13

ตอนที่ 12


บทที่ ๑๒

 

“วะ...ว่าแต่ คุณมาบอกฉันทำไมกัน...” แม้จะเริ่มใจหาย แต่นิลรพัดยังปากแข็ง ขยับลงไปนั่งข้างๆ อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว มองเขาราวกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน

“เพราะผมชอบคุณไง ยิ่งได้คุยกันโดยไม่ต้องเสแสร้งแบบที่เราทำอยู่ก็ยิ่งชอบ แต่ผมจะไม่อยู่ อาจจะใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี ผมกลัวว่าคุณจะไม่รอ”

ความร้อนที่เห่อขึ้นมาที่ใบหน้าทำให้นิลรพัดอยากให้มีลมเย็นๆ พัดมาดับความร้อนนี้ ยิ่งอีกฝ่ายมองเธอนิ่งก็ยิ่งร้อนรนทำอะไรไม่ถูก

“รอผมได้ไหม อย่าเพิ่งตกลงปลงใจไปกับใคร” อิชย์จับมือของหญิงสาวแน่น เป็นครั้งแรกที่เริ่มหวั่นใจกับอนาคตข้างหน้า “รอให้ผมกลับมาก่อน”

“เรื่องอะไรล่ะ ถ้าคุณไปเป็นสิบปี ฉันไม่ต้องรอจนเหี่ยว หมดอายุการใช้งานเลยหรือไง แล้วอีกอย่าง มีอะไรมารับประกันไหมว่าวันที่คุณกลับมาคุณจะไม่กลับมาพร้อมเมียสองลูกสาม”

อิชย์หัวเราะเสียงดัง ดูเถอะ แบบนี้จะไม่ให้เขาชอบเธอได้อย่างไรกัน

“ไม่มี ไม่พาใครมา ผมมีให้คุณได้แค่คำสัญญา”

นิลรพัดเบะปากใส่อีกฝ่ายทันที “น้ำเน่า ใครเชื่อลมปากก็ออกลูกเป็นลิงแล้ว หลักประกันอะไรก็ไม่มี”

“ถ้าลูกของเราจะออกมาเป็นลิง ผมยอมนะ” อิชย์ทำตาพราวใส่หญิงสาวที่นั่งทำหน้าดุๆ ใส่เขา

“เรื่องอะไร”

“น่านะ รอผมนะ คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ผมลงทุนมานั่งง้องอนแบบนี้”

คิ้วบางเรียงตัวสวยขมวดเข้าหากัน เขากลิ้งกลอก เขาเจ้าชู้ มากด้วยเล่ห์กล เธอรู้ดี เธอจะตามเอาตัวเข้าไปเสี่ยงหรือ

“ฉันไม่รับปากอะไรทั้งนั้น เอาไว้คุณกลับมาค่อยมาคุยก็แล้วกัน”

“โธ่ นิลอะ” อิชย์ขยับเข้ามาประชิดหญิงสาว

“นี่ อย่ามารุ่มร่ามนะ เดี๋ยวก็ไม่รอซะเลย” เธอขู่ขึ้นมาทันทีเมื่อมือไม้ของอิชย์เริ่มเข้าใกล้เนื้อตัวเธอ รู้สึกดีชะมัดยามที่เห็นเขาดูหงอ เชื่อฟังเธอแบบนี้ “แล้ว...จะไปเมื่อไหร่ล่ะ”

“ผมคงบินไปก่อนเดือนหน้า ส่วนเพื่อนผมหลังจากจัดการอะไรเสร็จคงบินตามไปทีหลัง”

คำว่าเดือนหน้าทำเอาใบหน้าที่แสดงสีหน้าดุๆ นิ่งงันไปทันที อิชย์ส่งยิ้มมาให้หญิงสาว ใจหนึ่งก็ยินดีที่เห็นว่านิลรพัดดูนิ่งงันไปเพียงเพราะการเดินทางในเร็ววันของเขา แต่อีกใจก็รู้สึกใจหายไม่ต่างจากหญิงสาวเลยสักนิด

อิชย์กระชับมือที่เขาจับไว้ “รอผมนะ แล้วผมจะกลับมา คุณต้องภูมิใจในตัวผม”

หญิงสาวนิ่งงัน ไม่ได้ตอบอะไรออกไป มองมือของตนเองที่ถูกเขายกขึ้นไปแตะกับริมฝีปากบางที่แสดงความเอาแต่ใจของเจ้าของด้วยหัวใจที่สั่นไหว

 

ถึงเวลาที่เธอต้องกลับบ้านเสียที คีตกาลหยิบกระเป๋าเดินทางมากางอีกครั้ง แล้วจัดการนำเสื้อผ้าข้าวของสารพัดจัดใส่เข้าไปในกระเป๋า มือเรียวชะงักเมื่อหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมา กระเป๋าถือของเธอ กระเป๋าที่อินทัชบอกว่าหายไป แต่ไม่รู้อย่างไรมันกลับมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าที่อินทิราขนกลับมาจากบ้านของอินทัช แม้จะมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวแต่เธอก็ไม่คิดอยากหาคำตอบให้ตัวเอง หลังจากที่ได้มันคืนมาจึงไม่ได้เปิดออกดูเลยด้วยซ้ำหลังจากที่ตรวจสอบและหยิบเอากระเป๋าสตางค์ออกมาในครั้งแรก คีตกาลถอนใจ เปิดกระเป๋าใบดังกล่าวออกคว่ำและเขย่าให้ข้าวของสารพัดที่อยู่ในนั้นหล่นออกมากองบนที่นอน

ซองสีน้ำตาลเล็กๆ ไม่คุ้นตาที่ถูกพับไว้จนเล็กร่วงลงมาเป็นชิ้นสุดท้าย หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คุ้นกับของสิ่งนี้ คีตกาลคลี่ซองให้กลับมามีสภาพดังเดิม ภายในมีกุญแจอยู่สามดอกพร้อมกระดาษอีกหนึ่งแผ่น หญิงสาวคลี่มันออกอ่านโดยไวเมื่อรู้สึกคุ้นๆ ลายมือบนแผ่นกระดาษใบนั้น

ถ้าวันหนึ่งคีย์ไม่รู้จะไปที่ไหน ที่นี่พร้อมต้อนรับคีย์เสมอ

ร่างบางหมุนกายทรุดลงนั่งไปบนเตียงกว้าง ความรู้สึกบางอย่างตีขึ้นมาจุกตรงทรวงอก อะไรที่ทำให้อินทัชคิดว่าเธอจะยังกล้ากลับไปที่นั่น อะไรทำให้เขาคิดว่าเธอจะกลับไป คีตกาลยกมือปาดน้ำตาที่กำลังไหลลงมาตามแก้ม ก่อนจะรีบเก็บจดหมายและกุญแจเข้าไปในซองเหมือนเดิม หญิงสาวใส่มันกลับลงในกระเป๋าใบเดิมอีกครั้ง และวางมันลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ค่อยๆ เก็บข้าวของที่เหลือต่อไป...เธอจะต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้

 

ห้องทำงานในอาคารหลังเก่าบรรยากาศดูตึงเครียด หากตอนนี้มีเข็มสักเล่มเดียวร่วงลงสู่พื้น มันคงดังก้องไปทั้งห้อง นายทหารยศใหญ่เอนแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้หนังเนื้อนุ่มตัวใหญ่ สายตาไม่ได้คลาดจากคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเลยสักนิด

“ไม่เปลี่ยนใจแน่แล้วหรือ ผมเสียดายบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างคุณ”

“ผมได้คิดใคร่ครวญมาสักพักหนึ่งแล้วครับท่าน ถึงแม้ผมจะรักและอาลัยชีวิตข้าราชการเพียงใด แต่ผมก็อยากจะเดินตามความฝัน และตอนนี้โอกาสนั้นได้ถูกหยิบยื่นมาให้ผมแล้ว หากวันนี้ผมปล่อยมันผ่านไป ก็ไม่รู้ว่าโอกาสแบบนี้จะมีมาอีกหรือเปล่า ผมไม่อยากมานั่งเสียใจว่าปล่อยโอกาสที่จะได้ไล่ตามความฝันของตนเองให้หลุดลอยไป และถึงแม้ผมจำต้องจากไปในวันนี้ แต่ผมก็สำนึกบุญคุณของกองทัพเรือที่หล่อหลอมให้ผมเป็นผมได้อย่างในวันนี้ ให้ผมเป็นชายชาติทหารที่เข้มแข็ง เสียสละ อดทน อย่างไรก็ตาม การจากไปในครั้งนี้เป็นเพียงการจากลาวิถีชีวิตการเป็นข้าราชการเท่านั้น แต่ผมยังคงมีอุดมการณ์มั่นคงในการเป็นทหาร และหากมีสิ่งไหนที่ผมสามารถทำให้หน่วยงานและกองทัพได้ ผมก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนครับ”

“ผมชื่นชมคนหนุ่มอย่างคุณที่มีความกระตือรือร้นและมีไฟแห่งความฝันในชีวิต แต่ผมเสียดายคนอย่างคุณ นานๆ เราจะมีเพชรเม็ดงามเกิดขึ้นสักเม็ด แต่อย่างว่านะ หากผมยื้อคุณเอาไว้ มันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ อีกอย่างผมก็ไม่สามารถรับประกันได้อีกว่าอนาคตจะทำให้คุณก้าวหน้าไปจนสุดทางในการรับราชการได้หรือไม่ เอาเป็นว่าผมขอให้คุณโชคดี และประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่คุณได้เลือกแล้ว เมื่อจากไปแล้ว วันใดที่มีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ ก็ขอให้ก้าวกลับมายังสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ ผมและหน่วยงานพร้อมให้ความช่วยเหลือคุณอย่างเต็มกำลังที่มี”

หัวหน้ากองขยับลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่พร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้า เช่นเดียวกับอินทัชที่ยืนขึ้นและยื่นมือไปจับมือของผู้บังคับบัญชาเอาไว้แน่น

“ผมขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคุณล่วงหน้า ผมเชื่อว่าคุณทำได้และทำได้ดีเสียด้วย”

“ผมขอกราบขอบพระคุณท่านมากครับที่เมตตาและให้ความช่วยเหลือผมมาตลอด”

“คุณเป็นคนดี ไม่มีใครที่ไหนไม่เมตตาคุณหรอกนะ เอาเถอะ ผมไม่รั้งคุณไว้แล้ว แล้วนี่จะเดินทางไปเมื่อไหร่ล่ะ”

“ต้นเดือนหน้าครับ”

“โชคดี โชคดี”

อินทัชก้าวถอยออกมาโค้งคำนับทำความเคารพผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในกองดุริยางค์ทหารเรือ เสียงรองเท้าที่ก้าวย่ำไปตามทางเดินบนตึกเก่าวันนี้ดูจะดังก้องกว่าทุกวันที่ผ่านมา ที่นี่มีความทรงจำมากมายจนแทบจำได้ไม่หมด ชายหนุ่มมองไปรอบๆ อีกครั้ง คงไม่มีวันไหนที่จะทำให้เขาลืมสถาบันอันทรงเกียรตินี้ไปได้

 

นี่ถ้าไม่บอกเธอคงหลงลืม คิดว่าตนเองอยู่เมืองนอกในฤดูใบไม้ร่วงเสียอีก เมื่อดอกไม้ประจำสถาบันสีชมพูออกม่วงร่วงโรยลงมาสู่พื้น จนพื้นที่ทางเดินแห่งนี้กลายเป็นถนนที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ สวยงามไม่ต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปกันนัก คีตกาลอมยิ้มเมื่อเห็นนักศึกษาหลายคนที่กำลังเก็บภาพความสวยงามซึ่งเกิดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น

“คีย์ คีย์”

หญิงสาวหยุดเดินพร้อมกับหันกลับไปมองตามเสียงเรียกขาน ส่งรอยยิ้มสดใสไปให้คนที่กำลังวิ่งข้ามถนนมาหาเธอ

“ว่าไงนิล”

“ดูนี่ๆ” นิลรพัดโบกกระดาษสีขาวที่เธอเพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ ให้คีตกาลเห็น “ใบตอบรับเข้าทำงานของเรา”

“ดีใจด้วยน้า”

นิลรพัดยิ้มกว้าง ดีใจจนแทบพูดอะไรไม่ออก เทอมก่อนคีตกาลแนะนำให้เธอและกรวินทร์ไปสมัครฝึกงานที่บริษัทของพินิจผู้เป็นลุงของคีตกาล และตอนนี้เธอก็ได้ใบตอบรับเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำแห่งนั้นทันทีที่เรียนจบ มันเป็นความยินดีจนทำให้หญิงสาวอยากจะกู่ร้องบอกให้ทุกคนได้รู้

“เราต้องขอบใจคีย์มากนะสำหรับเรื่องนี้”

“เราไม่ได้ทำอะไรเลยนิล ทุกอย่างเป็นเพราะผลงานช่วงที่นิลไปฝึกงานทั้งนั้น”

“นั่นแหละๆๆ เรายกความดีให้คีย์ นี่ถ้าคีย์ไม่แนะนำให้เราไปฝึกงานที่นั่น วันนี้เราคงไม่ได้มีงานดีๆ ทำแบบนี้แน่ๆ”

“ดีใจด้วยจริงๆ นะนิล”

“ขอบใจจริงๆ คีย์” นิลรพัดกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ

“แล้วอ้อมล่ะ ได้ทำงานที่นี่ด้วยไหม”

นิลรพัดส่ายหน้าทันที “ยายอ้อมโมโหมากและคงเสียความรู้สึกน่าดู เขาคิดว่าได้แน่ๆ แต่คนที่ได้งานกลับเป็นเราทั้งๆ ที่คะแนนฝึกงานของอ้อมมากกว่าเรา”

“แล้วอ้อมไปไหนแล้วล่ะ”

“เห็นเดินไปหาพราว คิดว่าคงไปคุยเรื่องงาน พราวมาชวนอ้อมให้ไปทำงานพริตตีเอ็มซีหลายหนแล้ว”

คีตกาลขมวดคิ้วนึกถึงหน้าคนชื่อพราวทันที “คนที่สวยๆ หน้าตาเหมือนตุ๊กตาอะนะ”

“นั่นแหละๆ นางทำงานเป็นพริตตีเอ็มซีอยู่ก่อน เห็นว่าคนขาดเลยอยากได้อ้อมไปช่วย”

“อ้อมเขาหน้าตาดี ท่าทางคล่องแคล่ว ก็น่าจะทำงานนี้ได้อยู่หรอกระหว่างที่รอการตอบรับจากบริษัทอื่นๆ”

“แล้วคีย์ล่ะ เรียนจบแล้วจะทำอะไร” นิลรพัดเดินเคียงกับคีตกาลไปตามทาง

“ก็คงช่วยงานที่บริษัทของลุงไปก่อน ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อไป เพราะเราอยากลองทำงานสักปีสองปีก่อนไปเรียนต่อ”

“ดีๆ จะได้ทำงานด้วยกัน เราดีใจจังเลยคีย์ที่ได้งานทำ วันก่อนรู้ไหมเรายังกังวลอยู่เลยว่าอาจจะต้องกลับไปหางานทำแถวๆ บ้านที่ต่างจังหวัดเพราะไม่มีงานทำที่นี่ แบบนี้ค่อยเบาใจหน่อย”

“งานที่ต่างจังหวัดไม่ดีหรือ ได้อยู่กับครอบครัวด้วย”

“ดีน่ะดีอยู่หรอก แต่เราอยากอยู่กรุงเทพฯ มากกว่า เพราะเวลาที่พี่อิชย์กลับมาจากต่างประเทศ เราจะได้เจอเขาสะดวกหน่อย” นิลรพัดพูดต่อไปเรื่อยด้วยสีหน้าชวนฝัน โดยไม่ได้สังเกตสักนิดว่าสีหน้าของคีตกาลเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเธอพูดชื่ออิชย์ขึ้นมา “ไม่อย่างนั้นนะ ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรบอกพ่อกับแม่ตอนเข้ามากรุงเทพฯ”

ตลอดสองปีที่ผ่านมา เธอได้รู้เรื่องราวต่างๆ ของอิชย์และใครอีกคนผ่านการบอกเล่าของนิลรพัดที่ส่งความข้อความและได้พูดคุยข้ามทวีปกับอิชย์ คีตกาลรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของคนทั้งคู่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สื่อต่างๆ ในเมืองไทยเริ่มพูดถึงนักร้องหนุ่มคู่ดูโอที่ไปสร้างชื่อในสังกัดของค่ายดนตรียักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ และหลังจากทัวร์แสดงคอนเสิร์ตทางฝั่งอเมริกาและยุโรปแล้ว ทั้งคู่จะเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ทำเอาสื่อต่างๆ ตื่นตัวกันใหญ่ ข่าวว่าบัตรคอนเสิร์ตจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันที่นั่งที่อิมแพ็ค อารีน่า ขายหมดในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แถมยังทำเอาเว็บไซต์ที่จำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตถึงกับล่มตั้งแต่นาทีแรกที่เปิดจอง

“อีกสองสามเดือนพี่อิชย์ก็จะกลับมาแล้ว”

“อีกสามเดือนเขาทั้งคู่จะกลับมาหรือ” จู่ๆ หัวใจของคีตกาลก็เต้นเร็วขึ้นจนกลัวว่านิลรพัดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จะได้ยินเอา “นิลคงตื่นเต้นน่าดูสินะ” คีตกาลแสร้งเย้านิลรพัดทั้งที่ตนเองก็ตื่นเต้นที่ได้รู้ข่าวนี้เช่นกัน

“ก็นิดหน่อย” นิลรพัดมองหน้าคีตกาลแล้วหัวเราะเสียงดัง “ไม่นิดหน่อยก็ได้ มันก็ตื่นเต้นนั่นแหละ สองปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน ทำได้แค่ส่งข้อความทางไลน์ หรือไม่ก็เฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์หากันเท่านั้น เวลาก็ไม่ค่อยจะตรงกันเท่าไหร่ เรานอนเขาตื่น เขาตื่นเรานอน”

“แต่ก็คบกันยืดมาจนถึงวันนี้”

นิลรพัดนิ่งไปทันที “เรายังไม่ได้ตกลงคบกันเลย แค่คุยกันไว้ว่าถ้าเขากลับมา เราจะมาคุยเรื่องนี้กัน”

“อย่ามาอำเราสินิล ไม่คบแต่คุยกันทุกวันสองปีเนี่ยนะ”

“การคุยในข้อความกับชีวิตจริงๆ มันไม่เหมือนกันหรอกนะ อีกอย่างเราก็ไม่ใช่สาวโลกสวยด้วย เรามีพี่ชาย เรารู้สันดานผู้ชายพอควร ข้อความที่เขาพิมพ์มาอาจตรงกันข้ามกับพฤติกรรมของเขาก็ได้ ยิ่งอยู่ในแวดวงแบบนั้น ทั้งดารา นางแบบ นักร้อง คนที่สวยกว่าเราก็ถมไป เขาจะครองตัวเป็นฤๅษีเพื่อเราเชียวหรือ อมขี้หมามาพูดเรายังไม่เชื่อเลย นี่รู้ไหม ทุกวันนี้เราถามเขาทุกวันว่าเอาไลน์ของเรามาจากไหน เขายังไม่ตอบเราเลย แล้วแบบนี้จะให้เราเชื่อได้ไงว่าเขาจริงใจ”

คีตกาลหลบตาเพื่อนสาวทันที ก่อนจะนึกนับถืออิชย์ในใจว่าเขาเป็นลูกผู้ชายพอตัว ที่สัญญาว่าจะไม่บอกใครว่าได้ไลน์มาอย่างไร เขาก็ทำได้เหมือนที่ปากพูดไว้จริงๆ

“ราชรถมาเกยแล้ว” นิลรพัดพยักพเยิดให้คีตกาลมองไปที่รถเก๋งใหม่เอี่ยมที่มาจอดเกยคอยท่าเหมือนทุกวัน

หญิงสาวถอนใจออกจากอกยาว “มาทำไมไม่รู้ เราบอกแล้วว่าเรากลับเองได้” คีตกาลบ่นเบาๆ

นิลรพัดรั้งแขนของเพื่อนสาวเอาไว้เมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังเดินเข้าใกล้รถคันดังกล่าวเข้าไปทุกที

“เราสงสัยและอยากจะถามมานานแล้วว่า คีย์กับพี่อินสรุปว่ายังไงกัน เราไม่เห็นคีย์พูดถึงพี่อินเลย แต่พี่อิชย์ยังยืนยันกับเราว่าพี่อินกับคีย์เป็นคนรักกัน”

คีตกาลมองหน้านิลรพัดนิ่ง เธอพูดอะไรไม่ออก และมิรู้จะไปต่อทางไหน สุดท้ายก็หลุดหัวเราะเสียงขื่นออกมา

“พี่อิชย์ของนิลคงเข้าใจอะไรผิดตั้งแต่แรก เรากับพี่...อิน แค่รู้จักกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนรักหรือคบกันอย่างที่พี่อิชย์เข้าใจหรือที่นิลรู้มาหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดายนะ ตอนนั้นที่เราเห็นที่คีย์อยู่กับพี่อิน เราคิดว่าคนคู่นี้เหมือนเกิดมาคู่กัน มันให้ความรู้สึกแบบคนที่รักกัน คีย์เข้าใจใช่ไหม มันพอเหมาะพอเจาะไปหมด แม้ตอนนั้นเราจะไม่เชื่อก็เถอะ”

คีตกาลส่ายหน้าไว “ระ...เราคงต้องไปแล้ว ดูเหมือนคุณเปรมจะเห็นเราแล้ว งะ...งั้นเราไปก่อนนะ” หญิงสาวเดินผละออกมาจากนิลรพัดทันที เมื่อตอนนี้การสนทนาทำให้เธออึดอัดจนแทบหายใจหายคอไม่ออก

และนี่เป็นครั้งแรกที่คีตกาลเดินมาขึ้นรถของเปรม นายทหารหนุ่มทายาทตระกูลดังเอง โดยที่เขาไม่ต้องอ้อนวอนเหมือนทุกครั้ง ทำเอาเปรมถึงกับทำหน้าประหลาดใจพอสมควรเมื่ออยู่ๆ คีตกาลเปิดประตูรถเข้ามาเอง แถมท่าทางก็ดูตื่นๆ เหมือนหนีอะไรมา

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้องคีย์”

หญิงสาวส่ายหน้าไว แล้วยกมือไหว้เปรมตามมารยาท เพราะเขาอายุมากกว่าเธอหลายปี “ไม่มีค่ะ เราไปกันเลยเถอะนะคะ ช้ากว่านี้คีย์กลัวว่ารถจะติดมากขึ้น”

เปรมพยักหน้ารับ แล้วออกรถไปตามบัญชาของหญิงสาวที่เขาหมายใจอยากได้มาดูแลทั้งหัวใจและร่างกาย

เขาพบกับคีตกาลเมื่อหกเดือนก่อนในการเลี้ยงของหน่วยงาน ตั้งแต่เขาเห็นหญิงสาวก้าวเข้ามาในงานพร้อมกับบิดาของเธอ หัวใจของเขาก็โบยบินติดตามหญิงสาวไปหมดทั้งดวง จนต้องรีบหาลู่ทางเข้าไปทำความรู้จัก กว่าจะได้สนิทสนมคุ้นเคย เข้านอกออกในบ้านของหญิงสาวได้อย่างทุกวันนี้ ก็เล่นเอาเขาเกือบถอดใจอยู่หลายหน แถมคีตกาลเองก็ดูเหมือนจะปิดกั้นตนเองและยังไม่เปิดใจให้เขาเลย ทั้งๆ ที่รอบตัวของหญิงสาวก็ยังไม่มีชายอื่นใด แต่นั่นยิ่งทำให้เขาฮึกเหิมอยากจะพิชิตใจของหญิงสาวให้จงได้

 

ในที่สุดเธอก็ได้มีเวลาส่วนตัวเสียที คีตกาลปิดประตูห้องเอาแผ่นหลังพิงบานประตูพร้อมกับถอนใจดังเฮือก เธอไม่ได้รังเกียจเปรม เปรมเป็นคนดี เธอไม่เถียง เขาดีพร้อมไปเสียหมดทั้งรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน ฐานะทางบ้าน ฐานะทางสังคม แต่เธอกับรู้สึกเหมือนว่าตนเองไม่พร้อมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าหรือแนบแน่นขึ้น และที่ตนเองเป็นแบบนี้ คีตกาลก็รู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร

หญิงสาวเดินไปกดเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ พร้อมกับเข้าไปที่เว็บไซต์ยูทูบ เปิดเพลงที่ฟังมาแล้วมากกว่าร้อยรอบขึ้นอีกหน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น