บทที่ ๙

ชีวิตจริงไม่เหมือนนิยาย

For millions of years, mankind lived just like the animals.

Then we unleashed the power of our imagination.

- Stephen Hawking -

“แล้วเจ๊รู้เหรอว่าพี่หลงอยู่ห้องไหน”

สองพี่น้องยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าหอพักที่ดูเก่า ครุ่นคิดว่าจะเข้าไปในหอพักอย่างไร อี้เฟยลองส่งข้อความหาหลงแล้วแต่หลงไม่ตอบ สุดท้ายก็ตัดสินใจโทร. หาเลย

“หลง แกอยู่ห้องไหม”

‘ชะ…อึก ช่วย…ด้วย ฮึก’

“หลง! เป็นอะไร!”

นิ่มหันขวับมองหน้ารุ่นพี่ตัวโตหลังได้ยินอีกฝ่ายตะโกนลั่น ใบหน้าของอี้เฟยเคร่งเครียดเสียจนนิ่มรู้สึกใจไม่ดี เห็นมือที่ถือโทรศัพท์ของอี้เฟยกำลังสั่นเหมือนคนกลัวอะไรบางอย่าง

‘ปวด โอ๊ย ปวดท้อง!’

“หลง แกอยู่ห้องอะไร บอกฉันมาเร็วๆ”

‘สาม ศูนย์ อึก! สะ…สอง’

สามศูนย์สอง…ชั้นบนสุดเลยสินะ

“เกิดอะไรขึ้นเจ๊ เจ๊! เจ๊เฟย!”

อี้เฟยไม่ได้สนใจรุ่นน้องที่ตะโกนเรียกตัวเองอยู่ด้านหลัง เขาวิ่งพรวดพราดขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว ขายาวก้าวข้ามขั้นบันไดถึงสามสี่ขั้น กวาดสายตามองหาห้องหมายเลขดังกล่าวก่อนจะพบว่ามันอยู่สุดปลายทาง

ผัวะ!

“หลง!”

ภาพที่เห็นทำเอาอี้เฟยหัวใจหล่นวูบ หลงนอนคุดคู้อยู่บนพื้นส่งเสียงครางอย่างทรมาน หอบหายใจระรวยอย่างหมดแรง กางเกงขายาวสีสว่างเปื้อนเลือดจนมันแดงฉาน

“หลง ทำใจดีๆ เอาไว้นะ!”

เขาพุ่งเข้าไปกอดคนตัวเล็กที่ตอนนี้เหมือนจะไม่รับรู้อะไรแล้วนอกจากความเจ็บปวด เสียงหวานร้องครางผสมกับสะอื้นไห้ มือทั้งสองจิกเข้าหาตัวเองเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวดเหล่านั้น

“พี่หลง! เกิดอะไรขึ้น!”

“นิ่ม หยิบกระเป๋าหลงแล้วตามฉันมา เร็วๆ”

อี้เฟยสั่งรุ่นน้องก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอก วิ่งออกจากห้องพักมุ่งลงบันไดไปยังรถตัวเองที่จอดอยู่หน้าหอ ไม่สนใจว่าหยดเลือดจะเปื้อนเสื้อผ้าราคาแพงจนสกปรกแค่ไหน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือหลงต้องรอด

นิ่มเป็นคนขับเช่นเคยเพราะอี้เฟยไม่สามารถควบคุมสติขับรถได้ พิมพ์ชื่อโรงพยาบาลที่เห็นในสมุดฝากครรภ์ลงเครื่องจีพีเอสเพื่อให้มันนำทาง ก่อนที่เหยียบคันเร่งสุดกำลังไม่สนใจแล้วว่าจะเกินกำหนดของกรมทางหลวงหรือไม่

โรงพยาบาล

เปลือกตาสีอ่อนกะพริบเปิดมองเพดานสีขาวสะอาด แสงไฟนีออนส่องสว่างจ้าจนต้องหยีตาอีกรอบ หลงกำลังรวบรวมสติที่กระจัดกระจายกลับมา นึกย้อนไปว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น และที่นี่คือที่ไหน

“เป็นไงบ้าง”

เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ข้างหู เลื่อนสายตาสบกับดวงตาคู่คมฉายแววเป็นห่วง กลิ่นหอมคาราเมลยังเป็นกลิ่นที่หลงสัมผัสได้ยามอยู่ใกล้เขา มันทำให้หลงรู้สึกดีและปลอดภัย คงจะเป็นเพราะเจ้าตัวอ่อนชอบแหละมั้ง

เจ้าตัวอ่อน…

มือจับผ้าห่มตรงช่วงท้องของตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามและความหวาดกลัว ครั้นจะขยับตัวก็ทำไม่ได้เพราะยังรู้สึกเจ็บเสียดบริเวณนั้นอยู่

“เด็กปลอดภัย”

สัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือของเขาที่ทาบลงมาบนมือของเธอ ราวกับได้รับแสงแดดอุ่นในฤดูหนาวที่เย็นจัด เหมือนได้กินนมร้อนก่อนนอนหลับใหล แต่หลงไม่สามารถเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ได้ เพราะมันไม่ใช่ของเธอ

“หมอบอกว่าแกเสี่ยงเกิดภาวะแท้งคุกคาม”

หลงพยักหน้ารับ ค่อยๆ เลื่อนมือออกจากการกอบกุมของเขา ขยับตัวเบาๆ เพื่อลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยที่มีร่างสูงคอยประคองอยู่ไม่ห่าง

“เฟยรู้แล้วสินะ”

“อือ รู้แล้ว”

“แล้วเฟยจะทำยังไง”

อี้เฟยเงียบไปสักพัก ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะพูดให้หลงเอาเด็กคนนี้ออก เพราะทั้งเขาและหลงก็คงไม่พร้อมมีลูกเหมือนกัน แถมยังไม่ได้เกิดจากความรักเหมือนคู่รักทั่วไปอีกต่างหาก

แต่ยอมรับว่านาทีที่เห็นเลือดที่ไหลออกจากตัวหลงนั้น มันทำให้เขาเกิดความกลัว…กลัวจะสูญเสียเจ้าตัวน้อยในท้องของหลงไป กลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสดูแลเขา

แต่อีกใจหนึ่งคือเขายังไม่พร้อม ยังไม่พร้อมเลี้ยงเด็กคนหนึ่งจริงๆ

“ความจริงฉันอยากให้แกเอาเด็กออก”

“...” หลงก้มหน้า สองมือกำแน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่มันกำลังจะหยดไหลลงมา

“หลง…อย่าร้อง”

กลั้นไม่อยู่แล้วสิ…ยกมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ

“ระ…เราอยากเลี้ยงเขา”

“...”

“เราอยากรู้…ว่าการเป็นแม่คนมันรู้สึกยังไง”

“หลง ฟังฉันนะ ชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยาย มันไม่ได้สวยงามอย่างนั้น”

เธอรู้ว่าชีวิตจริงไม่เหมือนนิยาย…แต่ที่ไม่รู้คือชีวิตในนิยายมันเป็นอย่างไรต่างหาก

“การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตในสภาพสังคมแบบนี้มันไม่ง่ายเลยนะ ไหนจะเรื่องเงิน เรื่องการดูแลเอาใจใส่ เรื่องจิปาถะต่างๆ ถ้าเลี้ยงเขาโดยที่ไม่พร้อม มันก็ไม่ต่างอะไรจากการทำให้เขาตกนรกทั้งเป็นเลยนะ”

เหมือนหลงใช่ไหม…แม่มักบอกใครต่อใครว่าไม่พร้อมเลี้ยงหลง

ชีวิตที่หลงเป็นอยู่ เขาเรียกว่าตกนรกทั้งเป็นอย่างนั้นเหรอ หลงก็เพิ่งจะรู้วันนี้

“เราเลี้ยงได้ เราพร้อม”

“แต่ฉันไม่พร้อม!” อี้เฟยเสียงแข็งขึ้น

“ไม่เป็นไร เราเลี้ยงคนเดียวได้”

“จะได้ยังไง เด็กต้องมีพ่อนะหลง”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ไม่มีพ่อเหมือนกัน”

อี้เฟยรู้สึกจุกอก พูดไม่ออกหลังจากได้ยินประโยคนั้น เขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีสวยคู่นั้น ความนิ่งเฉยที่หลงแสดงออกมา เขาไม่มีทางรู้เลยว่าอีกฝ่ายผ่านความเจ็บปวดอะไรมาบ้าง

“ฉันขอไปตั้งสติแป๊บนะ เดี๋ยวจะกลับมาคุยใหม่ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ทิ้งแกให้เผชิญปัญหาคนเดียวแน่นอน แต่ขอเวลาแป๊บนึง”

อี้เฟยว่าพลางลูบศีรษะน้อยๆ เป็นการปลอบโยน ก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้คนป่วยอยู่กับความเงียบงัน

“อยากไปดูดาวกับเราใช่ไหม” ตบปุๆ ที่ท้องน้อยอีกครั้ง พร้อมเผยยิ้มกว้างอย่างดีใจ

ทริปดูดาวของหลงจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว…

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น