บทที่ ๒

 

แสงไฟใกล้ดับ

สำหรับเจนจบ คำว่า ‘สารเลว’ คงน้อยไป หากสามารถบัญญัติคำศัพท์ใหม่ในพจนานุกรมได้ วันเวลาอยากจะบัญญัติศัพท์ใหม่ที่นิยามความเลวของเจนจบให้สาแก่ใจมากกว่านี้ เพราะเท่าที่มีอยู่ตอนนี้มันยังนิยามความเลวของเขาได้ไม่ถึงครึ่ง ถามว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกอย่างนั้น ก็เพราะเหตุการณ์ในงานเลี้ยงนั่นไง นอกจากเขาจะทำให้เธอกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ถูกการ์ดจับโยนออกจากงานเหมือนขยะชิ้นหนึ่งแล้ว เจนจบยังแอบกระซิบกับเธอด้วยถ้อยคำชวนยัวะจัดอีก

‘อยากโง่เอง ช่วยไม่ได้ ถือว่าทำทานเงินที่ไปขูดรีดคนอื่นเขามาก็แล้วกัน!’

อยากโง่เองงั้นหรือ เพิ่งรู้ว่าการเชื่อใจคนรักกลายเป็นความโง่ไปแล้ว เธอไม่ได้โง่ ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่เลว เลวที่ทำลายความเชื่อใจของคนรักได้ลงคอ อีกอย่างจะหาว่าเงินที่เขาหลอกเอาไปเป็นเงินที่เธอรีดมาจากคนอื่นก็ไม่ใช่ เพราะเงินส่วนนั้นคือรายได้จากการขายของออนไลน์ ที่เธอเต้นแร้งเต้นกาตะโกนขายของในไลฟ์จนคออักเสบกันไปข้าง มันเป็นเงินสุจริตที่คนอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ขโมยไป แต่ตอนนั้นต่อให้โกรธแค่ไหน วันเวลาก็ไม่สามารถเข้างานไปตั๊นหน้าเจนจบได้   เพราะถูกการ์ดคอยจับตาดูตลอด ถึงขั้นขู่ว่าจะแจ้งตำรวจให้พาเธอออกไป หากเธอยังไม่เลิกป้วนเปี้ยนแถวงานอีก ดังนั้นหญิงสาวเลยไม่มีทางเลือก นอกจากถอยกลับบ้าน

วันเวลาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กังสดาลฟัง พอได้ฟังแล้วหล่อนก็โกรธไม่แพ้กัน แม่พยาบาลสาวถึงขนาดแนะนำให้เธอหอบหลักฐานต่างๆ ไปออกรายการ ‘โหรกะแฉ’ ซึ่งเป็นรายการยอดนิยม ที่มีหมอดูเป็นพิธีกรมารับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ ของชาวบ้านพร้อมให้คำทำนายเพื่อแก้ไขปัญหา 

โอเค...เธอก็อยากจะเห็นด้วยกับไอเดียเพื่อนอยู่หรอกนะ แต่พอคิดดูแล้วกลับไม่เห็นผลแตกต่างจากเดิมสักเท่าไร เพราะหากร้องทุกข์ผ่านสื่อจนกลายเป็นประเด็นใหญ่โต สุดท้ายมันก็จะวกกลับมาที่การดำเนินคดีอยู่วันยังค่ำ คงจะเกิดคำถามตามมาแน่ว่าเหตุใดวันเวลาจึงไม่อยากดำเนินคดีกับเจนจบ แล้วเรื่องลับๆ ที่เธอไปแบล็กเมล์คนอื่นก็จะถูกขุดคุ้ยและเปิดโปง ไม่ว่าพวกเขาจะรู้หรือไม่ว่าเธอใช้วิธีการอะไรในการไปรู้ความลับชาวบ้าน แต่อย่างไรเธอก็ไม่อยากลงเอยด้วยการไปทัวร์ห้องกรงอยู่ดี 

ฉะนั้นวันเวลาจึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากกัดฟันปล่อยผ่านเรื่องนี้ ปล่อยให้เจนจบบินกลับไปต่างประเทศกับภรรยาแล้วเสวยสุขเสียให้พอ ส่วนเธอก็พยายามลืมเรื่องทั้งหมดไป ต่อให้เงินเก็บจะสูญ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้สัมผัสพิเศษกลับคืนมา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องสำคัญกว่า เพราะตราบใดที่เธอมีสัมผัสพิเศษ เธอก็จะหาเงินใหม่ได้อีก ต่อให้จะโดยวิธีไม่สุจริต แต่มันก็คงช่วยทำทุนให้การขายออนไลน์ดำเนินกิจการต่อไปได้

“มาเลยจ้ะพี่จ๋า เร่เข้ามา วันนี้วิวมีสินค้าตัวใหม่จะมาแนะนำพร้อมกับราคาสุดพิเศ้ษพิเศษ ช้าหมด อด ช้าหมด อดนะจ๊ะ!” วันเวลากดกระดิ่งตรงหน้าแบบรัวๆ เพื่อเรียกความสนใจผู้ชม ในระหว่างที่ตะโกนไลฟ์ขายของด้วยเอเนอร์จีสูงปรี๊ดอยู่หน้ากล้องซึ่งเซตอัปไว้ในห้องรับแขก 

“สินค้าตัวใหม่วันนี้ขอเสนอสบู่หมีหวาน ขอย้ำ สบู่หมีหวาน ใช้แล้วหมีหอมหวานจนผัวร้าก~ผัวหลง แบบไม่ต้องลงคุณไสย ตัวนี้ใช้ดี มีเลขทะเบียน อย. ใช้ได้ปลอดภัยสบายใจแน่นอน มีสามกลิ่นให้เลือก พี่ๆ ท่านไหนสนใจซีเอฟมาเลยนะจ๊ะพี่จ๋า ซีเอฟในไลฟ์ตอนนี้ วิวลดพิเศษให้สี่สิบเปอร์เซ็นต์ พร้อมของแถมคิวต์ๆ ฟองน้ำขัดหมีนุ้มนุ่ม เอาไปขัดน้องหมีให้ผ่องเป็นยองใย โปรปังๆ แบบนี้อย่าพลาด มาเลยจ้ามาเลย ไม่ต้องเขิน นาทีทองมีจำกัด ซีเอฟกันเข้ามา!” กล่าวเชิญชวนในไลฟ์เสร็จ แม่ค้าสาวก็กดกระดิ่งรัวๆ เธอพูดวนประโยคทำนองนี้อีกหลายสิบครั้ง และเมื่อเห็นว่ายอดคนชมไลฟ์เริ่มน้อยลง สาวเจ้าก็ต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ ทั้งเล่าเรื่องตลก ทั้งสวมเสื้อผ้าหลุดโลก ทั้งลุกขึ้นมาเต้นบ้าๆ บอๆ ทั้งลดแลกแจกแถมในนาทีสุดท้าย ทำอะไรก็ได้เพื่อดึงดูดให้คนมาซื้อสินค้ามากที่สุด 

ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยเป็นบ้า! ใครว่าเป็นแม่ค้าออนไลน์สบาย เธอจะตามไปหยุมหัวคนพูดถึงที่เลย! 

แต่เหนือกว่าการไลฟ์ขายของจนคอแทบแตก ก็คือการโดนผู้ชมบางคนถามในไลฟ์ว่า สินค้าที่เธอขายใช้ดีจนผัวรักผัวหลงจริงหรือเปล่า ยังไม่ทันได้ตอบก็ดันมีลูกค้าบางรายพิมพ์มาในแชตหน้าไลฟ์ว่าจะจริงได้อย่างไร ในเมื่อแม่ค้ายังโดนผัวเทเลย วินาทีนั้นเธอรู้สึกคิดผิดจริงๆ ที่เคยเผลอกล่าวถึงเรื่องที่ตนโดนแฟนทิ้งในไลฟ์ครั้งก่อน เพราะสุดท้ายเธอก็โดนเรื่องนั้นย้อนศรเข้าให้ และมันทำให้เธอขำไม่ออก จนอยากจะฟาดปากลูกค้าไร้มารยาทเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ต้องอดใจไว้ เพราะลูกค้าคือพระเจ้าและเดอะโชว์ก็ต้องมัสต์โกออนต่อไป คิดได้อย่างนั้นวันเวลาจึงพยายามใจเย็น ตอบกลับคอมเมนต์ของลูกค้ารายนั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ใช่แล้วจ้า ที่วิวโดนเทก็เพราะตอนนั้นไม่ได้ใช้สบู่หมีหวานไงล่ะจ๊ะ แต่ตอนนี้วิวพบเคล็ดลับแล้ว เสน่ห์ยั่วๆ แบบสบู่หมีหวานนั่นไงที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาจุดซ่อนเร้น ตอนนี้ไม่ว่าหนุ่มคนไหนก็ต้องสยบวิวทั้งนั้น ถ้าพี่ๆ ท่านไหนอยากมีเสน่ห์ยั่วๆ แบบวิว ซีเอฟกันเข้ามาได้เลย ของดีจึ้งๆ แบบนี้ พลาดแล้วจะเสียใจนะจ๊ะพี่จ๋า!”

สุดท้ายหญิงสาวก็หาทางลงแบบแม่ค้าได้อย่างสวยงาม โดยไม่เผลออาละวาดกลางไลฟ์เสียก่อน และแน่นอนทันทีที่ปิดไลฟ์ เธอก็ฟาดงวงฟาดงาอยู่หลังฉาก ก่นด่าลูกค้าปากเสียด้วยสารพัดถ้อยคำเจ็บแสบ กล้าดีอย่างไรมาว่าเธอโดนผัวเท เจนจบไม่ใช่ผัว แต่เป็นแค่อดีตแฟนห่วยๆ ที่ยังไม่เคยนอนด้วยกัน และมันก็เป็นบุญของเธอแล้วที่หลุดพ้นมาจากเขาได้ก่อนสายไป ผู้หญิงที่แต่งงานกับเขาต่างหากที่โชคร้าย เพราะหล่อนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าต้องใช้ชีวิตกับคนเฮงซวย 

“พี่วิวอย่าไปถือสาเขาเลย คนพวกนี้เขาชอบพูดไปเรื่อยแบบมันปาก ฟีลเหมือนป้าข้างบ้านอะ ถือเสียว่าหมาเห่านะคะ” กระถิน สาวผมเปียสีแดงไวน์ วัยยี่สิบสามปี ผู้ช่วยขายของออนไลน์ ซึ่งรับหน้าที่เป็นตากล้องเอ่ยปลอบใจ เมื่อเห็นว่าสาวรุ่นพี่พยายามจะพังกล้องพร้อมอุปกรณ์ประกอบฉากที่ใช้ทำมาหากินแบบมีโมโห 

“แหม กระถิน บางครั้งพี่ก็รำคาญ อยากเตะปากหมาที่ว่านั่นเหมือนกันนะ”

 “งั้นก็ง้างรอเตะในไลฟ์ครั้งต่อไปดีกว่าไหมพี่ เพราะถ้าขืนพี่พังกล้องตอนนี้ เราก็จะไม่มีเครื่องมือไว้ไลฟ์อีก แล้วพี่ก็จะอดเตะปากหมาที่ว่านะคะ ที่สำคัญกล้องกับอุปกรณ์พวกนี้ก็ยังผ่อนไม่หมดเลยด้วยซ้ำ พี่จะทำอะไรก็ได้ แต่พี่จะพังมันตอนนี้ไม่ด้าย~!” กระถินพูดติดตลก ทำให้วันเวลาหัวเราะ ยอมสงบอารมณ์ลง

“ก็จริง ขอบใจที่เตือนสติ เกือบไปแล้วไหมล่ะ” คนเกือบพังกล้องหัวเราะพลางตบไหล่ผู้ช่วย เธอรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีกระถินเป็นผู้ช่วย เพราะคนหัวร้อนง่ายแบบเธอจำเป็นต้องมีคนใจเย็นอย่างกระถินนี่ละคอยเตือนสติบ้าง ไม่อย่างนั้นเธอคงชนกับใครต่อใครแหลกยิ่งกว่านี้

“ไลฟ์เสร็จแล้ว พี่วิวจะทำอะไรต่อ จะออกไปหาพี่กั้งเลยหรือเปล่าคะ” กระถินถามต่อ หลังจากช่วยกันกับวันเวลาเก็บอุปกรณ์ในการไลฟ์ให้เข้าที่เข้าทาง พอข้าวของต่างๆ ถูกเข็นออกไป ห้องรับแขกก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างที่เคยเป็น ชุดโซฟาบุนวมสีฟ้าลายเรขาคณิตตั้งอยู่กลางห้อง หันหน้าเข้าหาโทรทัศน์ กระถางดอกไม้ประดิษฐ์บลูบอนเนตตั้งประดับอยู่ริมขอบหน้าต่าง ติดกันมีตั่งนอนทำจากไม้ตั้งอยู่ ซึ่งอันหลังนี้ละที่วันเวลาไม่ชอบเลย เพราะไม่ว่าจะนั่งหรือนอน ตั่งไม้นี้ก็ไม่เคยให้ความสบายแก่เธอ มีแต่จะทำให้ปวดหลังหนักกว่าเก่า ที่จะมีดีหน่อยคือมารดาของเธอชอบมันมากและมันทนทานนานข้ามยุคดีก็เท่านั้น และนั่นละเหตุผลที่เธอยังไม่โยนมันทิ้ง

“ใช่แล้ว เดี๋ยวพอช่วยกระถินเคลียร์ยอดออร์เดอร์เสร็จ พี่ก็ว่าจะไปหายายกั้งหน่อย นัดกันไว้ที่โรงพยาบาล เธอมีเรื่องให้พี่ช่วย” วันเวลาตอบสาวผู้ช่วย ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา โดยมีแล็ปท็อปวางอยู่บนตักอย่างพร้อมทำงาน 

“อ้อ ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ พี่วิวรีบไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวเรื่องเคลียร์ออร์เดอร์ หนูทำเองได้ค่ะ” กระถินอาสาอย่างมีน้ำใจเช่นเคย 

“ไม่เป็นไรๆ ช่วยกันทำงานก่อนแป๊บเดียวก็เสร็จ ก็ใช่ว่ายอดซื้อจะมากมายเหมือนคนอื่นเขาอยู่แล้ว” แม่ค้าสาวแซวตนเอง เรื่องนี้มันตลกร้ายจริงๆ ครั้นทำมาหากินแบบสุจริต รายได้ก็ไม่พอเลี้ยงปากท้อง จะหาว่าเธอร้ายก็ไม่ได้ เพราะโลกนี้มันไม่เคยอ่อนโยนต่อเธอเลย “ว่าแต่แม่พี่ล่ะ แม่ยังหลับอยู่หรือ” 

“ค่ะ เมื่อชั่วโมงก่อนหนูป้อนข้าวป้อนยาให้ป้าแววเสร็จ แกก็หลับปุ๋ยไปเลย แต่ดูจากเวลา อีกไม่นานก็คงตื่น”กินยาิ

และคำว่า ‘อีกไม่นาน’ ของกระถินก็เกิดขึ้นจริงในอีกห้านาทีต่อมา เพียงแต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือการคาดคะเนก็คงเป็นเรื่องที่แววดาว มารดาของวันเวลา เดินยิ้มแฉ่งออกมาจากห้องนอน พร้อมหิ้วปิ่นโตสองเถาที่ไม่รู้ไปหยิบมาจากในครัวตอนไหนติดมือมาด้วย หล่อนจ้ำอ้าวไปที่ประตูบ้าน ราวกับจะรีบเร่งไปหาใครบางคนที่รออยู่ พอเห็นอย่างนั้นวันเวลาก็กระโดดผลุงจากโซฟา ตรงไปถามไถ่

“เดี๋ยวๆ สต๊อปเลย แม่จะไปไหนคะ!”

“แม่จะไปโรงงานน่ะสิ”

“โรงงาน? ไปทำไมแม่”

“ถามมาได้ ก็เอาข้าวกลางวันไปให้พ่อไง เถาหนึ่งสำหรับพ่อ อีกเถาสำหรับแม่เอง วันนี้แม่ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว” แววดาวบ่น ก่อนตั้งท่าจะเดินต่อ แต่บุตรสาวกลับไม่ให้หล่อนไป วันเวลายืนขวางประตูไว้ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่ 

“แม่ ฟังวิวนะ” หญิงสาวเปล่งเสียงช้าชัด ทว่านัยน์ตากลับเศร้าลง จะอย่างไรเธอก็ยังไม่ชินกับอากัปกิริยาของมารดาเสียที “แม่จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แม่ต้องอยู่กับวิวที่นี่”

“อะไรของลูก วิว ลูกจะมาขัดขวางไม่ให้แม่ออกไปส่งข้าวให้พ่อไม่ได้นะ พ่อเขารออยู่” 

“ไม่มีใครรอแม่หรอก ฟังวิวให้ดีนะแม่ โรงงานนั่นเจ๊งไปเป็นชาติแล้ว ส่วนพ่อก็ตายจากเราไปเป็นสิบปีแล้ว อ้อ อีกอย่างหนึ่งที่แม่ควรรู้นะคะ วันนี้แม่กินข้าวอิ่มครบมื้อแล้ว มื้อเช้าและกลางวันกินกับวิว ส่วนมื้อเย็นกระถินเป็นคนป้อนให้เมื่อชั่วโมงก่อนไงคะ”

แววดาวทำหน้าเหลอหลา เหมือนไม่เคยรู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวมาก่อน และเมื่อวันเวลาย้ำข้อเท็จจริงใหม่ซ้ำอีกสองรอบ หล่อนก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ แต่ไม่วายปล่อยโฮออกมาระลอกใหญ่

“ใช่ จริงด้วย พ่อตายจากเราไปนานแล้ว แม่จะทำยังไงดี แม่จะทำยังไงดี”

กระถินปาดน้ำตาป้อยๆ แม้จะเคยเห็นภาพทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่หล่อนก็บ่อน้ำตาตื้น อดสงสารไม่ได้ทุกที ต่างจากวันเวลาที่แม้จะเศร้าเหมือนกัน แต่เธอเลือกที่จะเก็บน้ำตาไว้ในอก กับแผลเก่าที่เกิดจากการสูญเสียหัวหน้าครอบครัวไปด้วยอุบัติเหตุในโรงงานพลาสติกที่ป่านนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินทดแทนสักแดง เพราะถูกนายจ้างหัวหมอเอาเปรียบกุเรื่องว่าบิดาของเธอมีส่วนผิดเองจึงไม่จ่ายเงินให้ เธอจำเป็นต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้มารดาที่กำลังล้มป่วย

ใช่...มารดาของเธอป่วยเป็นอัลไซเมอร์มาสามปีแล้ว และเพราะเหตุนั้นเธอจึงไม่มีเวลาฟูมฟายกับบาดแผลเก่ามากนัก มันยังเจ็บอยู่ก็จริง แต่เธอต้องกัดฟันประคองตัวยืนต่อให้ได้ เพื่อมารดาและตัวเธอเอง

“ไม่เป็นไรนะคะ ไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร เพราะแม่มีวิวอยู่ทั้งคน เราอยู่กันสองคนได้ค่ะ” บุตรสาวสวมกอดมารดาอย่างปลอบใจ ในขณะที่แววดาวร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ แต่ก็เพียงไม่นาน เพราะอีกไม่กี่นาทีถัดมา แววดาวก็ลืมเรื่องน่าเศร้านี้ไปโดยสิ้นเชิง กลับไปเป็นแววดาวคนเดิมที่มีสภาวะอารมณ์ดีเหมือนปกติ และวุ่นวายกับการทำงานบ้านหรือไม่ก็ทำอาหารเตรียมไว้ให้บุตรสาว

“ถึงเวลาข้าวเที่ยงแล้วนี่นา ลูกอยากกินอะไร เดี๋ยวแม่ทำให้นะ” 

“ข้าวเที่ยงวิวกินจนอิ่มแปล้ไปพร้อมแม่แล้วไงคะ นี่ข้าวเย็นแล้วค่ะ” หญิงสาวกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะบีบมือมารดาแบบขอบคุณจากใจ “แต่วันนี้แม่ไม่ต้องทำอาหารให้วิวนะ เดี๋ยววิวจะออกไปข้างนอก ออกไปหายายกั้งหน่อย” 

ก็ไม่รู้ว่ามารดาลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าบุตรสาวมีเพื่อนสนิทตั้งแต่ชั้นประถมชื่อกังสดาล แต่ถึงจะลืมหรือยังจำได้ก็ไม่ใช่ประเด็น   เพราะอย่างไรเธอก็ต้องออกไปพบเพื่อนตามนัดอยู่ดี ดังนั้นเมื่อเคลียร์ออร์เดอร์สินค้าเสร็จ และฝากฝังให้กระถินช่วยดูแลมารดาระหว่างที่เธอไม่อยู่เรียบร้อยแล้ว วันเวลาจึงออกเดินทางไปหากังสดาลที่โรงพยาบาล 

สถานที่นัดหมายคือศูนย์อาหารของโรงพยาบาล เมื่อวันเวลาไปถึง ก็เห็นว่ากังสดาลนั่งดูดน้ำผลไม้ปั่นรออยู่ที่โต๊ะแล้ว หล่อนยังอยู่ในชุดพยาบาล แต่มีเสื้อคลุมสีดำทับอีกชั้น ดูท่าจะเพิ่งลงเวร

“ไง ยายวิว แกมาช้ากว่าฉันได้ไง”

“โทษที พอดีอยู่เคลียร์ออร์เดอร์กับดูแม่อยู่น่ะ ฉันมาช้าไปมากหรือ” วันเวลากล่าวขอโทษขอโพย พลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย เธอสายไปเกือบสิบนาทีเห็นจะได้ “แกรอนานเลยสิ”

“รอจนตูดจะด้านเหมือนหน้าอยู่แล้วเนี่ย เออน่ะ ฉันล้อเล่น” กังสดาลเสริม เมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเพื่อน “ไม่เป็นไรหรอกน่า กว่าฉันจะไปซื้อน้ำเสร็จก็พอดีกันแหละ ฉันรู้ว่าแกมีภารกิจต้องทำเยอะ ไหนจะขายของ ไหนจะดูแลแม่ที่ป่วยอีก แล้วนี่ยังให้แม่กินยาครบและตรงเวลาอยู่ใช่ไหม” 

“ครบและตรงเวลาแน่นอนค่า คุณพยาบาล” วันเวลายิ้มให้เพื่อน รู้สึกดีที่กังสดาลคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงและใส่ใจ ทั้งในฐานะเพื่อนและในฐานะพยาบาล

“ดีแล้ว ถึงยาจะไม่ทำให้หายขาด แต่ก็ช่วยบรรเทาและประคับประคองอาการได้อยู่นะ คอยกำชับให้แม่กินให้ครบและตรงเวลาละถูกแล้ว แต่แกไหวแน่นะ” กังสดาลถามย้ำ ก็เป็นอีกครั้งแล้วที่หล่อนกลัวว่าวันเวลาจะเหนื่อยเกินไปกับการดูแลคนป่วย “ใครๆ ก็รู้ว่าการดูแลคนป่วยอัลไซเมอร์ไม่ใช่งานง่ายๆ ถ้าแกรู้สึกเหนื่อย เครียด หรือไม่ไหวก็บอก ฉันจะแนะนำหมอให้”

“หมอดูหรือวะ”

“อีบ้า ไม่ใช่หมอดู หมายถึงหมอจริงๆ น่ะ จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาอะไรแบบนี้ แกนี่มันชอบทำเสียขบวนอยู่เรื่อย!” กังสดาลขู่ฟ่อ ทำเอาคนถูกหาว่าทำเสียขบวนหัวเราะจนตัวงอ

“โอเค เก็ต ว่าแต่แนะนำมาบำบัดฉัน หรือว่าแม่กันล่ะ”

“ทั้งคู่นั่นละ”

วันเวลายิ้ม ไหวไหล่อย่างแบ่งรับแบ่งสู้

“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ฉันยังไหว พูดตรงๆ มันก็หนักและเหนื่อยเอาเรื่องแหละ แต่ยังดีที่ฉันมีกระถินคอยเป็นผู้ช่วยอีกแรง ก็เลยพอทู่ซี้ไปได้อยู่” วันเวลากล่าวถึงลูกจ้างสาวผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ช่วยขายของและผู้ดูแลคนป่วยอัลไซเมอร์ หากจะถามว่ามีเรื่องอะไรดีๆ ในชีวิตซังกะบ๊วยของเธอบ้าง นอกเหนือจากการได้เพื่อนสนิทดีแล้ว ก็คงเป็นเรื่องมีลูกน้องดี ในยุคสมัยนี้จะหาลูกจ้างที่ขยันและอดทนรับงานควบสองตำแหน่งแบบนี้ได้ง่ายๆ เสียเมื่อไร

“เยี่ยม มีคนช่วยแบ่งเบาก็ค่อยยังชั่ว ดีที่เป็นกระถินเพราะหล่อนมีความรู้และประสบการณ์ดูแลคนป่วย ยังไงถ้าฉันว่างๆ ฉันจะแวะไปช่วยดูแม่ให้อีกแรงนะ”

แม่ค้าสาวพยักหน้า รู้สึกซาบซึ้งน้ำใจเพื่อน บอกตามตรงเธอไม่ได้คาดหวังว่ากังสดาลต้องมาช่วยเธอดูแลมารดาจริงๆ หรอก เพราะงานประจำของกังสดาลก็มากอยู่แล้ว ครั้นพอมีเวลาว่างบ้างหล่อนก็ต้องไปรับจ๊อบนอก เป็นหนึ่งในทีมพยาบาลพิเศษช่วยดูแลเศรษฐีหนุ่มรายหนึ่งที่นอนเป็นผักจากอุบัติเหตุ สรุปแล้วหล่อนก็ยุ่งกับการหารายได้เลือดตาแทบกระเด็นไม่ได้ต่างอะไรจากวันเวลาเช่นกัน ดังนั้นแค่เพื่อนเสนอว่าจะช่วยดูแลมารดาของเธอบ้างในบางคราว เธอก็ซึ้งในความมีน้ำใจของเพื่อนจะแย่ เรียกว่ากังสดาลเป็นเพื่อนแท้หนึ่งเดียวของเธอก็ว่าได้ และเพราะเป็นเพื่อนแท้ เธอจึงยินดีช่วยเพื่อนอย่างสุดกำลัง โดยเฉพาะในเวลาที่ความสามารถพิเศษของเธอกลับคืนมาแล้ว เธอยิ่งพร้อมช่วยกังสดาลเต็มที่ และนั่นคือเหตุผลของการนัดหมายครั้งนี้

“มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า ไหนล่ะเป้าหมายของแก มาหรือยัง” วันเวลาถามเข้าประเด็น มองตามเพื่อนที่บุ้ยใบ้ไปยังพยาบาลสาวคนหนึ่งที่นั่งเล่นโทรศัพท์ด้วยท่าทางเฟียสๆ อยู่ที่โต๊ะริมประตู “คนนั้นหรือ ศัตรูคู่อาฆาตของแก”

“ใช่ นางชื่อสโรชา อันที่จริงเรียกว่าเจ้ากรรมนายเวรจะถูกต้องกว่า ฉันก็อยู่ของฉันดีๆ แต่นางกลับตามจองเวรฉันอยู่ได้ ทั้งนินทา ก่นด่า วางยา ตามขัดขา คอยเสี้ยมให้คนเกลียดฉันสารพัด ไม่รู้นางเป็นอะไรนักหนา น่าลำไย” 

วันเวลาผงกศีรษะ ขณะรับฟังวีรกรรมความแสบของหญิงคนนั้น วันนี้เธอตั้งใจจะมาช่วยกังสดาลแก้เผ็ดคู่ปรับรายนี้ ไหนๆ เธอก็ได้รับความสามารถกลับคืนแล้ว เธอจึงอยากลองวิชาด้วยการล้วงความลับศัตรูของกังสดาลเป็นรายแรก แม้ไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไร เพราะการช่วยเพื่อนเป็นเรื่องสำคัญกว่า 

กังสดาลให้ข้อมูลว่า ช่วงนี้มีข่าวลือหนาหูว่าพยาบาลคู่ปรับอ้างตัวว่าเป็นลูกสะใภ้ของผู้บริหารโรงพยาบาลคนหนึ่ง และเรียกรับเงินจากเด็กจบใหม่หลายคนโดยอ้างว่าตนสามารถช่วยฝากให้เข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลได้

“แล้วเรื่องที่นางอ้างมันไม่ใช่เรื่องจริงหรือ” วันเวลาถามด้วยอยากแน่ใจว่ากังสดาลไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป เพราะหากไม่จำเป็นจริงๆ เธอก็ไม่อยากถือวิสาสะมองอดีตคนดีๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะมันเสียมารยาท และที่ผ่านมา เหยื่อที่เธอเคยแบล็กเมล์ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ห่างไกลคำว่า ‘ดี’ ทั้งสิ้น 

“จะจริงได้ไงล่ะ แหกตาทั้งเพ ผู้บริหารรายนั้นน่ะเป็น ‘คุณแม่’ มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จะไปมีลูกมีเมียจนมีลูกสะใภ้อย่างนางออกมาได้ไง ถ้าจะมีก็มีแต่ผัวเด็กล่ะสิไม่ว่า เรื่องนี้น่ะเป็นความลับสุดยอดที่น้อยคนจะรู้เลยนะ”

“ถ้าเป็นความลับ แล้วแกรู้ได้ยังไง”

“แหม ก็เพราะความสะระแหน่ เอ๊ย สาระแนของฉันนำพาไปให้รู้ไงล่ะ ช่างเรื่องนั้นเถอะ เอาเป็นว่านางไม่ใช่ลูกสะใภ้ผู้บริหารตามที่แอบอ้างละกัน เอาตรงๆ ฉันก็ไม่ค่อยสนับสนุนให้แกใช้พลังนี้เท่าไร แต่ครั้งนี้แกไม่ได้ไปแบล็กเมล์เรียกเงินใคร แล้วก็ไม่เสี่ยงอันตรายด้วย เพราะฉันจะออกหน้ารับความเสี่ยงด้วยตัวเองคนเดียว สำหรับงานนี้แกปลอดภัยหายห่วง ดังนั้นไหนๆ ‘เขา’ คนนั้นของแกก็กลับมาแล้ว ฉันเลยอยากให้แกใช้ประโยชน์จาก ‘เขา’ ช่วยล้วงลูกจากนางให้หน่อยว่าเรื่องที่เขาลือกันมันชัวร์หรือมั่วนิ่ม เพราะถ้ามั่วนิ่ม ฉันจะได้ไม่เสียเวลาหาหลักฐาน แต่ถ้าชัวร์ ฉันจะได้เอาเรื่องนี้ไปแก้เผ็ดนาง อย่างน้อยก็จะได้ไปร้องเรียนสภาการพยาบาลหรือไม่ก็ฟ้องผู้บริหารรายนั้น เพราะเขาเป็นผู้เสียหายที่ถูกแอบอ้างไง ทีนี้เขาจะดำเนินการยังไงต่อก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว”

“ฟังดูมีเหตุผล แต่แกก็รู้นี่ว่าฉันเลือกอดีตที่ต้องการดูเองไม่ได้ มันมาแบบสุ่ม แล้วถ้าเกิดสุ่มไปไม่เจอเรื่องที่แกอยากรู้ล่ะ”

“ลองดูก่อนเถอะ ได้ข่าวมาว่านางใช้วิธีแอบอ้างแบบนี้มาหลายปีแล้ว เพียงแต่เรื่องเพิ่งมาแดงเอาช่วงนี้เท่านั้นเอง แกก็แค่ย้อนไปดูให้หน่อย ถ้านางหลอกลวงคนอื่นมานานหลายปี หลายรายจริง โอกาสที่แกจะเห็นชอตเด็ดๆ ก็มีสูงไม่ใช่หรือ ช่วยหน่อยนะ แม่สาวพลังวิเศษ”

แม่สาวพลังวิเศษทำหน้าเพลีย รู้สึกขนลุกทุกครั้งที่เพื่อนแกล้งเรียกเธอด้วยคำนี้ ก็มันทำให้เธอนึกถึงพวกซูเปอร์ฮีโรที่ใส่ชุดรัดรูปสีแสบตาเหาะหวือไปมาเป็นอีแร้งแตกรังในโทรทัศน์ เธอไม่ใช่ฮีโรและไม่นึกอยากเป็นหนึ่งในพวกนั้นด้วย เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะความสามารถของเธอมีแค่มองเห็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถมองเห็นอนาคต กระทั่งยับยั้งหรือเปลี่ยนแปลงเรื่องร้ายที่จะเกิดได้ เธอช่วยใครไม่ได้สักราย แม้แต่ตัวเธอเองก็ด้วย แล้วแบบนี้จะเรียกว่าเธอเป็นฮีโรได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ถึงเธอจะไม่ใช่ฮีโร แต่ในเมื่อเธอตั้งใจมาช่วยกังสดาลแล้ว เธอก็ตกลงทำตามที่เพื่อนขอ หญิงสาวไม่รอช้า เริ่มภารกิจด้วยการหยิบแก้วน้ำปั่นของกังสดาลขึ้นมาแล้วเดินปรี่ตรงไปหาเป้าหมายตามแผน

แม้วันเวลาจะเดินเฉียดเข้าไปใกล้ แต่พยาบาลรายนั้นไม่ได้สนใจเงยหน้ามองเธอด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ตั้งใจอ่านข่าวอาชญากรรมในโทรศัพท์อยู่ กระทั่งวันเวลาจงใจทำแก้วน้ำหล่นใส่หล่อนจนเลอะเทอะนั่นละ หล่อนจึงสะดุ้งโหยงและหันมองเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ขอโทษค่ะ ฉันซุ่มซ่ามเอง เดี๋ยวฉันช่วยเช็ดให้นะคะ!” คนแกล้งซุ่มซ่ามขอโทษขอโพย ก่อนจะเอื้อมมือไปช่วยเช็ดคราบน้ำผลไม้ออกจากเครื่องแบบสีขาว โดยฉวยโอกาสนั้นสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย 

ได้ผล...ทันทีที่มือของเธอสัมผัสโดนตัวเป้าหมาย ภาพเหตุการณ์ในอดีตของหล่อนก็แล่นวาบในความคิด เพียงแต่มันไม่ใช่ภาพที่วันเวลาคาดหวังเลยนี่สิ เพราะแทนที่ภาพจะชัดเจนและยาวนานต่อเนื่องดั่งธารน้ำที่ทะลักทลายจนสามารถจับประเด็นเรื่องราวได้เหมือนเคย ภาพที่เห็นกลับกลายเป็นภาพเลือนรางสั้นจุ๊ดจู๋แค่เสี้ยววินาทีเดียว ราวกับละครเรตติงต่ำแล้วโดนสั่งให้ตัดจบอย่างไรอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังเป็นละครใบ้ไร้เสียง แถมกะพริบติดๆ ดับๆ เหมือนกับหลอดไฟใกล้เสียอีกต่างหาก 

บ้าที่สุด มันเกิดอะไรขึ้นกับความสามารถของเธอกัน ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนนี่นา!

วันเวลาขอโทษเป้าหมายซ้ำอีกรอบ ก่อนจะหาจังหวะชิ่งกลับมาหากังสดาลที่รออยู่ แต่เธอกลับมาพร้อมกับความล้มเหลว เพราะภาพเดียวที่เธอเห็นก็คือพยาบาลคนนั้นเคยนั่งกินส้มตำปูใส่ปลาร้าสูตรพระบิดาก็เท่านั้น

“ภาพนางกำลังนั่งจกตำปลาร้าพระบิดานี่น่ะหรือ นี่ไม่ใช่ชอตเด็ดที่ฉันหวังจากแกนะ ยายวิว!”

“เออ ฉันรู้ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังแบบนี้เหมือนกัน” หญิงสาวถอนหายใจ ก้มลงมองมือตนเองแบบสุดจะเซ็งไม่แพ้เพื่อน “หายไปนาน พอกลับมาคราวนี้ทำไม ‘เขา’ ดื้อกับฉันจังวะ ฉันควรจะลองดูอีกครั้งดีไหม”

“ดีสิ ลุยเลย ก็เหมือนเครื่องจักรไง พอไม่ได้ใช้นานๆ ก็ย่อมฝืดและสะดุดเป็นธรรมดา แกควรลองใหม่ สตาร์ตเครื่องใหม่อีกรอบ ครั้งนี้เขาคนนั้นอาจจะทำหน้าที่ให้แกได้เป๊ะปังเหมือนเดิมก็ได้”

วันเวลาเชื่อตามที่เพื่อนสนิทแนะนำ เธอตัดสินใจย้อนกลับไปหาเป้าหมายและทำตามแผนฉบับปรับปรุง ทว่าโชคร้ายที่คราวนี้เป้าหมายไม่หลงกลเธออีก ครั้นหญิงสาวแสร้งทำเป็นลื่นกองน้ำผลไม้ที่หกบนพื้น แล้วเซซัดๆ เข้าไปหาพยาบาลคนนั้น เจ้าหล่อนก็แว้ดแหวใส่ ซ้ำยังผลักคนมีแผนออกมาจนหน้าเกือบหงาย

ครั้งเดียวยังพอทน แต่สองครั้งติดแบบนี้เริ่มไม่เนียนแล้วสิ พยาบาลรายนั้นคิดว่าวันเวลาตั้งใจกวนประสาทหล่อนจึงยัวะจัดตั้งท่าจะเอาเรื่อง ยังดีที่วันเวลาไหวตัวทัน รีบวิ่งหน้าตั้งออกมาก่อน ครั้นรอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ก็ไม่วายบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

“แก๊ เมื่อกี้ฉันหวิดจะโดนตบหน้าแหกอยู่แล้ว มันคุ้มไหมเนี่ย ยายกั้ง!”

“ตบเติบอะไร้ พูดเกินไป พยาบาลเขาไม่ทำเรื่องป่าเถื่อนแบบนั้นกันหรอก”

“แต่พยาบาลคนที่แกว่าก็เป็นผู้ต้องสงสัยในการหลอกลวงเงินคนอื่นไม่ใช่เรอะ ถ้าจะเพิ่มดีกรีมือตบประจำโรงพยาบาลไปด้วย ก็ไม่เห็นจะแปลก!”

“โถ ขวัญเอ๊ยขวัญมา มันก็แบบนี้ละแก ทุกอาชีพย่อมมีทั้งคนที่ดีและไม่ดีปะปนกัน และเพราะแบบนี้ไงฉันเลยต้องกำจัดเนื้อร้ายของวงการพยาบาลออกไป จะรอก็แค่การยืนยันจากแกนี่แหละ ว่าไง รอบนี้เห็นอะไรมาเพิ่มไหม” กังสดาลถามอย่างมีความหวัง ซึ่งหล่อนก็ยิ้มออก เมื่อเห็นวันเวลาพยักหน้าตอบรับ

“ฮื่อ เห็นเพิ่มแวบหนึ่ง ชอตเด็ดเลยแหละ”

“จริงหรือ! ถ้างั้นข่าวลือนั่นก็...”

“ไม่รู้ชัวร์หรือมั่วนิ่ม ยังสรุปไม่ได้เหมือนกัน เพราะชอตเด็ดที่ฉันเห็นคือเหตุการณ์ต่อจากที่คู่ปรับแกซัดส้มตำเสียเรียบคนเดียวอะ”

“นี่อย่าบอกนะว่า...” 

“ใช่ ฉันเห็นนางนั่งบนส้วมแล้วท้องเสียหนักมาก นั่นแหละชอตเด็ดชอตเดียวที่ฉันล้วงลึกมาได้!”

กังสดาลผงะค้างกับคำตอบที่ได้รับ นั่นคงจะเป็นคำตอบที่ห่างไกลจากที่หล่อนคาดหวังมาก เพราะในนาทีถัดมาสารพัดถ้อยคำสบถก็พรั่งพรูออกมาจากปากหล่อนแบบไฟแลบ

“จะอ้วก แกทำฉันขมคอขึ้นมาเลย ยายวิวเอ๊ย ฉันไม่ได้ไหว้วานแกให้ไปเห็นภาพอุบาทว์ๆ นั่นเสียหน่อย เออฉันรู้ว่าแกเลือกภาพที่จะมองเห็นแบบตามใจชอบไม่ได้” พยาบาลสาวเสริมต่อ เมื่อเห็นเพื่อนตั้งท่าจะค้านประเด็นนี้ “แต่อย่างน้อยฉันก็หวังว่าแกจะเห็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อแผนการแก้เผ็ดของฉันบ้าง อะไรที่มีสาระกว่าการเห็นคนขี้แตกขี้แตนเพราะตำปูปลาร้าอะ เก็ตปะ!”

“เก็ตแหละ ฉันเองก็อยากเห็นอะไรที่ดีกว่านี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้สิ ภาพที่ฉันเห็นมันเปลี่ยนไป ตอนนี้มันไม่มีเสียง แถมเลือนราง ติดๆ ดับๆ ระยะเวลาที่ฉันเห็นภาพก็สั้นมาก มากกว่าที่ฉันเคยเห็นหลายเท่า มันทำให้ฉันมีโอกาสน้อยลงที่จะเห็นอะไรเด็ดๆ อย่างที่แกคาดหวัง ฉันขอโทษจริงๆ ที่ช่วยได้แค่นี้”

น้ำเสียงและสีหน้าที่สลดของวันเวลา ทำให้กังสดาลถอนหายใจ ก่อนจะปลอบเพื่อนอย่างเข้าอกเข้าใจ

“ไม่เป็นไร แค่นี้ฉันก็ขอบใจแกแล้วที่สละเวลามาช่วย ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมภาพที่แกเห็นมันไม่เหมือนเดิมล่ะ ในเมื่อแกได้พลังนั่นกลับมาแล้วนี่”

“ใช่ ฉันได้กลับมาแล้วแน่ๆ แต่มันเหมือนกลับมาแบบไม่สุด ไม่เต็มที่ยังไงไม่รู้”

“แกคิดไปเองหรือเปล่า ไหนลองเทสต์กับฉันซิ” แม้จะไม่ถูกโฉลกกับการถูกขุดค้นอดีต แต่แม่เพื่อนสนิทที่ห่วงใยเธอเสมอก็อุตส่าห์รับอาสาเป็นหนูลองยาให้ 

หล่อนยื่นมือทั้งสองข้างมาข้างหน้าเพื่อให้วันเวลาลองสัมผัสดู และเมื่อวันเวลาจับมือของเพื่อนไว้ ภาพที่เธอเห็นก็แทบไม่ต่างจากพยาบาลรายนั้นเลย เหมือนแสงเทียนที่ริบหรี่กลางสายฝน จวนเจียนจะดับไม่ดับแหล่ เธอไม่ได้ยินเสียง และแทบมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากภาพเลือนรางที่ผุดขึ้นมาวินาทีเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่ภาพที่สำคัญอะไรด้วย เพราะมันคือภาพกิจวัตรประจำวันที่กังสดาลกำลังแปรงฟันอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ ครั้นพยายามหลับตาตั้งสมาธิแน่วแน่กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ไม่ได้ทำให้วันเวลาเห็นภาพชัดหรือเพิ่มขึ้นเลย พอสรุปได้อย่างนี้ เธอก็เริ่มกลัวแล้วสิว่าตนจะสูญเสียความสามารถพิเศษไปอีกรอบ แค่คิดก็ทำให้รู้สึกโหวงเหวงว่างเปล่าแล้ว หากไม่มีความสามารถนี้ เธอจะทำมาหากินอย่างไร

“อย่าเพิ่งคิดไปไกล แกไม่เสียพลังนั่นไปอีกครั้งหรอก ไม่มีเหตุผลอะไรให้เป็นแบบนั้นนิ บางทีพลังแกอาจจะอยู่ในช่วงฟื้นฟูก็ได้ เลยมาแบบไม่เต็มร้อย” 

“ฟื้นฟู? พูดยังกับว่าเป็นคนป่วยงั้นแหละ”

“ก็จริงนี่นา แกแค่ต้องกระตุ้นปัจจัยเพื่อฟื้นฟู แค่นั้นพลังวิเศษของแกก็จะกลับมาใช้ได้ดีเหมือนเดิม”

“แล้วอะไรล่ะคือปัจจัยกระตุ้นที่แกว่า” วันเวลาถามอย่างงงๆ ในขณะที่พยาบาลสาวยักไหล่

“คำถามนั้นแกต้องเป็นคนตอบ แกต้องลองย้อนคิดไปว่าแกได้พลังกลับคืนมาตอนไหนและยังไง”

ตอนไหนและยังไงงั้นหรือ...วันเวลาพยายามทบทวนความทรงจำ ดูเหมือนว่าเธอจะได้ความสามารถกลับคืนมาตอนไปงานเลี้ยงศิษย์เก่าอังกฤษนั่น และหากถามว่าทำได้อย่างไร เธอก็โนไอเดียเหมือนกัน รู้แต่ว่าจู่ๆ ก็ได้กลับคืนมาเอง หลังจากที่มีเรื่องทะเลาะกับตรัยคุณ

ดวงตากลมของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกถึงจุดนี้ 

ใช่แล้ว...ตรัยคุณไง!

“ฉันนึกออกแล้วแก๊ ฉันนึกออกแล้ว!” วันเวลาร้องลั่นอย่างดีใจ พลางรวบร่างเพื่อนมาเขย่า “พี่คุณไง ถ้าฉันสันนิษฐานไม่ผิด เขาต้องเป็นปัจจัยกระตุ้นที่แกพูดถึงแน่เลย!”

“พี่คุณ? อ๋อ อดีตพี่ชายข้างบ้านที่แกเคยคลั่งรักนั่นอะนะ”

“ใช่ เขานั่นละ ตอนเราทะเลาะกันในงานปาร์ตี ฉันเผลอเอามือไปโดนตัวเขา แล้วความสามารถของฉันก็กลับมาเฉยเลย จังหวะมันเป๊ะไปไหม มันน่าคิดไหมล่ะว่าพี่คุณจะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่แกพูดถึง”

“เท่าที่ฟังก็มีความเป็นไปได้ แต่ยังไงแกก็ควรทดสอบสมมุติฐานนี้ดูอีกรอบเพื่อความชัวร์” 

“อยากจะทำอยู่ แต่ปัญหาคือฉันไม่รู้ว่าจะเจอพี่คุณได้ที่ไหน แกก็รู้นี่ว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าฉัน ไอ้การจะทิ้งบงทิ้งเบอร์หรือที่อยู่ติดต่อไว้ให้ ไม่มีหรอกนะ” วันเวลาพูดแล้วก็คอตกแบบคนหมดหวัง ทว่ากังสดาลกลับเป็นคนที่จุดประกายความหวังใหม่ให้เธอ 

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่มีปัญหา เพราะฉันมีเพื่อนที่เป็นญาติกับทีมผู้จัดงานเลี้ยงศิษย์เก่า ถ้าขอร้องดีๆ ฉันว่าเขาคงจะหาเบอร์หรือที่อยู่ติดต่อพี่คุณให้ได้”

“จริงหรือ ขอบใจแกมากนะ!”

“เออ เปลี่ยนคำขอบใจเป็นแบงค์พันสักใบก็พอ” กังสดาลหัวเราะร่วน “ว่าแต่ถ้าแกได้กลับไปเจอเขาอีกครั้ง แกจะเดินหน้าทดสอบสมมุติฐานยังไง คิดแผนไว้หรือยัง”

“ยังเลย แต่ของแบบนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องมีแผนนี่” คนไร้แผนไหวไหล่เล็กๆ “เพราะถ้าฉันสัมผัสตัวพี่คุณแล้วความสามารถกลับมาจริง ฉันก็แค่ต้องหาทางสัมผัสเขาให้ได้อีกครั้งก็พอ ไม่เห็นจะยาก”

“ไม่ยากเล้ย แกก็เพิ่งบอกเองหยกๆ ว่าเขาไม่ชอบหน้าแก แล้วแบบนี้จะหาทางสัมผัสตัวเขาได้ยังไง”

“เดี๋ยวก็รู้ ต่อให้ต้องบังคับกันก็ต้องทำ ถ้าพี่เขาไม่อนุญาตให้สัมผัสดีๆ...” วันเวลายิ้มมีเลศนัย นัยน์ตาแพรวพราว “งั้นฉันก็จะขอถือวิสาสะเลือกตำแหน่งที่สัมผัสเองตามใจชอบแบบทั้งน้ำตา และนั่นละกำไรชีวิต!”

“พอยต์แกมันอยู่ที่ประโยคหลังใช่ไหม ฉันรู้ทันหรอกน่า นังวิว นังคนชั่ว!” 

นังคนชั่วหัวเราะร่า น้อมรับคำบริภาษจากเพื่อนด้วยการยกมือขึ้นพนมแล้วสาธุ เธอไม่โกรธที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนชั่ว เพราะเธอก็ชั่วจริงๆ และคนชั่วคนนี้ก็กำลังคาดหวังกับสมมุติฐานนี้มาก 

ถ้าสมมุติฐานเรื่องตรัยคุณเป็นจริงก็ดีไป แต่ถ้าไม่จริง ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้สัมผัสตัวผู้ชายที่เธอเคยชอบ และประเด็นคือเธอจะสัมผัสส่วนไหนบนร่างกายเขาก็ได้ด้วยสิ แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว 

วันเวลาออกมาจากโรงพยาบาลด้วยใจที่เปี่ยมหวัง ขณะขับรถกลับบ้าน เธอก็ได้รับข้อความจากกังสดาลเรื่องที่อยู่และเบอร์ติดต่อของตรัยคุณ เพียงแค่เห็นเท่านี้หัวใจของหญิงสาวก็เต้นระรัวเหมือนตีกลองเพล จากที่เคยเป็นแค่หมามองเครื่องบิน ตอนนี้หมาอย่างเธอกำลังจะได้ขี่ เอ๊ย ขึ้นเครื่องบินสมใจปรารถนาแล้ว

รอก่อนนะคะ พี่คุณ ต่อจากนี้วิวจะไม่ได้แค่แหงนมอง แต่จะไปหาพี่ถึงที่เลยละ!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น