บทที่ 2
คราเคน VS ไข่ดาว
ห้องเล่นทางปีกตะวันตกของวังคุณาบดินทร์ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวและเน้นโทนสีน้ำตาลเป็นหลัก ผนังฝั่งที่ติดกับสวนอันร่มรื่นกรุด้วยกระจกใสทั้งแถบ เนื่องจากเป็นห้องที่สมาชิกในครอบครัวชอบมานั่งเล่นพูดคุยหรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันในวันว่าง บางครั้งก็นั่งจิบชาชมสวน เมื่อครู่กุมาริกาถึงได้เหลือบไปเห็นเข้าอย่างชัดเจนว่าพี่ชายคนรองกำลังไล่ตะครุบเด็กในความปกครองของสามีอยู่บนสนามหญ้านอกห้อง
“ที่จริงพี่หมีกับพี่หมึกไม่เห็นต้องลำบากมาเลยนี่คะ มดบอกแม่ไปแล้วไงว่าเสาร์นี้จะพาหลานไปให้รับขวัญถึงบ้าน” เสียงใสๆ ชวนคุยขณะผลักประตูกระจกริมสวนเข้ามาในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ สองหนุ่มจึงตามหล่อนไปทางชุดโซฟาด้วยกัน
“ก็ไอ้หมึกมันคิดถึงหลาน อยากมาเล่นกับหลาน พี่อยู่ว่างๆ เลยถือโอกาสมาเยี่ยมหลานด้วย” เขตพนาตอบพลางนั่งลงข้างเปลสีฟ้าสะอาดสดใส มองหน้าหลานชายตัวน้อยที่กำลังนอนตาแป๋วอยู่ภายในนั้น แต่ยังไม่ทันได้ทักทายอะไรสักคำ เสียงคนเป็นน้องชายก็ดังขึ้นมา
“แหม...เรื่องพูดให้ตัวเองดูดีนี่ถนัดจริงๆ นะครับ ไม่ใช่ว่าพี่หมีเองก็อยากมาดูว่าคุณชายเลี้ยงหลานกับน้องสาวพี่ได้ดีหรือเปล่าหรอกเหรอ”
กุมาริกาขำ ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ๆ ถึงต้องโยนกันไปโยนกันมาด้วย
“พอเถอะค่ะ มดว่าทั้งคู่นั่นแหละ” หล่อนรู้ว่าพี่ๆ เป็นห่วง เหตุเพราะพวกเขาอายุห่างกับหล่อนเกือบรอบ ทั้งยังช่วยพ่อแม่เลี้ยงหล่อนมาเองกับมือ หากจะเรียกว่าเป็นพ่อคนที่สองที่สามก็คงไม่ผิดนัก และแม้ว่าพวกเขาจะชอบชวนกันทะเลาะแบบนี้บ่อยๆ บทจะชวนคนอื่นทะเลาะขึ้นมาก็เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่เล็กจนโตกุมาริกาจึงแทบไม่เคยมีแฟนเลยสักคน เพราะถูกสองเขตสแกนจนอาจเรียกได้ว่าสกัดดาวรุ่ง มีก็แต่หม่อมราชวงศ์นพคุณคนเดียวที่อดทนกระทั่งฝ่าด่านอรหันต์ของสองเขตมาได้ “นี่มดโตจนเป็นแม่คนแล้วนะ พี่หมีกับพี่หมึกยังชอบทำเหมือนมดเป็นเด็กอยู่อีก”
“ก็มีน้องสาวกับเขาอยู่คนเดียว ถ้าไม่ห่วงมดจะให้พี่ไปห่วงใคร” เขตชลยิ้มอ่อนจนคนเป็นน้องอ่อนอกอ่อนใจ แต่แล้วคำพูดประโยคนั้นก็ทำให้ความคิดทะเล้นๆ แวบเข้ามาในสมองจนได้
“งั้นมดหาเมียให้สักคนดีไหมคะ เผื่อว่าพี่หมึกจะได้มีอีกคนให้ห่วง”
เขตชลถอนหายใจเล็กๆ กลอกตามองเพดานด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย
“อยู่บ้านแม่ก็พูดเรื่องนี้แทบจะวันละสามเวลาหลังอาหารอยู่แล้ว อุตส่าห์หลบมาถึงนี่ มดก็ยังจะทำตัวเป็นมนุษย์แม่ไปอีก”
“ก็มดเป็นแม่คนแล้วนี่ มดเลยเข้าใจความรู้สึกแม่ดี” กุมาริกายอกย้อนด้วยสีหน้าระรื่น ไม่ได้อยากหาเมียให้ชายหนุ่มจริงๆ เพราะเชื่อว่าของแบบนี้หากจะมาก็มาเอง หล่อนก็แค่อยากแกล้งเขานิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น “ที่พูดก็เพราะเป็นห่วงหรอกนะ ไม่อยากให้หนุ่มหล่อๆ กล้ามแน่นๆ อย่างพี่หมึกต้องเฉาตายตอนแก่ จริงไหมคะพี่หมี”
“อือ” เขตพนาตอบรับเสียงเรียบ ซ้ำยังมิวายเสนอแนะ “เอาน้องปลาดาวคนเมื่อกี้เลยก็ได้ ไหนๆ ก็จับนมเขาไปแล้วนี่”
“ไปขยี้ผ้าอ้อมให้หลานโน่นไป” เขตชลสวน ดวงตามีประกายขุ่นเคืองเล็กๆ ที่พี่ชายทับถมไม่เลิก แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สำนึกแล้วยังยิ้มชอบใจเสียอีก ไม่ต่างจากกุมาริกาที่หัวเราะคิกๆ เพราะครั้งที่เขตพนาจีบกับภรรยาวัยใสใหม่ๆ นั้น เขตชลเองก็แกล้งล้ออีกฝ่ายไว้เยอะ
คนโดนรุมตัดสินใจเดินไปเล่นกับหลานแก้เซ็ง พอเห็นทารกน้อยกำลังนอนตาแป๋วก็ไม่ลังเลใจที่จะก้มลงค่อยๆ ประคองอุ้มขึ้นมาจากเปล
“มาเล่นกับลุงหมึกดีกว่าเนอะ อย่าไปอยู่ใกล้ลุงหมีเลย ลุงหมีนิสัยไม่ดีชอบถากถางคนอื่น” เขาไกวแขนไปมาเบาๆ คล้ายกำลังไกวเปล ทารกน้อยที่กำลังนอนตาแป๋วจึงอารมณ์ดี และมีเสียงชอบใจเล็ดลอดจากริมฝีปากน้อยๆ “หัวเราะแบบนี้แปลว่าเห็นด้วยกับลุงหมึกแน่ๆ ลุงหมีนิสัยไม่ดีเนอะ...คุณรุจเนอะ”
เขตพนาส่ายหัวเล็กๆ พลางหันไปหาน้องนุชสุดท้องของบ้าน
“พวกขี้แพ้ก็แบบนี้แหละมด ยอมรับความจริงไม่ได้ก็เลยต้องมโนเอาหลานเป็นพวก”
“เดี๋ยวๆ ใครมโนครับ” เขตชลไม่ยอมรับข้อกล่าวหา “คุณรุจทีมผมอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นไม่อารมณ์ดีแบบนี้เวลาผมอุ้มหรอก”
ความที่เคยอุ้มกุมาริกามาตั้งแต่ยังแบเบาะ เขตชลจึงสามารถอุ้มหลานได้อย่างถนัดมือ เขายังคงไกวแขนไปมาเบาๆ เพื่อเล่นกับหลาน แต่แล้วจู่ๆ ก็ต้องรู้สึกถึงความชื้นฉ่ำบางอย่างที่ไหลซึมลงมาตามเสื้อ
“เฮ้ย!” เขตชลอุทาน ก้มลงมองสำรวจอย่างไม่อยากเชื่อว่าทารกจะกำลังฉี่รดแขนเขา และเหตุไม่คาดฝันก็ทำเอาเขตพนาระเบิดหัวเราะก๊าก ทั้งๆ ที่ปรกติค่อนข้างเงียบขรึม
“เออ! เชื่อแล้วว่าหลานอยู่ทีมแกจริงๆ ถึงได้ฝากรักไว้ที่แกแบบนี้”
“โห คุณรุจ” เขตชลประท้วงหลานชายที่ยังคงมองตาแป๋ว ริมฝีปากน้อยเม้มเข้าหากันเบาๆ ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด “ไม่ต้องบอกรักลุงด้วยวิธีนี้ก็ได้ลูก”
“มาค่ะ เดี๋ยวมดจัดการเอง” กุมาริกาหัวเราะขำพลางเข้ามาขอรับบุตรชายไปอุ้ม หล่อนใช้ผ้าอ้อมส่วนที่ยังไม่เลอะเช็ดทำความสะอาดคราบของเหลวที่ติดอยู่ตามขาทารกก่อนในเบื้องต้น “กระดาษทิชชูอยู่บนโต๊ะค่ะ พี่หมึกเอามาเช็ดไปพลางๆ ก่อนไหมคะ เดี๋ยวมดหาเสื้อให้เปลี่ยน”
“อาบน้ำเลยเถอะ” เขตพนาขำ มองสภาพน้องชายที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเสมือนว่าเห็นใจ “อย่าเป็นถังส้วมเคลื่อนที่ ฉันขอร้อง”
“เรื่องทับถมขอให้บอก” เขตชลหมั่นไส้พี่ชายเสียเหลือเกิน แต่เวลาเดียวกันก็ยอมรับว่าสภาพตัวเองตอนนี้ไม่น่าพึงประสงค์เท่าไร แม้ว่าฉี่ของทารกน้อยจะไม่ค่อยมีกลิ่นฉุนเหมือนผู้ใหญ่ก็ตาม
“รอแป๊บนะคะ มดเปลี่ยนผ้าอ้อมให้หลานก่อน” หญิงสาวหมายใจว่าจะพาเขตชลไปอาบน้ำในห้องรับรอง แต่แล้วจู่ๆ เสียงใครบางคนก็ดังมาจากทางประตูห้อง
“น้ำเย็นๆ มาแล้วค่า”
เมื่อหันไปมองก็เห็นว่ามะปรางกำลังยกถาดเครื่องดื่มกับของว่างเข้ามา
“พี่มะปรางมาได้จังหวะเลยค่ะ” กุมาริกายิ้ม ถือโอกาสวานอีกฝ่ายให้ช่วยจัดการแทนบางเรื่อง “คุณรุจเพิ่งฝากรักใส่พี่หมึกเมื่อกี๊ ถ้ายังไงมดฝากพาพี่หมึกไปอาบน้ำที่ห้องรับรองหน่อยสิคะ”
“ตายจริง” สาวใช้วัยสามสิบปลายๆ รีบวางถาดอาหารในมือลงบนโต๊ะ หันไปมองคราบของเหลวที่ติดอยู่ตามเสื้อและแขนเขตชลแล้วก็แทบไม่อยากเชื่อสายตา เพราะมันเปียกชื้นเสียยิ่งกว่าก๊อกรั่ว! “จัดก๊อกใหญ่ขนาดนี้...ท่าทางคุณรุจจะรักลุงหมึกมากๆ แน่ค่ะ”
หล่อนยิ้มให้กำลังใจแห้งๆ ก่อนจะผายมือเชิญไปยังทางเดินด้านนอกด้วยกัน
เขตชลถอนหายใจเล็กๆ ไม่ได้โกรธเคืองหลาน เพราะถ้าจะเคืองใครสักคนจริงๆ ก็เห็นทีคงเป็นพี่ใหญ่ของบ้านที่เอาแต่นั่งยิ้มขำอยู่บนโซฟาต่างหาก
- - - - - - - - - - -
เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดลงหลังจากที่มือน้อยๆ ยื่นเข้าไปปิด ทะเลดาวคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ไม่ไกลจากห้องอาบน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัว ก่อนจะตรงไปหยิบชุดที่เตรียมไว้บนชั้นวางของมาสวมใส่ให้เรียบร้อย เนื่องจากชุดเดิมเลอะเศษดินเศษหญ้าในสวนหมดแล้ว
เป็นเพราะอีตามือปลาหมึกแท้ๆ
หวนนึกถึงชายหนุ่มที่มายืนจ้องอยู่ใต้ต้นมะม่วงแล้วทะเลดาวก็ยังอดโมโหเล็กๆ ไม่ได้ ต่อให้เขาจะช่วยรับหล่อนไม่ให้ต้องหัวร้างข้างแตกหรือเป็นอันตราย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเขามาทำให้ตกใจ หล่อนก็คงไม่พลัดตกลงไปง่ายๆ แบบนั้น ไหนจะเรื่องที่เขาพูดจาไม่น่าฟัง แล้วยังจับนมอีก
‘จับไปยังไม่รู้เลยว่านม แต่ถ้าล่วงเกินก็ขอโทษแล้วกัน’
ทะเลดาวหน้าคว่ำ ก้มลงมองเนินอกตัวเองที่อาจจะมีอยู่ไม่มากมายนัก แต่ก็ไม่แบนราบเหมือนไข่ดาวเสียหน่อย
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจพูดกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้หล่อนอาย หรือมีความนัยอยากดูหมิ่นแอบแฝง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ไม่น่าฟังอยู่ดี
หญิงสาวถอนหายใจเล็กๆ พยายามปัดเรื่องคนนิสัยเสียออกจากสมอง หล่อนตรงไปแขวนผ้าขนหนูที่ราวไม้ใกล้ๆ ตู้เสื้อผ้าด้านนอก แล้วกวาดตามองห้องนอนโทนสีครีมที่ตกแต่งเป็นสไตล์วินเทจอย่างไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆ จะต้องย้ายออกจากคอนโดมาอาศัยในวังคุณาบดินทร์ เพราะต่อให้หม่อมราชวงศ์หนุ่มและภรรยาจะดีกับหล่อน แต่ได้ชื่อว่าเป็น ‘บ้านคนอื่น’ อย่างไรเสียก็ไม่สะดวกสบายเท่าเดิม
ยิ่งช่วงสอบปลายภาคแบบนี้ หล่อนยิ่งไม่ควรจะต้องมาเสียสติกับเรื่องไร้สาระเลย
นึกถึงเรื่องสอบขึ้นมาได้ ทะเลดาวก็ไม่รอช้าที่จะก้าวไปทางหน้าต่างห้องนอนเพื่อชะโงกหน้ามองหาบางอย่างข้างนอก ครั้นเห็นมะม่วงหลายผลยังหล่นอยู่บนสนามหญ้า ทะเลดาวจึงเริ่มยิ้มออกได้บ้าง
ก่อนหน้านี้หล่อนขะมักเขม้นอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่พออ่านนานๆ เข้า...ตาบนก็เริ่มคิดถึงตาล่าง เมื่อรู้สึกอยากกินผลไม้เปรี้ยวๆ กระตุ้นให้ตาสว่าง และเคยเห็นว่าในสวนปลูกมะม่วงอยู่ต้นหนึ่ง ทะเลดาวก็เลยขออนุญาตกุมาริกาไปเก็บ หมายจะทำยำมะม่วงกินเพลินๆ ระหว่างอ่านหนังสือ
แม้ตอนนี้มันอาจจะช้ำไปบ้างเพราะนิสัยเสียๆ ของคนบางคน ทะเลดาวก็ไม่อยากถือสาอีก
ร่างบางในชุดเอี๊ยมกระโปรงสีฟ้าสดใสตัดสินใจออกจากห้องนอนส่วนตัวเพื่อกลับลงไปเก็บมะม่วงบนสนามหญ้าอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันถึงทางลงบันไดด้วยซ้ำ หล่อนก็เห็นมะปรางเดินสวนขึ้นมา
“พี่มะปราง” ทะเลดาวยิ้มทักตามประสาคนมนุษย์สัมพันธ์ดี สังเกตว่าอีกฝ่ายถือเสื้อสีฟ้าตัวหนึ่งติดมือมาด้วย
“คุณปลาดาวจะไปไหนคะ”
“ไปเก็บมะม่วงน่ะค่ะ”
“อ้าว? ยังไม่ได้เก็บอีกเหรอคะ” สาวใช้มีสีหน้างุนงง เพราะเห็นทะเลดาวชวนคนสวนเก่าแก่ในวังที่คุยกันได้ถูกคอไปช่วยเก็บตั้งแต่ราวๆ ชั่วโมงก่อน
“พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อย ปลาดาวก็เลยต้องขึ้นมาอาบน้ำก่อนน่ะค่ะ” หล่อนคร้านจะอธิบายในเชิงลึก เพราะเห็นว่าไหนๆ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดคือหล่อนไม่อยากนึกถึงคนปากปีจอให้เสียอารมณ์อีกด้วย “ว่าแต่พี่มะปรางเอาเสื้อใครมาคะ”
“ของคุณหมึก พี่ชายคุณมดน่ะค่ะ” เป็นคำตอบที่ทำให้ทะเลดาวชะงัก อุตส่าห์ไม่พูดถึงแล้วเชียว ยังมิวายต้องได้ยินชื่อเขาให้ระคายหูอีก “เธอมาเยี่ยมคุณมดกับคุณรุจ แต่เจอคุณรุจฉี่ใส่ ตอนนี้ก็เลยอาบน้ำอยู่ในห้องรับรองค่ะ”
ทะเลดาวถึงกับหัวเราะคิก สาแก่ใจเล็กๆ เมื่อรู้เหตุผลที่มะปรางเอาเสื้อเขามา
“สมน้ำหน้า”
“อะไรนะคะ?” มะปรางทวนถาม คนเผลอหลุดปากจึงได้แต่อึกอัก ลืมไปเสียสนิทว่าอีกฝ่ายยังไม่รู้ความบาดหมางระหว่างหล่อนกับเขา และที่สำคัญคือหล่อนไม่ควรพูดถึงเขาในลักษณะนั้นด้วย เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นพี่แท้ๆ ของกุมาริกา
แต่เขาอยากทำตัวน่าหมั่นไส้เองทำไมล่ะ ถึงอายุมากกว่าก็ใช่ว่าจะน่านับถือสักนิด
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แล้วนี่พี่มะปรางต้องเอาชุดไปซักให้เขาเหรอคะ” เรื่องเฉไฉทะเลดาวถนัด และรอยยิ้มหวานๆ ของหล่อนก็ทำให้มะปรางเอ็นดูมากกว่าจะติดใจสงสัย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่เพิ่งอบเสร็จ พี่กำลังจะเอาไปให้คุณหมึกที่ห้องรับรอง” สาวใช้พยักพเยิดไปยังประตูไม้บานหนาถัดจากห้องนอนของทะเลดาว ซึ่งคนมาอยู่ใหม่เองก็พอจะรู้อยู่ว่าห้องทางปีกขวาทั้งหมดมีไว้รับรองแขกที่เดินทางมาพัก แต่มองตามได้ไม่ทันไรกลับได้ยินเสียงอีกฝ่ายอุทาน “อุ๊ย!”
เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง สีหน้าบิดเบี้ยวของมะปรางก็ทำเอาทะเลดาวตกอกตกใจไม่น้อย
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ พี่มะปราง”
“ท้องเสียน่ะค่ะ” มะปรางสูดปากเบาๆ พลางเอามือกุมท้องที่เริ่มจะคดงอตามตัวนิดหน่อย “วันนี้รอบที่สามแล้ว ต้องเป็นเพราะยำหอยนางรมที่ตาสมซื้อมาเมื่อกลางวันแน่ๆ”
สมหมายเป็นคนสวนวัยห้าสิบต้นๆ ที่ทะเลดาวชวนไปเก็บมะม่วงด้วยกัน ตอนนั้นเขาเองก็จู๊ดๆ กะทันหัน ถึงได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่แล้วกลับหายต๋อมไปโดยไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาอีกเลย
“อูย...พี่มะปรางไม่ไหวแล้ว ประตูเมืองจะแตกพ่ายแล้วค่ะ คุณปลาดาวช่วยพี่มะปรางหน่อยนะคะ พี่มะปรางฝากเอาเสื้อผ้าไปให้คุณหมึกที” เป็นการไหว้วานที่ทำเอาทะเลดาวเหวอ แต่ไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธ คนกำลังถูกข้าศึกโจมตีก็ลนลานยัดเสื้อของเขามาไว้ในมือหล่อน
“เอ่อ...” ทะเลดาวอึกอัก เห็นท่าทางอีกฝ่ายคงไม่ไหวจริงๆ เลยปฏิเสธไม่ลง “พี่มะปรางไปเข้าห้องน้ำในห้องปลาดาวก่อนก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ชินที่ชินทาง” ว่าแล้วมะปรางก็วิ่งปรู้ดกลับลงบันไดไปยังห้องน้ำแม่บ้านที่ใกล้ที่สุด
หญิงสาวมองตามด้วยความเป็นห่วง หากประตูเมืองแตกพ่ายขึ้นมากลางทางคงไม่ดีแน่ๆ แต่พอฉุกคิดได้เกี่ยวกับภาระที่ถูกฝากเอาไว้ หล่อนก็ก้มลงมองเสื้อยืดสีฟ้าในมือตัวเองพลางทำปากขมุบขมิบ
“เจ้ากรรมนายเวรชัดๆ” ทะเลดาวถอนหายใจเล็กน้อย อดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดถึงต้องมีเรื่องให้เจอกันด้วย แต่ก็เอาเถอะ...ไหนๆ สวรรค์ก็ลงโทษเขาแทนหล่อนอย่างสาแก่ใจแล้ว ทะเลดาวจะทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนที่ดีด้วยการไม่จองเวรเขาอีกก็แล้วกัน
หญิงสาวหมุนตัวกลับไปทางเก่า ก่อนจะหยุดหน้าประตูห้องรับรองที่อยู่ถัดจากห้องนอนของหล่อนเพื่อเคาะเบาๆ ตามมารยาท แต่เมื่อไม่มีเสียงใดตอบรับมาเป็นเวลานาน คิ้วเรียวสวยก็เริ่มขมวดมุ่น
“คุณ...คุณหมึก” ทะเลดาวร้องเรียกพลางเคาะซ้ำไปใหม่ “หนูเอาเสื้อที่ซักแล้วมาให้ค่ะ”
เงียบ...
ทะเลดาวแปลกใจตงิดๆ ก่อนจะลองหมุนลูกบิดเข้าไปโดยพลการ หล่อนเยี่ยมหน้ามองสำรวจรอบๆ ก่อนในเบื้องต้น ทว่ากลับไม่เห็นแม้เงาของใครสักคน
ทันใดนั้น ดวงตากลมโตก็ไปสะดุดเข้ากับกางเกงขายาวสีครีมที่วางพาดอยู่บนโซฟานั่งเล่น หล่อนคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นกางเกงตัวเดียวกับที่เขาสวมตอนเจอกันในสวน
เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะยังอาบน้ำไม่เสร็จ?
ริมฝีปากอิ่มขยับยิ้ม ถือวิสาสะก้าวเข้าไปในห้องรับรองหมายจะวางเสื้อทิ้งไว้ให้ เพราะหล่อนเองก็ไม่อยากเจอหน้าเขาให้เสียอารมณ์เท่าไร แต่ยังก้าวไม่ถึงที่หมาย ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดพรวดออกมา
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง นึกไม่ถึงว่าจะหันไปเห็นชายหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาพันผ้าขนหนูรอบเอวสอบ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรสวมติดตัวสักชิ้น
“กรี๊ดดด!”
“เฮ้ย!” เขตชลอุทาน รีบพันผ้าขนหนูให้เสร็จเพราะไม่คิดว่าจะเงยหน้ามาเห็นหล่อนอยู่ในห้องแบบนี้ และการที่หญิงสาวยกเสื้อในมือขึ้นปิดหน้าตัวเองทันทีก็ทำให้แน่ใจได้ว่าหล่อนเห็นหมึกยักษ์เข้าแล้ว
“คนบ้า! ลามกที่สุด!” หญิงสาวละล่ำละลัก “ทำไมไม่พันผ้าขนหนูให้เรียบร้อยก่อนนะ”
“เธอนั่นแหละ เข้าห้องคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะประตูก่อน”
“หนูเคาะแล้ว แต่คุณไม่ตอบรับสักคำนี่” ทะเลดาวแย้ง ยังคงไม่เอามือลงง่ายๆ เพราะกลัวจะเห็นภาพบาดตาเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นตอนนั้นเองว่าในมือหล่อนคือเสื้อยืดสีฟ้าตัวเก่งที่มะปรางอาสาจะเอาไปซักอบแห้งให้เขาเมื่อพักก่อน
มุมปากของเขตชลกระตุกขึ้นเล็กๆ อดคิดอยากเอาคืนเด็กแสบที่กล่าวหาเขาว่าเป็น ‘ไอ้หื่น’ ไม่ได้
“ก็เลยต้อง ‘แอบย่อง’ เข้ามา”
“บ้า!” ทะเลดาวสวน ไม่ใช่พวกถ้ำมองโรคจิตแบบเขา อยู่ดีไม่ว่าดีถึงได้ไปยืนจ้องหล่อนใต้ต้นมะม่วง “หนูก็แค่จะเอาเสื้อที่ซักเสร็จแล้วมาให้ แล้วก็จะรีบออกไปเท่านั้น”
“แต่ฉันไม่เห็นว่าเธอจะอยากรีบกลับออกไปเลย” เขาก้าวมาดึงเสื้อที่ปิดตาออก เล่นเอาเสียทะเลดาวผวาเฮือก แต่ไม่ทันได้เห็นว่าเขาพันผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้วหรือไม่ ใบหน้าเปียกๆ ที่อยู่ใกล้แค่คืบมือก็ทำเอาหล่อนหน้าร้อนผ่าว คาดไม่ถึงว่าเขตชลจะค่อยๆ โน้มหน้าลงมาใกล้ พาให้หล่อนต้องเอนกายถอยหลบตามสัญชาตญาณ “หรืออยากดูฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า... ติดใจคราเคน[1]ของฉันแล้วสิ”
คราเคนงั้นหรือ...
ทะเลดาวเผยอปากอย่างเหวอๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงเรียบร้อยน่ารักอย่างกุมาริกาจะมีพี่ชายห่ามขนาดนี้ได้ เขาอาจหาญเหลือเกินถึงได้สามารถเปรียบเทียบของตัวเองกับคราเคนที่หล่อนเคยเห็นในภาพยนตร์ ไพเรท ออฟ ดิ แคริบเบียน
“คนผีทะเล!” หญิงสาวทุบอกเข้าให้ แต่นอกจากคนตัวโตจะไม่สะท้านสะเทือนใดๆ แล้วยังหัวเราะขำเสียอีก “ก็แค่หมึกน้อยขาดสารอาหาร ยังมีหน้ามาโอ่อีก”
“ลองวัดดูสักทีไหมเล่า”
“เชิญวัดไปเองคนเดียวเถอะค่ะ” ทะเลดาวหน้าคว่ำ หมั่นไส้คนอหังการจนอดไม่ได้ที่จะรีบเดินหนี แต่กลับไม่ทันสังเกตสักนิดว่าพื้นห้องมีคราบน้ำจากรอยเท้าของเขาเปรอะอยู่ “ว้าย!”
คนตัวเล็กลื่นล้มคะมำ มือทั้งสองข้างควานคว้าหาที่ยึดเหนี่ยวตามสัญชาตญาณ และสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดตอนนี้ก็คือไหล่เขา
“ระวังหน่อยสิ” เขาช่วยรับพลางก้มลงมองเด็กสาวผมเปียในอ้อมแขน หล่อนใจหายใจคว่ำ แต่พอรู้ว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนตรงหน้าก็ทำเอาทะเลดาวหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจปั่นป่วนอย่างแปลกประหลาดเพราะกลิ่นหอมสะอาดของคนเพิ่งอาบน้ำออกมาใหม่ๆ
แล้วกันสิ... หล่อนรู้สึกเหมือนเลือดสาวในกายไหลสะเปะสะปะหลงทิศหลงทาง คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรทำอะไรต่อไป เพราะไม่เคยอยู่ใกล้บุรุษคนไหนในสภาพหมิ่นเหม่แบบนี้มาก่อน
“เอ...หรือจริงๆ แล้วมันเป็นแผนของเธอ เจอกันทีไรถึงได้แข้งขาอ่อน” เขตชลเย้า ทั้งยังแกล้งทำเสียงกระเส่าในประโยคสุดท้าย “คราวหลังถ้าอยากจะกอดก็บอกกันดีๆ ได้”
สาวน้อยวัยใสหน้าร้อนวูบ สติสตังหวนกลับคืนมาทันที
“หลงตัวเองที่สุด!” หล่อนรีบขืนกายออกไปจากอ้อมแขนของเขา ทั้งโกรธทั้งอายระคนกันเพราะไม่เคยเจอผู้ชายห่ามๆ พูดจาหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อน “จิตหมกมุ่นแบบคุณ ต่อให้เหลือคุณอยู่เป็นผู้ชายคนเดียวในจักรวาล หนูก็ไม่เอามาทำพ่อพันธุ์แน่ๆ มั่นหน้ามั่นโหนก โลกแคบ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนิยายหรือไง ถึงได้เข้าใจผิดว่าหื่นแล้วเท่”
“ขอบใจที่ให้เกียรติเทียบชั้นเดียวกับพระเอก”
ทะเลดาวถึงกับอ้าปากหวอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะยังมีสีหน้าภูมิใจประหนึ่งได้รับคำชมว่าหล่อขั้นเทพ สุดท้ายเลยได้แต่ขบริมฝีปากล่างเบาๆ แล้วเดินหนีไปเสีย เพราะบ้านหล่อนสอนว่าไม่ควรนำพิมเสนไปแลกกับเกลือ แต่พอนึกได้ว่าพื้นลื่นก็ชะงักกึก ก้มลงมองคราบน้ำเบื้องล่างเพื่อก้าวข้ามไปอย่างระมัดระวัง
เขตชลกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตามีประกายขบขันเล็กๆ ยามมองตามหลังคนตัวบาง ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าเขาจะอารมณ์ดีขนาดนี้ได้ บางทีคงเพราะไม่เคยเจอเด็กที่ไหนกล้าต่อปากต่อคำกับเขาขนาดนี้มาก่อน
“ทีใครทีมันนะ นังหนู”
- - - - - - - - - -
[1] คราเคน (Kraken) เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่ชาวทะเลเหนือหวาดกลัว ลักษณะคล้ายหมึกกล้วยขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ และมักชอบโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกะทันหัน
ความคิดเห็น |
---|