๗
กัณฑ์รีบตามเหมือนแพรออกมาโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของมารดากับน้องสาว แต่กระนั้นเขาคลาดกับน้อง เมื่อเลี้ยวตรงหัวมุมตึกมาก็ไม่เจอเธอ ไม่แน่ใจว่าเหมือนแพรแยกไปทางไหน เขาวิ่งพล่านไปทั่ว ถามทุกคนที่เดินสวนมา แต่ไม่มีใครเห็นน้องเลย เขาจึงเดินย้อนกลับมาทางเดิมตรงที่คลาดกัน จึงสังเกตเห็นว่ามีช่องตึกเล็กๆ อยู่ตรงนั้น ที่ถ้าลอดไปได้พอพ้นตัว เขาจึงลองเข้าไปดู จึงเห็นว่าทางนั้นสามารถเชื่อมไปอีกตึก แต่ไม่น่าใช่ทางที่คนผ่านประจำ
ตามปกติแล้วเหมือนแพรจะเลี่ยงทางอย่างนี้ เพราะมันดูไม่ปลอดภัย เพราะที่แบบนี้มักจะมีสิ่งที่เธอกลัวขึ้นสมอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนให้ตายอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมเดินผ่านสถานที่แบบนี้เด็ดขาด ทั้งกองเฟอร์นิเจอร์เก่าวางทิ้งให้ฝุ่นเกาะ ถังขยะใบใหญ่ๆ วางเรียงรายหลายถัง
กัณฑ์พยายามจะมองหาน้องอย่างร้อนใจ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอน่าจะเข้ามาตรงนี้ แต่เมื่อกวาดตาดูแล้วก็ยังไม่เห็นใคร แต่ช่วงที่กำลังจะตัดสินใจออกไปหาน้องที่อื่น เขาก็หันไปเห็นน้องนั่งคุดคู้กอดเข่าอยู่หลังเสา ซบหน้ากับเข่าตัวเอง ตัวสั่นเทิ้ม
กัณฑ์ถลาเข้าไปหา ตั้งใจจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเหมือนที่เคยทำมาตลอดเวลาที่น้องหวาดกลัว แต่เพียงเข้าไปใกล้จนได้ยินเสียงที่น้องพูด เขาก็ชะงักไป
“ไม่เป็นไรแพร ไม่เป็นไร...” คนที่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรสั่นไปทั้งตัว แม้แต่เสียงที่พูดออกมาก็ยังสั่นคลอเสียงสะอื้นและหอบหายใจแรง
“เขาทำเรา เขาทำเราก่อน...ไม่มีใครปกป้องเรา เราก็ต้องทำ ปกป้องตัวเอง แพรต้องปกป้องตัวเอง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เดี๋ยว...เดี๋ยวก็ดีขึ้น เดี๋ยวก็ดี...แพร...ไม่เป็นไร เขาจะเป็นอะไรก็ช่างเขา เขาทำเราก่อน!”
ตลอดมาเหมือนแพรไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่เคยทำร้ายใคร เธอพยายามจะเลี่ยงทุกข้อขัดแย้ง ยอมได้ก็ยอม จนบางครั้งคนรอบตัวรวมถึงเขาต้องคอยเตือน ว่าไม่จำเป็นที่เธอจะต้องยอมคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าทุกการยอมจะทำให้ปัญหาจบ
‘ไปเถอะค่ะพี่กัณฑ์ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่กัณฑ์กลับบ้านเถอะ อย่ามีปัญหากับคุณแม่เลยค่ะ เรื่องมันเล็กน้อยเอง ไม่ฉลองวันนี้ก็ฉลองพรุ่งนี้ได้ค่ะ’
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวเขา น้องจะเป็นฝ่ายบอกให้เขายอมลงให้ แม้แต่ในวันสำคัญระหว่างเธอกับเขา ถ้าคนที่บ้านเขาโทร. มาเรียกตัว ถ้าน้องรู้ก็จะบอกให้เขาไปทันที แม้จะต้องทิ้งเธอไว้ลำพังก็ยอม อ้างเหตุผลร้อยแปด บ่อยครั้งที่กัณฑ์เลือกที่จะไม่บอกเธอ แต่สุดท้ายคนที่บ้านก็หาทางให้น้องรู้อยู่ดี แล้วสุดท้ายเรื่องก็จะวกกลับมาที่เดิม
‘เอาอย่างนี้นะคะ พรุ่งนี้ถ้าพี่กัณฑ์กลับมา เราไปดูหนังกันนะคะ แล้วค่อยไปล่องเรือชมวิวกันใหม่ก็ได้ค่ะ...ไม่เอาค่ะ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ แค่นี้แพรก็ดีใจแล้วค่ะ แค่พี่กัณฑ์มาบอกว่าจะพาแพรไปดินเนอร์หรูในวันครบรอบแต่งงาน แพรก็ดีใจแล้ว เราเก็บบัตรขึ้นเรือนี้ไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปนะคะ’
‘มันเก็บไว้ใช้วันหลังได้ที่ไหนกัน มันต้องจอง’
เขาดึงบัตรเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทำการจองไว้มาจากมือน้องแล้วตีเบาๆ ใส่หน้าผากเธออย่างหงุดหงิดและหมั่นไส้คนไม่รู้เรื่อง เพราะตอนแรกเขาจะเซอร์ไพรส์เธอ ให้แต่งตัวสวยๆ ไว้รอ หลังเขากลับมาจากทำงาน ตั้งใจว่าจะพาเธอไปสวีตกัน แต่กลายเป็นว่าแม่เขาโทร. มาเรียกให้กลับบ้าน บอกมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา แล้วที่ทำให้เขาหงุดหงิดกว่าคือ ไม่ให้พาน้องไปด้วย เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ถ้าเขายังดื้อดึงจะพามาให้ได้ หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะมาโทษคนในครอบครัวไม่ได้
‘ถ้าไม่ขึ้นเรือวันนี้ก็อด เขาระบุวันไว้ รู้มั้ยพี่จองนานแค่ไหนกว่าจะได้’
‘อ้าว เหรอคะ ว้าแย่จัง งั้นไม่เป็นไร เราไปหาร้านที่ไม่ต้องจอง นั่งกินริมน้ำก็ได้ค่ะ...นะคะพี่กัณฑ์ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรรู้ว่าพี่กัณฑ์กลัวแพรเสียใจ แพรไม่เสียใจค่ะ แพรรู้ว่าพี่กัณฑ์ของแพรน่ารัก อย่าพยายามมีปัญหากับแม่พี่กัณฑ์เพื่อแพรเลยนะ เท่านี้คุณแม่ก็ไม่ชอบแพรมากพอแล้ว...นะคะพี่กัณฑ์ คิดซะว่าทำเพื่อแพรนะ’
เขาเคยไม่ยอมให้คนในครอบครัวทำแบบนี้ แต่ผลที่ตามมายิ่งทำให้น้องไม่มีความสุข เธอกังวลและเอาแต่จะเซ้าซี้ให้เขาทำตามความต้องการของแม่ จนบางทีเขาหงุดหงิดถึงขั้นบอกให้เธอหยุด กลายเป็นเสียงแข็งใส่ ทำน้องเครียดคูณสองไปอีก สุดท้ายก็เรียนรู้ว่าถ้าวันนี้ยอมให้ พรุ่งนี้เขาก็จะได้เห็นผู้หญิงคนนี้เครียดน้อยลง
‘ไม่เป็นไรเลยค่ะ ครอบครัวพี่กัณฑ์ไม่ใช่คนอื่น แม่สอนแพรว่า อย่าคิดเอาชนะคนในครอบครัว ครอบครัวพี่กัณฑ์ก็เหมือนครอบครัวแพร’
‘ทั้งที่แพรก็รู้ว่าแม่พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น แม่ไม่ได้เห็นแพรเป็นคนในครอบครัว’
‘ค่ะ แต่ทำไงได้คะ แพรรักลูกชายคุณแม่นี่คะ รักลูกชายท่านก็ต้องยอมท่านค่ะ’
‘มันก็ไม่จำเป็นต้องยอมทุกอย่างครับ วันนี้คุณแม่ก็รู้ว่าเป็นวันครบรอบแต่งงานของเรา คุณแม่ควรรู้ว่าพี่ต้องอยู่กับแพร แต่ก็ยังจัดงานบ้าบอ...พี่ไม่ไปหรอก เราไปกันเถอะ ไปสายเดี๋ยวขึ้นเรือไม่ทัน’
‘แพรขอเรื่องนี้เป็นของขวัญได้มั้ยคะ...พี่กัณฑ์บอกว่าในวันครบรอบแต่งงาน ในวันครบรอบวันเกิด จะให้แพรขอของที่แพรอยากได้ ขอสิ่งที่แพรอยากให้พี่กัณฑ์ทำให้ วันนี้แพรยังไม่ได้ขอ...แพรขอให้พี่กัณฑ์ทำเรื่องนี้ให้แพรนะคะ อย่ามีปัญหากับคุณแม่เพราะแพรไปมากกว่านี้เลย’
วันนั้นเขายอมรับว่ายอมทำตามความต้องการของเหมือนแพรเพราะรำคาญการเซ้าซี้ แล้วก็จริงอย่างที่เขาคิดไว้ ที่บ้านไม่ได้มีอะไรต่างไปจากทุกครั้ง ก็แค่งานเลี้ยงในครอบครัว มีญาติมารวมตัว หนึ่งในนั้นก็คือดารินและครอบครัว เขาอยู่ที่งานจนดึก ตอนแรกคิดว่าจะไม่กลับบ้านเพราะโกรธที่น้องพูดไม่รู้เรื่อง
แต่สุดท้ายก็กลับ และรู้สึกแย่เมื่อกลับมาเห็นว่า น้องยังคงนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขก เธอไม่ได้กลับขึ้นห้อง ไม่โทร. หา ไม่ได้ส่งข้อความบอกว่าเธอคอยอยู่ มีส่งข้อความไปถามว่าถึงหรือยัง พอเขาตอบว่าถึงแล้ว เธอก็บอกแค่ว่าขอให้สนุก
‘ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้แพร ทำไมไม่ขึ้นห้อง...เกิดพี่ไม่กลับมา เราไม่ต้องนอนให้ยุงกินตรงนี้จนเช้าเหรอ’
‘ไม่เช้าหรอกค่ะ แพรรู้ว่าพี่กัณฑ์จะต้องกลับมาค่ะ...ขอบคุณนะคะสำหรับของขวัญ’
‘ของขวัญอะไร’
‘ก็ของขวัญที่แพรขอพี่กัณฑ์ไงคะ ขอให้พี่กัณฑ์ทำให้คุณแม่สบายใจ...แพรรักพี่กัณฑ์นะคะ พี่กัณฑ์ของแพรน่ารักที่สุดเลย...ว่าแต่พี่กัณฑ์ไปงานเลี้ยงไม่ได้ดื่มมาเหรอคะ แพรไม่ได้กลิ่นเหล้าเลย...อุ๊ย!’
‘อะไร? เสียงท้องร้อง อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้กินข้าว...ให้ตายสิแพร...ไม่ต้องมายิ้มอ้อนเลย ทำไมไม่กิน แล้วป้าน้อมไปไหนทำไมปล่อยให้แพรหิว อย่าบอกนะว่าหลอกป้าน้อมว่าจะขึ้นไปนอนแล้วลงมารอพี่ใหม่...เหมือนแพร...ให้ตายสิ!’
จากที่เคยรำคาญสิ่งที่น้องเป็น กลายเป็นสงสาร ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าทำผิดหรือถูกที่ยอมทำตามความต้องการของเธอเพื่อตัดปัญหา แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าผิด เพราะถ้าไม่ผิด น้องก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าสงสารที่สุด แล้วเขาจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นน้องในสภาพแบบนี้อีก...
“แพร...” คนถูกเรียกสะดุ้ง ก่อนดูสงบลงเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนที่อยู่ตรงนี้กับเธอมีแค่กัณฑ์ เธอมองออกไปตรงทางเข้าอย่างหวาดกลัว “พี่หาน้องแพรเจอแล้ว...”
เหมือนแพรเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า ดีใจที่ได้เจอคนที่รู้จัก เพราะการอยู่ในนี้ลำพัง กอดตัวเองมันทำให้รู้สึกแย่มากๆ เธออยากกอดใครสักคน แต่ก่อนที่เธอจะทำอย่างที่รู้สึก เธอก็คิดได้ว่าไม่ควรทำอย่างนั้น ถ้าจะต้องกอดผู้ชายที่ถูกบังคับให้มาอยู่กับเธอ สู้กอดตัวเองไว้อย่างนี้ดีกว่า
“ทำไมน้องแพรมาอยู่ตรงนี้ครับ” เขาถามอย่างระมัดระวัง ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพียงแค่พูดอะไรสักอย่างที่คิดว่าจะทำให้น้องผ่อนคลาย แต่กลับส่งผลให้คนฟังหน้าคว่ำใส่ เพราะคิดว่าเขาตำหนิเธออยู่
“ไม่ให้อยู่ตรงนี้ แล้วจะให้แพรอยู่ให้แม่กับน้องสาวพี่ตบแพรอีกเหรอ”
กัณฑ์เกือบจะหลุดคำว่าขอโทษออกไป แต่ยั้งปากตัวเองไว้ได้ทัน คำขอโทษไม่ได้ทำให้น้องรู้สึกดีขึ้น
“หรือจะมาเอาผิดแพรที่ทำร้ายแม่กับน้องสาวพี่กัณฑ์”
“เปล่า”
“แล้วมาทำไม ตามแพรมาทำไม! ไม่ต้องมายุ่งกับแพรเลย เดี๋ยวคนของพี่กัณฑ์ก็มาว่าแพร แพรคืนพี่กัณฑ์ให้พวกเขาไปแล้ว ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับแพร จะไปไหนก็ไปเลย แพรไม่ต้องการพี่กัณฑ์แล้ว ไปเลย ชิ่วๆ”
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในสถานการณ์ชวนเครียด กัณฑ์คงขำคนที่ปัดมือไหวๆ ประกอบคำไล่เขา ทำเหมือนกับเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่เธอไม่ชอบ
“ยังจะมายิ้ม กลับไปเลยนะ ไม่ต้องมายุ่งกับแพรเลย”
“ครับ” กัณฑ์เพียงแค่รับคำไปส่งๆ เพื่อให้น้องเลิกไล่เขา แล้วดูจะได้ผลเมื่อเธอเงียบไป บวกกับเขามองไปที่ข้างตัวน้อง เห็นอะไรบางอย่างสีน้ำตาลมีปีกที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังน้อง มีอยู่หลายตัวด้วย “พี่ว่าตอนนี้เราไปจากตรงนี้ดีกว่านะ”
ชวนน้องพลางจะพยุงเธอลุกขึ้น แต่สายตาเขาที่มองไปข้างหลังทำให้เธอจะหันตาม
“อย่าหันไป...” เขาดันแก้มเธอไว้ “อย่ามองดีกว่านะเชื่อพี่...หรือจริงๆ แล้วมองได้ แพรความจำเสื่อม ก็ไม่น่าจะจำได้ว่ากลัวอะไร”
“กลัวอะไร แพรกลัวอะไร” เหมือนแพรจะหันไปดูคำตอบ ปรายสายตาไปเห็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งเกาะอยู่ที่ฝาถังขยะ อะไรบางอย่างที่มีหนวด ตัวสีน้ำตาล อะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ ผงะตามเพียงแค่มันกระพือปีก “มะ...แมลง...แมลง...สะ...สาบ....มีปีกมั้ย...มีปีกด้วย...จะบินมั้ย...”
กัณฑ์หันมองตามสายตาน้อง ตรงนั้นยังดีมีแค่ตัวเดียว แต่ที่อยู่ข้างหลังเธอตรงผนังมีเกาะอยู่มากกว่าห้าตัว ถ้าเธอหันมาเจอคงได้ช็อกตายแน่ๆ
“พี่...พี่กัณฑ์...” คนเจอสิ่งที่กลัวเป็นฝ่ายโผเข้าหาพี่ “แมลงสาบ...มันจะบินมั้ย...โน่นไง ตรงโน้น...พี่กัณฑ์...อย่า...อย่าบิน อย่าบินนะ....กรี๊ด--ดดด!”
เพียงแค่พี่กอดไว้คงไม่พอ ความตกใจที่เห็นแมลงสาบตัวนั้นกระพือปีก ทำให้เธอกระโดดขึ้นกอดพี่ ยกขาขึ้นสูงจนแทบจะหนีบเอาเอวพี่ไว้ ร้องกรี๊ดๆ อย่างที่เคยเป็น
“พี่กัณฑ์แมลงสาบค่ะ แมลงสาบ จัดการที เอามันไปทิ้งที แพรกลัว...แพรกลัว มันบินด้วย มันเกาะแพรมั้ย ดูให้แพรหน่อย อย่าให้มันเกาะแพรนะ...พี่กัณฑ์ช่วยแพรหน่อย แพรกลัว...” เหมือนแพรหลับตาปี๋ ร้องกรี๊ดๆ จินตนาการว่าแมลงสาบที่เธอกลัวได้บินมาเกาะตัวเธอแล้ว และเธอก็อยากให้พี่เอามันออกไปให้เหมือนที่แล้วๆ มา เธอไว้ใจเขา จึงร้องเรียกหาเมื่อเจอสิ่งที่กลัว
มันเจ็บปวดที่ก่อนหน้านี้น้องเจอสิ่งที่น่ากลัวกว่าแมลงสาบ แต่น้องกลับเลือกที่จะสู้ทั้งที่ไม่เคยสู้รบตบมือกับใคร เพราะเธอรู้สึกว่าไม่มีใครปกป้องเธออีกแล้ว ซึ่งนั่นไม่จริงเลย น้องยังมีเขาที่พร้อมจะปกป้องจากอันตรายทุกอย่าง กอดปลอบเมื่อเธอกลัว ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ทำเพราะใจอยากทำ ไม่ใช่ใครหรืออะไรมาบังคับ ที่ทำทั้งหมดก็เพราะรัก
‘เพราะรัก’ จึงไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดเสียใจอีกแล้ว...
‘เพราะรัก’ จึงอยากปกป้องดูแลขอเพียงได้เห็นเธอยิ้มให้...
‘เพราะรัก’ จึงอยากทำให้...แม้สุดท้ายเธออาจไม่ต้องการมันแล้วก็ตาม
“อึ๊ย--ยยย ไม่มี ไม่มี...ดูดีๆ แพร...ดูดีๆ ...ไม่มี”
กัณฑ์เอ็นดูคนที่เขาเพิ่งวางลงบนพื้น หลังจากที่อุ้มเธอด้วยท่าอุ้มเจ้าสาวพาเดินออกมาจากตรอกจนพ้นสิ่งที่น้องกลัว ถึงตอนนี้เธอก็ยังสำรวจตัวเอง ทั้งดึงชายกระโปรงเดรสมาดู ลูบมือไปทั่วตัวจนแน่ใจว่าพ้นอันตรายแล้วก็ถอนหายใจ พอรู้ว่าถูกมองก็ทำหน้าคว่ำใส่เขาทันที
“งั้นกลับกันเลยมั้ยคะ” ชายหนุ่มหาทางรอด แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตอบ โทรศัพท์มือถือเขาก็ดังขึ้น “ขอพี่รับสายวศินก่อน น้องแพรรอพี่แป๊บหนึ่งนะคะ”
ดูเหมือนชื่อที่กัณฑ์เอ่ยจะทำให้เหมือนแพรนึกอะไรได้ หญิงสาวล้วงกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กของเธอ ต่อด้วยกระเป๋าเสื้อ ท่าทางลนลาน หน้าเสีย ในขณะที่กัณฑ์เดินหันหลังห่างออกไปราวๆ สิบก้าวเพราะมีเรื่องคุยกับวศิน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเหมือนแพรที่รู้แล้วว่ารูปใบสำคัญของเธอไม่อยู่แล้ว
“หายไปจริงๆ ด้วย”
เหมือนแพรทำท่าจะวิ่งกลับไปที่ตรอกเดิม เพราะคิดว่ามันน่าจะอยู่ตรงนั้น แต่พอนึกได้ว่าในตรอกนั้นมีสิ่งที่เธอกลัวก็ถอยหลังกรูด มองหาคนที่จะช่วยได้ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกัณฑ์ นั่นทำให้เธอเดินเข้าไปหาเขาจากข้างหลัง แต่ก่อนจะทันได้ถึงตัว คำพูดของกัณฑ์ก็ทำให้เธอชะงักไป
“ฉันจะดำเนินคดีกับคุณแม่และปิ่นให้ถึงที่สุด ฉันจะให้ไอ้ตรินเป็นคนจัดการ ฉันขอแค่หลักฐานจากกล้องวงจรปิด ปล่อยไปไม่ได้ ถ้ามีครั้งที่หนึ่งแล้วปล่อยผ่าน มันก็จะมีครั้งหน้า...แกไม่ต้องพูดแล้วไอ้หมอ ฉันตัดสินใจแล้ว แค่นี้ก่อนนะ น้องคอยฉันอยู่...โอเค เดี๋ยวบอกให้ ขอบใจแกมากที่ช่วยไล่แม่กับปิ่นให้ เรื่องอื่นไว้ฉันกลับถึงบ้านค่อยคุยกัน แค่นี้นะ” กัณฑ์วางสายพลางหันมามองน้อง พลันตกใจเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ข้างหลังแถมมองเขาตาแป๋ว
สิ่งที่อยู่ในหัวเหมือนแพรคือคำถาม เธออยากถามเรื่องที่ได้ยินชายหนุ่มคุยกับวศินว่าจะดำเนินคดีกับกันตาและปิ่นปักให้ถึงที่สุด เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าผู้ชายคนนี้กำลังปกป้องเธอ จัดการคนที่ทำร้ายเธอให้ แต่ก็กลัวว่าจะผิดหวัง คนที่ไม่ได้รักเธอจะฟ้องคนในครอบครัวเพื่อปกป้องเธอทำไม
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ งั้นเรากลับกันเลยนะ”
“รูปลูกของแพรหาย” หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามเรื่องนั้น “ไม่รู้แพรทำตกที่ไหน อาจจะเป็นในตรอกซอกตึกค่ะ...พี่กัณฑ์ช่วยไปหารูปลูกให้แพรหน่อยได้มั้ยคะ”
กัณฑ์เลิกคิ้ว เขารู้ว่ารูปไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะวศินบอกเขาก่อนหน้านี้ว่า รูปใบนั้นปิ่นปักเจอมันตกอยู่ที่พื้น เลยทำให้แม่กับน้องสาวเขารู้ว่าที่เหมือนแพรมาโรงพยาบาลไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างที่เข้าใจในตอนแรก แต่มาเพื่อฝากครรภ์
‘แม่แกที่เจ็บหลังอยู่แทบจะดีดขึ้นจากเตียงเลย ตอนที่ปิ่นถือรูปอัลตราซาวนด์ที่เก็บได้มาให้ดู ถึงกับหลุดปากว่าแกมีมารความสุขคนเดียวไม่พอ ยังจะมีมาเพิ่มอีกเหรอ เฮ้อ ฉันจะมาเล่าให้แกฟังทำไมเนี่ย...เอาเป็นว่าแกไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันดูแม่แกกับปิ่นให้ แล้วที่แกบอกว่าจะให้ฉันช่วยอะไรหน่อย แกจะให้ทำอะไร’
“แพรว่าน่าจะตกอยู่ที่ตรอก หรือไม่ก็ที่...” สายตาน้องที่มองกลับไปทางจุดเกิดเหตุทำให้กัณฑ์รู้ว่า น้องคงกลัวแม่กับน้องสาวเขาไม่ต่างจากแมลงสาบ “พี่กัณฑ์ไปดูในตรอกให้หน่อยนะคะ แพรจะไปดูตรงนั้น”
คำพูดของเหมือนแพรบอกชัดว่าน้องกลัวแมลงสาบมากกว่าแม่กับน้องเขา ซึ่งต่างจากเมื่อก่อน ระหว่างแม่กับปิ่นปักเขา น้องคงเลือกที่จะไปเจอแมลงสาบ แล้วตอนนั้นแม่กับปิ่นปักก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับน้องมาก่อน อย่างมากก็ใช้คำพูดที่ทำให้เสียใจ เพราะต่อให้ไม่ชอบแค่ไหน แต่ก็กลัวพ่อของน้องมากกว่า เพราะต่างก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นสามารถสั่งอุ้มคนได้อย่างไม่รู้สึกผิด
“ไปตรงนั้นไม่กลัวเจอแม่กับปิ่นเหรอ” กัณฑ์ลองถาม ขณะเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาน้อง เห็นเธอมีอาการอึ้งไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกว่าตื่นกลัวอย่างที่เขาคิดไว้ “ทำแบบนี้เหมือนเห็นแม่พี่กับปิ่นน่ากลัวน้อยกว่าแมลงสาบ”
“แมลงสาบน่ากลัวกว่าค่ะ แต่สองคนนั้นน่าขยะแขยงมากกว่า”
คำพูดของเหมือนแพรทำให้กัณฑ์อึ้งไป ไม่เคยได้ยินน้องพูดแบบนี้กับใครมาก่อน เขาไม่ได้อึ้งที่แม่และน้องถูกว่าอย่างนั้น เพราะสิ่งที่ทั้งคู่ทำสมควรโดนว่าจริงๆ
“พวกเขาเหมือนคนบ้า แต่แพรได้บอกไปแล้วว่าแพรไม่ได้ต้องการพี่กัณฑ์ อยากได้คืนก็เอาไปได้เลย คิดว่าพวกเขาน่าจะพอฟังภาษาคนเข้าใจ แต่ถ้าแพรประเมินผิด แพรก็จะได้รู้ไว้ว่ามีคนที่สติปัญญาเท่ากับแมลงสาบ”
กัณฑ์ยังคงอึ้งกับเหมือนแพรเวอร์ชันนี้ จึงยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี
“โกรธเหรอคะที่แพรว่าแม่กับน้องพี่กัณฑ์” เหมือนแพรถามขณะเฝ้าสังเกตท่าทีคนตรงหน้า
ในขณะที่กัณฑ์ก็เฝ้าสังเกตน้อง เห็นชัดว่าเธอพยายามจะพูดจะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ซึ่งพฤติกรรมนี้วศินเคยบอกเขาว่า มันคือกลไกการปกป้องตัวเอง มีความเป็นไปได้ว่าคนที่ถูกกดดันมากๆ จะแสดงออกในสิ่งที่ไม่เคยทำ
“จะโกรธก็โกรธได้เลยนะคะ แพรไม่แคร์” คำว่าไม่แคร์ในตอนท้ายฟังดูแผ่ว ไม่ได้หนักแน่นตามประสามือใหม่หัดทำตัวร้ายๆ “สรุปพี่กัณฑ์จะไปหารูปลูกของแพรในตรอกให้มั้ยคะ”
“น้องแพรต้องบอกรูปลูกเราครับ” กัณฑ์ทำสีหน้าจริงจังอย่างคนที่ต้องได้ในสิ่งที่ต้องการเท่านั้น “พูดสิครับว่ารูปลูกเรา”
มันไม่ได้พูดยาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าเขายื่นข้อเสนออะไร ผู้หญิงที่กำลังเม้มปากอยู่เวลานี้จะพูดออกมาทันที แต่คราวนี้เธอยังคงมองเขาด้วยสายตาของคนที่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แล้วถ้าเขายังยืนกราน น้องก็คงจะยอมพูด แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเธอถูกบังคับ
“รูปลูกเราไม่ได้อยู่ในตรอกนั้นหรอกครับ” กัณฑ์บอกสิ่งที่เขารู้จากวศิน “มันตกอยู่ที่พื้นตอนแม่กับปิ่นทำร้ายน้องแพร...”
“ทำไมพี่กัณฑ์บอกว่าแม่กับปิ่นทำร้ายแพร...พี่ไม่คิดว่าแพรทำร้ายพวกเขาเหรอคะ”
“ก็พี่เห็นอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่รู้จักแม่กับปิ่นดี รู้ว่าทั้งคู่เป็นคนยังไง พวกเขาอยากทำอย่างนี้กับน้องแพรมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแค่ไม่กล้า แต่น้องแพรไม่ต้องห่วงหรอกนะ พวกเขากล้าทำ พวกเขาก็จะได้รับผลที่ทำ”
“หมายความว่าไงคะ” เหมือนแพรถาม ก่อนจะนึกถึงบทสนทนาของกัณฑ์ก่อนหน้านี้ “พี่กัณฑ์จะเอาผิดแม่พี่กับน้องสาวเหรอคะ...พี่ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอกค่ะ...แพรไม่ต้องการ”
“ครับ พี่รู้...” กัณฑ์จะไม่เถียงในสิ่งที่น้องคิดน้องเชื่อ แต่เขาจะทำให้น้องเห็น “งั้นเราไปเอารูปลูกเรากับไอ้หมอนะ แล้วพี่จะไปส่งน้องแพรที่บ้าน น้องแพรอยู่กับป้าน้อมก่อนนะ วันนี้พี่มีธุระต้องออกไปจัดการ”
“แพรยังไม่อยากกลับบ้าน แพรอยากไปเยี่ยมพ่อ”
กัณฑ์ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะบอกความจริงเรื่องพ่อกับน้อง แต่มันคนละเรื่องกับการจะพาเธอไปเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ทุกอย่างกำลังย่ำแย่
“ทำไมคะ ก็พ่อแพรอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอคะ แม่พี่กัณฑ์กับปิ่นบอกอย่างนั้น บอกว่าพ่อเป็นคนขี้คุก...” หญิงสาวบอกสิ่งที่เธอต้องการ โดยไม่ลืมว่าเธอจะไม่เป็นภาระ จะพึ่งพาเขาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น “ถ้าพี่กัณฑ์มีธุระก็ไปทำธุระเถอะค่ะ แพรไปเองได้ แค่พี่กัณฑ์บอกว่าพ่อแพรอยู่ไหน แล้วเขาให้เอาของไปเยี่ยมได้มั้ยคะ ถ้าได้แพรจะได้เตรียมไปด้วย”
เหมือนแพรพอได้ยินเรื่องของพ่อมาบ้าง พ่ออาจไม่ใช่คนดีในสายตาคนอื่น แต่เธอรับรู้ได้ว่าพ่อกับแม่รักกัน พ่อทำให้เธอรู้สึกถึงการถูกปกป้อง แล้วเหนือสิ่งอื่นใด เวลานี้พ่อกำลังลำบาก ถูกคนรอบตัวละเลย ซึ่งอาจรวมถึงเธอด้วย นั่นทำให้เธอรู้สึกแย่ จนเป็นที่มาให้เธออยากทำดีกับพ่อ…บ้าง
“พี่กัณฑ์จะบอกว่าพ่อแพรเป็นนักโทษหนีคดีเหรอคะ” เหมือนแพรย้อนถามหลังจากที่กัณฑ์เพิ่งบอกว่าพ่อของเธอหายตัวไป ไม่เข้ารับฟังการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา “พ่อทำอะไรคะ พ่อหนีคดีอะไรคะ” ถามออกไปแล้วก็คิดได้ว่านั่นอาจเป็นคำถามที่ไม่ดีนัก จึงตั้งคำถามใหม่ “พ่อแพรเป็นใครกันแน่คะ”
“พ่อแพรคือนักการเมืองชื่อดัง อดีตรัฐมนตรีที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เป็นพ่อเลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลจากภาคเหนือ เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศ ภาพลักษณ์ของพ่อแพรไม่ได้ขาวสะอาดตั้งแต่ต้น มีข่าวว่าอยู่เบื้องหลังธุรกิจมืดหลายอย่าง ทั้งการพนัน ยาเสพติด และค้ามนุษย์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพ่อของแพรเป็นคนที่มีอำนาจที่สามารถทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ มีทั้งเงินและอิทธิพล ใครก็ไม่อยากมีปัญหาด้วย แต่สุดท้ายพ่อแพรก็มีวันนี้ วันที่เป็นนักโทษหนีคดี”
เหมือนแพรเข้าใจทุกคำที่กัณฑ์บอกและทำให้เธอตกใจ
“ถ้าจะพูดให้แพรเข้าใจเรื่องนี้ก็คงยาว สิ่งที่แพรควรรู้ไว้ตอนนี้คือ เมื่อก่อนการบอกว่าเป็นลูกของรัฐมนตรีสุรเชษฐ์ ทุกคนจะชื่นชมยกย่องและอิจฉาแพร แต่ตอนนี้พวกเขาจะมองแพรด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป เขาจะคิดว่าสิ่งที่แพรมี คือสิ่งที่พ่อของแพรโกงกินมา ทั้งที่ความจริง สิ่งที่แพรมีเป็นมรดกของแม่ฝันของแพร”
เหมือนแพรพูดอะไรไม่ออก มีคำถามมากมายในหัวจนไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหน แต่อาการเงียบไปทำให้กัณฑ์ตีความไปว่าเธอตกใจจนพูดไม่ออก และเธออาจกลัว เขาจึงเข้าไปดึงมือเธอมาบีบไว้
“แพรไม่ต้องกลัวหรอก นอกจากถูกนักข่าวกวนบ้าง ถูกสายตามองอย่างดูแคลนรังเกียจบ้าง ชีวิตแพรก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยน แพรไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับธุรกิจของพ่อ แพรจะไม่เดือดร้อนเพราะพ่อหรอก”
“แพรไม่ได้กลัวจะเดือดร้อนเพราะพ่อ” หญิงสาวพูดสวนออกไปทันที ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้กัณฑ์ประหลาดใจ เธอเป็นคนอย่างนั้น ต่อให้คนทั้งโลกหันหลังให้พ่อของเธอ แต่ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีวันหันหลังให้ เพราะต่อให้น้องเป็นลูกที่กลัวพ่อ แต่เธอก็ยังเป็นลูกสาวที่แม่สอนให้รักพ่อด้วย “แล้วพ่ออยู่ไหน พี่กัณฑ์ไม่รู้จริงๆ เหรอคะว่าพ่ออยู่ไหน”
กัณฑ์ส่ายหน้า เห็นน้องแสดงความกังวลและเป็นห่วงคนที่เธอถามถึงผ่านสีหน้า
“พี่กัณฑ์ว่าพ่อจะลำบากมั้ย” คำถามนั้นบอกให้รู้ว่าน้องห่วงพ่อ “โทษของพ่อหนักมากเหรอคะ ถึงต้องหนี”
“คดีจ้างวานฆ่านักการเมืองคู่แข่ง สู้กันมาสองศาลมีทั้งชนะและก็แพ้ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าทำผิดจริง ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ แต่วันนั้นพ่อแพรไม่มาฟังคำพิพากษาและหายตัวไปเลย และมีอีกหลายคดีที่จ่อคิวรอ การที่พ่อแพรจะหนีก็ไม่แปลก”
“พ่อทำเรื่องไม่ดีทั้งหมดจริงมั้ยคะ” เหมือนแพรถามกัณฑ์
“คนอย่างพ่อแพร กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาเหยียบย่ำคนมามากจึงมีศัตรูไม่น้อย แม้แต่คนที่อยู่รอบตัวพ่อแพรล้วนอยู่ด้วยเพราะความกลัว ไม่มีทางเลือก หรือแม้แต่คนในครอบครัวเอง เมื่อพ่อแพรล้ม พวกเขาจึงพร้อมจะข้ามหัวไป...พี่เชื่อว่าทุกคนน่าจะโล่งใจมากกว่าที่ได้เห็นพ่อแพรมีวันนี้”
“นั่นอาจรวมถึงพี่กัณฑ์ด้วย” เหมือนแพรลองเดา และคิดว่าเธอเดาถูก “แพรเข้าใจแล้ว เข้าใจเรื่องที่แม่พี่กัณฑ์กับปิ่นพูดแล้ว พวกเขาพูดถูก โอกาสของพี่กัณฑ์มาแล้ว ใช้มันสิคะ ไม่มีใครมาประณามพี่กัณฑ์เรื่องนี้หรอกค่ะ ไม่ต้องมาทำเป็นคนดีรับผิดชอบแพร...แพรไม่ต้องการ”
กัณฑ์ได้แต่ถอนหายใจ เขาคงต้องทำใจแล้วว่านับจากนี้ต้องทนฟังคำว่า ‘แพรไม่ต้องการ’ ไปอีกนาน แล้วเขาเองก็จะไม่แย้งในสิ่งที่น้องประชดประชันด้วย แต่เขาจะทำให้เห็นว่าที่เขายังอยู่ตรงนี้ข้างๆ เธอ ไม่ใช่เพราะใครบังคับ ไม่ใช่เพราะเป็นคนดี ไม่ใช่เพราะความสงสารหรือรู้สึกผิดที่เคยทำร้ายเธอ
แต่ที่ทำไปทั้งหมดนั้นเพราะเขาคิดถึงภรรยาคนเดิมที่แสนจะน่ารัก เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเธอคนนั้นก็ทำให้เขาได้รับคำตอบ เขารักผู้หญิงคนนี้เพราะเธอน่ารัก จะมีใครที่ได้เห็นตัวตนของเธอ นิสัยและความแสนดีของเธอแล้วจะไม่เอ็นดู ไม่รักได้
“พี่กัณฑ์เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าแพรไม่ต้องการพี่กัณฑ์แล้ว แพรจะมีความสุขที่สุดถ้าพี่กัณฑ์ไม่มายุ่งวุ่นวายกับแพร แพรไม่อยากให้คนของพี่มาชี้หน้าด่าแพร ไล่ตบแพรเพราะเข้าใจผิดคิดว่าแพรยังอยากยื้อคนของเขาไว้ แพรจะไม่เอาความเรื่องที่พวกเขาทำในวันนี้ ถือซะว่าเข้าใจกันผิด แต่ถ้าอนาคตเกิดขึ้นอีก...แพรไม่ยอมแน่!”
กัณฑ์ยังคงปล่อยให้น้องพูด เขาทำเพียงฟังเงียบๆ เมื่อเธอพูดจบก็ยังไม่พูดอะไร จนเธอขมวดคิ้ว ไม่พอใจที่เขาไม่พูดอะไรเลย
“ครับ” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มตอบรับเพียงผ่านๆ “สรุปพี่พาน้องแพรกลับบ้านนะคะ อ้อ ต้องหลังจากไปเอารูปลูกเรากับไอ้หมอวศินก่อน”
“ที่แพรพูดมาทั้งหมดพี่กัณฑ์ไม่เข้าใจรึไง”
กัณฑ์ยังทำตาใสใส่
“ทำไมดื้อด้านจัง แพรไม่อยากให้พี่กัณฑ์มายุ่งกับแพรไงคะ แพรอยากให้พี่กัณฑ์หายไปจากชีวิตแพร เข้าใจรึยังคะ”
“เข้าใจครับ เข้าใจว่าน้องแพรเหม็นขี้หน้าพี่ เกลียดขี้หน้าพี่ พี่ก็ไม่ยุ่งกับน้องแพรแล้วไง ทั้งที่พี่อยากยุ่งและเต็มใจยุ่งด้วยมากๆ แต่เมื่อน้องแพรไม่ให้ยุ่งพี่ก็ยอม ที่อยู่เนี่ยเพื่อลูกของเรา วันนี้พาลูกมาหาหมอ เสร็จแล้วก็จะพากลับบ้าน ตอนนี้พักเรื่องสามีภรรยาไว้ก่อน แต่เรื่องพ่อกับแม่พักไม่ได้นะ เรามีภาระผูกพันกันอยู่”
“แพรไม่ต้องการ...ลูกก็ไม่ต้องการพ่ออย่างพี่กัณฑ์ พ่อที่ไม่รักแม่ ไม่จำเป็นต้องมี”
กัณฑ์เกือบจะหลุดเถียงว่ารัก แต่ก็ยั้งปากทัน “พี่เคยได้ยินมาว่า พ่อแม่ที่ดีไม่ควรยึดชีวิตลูกเป็นของตัวเอง ไม่ควรตัดสินใจแทนลูก น้องแพรอยากเป็นแม่ที่ดีก็ควรรับฟังลูกนะ ก่อนจะตัดสินว่าลูกไม่ต้องการพ่ออย่างพี่ ก็ควรรอให้ลูกมาบอกเองดีกว่านะ...หรือว่าอยากเป็นแม่ที่ไม่ดี แม่จอมเผด็จการ...พี่ว่าน้องแพรไม่ชอบแน่ๆ หรือว่าอยากเป็นคะ”
เหมือนแพรทำท่าจะเถียง แต่ก็นึกคำเถียงไม่ออกจึงได้แต่ทำฟึดฟัดใส่ แล้วเดินลงส้นตึงๆ ผ่านหน้าคนที่ทำให้เธอหงุดหงิดไป นั่นส่งผลให้กัณฑ์ถอนหายใจรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
“น้องแพร...”
น้องหันขวับมามองด้วยสายตาตำหนิเหมือนจะบอกว่าเรียกทำไม คนยิ่งเกลียดขี้หน้าอยู่
“จะไปไหนครับ ถ้าจะไปเอารูปกับไอ้หมอต้องย้อนกลับทางนี้ครับ”
“แพรไม่ได้จะไปเอารูปกับพี่หมอ...พี่กัณฑ์ก็ไปเอามาให้แพรสิคะ แพรจะไปรอที่รถต่างหากละ”
“รถเราไม่ได้จอดทางนั้นครับ” กัณฑ์บอกอย่างระมัดระวัง เหมือนแพรกำลังจะแย้งว่าเธอจำได้ว่ารถจอดอยู่ข้างอาคาร “เมื่อกี้ตอนไปรับยา พี่เอารถไปจอดข้างหน้า ตั้งใจว่าจะให้น้องแพรไปขึ้นรถตรงนั้นจะได้ไม่ต้องเดินไกล ดังนั้นจะกลับรถก็ต้องไปทางนี้เหมือนกันครับ”
ถึงตอนนี้คนเดินทางผิดก็หน้าคว่ำไปกันใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็ยอมที่จะเดินย้อนกลับมาทางเดิม มาถึงตัวผู้ชายที่ยิ้มเย้าเธอก็หยุดมองตาเขียวปั้ด
กัณฑ์คิดว่าน้องคงแค่ขู่ด้วยสายตาแล้วคงเดินผ่านไป แต่กลายเป็นว่าเธอยกเท้าขึ้นกระทืบเท้าเขาอย่างแรง จนเขาต้องดึงเท้ากลับอย่างลืมตัว พร้อมกับแววตาที่ตั้งคำถามไปว่าทำพี่ทำไม
“ขวางทางอยู่ได้...เกะกะ!” พูดเสียงสะบัดจบก็เดินผ่านหน้าไปเสียอย่างนั้น ในขณะที่คนเพิ่งเคยถูกทำแบบนี้ยังอึ้ง ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“ที่ป้าหมอบอกว่า คนท้องจะมีอารมณ์เหวี่ยงบ้างให้ทนหน่อย คืออย่างนี้เหรอ...อย่าบอกนะว่าที่กล้าสู้แม่กับปิ่น คือพลังงานจากฮอร์โมนคนท้อง...จริงเหรอ เป็นไปได้เหรอ”
แววตาของกัณฑ์ตอนนี้แปรเปลี่ยนจากอึ้งเป็นตกใจ...
“อา…เจองานหนักแล้วเจ้ากัณฑ์ จะรับมือไหวมั้ยเนี่ย”
“พี่กัณฑ์! จะอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ยคะ ถ้าจะอยู่ตรงนั้นต่อ แพรจะได้บอกให้พี่หมอเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ แต่ก่อนอื่นช่วยบอกแพรด้วยว่า ห้องทำงานพี่หมอวศินอยู่ตรงไหน!”
ความคิดเห็น |
---|