บทที่ ๖

ไม่ทันได้ตั้งตัว

Even though there are different types and sizes of stars,

they all begin with the same components.

“จะขอลาครึ่งวัน?”

หลงที่ยืนกุมมืออยู่หน้าโต๊ะทำงานของพี่ปราบพยักหน้ารับ เธอรู้สึกว่าอาการมันไม่ดีขึ้นเลย กลัวจะเป็นโรคร้ายอะไร เลยตั้งใจว่าจะลาสักครึ่งวันไปหาหมอสักหน่อย

“มาสายแล้วจะยังลาครึ่งวันอีก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแกป่วยนะ พี่ไม่เซ็นให้หรอก”

“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ให้มันจริงเถอะ หาหมอก็อย่าลืมขอใบรับรองแพทย์มาด้วยล่ะ”

หลงพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน เก็บข้าวของเตรียมจะออกจากออฟฟิศ หูก็ได้ยินเสียงพี่มิลค์บ่นอุบอิบอยู่โต๊ะข้างๆ

“ป่วยแล้วเดือดร้อนคนอื่นไปทั่ว”

พี่มิลค์คงไม่พอใจที่ต้องทำงานในส่วนของหลงให้ แต่พูดอะไรไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งจากพี่ปราบโดยตรง หลงได้แต่ขอโทษในใจ เพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ

กว่าจะเดินมาถึงป้ายรถเมล์ได้ก็ทำให้เธอเหนื่อยเอาแรง แดดยามบ่ายส่องสว่างจ้า โชคดีที่อากาศไม่ได้ร้อนมากนัก รอเพียงไม่นานก็มีรถแท็กซี่ขับผ่านมา บอกคนขับว่าไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

รถแท็กซี่ขับมาจอดหน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากหอพักของหลงเลย เมื่อแจ้งอาการเบื้องต้นแก่พยาบาล ก่อนจะถูกเรียกให้ไปแผนกสูตินารี

“คุณหลง พึ่งบุญ เชิญห้องตรวจหมายเลขห้าค่ะ”

ห้องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดสีขาวสะอาดตา เตียงขนาดสามจุดห้าฟุตวางชิดผนัง มุมห้องมีโต๊ะทำงานที่วางคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ แพทย์สวมชุดกาวน์ส่งยิ้มพร้อมกับคำทักทายอย่างเป็นมิตร

“ผลตรวจออกมาแล้วนะครับ หมอยินดีด้วย คุณหลงตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้วครับ”

แปดสัปดาห์....สองเดือนแล้ว

ในท้องของหลงตอนนี้กำลังมีตัวอ่อนอยู่สินะ หลงไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว ไม่ชินเอาซะเลย

หลงเป็นคนท้อง หลงคือแม่ใช่ไหม แล้วคนเป็นแม่ต้องทำยังไง ทำแบบที่แม่หลงทำเหรอ แต่หลงไม่อยากให้ตัวอ่อนโตมาเป็นแบบหลงนะ

“คุณหลงครับ ฝากครรภ์กับหมอเลยไหมครับ”

หลงจะลองเป็นแม่ดูสักครั้งก็แล้วกัน…เป็นแม่ในแบบของหลงเอง

“ค่ะ”

“ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นหมอนัดอีกทีเดือนหน้า ในการตรวจครั้งถัดไปหมออยากให้คุณหลงพาสามีมาด้วยนะครับ”

‘สามี’ หมายถึงพ่อของเด็กในท้องใช่หรือเปล่า?

หลงเดินออกจากห้องตรวจมานั่งอยู่หน้าแผนกการเงิน มองรอบตัวก็เห็นคนท้องเดินกันให้ขวักไขว่ บางคนท้องใหญ่ บางคนท้องก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ละคนก็มีญาติหรือไม่ก็อาจจะเป็นสามี (?) คอยเดินประกบข้างตลอด

“มาฝากครรภ์เหรอคะ”

ผู้หญิงหน้าตาสะสวยนั่งอยู่ด้านข้างหันมาถาม หลงพยักหน้ารับแทนคำตอบ หลุบตาลงมองหน้าท้องกลมใต้ชุดคลุมท้องที่มีเข็มกลัดรูปตุ๊กตากลัดไว้บนเนื้อผ้าของหญิงสาวคนที่เอ่ยถาม

“กี่เดือนแล้วคะ” ฝ่ายตรงข้ามยังชวนคุยอย่างเป็นมิตร

“สองเดือน”

“เจ้าตัวเล็กยังเป็นเมล็ดถั่วเขียวอยู่เลยนี่นา”

อะไรคือเมล็ดถั่วเขียว ในท้องหลงมีเมล็ดถั่วเขียวเหรอ แต่วันนี้หลงไม่ได้กินถั่วเขียวนะ

“ของเราห้าเดือนแล้วค่ะ เจ้าตัวเล็กเตะท้องบ่อยมาก คลอดออกมาต้องดื้อแน่เลย”

หลงยิ้มตามรอยยิ้มของผู้หญิงคนนั้น ก้มมองดูหน้าท้องกลมๆ อีกครั้งสลับกับมองของตน

ต่อไปหลงจะต้องท้องโตแบบหล่อนแน่ๆ...คงปวดหลังน่าดู

“คุณหลง พึ่งบุญ เชิญที่ช่องจ่ายเงินค่ะ”

หลงลุกขึ้นพร้อมหันมากล่าวอำลาเพื่อนแปลกหน้า ก่อนจะเดินไปยืนหน้าเคาน์เตอร์จ่ายยา เจ้าหน้าที่แจ้งรายการชำระเงินต่างๆ อย่างละเอียด พร้อมกับยอดรวมทั้งหมดที่ทำเอาเงินเดือนทั้งเดือนของหลงแทบไม่เหลือ

“นัดอีกทีเป็นวันที่ ๗ มีนานะคะ ส่วนอันนี้เป็นคู่มือสำหรับคุณแม่มือใหม่ค่ะ”

หลงรับเอกสารและถุงใส่ยามาจากเภสัชกร มียาให้กินไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกวิตามินบำรุงต่างๆ

“คุณหลงคะ ไม่ทราบว่าพ่อของเจ้าตัวเล็กชื่ออะไรคะ”

หลงครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ นึกถึงหน้าของใครบางคนยามได้ยินพยาบาลถามชื่อพ่อของเด็ก

หลงสามารถบอกชื่อเขาได้ไหมนะ?

“แกห้ามท้องนะ”

“ห้ามบอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด”

เสียงของเขาดังเข้ามาในหู หลงยังจำได้ขึ้นใจ เขาสั่งว่าห้ามบอกใคร งั้นหลงก็ไม่ควรบอกให้พยาบาลรู้เหมือนกัน

“ไม่มีค่ะ”

หลงนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงนุ่มสีขาว ดวงตาสีดำขลับจดจ้องสมุดฝากครรภ์และคู่มือคุณแม่มือใหม่ตรงหน้า ข้างกันวางยาวิตามินต่างๆ ที่คุณหมอจ่ายให้ นับแต่นี้เป็นต้นไปชีวิตของหลงจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

เธอลองค้นหาวิธีการเลี้ยงลูกจากอินเทอร์เน็ตมาบ้างแล้ว หลายคนบอกว่าจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งจะต้องมีเงินเก็บอย่างน้อยๆ หนึ่งล้านบาท แต่เมื่อลองคำนวณรายรับรายจ่ายปัจจุบันของตัวเองแล้ว ยอดเงินคงเหลือทั้งปียังไม่ถึงหนึ่งล้านเลย

คงต้องหางานอื่นทำเสริม ไม่อย่างนั้นชีวิตของเด็กก็จะไม่ต่างอะไรจากหลงในวัยเด็ก ซึ่งเธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับเด็กที่กำลังจะเกิดมา

แม่เคยบอกหลงว่า ‘แกจะเกิดมาทำไมก็ไม่รู้’ ตอนนี้หลงรู้แล้วว่าหลงเกิดมาทำไม

หลงเกิดมาเพื่อเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาอย่างดี และมีชีวิตอยู่เพื่อมวลมนุษยชาติ!

การเกิดของเด็กคนนี้มันยิ่งใหญ่มากเลยนะ…

คิดได้ดังนั้นหลงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์โทร. ของใครคนหนึ่ง กดโทร. ออกแล้วรอเพียงไม่นานเขาก็รับสาย พร้อมกับคำทักทายอันคุ้นเคย

‘เดือดร้อนอะไรอีกล่ะ’

“มีงานให้ทำไหม”

‘ไหนบอกว่าจะไม่รับงานนอกแล้วไง’

“ต้องเก็บตังค์”

‘ทริปดูดาวที่มึงวางแผนไว้อ่ะนะ’

“อือ”

ปลายสายที่หลงคุยด้วยคือ ‘โต้ง’ พี่รหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ของเราสองคนตรงกับสุภาษิตที่ว่า…น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

พี่โต้งให้หลงยืมเงินมาใช้จ่ายตลอดเวลาที่เรียน ส่วนหลงก็ช่วยพี่โต้งทำการบ้านส่งอาจารย์ มันก็คล้ายๆ กับว่าพี่โต้งจ้างหลงทำงานให้นั่นแหละ

พอเรียนจบมาช่วงที่หลงยังหางานทำไม่ได้ ก็ได้พี่โต้งคอยป้อนงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ตลอด จนสมัครเข้าทำงานในบริษัทที่ทำอยู่ในปัจจุบันได้ งานมันเยอะขึ้นหลงก็เลยยกเลิกสัญญาจ้างกับพี่โต้งไป

ครั้งนี้หลงกลับมาของานพี่โต้งทำอีกครั้ง แต่ไม่กล้าบอกพี่เขาหรอกว่าจะเก็บตังค์เพราะท้องอ่อนๆ เลยใช้ข้ออ้างที่เคยพูดไว้สมัยเรียนว่าอยากเก็บตังค์ไปดูดาวที่นอร์เวย์

‘งานบ้านสองชั้น หกสิบตารางวา เดี๋ยวกูส่งรายละเอียดไปให้ ยังใช้อีเมลเดิมอยู่ใช่ไหม’

“อือ เหมือนเดิม”

‘เค กำหนดส่งพุธหน้า ห้ามเลต’

“ได้”

แล้วปลายสายก็วางหูไป เพียงไม่นานเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นอีเมลจากพี่โต้งที่ส่งรายละเอียดงานที่คุยกันไว้มาให้ หลงลองเปิดดูคร่าวๆ แล้วไม่น่ายากอะไร

ป.ล. เดือดร้อนมาก็นึกถึงแต่กู แต่ก็ดีแล้ว กูมีเพื่อนอวดรวยเยอะแล้ว มีมึงไว้ให้รู้สึกได้ทำบุญบ้างก็ดี

ประโยคท้ายอีเมลของพี่โต้งทำให้หลงขำนิดหน่อย ไม่ว่าจะกี่ปีพี่รหัสคนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไป


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น