บทที่ ๑

1

จ่าย ก็ไม่จบ

ท่ามกลางความวุ่นวายย่านเยาวราช แวบแรก เรือนกายอ้อนแอ้นสะกด ‘รามัญ’ ด้วยผมสีชมพูเด่นเตะตา เธอดูทะมัดทะแมงด้วยรองเท้าผ้าใบเสริมส้น เซ็กซี่ปราดเปรียวด้วยเสื้อกล้ามรัดรูปสีขาว กระโปรงยีนสั้นโชว์เรียวขา ทว่าที่ทำให้เขาจดจ่ออยู่กับหญิงสาว เงี่ยหูแอบฟังเธอคุยจ้อกับใครสักคน หาใช่ความเย้ายวนชวนมอง แต่เพราะ...

‘เคล็ดลับความรวยก็คือจ่ายส่วยแลกกับการค้าผูกขาดค่า กลุ่มตระกูลแชรโบลทั้งหลาย ร่ำรวยมหาศาลได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเคยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเผด็จการ เท่าที่จำได้ก็มีคิม...คิมอะไรนะ...คิม...’

...ตึก ตัก...ตึก...ตัก...ใจเขาเต้นแรงแอบลุ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสกุล ‘คิม’ นั้น สาวผมชมพูคงไม่ได้หมายถึง...

‘คิมยองแจ!’

เธอตื่นเต้นเริงร่าที่จดจำได้ ตรงกันข้ามกับร่างสูงใหญ่เฉียดร้อยเก้าสิบ รามัญนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ นึกไม่ถึงว่าจะมาได้ยินนามนั้นกลางกรุงเทพมหานคร

‘เออ แบบว่าช่วงก่อร่างสร้างประเทศไง ผ่านสงครามมาเยอะ...ค่ะ สงครามที่ปู่โมกข์โม้มาหลายปีดีดักว่าเคยไปร่วมรบจนขาพิการไง...ใช่...ซอฟต์พาวเวอร์ของเขาก็แข็งแกร่งมาก แกเคยเห็นนักแสดงในซีรีส์ใช้ไอโฟนของแอปเปิลไหมล่ะ ไม่มีค่ะ เขาใช้ของของเขา แค่ฉากกินข้าวก็ปาไปแล้วครึ่งเรื่อง วัฒนธรรมเกาหลีค่อยๆ แทรกซึมลงในใจคนผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง สักพักคนก็อยากไปเที่ยวเกาหลี สาวไทยอยากชิมกิมจิ ร่ำร้องกระจองอแง อยากมีแฟนแบบโอปป้าจุง โอปป้าขา...’

รามัญหลุดยิ้มเพราะน้ำเสียงแหลมเล็กล้อเลียนนั่น ตามติดชิดใกล้ยิ่งกว่าเดิม เมื่อเธอเริ่มวิเคราะห์ชายแดนโสม

‘แต่ฉันก็รู้มานะนังตุ๊ด ว่าผู้ชายเกาหลีในชีวิตจริงไม่ได้อบอุ่นเหมือนในซีรีส์หรอก ออกจะรุนแรงด้วย...’

พูดได้แค่นั้น เธอก็หยุดไป ก่อนจะหันขวับมาหาเขา ประจันหน้าระยะประชิด สาวผมชมพูเกือบจะหลุดกรี๊ด ฮู้ดดำที่สวมอยู่ทำให้รามัญดูเหมือนชายโรคจิต แต่พอตายาวรีดุจแมวสาวยั่วสวาทเห็นหน้ารามัญชัดๆ แวบหนึ่ง เขารู้สึกได้ ว่าเธอพึงพอใจในทันที ก่อนจะค่อยๆ กวาดตามองราวกับว่าเขาคือสินค้า

‘ใส่แค่ชุดออกกำลังกายยังดูดีขนาดนี้...หนีห่าว อันยอง...’

พอเห็นชายหนุ่มมีปฏิกิริยากับภาษาที่สอง แม่สาวผมชมพูก็พยายามสื่อสารด้วยภาษาเกาหลีกับเขา แม้ไม่คล่องปร๋อ แต่ก็น่าประหลาดใจไม่น้อย

‘คุณตามฉันทำไม’

คร้านจะตอบคำถามเธอได้ รามัญผงกหัวขออภัย ก่อนจะหมุนตัวเดินหนี แต่เธอก็มาจับแขนไว้

‘คุณเป็นนักท่องเที่ยว มาพักผ่อนใช่ไหม อยากหารายได้ระหว่างเที่ยวหรือเปล่า ฉันมีงานให้ทำ’

สาวผมชมพูเปิดดีลฉับไว เขย่งเท้ากระซิบข้างหูให้เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร ชายฉกรรจ์อย่างเขาอาจโชกโชนมาพอตัว แต่ก็ยังไม่เคยเจอใครชักชวนในลักษณะ ‘ว่าจ้าง’ 

‘ว่าไงคะ ทำไหม...’

ถามซ้ำประหนึ่งว่าหาใครมานอนด้วยยากนักหนา ด้วยรูปร่างหน้าตาของเธอ จะเริ่มจากการเกี้ยวพาราสี แล้วชวนเขามีเซ็กซ์ดีๆ ก็ได้ แต่ที่เลือกจะเสนอเงินเช่นนี้ ชะรอยว่าคงอยากเป็นฝ่ายคุมเกม ไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์กับใคร

‘คุณจะเรียกเท่าไรก็ตามสบาย ขอแค่มั่นใจในศักยภาพของตัวเอง อย่าทำให้ฉันขาดทุนเป็นพอ’

คอแข็งฉุนกึก รามัญรู้สึกเหมือนโดนท้าทาย เขาหรี่ตามอง อยากรู้ว่าเธอจะใจป้ำสักแค่ไหน เลยแกล้งเรียกเงินคืนละแสนบาทไทย ทว่าแทนที่สาวผมชมพูจะเชิดใส่ เธอกลับกล้าได้กล้าเสียจนเขาเกือบจะเป็นฝ่ายยกเลิก ถ้าไม่ได้ยินเธอต่อสายไปกระซิบกระซาบกับคนปลายสายคนเดิม

‘ย่ะ จะกินไส้กรอกเกาหลีให้พอหายอยาก แล้วค่อยสลับไปลองไส้กรอกเยอรมัน ชีสเยิ้มๆ’

ใครได้ยินคงคิดว่าเธอหมายถึงอาหาร แต่คนที่เพิ่งคุยกับเธอรู้ทันทีว่าเธอหมายถึงผู้ชาย อารามคันยุบยิบในหัวใจว่าเธอหยามกัน เลยเออออยอมเล่นไปตามน้ำ จะป้อนไส้กรอกถึงปาก หมายมาดว่าจะทำให้เธอหายอยาก ตั้งอกตั้งใจบริการจนลืมว่าควรเช็กเพื่อความชัวร์ก่อน ว่าไม่ได้ผิดลูกผิดเมียใคร จะได้ไม่ต้องมายืนอึ้งกลางห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล

“อะไรกั๊นนน มองมดแดงตาเขียวเลยนะคะผัวขา หึงเหรอค้า” สาวผมชมพูตรงไปกอดร่างผอมสูงชุดเขียวอ่อนบนเตียง หอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ ทว่าคนถูกหอมกลับผลักไสอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แถมยังมองรามัญด้วยความเสียดายแกมอิจฉา

“หล่อใช่ม้า หล่อยังไง ผัวก็ไม่ต้องห่วงนะคะ มดแดงจะแต่งงาน เป็นศรีภรรยาที่ดีของคุณแน่นอน” เธอหัวเราะสัพยอก ก่อนจะก้มหอมแก้มคนป่วยอีกครั้ง 

คำรับรองนั้นทำรามัญตะลึงงัน ยืนนิ่งงุนงง

แต่งงาน?

ศรีภรรยา?

หมายความว่ายังไง แม่สาวผมชมพูกำลังจะวิวาห์กับชายผู้นี้ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนรักของเธอ คงไม่มีบุรุษใดใจกว้างขนาดจะยอมให้ว่าที่เจ้าสาวมาเริงโลกีย์กับคนอื่น

“หล่อนชัวร์นะมดแดง ว่าจะไม่มีปัญหาทีหลัง” ว่าที่เจ้าบ่าวมองค้อนปะหลับปะเหลือกใส่ว่าที่เจ้าสาว เธอไหวไหล่ไม่ยี่หระ มาดมั่นว่าเอาอยู่

“ชัวร์ค่ะ คนอย่างมดแดง จ่ายแล้วต้องจบ!”

จะไม่มีเยื่อใยสานต่อกับพ่อหนุ่มจากเกาหลีใต้ ทำเอาชายแดนโสมหน้าชา แม่สาวผมชมพูทำเหมือนเขาไม่มีค่าอะไร ไม่รู้สักนิดว่ารามัญมี ‘มูลค่า’ แค่ไหน ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ทว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาแน่ใจมาก

คือต่อให้เธอจ่าย เขาก็ไม่จบ!

คล้อยหลังร่างสูงล่ำได้แค่เสี้ยววินาที นังตุ๊ด ‘กาไชย’ ก็วี้ดว้ายราวกับว่าเราอยู่ในคอนเสิร์ตเคป็อปก็มิปาน ปากสีซีดร่ำร้องหลงละเมอ พรรณนาพร่ำเพ้อเฉกเช่นบทชมโฉมพระลอ รอยรูปอินทรหยาดฟ้า มาอ่าองค์ในหล้า เปรียบเปรยว่าพระลองามดั่งองค์เทพแมนสรวง เสด็จจากสวรรค์ดาวดึงส์ เดือดร้อนถึงนวลอนงค์ทั่วหล้า จะธิดาแดนใดก็หลงใหลเคลิบเคลิ้ม บุรุษแต่กำเนิดในโลกของความเป็นจริงก็ลืมป่วยทันทีเมื่อเห็นพระลอแดนโสมของตัว แม้ดวงตาของกาไชยจะลึกโหล ผมรองทรงสั้นจะเริ่มร่วง แก้มตอบจนเห็นสันกราม ผิวพรรณไม่สดใสดังเคยเป็น ทว่าไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ชายที่แม้นวาดหิ้วติดมือกลับมาจากเยาวราช ช่วยรักษาจิตใจได้ดีกว่ายาจากหมออีกกระมัง

“อยากจะกรี๊ดให้สลบ หล่อนคิดว่าจมูกเขาของแท้ไหม จมูกโด่งเป็นสันเป๊ะปังมาก!”

แม้นวาดกลอกตา อยากจะตบคนป่วยสักฉาด ถ้าไม่ติดว่ากำลังร่อแร่ผอมโซ นังนี่คงสวาปามพระลอโสมขาวแทนเธอแน่แท้ ทว่าจะด่ามันก็เข้าตัว เพราะแม้นวาดเองก็น้ำลายหกเพราะรอยรูปนั้น จะแท้จะเทียมก็ช่าง ถ้าขึ้นเขียงแล้วออกมาแบบนี้ ก็ขึ้นไปเต๊อะ!

“นอกจากชื่อมินโฮแล้ว หล่อนรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกไหม”

“ไม่รู้ ไม่ต้องรู้นั่นแหละดีที่สุด เดี๋ยวก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว”

แม่ค้าสาวไม่คิดจะซอกแซกเรื่องของเขา กำหนดการระหว่างเราก็สั้นนัก สามวันสามคืนสำหรับการล่าสวาท ไม่ยืนยาวพอจะผูกพันกัน

“จ่ายให้ผู้ชายคืนละแสน ถ้าปู่โมกข์ของหล่อนรู้ ปู่คงจะภูมิใจในตัวหลานสาวคนนี้มาก”

แม้นวาดถลึงตาใส่คนแดกดัน เธอรู้อยู่เต็มอกว่าปู่คงไม่ชอบใจนัก แต่ชายชราก็คงว่าอะไรไม่ได้ เธอก็แค่ใช้ชีวิตตามหลักการของท่าน อยากทำอะไรก็ทำ อย่าให้ใครเดือดร้อน แม้นวาดนอนกับผู้ชาย แถมยังจ่ายเงินเอง ไม่เดือดร้อนใคร

“ทำไงได้ก็ฉันคัน”

“คันอะไร!”

“คันขา อยากให้โอปป้ามาช่วยเกา” ลอยหน้าลอยตาอวดให้กาไชยตาร้อนริษยา หัวเราะชอบใจเมื่อคนป่วยเบ้ปากแดกดันอีก

“ค่ะ ท่าจะเกาแรงมากนะ ต้นขาหล่อนถึงมีรอยจ้ำชัดขนาดนี้”

จังหวะแม้นวาดยกก้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน กาไชยสังเกตเห็นหลักฐานโผล่พ้นออกมา สามเหลี่ยมทองคำภายใต้กระโปรงยีนสั้น คงผ่านศึกมาอย่างหนักหน่วง

“หล่อนกลับไปเถอะมดแดง ไม่ต้องเป็นห่วงฉันค่ะ เชิญหล่อนร่านให้เต็มที่ เพราะถ้าเราแต่งงานกัน หล่อนก็คงไม่มีเวลามาร่านแล้ว” ทำทีสะบัดมือไล่ส่งแม่ค้าสาว ฝืนยิ้มให้แม้นวาดคลายวิตก นอกจากเป็นห่วงตน กาไชยทราบดีว่าแม้นวาดพามินโฮมาเพื่อให้หนุ่มแดนโสมรู้ชัดว่าสถานะของเขาคืออะไร เธอมีคนที่อยากตีทะเบียนด้วยอยู่ทนโท่

“ฉันว่าเขาก็ดูไม่ได้หิวเงินขนาดนั้นนะ สมมุติเขาชอบหล่อน หล่อนก็คงเป็นหญิงไทยใจง่ายในสายตาเขาไปแล้ว ผัวป่วยอยู่แท้ๆ ยังมีหน้าไปจ้างผู้ชายมานอนด้วย กากีมาก”

‘กากี’ เชิดหน้ารับสมญา ก่อนจะบ่นขมุบขมิบว่าเกาหลีไม่น่าจะรู้จักนางในวรรณคดีสุดฉาว ไอดอลของแม้นวาด มันจะเป็นอะไรไปล่ะ ถ้าแม่ค้าสาวอยากเจริญรอยตามนารีกลิ่นกายหอม ผู้ครอบครองสามีถึงหกคน เธอเองก็จะเสพสม ลองรสไส้กรอกสักหกชาติ!

หลังออกจากห้องพักผู้ป่วยมาตั้งหลัก รามัญสืบเสาะหาช่องทางทำความรู้จักแม่ค้าสาว ประวัติคร่าวๆ ของเธอหาไม่ยาก หนุ่มแดนโสมตกใจอยู่เหมือนกันเมื่อทราบว่าแม้นวาดอายุเพียงยี่สิบหก เปล่า เขาไม่ได้มองว่าเธอหน้าแก่ แต่เพราะท่าทางเธอดูเจนจัด จนเขาคิดว่าเราน่าจะวัยไล่เลี่ยกัน กระทั่งแม้นวาดอ้อแอ้เมามาย ไม่วางท่ากร้านแกร่ง รามัญค่อยรู้สึกจริงๆ ว่าเธอเด็กกว่าเขาถึงแปดปี โซจูดีกรีแรงถูกเธอดื่มอึกๆ แก้วแล้วแก้วเล่า สรรพคุณของแอลกอฮอล์ทำให้แม่ค้าสาวกล้าเปิดเปลือย พล่ามความคับอกคับใจ เพราะคิดว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าต่างถิ่น เดี๋ยวก็ไม่ได้พบกันอีก

“ฉัน...ฉันกับมัน ลำบากมาด้วยกัน ช่วยกันขายของตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้อยู่ในจุดที่ใช้เงินโดยไม่ต้องอดอยาก แต่มัน...มันดันมาล้มป่วย บัดซบจริงๆ”

รามัญนั่งนิ่งรับฟัง แผ่นหลังพิงข้างเตียง โรงแรมที่เราเข้าพักด้วยกันคงเก็บเสียงอย่างดี ไม่เช่นนั้นคนทำงานกับโลกออนไลน์อย่างเธอคงตกที่นั่งลำบาก จะเรื่องที่เธอซื้อเขา หรือคนสนิททรุดหนัก แม้นวาดคงไม่อยากแง้มบอกใครอยู่แล้ว

“คุณ...คุณเชื่อไหม ถ้าฉันบอกออกไปว่าฉันกับมันจะแต่งงานกัน คนต้องคิดว่าเราทำคอนเทนต์ เรียกกระแส หิวแสง...”

รามัญครางอืมในลำคอ ไม่ขัดอะไร เขาจับขวดเขียวเข้ม รินโซจูลงแก้วใสให้หญิงสาว วงเหล้าสองเราเกิดขึ้นเพราะเธออยากสัมผัสกับวัฒนธรรมแดนโสม บอกว่าอยากดื่มกับหนุ่มเกาหลี ทว่าที่เป็นอยู่ยามนี้ คือสาวไทยหยำเปอยู่คนเดียว

“แต่ฉัน...นังมดแดงแรงฤทธิ์ไม่สนหรอกโว้ย ชีวิตมันสั้น อยากทำอะไรก็ทำ ฉันไม่แคร์อะไรอีกแล้ว...”

แววตาเธอเจิดจ้าไม่อนาทรต่อสิ่งใด รามัญมองแล้วก็พอจะเข้าใจ จู่ๆ คนข้างกายมาป่วยหนักฉับพลัน แม้นวาดเลยเห็นคุณค่าของเวลา และเขาก็คงเป็นส่วนหนึ่งของคติอยากทำอะไรก็ทำสินะ

“จะว่าไป หน้าคุณนี่ไม่เหมือนคนเกาหลีเสียทีเดียวนะ ตัวสูง ผิวขาว ตาคมเหมือนแขก คิ้วก็เค้มเข้ม...แต่จะว่าเป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็ไม่ใช่...” 

สาวหยำเปผมชมพูค่อยๆ กระเถิบมาหาเขา พินิจรูปโฉมของมินโฮใกล้ๆ เข่ายันพื้นไว้ ก่อนจะยกมือประกบดวงหน้าเขา 

“คุณเป็น...”

เธอลากเสียงพร่า ทว่าก็เอ่ยได้แค่นั้น ร่างอ้อนแอ้นทิ้งตัวอิงแอบกับอกรามัญ มุมปากเขาผุดยิ้มบาง เธอจะสงสัย ก็ไม่แปลก เพราะความจริงแล้วรามัญเป็นลูกเสี้ยว เกาหลี ไทย มอญ เลือดในกายเขาผสมผสานด้วยหลากชาติพันธุ์

“แกอย่าเพิ่งตายนะ...อย่าเพิ่งตาย”

ยังไม่วายรำพันหาว่าที่เจ้าบ่าว ก่อนจะถูกชายชั่วคราวกอดรัดเธอไว้ หากรามัญเป็นคนที่แม้นวาดหมายถึง เขาอาจปลอบโยนว่าไม่มีทางตาย ผมจะไม่ตาย...ที่เธอพูดมา ก็ใช่ ชีวิตมนุษย์ช่างแสนสั้น เพราะฉะนั้น เธอก็ควรแก้เคล็ดด้วยการคลุกคลีกับอะไรบางอย่าง ที่ทั้ง ‘ใหญ่’ และ ‘ยาว!’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น