7

ตอนที่ 6


บทที่ ๖

 

                ทันทีที่มีโอกาสได้อยู่คนเดียว คีตกาลก็ใจกล้าพอจะเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพียงเพื่อต้องการเช็กข้อความและสายที่โทร. เข้ามาในช่วงที่ปิดเครื่องไป เธออยากรู้ว่ามีใครกันบ้างที่คิดถึงเธอระหว่างที่เธอหายออกมาแบบนี้ เพราะกลัวว่าบิดาจะโทร. เข้ามาต่อว่า แล้วจะมาซ้ำเติมความรู้สึกของตนเองให้เสียใจยิ่งกว่าเดิม จึงปิดเครื่องไปตั้งแต่ช่วงบ่ายหลังจากโทร. หาลุงเสร็จ แม้ลึกๆ จะอยากให้ท่านโทร. ตามกลับบ้านก็ตามที

                ป่านนี้ท่านคงเห็นจดหมายที่เธอเขียนไปแล้วแน่ๆ แล้วท่านจะร้อนใจไหม จะโทร. ตามให้เธอกลับบ้านไหม หรือว่าท่านจะไม่รู้สึกอะไรเลย และสิ่งสุดท้ายที่คีตกาลอยากรู้ก็คือ...ท่านจะเลือกใคร

                หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อเห็นว่ามีสายเรียกเข้ามากมายหลายสาย ไม่ว่าจะเป็นแจ่มใส นิลรพัด รวมถึงสายของบิดาด้วย คีตกาลยิ้มปากสั่น น้ำตาคลอหน่วย อย่างน้อยบิดาก็ยังโทร. หาเธอ และไม่ว่าท่านจะโทร. หาด้วยอารมณ์แบบไหน จะโกรธหรืออะไรก็ได้ แต่ตอนนี้หญิงสาวก็รู้สึกยินดี เพราะอย่างน้อยมันก็บอกได้ว่าบิดายังสนใจและห่วงใยเธออยู่บ้าง

                ขณะที่นั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อย อยู่ๆ โทรศัพท์ในมือของหญิงสาวก็สั่นและส่งเสียงร้องจนเจ้าของตกใจ รีบกดรับแทบไม่ทัน

“คุณคีย์” เสียงของแจ่มใสดังขึ้นมาทันทีที่หญิงสาวกดรับสาย “คุณคีย์ทำไมทำแบบนี้เล่าคะ ทำไมออกจากบ้านไปแบบนี้”

                น้ำเสียงร้อนรนห่วงใยที่ส่งมาถึงทำเอาคนฟังน้ำตาไหลโดยอัตโนมัติแม้จะกล้ำกลืนฝืนมันเอาไว้ ในจดหมายเธอบอกไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากใครจะมองว่าเธอไร้เหตุผล ใช้อารมณ์แบบเด็กๆ ก็ช่วยไม่ได้ บ้านนั้นคือบ้านของมารดาเธอ เป็นที่ของเธอ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาอยู่อาศัยโดยที่เธอไม่เต็มใจ หรือแม้แต่จะมาแย่งชิงความรักของเธอไปได้

                “แล้วนี่คุณคีย์อยู่ที่ไหนคะ”

                “คีย์สบายดีค่ะป้าแจ่ม ว่าแต่...คุณพ่อเล่าคะ”

                “คุณคีย์ลืมใช่ไหมคะ ท่านมีกำหนดการต้องเดินทางพร้อมคณะไปต่างประเทศเช้านี้ จะกลับมาก็คงสัปดาห์หน้า”

                “แต่...แต่...ท่านอ่านจดหมายของคีย์ก่อนไปแล้วใช่ไหมคะ”

                แจ่มใสเกิดความไม่มั่นใจทันที แต่คิดเอาเองว่าอินทิราคงนำจดหมายของคีตกาลไปให้แล้ว มิเช่นนั้นสาโรจน์คงเต้นแน่ๆ ยามลูกสาวหายออกจากบ้านไปแบบนี้

“อ่านแล้วค่ะ ท่านยังให้ ทส. โทร. หาคุณคีย์ก่อนไปด้วยนะคะ แต่คุณคีย์ปิดเครื่อง ท่านเองก็รีบด้วย เลยต้องรีบไป”

                หญิงสาวกะพริบตาถี่ไล่น้ำตาออกจากดวงตา ดูท่าว่าท่านคงไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรเลยที่เธอออกมาจากบ้าน

หรือท่านคิดว่าเธอจะไม่ทำจริง!

“ถ้าคุณพ่อกลับมาเมื่อไร ป้าแจ่มโทร. มาบอกคีย์ด้วยนะคะ” เสียงของหญิงสาวสั่นไหวตามความรู้สึกในใจ

                “คุณคีย์ยังไม่กลับมาหรือคะ กลับมาเถอะนะคะ ป้าเป็นห่วง”

                “อย่าห่วงเลยค่ะป้าแจ่ม คีย์สบายดี ดูแลตัวเองได้ เท่านี้ก่อนนะคะ”

คีตกาลรีบตัดสายทิ้ง เพราะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว หญิงสาวคว่ำหน้าลงกับหมอนพร้อมกับร้องไห้ระบายความน้อยเนื้อต่ำใจ เธอคงหวังมากไป หวังว่าบิดาจะร้อนใจทันทีที่ได้เห็นจดหมายฉบับนั้น ความสำคัญของเธอคงหมดไปแล้วจริงๆ หมดไปพร้อมกับการจากไปของมารดา และการมาของผู้หญิงคนนั้นกับลูก

                “ต๊อกๆๆๆๆ”

ร่างบางสะดุ้งโหยง ลุกขึ้นนั่งบนที่นอนทันทีเมื่อเสียงที่ได้ยินดังก้องราวกับอยู่ตรงผนังห้องใกล้ๆ นี่เอง

                จากที่เศร้าโศกอาดูรอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้ความรู้สึกของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที ภาพจากภาพยนตร์เรื่องตุ๊กแกผีนั้นเธอยังจดจำได้ วิญญาณตุ๊กแกที่เข้าสิงร่างหญิงสาวก่อนจะออกไปล่ากินตับผู้คน สุดท้ายก็กลายร่างเป็นตุ๊กแกยักษ์ตัวมหึมา ตาแดงราวกับสีเลือด หญิงสาวกลอกตามองรอบๆ ห้องด้วยท่าทางหวาดกลัว ในหัวมีภาพน่าสยดสยองที่จินตนาการขึ้นมามากมาย

แล้วอย่างไรล่ะทีนี้ เธอไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาลงจากเตียง ตอนนี้น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ แต่จะให้เธอก้าวลงจากเตียง เดินท่อมๆ ผ่านระเบียงบ้านไปยังห้องน้ำน่ะหรือ คีตกาลส่ายหน้า ไม่มีทางเสียละ!

“ต๊อกๆๆๆๆ ต๊อกแก!”

“อี๊ๆๆ ไอ้ตุ๊กแกบ้า” คีตกาลตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแล้วอุดหู ไม่อยากได้ยินเสียงที่ทำให้เกิดจินตนาการน่ากลัวในหัว

 

หนึ่งนาฬิกาของวันใหม่ ชายหนุ่มร่างสูงเดินกลับเข้ามายังบ้านของตนเองด้วยความเหนื่อยและล้าเหมือนเช่นทุกวัน แต่แสงไฟที่ส่องออกมาจากห้องทำให้คิ้วหนาเรียงตัวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยว่า เหตุใดคีตกาลยังไม่หลับไม่นอนแม้จะดึกดื่นป่านนี้แล้ว

หรือจะชอบนอนเปิดไฟ

สันมือที่กำลังจะเคาะลงบนบานประตูชะงักค้าง พยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ แต่เขาก็อดห่วงหญิงสาวไม่ได้ อินทัชเคาะลงไปเบาๆ ไม่กี่ทีก็ได้ยินเสียงคนกระโดดลงจากที่สูงและเสียงซอยเท้า ก่อนที่ประตูจะเปิดออกกว้าง สีหน้าตื่นๆ ของหญิงสาวทำเอาอินทัชระแวดระวังภัยขึ้นมาทันที

สายตาคมมองสอดส่ายเข้าไปในห้อง มองหาสิ่งผิดปกติทันที “มีอะไรคีย์”

“ตุ๊กแกค่ะ! ที่นี่มีตุ๊กแก” หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตื่นๆ

อินทัชแอบถอนใจด้วยความโล่งอก เขาก็นึกไปว่าอาจเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนลง

“อย่าบอกนะว่ากลัวจนขึ้นไปอยู่บนเตียงและไม่กล้าแม้แต่จะไปอาบน้ำ”

“คุณรู้ได้อย่างไรคะ” คีตกาลถามอย่างแปลกใจ เพราะหลายครั้งเหลือเกินที่เขาเดาแม่นยิ่งกว่าหมอดู

“จะยากตรงไหนกัน ก็คุณยังอยู่ชุดเดิมนี่ ไป คุณไปเตรียมเสื้อผ้ามา เดี๋ยวผมจะพาเดินไปอาบน้ำ”

คีตกาลส่ายหน้าไว ทำเอาคนรอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจอีกหน “ทำไมล่ะ”

“ไอ้ตัวนั้น มันอยู่ตรงไหนคะ เสียงมันดังเหมือนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เหมือนจะอยู่ตรงผนังข้างนอกนี่เอง”

“อยู่ที่ห้องเก็บของใต้ถุนบ้าน มันไม่ขึ้นมาหรอก มาเถอะ ผมจะพาไปอาบน้ำ” อินทัชผละห่างไปทันทีเมื่อเห็นว่าคีตกาลมีสีหน้าดีขึ้นทันตา

หญิงสาวค่อยๆ เดินออกจากห้องมาพร้อมข้าวของส่วนตัวในมือ มองร่างสูงที่นั่งกอดอกเอนตัวอยู่ตรงระเบียงไม่ห่างจากห้องน้ำเท่าไรเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง แต่เธอคงต้องร้องขอจากเขา แม้จะรู้ว่าเป็นการรบกวนเจ้าของบ้านจนเกินงาม

“คุณคะ”

อินทัชลืมตาขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง “ว่าไงครับ”

“คือ...คือ...คีย์ไม่ชอบอาบน้ำเย็น ช่วยต้มน้ำให้หน่อยได้ไหมคะ”

“หา!”

น้ำเสียงเหมือนประหลาดใจและไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยินนั้นทำเอาคีตกาลหน้าเสียทันที รู้อยู่หรอกว่าดูเรื่องมาก แต่เธอติดน้ำอุ่น ตอนที่อาบไปเมื่อกลางวันยังไม่เท่าไร เพราะอากาศมันร้อน น้ำที่ไหลมาตามท่อเลยอุ่นๆ แต่ตอนนี้มืดค่ำแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงจะเย็นแน่ๆ หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างไร เพราะจุดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่นั้นมีแสงไฟเพียงสลัวๆ เลยทำให้เห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจน

“เอากะละมังไปใส่น้ำรอไว้ เดี๋ยวผมจะไปต้มน้ำมาให้”

แม้น้ำเสียงชายหนุ่มจะราบเรียบ แต่เธอก็รู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยความรำคาญ แถมหูเธอยังแว่วเสียงถอนใจจากเขาอีก เธอนี่มันวุ่นวายแท้ๆ เขากลับบ้านมาเหนื่อยๆ แทนที่จะได้พักผ่อน นี่อะไร ต้องมาวุ่นวายกับเธออีก หญิงสาวเดินคอตกไปที่ห้องน้ำ แน่นอนว่าเพื่อความมั่นใจ เธอจึงเปิดไฟแล้วมองหาตัวอะไรก็ตามที่เธอไม่ชอบและไม่ต้องการเผชิญหน้าก่อนเป็นอันดับแรก

กะละมังใส่น้ำไว้พร้อมแล้วตอนที่อินทัชหิ้วหม้อใบเล็กที่มีควันลอยขึ้นมา เทน้ำใส่พร้อมผสมให้เสร็จสรรพ

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเสียงเบา รู้สึกเกรงใจอย่างที่สุด

“รีบอาบซะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวผมจะไปต้มให้ใหม่”

“พะ...พอแล้วค่ะ”

อินทัชพยักหน้ารับพร้อมเดินออกมานั่งที่เก่า สายตาไม่ได้คลาดไปจากห้องน้ำเลย ก่อนจะอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงราดน้ำ

“ยายคุณหนูตัวยุ่ง จะออกมาลำบากได้กี่วันกันเชียว” เขาเปรยเบาๆ ก่อนจะส่ายศีรษะ อินทัชมองไปที่ลำคลองเบื้องหน้า สีหน้าและแววตาหม่นแสงลง

แม้สีของน้ำในวันนี้จะไม่ใสสะอาดเหมือนเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กเล็กๆ แต่น้ำก็คือน้ำ มันทำให้เขาอดนึกถึงเพลง “River of No Return” ไม่ได้ มันคือสัจธรรมตามชื่อเพลงนั้น สายน้ำไม่มีวันไหลย้อนกลับ ทุกสิ่งทุกอย่างต่างไหลเลื่อนผ่านไปโดยไม่มีการย้อนคืนกลับมา เฉกเช่นเวลาที่มีแต่จะรุดเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีหนทางถอยกลับคืนที่เดิม...

บางสิ่งบางอย่างที่คิดจะทำ หากไม่ทำ มันจะถูกกลืนหายไปพร้อมกับกาลเวลา แต่...มันจะอยู่ในความทรงจำให้นึกเสียดายว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ บางทีเขาอาจต้องตัดสินใจในเร็ววันนี้

 

ประตูห้องของคีตกาลเปิดออกอย่างแรง ตามมาด้วยหญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงที่ก้าวผลุบออกมาจากห้องด้วยท่าทางร้อนรน เธอนอนเพลินไปหน่อย ตื่นมาอีกทีเวลาก็ล่วงไปเกือบสิบโมงเช้า หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวาแต่ไม่พบใคร บ้านเงียบสนิท ป่านนี้เจ้าของบ้านคงออกไปทำงานแล้วแน่ๆ

เขาจะคิดว่าเธอเป็นคนแบบไหนกันนะ นอนตื่นสายตะวันโด่ง

คีตกาลทำหน้าม่อย หันกลับเข้าไปในห้องที่ตนถือครองอีกครั้ง

หากส่องกระจก คำว่า ‘เหงา’ ตัวโตๆ คงปรากฏอยู่บนหน้าผากของเธอตอนนี้แน่ๆ หญิงสาวนั่งเท้าคาง ห้อยขาอยู่ที่ระเบียง ตอนนี้เธอมีเวลามากมาย มากจนรู้สึกว่าตนเองเหมือนคนไร้ค่า เกือบสัปดาห์แล้วที่เธอนั่งอยู่แบบนี้ ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป แม้จะลองทำนั่นทำนี่ก็แล้วก็ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ แถมยังทำให้เจ้าบ้านเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ส่วนเวลาพลบค่ำหลังจากที่อินทัชออกไปทำงานนั้น เธอจะรีบอาบน้ำอาบท่า เนื่องจากเจ้าตุ๊กแกเจ้าถิ่นมักจะออกมาร้องเรียกประกาศว่ามีตัวตนตั้งแต่ช่วงสองสามทุ่ม คีตกาลเลยต้องรีบจัดการตนเองให้พร้อม ปิดล็อกห้องเรียบร้อย พอมันร้องเธอก็คลุมโปงนอนหลับตาปี๋จนหลับไป

เสียงตะโกนเรียกและเสียงบีบแตรทำให้ใบหน้านวลแย้มยิ้มอย่างยินดี รีบลุกเดินจนแทบจะเป็นวิ่งลงไปที่ท่าน้ำ ชะเง้อคอมองแม่ค้าเรือพายขายก๋วยเตี๋ยวที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำ น้ำ แห้ง น้ำตกก็มี

วันก่อนขณะที่เธอนั่งเล่นอยู่ริมระเบียงแล้วเห็นเรือพายของแม่ค้าค่อยๆ พายมาตามคลองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ แม้จะเคยไปเที่ยวตลาดน้ำมาก่อน แต่มันให้ความรู้สึกของการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมน้ำจริงๆ แบบนี้ คีตกาล ‘สัมภาษณ์’ เหล่าแม่ค้าเรือพายที่ผ่านไปมาไว้แล้วว่า แม่ค้าคนไหนจะพายเรือผ่านมาในช่วงเวลาไหนบ้าง ส่วนแม่ค้าอีกรายที่เธอรอคอยจะผ่านมาในช่วงบ่ายๆ เรือขายขนมไทยหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นขนมชั้น ขนมเปียกปูนสีดำสีเขียวโรยมะพร้าวขูด แม้แต่เฉาก๊วยโบราณที่ใช้วิธีตักเป็นชิ้นใหญ่ๆ จากถัง ราดน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลอ้อยหวานอร่อยมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็มี ซึ่งเธอได้ซื้อใส่ตู้เย็นเผื่อไว้ให้อินทัชได้กลับมากินกันหิวตอนดึกๆ ด้วย ตอบแทนที่เขาเตรียมอาหารง่ายๆ ไว้ให้เธอในตอนเช้า

การสนทนาของเธอและเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมามักจะสื่อสารกันผ่านข้อความสั้นๆ ที่แปะไว้หน้าตู้เย็น จะให้ทำอย่างไรได้เล่า เขากลับมาดึกดื่นทุกวัน ในขณะที่เธอก็ตื่นสายทุกวัน จะพบเจอกันแต่ช่วงเวลาสั้นๆ ตอนเย็น ยามอินทัชกลับมาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อนออกไปทำงานเท่านั้น ซึ่งก็มีเวลาพอแค่ทักทายกันได้เพียงไม่กี่คำ แต่ทำไมเธอกลับสุขใจที่ได้อยู่ที่นี่ หรือแม้แต่ยามที่ได้ข้อความตอบกลับสั้นๆ จากเขาก็ทำให้เธอยิ้มได้ นั่นสิทำไมถึงมีความสุข หญิงสาวก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน

เช่นเดียวกับอินทัชที่ต้องขวนขวายกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านทุกวัน ทั้งที่เมื่อก่อนเขามักจะนำเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปเปลี่ยนที่ทำงาน บ้านสำหรับเขาก่อนหน้านี้มีไว้สำหรับนอนเท่านั้น แม้จะเสียเวลาเดินทางไปมามากขึ้นกว่าเดิม แต่แค่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ที่บ้าน ไม่หนีหายไปไหน เขาก็พอใจแล้ว

 

รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากหนาเมื่อเห็นร่างบางในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนั่งยองๆ เลือกซื้อขนมอยู่ที่ท่าน้ำ รอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าของหญิงสาวที่ส่งให้แม่ค้าที่กำลังพายเรือออกจากท่าไปทำเอาอินทัชมองเพลิน มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตนเองเดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลังใกล้ๆ คีตกาลแล้ว

“อุ๊ย!” คีตกาลอุทานตกใจเมื่อหันมาพบว่ามีใครยืนอยู่เบื้องหลัง หญิงสาวรีบขยับยืนขึ้นยิ้มอย่างยินดี “ทำไมวันนี้กลับไวจังคะ”

มือที่ยกขึ้นเพียงนิดถูกลดลงพร้อมทั้งกำแน่นไว้ข้างกาย อยู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากสัมผัสรอยยิ้มบนใบหน้าหวานนั้น ชายหนุ่มกระแอมก่อนจะหันไปสนใจลำน้ำเบื้องหน้าแทน

“วันนี้วันศุกร์” อินทัชตอบเสียงเบา แต่ไม่นานสายตาของเขาก็หวนกลับมายังใบหน้านวลของคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอีกหนเหมือนห้ามสายตาตนเองไม่ได้

“คีย์ซื้อขนมไว้ให้คุณด้วยนะคะ วันนี้ขนมไข่ใส่ลูกเกด” หญิงสาวยกถุงขนมขึ้นให้อีกฝ่ายดู “เอาไว้กินกับกาแฟตอนเช้า”

“ขอบคุณครับ” อินทัชหันหนีรอยยิ้มหวานๆ ที่กำลังส่งมาให้เขาอีกครั้ง รู้สึกเหมือนตนเองจะทำอะไรไม่ถูก ภายในอกอิ่มเอิบกับความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่คีตกาลมีให้ ก่อนจะหมุนตัวเดินนำกลับขึ้นไปบนบ้าน “เหงาไหม อยู่บ้านเฉยๆ แบบนี้”

“เหงาค่ะ”

เสียงแผ่วหวานจากเบื้องหลังที่ตอบกลับมาทำเอาชายหนุ่มต้องหันไปมอง

“แล้วทำไมไม่ออกไปไหนบ้างล่ะ กุญแจผมก็ให้ไว้แล้วอีกชุด”

คีตกาลส่ายหน้า “ไม่อยากไปไหนค่ะ อีกอย่างถึงจะเหงาแต่คีย์ก็มีอะไรทำนะคะ วันนี้คีย์ยัง...ทำ...” จากที่ยิ้มหน้าบานพูดฉอดๆ ก็หลบตา ก้มหน้างุดเหมือนคนทำความผิดมา

“มีอะไรหรือเปล่า...”

เจ้าของเสียงนุ่มๆ แบบที่เธอชอบฟังเอ่ยถาม ทำเอาคนฟังใจมาทันที

“คือคีย์...วันนี้คีย์ทำความสะอาดบ้านค่ะ คีย์ใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นตามชั้น ตามตู้ต่างๆ จนสะอาดเอี่ยมเลยนะคะ แต่...”

“แต่...” เขาทวนเมื่ออยู่ๆ คีตกาลก็เงียบไปอีกหน รู้สึกสังหรณ์ใจพิกล

“แต่...คีย์ทำแจกันตกแตกค่ะ” เสียงหวานสารภาพแผ่วเบาลงเรื่อยๆ “พอดีคีย์กำลังปัดฝุ่นตู้อยู่ แล้วก็บังเอิญถอยหลังไปโดน ไม่ได้ตั้งใจสักนิดเลยนะคะ”

อินทัชพยักหน้ารับ ท่าทางเหมือนคาดเอาไว้แล้ว แต่ละวันที่รับหญิงสาวมาอยู่ด้วยจะได้พบเจอกับวีรกรรมต่างๆ ที่หญิงสาวหวังดีทำไว้ให้ วันก่อนเขากลับมาบ้านก็พบว่าพื้นบ้านมีคราบและรอยด่างเหมือนมีใครทำน้ำหกไว้เป็นหย่อมๆ แถมยังมีรอยเท้าไปทั่วบริเวณ ถามไปถามมาก็พบว่าคีตกาลถูบ้าน แต่เธอคงไม่ได้บิดผ้าให้หมาดเสียก่อน แล้วย่ำเท้าเดินซ้ำวนไปมา พอน้ำแห้งก็ทิ้งคราบไว้ให้เห็น หนักที่เขาต้องมาถูซ้ำอีกรอบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะซุ่มซ่ามไปเหยียบพื้นที่ยังไม่แห้งลื่นล้มเจ็บตัวไปอีก แต่พอเห็นหน้าเซื่องๆ เหมือนคนสำนึกผิดอย่างตอนนี้ก็ทำเอาดุไม่ลง มือใหญ่ยกขึ้นวางบนศีรษะเล็กนั้นแล้วโยกไปมา

“ตัวยุ่ง แล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ มันตกไม่แรง แต่แตกเป็นสองส่วนเลย ขอโทษด้วยนะคะ คีย์ไม่ได้ตั้งใจ”

“ช่างมันเถอะ ว่าแต่วันนี้อยากไปที่ร้านหรือเปล่า อยู่บ้านเหงาๆ มาหลายวันแล้วนี่”

“ได้หรือคะ” หญิงสาวทำตาโต น้ำเสียงแสดงความยินดีอย่างไม่ปิดบัง เพราะเธออาจจะได้เจอกับนิลรพัดและกรวินทร์ที่มักออกมาย่ำราตรีเที่ยวสนุกสนานในวันศุกร์เช่นนี้

“ได้สิ คืนนี้ผมจะพาคุณไปที่ร้านด้วย แต่ไม่อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไปนั่งรอผมในห้องพักนักดนตรีระหว่างที่ผมทำงาน”

คีตกาลพยักหน้าไวพร้อมกับยิ้มกว้าง เพราะนอนเหงานั่งเหงาอยู่ในบ้านของเขามาหลายวัน ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาผ่อนคลายบ้างคงเป็นการดี ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาคงไม่เห็นเนื่องจากเดินอยู่เบื้องหน้า เลยขานตอบด้วยน้ำเสียงยินดี

“ค่ะ”

 

ตอนแรกเขาจะเอามอเตอร์ไซค์คันเก่งของเขามาด้วยซ้ำ แต่เพราะชุดกระโปรงที่คีตกาลสวมอยู่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจมาใช้รถยนต์ของเธอแทน ก่อนมาถึงร้านที่อินทัชรับงาน เขาพาเธอแวะกินข้าวเย็นง่ายๆ ข้างทางแต่รสชาติดีจนน่าแปลกใจ อะไรที่หญิงสาวไม่เคยได้พบได้กิน ก็ได้ลิ้มลองตอนอยู่กับชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ตอนนี้ ตลอดทางเขามักชี้ชวนให้เธอได้รู้ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่ใส่ใจมองหรือไม่เคยคิดจะมอง ชี้ให้เธอมองเห็นสิ่งตลกขบขันเล็กๆ จากสิ่งรอบตัว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนเผยรอยยิ้มออกมาได้

“จำที่ผมบอกได้ไหม” อินทัชถามเมื่อเดินอ้อมรถมาหาคีตกาล มือใหญ่ฉวยจับข้อมือเล็กของหญิงสาวเอาไว้มั่น พร้อมทั้งจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวเขม็ง

                คีตกาลพยักหน้ารับ พร้อมทั้งทวนคำสั่งที่อินทัชย้ำแล้วย้ำอีก “ห้ามกินเหล้า ให้นั่งฟังเพลงรอเฉยๆ”

                “ดีมาก”

                คำชมของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ เขาทำราวกับเป็นผู้ปกครองของเธออย่างไรอย่างนั้น

“แล้ว...ถ้าคีย์เจอเพื่อนเล่าคะ คีย์ไปนั่งกับเพื่อนได้ไหม”

                คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ชายหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ

                “แต่สำหรับคุณต้องไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ที่ผมห้ามไม่ใช่อะไรหรอกนะ คุณน่ะดูก็รู้ว่าคออ่อนเพิ่งหัดกิน ไม่เหมือนพวกกลุ่มเพื่อนของคุณ เมามายไปมีแต่จะทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนคนนั้นก็คือ...ผม”

                คีตกาลเกือบอ้าปากเถียงชายหนุ่มอยู่แล้วเชียว แต่กลับถูกลากให้เดินเข้าไปในร้านเสียก่อนที่จะทันอ้าปากด้วยซ้ำไป

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น