14
ผู้คุมกับเชลยสาว 2
หลังจากวันนั้นอนินทิตาก็พยายามไม่ทำตัวอยากรู้อยากเห็นเรื่องของรามมากเกินไป ซึ่งรามเองก็ดูยุ่งมาก สองสามวันให้หลังมานี้เขาเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน แต่น่าแปลกที่เขาไม่ยอมให้เธอเข้าไปยุ่มย่ามเหมือนวันแรกๆ นั่นทำให้อนินทิตามั่นใจว่าเขาต้องซุ่มทำอะไรบางอย่างแน่ๆ ดีไม่ดีอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับเธอก็ได้ ถึงไม่ยอมให้เธอเข้าใกล้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปไหนก็ต้องลากเธอไปด้วยทั้งที่อยู่ในบ้านแท้ๆ
แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่...
อนินทิตาครุ่นคิดตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนหลับยังเก็บไปฝันว่า หนีการไล่ล่าจากรามจนพลัดตกภูเขาวิกตอเรียตายในสภาพศพไม่สวยอย่างที่กลัวมาตลอด ทำเอาสาวคนเก่งสะดุ้งตื่นและลุกนั่งอย่างรวดเร็ว เหงื่อผุดพรายไปทั่วใบหน้าและไรผม หัวใจของเธอยังเต้นแรงราวกับจะกระดอนออกมานอกอก แต่พอตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองยังอยู่ในเพนต์เฮาส์บนภูเขาวิกตอเรีย ไม่ได้ตกลงไปอย่างในฝันก็ถอนหายใจโล่งอก
เอาวะ...อย่างน้อยก็ยังไม่ตาย
หญิงสาวสายหน้าขันๆ พลางนึกไปถึงฝันที่เหมือนจริงมากจนเธอหลอนไปหมด ทันทีที่เก็บเตียงและล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอก็เยี่ยมหน้าออกไปนอกประตูเล็กน้อย แต่ไม่เห็นใครจึงเดินลงมาชั้นล่าง ทันเห็นหลังรามไวๆ เขาแต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน ทั้งยังสวมสูทเต็มยศเดินออกจากเพนต์เฮาส์ไปอย่างรวดเร็ว
คนแอบมองขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าเขาไปไหน ทำไมต้องแต่งตัวเสียเท่เชียว...ผู้ชายแบบรามนี่น่ะหรือ คิดแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว ยังไม่ถึงเวลาอาหารด้วยซ้ำ แต่รามออกไปแล้ว เขาน่าจะไปกับผู้ชายที่ชื่อฆวนฟราน ดังนั้นพอลก็น่าจะอยู่เฝ้าเธอที่นี่ แต่ทั่วทั้งบ้านกลับเงียบงันราวกับป่าช้า ไม่เห็นแม้เงาของหนุ่มผมทองท่าทางขี้เล่นเลย
“คุณรามออกไปแล้วครับ” เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นในระยะใกล้ อนินทิตาหันไปมองและพบว่าเป็นพอลนั่นเองที่ยืนอยู่ที่กรอบประตู
มาไม่ให้สุ้มให้เสียง เดี๋ยวแม่ผลักตกภูเขาเสียหรอก! สาวคนเก่งคิดอย่างเคืองๆ แค่ถูกกักตัวไว้ที่นี่ก็เบื่อพอแล้ว ยังจะหาเรื่องแกล้งเธออีก พอกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องจริงๆ
“รามไปไหนแต่เช้า”
“ธนาคารกลางครับ”
“แต่งตัวหล่อแบบนั้นได้ด้วยหรือ” ถามพลางพยักพเยิดไปทางประตูที่ ‘คนหล่อเนี้ยบ’ เพิ่งเดินออกไป
“ผมจะบอกคุณรามว่าคุณแอบประชดเขา” พอลยิ้มเจ้าเล่ห์พอกับเจ้านาย แต่ในสายตาอนินทิตาแล้ว...ดูดีกว่ารามเยอะ
“บอดีการ์ดล้อเล่นกับเจ้านายได้ด้วย” นักจิตวิทยาสาวแสร้งทำตาโต สีหน้าประหลาดใจแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ว่า ‘เสแสร้ง’ สุดๆ
พอลหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แล้วผ่อนท่าทีเข้มงวดลงเล็กน้อย และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาดูน่าคบมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
“บอดีการ์ดที่ไหนจะกล้าล้อเล่นกับเจ้านายล่ะครับ...ใช่ไหม” ตอบพลางยิ้มเล็กน้อย ทำตาวับวาวราวกับกำลังสื่อความนัยบางอย่าง
อนินทิตามองท่าทางของเขาอย่างพิจารณา สิ่งที่เขาแสดงออกทำให้เธออยากจะเชื่อสัญชาตญาณตัวเองเหลือเกินว่ารามไม่ใช่เจ้านายที่แท้จริงของสองคนนี้ เพียงแต่ทุกทฤษฎีต้องมีข้อพิสูจน์มายืนยันก่อนเสมอ ซึ่งตอนนี้เธอยังจับไม่ได้ เพราะเวลาสองคนนี้อยู่ต่อหน้าราม พวกเขาก็มีท่าทีเคารพรามดีไม่ใช่หรือ
เว้นแต่ว่าพวกเขาทำเฉพาะแค่เวลาที่เธออยู่ด้วยเพื่อ ‘ตบตา’ เท่านั้น...นักจิตวิทยาสาวคิดแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ทฤษฎีนี้มีความเป็นไปได้สูง เหลือก็แต่พิสูจน์เท่านั้น
“คุณกินอะไรมาหรือยังล่ะพอล”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นก็มานั่งกินกับฉันสิ” เธอออกคำสั่งตามใจตัวเองแบบไม่ยอมฟังคำตอบของเขาเลย
บอดีการ์ดหนุ่มมองสาวสวยแต่นิสัยแปลกตรงหน้าแล้วก็หัวเราะชอบใจ จากนั้นจึงเดินมานั่งตรงข้ามหญิงสาวแต่โดยดี แล้วพูดต่อไปว่า “คุณเหมือนคุณรามมากนะ”
“ไม่เอาน่า” คนสวยทำเสียงขัดใจ “ฉันไม่อยากเหมือนอีตาบ้านั่นหรอก คนอะไรซกมก หนวดเคราไม่โกน ผมเผ้าก็ปล่อยยาวรุงรังเชียว”
“เขาเรียกว่าผู้ชายเซอร์ๆ ครับ”
“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเซอร์ๆ เสียหน่อย” อนินทิตาฉีกยิ้มหวานแล้วพูดหน้าตาเฉย “ฉันเป็นคนสวย”
“แค็กๆ” พอลถึงกับสำลักโจ๊กฮ่องกงสูตรจักรพรรดิที่เป็นอาหารมื้อเช้าของวันนี้ทันที
“อะไร” คนสวยทำเสียงฉิวแล้วยื่นผ้าให้เขา
“ขอบคุณครับ” รับผ้าจากมือหญิงสาวมาเช็ดจนเสร็จแล้วจึงเพิ่งเห็นว่าที่เธอยื่นให้เขาน่ะ...แท้จริงแล้วมันคือผ้าเช็ดโต๊ะ
พอลถอนหายใจแล้วส่ายหน้าอย่างระอา ในขณะที่อนินทิตาหัวเราะเบาๆ อย่างนึกสนุก “เอาน่า นั่นยังไม่ได้เอาเช็ดโต๊ะเสียหน่อย แค่ล้อเล่นเอง”
“คุณน่ะเหมือนคุณรามมากจริงๆ”
“ฉันบอกว่าฉันสวย”
“ก็ไม่เถียง” พอลหัวเราะหึๆ “ผมไม่ได้หมายถึงหน้าตา ผมหมายถึงนิสัย”
“ฉันดีกว่าเจ้านายคุณเยอะน่า” อนินทิตาทำท่าขนลุก
“ครับ” พอลรับคำง่ายๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก เขาก้มหน้ากินโจ๊กต่อไปเงียบๆ มีบ้างที่เงยหน้ามาสบตาสาวตรงหน้า แต่ก็ไม่พูดอะไร
อนินทิตาลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ นับว่าเริ่มต้นได้ดีในการตีสนิทพอล เขาคลายท่าทีเข้มงวดกับเธอลงแล้ว จะหลอกถามเรื่องรามตอนนี้เลยก็ได้ แต่เธอไม่ทำ เพราะยิ่งรุกเร็วอาจยิ่งทำให้เป้าหมายสงสัย แทนที่จะสำเร็จก็อาจทำให้เขารู้ตัวแล้วถอยห่างไปอีก
“นี่คุณ” เจ้าของเสียงหวานลองเรียก
“ครับ”
“ฉันเบื่อ เล่นเกมเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“จะดีหรือครับ”
“ดี” อนินทิตาตอบโดยไม่ต้องคิด แต่พอเขาทำท่าอิดออด เธอก็สั่งสำทับ “นี่คือคำสั่ง คุณต้องเล่นเป็นเพื่อนฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะหนี อยากลองเสี่ยงให้เจ้านายคุณรู้ไหมว่าคุณดูแลฉันไม่ดี...โดนเอาเรื่องฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“โอเคครับๆ ไม่ต้องขู่หรอก ผมจะเล่นเป็นเพื่อนก็ได้”
“ดีมาก” สาวแสบดีดนิ้วชอบใจ “ไปเปลี่ยนชุดด้วยนะ อย่าสวมสูทผูกไทมานั่งเล่นเกมกับฉันเลย ขัดลูกตาฉันมาก”
“แต่...”
“ถ้าเถียง ฉันจะบอกรามนะ” อนินทิตาขึงตาสวมมาดดุใส่ จนพอลต้องยอมพยักหน้า พอกินโจ๊กเสร็จก็ออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดยดี
...
พอลกลับมาอีกครั้งในอีกสิบห้านาทีต่อมา ซึ่งภาพลักษณ์ใหม่ของเขาทำหญิงสาวที่นั่งรอถึงกับสำลักน้ำอัดลมที่กำลังดื่มทันที
“แค็กๆ” อนินทิตาไอโขลกอยู่นาน แล้วจึงเงยหน้ามองคนที่สวมเสื้อทีมฟุตบอลกับกางเกงขาสั้นเดินมานั่งข้างๆ เธอ ไม่เหลือคราบบอดีการ์ดสุดหล่อในชุดสูทเลยสักนิด
นี่เขาประชดเธอใช่ไหม...คิดแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ไม่สนใจสีหน้างงๆ ของพอลเลยสักนิด
“ตลกขนาดนั้นเลยหรือครับ”
“เปล่าๆ” อนินทิตาโบกมือ มืออีกข้างยังกุมท้องหัวเราะเมื่อจินตนาการว่าถ้าพอลแต่งตัวแบบนี้แล้วถือปืนในมาดบอดีการ์ด...จะมีใครกลัวไหมเนี่ย
“คุณทำผมหมดความมั่นใจเลยนะ” พอลก้มลงมองเสื้อฟุตบอลทีมชาติของตัวเองสลับกับสาวที่ยังหัวเราะจนตัวงอ แล้วก็เริ่มอยากกลับไปสวมสูทเหมือนเดิมเสียแล้ว
“ฉันแค่สงสัยว่าถ้าอยู่ๆ มีคนร้ายบุกมาแล้วคุณต้องสวมชุดแบบนี้ถือปืนไปสู้กับคนร้าย...มันจะเป็นยังไง”
“ไม่มีใครกล้าบุกบ้าน ‘เจ้านาย’ ผมหรอกน่า” พอลบอกยิ้มๆ ดวงตาแฝงไปด้วยความนัยแปลกๆ
อนินทิตาจับสังเกตทุกอากัปกิริยาของเขาตลอดเวลา และทันเห็นนัยน์ตาพราวระยับเมื่อครู่จนต้องออกปากถาม “ทำไมไม่มีใครกล้าล่ะ”
“เจ้านายผมเป็นมาเฟีย” พอลตอบเรียบๆ
สาวคนฟังยังไม่เชื่อเสียทีเดียว เธอประสานสายตากับเขาราวกับจะค้นหาความจริง แล้วก็คิดไปด้วยว่าอย่างรามนี่น่ะหรือมาเฟีย...ไปหลอกเด็กเถอะ
หนุ่มสาวจ้องกันอยู่อย่างนั้น จากนั้นอนินทิตาก็เป็นฝ่ายกลั้นไม่ได้อีกต่อไป เธอหัวเราะดังลั่นพอๆ กับเมื่อครู่
พอลขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ไม่เชื่อหรือ”
“บอกว่าเป็นอาชญากรยังน่าเชื่อกว่าอีก”
“แล้วมาเฟียนี่ไม่ใช่อาชญากรหรือ”
“ก็ใช่” กว่าจะหยุดหัวเราะได้ เธอก็เหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน “แต่ไม่ใช่แบบรามแน่ๆ”
บอดีการ์ดหนุ่มยักไหล่เบาๆ เขาไม่ตอบ แต่เดินเลี่ยงไปเปิดกล่องที่วางข้างกล่องแผ่นดีวีดีซีรีส์ แล้วหยิบเกมโลกสมมุติแบบที่รามเล่นในแลปทอปออกมา
“เล่นกับทีวีก็ได้หรือ”
“ได้สิ” พอลพยักหน้าแล้วส่งจอยสติกให้หญิงสาว
“อีตาบ้านั่นก็หลอกฉวยโอกาสกับฉันน่ะสิ” อนินทิตากัดฟันกรอด นึกไปถึงตอนที่เขาสอนเธอเล่นเกม หลอกว่าเธอต่างๆ นานาอีกต่างหาก
พอลเห็นท่าทางโกรธจนเหมือนแทบจะพ่นไฟได้ของเธอแล้วก็พอจะเดาได้รางๆ ว่ารามเล่นงานอะไรเธอไว้บ้าง แต่ก็ไม่พูดอะไร เขาตั้งใจจะเก็บทั้งหมดไว้รายงาน ‘เจ้านาย’ ที่แท้จริงต่างหาก
หนุ่มสาวนั่งเล่นเกมนักฆ่าอวตารในโลกสมมุติ โดยที่อนินทิตาเลือกเป็นจอมยุทธ์หญิงสุดสวยในชุดสีขาวราวเทพธิดา ส่วนพอลเลือกตัวละครเป็นนักบวช ทั้งคู่ร่วมเดินทางไปทะเลประจิมด้วยกันเพื่อปราบราชาปีศาจ ฝ่าด่านอันตรายต่างๆ นานา รวมทั้งสัตว์ปีศาจสารพัดชนิด เก็บไอเท็มอาวุธได้มากมาย และเมื่อภารกิจลุล่วง ทั้งสองก็อวตารร่างใหม่เพื่อรับภารกิจใหม่เป็นอัศวินในยุคกลางต่อ
“ฉันก็เล่นได้นี่” สาวสวยขมวดคิ้ว นึกไปถึงตอนที่รามสอนกับตอนนี้มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน และเธอก็ไม่ได้ไม่เอาไหนอย่างที่รามว่าเสียหน่อย
“คุณรามเขาว่าคุณหรือ” พอลหันไปถาม เพราะตั้งแต่เล่นเกมด้วยกันมา อนินทิตาเป็นคนหัวไวใช้ได้ จากเก้ๆ กังๆ ในตอนแรก สักสองนาทีก็คะแนนนำลิ่วเขาไปแล้ว เพราะเธอวิเคราะห์อะไรได้เร็วและสร้างประโยชน์ให้ตัวละครในเกมได้เสมอ สมกับที่รามเคยบอกว่าเธอเป็นนักจิตวิทยาอาชญากรที่แม้จะดูล้นๆ เพี้ยนๆ ไปหน่อย แต่เวลาจริงจังขึ้นมาก็ฝีมือใช่เล่นทีเดียว
นักจิตวิทยาสาวพยักหน้า ดวงตากร้าวขึ้นทันทีที่นึกถึงราม “แล้วมีหน้ามาว่าฉันว่าฉันคงเอาแต่เรียนจนไม่มีทักษะอะไรเลย...ฮึ!”
“พวกคุณสองคนนี่ทันกันตลอด”
“ใช่” เธอไม่เถียง เพราะจะทำอะไรเขาก็รู้ทันตลอด จนป่านนี้เธอยังออกไปไหนก็ไม่ได้นี่ไง
“คุณรามบอกว่าคุณเป็นนักจิตวิทยาอาชญากรใช่ไหม”
“อื้อ” อนินทิตาพยักหน้าตอบไปตรงๆ เพราะอย่างไรรามก็น่าจะบอกลูกน้องเขาให้ระวังเธอไว้อยู่แล้ว
“คุณรู้จักคุณรามมาก่อนไหม”
“อื้อ” เป็นอีกครั้งที่อนินทิตาพยักหน้า แต่ไม่ขยายความไปมากกว่านั้น
“ผมก็ไม่แปลกใจนักหรอกที่เขาจะชอบแกล้งคุณ”
อนินทิตาตวัดตามองค้อน ‘เพื่อนใหม่’ ด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ก็เขาเป็นคนอย่างนั้นนี่” พอลยักไหล่ “รามเอ่อ...หมายถึงคุณรามน่ะเป็นคนขี้เบื่อ เขาไม่สนใจอะไรนานๆ ยกเว้นเสียแต่ว่าสิ่งนั้นจะพิเศษและมีอะไรมากพอให้เขาศึกษา”
“เขาบ้า...คุณเห็นด้วยไหม” เจ้าของเสียงหวานหันไปถาม ทำเอาบอดีการ์ดหนุ่มทำหน้าปั้นยาก
“ก็...” ใจก็อยากจะตอบว่าใช่ เขาเห็นด้วยมากๆ แต่ตอนนี้สวมบทเป็นลูกน้องรามอยู่ ตอบอย่างนั้นก็ไม่แนบเนียนน่ะสิ
“ลืมไปว่าคุณเป็นลูกน้องเขานี่” อนินทิตายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถามเสียงล้อเลียน “แต่ทำไมน้า...คุณเรียกเขาว่า ‘คุณราม’ ตลอด แต่เวลาฉันถามถึงงานหลักๆ ของคุณ คุณกลับเรียกว่า ‘เจ้านาย’” เธอเน้นเสียงเล็กน้อย รอยยิ้มหวานปานนางฟ้าเมื่อครู่สลายไปทันทีเมื่อขึงตามองเขาอย่างกดดัน “หรือว่า ‘คนละคน’ กันล่ะ”
พอลชะงักแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วหนีไปดื้อๆ “ผมไม่เล่นแล้วดีกว่า”
“อ้าว...ทำไมหนีไปแบบนี้ล่ะ” สาวแสบแสร้งทำเสียงตัดพ้อ แต่สายตาเต็มไปด้วยประกายขบขัน
“คุยกับคุณแล้วปวดหัว คุณกับ ‘เจ้านาย’ เหมือนกันเกินไป” เขาเน้นเสียงคำว่า ‘เจ้านาย’ ประชดเธอ
“ไม่เอาน่าพอล คุณจะทิ้งให้ฉันเล่นคนเดียวหรือ” ยิ่งเห็นท่าทางของเพื่อนใหม่ เธอก็ยิ่งสนุกที่ได้ไล่ต้อนเขาไปเรื่อยๆ ให้จนมุม อย่างนี้สิค่อยคุ้มกับที่ถูกจับมาหน่อย อย่างน้อยก็มีอะไรให้ลับสมองบ้าง
“คุณรามกำลังจะกลับแล้ว คุณเล่นกับเขาไปแล้วกัน”
อนินทิตาหุบยิ้มทันควัน “ฉันไม่อยากเล่นกับเจ้านายคุณนักหรอก ถามจริงนะ ทำไมคุณถึงยอมมาทำงานให้คนเพี้ยนๆ แบบนี้ล่ะ”
“ก็...” เจ้าของเสียงเข้มมองสาวตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ แล้วตอบอย่างระมัดระวังที่สุด “ทำเพราะต้องทำน่ะสิ”
“เจอกันที่ไหนหรือ”
“นิวยอร์ก”
“ทำงานด้วยกันมานานหรือยังล่ะ” เธอเลิกคิ้ว ใช้สายตาพินิจพิเคราะห์แบบเดียวกับตอนที่ทำงาน
แรกๆ ก็สนุกดีที่ต่อปากต่อคำกับเธอ พอลยอมรับว่าตัวเองอยาก ‘ลองของ’ ว่าเธอคนนี้จะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว แต่ทั้งคำถามที่ไล่ต้อนเขาเสียจนมุม ทั้งสายตานี่ก็อีก พอลสำนึกได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้กับเธอหรอก เขาสู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับรามอย่างที่สุดแล้ว!
“อ้าว...ทำไมไม่ตอบล่ะ” อนินทิตาถามน้ำเสียงจริงจัง ไม่ทำเล่นๆ เหมือนเมื่อครู่อีก
ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเธอทำให้พอลถึงกับตั้งหลักไม่ถูก เขาเดินหนีไปดื้อๆ แต่อนินทิตาก็ลุกขึ้นแล้วคว้าแขนเขาหมับ
“ไว้คุณถามคุณรามเองก็แล้วกัน”
“ม่าย...ฉันไม่อยากคุยกับคนพรรค์นั้นหรอก” สาวแสบส่ายหน้า สองมือเกาะแขนกำยำของบอดีการ์ดหนุ่มไว้ไม่ยอมปล่อย พอเขาเดินหนี เธอก็ออกแรงฉุดเขาไว้ แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงแรงเยอะคนหนึ่ง และพอลก็ไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าเธอจะรั้งเขาไว้ได้ ผลคือถูกแรงของสาวแกร่งฉุดไว้จนล้มลงไปพร้อมๆ กัน
โชคไม่ดีเลยที่ตอนล้มลงไปอนินทิตาเป็นฝ่ายอยู่ข้างล่าง แถมยังมีผู้ชายตัวเหมือนหมีนอนทับเธออีกต่างหาก
“อูย...” อนินทิตาสูดปาก ซวยอะไรอย่างนี้ แล้วดูขนาดตัวเขาสิ ตัวใหญ่เป็นสองเท่าของเธอเชียวนะ
“เป็นอะไรไหมอนิน” พอลถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแล้วรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว...
ประตูถูกเปิดเข้ามาโดยฆวนฟราน บอดีการ์ดหนุ่มมาดเข้มชะงักไปเล็กน้อย แต่คนที่เดินตามเข้ามานี่สิ...
รามชะงักไปทันที มองหนุ่มสาวที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่กลางห้องด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ส่งผลให้บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนฆวนฟรานต้องเดินไปดึงเพื่อนขึ้นมาแล้วลากออกไปทันที ปล่อยให้รามอยู่กับอนินทิตาตามลำพัง
ผู้คุมหนุ่มมาดเข้มกับเชลยสาวแสบยืนจ้องหน้ากันอยู่กลางห้อง และคงเป็นอย่างนี้ไปทั้งวันแน่ถ้าไม่มีใครยอมใคร ซึ่งแน่นอนว่าอนินทิตาเป็นฝ่ายละสายตาออกมาก่อนเช่นเคย หญิงสาวกำลังเดินผ่านหน้าเขา แต่ถูกรามรั้งไว้เสียก่อน
เธอมองมือหนากร้านที่กำรอบต้นแขนเธอแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “อะไร”
“เมื่อกี้ทำอะไรกัน”
ความไม่พอใจในกระแสเสียงของเขาทำเอาอนินทิตาขมวดคิ้ว เริ่มงงว่าเขาจะโกรธอะไร จะว่าหึงที่เธอสนิทสนมกับพอลหรือ...ไม่น่าใช่ ในเมื่อเขาน่ะเอาแต่แกล้งเธอ ไม่เคยหวั่นไหวกับเธอเหมือนอย่างที่เธอหวั่นไหวกับเขาหรอก
“อนิน...”
“ไม่ได้ทำอะไรนี่”
“แล้วทำไมอยู่ในสภาพนั้น”
“ไม่เอาน่าราม” อนินทิตาถอนหายใจ เธอมองเขาด้วยสายตาค้นคว้า แต่เขาก็ยังเฉย เขานิ่งมาก...มากจนมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วจะให้เธอตอบอะไร
“จะบอกได้หรือยังว่าเมื่อกี้ทำอะไร”
“เล่นเกม” หญิงสาวตอบตัดรำคาญ
รามหันกลับไปที่โทรทัศน์จอใหญ่ก็เห็นเกมที่ยังเปิดค้างไว้ จึงเชื่อว่าเธอพูดจริง แต่ก็ไม่คลายสงสัย “แล้วทำไมถึง...”
“ฉันถามเขา แต่เขาเดินหนีไม่ยอมตอบฉัน ฉันเลยดึงเขาไว้ก็เท่านั้นเอง” ตอบพลางลอบสังเกตสีหน้าของเขาไปด้วย ก็พบว่ามันยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิด เธอจึงต้องขยายความเพิ่มอีกหน่อยเพราะไม่อยากมีปัญหา “โอเค...ฉันกระชากแขนเขาไว้เองแหละ ก็แหม...ฉันเป็นผู้หญิงแรงเยอะจะตาย จำไม่ได้หรือไง”
“สนิทกันมากหรือ”
“ก็...”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะที่คนอย่างพอลจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ใครรู้” เจ้าของเสียงเข้มก้าวมาข้างหน้า แววตาดุเข้มของเขาทำเอาหญิงสาวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ถูกไล่ต้อนไปเรื่อยๆ จนชิดผนังด้านหลัง
“ก็ฉันอยู่บ้านกับเขานี่ ฉันเบื่อ เข้าใจไหม ถ้าไม่ผูกมิตรกับเขา ฉันได้เป็นบ้าตายแน่”
“ผูกมิตร” รามทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่ใช่เพราะอยากตีสนิทแล้วคิดจะหนีหรือ”
“ไม่ใช่” เจ้าของเสียงหวานเชิดหน้า เธอไม่ได้โกหก เธอตีสนิทพอลไม่ใช่เพราะหาทางหนี แต่เพราะ...
“อยากตีสนิทละสิ” หนุ่มมาดเข้มบอกอย่างรู้ทัน “ใช่ไหม...อยากรู้ข้อมูลของมันหรือของผมล่ะ ถ้าจะตีสนิทมันหาข้อมูลผมแล้วละก็...เสียเวลาเปล่า”
“ก็...”
“หรือจะเถียงว่าไม่ใช่อีก” รามก้าวพรวดเดียวประชิดตัวหญิงสาว มือข้างหนึ่งโอบเอวบางไว้แล้วดึงเข้าหาตัว อีกมือประคองแก้มเธอไว้พร้อมจ้องมองดวงตาคู่สวย
“ผมไม่ชอบเวลาคุณอยู่ใกล้คนอื่น”
ทั้งน้ำเสียงเยือกเย็น แววตาแข็งกร้าว และสัมผัสร้อนรุ่มของเขายิ่งทำให้อนินทิตาสับสนมากขึ้นไปอีก เขาพูดเหมือนหวง แต่การกระทำที่ผ่านมามันใช่หรือ ไม่เลย...รามไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ กับเธอทั้งสิ้น ที่ผ่านมาเขาเอาแต่แกล้งเธอ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน พอเธอไปสนิทกับพอลเข้าหน่อย เขาก็คงเสียหน้า เหมือนถูกแย่งของเล่นชิ้นโปรดไปก็แค่นั้น
“คุณหึงหรือไง” สาวคนเก่งถาม มองเขาด้วยสายตาท้าทาย
“ไม่”
หญิงสาวหน้าเจื่อนไปทันทีทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ความสับสนผลักดันให้เธอถามออกไป แล้วสุดท้ายก็เป็นฝ่ายเสียความรู้สึกเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกยุ่งกับเรื่องของฉันสักทีเถอะ” อนินทิตาปัดมือหนากร้านออกแรงๆ แล้วผลักเขาออก แต่เดินหนีได้แค่สองก้าวเท่านั้นก็ถูกรามคว้าตัวไว้ได้แล้วดันเธอไปจนชิดผนังอีกครั้ง
“อะ...” ยังไม่ทันที่จะถามจบ รามก็ก้าวเข้ามาประชิด สองมือประคองใบหน้าอ่อนหวานไว้แล้วประกบริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็ว
อนินทิตาใจหายวาบ ไม่คิดว่าบทสนทนาที่เริ่มด้วยการทะเลาะจะจบด้วยจูบร้อนแรง แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกจูบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รามใช้แรงอารมณ์มากกว่าความรู้สึก...ซึ่งเธอไม่ชอบเลย สองมือเล็กพยายามผลักร่างสูงออก แต่สัมผัสร้อนแรงของเขาทำเอาหญิงสาวถึงกับหัวหมุน อย่าว่าแต่จะผลักเขาออกเลย ตอนนี้เธอแทบทรงตัวไม่อยู่ด้วยซ้ำ
เรี่ยวแรงอันน้อยนิดไม่ทำให้รามสะเทือนเลยสักนิด แต่กลับยิ่งกระตุ้นให้หลงลืมตัวเอง รามยังขยับเข้ามาใกล้ กักเธอไว้ด้วยตัวของเขาเองแล้วกดจูบแนบแน่นกว่าเดิม ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด มีแต่ความเร่งร้อนโดยไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย
แล้วเรื่องอะไรเธอจะต้องเป็นฝ่ายยอมอย่างเดียวเล่า!
สาวร่างเล็กรวบรวมกำลังแล้วผลักเขาออกเต็มแรง คราวนี้ร่างสูงซวนเซไปเล็กน้อย เขาจ้องเธอด้วยสายตากรุ่นๆ ประกายวาววับในดวงตาคู่นั้นทำให้อนินทิตาใจหายวาบ เธอเดินหนีทันที แต่ถูกเขารั้งต้นแขนทั้งคู่ไว้แล้วลากมาชิดผนังที่เดิม
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เจ้าของเสียงหวานแหวใส่ ใช้สายตาดุๆ กำราบเขาทั้งที่ใบหน้ายังแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอายด้วยเรื่องเมื่อครู่ พอกันที...เธอทนคนไม่อยู่กับร่องกับรอยอย่างเขาไม่ไหวอีกแล้ว
รามยังจ้องมองสาวตรงหน้าด้วยสายตาอันตราย เขาก้าวเข้าไปประชิดแล้วถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท “โกรธหรือ”
“ดูไม่ออกเลยหรือไง” เธอสวนทันควัน นัยน์ตายังวาววับเอาเรื่อง
“โกรธที่ผมจูบ หรือโกรธที่ผมมาขัดจังหวะคุณกับมันล่ะ” เขาถามรวนๆ ทั้งยังกำข้อมือเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
อนินทิตาได้แต่มองเข้าไปในดวงตาคมเข้มอย่างค้นคว้าว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ คำถามคล้ายไม่พอใจที่เธอใกล้ชิดกับผู้ชายอื่น ฟังอย่างไรก็เหมือนคนมีเยื่อใยต่อกัน แต่การกระทำกลับไม่ใช่ ไม่มีเลยสักครั้งที่รามจะทะนุถนอมเธอเหมือนผู้หญิงปกติทั่วไป ทั้งยังหาเรื่องแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน แล้วเขาทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร
ทุกครั้งที่อนินทิตาตั้งคำถามนี้กับตัวเอง เธอไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน นักจิตวิทยาสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมหวานที่ไม่บอกความรู้สึกใดๆ รามก็เหมือนน้ำนิ่ง แต่ภายในความนิ่งนั้นเธอไม่รู้เลยว่าลึกมากแค่ไหน และเธอไม่อยากพิสูจน์อะไรแล้ว เธอไม่อยากจมอยู่กับความรู้สึกนี้เลย แต่ห้ามตัวเองไม่ได้
เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ สาวคนเก่งก็เดินหนีไปทันที แต่รามยังเดินตามเธอไปที่โซฟาเบด แล้วนั่งลงข้างเธอราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
อนินทิตาหันมามองคนประหลาดที่ตอนนี้ดูสงบลงแล้ว แต่เธอยังโกรธเขาอยู่ จึงขยับออกห่างไปอีกนิด แต่รามก็ตามมานั่งชิดเธออีก ยิ่งเธอขยับหนี เขาก็ยิ่งขยับตามจนสุดท้ายเธอตัดสินใจลงมานั่งบนพื้นเสียเลยเพื่อตัดรำคาญ แต่...เขาก็ตามลงมานั่งข้างเธออีกจนได้!
“นี่!” เธอหันไปมองเขาตาดุ
รามยังทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอเธอลุกหนี เขาก็คว้ามือเธอไว้อย่างรวดเร็ว
“อะไรอีก” มิวายที่อนินทิตาจะพยายามสะบัดมือหนากร้านที่จับเธอแน่นเสียยิ่งกว่ากาวออก แต่รามไม่ยอมปล่อย จนเธอต้องก้มลงมอง ก็พบว่าเขาทำหน้านิ่งๆ คล้ายกำลังสำนึกผิด แต่ไม่ยอมพูดออกมา
นักจิตวิทยาสาวแค่นยิ้ม เธอจำได้ว่าไม่เคยได้ยินรามพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ หรือ ‘ขอโทษ’ เลยสักครั้ง เธอยังจำตอนที่เขาบอกว่าไม่เคยรู้จักคำว่า ‘บุญคุณ’ ได้ ราวกับว่าชีวิตนี้เขาไม่เคยพูดมันมาก่อน คราวนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวจึงเลือกที่จะเดินหนีเพราะคราวนี้เธอโกรธที่เขาทำตัวไม่มีเหตุผลมากกว่าทุกครั้ง แต่เขาก็ออกแรงดึงเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
“อย่าสนิทกับพอลมากได้ไหม” คำแรกที่เขาพูดออกมาก็ยังไม่ใช่คำขอโทษอีกตามเคย
อนินทิตาได้แต่ถอนใจ แล้วออกแรงสะบัดมือจากการเกาะกุมของเขาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เป็นผล
“ฉันอยู่ร่วมบ้านกับเขานะ จะไม่ให้พูดกันเลยหรือไง วันๆ ฉันแทบไม่เจอใคร ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มันน่าเบื่อ”
“อดทนอีกหน่อยแล้วกัน”
“อีกหน่อยหรือ ฉันจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน ฉันเบื่อจะแย่อยู่แล้ว คุณไม่เป็นฉัน คุณไม่รู้หรอก”
“อีกแค่นิดเดียว ข้างนอกนั่นมีคน...”
“มีคนจะฆ่าฉันใช่ไหม” เธอย้อนถามตามที่เขาเคยบอก จากที่แค่อารมณ์กรุ่นๆ ตอนนี้เธอกลับโกรธมาก โกรธจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายนัก อยู่ๆ หลอกเธอมาถึงฮ่องกง กักตัวเธอไว้ที่นี่ แต่ไม่บอกอะไรสักอย่าง บอกแต่ว่านี่คือการช่วยชีวิตเธอ แล้วไหนล่ะหลักฐาน ในเมื่อเธออยู่ข้างนอกก็ยังสบายดี และไม่มีใครตามรังควานเธอด้วย
คนถูกถามยังนิ่ง เขาไม่ตอบ ไม่มองหน้า เอาแต่เฉย ทำเอาอนินทิตาแทบสติแตกจนมองข้ามอาการนิ่งผิดสังเกตของเขา
“ฉันเกลียดคุณที่สุด” พูดจบเธอก็เดินหนีเขาไปทันที ไม่สนด้วยว่าเขาจะว่าอย่างไร ตอนนี้เธอไม่อยากเห็นหน้าเขา ไว้ให้อารมณ์เย็นกว่านี้ค่อยว่ากัน
“เกลียดหรือ...ก็ดี”
ความเย้ยหยันในกระแสเสียงของรามทำเอาอนินทิตาชะงัก แต่ยังไม่หันกลับไปมอง เธอยืนนิ่ง รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“เกลียดให้ตลอดแล้วกัน เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรักผม...ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณ” รามบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เปี่ยมไปด้วยอำนาจ ความมุ่งมั่น และจริงจังกว่าครั้งไหนๆ
อนินทิตาต้องหันกลับมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่านั่นออกมาจากปากรามจริงๆ และพบว่าเขากำลังมองเธอด้วยสายตาล้ำลึกอ่านยาก จนหญิงสาวอดหวั่นใจไม่ได้ว่าเขากำลังคิดร้ายอยู่หรือไม่ แต่เธอก็ไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าป่วยการเปล่าๆ จึงได้แต่มองตามร่างสูงโปร่งของคนลึกลับที่เดินเข้าห้องทำงานไปทันที ส่วนเธอก็แยกออกไปข้างนอก วันนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะคิดอะไรได้แล้ว
ความคิดเห็น |
---|