๑
วันหน่วงหัวใจ
ทันทีที่สิตางศุ์ซึ่งตกอยู่ในสภาพดูไม่จืดนัก จากชุดที่เปียกน้ำฝนเป็นหย่อมๆ ตรงชายกระโปรงรวมทั้งแขนเสื้อ สาวเท้าเข้าไปภายในบริษัท ก็ได้รับเสียงทักทายพร้อมด้วยรอยยิ้มจากพันทิพย์ หญิงสาวรุ่นพี่ที่อยู่ฝ่ายขายและค่อนข้างสนิทสนมกับเธอ ซึ่งยืนอยู่ตรงแผนกลูกค้าสัมพันธ์
“แหม...น้องเดือน วันนี้แต่งตัวสวยจังเลยนะคะ”
คนถูกทักว่าแต่งตัวสวยส่ายหน้าไปมา พลางนึกในใจอย่างปลงๆ สภาพเสื้อผ้าที่เปียกฝนเป็นหย่อมๆ นี่สวยตรงไหนกัน แต่ปากก็ตอบออกไปเป็นเชิงหยอกว่า
“ขอบคุณค่ะพี่ป้อม แสดงว่าที่ผ่านมาเดือนไม่เคยสวยเลยหรือคะ”
“โถ...ถ้าน้องเดือนไม่สวยแล้วใครที่ไหนจะสวยล่ะจ๊ะ ที่พี่ชมเพราะปกติไม่เคยเห็นน้องเดือนนุ่งกระโปรงมาทำงานก็เลยแปลกใจไงจ๊ะ”
พันทิพย์พูดพลางมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม เพราะปกติเธอมักชินตากับการแต่งตัวของอีกฝ่าย ในชุดกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยเห็นเจ้าตัวสวมชุดเข้ารูปเช่นนี้ คนอะไรหุ่นดีชะมัด
“แหม...สภาพเปียกฝนเป็นหย่อมๆ นี่สวยตรงไหนหรือคะ ไม่รู้เป็นเพราะเดือนหยิบกระโปรงมาสวมหรือเปล่า เลยทำให้ฝนตกหนักยังกับฟ้ารั่วแบบนี้”
สิตางศุ์ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะก้าวตรงไปยังแผนกของตัวเองที่อยู่ด้านใน โดยมีพันทิพย์ก้าวตามมาติดๆ
“ขนาดน้องเดือนถูกฝนยังสวยขนาดนี้ ถ้าเป็นพี่คงดูไม่จืดเป็นแน่ แล้วถือร่มออกจะคันใหญ่คันโตทำไมเนื้อตัวยังเปียกอีกหรือจ๊ะ” ก่อนจะมองร่มคันใหญ่ในมือของอีกฝ่ายที่ยังมีน้ำหยดติ๋งๆ อยู่
“โถ...พี่ป้อมขา” สิตางศุ์อุทานเสียงสูง “ข้างนอกฝนตกประหนึ่งฟ้ารั่ว ถ้าไม่เปียกก็แปลกละค่ะ ตกอย่างเดียวไม่ว่าดันลมแรงด้วย เดือนถือร่มคันใหญ่แบบนี้ยังเปียกเลยค่ะ”
“มันก็จริงของน้องเดือน โชคดีที่พี่เข้ามาก่อนเลยรอดตัวไปไม่เจอฝน”
สิตางศุ์มองไปยังสายฝนด้านนอกที่ยังตกกระหน่ำไม่เลิก ก่อนจะเบือนสายตากลับ
“ตอนเดือนออกจากบ้านไม่ได้มีวี่แววว่าฝนจะตกเลยสักนิด แล้วอย่างที่บอกเมื่อกี้แหละค่ะ วันนี้ไม่รู้นึกยังไงอยากสวมกระโปรงขึ้นมา แต่ฝนดันตกซะงั้น นี่โชคดีที่คนขับรถแท็กซี่ใจดีให้ร่มมา ไม่งั้นคงเปียกมะล่อกมะแล่กเป็นลูกหมาตกน้ำไปแล้วละค่ะ”
“เดือนนี้เดือนตุลาฯ เป็นช่วงฝนจะสั่งลาเพื่อเปลี่ยนเข้าฤดูหนาวไงน้องเดือน เขาเรียกช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศจะเปลี่ยน อย่าลืมกินยาด้วยนะ ไม่งั้นป่วยไข้ขึ้นมาจะยุ่ง”
พอได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องป่วยขึ้นมา สิตางศุ์ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวในทันที ซึ่งอาจเป็นเพราะเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นได้ แล้วเมื่อกี้บริเวณศีรษะของเธอก็ถูกละอองฝนอีกด้วย
“พอพี่ป้อมพูด เดือนก็รู้สึกเหมือนจะร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาเลยค่ะ เดี๋ยวคงต้องกินยาแก้แพ้อากาศดักไว้ซะหน่อย” พูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดผมยาวๆ ของตัวเองไปด้วย
“พี่เห็นด้วย กินกันไว้ดีแล้วจ้ะ แล้วทำไมวันนี้น้องเดือนถึงนั่งแท็กซี่มาล่ะ”
คนถูกถามยิ้มอย่างเอือมๆ
“อ๋อ รถเดือนเอาเข้าอู่ไปตั้งแต่วันเสาร์แล้วค่ะพี่ป้อม จู่ๆ ก็มีเสียงดังตอนขับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หรืออาจเป็นเพราะรถใช้งานมาหลายปีแล้วก็ได้ค่ะ”
สิตางศุ์พูดถึงรถยนต์ของตัวเองที่รับมรดกมาจากกษิดิษผู้เป็นพ่อ และขับมาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานที่นี่ใหม่ๆ ซื่อสัตย์กับเธอมาโดยตลอด เพิ่งจะเริ่มมีปัญหาเมื่อไม่นานมานี้ สงสัยจะได้เปลี่ยนใหม่ก็คราวนี้ หลังจากคิดแล้วคิดอีกหลายครั้ง
“ดีแล้วจ้ะที่เอาเข้าอู่ซ่อม เพราะเราต้องใช้รถทุกวัน ถ้าเกิดปัญหาบ่อยๆ จะแย่เอา ยิ่งเป็นผู้หญิงขับด้วย คือขับเป็นอย่างเดียว แต่รถของน้องเดือนยังสภาพดีอยู่เลยนะ ยี่ห้อก็ออกจะหรูหรา” พันทิพย์พูดพลางหัวเราะเบาๆ
“รถเก่าของพ่อ ใช้งานมาหลายปีแล้วค่ะ แล้วเดือนก็ขับเป็นอย่างเดียวจริงๆ อย่างที่พี่ป้อมว่า เพราะคิดว่าเอารถเข้าศูนย์ตลอดไม่น่ามีปัญหาอะไร เป็นการคิดผิดอย่างยิ่ง”
“นั่นสิจ๊ะ พี่เองไม่ต่างจากน้องเดือนหรอกจ้ะ เวลารถเกิดปัญหาขึ้นมาก็ต้องเรียกช่างอย่างเดียวเลย เพราะตัวเองไม่รู้อะไรสักอย่าง” พูดจบพันทิพย์ก็เดินเข้าไปยังฝ่ายขายของตัวเองที่มีลูกน้องร่วมแผนกอยู่อีกสองคน
สิตางศุ์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินแยกไปยังโต๊ะทำงาน ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับฝ่ายขายเพียงแต่มีพาร์ทิชันสีฟ้าสดใสกั้นไว้เท่านั้น ทว่าเพิ่งทรุดตัวลงนั่งแบบก้นยังไม่ทันร้อน พันทิพย์ที่เพิ่งเดินแยกไปยังแผนกของตัวเองหยกๆ ก็เดินกลับมาหาด้วยสีหน้าฉายแววตื่นเต้น
“ตายแล้ว! พี่ลืมซะสนิทว่าจะเล่าเรื่องตื่นเต้นบางเรื่องให้น้องเดือนฟัง”
สิตางศุ์อดหัวเราะกับท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะจะว่าไปแล้วเจ้าตัวมักจะมีเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังเป็นประจำ ซึ่งเรื่องที่เล่าก็มักจะบอกว่าตื่นเต้นทุกเรื่อง จึงอดพูดแซวออกไปยิ้มๆ ไม่ได้
“เท่าที่เดือนฟังพี่ป้อมเล่า ก็ไม่เห็นมีเรื่องไหนไม่ตื่นเต้นเลยนี่คะ”
คนถูกแซวส่งค้อนให้
“แหม ทำมาแซวพี่ เดี๋ยวไม่เล่าให้ฟังซะหรอก”
สิตางศุ์หัวเราะคิก
“แล้วตกลงจะเล่าให้ฟังหรือเปล่าคะ”
คนอยากเล่าใจแทบขาดส่งค้อนให้อีกครั้งแล้วจึงเอ่ยปากเล่า
“พี่ได้ข่าวจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ บอกว่าวันนี้จะมีวิศวกรคนใหม่มาร่วมงานกับบริษัทของเราจ้ะน้องเดือน”
คนฟังเลิกคิ้วเรียวสวยขึ้น แล้วเอ่ยกระเซ้ายิ้มๆ
“ข่าวที่ออกจากปากพี่ป้อมยังมีที่เชื่อไม่ได้อีกหรือคะ”
คนถูกกระเซ้ายกมือขึ้นตีแขนคนพูดกระเซ้าดังเผียะ
“ยังจะแซวพี่อีก เดี๋ยวเหอะ ตกลงว่าอยากฟังหรือเปล่า”
คนถูกตีแขนยกมือขึ้นลูบตรงจุดที่ถูกตีป้อยๆ
“แหม แค่นี้ก็ต้องตีกันด้วย อยากฟังสิคะ เอ...พี่ป้อมบอกว่าวิศวกรคนใหม่หรือคะ แต่...คุณวิทย์กับคุณภัทรเพิ่งลาออกไปได้ไม่กี่วันเองไม่ใช่หรือคะ ทำไมได้คนใหม่เร็วจัง”
“ใช่จ้ะ วิศวกรคนใหม่จริงๆ” คนเล่าพยักหน้า “ซึ่งพี่ก็นึกสงสัยเหมือนน้องเดือนแหละจ้ะ แต่ได้ยินมาว่าคนนี้เคยเป็นรุ่นน้องเจ้านายของเราสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศนะ ที่สำคัญหน้าตาหล่อ...มาก ก ไก่ ล้านตัว”
คำว่า ก ไก่ ล้านตัวของพันทิพย์ทำเอาคนฟังหัวเราะคิก เพราะคำที่ว่าเป็นวลียอดฮิตซึ่งเธอเห็นบ่อยจากในเฟซบุ๊กนั่นเอง
“แสดงว่าหล่อมากจริงๆ”
“จริงไม่จริงพี่ไม่รู้ แต่ได้ข่าวว่าหน้าตาหล่ออินเทรนด์สุดๆ เหมือนดาราเกาหลีผสมกับดาราจีนเลยนะน้องเดือน”
คนเล่าเล่าประหนึ่งได้เห็นคนที่พูดถึงด้วยตาตัวเองยังไงยังงั้น สมกับที่มีชื่อเดียวกับเว็บไซต์ชื่อดังเว็บหนึ่ง ที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องวงในของดารานักร้องและคนดังออกมาเผยแผ่ ใครอยากรู้เรื่องความลับของใครต่อใครต้องเข้าไปหาอ่านในเว็บนั้น
“พี่ป้อมพูดยังกับเคยเห็นเลยนะคะ”
เอ่ยถามออกไปแล้วสิตางศุ์ก็นึกภาพพระเอกซีรีส์จีน ที่กัตติกาลูกพี่ลูกน้องของเธอกำลังคลั่งไคล้อย่างเติ้งหลุน และสองดารานำที่เธอจำชื่อไม่ได้ จากซีรีส์จีนเรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่สาวๆ พากันคลั่งไคล้กันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วก็นึกต่อไปว่าถ้าวิศวกรของบริษัทมีหน้าตาเหมือนพระเอกคนที่เธอกำลังนึกถึงขึ้นมาจริงๆ คงจะเกิดความวุ่นวายไม่น้อย
“ยัง...ไม่เคยเห็นหรอกจ้ะ” พันทิพย์พูดด้วยสีหน้าเก้อๆ “เคยแต่ได้ยินคนพูดถึงกัน”
“เดือนว่าบางทีตัวจริงอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ได้ยินก็ได้นะคะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเราเห็นเอง” หญิงสาวพูดแซวออกไปยิ้มๆ ไม่ได้ให้ความสนใจนัก “แล้วที่พี่ป้อมบอกว่าเคยเป็นรุ่นน้องเจ้านายของเรามาก่อน อย่างนี้แสดงว่าเป็นเด็กเส้นสิคะ แถมยังเป็นเส้นกวยจั๊บซะด้วย”
“เรื่องเส้นใหญ่คงไม่ใช่หรอกมั้ง พี่ได้ยินมาว่าเจ้าตัวเคยทำงานบริษัทรับสร้างบ้านดังๆ ที่ต่างประเทศมาก่อนตั้งหลายปี” พันทิพย์บอกด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ “แล้วคนฝีมือระดับนี้คงไม่จำเป็นต้องใช้เส้นหรอกจ้ะ ส่วนเรื่องความหล่อคงต้องใช้ตามองอย่างที่น้องเดือนบอกแหละจ้ะ”
พูดจบก็มองหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยกระเซ้า เพราะค่อนข้างสนิทสนมกับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว
“เอ...หรือว่าวันนี้ที่น้องเดือนแต่งตัวสวยเข้าออฟฟิศเพราะรู้ว่าจะมีวิศวกรคนใหม่...”
พันทิพย์พูดยังไม่ทันจบประโยค คนถูกกล่าวหาก็รีบโบกมือว่อนแล้วพูดปฏิเสธระรัว
“ปละ...เปล่าซะหน่อย เดือนก็เพิ่งรู้จากปากพี่ป้อมนี่แหละค่ะ ว่าวันนี้จะมีวิศวกรคนใหม่มาทำงาน พี่ป้อมก็รู้นี่คะว่าระหว่างผู้ชายกับงาน เดือนสนใจอะไรมากกว่ากัน ไม่งั้นคงไม่อยู่เป็นโสดจนอายุปูนนี้หรอกค่ะ”
ขณะเจ้าตัวพูด ถ้าจับสังเกตดีๆ จะเห็นดวงตาคู่สวยของคนพูดปรากฏแววเศร้าหมองขึ้นมาวูบ ทว่าก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“นั่นสิ พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนสวยๆ แถมยังทำงานเก่งหาตัวจับยากอย่างน้องเดือนทำไมถึงยังไม่มีแฟน ดูยายหนูเล็กสิ อ้วนยังกับช้างน้ำยังมีแฟนเลย”
ดวงตาคู่สวยของคนถูกชมว่าสวยแถมยังทำงานเก่งเหม่อมองไปข้างหน้า
“สวยหรือไม่สวยไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าต้องมีแฟนนี่คะ แล้วทำไมพี่ป้อมก็สวยแต่ไม่เห็นมีแฟนเลยล่ะคะ”
คนถูกย้อนถามหัวเราะดังลั่น
“สำหรับพี่ ใช่ว่าไม่อยากมีนะจ๊ะ แต่ไม่มีเองต่างหาก สงสัยเนื้อคู่ยังไม่เกิด แล้วคำว่าอายุปูนนี้ที่น้องเดือนใช้น่ะ ใช้คำไม่ถูกต้องนะจ๊ะ ตัวเองเพิ่งจะอายุยี่สิบหกเอง ยังใช้คำที่ว่าไม่ได้ แล้วพี่เห็นมีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ตัวเองไม่ยอมเลือกเองต่างหากมังจ๊ะ”
“ถ้าเลือกได้แบบเลือกซื้อของตามตลาดนัดหรือข้างถนนได้ก็ดีสิคะ” สิตางศุ์พูดน้ำเสียงติดหม่นหมอง ดวงหน้าสะสวยแฝงรอยเศร้าอีกครั้ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว และรีบเปลี่ยนไปพูดเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นทันที “เพราะอย่างนี้หรือเปล่าคะพี่ป้อม เจ้านายเราถึงเรียกประชุมแต่เช้า แถมยังเป็นเช้าวันจันทร์อีกต่างหาก มีหวังมีคนเข้าร่วมประชุมไม่ทันหลายคนแน่”
คู่สนทนาพยักหน้าเห็นด้วย
“คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น เช้าวันจันทร์แถมยังเป็นวันฝนตกหนักอีกต่างหาก แต่ตอนนี้พี่ว่าเราสองคนไปดื่มกาแฟรอในห้องประชุมกันดีกว่า แหม...อากาศมัวๆ หม่นๆ อย่างนี้เหมาะกับการซุกตัวอยู่ในผ้าห่มมากกว่ามาทำงานเนอะน้องเดือน”
“ใช่ค่ะ”
สิตางศุ์ไม่อยากบอกออกไปเลยว่า เธอเกลียดวันฝนตกอย่างนี้เป็นที่สุด เพราะมันทำให้ในหัวของเธอคิดถึงแต่เรื่องราวความหลังในอดีต ที่แม้อยากจะลบภาพความทรงจำบ้าๆ นั่นออกไป แต่ก็ไม่เคยทำได้สักครั้งเดียว
ยิ่งอยากจะลืมกลับยิ่งจดจำ อย่างที่ใครหลายคนบอกว่า รักครั้งแรกช่างลืมยากลืมเย็นนัก คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่ง...อยากลืมมากเท่าไหร่ก็จำได้มากเท่านั้น
สิตางศุ์กับพันทิพย์พากันเข้าไปในห้องประชุมขนาดกลาง ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นลอยของบริษัท ห้องประชุมที่ว่านี้มีไว้สำหรับประชุมเรื่องที่ไม่เป็นทางการนัก เหมือนเอาไว้สำหรับพูดคุยกันซะมากกว่า ดังนั้นโต๊ะเก้าอี้จึงถูกวางจัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมนั่งล้อมวง จะได้พูดคุยกันได้อย่างสะดวกและใกล้ชิดสนิทสนม
ซึ่งในห้องประชุมเวลานี้ยังไม่มีพนักงานอื่นเข้ามา หรืออาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา คงมีเพียงนางสมพรซึ่งเป็นแม่บ้านประจำบริษัท ที่ต้องเข้ามาจัดเตรียมเครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟ โกโก้ และของว่างสำหรับผู้เข้าประชุม ครั้นอีกฝ่ายเห็นเธอกับพันทิพย์เดินเข้ามา ก็รีบชงกาแฟมาวางไว้ให้ตรงหน้าทันที
“กาแฟค่ะคุณเดือน คุณป้อม”
“ขอบคุณมากค่ะป้าพร”
สิตางศุ์หันไปพูดขอบคุณพลางยกกาแฟร้อนๆ ขึ้นจิบ พันทิพย์เองก็ยกกาแฟของตัวเองขึ้นจิบด้วยเช่นกัน แล้วจึงหันไปแซวคนชงพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“แหม ขอบคุณนะคะป้าพร จำเก่งจริงๆ ว่าป้อมชอบดื่มกาแฟรสชาติไหน”
แม่บ้านวัยกลางคนหัวเราะชอบอกชอบใจ
“แหม ของคุณป้อมน่ะจำง่ายค่ะ สูตรง่ายๆ หนึ่ง สอง สาม”
“อะไรหรือคะหนึ่งสองสาม” พันทิพย์ถามเพราะคิดตามไม่ทัน
“นั่นสิคะป้าพร” สิตางศุ์ก็นึกไม่ออกเช่นกัน ทั้งยังชะงักการดื่มกาแฟ รอฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ
“แหม หนึ่งสองสามก็กาแฟหนึ่ง น้ำตาลสอง คอฟฟีเมตสามไงคะ แต่ของคุณเดือนจำง่ายสุด เพราะไม่ต้องใส่อะไรเพิ่มเลย กาแฟเพียวๆ ถ้าให้ป้าดื่มแบบนี้มีหวังตาค้างทั้งคืน แถมเป็นกาแฟสองช้อนกับน้ำร้อนแค่ครึ่งถ้วยอีกต่างหาก”
“อ๋อ กาแฟเพียวๆ” คนดื่มกาแฟเพียวๆ หัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกเสียงใส พยายามไม่สนใจกับคำว่ากาแฟสองช้อนกับน้ำร้อนครึ่งถ้วย ที่เธอดื่มตามใครบางคนจนติดกระทั่งทุกวันนี้ “การดื่มกาแฟอย่างเดียวโดยไม่ต้องเติมอะไรเลย มีประโยชน์นะคะป้าพร อย่างแรกไม่ทำให้อ้วน แถมยังช่วยลดริ้วรอยที่เป็นสาเหตุของการแก่ก่อนวัย ทำให้หน้าตาสดใสโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางแพงๆ หรือการทำศัลยกรรมใดๆ เลยค่ะ”
“อ๋อ...” นางสมพรลากเสียงยาว “อย่างนี้นี่เอง คุณเดือนถึงหน้าตาสวยสดใสขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อายุมากกว่าลูกสาวป้าอีกนะคะ นั่นอายุแค่ยี่สิบ แต่หน้าปาเข้าไปสี่สิบแล้วละมั้ง”
“แหม...ป้าพรก็ว่าลูกสาวซะเห็นภาพเลย” พันทิพย์พูดยิ้มๆ ก่อนจะหันไปทางสิตางศุ์ “พี่ก็เพิ่งรู้นะน้องเดือน ว่ากาแฟเพียวๆ ช่วยลดริ้วรอยของการแก่ก่อนวัย เดี๋ยวต้องลองเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มกาแฟของตัวเองบ้าง สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้อ้วนเอาๆ แต่น้องเดือนสวยเอาๆ” คนพูดพูดเสียงติดตลก
“อย่างคุณป้อมไม่เรียกว่าอ้วนหรอกค่ะ เรียกว่าอวบเกินมาตรฐานไปนิดเดียวเท่านั้น ผู้หญิงผอมมากไปก็ไม่สวยอ้วนมากไปก็ไม่งาม แต่อย่างคุณเดือนเรียกว่ารูปร่างสวยสมส่วน แถมสูงกำลังดี ไม่สูงเป็นเปรตเหมือนพวกนางแบบ สูงแบบนั้นหาแฟนยากค่ะ เพราะผู้ชายไทยเดี๋ยวนี้มีแต่ตัวต่ำๆ ทั้งนั้น” แม่บ้านช่างพูดพูดยิ้มๆ
“ตัวต่ำๆ ฟังแล้วดูแย่กว่าเตี้ยอีกนะคะป้าพร” สิตางศุ์พูดขำๆ “แล้วผู้ชายสมัยนี้ส่วนมากก็ตัวสูง ไม่เหมือนคนรุ่นเก่าแล้วค่ะ”
“ก็ที่ป้าเห็นมีแต่คนต่ำๆ เตี้ยๆ ทั้งนั้นนี่คะ”
ป้าสมพรคงอยากจะคุยต่อ แต่เห็นมีคนเริ่มเข้ามาจึงต้องกลับไปทำงานในหน้าที่ของตัวเองต่อ สิตางศุ์สบโอกาสจึงหันไปถามหญิงสาวรุ่นพี่
“พี่ป้อมรู้ไหมคะว่า นอกจากคุณเอกจะพาวิศวกรคนใหม่มาแนะนำตัวแล้ว ยังมีเรื่องสำคัญอะไรอีกหรือเปล่า”
คนถูกถามนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่คิดว่าน่าจะมี แต่คงเป็นเรื่องไม่ซีเรียสหรอกจ้ะน้องเดือน ไม่งั้นเจ้านายคงไม่เรียกประชุมเพียงไม่กี่คน นั่นคนอื่นทยอยมากันแล้ว”
สิตางศุ์หันไปมองผู้เข้าร่วมประชุมที่ทยอยกันเดินเข้ามาในห้อง พนักงานที่ถูกเรียกประชุมในครั้งนี้แม้จะมีเพียงไม่กี่คน แต่เป็นระดับหัวหน้าแผนกที่ทำงานเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น ตัวเธอเองทำงานอยู่แผนกประสานงานการก่อสร้าง เป็นแผนกที่ต้องเกี่ยวข้องกับทุกแผนกในบริษัทอยู่แล้ว จึงถูกเรียกเข้าประชุมด้วยเช่นกัน
“แหม...คุณเดือน พี่ป้อม วันนี้มานั่งรอก่อนเลยนะคะ”
นิภาภัทรหญิงสาวเจ้าของร่างอ้วนประหนึ่งช้างน้ำ แต่มีชื่อเล่นน่ารักน่าเอ็นดูว่าหนูเล็ก ทำงานเป็นเลขาฯ ของแผนกก่อสร้างเอ่ยแซว พลางฉีกยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี
“พี่กับน้องเดือนมานั่งละเลียดกาแฟรอผู้เข้าร่วมประชุมไงจ๊ะหนูเล็ก”
“จริงหรือเปล่า ไม่ใช่มารอชมโฉมความหล่อของวิศวกรคนใหม่กันหรือคะ”
พันทิพย์หัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ
“แหม หนูเล็กพูดยังกับวิศวกรคนใหม่เป็นนางบุษบาในวรรณคดีไทยเรื่อง อิเหนา เลยนะจ๊ะ ที่พออิเหนามารอชมโฉมเห็นเข้าถึงกับลืมตัวตกตะลึงจังงัง”
“ก็...มีแต่คนพูดถึงนี่คะว่าหล่อมาก หนูเล็กไม่รู้ว่าหล่อจริงหรือแค่ข่าวลือกันแน่ เพราะบางครั้งข่าวลือก็เกินจากความเป็นจริงไปโข”
“นั่นสิครับ ผมก็ได้ยินสาวๆ ในแผนกพากันพูดถึงอยู่เหมือนกัน ชักอยากเห็นแล้วสิว่าจะหล่อตามคำเล่าลือหรือเปล่า”
เจตนาหนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้า ซึ่งเป็นหัวหน้าสถาปนิกพูดแกมหัวเราะ จึงตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่พากันหันไปจับจ้องโดยพร้อมเพรียงกัน
อรวรรณจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ถึงกับลืมตัวถามโพล่งออกมา
“เอ๊ะ คุณเจตน์เปลี่ยนไป อย่าบอกนะว่าเดี๋ยวนี้ค้นตัวเองพบแล้วว่า...”
คนพูดพูดยังไม่ทันจบประโยค คนถูกหาว่าค้นพบตัวเองก็รีบโบกมือพร้อมกับปฏิเสธเสียงระรัว
“ปละ...เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น ผมยังไม่เบี่ยงเบน หาเรื่องให้ผมเสียแล้วสิคุณวรรณ”
เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงดังขึ้นหลังจากนั้น แต่สิตางศุ์ฟังแล้วได้แต่ลอบถอนใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินที่ต้องอดทนฟังคำพูดของคนโน้นคนนี้ ที่ต่างพากันพูดถึงวิศวกรคนใหม่อยู่ไม่ขาดปาก เรียกว่ากลายเป็นหัวข้อสนทนาของทุกคนเลยก็ว่าได้ แถมตอนนี้คนพูดถึงไม่ใช่มีแต่ผู้หญิง แต่ดันมีผู้ชายผสมโรงด้วย
ทำให้หญิงสาวนึกอยากเห็นแล้วสิว่า หน้าตาของคนถูกพูดถึงจะหล่อเหลาขนาดไหนกันเชียว!
ทั้งอยากรู้นักว่าถ้าตัวจริงไม่หล่อสมคำเล่าลือ ทุกคนจะทำหน้ายังไงกัน
“คุณส้มขา แล้ววิศวกรคนใหม่นี่ชื่ออะไรหรือคะ”
นิภาภัทรเอ่ยถามขึ้นยิ้มๆ เรียกสายตาของทุกคนให้พากันหันไปมองศิรดา ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลเป็นตาเดียว อย่างรอคำตอบอย่างใจจดจ่อ
“ชื่อนภเกตน์ค่ะ”
สิตางศุ์ถึงกับสะดุ้งจนตัวโยน เผลอเอามือปัดถ้วยกาแฟที่วางอยู่ตรงหน้าจนล้มกลิ้ง โชคดีที่ในถ้วยไม่มีกาแฟหลงเหลืออยู่ ไม่อย่างนั้นอาจถึงขั้นเลอะเทอะได้ ซึ่งกิริยาของหญิงสาวก็ถูกแซวจากพันทิพย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อ้าว น้องเดือน แค่ฟังชื่อถึงกับปัดถ้วยกาแฟล้มเลยหรือจ๊ะ”
“คือ...เดือนกำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะพี่ป้อม” คนถูกแซวเอ่ยแก้ตัวน้ำเสียงปกติ ทั้งที่ภายในใจนั้นไม่ปกติเลย จะบอกว่าเต้นระรัวก็คงไม่ผิดนัก ก่อนจะถามชื่อที่ได้ยินเมื่อกี้ออกไปอีกครั้งแก้เก้อ “วิศวกรคนใหม่ชื่ออะไรนะคะคุณส้ม”
“ชื่อนภเกตน์ค่ะคุณเดือน”
สิตางศุ์นิ่งอึ้งกับชื่อที่ได้ยิน จากที่ครั้งแรกนึกว่าตัวเองอาจหูฝาดจนฟังผิด แต่เอาน่า...คนเราชื่อซ้ำกันมีออกถมเถไป สิตางศุ์นึกปลอบใจตัวเองอยู่ครามครัน
แต่ทำไมต้องมาจำเพาะเจาะจงชื่อเหมือนกันด้วย ช่างน่าแปลกนัก
“ชื่อเพราะจัง นภเกตน์ แปลว่าอะไรหว่า” อรวรรณส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกับชื่อของวิศวกรคนใหม่
“พระอาทิตย์หรือดวงตะวันค่ะพี่วรรณ”
สิตางศุ์เผลอบอกคำแปลออกไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้ทุกคนเบนสายตามามองเป็นตาเดียว จนคนเผลอบอกนึกด่าตัวเองที่ไม่ควรหลุดปากบอกออกไปเลย ตอนนี้ใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย หลังจากได้ยินชื่อที่ดันไปพ้องกับใครบางคนที่เธอไม่อยากนึกถึงเลย
“ทำไมคุณเดือนถึงรู้คำแปลล่ะคะ” อรวรรณเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ เดือนเคยมีคนรู้จักชื่อนี้ค่ะพี่วรรณ” คนเผลอจำต้องบอกออกไปเช่นนี้ ใช่ คนรู้จัก...ต้องเรียกว่าคนเคยรู้จักน่าจะเหมาะกว่า
“แหม...ชื่อก็เพราะแถมความหมายยังดีอีกต่างหาก เอ๊ะ...พี่จำได้ว่าชื่อของคุณเดือนก็แปลว่าพระจันทร์นี่นา บังเอิญจังเลยนะคะ พระอาทิตย์กับพระจันทร์”
อรวรรณพูดแซวยิ้มๆ โดยไม่คิดอะไร แต่คนที่กำลังคิดอะไรในใจอยู่อย่างสิตางศุ์จะทำยังไงได้นอกจากยิ้มเจื่อนๆ
“ค่ะพี่วรรณ”
ครั้นตอบออกไป ดวงหน้าของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในห้วงสำนึก เป็นเพราะชื่อที่ว่ายังติดอยู่ภายในใจไม่เคยลืมเลือนนั่นเอง จึงทำให้เธอเผลอตอบความหมายออกไปโดยไม่รู้ตัว
ฮึ พระอาทิตย์เหรอ
และเป็นเพราะชื่อที่คล้ายคลึงกันทำให้สิตางศุ์ยิ่งอยากเห็นหน้าวิศวกรคนใหม่นัก
“โน่น เจ้านายมาพอดี”
เจตนาพูดโพล่งขึ้น ส่งผลให้ดวงตาทุกคู่พากันหันไปมองร่างสูงของ ธนบดี รุจิระวงศ์ไพศาล เจ้าของบริษัทซึ่งเป็นเจ้านายของทุกคน ที่กำลังเดินยิ้มกว้างเข้ามาภายในห้องประชุม โดยมีณหทัย เลขานุการส่วนตัวเดินตามหลังมาติดๆ ก่อนผู้เป็นเจ้านายจะทรุดนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งตรงหัวโต๊ะ
“สวัสดีครับ พร้อมประชุมกันหรือยังครับ”
“พร้อมค่ะ/ครับ” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“วันนี้ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องเรียกทุกคนมาเข้าประชุมแต่เช้า ที่สำคัญเป็นเช้าวันจันทร์แถมยังเป็นวันฝนตกหนักอีกต่างหาก แต่เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกคนทราบหลายเรื่อง”
“ไม่เป็นไรค่ะ/ครับ” ทุกคนตอบโดยพร้อมเพรียงกัน ก็ใครจะกล้าพูดต่อว่าเจ้านายล่ะ
“แล้วไหนล่ะคะวิศวกรคนใหม่ ที่คุณเอกบอกว่าจะพามาแนะนำตัว” นิภาภัทรเอ่ยถามขึ้นอย่างคนใจร้อน
“ใจเย็นๆ สิครับคุณหนูเล็ก” คนเป็นเจ้านายพูดยิ้มๆ “คนที่ถามหามาแล้ว แต่ตอนนี้แวะเข้าห้องน้ำอยู่ครับ”
เจ้าของบริษัทหนุ่มบอกเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วจึงหันไปทักทายสิตางศุ์ที่นั่งนิ่งเฉยอยู่
“เอ วันนี้คุณเดือนแต่งตัวสวยกว่าทุกวันเลยนะครับ”
คำชมของคนเป็นเจ้านายทำให้หลายคนหันไปมองคนถูกชมอีกครั้ง
“นั่นสิคะ ปกติหนูเล็กเห็นคุณเดือนนุ่งแต่กางเกงยีน เสื้อเชิ้ตมาทำงานเกือบทุกวันจนชินตา ฮั่นแน่! หรือเป็นเพราะ...”
คำพูดของนิภาภัทรที่พูดค้างไว้ไม่ต้องแปล สิตางศุ์ก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายคงนึกว่าเธอแต่งตัวสวยเข้าบริษัท เพราะเห่อวิศวกรคนใหม่เหมือนคนอื่นๆ จึงได้แต่ยิ้มออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไม่ใช่อย่างที่คุณหนูเล็กคิดหรอกค่ะ กางเกงยีนซักแล้วแห้งไม่ทันเลยต้องหยิบกระโปรงมาสวมแทนค่ะ” แม้จะรู้ว่าเป็นการโกหกแต่จะทำไงได้
“แหม เดาเก่งจัง รู้ด้วยว่าหนูเล็กคิดอะไร” นิภาภัทรพูดพลางหัวเราะร่วน “แต่คุณเดือนนุ่งกระโปรงออกจะสวย ทำไมถึงชอบนุ่งแต่กางเกงยีนก็ไม่รู้ ดูหนูเล็กสิ หุ่นไม่ได้สวยอย่างคุณเดือนยังสวมกระโปรงมาทุกวันเลย”
สิตางศุ์นิ่งงัน คำพูดของอีกฝ่ายที่ว่าเธอสวมกระโปรงสวยทำให้นึกถึงใครบางคนที่เคยพูดเช่นนี้กับเธอ แต่...เนิ่นนานมาแล้ว แต่ใจเจ้ากรรมก็ยังคอยจดคอยจำคำพูดที่ว่าอยู่ร่ำไป
ยิ่งอยากลืมก็ยิ่งจดจำ ได้ยินใครพูดกระทบถึงนิดหน่อย ความจำที่ว่าก็ผุดวาบขึ้นมาทันที บ้าบอจริงๆ สิตางศุ์
ขณะกำลังคิดหาคำตอบอยู่นั้น ก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อคนเป็นเจ้านายอุทานออกมาเสียก่อน
“อ้าว นั่นคนที่ถามหามาพอดี” ธนบดีพูดแล้วหันไปทางผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด “เอ้า...ทุกคน นี่ไงคุณนภเกตน์ วิศวกรคนใหม่ที่ทุกคนอยากเห็นไงล่ะ ซัน...มารู้จักทุกคนก่อน”
ความคิดเห็น | |
---|---|
จันทร์ทรา เค้าจะเจอกันแล้วจะเป็นยังไงต่อไป |
24 ส.ค. 2022 0 |