แล้วอเล็กซิสก็ได้โมโหแบบนั้นในอีกหลายสนามต่อมา เมื่อไรก็ตามที่เซบาสเตียนเห็นว่าเธอไม่สามารถตามคันหน้าได้ทันแล้ว เขาก็จะสั่งให้เธอใจเย็นและหยุดการขับรถอย่างน่าหวาดเสียวลงทุกรอบ จนเธอที่บอกตัวเองให้ฟังเขาบ้างเริ่มจะไม่อยากฟังแล้ว
จะให้ใจเย็นบ้าอะไรนัก ในตอนนี้เธอร้อนจนจะเผาพิตให้ราบเป็นหน้ากลองได้อยู่แล้ว!
การแข่งขันสนามที่สามและที่สี่จัดขึ้นที่สนามเรดบูลริง ประเทศออสเตรีย งานแข่งวันเสาร์นั้นเธอจบการแข่งขันอันดับที่สิบ ต่ำกว่าอันดับที่เธอควอลิฟายได้ เพราะเธอทำพลาดตอนเริ่มแข่งจนโดนคันหลังแซง ทำให้อารมณ์ของเธอคุกรุ่นเหมือนภูเขาไฟที่ใกล้จะระเบิด ในวันอาทิตย์ อเล็กซิสจึงกดดันตัวเองหนักยิ่งกว่าเดิม เธอต้องการผลงานที่ดีบ้าง จะเอาแต่อยู่แต่อันดับกลางๆ แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์แกล้งอีกครั้ง เมื่อมีไฟเตือนสีส้มสว่างขึ้นที่หน้าปัด อเล็กซิสเหลือบมองมันเร็วๆ ก่อนจะกดปุ่มไมโครโฟนหลังพวงมาลัยเพื่อวิทยุหาทีม “มีไฟขึ้นที่หน้าปัด”
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เซบาสเตียนก็วิทยุกลับมา “แรงดันน้ำมันเครื่องคุณตก”
“บ้าจริง!” นักแข่งสาวสบถอย่างหัวเสีย แค่เธอไม่สามารถย่นระยะห่างกับคันหน้าให้น้อยลงได้ก็น่าหงุดหงิดมากพอแล้ว ยังต้องมาเจอปัญหานี้เพิ่มอีก “ตอนนี้เหลืออีกกี่รอบ”
“สามครับ”
“โอเค ฉันน่าจะวิ่งจนจบดะ...”
“ประคองรถเข้าพิต”
“ว่าไงนะ!” คนที่ไล่บี้คันหน้าอยู่แทบจะทำรถเสียหลักด้วยความอึ้งกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “นายจะให้ฉันเข้าพิตงั้นเรอะ”
“ใช่”
“แต่รถมันยังวิ่งได้อยู่ และอีกแค่สามรอบก็จบการแข่งขันแล้ว นายจะให้ฉันหยุดแข่งตอนนี้เนี่ยนะ บ้าไปแล้วเหรอไง!”
“ถ้าคุณไม่กลับเข้าพิตตอนนี้ รถจะพังก่อนคุณแข่งจบ และเราคงเสียเครื่องยนต์ไปเลยแน่” เซบาสเตียนย้ำเสียงเข้ม ปัญหานี้สามารถทำให้รถพังได้ทุกเมื่อ เขาจำเป็นจะต้องให้เธอกลับเข้ามาและดับเครื่องยนต์ ก่อนมันจะเสียหายหนักเพราะขาดน้ำมันเข้าไปหล่อเลี้ยงห้องเครื่อง
นักแข่งสาวอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ก่อนจะตวาดเขากลับไปเสียงดังลั่น “ฉันไม่ออกจากการแข่งขันตอนนี้หรอกนะ ที่แปดมันอยู่ข้างหน้าฉันนี่เอง!”
"ผมบอกให้เอารถเข้าพิตเดี๋ยวนี้"
“ไม่! ถ้าเครื่องมันจะพังก็ให้มันพังไป ฉันไม่สนหรอก!”
“อเล็กซิส!”
“บอกว่าไม่ก็ไม่ไง หุบปากได้แล้ว!”
แน่นอนว่าเธอไม่ฟังเขาจริงๆ อย่างที่บอกไว้ และโชคดีที่รถแข่งวิ่งต่อได้จนจบการแข่งขันโดยไม่พังกลางทางอย่างที่เซบาสเตียนกลัว ตอนที่เธอกลับมาถึงพิตหลังจากนำรถไปจอดตรวจสภาพที่พาร์ก เฟอเม่แล้ว ก็ได้รับสายตาตำหนิจากเขาทันที แต่เธอก็เพียงแค่ลอยหน้าลอยตามองเขาอย่างไม่สนใจ
ถึงแม้ว่าสนามนี้เธอจะไม่ได้มีผลงานดีกว่าที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยรถมันก็ไม่ได้พังกลางทางอย่างที่เขาบอก แปลว่าเขาพูดผิด ส่วนเธอทำถูกแล้วที่ไม่ฟังเขา หึ เธอเกือบชวดคะแนนเก็บสะสม เพราะความตื่นตูมของเขาแล้วไหมล่ะ!
“โจนส์เพิ่งเล่าให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
เซบาสเตียนเงยหน้าขึ้นจากสมุดจดบนโต๊ะทำงานขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในอู่ของก็อตสปีด มองฌอห์นที่เดินเข้ามาพร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ สีหน้าของเซบาสเตียนนั้นราบเรียบเดาอารมณ์ไม่ออก จนเรียกรอยยิ้มแห้งๆ จากคนที่เข้ามาคุยด้วยได้ทันที แต่กระนั้นฌอห์นก็ยังเอ่ยถามต่อ
“รถเป็นยังไงบ้างครับ มีอะไรเสียหายหรือเปล่า”
“ไม่ครับ” วิศวกรหนุ่มส่ายหน้า วันนั้นหลังจากได้รถกลับมาจากพาร์ก เฟอเม่ เขาและทีมช่างก็รื้อรถเพื่อตรวจเช็กทุกอย่างยกใหญ่ เขากลัวมากว่าเครื่องยนต์จะพังจากการดันทุรังไม่เข้าเรื่องของเธอ
การที่รถเสียระดับความดันน้ำมันเครื่องนั้นเป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อกับรถแข่งทุกคัน ซึ่งถ้าระดับมันลดลงไปไม่มาก รถก็จะยังขับต่อไปได้ แต่ถ้าลดลงไปเกือบครึ่งหรือเกินครึ่ง ก็เสี่ยงที่จะทำให้เครื่องยนต์พังมาก หากขับต่อไปเรื่อยๆ เพราะแบบนี้เขาถึงได้สั่งให้เธอเอารถกลับเข้าพิตทันที แต่เธอไม่ฟังเขา
“โชคดีไปนะครับ”
เซบาสเตียนแค่นเสียงในลำคออย่างไม่เห็นด้วยกับความโล่งใจนั่น “เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเธอยอมเอารถกลับเข้าพิตมาตั้งแต่ตอนที่ไฟขึ้น”
“อเล็กซ์คงอยากแข่งให้จบ”
“เธอแค่อยากต่อต้านผมมากกว่า”
“คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ เธอคงอยากสู้ให้ถึงที่สุด แข่งมาสี่สนามแล้ว เธอยังไม่ได้ผลงานดีๆ เลยสักสนาม ก็คงกดดันเป็นธรรมดา” ฌอห์นพยายามมองเรื่องนี้ดูจากหลายๆ มุมมอง แม้จะคิดเหมือนกับวิศวกรหนุ่มตรงหน้า ว่าสิ่งที่อเล็กซิสทำไปนั้นไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีก็ตาม “อเล็กซ์อาจจะใจร้อนไปบ้าง แต่เธอไม่ได้แย่ไปซะทุกอย่างหรอกนะครับ จริงๆ แล้วเธอเป็นนักแข่งที่ดีและเก่งคนนึง”
เป็นอีกครั้งที่เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย “ยากที่จะเชื่อในสิ่งที่คุณพูด”
“ที่ผมพยายามจะอธิบายก็คือ ถ้าเธอไม่ดีจริง เธอไม่มีทางอยู่ในทีมเราได้หรอกครับ ฮาร์เวิร์ดไม่เอาไว้อยู่แล้ว ต่อให้จะหาสปอนเซอร์มาสนับสนุนทีมได้เยอะแค่ไหนก็ตาม” เขาพยายามอธิบาย เผื่อว่าจะช่วยให้สถานการณ์ตึงเครียดในทีมดีขึ้นได้บ้าง แต่อีกฝ่ายยังคงทำหน้านิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“เธอจำเป็นที่จะต้องใจเย็น และคิดให้มากกว่านี้” การขึ้นโพเดียมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้ เพราะการแข่งรถมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่มีรถดีหรือนักแข่งมีฝีมืออย่างเดียว “บอกตามตรง ด้วยฝีมือเธอตอนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะชนะ เรื่องได้แชมป์ฤดูกาลยิ่งไม่ต้องพูดถึง เธอยังต้องพัฒนาอีกเยอะมาก มีอะไรหลายอย่างมากที่เธอสู้นักแข่งคนอื่นไม่ได้ โดยเฉพาะการรักษาระดับฝีมือของตัวเองให้เท่ากันตลอดการแข่งขัน ถ้าเธอยังไม่รู้จักคุมอารมณ์ตัวเองให้อยู่ เธอจะไม่มีวันไปได้ไกลกว่านี้แน่”
“...อย่างนั้นเหรอ”
เสียงอเล็กซิสดังขึ้น ทำเอาสองหนุ่มที่พูดถึงเธออยู่รีบหันไปมองทันที แล้วก็ได้เห็นนักแข่งสาวในชุดเสื้อไหมพรมกับกางเกงยีนเข้ารูปยืนกอดอกอยู่ตรงประตูโรงรถหน้าอู่ ใบหน้าเธอบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้านายคิดว่าฉันมันไม่มีฝีมือ แล้วจะยังอยู่ในทีมที่ไร้อนาคตนี่ต่อไปเพื่ออะไร ไปหาทีมที่มีสิทธิ์ชนะไม่ดีกว่าหรือไง จะได้ไม่เสียชื่อเสียงของตัวเองด้วย” เธอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับก้าวยาวๆ เข้ามาหาคนที่เธอพูดด้วยอยู่ ดวงตากลมโตจ้องหน้าชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองนิ่ง
เซบาสเตียนมองตอบเธออย่างไม่หลบตา “ผมไม่ได้บอกว่าคุณไม่มีฝีมือ ผมแค่บอกว่าคุณยังต้องพัฒนาอีก”
“นายมันเฮงซวย”
“เอ่อ...” ฌอห์นมองซ้ายที ขวาที อย่างหาคนช่วย แต่ในอู่ซ่อมรถก็อตสปีดตอนนี้ไม่มีช่างคนอื่นอยู่เลยสักคน ตอนแรกเขาคิดว่าการมาพูดกับอีกฝ่าย อาจจะช่วยให้อีกฝ่ายเข้าใจและมองอเล็กซิสในแง่ที่ดีขึ้นได้บ้าง แต่ไม่คิดว่าอเล็กซิสจะมาได้ยินเข้า แถมเป็นตอนที่วิศวกรหนุ่มตำหนิเธออยู่พอดีเสียด้วย
“หลักสำคัญคือขับให้ได้ดีเหมือนตอนแรกทุกรอบ ไม่ใช่ดีบางรอบ เสียบางรอบ เพราะเวลาที่เสียไป มันมากกว่าเวลาที่ได้มา” แม้ว่าเธอจะด่าเขามาแบบนั้น แต่เซบาสเตียนก็ยังคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่งอยู่เหมือนเดิม แล้วเอ่ยในสิ่งที่เขายังพูดไม่จบต่อ “หัดใช้สมองคิดสักนิด แล้วคุณคงจะเข้าใจ ว่ามันจริงอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า”
อเล็กซิสกำหมัดแน่น ตัวเธอสั่นระริก ก่อนจะชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วเอ่ยอย่างโกรธจัด “หุบปากแล้วคอยดูให้ดีเถอะ สนามหน้าฉันจะทำให้นายเห็นว่าที่ผ่านมาฉันไม่ได้ถ้วยรางวัล มันเป็นเพราะนาย!”
งานแข่งสนามต่อไปมาถึงในอีกสองสัปดาห์ต่อมา ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่สนามนอร์ริชริง เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ห่างจากบริษัทก็อตสปีดเกือบห้าร้อยกิโลเมตร เซบาสเตียนขับรถมาที่สนามพร้อมกับโจนส์ ใช้เวลาเกือบหกชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย ที่ไม่ได้เดินทางด้วยเครื่องบินเหมือนอย่างครั้งอื่นๆ นั่นเพราะแถบนี้ไม่มีสนามบิน
พวกเขาออกจากบริษัทมาตั้งแต่กลางดึก เพื่อจะได้ถึงสนามในตอนเช้า และไม่ทันได้พัก ก็ต้องรื้อรถมาเช็กและเตรียมตรวจสภาพก่อนลงซ้อมแล้ว
โจนส์ที่ทำงานภายใต้รังสีมาคุจากนักแข่งสาวและวิศวกรหนุ่มมาหลายสนามเริ่มจะปลงแล้วว่าทั้งคู่คงไม่มีวันลงรอยกันได้แน่ ไม่ว่าจะเป็นตอนซ้อม ตอนควอลิฟาย หรือแม้กระทั่งตอนกินอาหารด้วยกันหลังเสร็จงาน พวกเขาก็ไม่สามารถคุยกันได้นานเกินห้านาที แล้วการแข่งขันสนามที่ห้าก็จบลงพร้อมๆ กับการทะเลาะวิวาทอีกครั้ง
ปัญหาเก่ายังไม่ทันได้เคลียร์ งานแข่งสนามที่หกก็เริ่มขึ้น แดดยามบ่ายนั้นถูกบดบังด้วยเมฆ วันนี้อากาศอึมครึม เมฆฝนตั้งเค้ามาให้เห็นไกลๆ แต่ละทีมรีบเตรียมยางฝนมารอกันให้วุ่น เผื่อว่าถ้าฝนลงเม็ดมาจริงและทางกรรมการสนามแจ้งให้ใช้ยางฝน ก็จะได้ทำการเปลี่ยนยางทันที
แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ยังคงแห้งสนิท แล้วงานแข่งสนามที่หกก็เริ่มขึ้น รถแข่งทุกคันบนกริดสตาร์ตพากันพุ่งทะยานไปข้างหน้า ต่างหาช่องว่างที่จะแทรกและแซงคู่แข่งขึ้นไปอยู่ช่วงต้นๆ แถวให้ได้
อเล็กซิสที่ขับรถอย่างน่าหวาดเสียวอยู่ในตอนนี้พยายามไล่บี้รถแข่งเบอร์สามสิบสาม คู่แข่งที่เธอไม่เคยตามเขาได้ทันมาตั้งแต่เปิดฤดูกาล แม็กซ์ มาร์คัส คนที่มักจะนำหน้าเธอก้าวหนึ่งเสมอ ทั้งในการควอลิฟาย ทั้งในการแข่งขัน ไม่ว่าเธอจะกดดันตัวเองแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถย่นระยะห่างที่มีได้เลย มีแต่จะถูกเขาดึงให้ห่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เธอไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจจริงๆ เธอทำทุกอย่างแล้ว เธอแทบไม่แตะเบรก เธอเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงอย่างไม่กลัวว่ารถอาจจะเสียหลักหรือชนกับใคร แต่ทำไม...ทำไมเธอถึงตามคันหน้าไม่ทันสักที
“ลืมสิ่งที่ผมบอกคุณตอนซ้อมไปแล้วหรือไง”
เสียงชายหนุ่มดังผ่านสัญญาณวิทยุมาให้ได้ยิน มือบางกำพวงมาลัยแน่น ตอบเขากลับไปเสียงห้วน “ฉันไม่ได้ลืม แต่ฉันแค่ไม่สนใจ”
“คุณควรจะสนใจ ก่อนตัวเองจะทำพลาด” เซบาสเตียนมองจอมอนิเตอร์ตรงหน้าตัวเองไปด้วยขณะคุยกับนักแข่งสาว ผลข้อมูลที่แสดงให้เห็นนั้นค่อนข้างน่ากังวล ระดับความเครียดของอเล็กซิสสูงเกินมาตรฐานไปมาก
การแข่งขันผ่านไปแล้วครึ่งทาง อเล็กซิสไม่ได้สื่อสารอะไรใดๆ กับคนในพิตอีก แม้จะยังมีเสียงรายงานเวลาต่อรอบดังมาให้เธอได้ยิน และคำสั่งที่เกี่ยวกับวิธีการขับรถ ซึ่งเมื่อได้ยินปุ๊บ เธอก็จะปล่อยมันทะลุหูอีกข้างไปทันที
โจนส์กับทีมช่างที่ยืนแหงนคอดูโทรทัศน์บนเพดานพิตที่กำลังถ่ายทอดสดการแข่งขัน ก็คุยกันไปด้วยว่า
“เฮ้ เวลาเธอเร็วขึ้นแล้ว”
“ศูนย์จุดสองวินาทีต่อรอบ เธอตามแม็กซ์ใกล้จะทันแล้ว”
“สู้เขา อเล็กซ์!”
ในขณะที่ทุกคนลุ้นกับการแข่งขัน วิศวกรหนุ่มที่นั่งอยู่ในพิตวอลกลับส่ายหน้า รถของเธอแทบคุมอาการไม่อยู่ ไลน์สนามที่เธอใช้นั้นไม่นิ่งสักรอบ ดูออกได้ชัดเจนว่าอเล็กซิสกำลังใช้อารมณ์ขับรถ ไม่ใช่สมอง และนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
หลังจากทนมองรถแข่งขับอย่างน่าหวาดเสียวอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็วิทยุไปหาเธออีกครั้ง
“คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ อเล็กซิส”
“ฉันกำลังจะพิสูจน์ให้นายเห็นยังไงล่ะ ว่าฉันสู้คนอื่นได้” เธอตอบกลับมา ถึงแม้เธอจะไม่สามารถขึ้นโพเดียมได้ แต่อย่างน้อยถ้าแซงรถเบอร์สามสิบสามได้ ก็น่าจะพิสูจน์ความสามารถของเธอได้ระดับหนึ่ง
“คุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรให้ผมเห็นในตอนนี้” เขายอมถอยให้เธอ เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นถ้าหญิงสาวยังขับรถแข่งด้วยอารมณ์อย่างนี้ต่อไป เธอเข้าโค้งเร็วเกินไปและเบรกลึกขึ้นทุกรอบ นั่นแปลว่าเบรกถูกใช้งานอย่างหนัก จนเสี่ยงว่าจานเบรกจะร้อนจนเบรกไม่อยู่ได้ทุกเมื่อ “ลดความเร็วลงเถอะ เรายังพยายามกันใหม่สนามหน้าได้”
“ฉันจะไม่ลดความเร็วลง จนกว่าฉันจะแซงมันได้”
“อเล็กซิส”
“หุบปาก! นายกำลังรบกวนสมาธิของฉัน” อเล็กซิสตัดเสียงของเขาออกไปจากสมอง เธอกลับมาเพ่งสมาธิมองรถของคู่แข่งที่นำหน้าเธออยู่ให้เห็นใกล้ๆ อีกนิดเดียวเท่านั้นเธอก็จะตามมันทันแล้ว
สนามนี้เธออุตส่าห์ได้เลื่อนขึ้นจากอันดับแปดมาอยู่อันดับหกจากการที่มีรถแข่งทีมอื่นพังและชนเข้ากับรถแข่งอีกคัน ดังนั้นถ้าเธอแซงแม็กซ์ได้ เธอก็จะได้จบการแข่งขันในอันดับที่ห้า
ซึ่งเธอจะไม่ยอมให้ใคร หรืออะไร มาขัดขวางเธอเด็ดขาด
ความคิดเห็น |
---|