๗
ใช้กับใคร
ต้องยอมรับว่าคำถามของชายหนุ่มช่างยั่วยวนใจให้ตอบเหลือเกิน แต่วันเวลาไม่ได้ให้คำตอบในทันที เพราะเธอมัวแต่ลังเล เธอควรตอบอย่างไรล่ะ เพราะหากให้พูดตามตรง ความหวานแบบลูกกวาดของรักแรกมันแทบจะจางหายไปตามกาลเวลาหมดแล้ว ทว่าที่เหลือไว้ในความทรงจำและหลืบเร้นของหัวใจกลับมี ‘ความรู้สึกอุ่นๆ’ บางอย่างแทรกซ่อนอยู่ตลอดมา เธอคิดว่าตนเองยังมีความรู้สึกต่อตรัยคุณแน่ๆ ทว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน
รักหรือแค่...ผูกพัน เธอเองก็ไม่แน่ใจ ในเมื่อไม่แน่ใจ เธอจะตอบอย่างไร เพราะคำตอบของเธออาจส่งผลต่อการตัดสินใจของตรัยคุณด้วยสิ
คงเพราะหญิงสาวมัวแต่คิด ชายหนุ่มจึงคิดว่าการนิ่งเงียบของเธอหมายถึงการยอมรับ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน เป็นการออกตัวเบรกแรงจนวันเวลาแทบจะหัวทิ่มหัวตำ
“อย่ารักพี่เลย”
“คะ?”
“พี่บอกว่าอย่ารักพี่เลย” เขาย้ำคำเดิม “พี่ไม่รู้ว่าตอนที่เธอฝากป้าดวงมาบอกพี่ว่าเธอยังรักพี่เหมือนเดิมนั่นน่ะเธอคิดแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า ถ้าเธอคิดแบบนั้นจริง ก็ขอให้เลิกซะ พี่รู้ว่ามันยาก แต่พยายามหยุดความรู้สึกที่เธอมีไว้แค่ในอดีตเถอะ”
หญิงสาวนิ่งงัน เจ้าของดวงตาสีเหล็กที่ทำให้เธอพ่ายแพ้มาตลอดกลับพูดจาใจร้ายกับเธออีกแล้ว ต่อให้เธอจะยังรักเขาหรือไม่ มันก็เรื่องของเธอ เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามความรู้สึกกัน
“ทำไมวิวถึงรักพี่คุณไม่ได้คะ”
“เพราะรักแรกมันไม่มีทางสมหวัง พี่ไม่อยากให้เธอเสียอะไรไปมากกว่านี้”
วันเวลาคลายยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ฝืนบ้างก็ตามที
“แปลกจังเลยนะคะ ปกติแล้วนักจิตวิทยาจะต้องมองโลกในแง่บวก พูดจาซอฟต์ๆ และเข้าใจจิตใจของทุกคนไม่ใช่หรือ แต่พี่กลับตรงกันข้าม ทั้งมองโลกในแง่ลบแถมชอบพูดจาใจร้ายกับวิวขนาดนี้เป็นนักจิตวิทยาได้ยังไง วิวล่ะง้งงง”
“ขอโทษนะที่พี่ดูไม่เหมือนนักจิตวิทยาในสายตาเธอ แต่ก่อนเธอจะตัดสินพี่ เธอควรรู้ไว้เหมือนกันว่าพี่ไม่ได้สวมหมวกนักจิตวิทยาตลอดเวลา พี่มีหมวกหลายใบให้เลือกสวม ขึ้นอยู่กับโอกาส หน้าที่ และคนที่พี่คุยด้วย”
“หรือคะ งั้นเวลาอยู่กับวิว พี่สวมหมวกใบไหน”
“กับวิวหรือ” เขาทวนคำ นิ่งไปเล็กน้อยราวกับถามคำถามนี้กับตนเองเช่นกัน “ถ้าเธอไม่ใช่คนไข้พี่ พี่ก็ไม่ได้สวมใบไหนหรอก”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“หมายความว่าพี่ก็แค่ถอดหมวกทุกใบออกแล้วคุยกับเธอ...ไม่ใช่ตรัยคุณที่เป็นนักจิตวิทยา แต่เป็นตรัยคุณที่เป็นตรัยคุณเท่านี้แหละ”
“อ๋อ งั้นวิวคงเจอพี่คุณในเวอร์ชันไม่สวมหมวกบ่อยเลยละ เวอร์ชันที่พี่เป็นพี่ เวอร์ชันที่เกรี้ยวกราดและชอบเหมารวม” หญิงสาวแค่นหัวเราะ “ฟังนะคะ การที่พี่ไม่สมหวังกับคุณแอลลี่ ไม่ได้แปลว่าคนมีรักแรกทุกคนจะไม่สมหวัง อะไรๆ มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกค่ะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแอลลี่”
“เกี่ยวสิคะ วิวรู้เรื่องทั้งหมดนั่นแหละ ต่อให้พี่คุณจะเลิกเชื่อในรักแรก แต่คนอื่นไม่ และพี่ก็ไม่ควรจะไปบั่นทอนกำลังใจหรือดับฝันคนอื่นเพียงเพราะตัวเองไม่เชื่อ เข้าใจไหมคะ”
ตรัยคุณถอนหายใจพลางส่ายหน้า
“ไม่จำเป็นต้องเดือดหรอกวิว เธอตีความสิ่งที่พี่จะสื่อผิดไป พี่ไม่ได้ต้องการดับฝันใคร พี่เพียงแค่พูดตามประสบการณ์ที่เคยเห็นมา เธอจะเชื่อสิ่งที่พี่เตือนหรือไม่ ก็แล้วแต่ อ้อ อีกอย่าง...” เขาหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะโบกมือเรียกแม่ค้ามาเก็บค่าขนม “เธอควรจะรู้ไว้ว่าเธอพูดผิด แอลลี่ไม่ใช่รักแรกของพี่ ฉะนั้นจะกล่าวหาว่าพี่เลิกเชื่อในรักแรกเพราะถูกแอลลี่ทิ้งคงไม่ใช่”
พอได้ฟังอย่างนั้น หญิงสาวก็เลิกคิ้ว หากเอเลน่าไม่ใช่รักแรกของเขา แล้วใครล่ะ ในเมื่อตอนเลิกกับเอเลน่า เขาก็เสียใจจะเป็นจะตาย เธอยังเห็นเขาลงทุนคุกเข่าอ้อนวอนอดีตแฟนสาวคนนั้นเสียด้วยซ้ำ รักมากปานนั้น ไม่ใช่รักแรกหรอกหรือ
“ถ้าคุณแอลลี่ไม่ใช่ แล้วใครกันคะรักแรกของพี่”
ก็ว่าจะไม่ถามแล้ว แต่เธอก็ยั้งปากตนเองไว้ไม่ทัน ทว่าคำตอบที่เธอได้รับ ทำให้เธอแทบอยากจะตบปากตัวเองโทษฐานที่ถามเรื่องไม่น่าถาม เห็นได้จากสายตาคมกริบและคำที่เขาตอกกลับมา
“ไหนเธอว่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้ารู้ทั้งหมดแล้ว พี่คงไม่จำเป็นต้องบอกอีก” เขาเอ่ยหน้าตาเฉย พลางหยิบธนบัตรส่งให้แม่ค้าเป็นค่าขนม
ส่วนวันเวลาก็ได้แต่ยิ้มเพลียเพราะรู้สึกเหมือนถูกกวนประสาท เห็นแก่ที่เขาเป็นเจ้ามือเลี้ยงบัวลอยอร่อยๆ หรอกนะ เธอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปสักครั้ง
ไม่ว่ารักแรกหรือรักปัจจุบันของเขาจะเป็นใครก็ช่าง เธอไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ เพราะเธอก็จะเดินหน้าทำสิ่งที่ต้องทำอยู่ดี เช่นเดียวกับความรู้สึกในอกนี้ สุดท้ายมันจะเป็นความรักหรือความผูกพันก็ไม่สำคัญ อย่างไรความสัมพันธ์ของเธอและตรัยคุณก็จะจบลงแค่เรื่องทางกายเท่านั้นเอง
วันเวลาอยากจะพูดสิ่งที่เธอคิด เธออยากให้เขาสบายใจว่าสิ่งที่เธออยากได้จากเขามันเป็นคนละส่วนกับเรื่องหัวใจ แต่ยังไม่ทันได้พูด ในระหว่างที่พวกเธอเดินออกมาจากร้านขนม ตรัยคุณก็มีโทรศัพท์เข้าเสียก่อน ตอนแรกก็นึกว่าสายจากสาวที่ไหน แต่ไม่ใช่ เพราะปลายสายคือพี่สาวของเขาเอง ดูเหมือนว่าตุลยากำลังจะแวะมาเยี่ยมตรัยคุณที่กรุงเทพฯ ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เลยโทรศัพท์วิดีโอคอลมาสอบถามว่าน้องชายต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่จะได้หิ้วมาให้
“พี่ทำน้ำพริกมาให้เราแล้ว อยากได้อะไรเพิ่มจากบ้านอีกไหม พี่จะได้ถือมาให้ในคราวเดียว”
“ไม่ครับ ผมไม่เอาอะไรเพิ่ม ขอบคุณนะครับพี่ตุล” ตรัยคุณตอบพี่สาว พอได้ยินเขาเรียกปลายสายว่าพี่ตุล วันเวลาก็เลยรู้ว่าใครโทรศัพท์มา จึงถามอย่างตื่นเต้น เพราะไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายนานแล้ว
“พี่ตุลหรือคะ พี่เขาเป็นยังไงบ้าง”
ฝ่ายตุลยาคงจะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วที่ลอดเข้าสาย พอรู้ว่าน้องชายอยู่กับใคร หล่อนก็ดีใจมาก รีบขอสายคุยกับวันเวลาทันที แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่ตรัยคุณก็ยอมให้เธอรับสายได้ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเกรงจะถูกพี่สาวด่าก็เป็นได้
“วิว นั่นวิวใช่ไหม โธ่ แม่หนูน้อยของพี่ ไม่ได้คุยกันตั้งนานแน่ะ พี่คิดถึงเรานะ”
“คิดถึงพี่ตุลเหมือนกัน พี่สบายดีไหมคะ” แม่หนูน้อยของตุลยาถามพลางยิ้มกว้าง นึกถึงวันเวลาดีๆ ระหว่างเธอกับตุลยาแล้วก็มีความสุข ต่อให้ตรัยคุณจะหมางเมินใส่เธอ แต่ตุลยาไม่เคยทำแบบนั้น หล่อนเป็นพี่สาวข้างบ้านที่ใจดี ยังจำได้เลยว่าสมัยเด็ก นอกจากตุลยาจะแวะมาเล่นด้วยแล้ว ยังช่วยเธอถักเปียก้างปลาน่ารักๆ และถักมงกุฎดอกหญ้าไปอวดเหล่าเด็กชายในหมู่บ้านด้วย
จากนั้นสองสาวเลยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ก่อนวางสายตุลยาก็นัดวันเวลามาพบกันเพื่อเมาท์มอยให้หายคิดถึง
“วันจันทร์พี่จะมาถึงกรุงเทพฯ เดี๋ยวเราไปหาอะไรแซ่บๆ กินกันแถวบ้านเจ้าคุณกันช่วงค่ำๆ”
แถวบ้าน...ถ้าโชคดีไม่แน่ว่าเธออาจจะได้เข้าไปในบ้านของตรัยคุณด้วยก็ได้ เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วเธอจะปฏิเสธทำไมล่ะ นอกจากจะได้พบพี่สาวที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เธอยังได้ถือโอกาสรุกคืบตรัยคุณอีกต่างหาก คิดได้อย่างนั้นหญิงสาวก็ตอบตกลง เป็นการตอบตกลงที่ตรัยคุณคงไม่ชอบใจ แต่เขาก็บ่นอะไรไม่ได้ เพราะเป็นประกาศิตจากตุลยา
“ค่ำวันจันทร์ไม่มีอะไรต้องทำหรือ” ชายหนุ่มถามหลังจากวันเวลาวางสายของตุลยา และเขากำลังพาเธอเดินไปส่งขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้แถวศูนย์บำบัด
“ทำไมหรือคะ”
“ไม่ทำไม พี่แค่จะบอกว่าถ้าเธอยุ่งหรือมีธุระปะปังอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องเกรงใจเรื่องนัด เดี๋ยวพี่จะอธิบายกับพี่ตุลเองว่าเธอไม่สะดวกมา” ตรัยคุณเสนอแนะ
พอได้ฟังอย่างนั้นหญิงสาวก็ยิ้มขัน ดูท่าตรัยคุณคงจะไม่ยอมแพ้กับเรื่องนี้ง่ายๆ เช่นเดียวกับเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ วิวว้างว่าง พร้อมไปเจอพี่ตุลสุดๆ ไม่มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษเลย”
“แล้วไม่ต้องดูแลน้าแววแล้วหรือ” เขาถามต่อ จำได้จากตอนที่วันเวลาบำบัดและเล่าว่าแววดาวป่วยเป็นอัลไซเมอร์ จำเป็นต้องมีคนคอยดูแลตลอด
“วิวจ้างคนคอยดูแลแม่แทนแล้ว พอจะฝากฝังให้ช่วยดูแลแม่ชั่วครั้งชั่วคราวได้อยู่ค่ะ เพราะงั้นวิวเลยมีเวลาไปทำเรื่องส่วนตัวได้สบาย วันจันทร์นี้วิวว่าง หรือแม้แต่เสาร์อาทิตย์นี้วิวก็ว่างอีกเหมือนกัน หรือเราจะนัดกันชิลๆ ก่อนพี่ตุลมาสักรอบสองรอบก็ได้ วิวไม่ติด”
สีหน้าของชายหนุ่มบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เอาด้วยกับข้อเสนอนี้ คงจะหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเขาต้องไปไหนมาไหนกับวันเวลาด้วย
“เธอไม่ติด แต่พี่ติด เสาร์อาทิตย์พี่ก็ต้องทำงาน ศูนย์บำบัดไม่ได้หยุดด้วย”
“อ้อ งั้นวิวรอพี่เลิกงานก่อนก็ได้”
“เลิกงานแล้วก็ไม่ได้ พี่มีนัดอื่นแล้ว”
“อ้าว ทั้งเสาร์กับอาทิตย์เลยหรือคะ”
“ใช่ ทั้งสองวัน” เขาตอบเรียบๆ พลางก้มลงอ่านข้อความอะไรสักอย่างในโทรศัพท์มือถือ
หญิงสาวไม่ทันอ้าปากถามเลยว่าเขานัดใครไว้บ้างจึงคิวแน่นเช่นนี้ ดอกเตอร์หนุ่มก็พาเธอมาถึงรถยนต์คันเก่งของเธอ เขาพยักหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงบอกลา
“เราแยกกันตรงนี้ละกัน ขึ้นรถแล้วก็รีบกลับบ้าน อย่ามัวเถลไถล เดี๋ยวน้าแววจะเป็นห่วง”
เขาไม่รอให้วันเวลาบอกลากลับด้วยซ้ำ ชายหนุ่มก็จ้ำพรวดๆ จากไป คงถือว่าหมดหน้าที่ดูแลเธอในวันนี้แล้วกระมัง น่าน้อยใจหน่อย แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกสงสัยมากกว่าว่าเขาจะรีบไปไหน
หลังจากอ่านข้อความ แทนที่จะกลับไปยังบิ๊กไบค์ของตนที่จอดทิ้งไว้แถวศูนย์บำบัด เขากลับทิ้งยานพาหนะไว้และเดินเท้าต่อไปที่ใดสักแห่งเสียอย่างนั้น หญิงสาวรู้สึกมีพิรุธเลยตามไปดูให้หายข้องใจ เธอทำทีออกรถไปเหมือนว่าจะกลับแล้ว แต่ที่จริงกลับวนรถอ้อมไปจอดอีกด้าน ก่อนจะแอบตามตรัยคุณไปห่างๆ
เพียงไม่กี่นาที นักสืบสาวจำเป็นก็พบคำตอบ เมื่อเป้าหมายของเธอเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากศูนย์บำบัด
อะไรกัน...ที่แท้ก็แค่แวะซื้อของหรอกหรือ วันเวลาจ้องมองตรัยคุณที่กำลังชอปปิงข้าวของต่างๆ ผ่านกระจกของร้านแล้วรู้สึกอยากจะเขกกะโหลกตัวเองสักรอบ เธอเกือบจะล่าถอยกลับอยู่แล้วเพราะเหมือนว่าจะมาเสียเที่ยว ทว่าตอนนั้นเองที่สายตาเหลือบไปเห็นของบางอย่างที่ตรัยคุณหยิบจากชั้นหน้าเคาน์เตอร์มาจ่ายเงินด้วย
เดี๋ยวนะ เธอว่าเธอตาไม่ฝาดแน่...นั่นกล่องถุงยาง!
คนคอยแอบมองถึงกับมึนตึ้บ เอาละสิ งานนี้จะหาว่าเธอคิดมากไม่ได้แล้ว เพราะมันมีอะไรๆ ให้ต้องคิดมาก แฟนก็เลิกไปแล้ว ทำไมเขาถึงต้องซื้อถุงยางล่ะ คำถามก็คือเขาซื้อไปใช้กับใคร และมันเกี่ยวข้องอะไรกับนัดในวันหยุดที่เขาออกตัวว่าไม่ว่างด้วยหรือเปล่า
ในหัวของหญิงสาวมีแต่คำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ทว่าเธอคงไม่ต้องรอนานแล้วละ อย่างน้อยก็คำถามหนึ่ง เพราะตรัยคุณกำลังช่วยตอบให้โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย
“ว่าไง ไอ้วิน เออ...กูได้รับข้อความแล้ว” เมื่อซื้อของเสร็จ นักจิตวิทยาหนุ่มจึงเดินออกมารับโทรศัพท์ที่หน้าร้าน เป็นจังหวะฉิวเฉียดที่วันเวลาผลุบไปหลบตรงมุมตึกพอดี มิเช่นนั้นคงได้จ๊ะเอ๋กันเป็นแน่แท้ “เปล่า ไม่มีอะไร เมื่อกี้กูแค่ไม่สะดวกเลยยังไม่ได้ตอบกลับ นี่มึงจะโทร. มาย้ำกูแค่เรื่องนี้เองหรือวะ แค่ตอบข้อความแกช้าไปไม่กี่นาที ไม่ได้แปลว่ากูจะตายห่าหรือเปลี่ยนใจสักหน่อย”
ก็ไม่รู้ปลายสายพูดอะไร แต่ตรัยคุณหัวเราะอย่างอ่อนใจ
“มึงนี่เหลือเกินจริงเชียว เออๆ รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำมาก กูไม่เบี้ยวนัดหรอก พรุ่งนี้ทุ่มครึ่งที่ผับใช่ไหม” เขาเอ่ยชื่อผับชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุง “โอเค ตามนั้น เดี๋ยวกูเสร็จงานแล้วรีบออกไป แล้วเจอกัน”
เมื่อจบสายสนทนาแล้ว ชายหนุ่มจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงยีนแล้วเดินกลับไปยังบิ๊กไบค์ที่จอดทิ้งไว้แถวศูนย์บำบัด เขาสวมหมวกกันน็อก ตวัดขาขึ้นคร่อมยานพาหนะคันใหญ่ก่อนจะขี่ออกไปอย่างชำนาญ หลังเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ผ่านไปแล้ว วันเวลาจึงได้ฤกษ์ออกมาจากที่ซ่อน
นี่คงเป็นนัดที่ตรัยคุณกล่าวถึงก่อนหน้านี้สินะ ดูจากชื่อและคำพูดที่ใช้สนทนากัน ดูยังไงปลายสายก็คงเป็นผู้ชาย เธออยากรู้จังว่าผู้ชายที่ชื่อวินเป็นใคร และเกี่ยวข้องกับของที่ตรัยคุณเพิ่งจะซื้อไปหรือเปล่า ถ้าเกี่ยวก็น่าคิดแล้ว เพราะความเชื่อมโยงระหว่างชายหนุ่มสองคน ถุงยางอนามัย และผับที่พ่วงมาด้วยแอลกอฮอล์แน่ๆ มันมีอยู่ไม่กี่อย่าง และหนึ่งในนั้นก็หนีไม่พ้น...
คุณพระ! หรือว่าตรัยคุณจะเป็นเก้ง!
เขาเคยคบกับเอเลน่ามาก่อนก็จริง แต่เขาอาจคบเพราะยังไม่รู้ใจตัวเอง คบเพื่อบังหน้า หรือด้วยเหตุอื่นๆ อะไรก็ได้นี่นา นี่ใช่ไหมเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะมีอะไรกับเธอ และยังห้ามเธอรักเขาอีกด้วย
วันเวลาเลิ่กลั่ก คืนนั้นเธอขับรถกลับบ้านด้วยอาการเหม่อลอย เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องนี้จนตาค้างตลอดทั้งคืน ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอได้คะแนนแกตความเชื่อมโยงสูงมาก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่เธอวิเคราะห์อาจถูกต้อง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากด่วนสรุปอยู่ดี ไม่รู้สินะ บางทีอาจเพราะการด่วนสรุปมันทำให้ใจเจ็บลึกๆ กระมัง เธออยากจะเลื่อนเวลาเจ็บนี้ออกไปอีกนิด จึงตั้งใจจะหาข้อพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนสรุปว่าควรทำอย่างไรต่อ พอคิดได้อย่างนั้น ก่อนออกจากบ้านเธอจึงฝากฝังกับลูกจ้าง
“กระถิน คืนนี้พี่มีธุระ จะกลับมืดหน่อย พี่ฝากดูแลแม่สักคืนนะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ว่าแต่พี่วิวจะไปไหนหรือคะ แต่งตัวสวยเปรี้ยวเชียว” กระถินถามแบบกึ่งๆ แซวนายจ้างสาว คงเพราะไม่ค่อยเห็นสาวแนวสตรีตอย่างวันเวลาแต่งตัวแบบจัดเต็มเหมือนจะออกเที่ยวกลางคืนเท่าไร
“ไปทำภารกิจลับจ้ะ”
“ภารกิจลับอะไรหรือคะ”
“ภารกิจลับจับเก้ง!”
“สรุปว่าแกคิดว่าพี่คุณเป็นเกย์และกำลังคั่วอยู่กับนายวินอะไรนั่น เลยจะตามไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่างั้น”
ในระหว่างที่วันเวลากำลังขับรถไปผับ กังสดาลก็อุตส่าห์โทรศัพท์มาถามไถ่ และเมื่อเธอย้ำแผนการว่าจะทำอะไรบ้าง แม่เพื่อนตัวดีก็ตอบรับแผนการด้วยการด่ารัวเป็นกลองชุด...ช่างน่าอบอุ่นจริงๆ
“เพ้อเจ้อ ฉันว่าฉันคิดถูกแล้วละที่ไม่ลางานไปกับแกด้วย ถามจริงๆ นี่แกจบเอกมโน โทจินตนาการหรือวะ เอาอะไรมาคิดว่าพี่คุณของแกเป็นเก้ง!”
“ทำไม ฉันคิดแบบนั้นไม่ได้หรือไง ก็มันมีเหตุให้น่าคิด”
“เหตุอะไร แกก็แค่เห็นเขาซื้อถุงยางกับนัดเพื่อนไปผับปะ เขาอาจจะแค่ชวนกันไปดื่มแล้วพากันไปเที่ยวผู้หญิงตามประสาหนุ่มโสดก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย”
“ฉันคงจะคิดแบบแกแหละ ถ้าเขาไม่ปฏิเสธการแตะต้องตัวฉันแบบหัวชนฝา ให้ฟรีก็ไม่เอา เขารังเกียจฉันเกินเบอร์ขนาดนั้น จะไม่ให้คิดว่าเขากิ๊กกั๊กกับนายวินยังไงไหว บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่แท้จริงก็ได้นะ เขาไม่อยากนอนกับฉัน ไม่อยากให้ฉันรักเขา เพราะกลัวว่าฉันจะเสียใจอะไรแบบนี้”
“โอ๊ย หัวจะปวด ฉันว่าแกดูละครมากไป แต่เอาเถอะ ถ้าแกตัดสินใจแล้วก็ลุยต่อ ส่วนฉันจะขอรอดูห่างๆ ห่วงๆ แต่ส่วนตัวฉันว่าพี่คุณของแกไม่ใช่เก้งอะ”
“ทำไมคิดแบบนั้น”
“เพราะเรดาร์ฉันมันบอก ถามฉันนี่ ฉันคือผู้คลุกคลีในวงการเก้งกวางมาทั้งชีวิต แกไม่รู้หรือไงว่าหมอผู้ชายในโรงพยาบาลฉันร้อยละเจ็ดสิบเป็นคุณแม่ เจ่เจ๊ หรือหมวยน้อยทั้งนั้น นี่แหละเหตุผลที่ป่านนี้ฉันยังไม่มีผัว เพราะฉันอยู่ผิดที่ ไง้ แต่เรื่องนั้นไว้ก่อน ที่ฉันจะบอกก็คือจมูกฉันดีมากจ้า ยังไงฉันก็คิดว่าพี่คุณไม่ใช่อย่างที่แกคิดแน่ๆ ขอพูดตามตรงนะ สารร่างพี่คุณของแกคือไม่ได้อย่างแรงอะ สภาพ! เก้งเรอะ บอกว่าเป็นโจรป่าห้าร้อยยังน่าเชื่อกว่า”
“ตบปากแตก ทำไมต้องบูลลีคนอื่นด้วย” วันเวลาถอนหายใจ ในขณะที่เพื่อนสาวปากไวรีบกล่าวขอโทษ คงกลัวนักตบมือวางอันดับหนึ่งอย่างเธอเอาจริง “เดี๋ยวนี้ดูกันภายนอกได้ที่ไหน เห็นลุคดิบๆ เซอร์ๆ อาจจะใช่ก็ได้ เพราะเรื่องรสนิยมเป็นเรื่องภายในที่มองไม่เห็น และมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดด้วย ฉันเลยต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาก่อน”
“แล้วถ้าเกิดว่าเขาเป็นจริงขึ้นมา แกจะทำยังไง แบบว่าสมมุติน่ะนะ เพราะยังไงฉันก็ว่าไม่ใช่อยู่ดี”
“ถ้าเกิดเป็นจริง ฉันก็คงต้องกลับมาทบทวนใหม่ว่าจะทำยังไง” หญิงสาวจบสายสนทนากับเพื่อนไว้แค่นั้น เพราะคู่สนทนาต้องกลับไปดูแลคนไข้เคสด่วน ส่วนเธอก็ขับรถมาถึงจุดหมายพอดี
อย่างที่เธอบอกกังสดาลไป ถ้าสุดท้ายมันกลายเป็นเรื่องรสนิยมไม่ถูกโฉลกแบบขั้วตรงข้ามเลยละก็ ถึงจะเป็นแค่การมีสัมพันธ์ทางกาย แต่เธอก็ไม่อยากบังคับฝืนใจใครให้ทรมาน
วันเวลาในชุดสายเดี่ยวลูกไม้สีดำและกางเกงขาสั้นรัดรูปพร้อมรองเท้าบูตข้อสั้นก้าวลงจากรถ เธอมองผับตรงหน้าอย่างชั่งใจ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกยาวเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงเข้าไปในผับที่ตกแต่งในสไตล์เรโทรผสมผสานโมเดิร์น
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เธอจะไปตามล่าหาความจริง ต่อให้ลูกเต๋าจะพลิกออกหน้าที่ไม่ปรารถนาก็ตาม
กว่าตรัยคุณจะบำบัดคนไข้รายสุดท้ายของวันและอยู่เคลียร์เอกสารเสร็จ ก็เป็นเวลาที่ศูนย์ใกล้จะปิดแล้ว เขาเร่งบิดบิ๊กไบค์คู่ใจไปตามนัดของเพื่อน และก็โชคดีเป็นบ้าที่ความว่องไว ซอกแซกของยานพาหนะทำให้เขามาถึงสถานที่นัดพบในเวลาที่ไม่สายจนน่าเกลียดเกินไป และเมื่อไปถึงก็เห็นว่ามาวินในชุดแฟชั่นจ๋าตามประสาหนุ่มอินเทรนด์นั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะ ฟังเพลงเบาๆ รอเขาอยู่แล้ว
“ไอ้ห่าคุณ มึงมาสาย”
“สายห้านาที”
“ห้านาทีก็คือสายไหมล่ะ”
“หึ! บุญแค่ไหนแล้วที่สายแค่ห้านาที ออฟฟิศกูกับที่นี่อยู่ห่างกันคนละฟากโลก แถมรถก็ติดฉิบหายวายป่วง กูฝ่าฟันมาเจอมึงก่อนผับปิดได้ก็ดีเท่าไรแล้ว”
มาวินหัวเราะ ยักไหล่แบบหาได้สนใจไม่
“ไม่ต้องอ้างโน่นนี่ สายก็คือสายแหละว้า อย่างที่บอกไง ใครมาสาย คนนั้นต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้า”
“เออๆ เลี้ยงก็เลี้ยง” ตรัยคุณเสยเส้นผมออกจากนัยน์ตาอย่างหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วจึงเรียกบริกรมาสั่งกับแกล้มและเครื่องดื่ม พออาหารและเหล้าเข้าปากได้สักพัก ทั้งสองจึงเริ่มสนทนากัน
“แล้วนี่นัดกูมามีเรื่องอะไร” ดอกเตอร์หนุ่มเป็นฝ่ายเริ่มถาม คิดว่าเพื่อนคงมีธุระสำคัญมากกว่าการนัดสังสรรค์ตามปกติเป็นแน่ เพราะมิเช่นนั้นคงไม่โทร. ย้ำกันนักหนาขนาดนี้ และก็เป็นจริงเมื่อเพื่อนสนิททำหน้าสลดเหมือนหมาหงอย
“กูอกหัก”
“หือ? มึงเนี่ยนะอกหัก?”
“ใช่สิ ทำไมต้องทำเสียงสูงแบบนั้นวะ กูจะอกหักบ้างไม่ได้หรือไง”
“มึงเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ จะอกหักได้ยังไง มีแต่หักอกคนอื่นละสิไม่ว่า”
“ไอ้เปรตนี่ ดูพูดจาเข้า เพลย์บอยก็มีหัวใจเหมือนกันนะโว้ย กูเพิ่งรู้จักความรักได้ไม่นานแท้ๆ แต่กลับถูกสลัดรักอย่างใจดำ กูไม่รู้จะทำยังไงดีเลยว่ะ เศร้าเป็นบ้า เลยเรียกมึงออกมานี่แหละ”
“เรียกกูมาทำไม มึงก็รู้ว่ากูปลอบใจคนไม่เก่ง เว้นแต่ว่ามึงจะมาเป็นคนไข้ให้บำบัด นั่นก็อีกเรื่อง ถ้าจะมาบำบัดก็ยินดีต้อนรับ แต่ขอบอกก่อนว่าไม่มีส่วนลดพิเศษ” ตรัยคุณพูดยิ้มๆ ก่อนจะรินเหล้าให้เพื่อนเพิ่ม ซึ่งมาวินก็รับมาดื่มรวดเดียวหมด
“ไอ้นี่ไม่ได้ไม่ดีจะวกเข้าเรื่องธุรกิจเรื่อย คืองี้กูยังไม่อยากไปถึงขั้นเป็นคนไข้มึง โอเค้ แค่อยากขอคำปรึกษาเบื้องต้นเฉยๆ ว่ากูควรจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงดี”
“แล้วทำไมต้องมาถามกู”
“เพราะมึงเป็นเพื่อนรักของกู และเป็นผู้มีประสบการณ์โดนเทมาก่อนไง”
พอถูกเพื่อนจี้ปมในอดีต ตรัยคุณก็ชะงักไป ต้องยอมรับว่าเขาไม่ได้เตรียมใจมาคุยประเด็นนี้ ไม่ใช่ว่าพูดถึงไม่ได้ แต่ถ้าเลือกได้ เขาแค่ไม่อยากพูดถึงก็เท่านั้น เพราะมันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขากับเอเลน่าโต้เถียงกันอย่างหนัก จนสุดท้ายเขาต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าขอร้องเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธ เหตุการณ์นั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำของเขา ทิ้งความรู้สึกบางอย่างคงค้างในจิตใจเขาอยู่ลึกๆ มันไม่ใช่ความโศกเศร้าหรือเจ็บปวด แต่เป็นความสงสาร เขาสงสารเอเลน่า และความรู้สึกนี้มันไม่ใช่ทั้งความรู้สึกแง่ลบหรือแง่บวกที่เขาจะเลือกลบหรือเก็บมันไว้ได้
“เรื่องของกูกับแอลลี่จบไปเป็นปีแล้ว เธอทิ้งกู เพราะกูไม่ดีพอสำหรับเธอหลายอย่าง”
“เสียใจด้วยว่ะ”
“ไม่เป็นไร ถูกทิ้งแล้วยังไง เราก็แค่ต้องยอมรับความจริง เก็บความรู้สึกด้านบวกไว้ในความทรงจำ ส่วนความรู้สึกที่เป็นลบก็ก้าวข้ามมันไป นั่นละสิ่งที่กูอยากแนะนำ”
“พูดเหมือนง่าย แต่ทำจริง มันไม่ง่ายนะ”
“ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินที่จะทำ”
“แปลว่ามึงก้าวข้ามความรู้สึกลบๆ ตอนแอลลี่ทิ้งมึงไปได้แล้วหรือวะ”
“อือ กูมูฟออนละ กูคิดถึงแอลลี่ในฐานะที่เธอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ แต่ไม่ได้โหยหาหรือต้องการให้เธอกลับมา อย่างน้อยการล้มเหลวในความสัมพันธ์นี้ก็มีข้อดี มันทำให้กูได้เรียนรู้ข้อบกพร่องและหาวิธีปรับปรุงตัวเอง เพื่อที่กูจะไม่ล้มเหลวในความสัมพันธ์ครั้งหน้าอีกไง และนั่นละคือสิ่งที่กูกำลังโฟกัส กูอยากทำให้ความสัมพันธ์ครั้งต่อไปดีกว่าเดิม สวยงามกว่าเดิม กูจะพยายามให้มากขึ้น”
พอได้ฟังอย่างนั้นมาวินก็ยิ้ม สีหน้าที่เคยสลดหดหู่ เริ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นมานิดหนึ่ง
“สุดยอด คิดอยู่แล้วว่าต้องหวังคำแนะนำดีๆ จากมึงได้” คนเป็นเพื่อนเอื้อมมือมาตบบ่าตรัยคุณอย่างชื่นใจ “ขอบใจมาก กูจะลองนำคำแนะนำไปใช้ อาจจะไม่ง่าย แต่ถ้ามึงทำได้ สักวันกูก็ต้องทำได้เหมือนกัน ว่าแต่กูจะตอบแทนมึงยังไงดี มึงอุตส่าห์แนะแนวกูขนาดนี้ เอาแบบนี้ดีไหม ไหนๆ กูก็เลี้ยงเหล้ามึงไม่ได้ เพราะวันนี้คิวมึงเลี้ยง งั้นกูจ่ายค่าตัวน้องเมจิให้มึงเป็นไง”
“น้องเมจิคือใคร”
“อ้าว น้องเมจิก็คือเด็กที่กูดีลให้มึงพรุ่งนี้ไง ใส่ใจมั่งปะเนี่ย กูขออาสาจ่ายค่าตัวน้องเมจิให้มึงเป็นการตอบแทน”
กล่าวถึง ‘เด็ก’ ก็ทำให้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เขาไปขอให้มาวินช่วยหาสาวไซด์ไลน์ให้ ฝ่ายเพื่อนก็อุตส่าห์เป็นคนกลางช่วยดีลเด็กมาให้ในคืนพรุ่งนี้แล้ว ครั้นจะล้มเลิกกลางคันคงไม่ได้ อย่างที่เขาบอกเพื่อนไปนั่นละ เขาตั้งใจจะปรับปรุงจุดบกพร่องของตัวเองในความสัมพันธ์ครั้งก่อน หนึ่งในเรื่องเหล่านั้นก็คือเรื่องเซ็กซ์ เขาอาจจะยังทำ ‘เรื่องนั้น’ ได้ไม่ดีพอ จึงทำให้เอเลน่าจากไป ดังนั้นเขาเลยอยากพัฒนาสกิลเรื่องนั้นให้พิเศษยิ่งขึ้น แต่ปัญหาก็คือในเมื่อเขายังไม่มีแฟนใหม่ และขณะเดียวกันเขาก็ไม่อยากจะหลอกคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ให้มานอนด้วย หวยจึงมาตกที่สาวค้าบริการผู้ซึ่งยินดีรับหน้าที่นี้ ซึ่งแน่นอนในเมื่อมันเป็นการพัฒนาตัวเอง ครั้นจะให้คนอื่นมาจ่ายเงินแทนก็ดูน่ารังเกียจเกินไป
“ไม่เป็นไร กูจ่ายเองได้”
“แน่ใจนะ” มาวินถามย้ำ และเมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้า เขาจึงยอมเข้าใจ “ก็ได้ ตามใจ งั้นกูค่อยหาวิธีตอบแทนอื่นทีหลังละกัน อ้อ พูดแล้วก็เกือบลืมเรื่องสำคัญ คืนวันพรุ่งนี้น้องเมจิขอเปลี่ยนสถานที่นัดพบนะ”
คิ้วเข้มของผู้ฟังเลิกขึ้นอย่างฉงน
“เปลี่ยนสถานที่ทำไม”
“เห็นว่าโรงแรมเดิมมันไกลจากที่พัก เธอกลัวจะกลับไปทำธุระไม่ทันก็เลยขอเปลี่ยนที่นัดพบ ก็นะ อย่างที่รู้ๆ ธุระที่ว่าจะมีอะไร นอกจากกลัวกลับไปรับแขกรายต่อไปไม่ทันละสิไม่ว่า” มาวินกล่าวอย่างรู้ทัน ส่วนตรัยคุณไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ ต่อให้ธุระของสาวคนนั้นคืออะไร ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่ต้องยุ่มย่ามอยู่ดี
“เข้าใจแล้ว งั้นเปลี่ยนเป็นที่ไหน”
“โรงแรมบลูบอนเนต แกรนด์ ห้อง ๕๐๕ ส่วนเวลายังสามทุ่มเหมือนเดิม”
“โอเค”
“ขอให้สนุก แล้วอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์ป้องกันไปเองด้วย เพราะกูไม่รู้ว่าน้องเมจิจะเตรียมมาให้ไหม ถึงจะบอกว่าน้องเขาสะอาดก็เถอะ แต่ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี ไม่เสี่ยงเป็นดีที่สุด”
“รู้แล้ว กูก็ระวังอยู่ เลยไปซื้อของมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน”
“ต้องอย่างนี้สิวะ ยืดอก พกถุงเว้ย” มาวินหัวเราะ ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นชนกับแก้วของเพื่อน ในจังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะนั้นเอง มาวินก็สบสายตากับสาวผมม้าหน้าตาสวยน่ารักที่นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งเพียงลำพัง และที่เข้าทางก็คือเธอกำลังแอบมองมาทางโต๊ะเขาด้วยสิ
“ไอ้วิน มึงมัวทำอะไร ไม่ดื่มหรือ” ตรัยคุณถามอย่างแปลกใจ เพราะเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมดื่มเหล้าในแก้วสักที ทั้งๆ ที่พวกเขาชนแก้วกันเสร็จไปนานหลายนาทีแล้ว แต่มาวินกลับถือแก้วค้างไว้อย่างนั้น “มองอะไรอยู่”
ยังไม่ทันที่ตรัยคุณจะหันกลับไปดูว่ามาวินมองอะไรที่ด้านหลังเขา มาวินก็ดึงไหล่เขาไว้นิดหนึ่งเป็นเชิงให้หันกลับมาสนใจแก้วเหล้า
“เปล่าๆ ไม่ได้มองอะไร กูก็แค่คิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะ โทษทีว่ะ มาดื่มกันต่อดีกว่า”
ตรัยคุณหรี่ตามองเพื่อนที่กำลังยิ้มแย้ม ยกเหล้าขึ้นดื่มอั้กๆ เหมือนน้ำเปล่า แม้จะไม่ได้พูดตรงๆ แต่ดูจากสายตาแพรวพราวที่มาวินแสดงออกมาเมื่อครู่ เขามั่นใจว่าเพื่อนเพลย์บอยคนนี้คงตาดีมองเห็น ‘เหยื่อ’ น่าเคี้ยวอีกตามเคย ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใส่เขา ก็คงเพราะจะกั๊กไว้กินคนเดียวอีกแน่ เห็นได้ชัดว่าต่อให้อกหักมาหมาดๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เสือร้ายตนนี้หยุดภารกิจล่าเหยื่อ ซึ่งก็ตามสบายเถอะ เพราะเขาไม่คิดอยากแย่งอยู่แล้ว เขาขอออมแรงไว้ลับคมคืนพรุ่งนี้ดีกว่า
ขณะที่สองหนุ่มกำลังสังสรรค์กันอยู่ที่โต๊ะ ในอีกฟากหนึ่งวันเวลาที่นั่งอยู่ในมุมหนึ่งของผับก็เพิ่งได้คำตอบที่เธอตามหา แน่นอนว่าตำแหน่งที่เธอนั่งผนวกกับเสียงดนตรีทำให้การแอบฟังบทสนทนาระหว่างตรัยคุณกับเพื่อนชายเป็นไปได้ยากลำบาก แม้พวกเขาจะเป็นคนติดพูดเสียงดังกันทั้งคู่ก็จริง แต่เธอก็ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้างอยู่ดี ในเมื่อเธออยากรู้ความจริงทั้งหมดโดยไม่ต้องนั่งจินตนาการเอาเอง หญิงสาวจึงจ้างบริกรคนหนึ่งคอยดักฟังพวกเขาแทน มองเผินๆ อาจดูเหมือนบริกรคนนั้นกำลังก้มๆ เงยๆ เช็ดทำความสะอาดโต๊ะข้างๆ อย่างขยันขันแข็ง แต่แท้จริงแล้วเขากำลังใช้โทรศัพท์อัดคลิปเสียงบทสนทนาของตรัยคุณกับเพื่อนอยู่ต่างหาก
วันเวลานั่งรอไฟล์คลิปเสียงที่บริกรส่งให้ทางข้อความอยู่ที่โต๊ะ เธออยาก ใจเย็นให้มากกว่านี้ แต่พอถึงเวลาเปิดคลิปฟัง หัวใจเธอกลับเต้นรัว ลุ้นมากว่าความจริงเป็นอย่างไร ทว่าสุดท้ายเมื่อได้ฟังคลิป ก็ต้องโล่งใจ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องล้มแผนการฟื้นฟูสัมผัสพิเศษแล้วสิ
สรุปแล้วตรัยคุณไม่ใช่เก้ง นายวินนั่นก็ไม่ใช่เหมือนกัน พวกเขาเป็นเพียงเพื่อนกัน ส่วนถุงยางอนามัยเจ้าปัญหาที่ตรัยคุณซื้อ...ก็นะ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาจะนำไปใช้กับใคร ในเมื่อรู้อย่างนี้ มีหรือที่เธอจะปล่อยโอกาสให้หลุดลอย แบบนี้มันต้องงัดไม้ตายขึ้นมาสู้กันสักตั้ง พอคิดได้อย่างนั้นหญิงสาวจึงต่อสายหากังสดาลทันที
“ว่าไง ยายวิว”
“แกจัดการคนไข้เคสด่วนของแกเสร็จหรือยัง คุยได้ไหม”
“เสร็จแล้ว แต่ก็นะ ยังวุ่นๆ อยู่เลย คุยได้แค่แป๊บเดียวอะ แกมีอะไร”
“ฉันจะโทร. มาบอกว่าฉันตามล่าหาความจริงมาได้แล้วนะ สรุปว่าแกพูดถูกจริงๆ ว่ะ พี่คุณไม่ใช่เก้ง”
กังสดาลหัวเราะอย่างถูกใจ
“ก็บอกแล้ว เรดาร์ฉันไม่มีพลาด แล้วไงล่ะทีนี้ แกจะทำยังไงต่อ”
“ฉันก็จะเดินหน้าลุยเต็มสูบแล้วน่ะสิ เพราะงี้ฉันเลยอยากขออะไรแกหน่อย คืนพรุ่งนี้ว่างไหม ฉันรบกวนแกมาช่วยดูแม่ฉันสักคืนได้หรือเปล่า พอดีกระถินลางาน เพราะต้องพาป้าไปหาหมอ เลยไม่มีคนอยู่ดูแม่ฉัน”
“ได้ๆ พรุ่งนี้วันหยุดฉันพอดี เดี๋ยวฉันเฝ้าแม่แกให้เอง” พยาบาลสาวตกปากรับคำ “ว่าแต่แกจะไปไหน”
“โรงแรมบลูบอนเนต แกรนด์” วันเวลายิ้มพรายอย่างคนมีแผนเตรียมไว้ในใจแล้ว “ฉันจะไปที่นั่น”
ความคิดเห็น |
---|