10

บทที่ 10


            

 ๑๐
 

“โอ้โฮ!” อเล็กซานโดรอุทานลั่น “ทำไมหนอนน้อยของลุงยักษ์ใหญ่จัง!”

            สิ้นเสียงของเด็กน้อย ลุงยักษ์ก็หัวเราะลั่นทันที ยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานกับราม เขาไม่เคยหัวเราะจริงๆ จังๆ แบบนี้มาก่อน

            “ฉันโตกว่านายตั้งเยอะน่าอเล็กซ์”

            “ลุงยักษ์อายุกี่ขวบแล้วฮะ”

            “จะสามสิบแปดแล้ว”

            “สามบวกแปดหรือฮะ”

            “สามสิบแปดก็คือสามสิบแปด ไหนนับเลขไปเรื่อยๆ ซิ” ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เชสก์ อะลอนโซ จะต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเข้าจริงๆ แต่จะทำอย่างไรได้ เขาอยากรู้เรื่องของสองแม่ลูกมากกว่านี้

            อเล็กซานโดรเริ่มนับเลขตั้งแต่ หนึ่ง สอง สาม สี่...ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งครบสิบ วนสิบอยู่หลายครั้งจนเชสก์ต้องสอนนับไปเรื่อยๆ จากสิบขยับไปยี่สิบและสามสิบ พอถึงอายุของเชสก์เท่านั้นละ ดวงตากลมใสแจ๋วก็เบิกกว้างราวกับไข่ห่านใบโตๆ

            “แก่” เจ้าตัวแสบว่าทันควัน “ผมเพิ่งสี่ขวบเอง”

            “ฉันแก่กว่านายตั้งเยอะ ก็แบบนี้ละ” สาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยคิดอยากสอนสุขศึกษาให้เด็กอายุสี่ขวบฟังสักนิด แต่ถามมาก็ต้องตอบไป

            “ถ้าผมโตเท่าลุงเชสก์ หนอนมันจะใหญ่ตามหรือฮะ” ไม่ใช่แค่ถามอย่างเดียวเท่านั้น แต่เจ้าตัวแสบก้มลงดีดหนอนน้อยของตัวเองเล่นเสียอย่างนั้น

            “คงใช่มั้ง”

            “งั้นรีบอาบน้ำเลยฮะ รีบไปกินข้าว ผมอยากโตเท่าลุงยักษ์แล้ว” อเล็กซานโดรปีนลงอ่างอย่างไม่มีท่าทีอิดออดอีกแล้ว ทำเอาผู้ใหญ่ยิ้มมุมปากแล้วก้าวตามลงไป จัดการอาบน้ำให้ตัวเองและเจ้าหนูจนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงพากันแต่งตัว และพาเจ้าหนูจอบแสบออกหาอาหารตามที่ต้องการ

            เพราะมีอเล็กซานโดรมาด้วย เชสก์จึงให้เดรโกนำรถออกทั้งที่ปกติแล้วเขาชอบเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินมากกว่า ในช่วงโมงเร่งด่วนแบบนี้รถคงติดเป็นชั่วโมง แต่จะทำอย่างไรได้ เขาไม่อยากพาอเล็กซานโดรไปเบียดเสียดกับฝูงชนในระบบขนส่งสาธารณะ และการนั่งในรถก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเสียทีเดียว อย่างน้อยเขาก็จะได้หลอกถามเรื่องราวเก่าๆ ของสุคนธวาไปด้วย

            แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลนี่สิ...

            ชายหนุ่มปรายตามองเจ้าหนูตัวแสบที่เอาแต่เกาะกระจกรถมองแสงไฟในมหานคร แล้วก็บ่นหิวไปตลอดเวลาที่รถติดบนถนน สลับกับหันมาถามเขาว่ามีร้านขนมไหม จนสุดท้ายก็ไม่ได้ไปไหนไกล เชสก์ต้องสั่งเดรโกจอดที่สเต๊กเฮาส์แห่งหนึ่งที่ไม่หรูหรามากนัก แต่ก็น่านั่งในระดับหนึ่ง

            “ผมไม่อยากกินสเต๊ก ผมอยากกินขนม” เด็กแสบตัวดีร้องลั่น ทำท่าจะงอแงเสียแล้ว

            “ก็ไหนบอกว่าหิวไง ฉันก็รีบพาลงมากินแล้วนี่”

            “ผมหิวขนม”

            “ต้องกินของคาวก่อนสิค่อยต่อของหวาน” หนุ่มมาดเข้มปั้นหน้าดุ ถ้าไม่เกรงแม่เด็กจะโกรธ เขาก็อยากหยิกพุงกลมๆ นั่นให้หายมันเขี้ยวสักทีเหมือนกัน

            “สัญญาแล้วนะลุง” เจ้าหนูกอดอก ทำท่าฮึดฮัดแบบเดียวกับเขาไม่มีผิด

เชสก์ได้แต่ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก แล้วพยักหน้าตัดรำคาญ “เออน่า”

            เท่านั้นเองเจ้าหนูตัวแสบก็ยิ้มแป้นเสียจนเห็นฟันแทบครบทุกซี่ แล้วก็กินอาหารอย่างว่าง่าย เพราะมื้อนี้ยังอีกยาวไกล...อเล็กซานโดรต้องได้กินขนม!

หลังจากที่นอนจนพอแล้ว สุคนธวาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกว่าพื้นเตียงยวบลงเล็กน้อยราวกับมีอะไรบางอย่างกระโดดขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือแมวเบงกอลหน้าตาหยิ่งๆ ตัวเดิมที่เธอเคยเห็นอยู่ในเพนต์เฮาส์ของเชสก์ก่อนที่จะบินไปรับอเล็กซ์มาจากมาลิบู

            “ไงเจ้าเหมียว” หญิงสาวทักก่อนหวังผูกมิตรกับแมวหน้าดุของเชสก์ แต่เหมือนมันไม่ชอบที่เธอเรียกมันว่าเจ้าเหมียวสักเท่าไรเพราะทันทีที่พูดจบ เจ้าแมวเบงกอลก็แหกปากคำรามแบบเสือ แต่เสียงร้องแบบแมว

            เมี้ยว! แมวหน้าหยิ่งกระโจนใส่หญิงสาวทันที ทั้งยังข่วนจนได้เลือด ท่าทางบอกว่ามันไม่ชอบที่จะเป็นแมว แต่ชอบที่จะเป็นเสือมากกว่า

            แมวบ้าเหมือนเจ้าของไม่มีผิด!

            “โอเคๆ จ้ะพี่เสือ” สุคนธวาส่ายหน้าแล้วมองไปรอบตัว เธอยังอยู่ในห้องนอนของเชสก์ หนังสือเดินทางและซองใส่เอกสารแสดงตัวของเธอและลูกยังอยู่บนเตียง แต่กลับไร้เงาของอเล็กซานโดร

            คุณแม่คนสวยกวาดสายตามองไปรอบตัว แต่ก็ไม่เห็นลูกชาย จึงรีบลุกแล้วออกเดินหาลูกไปทั่วบ้าน

            “อเล็กซ์”

            ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร แต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของเด็กชาย ทำเอาหัวใจของคนเป็นแม่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเสียแล้ว ทั้งเชสก์และอเล็กซานโดรหายไปแบบนี้ คงไม่ได้หมายความว่าเขาขโมยลูกเธอไปแล้วใช่ไหม

            สุคนธวาเดินไปทั่วบ้าน โดยมีแมวเบงกอลตามติดไปทุกหนแห่ง แต่เธอไม่มีอารมณ์สนใจแมวตัวนี้แล้ว ที่เธอสนตอนนี้คือลูกเธอหายไปไหน

            “นานา” หญิงสาวพยายามเรียกระบบปฏิบัติการที่ปกติแล้วครอบคลุมทุกระบบในอะลอนโซ ทาวเวอร์ แต่ก็ยังเงียบ ไร้เสียงตอบรับใดๆ ไม่ว่าจะจากสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต

             คนที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพังเริ่มนั่งไม่ติด คิดไปสารพัดว่าเพราะเธอไม่ยอมเขาดีๆ หรือเปล่า เชสก์ถึงต้องเอาลูกเธอไป คิดจะบีบเธอทางอ้อมอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้เธอจะทำอย่างไรต่อไปเล่า เธอไม่อยากอยู่กับเขา ไม่อยากกลับไปยืน ณ จุดจุดเดิมอีก ทำไมต้องบังคับต้องตามราวีกันถึงเพียงนี้

            สาวร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเบดกลางโถงใหญ่อย่างสิ้นแรง ไม่สนเจ้าแมวหน้าตาแปลกประหลาดที่กระโดดมานอนซบตักเธอเสียแล้ว

            “ไงพี่เสือ แกเห็นลูกชายฉันไหม” พูดพลางยกมือขึ้นตามระดับความสูงของอเล็กซานโดร “ตัวเท่านี้ กลมๆ หน่อย แต่ไม่อ้วนนะ กำลังน่ารักเลย ลูกชายฉันยิ้มง่ายด้วยนะ แต่บางครั้งก็ดื้อก็งอแงตามประสาเด็ก ฉันไม่ค่อยได้ตามใจเขาหรอก ไม่ค่อยซื้อของเล่นให้ด้วย”

            แมวเบงกอลนั่งฟังตาเขม็ง ส่งเสียงร้องเป็นระยะๆ แล้วก็ยกขาหน้าขึ้นมาเลียหน้าตาเฉย ราวกับว่าที่เธอพูดไร้สาระสิ้นดี ท่าทางตลกๆ ของแมวลายเสือทำให้สุคนธวาอยากยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่ออก จนกระทั่งเสียงระบบปฏิบัติการดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงเจ้าตัวดีที่ดังมาก่อนตัวเสียอีก

            “มามี้ อเล็กซ์กลับมาแล้ว” สิ้นเสียงนั้นเพียงไม่นาน เด็กชายวัยสี่ขวบก็วิ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วราวกับพายุทอร์นาโด แต่กลับวิ่งเลยแม่ที่นั่งบนโซฟา ผลุบหายขึ้นไปชั้นบนที่เป็นห้องนอนเสียอย่างนั้น

            เชสก์และเดรโกเดินตามมาทีหลัง เจ้าของบ้านชะงักนิดๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าฮิตเลอร์ขึ้นไปนั่งตักสุคนธวา ส่วนเดรโกรเดินหลบฉากนำอาหารและขนมหวานไปเก็บไว้ในครัว

            เจ้าของบ้านเลิกคิ้วเล็กน้อย ก็เห็นชัดๆ ว่าสุคนธวานั่งอยู่ตรงนี้ แต่เจ้าเด็กเห็นแก่กินนั่นกลับวิ่งเลยไปหน้าตาเฉย ทว่าไม่ช้าก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับลงมาด้านล่าง

            “ลุกยักษ์ มามี้หายไปแล้ว!” อเล็กซานโดรร้องลั่น แล้วก็สะดุ้งเมื่อหันไปเห็นแม่นั่งทำหน้าดุอยู่ตรงมุมห้อง

            “มามี้มาแอบอยู่ที่นี่เอง” ว่าแล้วเด็กแสบก็ฉีกยิ้มประจบ เดินมานั่งข้างๆ แม่แล้วกอดเอวบางหมับ “ผมซื้อขนมมาฝากมามี้ด้วยฮะ”

            เชสก์เลิกคิ้ว มองสองแม่ลูกด้วยสายตาขบขัน โดยเฉพาะเจ้าเด็กแสบที่พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของแม่ ก็รีบประจบเสียก่อนที่จะถูกดุ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเท่าไร

            “ทำไมไม่บอกแม่ว่าจะไปไหน” สุคนธวาถามเสียงเย็น ไม่สนใจเสียงใสๆ เพราะห่วงความปลอดภัยของลูกมากกว่า

            “ก็...” เจ้าตัวแสบหน้าเจื่อน ยิ้มแรกไม่ได้ผล ไม่เป็นไร...ฉีกยิ้มอีกครั้งก็ได้

            “ว่ายังไง” คนเป็นแม่ถามเสียงดุ ไม่คล้อยถามเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ตรงหน้าเลยสักนิด

            “ก็...ก็...ก็...ก็มามี้หลับ” อเล็กซานโดรหน้าจ๋อย น้ำตาปริ่มทันทีที่เห็นแม่โกรธจริง ไม่ใช่แกล้งดุเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

            “อเล็กซ์เลยออกไปข้างนอกแล้วทิ้งแม่ไว้คนเดียวหรือ”

            “ก็ผมหิว กลัวว่าถ้ามามี้ตื่นมาแล้วจะไม่มีอะไรกิน” ลูกชายตัวแสบก้มหน้าจนคางชิดอก ไม่กล้าสบตาดุๆ ของแม่

            “แล้วออกไปกับคนแปลกหน้าได้หรือ” สุคนธวาว่าแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ‘คนแปลกหน้า’ ที่ยิ้มตาเป็นประกายในเงามืด ซุ่มดูเธอดุลูก...ผู้ใหญ่แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน

            “ลุงยักษ์ไม่ใช่คนแปลกหน้านะฮะ”

            “เราก็เพิ่งรู้จักเขาไม่ใช่หรืออเล็กซ์”

            “แต่มามี้บอกว่าลุงยักษ์เป็นเจ้านายของมามี้ ผมเลยไปด้วย” อเล็กซานโดรเบนสายตาไปที่แมวแทน ก็พบว่ามันกำลังมองด้วยสายตาหยิ่งๆ เหมือนเคย “นั่นเสือของลุงยักษ์นี่”

            “ไม่ต้องเบี่ยงประเด็นเลยอเล็กซ์” คุณแม่ยังสาวดุซ้ำ จนอเล็กซานโดรหน้าเหลือสองนิ้ว แล้วเริ่มมองหาความช่วยเหลือจากลุงยักษ์

            เชสก์ยิ้มมุมปาก หลังจากที่เฝ้าสังเกตมานานแล้ว อเล็กซานโดรกลัวแม่ในระดับหนึ่งทีเดียว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเด็กที่โตมาตามลำพังกับแม่ แต่ที่เขาชอบคือวิธีการสอนลูกของสุคนธวามากกว่า

            “เอาน่าผักหวาน ฉันไม่เอาลูกไปทิ้งที่ไหนหรอก” หนุ่มหน้าเข้มคลายมือที่กอดอกออก แล้วเดินมานั่งข้างสุคนธวา เธอก็ขยับตัวหนีห่างไปอย่างรวดเร็วราวกับเขาคือเชื้อโรค ที่จะไยดีก็คงจะมีแค่เจ้าฮิตเลอร์ตัวเดียวกระมังที่กระโดดมานั่งตักให้เกาคางทันทีที่เขานั่งลง

            “ใครคือผักหวาน” เด็กน้อยขยับมานั่งคั่นกลางเงยหน้าถามคู่อริทันที

            “แม่นายไง” เชสก์มองแม่ของเด็กน้อย พอเห็นสีหน้าเยือกเย็น แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธของเธอก็ยิ้มพรายที่ได้ยั่วโมโหเธออีกแล้ว “ไม่เชื่อก็ถามสิ”

            “มามี้ชื่อปากวานหรือฮะ”

            สุคนธวาสบตากับเชสก์เพียงครู่เดียวก็เบือนหน้าหนี เธอเหม็นหน้าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาเต็มแก่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

            “มามี้ๆ” เจ้าเด็กแสบเขย่าแขนแม่แรงๆ เพราะคิดว่าแม่โกรธ “มามี้ไม่ตอบ มามี้ไม่พูดกับผมแล้วหรือฮะ”

            “จ้ะ...ชื่อแม่เอง แต่ต้องเรียกให้ชัดๆ”

            “ปากวาน”

            “ผักหวาน” คนเป็นแม่แก้ให้

เท่านั้นลูกชายก็ยิ้มร่าเมื่อแม่มีสีหน้าผ่อนคลายลงแล้ว

            “ผักหวาน” แค่ครั้งเดียวเจ้าตัวแสบก็เรียกได้คล่องปาก ทั้งยังเอาแต่ท่องชื่อผักหวานซ้ำๆ ราวกับท่องพยัญชนะก็ไม่ปาน

            “ตื่นนานหรือยัง” เชสก์หันมาถามคุณแม่ของเจ้าเด็กแสบตรงๆ หลังจากที่ ‘แกล้ง’ สองแม่ลูกอยู่นาน

            “นานพอที่จะรู้ว่าลูกหาย” คนเป็นแม่อย่างสุคนธวาโกรธลูกได้ไม่นานก็จริง แต่กับเชสก์ไม่ใช่ เขาเป็น ‘คนอื่น’ สำหรับเธอ เป็น ‘คนแปลกหน้า’ สำหรับลูก เธอจึงไม่อยากญาติดีกับเขามากนัก ต่อให้เขาช่วยเหลือเธออย่างไรก็เถอะ

            “ฉันไม่เอาลูกเธอไปไหนหรอกน่า”

            สุคนธวาหันไปมองอเล็กซานโดรที่กำลังเล่นกับแมวลายเสือเงียบๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วหันไปถามเขาว่า “ฉันจะไปที่พักได้หรือยังคะ”

            “ดึกป่านนี้น่ะหรือ” คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมดุเลิกขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ “นอนที่นี่สักคืนไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่คิดเงิน”

            “ฉันไม่อยากรบกวนคุณ”

            “ไม่รบกวนนี่” เชสก์ยักไหล่แล้วยิ้มนิดๆ สีหน้ากวนประสาท “หรือว่ากลัว”

            ก็อยากจะยอมรับว่าทั้งกลัวทั้งไม่ไว้ใจเขานั่นละ แต่พูดไม่ออก เพราะรู้ดีว่ายิ่งพูดก็เหมือนชี้โพรงให้กระรอกเจ้าเล่ห์ สุคนธวาจึงได้แต่พยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”

            “ไปในครัวเถอะ ฉันซื้ออาหารมาฝาก”

            “ผมเลือกให้มามี้ต่างหาก” เจ้าตัวแสบแย้งทันควัน

            “แต่เงินฉันซื้อ”

            “แต่ผมเลือก”

            “เลือกยังไงแต่ถ้าไม่มีเงินก็ซื้อมาให้แม่นายไม่ได้หรอก” ผู้ใหญ่เถียงกลับ

            “ลุงยักษ์!” อเล็กซานโดรลุกพรวด จนเจ้าเหมียวเบงกอลตกใจจนร้องลั่นแล้วตะกายเล็บใส่อย่างแรง

            เมี้ยว!

            “อเล็กซ์!”

            “แง้!”

            ความโกลาหลบังเกิดขึ้นทันทีที่เด็กชายแผดเสียงร้องไห้จ้าแข่งกับแมวที่ร้องลั่น เช่นเดียวกับแม่เด็กที่อุทานด้วยความตระหนก และเจ้าของแมวก็ปราดเข้าไปรวบเจ้าฮิตเลอร์มาไว้ในอ้อมแขน

            แต่ทำไปทำมาเจ้าฮิตเลอร์กลับดิ้นหนีเจ้านาย ที่ร้ายกว่านั้นคือเชสก์อาศัยช่วงชุลมุนหันไปกอดสุคนธวาหน้าตาเฉย กลายเป็นว่าตอนนี้เชสก์กอดไว้ทั้งแม่ทั้งลูกทีเดียว

            “โฮ...นี่มัน ริชาร์ด ปาร์กเกอร์ ชัดๆ” เจ้าหนูกอดคอแม่ไว้แน่น ร้องไห้กระซิกๆ ซุกหน้าลงกับบ่าแม่

            คำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่ค่อยๆ คลายลงในทางที่ดีขึ้น สุคนธวาหัวเราะแล้วลูบหลังลูกชายเบาๆ

            “ริชาร์ด ปาร์กเกอร์ ไม่ทำอะไรคนหรอกลูก”

            “ทำสิๆ” อเล็กซานโดรกลัวจนตัวสั่น “มันต้องกินคนบนเรือตายแน่ๆ”

            “อเล็กซ์...ลูกน่ะกลัวไม่เข้าเรื่อง นั่นมันแมว”

            “เสือต่างหาก” เจ้าตัวแสบยังร้องเจือสะอื้นแล้วเถียงแม่อีกชุดใหญ่ “ลุงยักษ์บอกว่ามันเป็นเสือชื่อฮิตเลอร์ มันต้องกัดคนแบบริชาร์ด ปาร์กเกอร์ แน่”

            สุคนธวาขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินชื่อที่อเล็กซานโดรพาดพิงถึง เพิ่งรู้ตัวว่าถูกเชสก์ตีเนียนถึงเนื้อถึงตัวเข้าอีกแล้ว จึงหันไปขึงตาใส่เขา “คุณหลอกลูกฉันอีกแล้วหรือ”

            “เปล่าเสียหน่อย...ก็ลูกเธอบอกว่าเสือ ฉันขี้เกียจเถียงก็ต้องเลยตามเลย” เชสก์ยังแถหน้าด้านๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ก็กอดสุคนธวาไว้ไม่ยอมปล่อย

            “คุณเชสก์” สาวเจ้าทำเสียงดุ ดวงตากลมโตที่เคยเย็นชาตอนนี้เปลี่ยนเป็นวาววับเอาเรื่อง

            “อะไร” คนเจ้าเล่ห์ตีหน้าขรึม แต่ไม่ได้ผลสำหรับสุคนธวา เธอรู้จักเขาดี คนอย่าง เชสก์ อะลอนโซ ร้ายกาจแค่ไหนเธอก็เจอมากับตัวแล้วทั้งนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะยังอุ้มเจ้าตัวแสบไว้ จึงได้แต่ส่งสายตากำราบเขา

            “ปล่อยฉัน”

            “ฉันทำอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย เชสก์ยังตีหน้าเรียบเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป

            “คุณกอดฉัน!” เสียงหวานกระซิบลอดไรฟัน อย่างที่บอกว่าความอดทนของเธอใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

            แต่มีหรือที่คนอย่างเชสก์จะสน โกรธสิดี โมโหสิดี เพราะเขาก็รอเวลานี้มานานแล้ว อยากเห็นเธอแสดงอารมณ์อย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่วันๆ เอาแต่ทำหน้าเฉย เก๊กหน้าดุทำราวกับว่าเขาจะกลัวเธอไปได้ เขาไม่ใช่ลูกเธอเสียหน่อย

            นักธุรกิจหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ว่าแล้วก็ก้มลงหอมแก้มเธอเสียเลย ดูซิว่าจะเป็นอย่างไร

            “คุณ!” สุคนธวาตกใจจนตาโต เผลอทำอเล็กซานโดรหล่นตุ้บลงไปนั่งกองกับเจ้าฮิตเลอร์ทันที

            “โฮ...มามี้!” เด็กชายร้องลั่น จนคราวนี้เชสก์ต้องยอมปล่อยสุคนธวาจากอ้อมกอดอย่างเสียดาย แต่ก็เอาเถอะ ถ้าไม่ได้แม่ปลอบ เจ้าเด็กแสบนี่ไม่ยอมเงียบง่ายๆ แน่

            “มามี้ทิ้งผมทำไม”

            “แม่ไม่ได้ทิ้ง แต่ลูกตัวหนัก แม่อุ้มไม่ไหว” ปลอบลูกแล้วก็หันไปมองผู้ใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ที่กำลังยิ้มพรายด้วยสายตาเอาเรื่อง

เชสก์ทำไม่รู้ไม่ชี้ แล้วหันไปคุยกับเด็กน้อยจอมงอแง “ลุกได้แล้วไอ้หนู ไหนว่าซื้ออาหารมาให้แม่นายกินไง ป่านนี้แม่นายหิวแย่แล้ว”

            “มามี้หิวหรือยังฮะ” อเล็กซานโดรหยุดร้องไห้แล้วถามแม่ด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

            “หิวจ้ะ” สุคนธวายิ้มหวาน ลูกชายเป็นห่วงเป็นใยทั้งยังคอยนึกถึงเธอแบบนี้ จากที่ไม่หิวก็ต้องหิว

            “ไปฮะๆ” เด็กชายลุกขึ้นแล้วจับมือแม่ให้ลุกตามมา และกึ่งลากกึ่งจูงพาเข้าไปในครัว โดยมีเจ้าของบ้านและแมวประหลาดตามเข้าไปติดๆ

            เชสก์สั่งชุดสเต๊กเนื้อออสเตรเลียนวากิวส่วนโทมาฮอว์กพร้อมเครื่องเคียงมาให้ เพราะรู้ใจว่าสุคนธวาชอบตั้งแต่ที่รู้จักกันแรกๆ เขาลอบมองเธอและลูกชายเป็นระยะๆ ระหว่างที่อุ่นสเต๊กให้ พอเห็นว่าคุณแม่คนสวยแต่ใจแข็งก็กำลังจ้องมองเขาเขม็ง เชสก์ก็ยิ้มพราย

            “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเชสก์” เจ้าของเสียงหวานถามอย่างเหลืออด แค่ต้องอยู่ร่วมชายคากับเขาเธอก็แทบบ้าแล้ว ยังจะมาจ้องมองแล้วยิ้มตาเป็นประกายแบบนี้อีกทำไม มันทำให้หญิงสาวขนลุกด้วยความหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าเขามีแผนการอะไรหรือไม่ ดูอย่างที่เขาหาเรื่องกอดเธอเมื่อครู่นั่นปะไร ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ไม่เคยตามคนอย่าง เชสก์ อะลอนโซ ทันเลยจริงๆ

            “ไม่มี” คนกะล่อนยังยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเดินนำสเต๊กมาเสิร์ฟให้ถึงที่ ทำให้สองแม่ลูกสังเกตเห็นว่าเชสก์ใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย!

            การที่ผู้ใหญ่ตัวสูงใหญ่กำยำ ไว้หนวดเคราล้อมกรอบหน้าจนดุเข้มอย่างเชสก์มาสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูทำตัวเป็นเชฟแบบนี้มันน่าดูที่ไหน ใครเล่าจะกลั้นหัวเราะไหว

            “ขำอะไร”

            “ลุงยักษ์เป็นกะเทย!”  เจ้าเด็กแสบร้องลั่น จนแม้แต่แม่ยังปิดปากไม่ทัน

            คนถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘กะเทย’ ตีหน้ายักษ์ แล้วปราดเข้าไปหาเจ้าตัวแสบที่ร้องลั่นแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้ ตรงไปหลบหลังแม่พร้อมทั้งเปิดฉากฟ้องก่อน

            “มามี้ ลุงยักษ์จะเตะผม”

            ได้ยินอย่างนั้นแล้วคนเป็นแม่ก็ตกใจ ก็รู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเชสก์ไม่ใช่คนใจดีอะไรนัก แต่ไม่คิดว่าเขาจะรังแกเด็กอายุสี่ขวบด้วย

            “อะไรกัน คุณเตะลูกฉันด้วยหรือ” สุคนธวาตวัดมองคู่อริของลูกชายด้วยสายตาเอาเรื่อง จากเจ้าหญิงน้ำแข็งกลายเป็นแม่เสือทันที แต่แทนที่เชสก์จะสลดลงสักนิดหรือก็ไม่ ยิ่งโกรธก็ยิ่งเข้าทางเขาพอดี

            “ก็ลูกเธอน่าแกล้งจะตาย”

            “แต่นี่เด็กนะ ดูตัวคุณกับอเล็กซ์สิ จะเอาอะไรกับเด็ก” สุคนธวากวาดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า “คราวหน้าไม่ต้องเข้าใกล้ลูกฉันเลยนะ”

            “ได้” นักธุรกิจหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ พริบตาเดียวก็ก้าวมาประชิดแล้วโอบกระชับร่างเล็กบอบบางแนบแผงอกกว้าง “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะเข้าใกล้เธอแทน...ดีไหมผักหวาน”

            รอยยิ้มกรุ้มกริ่มและลมหายใจอุ่นๆ ของเขาทำเอาหญิงสาวตาโต พอตั้งสติได้ก็ผลักเขาออกไปเต็มแรง แต่เชสก์ก็ไม่ยอมขยับไปไหน ทั้งยังหัวเราะอารมณ์ดีอีกด้วย

            “ปล่อย” สาวเจ้ากดเสียงต่ำ ไม่อยากทะเลาะกันให้ลูกเห็น จะเป็นตัวอย่างไม่ดีเสียเปล่าๆ แต่กลับทำให้เชสก์ยิ่งได้ใจ ฉวยโอกาสหอมแก้มนวลเต็มรัก

            “คุณเชสก์!” คนถูกฉวยโอกาสสะดุ้ง แล้วศอกใส่หน้าท้องแข็งๆ ของเขาเต็มแรง จนเชสก์ยอมปล่อยในที่สุด

            “โอ๊ย!”

            สุคนธวาถอยกรูดเมื่อเห็นท่าทีคุกคามจากชายหนุ่มตรงหน้า “ฉันไม่ตลกนะคุณเชสก์”

            “ไม่ได้ให้ตลกเสียหน่อย”

            “ถ้าคุณทำแบบนี้ฉันจะไปจริงๆ นะ” คราวนี้ไม่ใช่แค่ขู่ แต่เธอพูดจริง หวังมาตลอดว่าการต้องพึ่งพาอาศัยกันครั้งนี้จะเป็นแค่เรื่องงานอย่างเดียวเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเชสก์จะไม่คิดแบบเธอ เขายังคุกคาม เข้าใกล้ ฉวยโอกาสถึงเนื้อถึงตัวเหมือนเดิมไม่มีผิด

            ดวงตาวาววับเอาเรื่องของหญิงสาวทำให้เชสก์ต้องยอมถอยก่อนชั่วคราว แสร้งกระแอมเล็กน้อย แล้วออกคำสั่งตามนิสัยเผด็จการเหมือนเดิม

            “รีบกินเสีย ป่านนี้ลูกชายเธอคงง่วงแล้วละ” พูดพลางชี้ไปที่เด็กแสบ ที่เมื่อครู่ยังทะเลาะกับเขาอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้หาวหวอด

            “ฉันพาลูกไปนอนก่อนดีกว่า” คนเสียงหวานบอกแล้วหันไปหาลูกชาย “ไปอเล็กซ์ แม่จะพาไปนอน”

            “มามี้กินก่อนสิ แล้วไปนอนพร้อมผม” ว่าแล้วก็กอดแม่หมับ “ผมอยากนอนกอดมามี้ฮะ”

            “ก็ได้ๆ” เจอลูกอ้อนของอเล็กซานโดรเข้าหน่อย คนเป็นแม่ก็ยิ้มได้ทันที

            หญิงสาวยอมกินอาหารฝีมือ (การอุ่น) ของเชสก์ โดยมีดวงตาคมปลาบจ้องมองทั้งเธอและลูกชายตลอดเวลา ทำให้เปอร์เซ็นต์ความอยากอาหารลดลงเกินครึ่ง เนื้อที่หมักเครื่องเทศและย่างสุกพอดีจนแทบละลายในลิ้นแทบไม่มีความหมายเลยเมื่อเจอรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขา

            “จะมองอีกนานไหมคะ” สุคนธวาวางมีดกับส้อมลงบนจานแรงๆ อยากบอกเขาว่าเธอหมดความอดทนแล้ว แต่ผลกลับไปตกกับเจ้าตัวเล็กที่สะดุ้งจนเกือบตกเก้าอี้ แล้วปรือตาขึ้นมองแม่อย่างงงๆ

            “มามี้ทำอะไรตกหรือฮะ”

            “ง่วงก็ไปอาบน้ำนอนสิอเล็กซ์” คนเป็นแม่หันไปหาลูกชายที่ทำตาสดใส ทั้งที่เมื่อครู่ยังตาปรอยอยู่แท้ๆ แล้วอ้าแขนรับร่างกลมที่ลงจากเก้าอี้แล้วเดินมาซุกเอวแม่อีกครั้ง

            “ผมอาบแล้วฮะ อาบน้ำกับลุงยักษ์”

            “อาบแล้วหรือ” มือลูบศีรษะลูก แต่ตาตวัดมองเชสก์อย่างไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเขาจะยอมทำอะไรให้อเล็กซ์ ในเมื่อเขาไม่ชอบเด็ก ออกจะรำคาญด้วยซ้ำไป

            “อาบแล้วฮะ” เจ้าตัวแสบผละจากอกแม่แล้วเงยหน้าถามเสียงใส “มามี้ฮะๆ โตขึ้นหนอนอเล็กซ์จะใหญ่เท่าของลุกยักษ์ไหมฮะ”

            แค็ก! สุคนธวาถึงกับสำลักทันที ปกติแล้วแม่อย่างเธอตอบลูกได้ทุกอย่าง แต่เจอคำถามนี้เข้าไป หญิงสาวก็ได้แต่หน้าแดง

            “ว่าไงล่ะฮะมามี้” เด็กแสบเขย่าแขนแม่อย่างแรง คาดคั้นเอาคำตอบด้วยวิธีเดียวกับเชสก์ไม่มีผิด จนหญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ

            “ก็ตอบลูกไปสิผักหวาน”

            “ยุ่ง!” คุณแม่คนสวยเผลอค้อนอย่างลืมตัว

            “อ้าว...ก็ลูกเธอถาม” เชสก์ยักไหล่ ไม่สนใจดวงตาวาววับเอาเรื่องของสาวเจ้าเลยสักนิด ทั้งยังยิ้มนัยน์ตาแพรวพราว รอคอยว่าคุณแม่คนเก่งจะตอบลูกชายว่าอย่างไร

            หนึ่งสายตาเจ้าเล่ห์ของผู้ใหญ่ กับหนึ่งสายตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กของลูกทำเอาสุคนธวาหน้าแดงจัด แล้วหลับหูหลับตาตอบให้พ้นๆ ไป

            “ก็แบบนั้นแหละลูก”

            “เท่านี้เลยใช่ไหมฮะมามี้” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวแสบทำมือประกอบด้วย ทำเอาแม่แทบสำลักลมหายใจตัวเอง รู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าวยามถูกจ้องมองด้วยตาคมกริบของเชสก์

            “เข้าไปนอนได้แล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ” เจ้าของบ้านบอกขันๆ

            “นอนตอนนี้ไม่ได้ฮะ ต้องแปรงฟันก่อน เดี๋ยวฟันหลอ ไม่หล่อเหมือนลุงยักษ์”

            “สรุปว่าฉันหล่อใช่ไหม” ‘คนหล่อ’ ยิ้มทันที

            “อุ๊ย!” เด็กแสบอุทานเสียงใสแล้วยกมือขึ้นปิดปากพร้อมส่ายหน้ารัวๆ “ลุงยักษ์ไม่หล่อหรอกฮะ ตัวใหญ่ขนยุ่บยั่บ”

            “ไปนอนได้แล้วไอ้ตัวแสบ” เชสก์คว้าหลังคอเสื้ออเล็กซานโดรแล้วออกแรงเพียงนิดหน่อย เด็กแสบก็ร้องว้ากแล้วเดินตามมาแต่โดยดี มีก็แต่แม่ของลูกนี่ละที่หน้าตาตื่น กลัวว่าเชสก์จะทำอะไรลูกเธอหรือไม่ แต่พอเห็นว่าเขาพาอเล็กซานโดรเข้าไปแปรงฟันก่อนนอนดีๆ ไม่ตีกันอีก หญิงสาวก็ถอนหายใจโล่งอก แล้วหันกลับไปเตรียมที่นอนให้ลูกชาย

 

“นั่นจะทำอะไร” เจ้าของบ้านถามเสียงเข้มเมื่อพาอเล็กซานโดรเดินออกมาแล้วเห็นว่าสุคนธวากำลังหอบหมอนและผ้าห่มสำรองออกจากห้องของเขา

            “ก็พาอเล็กซ์ไปนอนไงคะ ฉันเห็นว่าคุณปิดห้องนอนสำรองไว้ เข้าไม่ได้ ก็เลยจะพาอเล็กซ์ไปนอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่น”

            “ฉันจะให้เธอกับลูกนอนในนี้” เชสก์ปล่อยมือจากเจ้าหนูที่หาวปากกว้างจนแมลงวันแทบจะบินเข้าไปวางไข่เล่นได้ แล้วเดินกลับมาหาสุคนธวา จากนั้นจงใจฉวยทั้งหมอนและผ้าห่มมาไว้เอง

            “คุณจะออกไปนอนข้างนอกหรือคะ” สุคนธวาส่ายหน้าทันที “แต่คุณเป็นเจ้าของบ้าน”

            “ใครบอกเธอว่าฉันจะนอนข้างนอก” ชายหนุ่มทำหน้าบึ้ง เดินหอบทั้งหมอนและผ้าห่มไปเก็บ แล้วเดินมาดึงสุคนธวาให้ตามไปที่เตียง

            “อะไรกันคุณเชสก์ ฉันนอนข้างนอกก็ได้”

            “ให้ผู้หญิงกับเด็กไปนอนนอกห้อง แต่ผู้ชายอย่างฉันนอนสบายๆ บนเตียงอย่างนั้นหรือ...คงดูดีพิลึกละ”

            “ฉันไม่บอกใครหรอกค่ะ” สาวร่างเล็กขืนตัวไว้ แต่สู้แรงเขาไม่ได้ สุดท้ายก็ถูกลากไปจนถึงเตียงอยู่ดี

            “จะกลัวอะไรนักหนาผักหวาน กลัวฉันจะทำอะไรเธอหรือไง ลูกเธอก็อยู่ คิดว่าฉันโรคจิตขนาดนั้นเลยเรอะ” เชสก์ถามเสียงดุ พลางกดบ่าเล็กของสาวตรงหน้าให้นั่งลงบนเตียงแต่โดยดี

            สุคนธวาเม้มปากแน่น เธอไม่ไว้ใจเขาเลย อยากเถียงออกไปใจจะขาดว่าเขาน่ะโรคจิตกว่าที่คิด ประสาอะไรกับแค่มีอเล็กซานโดรอยู่ในห้อง เด็กน้อยประเดี๋ยวก็หลับ แต่เขานี่สิ...

            “มามี้ นอนๆ” เด็กชายตัวกลมเรียกแม่แล้วตบลงบนที่นอน

มาถึงตรงนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้ว สุคนธวาถอนหายใจแล้วดึงลูกชายให้ขยับมากลางเตียง “อเล็กซ์นอนตรงกลางนะ จะได้ไม่ตกเตียง”

            “ได้ฮะ” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย พอล้มตัวลงนอนก็หลับตาทันที

            “หึ” เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของเชสก์ทำให้หญิงสาวตวัดมองด้วยดวงตาวาววับเอาเรื่อง แล้วถามเสียงแข็ง

            “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเชสก์”

            “ไม่มีนี่” หนุ่มหน้าเข้มยักไหล่ ปิดไฟแล้วก็ล้มตัวลงนอนทันที

            ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความมืดชนิดที่ว่ามองไม่เห็นแม้แสงไฟจากด้านนอกแม้แต่น้อย มาถึงตอนนี้แล้วเธอคงปฏิเสธไม่ได้อีก หญิงสาวร่างเล็กถอนหายใจ นั่งลงบนขอบเตียงคนละฝั่งกับเชสก์ แล้วล้มตัวลงนอนช้าๆ โดยมีอเล็กซานโดรนอนคั่นกลาง

            “มามี้ๆ” เจ้าตัวแสบสะกิดต้นแขนแม่ยิกๆ

            “มีอะไรหรือเปล่าครับอเล็กซ์”

            “ลุงยักษ์นอนทับแขนผม” เด็กชายฟ้องแล้วทำท่าจะร้องไห้ เดือดร้อนคนเป็นแม่ต้องลุกนั่งแล้วเอื้อมมือไปเขย่าแขนเขาเบาๆ

            “เชสก์...คุณนอนทับแขนลูกฉัน”

            เงียบ...

            คนตัวโตยังนอนนิ่ง แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงตามลมหายใจ ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยสักนิด ทั้งที่ปกติเขาก็เป็นคนประสาทสัมผัสไวจะตายไป

            หรือว่าเขาจะเหนื่อยจากการเดินทาง...

            คุณแม่คนสวยถอนหายใจ ก้มลงไปหาอเล็กซานโดรแล้วช่วยดึงแขนลูกชายออก ก่อนจะปลอบด้วยเสียงเบาจนแทบเป็นกระซิบ “ลุงยักษ์ของลูกคงเหนื่อย”

            “แลกที่กันนะมามี้ คราวหน้าลุงยักษ์ทับแบนแน่ๆ” อเล็กซานโดรพูดไปหาวไป ท่าทางง่วงจัด จนคนเป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจ แล้วพยักหน้าในความมืด

            “ก็ได้จ้ะ”

            เจ้าตัวแสบปีนข้ามตัวแม่มานอนริมเสียเองก่อนที่จะถูกลุงยักษ์ทับจนแบน แล้วหันมากอดมาหอมแม่ฟอดใหญ่ ไม่นานก็หลับไป

            ไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ข้างตัวทำให้คุณแม่คนสวยกระสับกระส่าย เธอขยับเข้าไปกอดลูกชาย พยายามอยู่ให้ห่างเชสก์มากที่สุด

            สุคนธวานอนไม่หลับ หญิงสาวพลิกซ้ายพลิกขวา เสียงลมหายใจแรงๆ ของลูก ไหนจะเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเชสก์อีก ทำให้เธออดหวนนึกถึงวันเก่าๆ ไม่ได้

            ครั้งแรกที่สุคนธวาได้ยินเสียงลมหายใจของเชสก์ในระยะใกล้แบบนี้ คือวันเดียวกับที่ตื่นมาแล้วพบว่าชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกเลย...

            เด็กสาวที่เพิ่งเริ่มโต ยังไม่เป็นสาวเต็มตัวด้วยซ้ำ ไม่เคยรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของชายหญิง แม้จะรู้จักและเคยใกล้ชิดกับเขามาบ้าง แต่ยังไม่เลยเถิดมาถึงตอนนี้ แม้จะพยายามทำตัวร่าเริงอย่างไร แต่การข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเกิดเป็นความอ้างว้างที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในหัวใจ อ้อมกอดของเชสก์ซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้จักปลอบประโลมใจที่หวาดกลัว เธอไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าปล่อยให้เรื่องราวไปไกลถึงขั้นนั้นได้อย่างไร ทั้งเธอและเขาต่างก็ไม่มีสติด้วยกันทั้งคู่ กว่าจะรู้ตัวอีกที...ทั้งเขาและเธอก็พลาดไปเสียแล้ว

            หญิงสาวส่ายหน้าไปมา เตือนตัวเองให้ลืมเรื่องพวกนี้ไปเสีย แต่ยิ่งเธอขยับก็พบว่าเชสก์เข้าใกล้เธอเรื่อยๆ ทั้งยังตวัดวงแขนกว้างกอดเธอไว้อีก

            “คุณเชสก์!” คนเสียงหวานกระซิบ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจที่อยู่ๆ ก็ถูกเขาคว้าเข้าไปกอด เธอดิ้นขลุกขลัก หันไปมองหน้าเขา แต่ชายหนุ่มก็ยังนิ่ง คล้ายว่าหลับลึกเหลือเกิน กระนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ เชสก์เป็นจอมเจ้าเล่ห์ เธอเคยเสียรู้เขามาแล้ว และเธอจะไม่มีวันเป็นอย่างนี้อีก

            “ปล่อยฉัน...”

            ก็ยังคงไร้สัญญาณตอบรับจากผู้ชายที่นอนกอดเธอไว้ สุคนธวาทั้งกระซิบขู่ก็แล้ว หันไปหยิกเขาก็แล้ว แต่เชสก์ก็ยังเฉยไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งยังกอดเธอแน่นกว่าเดิมขึ้นไปอีก

            สาวร่างเล็กถอนหายใจอย่างจนปัญญา สุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้เขาอีกตามเคย เธอหันหลังให้แล้วกอดลูกชายไว้ ซุกหน้าลงกับไหล่เล็กของลูกชายราวกับจะหาที่พึ่ง พยายามข่มตาให้หลับ และสุดท้ายความเหนื่อยล้าที่เผชิญมาตลอดหลายวันก็ทำให้เธอผล็อยหลับไป

            ...

            หลังจากสุคนธวาหลับไปได้สักพัก โคมไฟข้างเตียงฝั่งเชสก์ก็สว่างขึ้นโดยฝีมือของชายหนุ่ม ดวงตาคมกริบมองหญิงสาวที่นอนกอดเด็กชายไว้แน่น บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็น รู้แต่ว่าหัวใจที่เคยเต้นเป็นปกติมาหลายปีกำลังพองโตและแกว่งไกวนิดๆ ไม่เป็นจังหวะมั่นคงเหมือนอย่างเคย พลันเกิดคำถามที่ว่า

            เมีย...และลูกของเขาใช่ไหม

            เชสก์รู้สึกคันยิบๆ ที่หัวใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสุคนธวาดี จากที่เคยขู่ก็แล้ว บังคับก็แล้ว จนมาถึงอ่อนลงด้วยก็แล้ว แต่เธอก็ยังปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอกว่าพ่อของอเล็กซานโดรคือใคร ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ แล้วอย่างนี้เขาจะช่วยเธอได้อย่างไร

            หนุ่มร่างสูงถอนหายใจ เขานอนไม่หลับเสียแล้ว จึงลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปยังสองแม่ลูกอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด

            ไม่ยอมบอกดีๆ ก็คงต้องตรวจดีเอ็นเอ!

            ดวงตาคู่คมมองที่สองแม่ลูกอีกครั้ง ก่อนเขาจะลุกขึ้นเดินอ้อมเตียงไปทางเด็กน้อยที่ยังหลับในอ้อมอกแม่ แล้วแอบกระตุกเส้นผมเจ้าตัวแสบจนรากผมติดมือมาได้สามสี่เส้น

            “งื้อ” เด็กชายตัวกลมคราง คงจะเจ็บ ทำเอาเชสก์กลั้นยิ้มไว้ไม่ได้อีกต่อไป

            “ขอโทษทีไอ้หนู” เจ้าของเสียงเข้มบอกเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องนอน ตรงเข้าไปในห้องทำงาน เก็บตัวอย่างผมของอเล็กซานโดรอย่างดี แล้วเรียกเดรโกขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้วก็ตาม

            “ครับคุณเชสก์” บอดีการ์ดหนุ่มเข้ามาหาเจ้านายด้วยท่าทีเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย ไม่มีท่าทีง่วงงุนหรือไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย

            “ขอโทษที่ปลุกมากลางดึก แต่ฉันมีเรื่องให้นายช่วย”

            “ครับคุณเชสก์” เดรโกพยักหน้า สงบนิ่งไม่ต่างจากหุ่นยนต์

            “รับนี่ไป” พูดพลางส่งเส้นผมของอเล็กซานโดรที่อยู่ในซองพลาสติกให้

            เดรโกขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็รับมาแต่โดยดี

            “ของอเล็กซ์ ฉันอยากพิสูจน์ให้แน่ใจว่าอเล็กซ์ใช่ลูกฉันจริงๆ หรือเปล่า”

            “ได้ครับ”

            “ขอด่วนที่สุดด้วย”

            “ครับคุณเชสก์” เดรโกพยักหน้ารับคำสั่งแล้วล่าถอยออกไป

            หลังจากคนสนิทออกไปแล้ว แต่เชสก์ก็ยังนอนไม่หลับ เขาเดินกลับเข้าห้องนอนแล้วล้มตัวลงนอนข้างสุคนธวา ดึงร่างเล็กบอบบางมากอดไว้ กลิ่นหอมอ่อนๆ อย่างที่เคยคุ้นทำให้อดใจไม่ไหว แอบฉวยโอกาสหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่

            “อื๊อ...” เจ้าของเสียงหวานครางอู้อี้ มือก็ปัดสัมผัสนั้นแรงๆ จนปลายเล็บข่วนเข้าที่แก้มเชสก์จนได้

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น