยู่บนฮอยต์” เขาหมายถึงแท่นยกรถ รู้ว่าเธอเอารถเข้ามาเปลี่ยนท่อไอเสียเมื่อเช้า พอคำนวณดูแล้ว ตอนนี้คงยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนอะไหล่
คนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ารถยนต์ของตัวเองไม่สามารถใช้ขับไปไหนได้ในตอนนี้ รีบหาเหตุผลอื่นทันที “ฉันจะยืมรถโจนส์ไป”
“จะรบกวนคนอื่นทำไมครับ ผมบอกว่าผมจะพาไป”
“นายบอกแล้วฉันต้องทำตามงั้นสิ” อเล็กซิสยกมือขึ้นกอดอก เหยียดริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง
ประโยคตีรวนนั้นทำเอาเซบาสเตียนถอนหายใจ “ช่วยขึ้นรถสักทีเถอะครับ”
อเล็กซิสจ้องหน้าเขา เล่นสงครามประสาทผ่านสายตา ก่อนจะยอมเดินลงส้นเท้าขึ้นไปนั่งในรถด้วยสีหน้าปั้นปึ่ง เธอไม่ได้อยากเป็นฝ่ายยอมเขาหรอก เธอก็แค่ทนจ้องตากับเขาต่อไม่ได้ก็เท่านั้น เพราะสายตาเขานิ่งมาก...นิ่งเสียจนเธอ...
ไม่ ไม่ใช่! เธอไม่ได้กลัว ไม่ได้เกรงอะไรในสายตาเขาทั้งนั้น เธอแค่หิว ใช่! เธอแค่หิว ก็เลยอยากไปจากตรงนี้เร็วๆ ก็เท่านั้นเอง
ความคิดเห็น |
---|