1

ตอนที่ 1

1

 

‘Ruenkunnam เธอกลับมาแล้ว’ 

ทีปกรหลุดยิ้มอบอุ่นออกมาประดับใบหน้าหล่อสุขุม เมื่อเห็นแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันอินสตาแกรม หรือเรียกย่อๆ ว่าไอจี แจ้งเตือนถึงการกลับมาอย่างมีเอกลักษณ์ของไอจีชื่อ ‘Ruenkunnam’ หรือที่พวกเขาเรียกติดปากว่า ‘เรือนคุณน้ำ’ ซึ่งมีไอคอนเป็นรูปขนมจีบ

ที่เรียกว่าการกลับมาอย่างมีเอกลักษณ์ คือการตามกดไลก์รูปภาพของทีปกรในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากเจ้าของไอจี Ruenkunnam เงียบหายไปพักใหญ่

‘ถล่มความไลก์ ให้รู้ว่ามีคนเลิฟ’

อันนี้เจ้าของไอจี Ruenkunnam บอกทีปกรเอง ตอนที่คุยกันผ่านไดเรกเมสเสจหลังจากเริ่มพูดคุยทักทายกันในช่วงแรกๆ 

แล้วเจ้าตัวยังบอกอีกว่าการถล่มยอดไลก์แบบนี้ ‘เป็นทริกอ่อยผู้ชายยังไงให้ดูอลังการ’

ไม่ใช่เพียงทริกในการกดไลก์แบบถล่มทลายให้เจ้าของไอจีรู้ตัว แต่คอมเมนต์และแคปชันก็ต้องสื่อให้คนอื่นรู้ด้วยว่ากำลังถูกอ่อย

ซึ่งทีปกรถูกทดลองโดยทฤษฎีนี้มาสี่ปีเต็ม

ทีปกรเองก็ยังข้องใจว่าทำไมต้องไปใส่ใจกลเม็ดเด็ดพราย ขั้นตอนการในการหว่านเสน่ห์ของอีกฝ่ายนัก ทำไมไม่บล็อกไอจี Ruenkunnam ไปเสีย กระทั่งลองค้นหาคำตอบให้ตนเองจึงได้คำตอบว่า เพราะไอจี Ruenkunnam คือหนึ่งในสีสันของชีวิต ช่วยคลายเครียด เรียกรอยยิ้ม และเรียกเสียงหัวเราะให้เขา ไอจี Ruenkunnam ถึงอยู่คู่กับเขามาจนตอนนี้ เรียกได้เลยว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน

ครั้งแรกที่เขารู้จักไอจี Ruenkunnam คือตอนที่เขาตื่นเช้ามาแล้วเจอการถล่มกดไลก์รูปภาพที่เคยอัปแบบผิดสังเกต เหมือนมีโรคจิตมาคุกคาม ตามด้วยไดเรกเมสเสจประกาศตัวอย่างเป็นทางการ

 

เรียน...

คุณ (ว่าที่) สามีที่นับถือ

นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันจะจีบคุณค่ะ

ด้วยความอยากนับถือ

Ruenkunnam

 

จากนั้นเขาก็ถูกราวีด้วยคอมเมนต์สื่อไปในเชิงสัมพันธ์ใกล้ชิด ออกจะสนิทสนมในทุกความเคลื่อนไหว ประหนึ่งเธอเป็นเหลือบไรในห้องนอน เขาทำอะไร เธอเป็นต้องแสดงตัวว่ามีส่วนร่วมด้วยเสมอๆ

Ruenkunnam แอบเอาโทรศัพท์ไปเล่นในห้องน้ำอีกแล้วใช่ไหม กลับไปนี่ต้องคุยกับแฟนแขนสักหน่อยแล้ว ซนจริงๆ #เมียมโน

Ruenkunnam บอกกี่ทีว่าอย่าอมข้าว เพราะมันน่ารักม้ากกก ใส่เครดิตภาพด้วยสิคะว่าแฟนแขนคนนี้ถ่ายเอง #เมียมโน

Ruenkunnam นอนชิลเฝ้าแฟนแขนว่ายน้ำ ว่ายเข้าๆ ว่ายเข้ามาในใจแฟนแขนนี่เลย #เมียมโน

ช่วงแรกๆ ที่ถูกรุกหนัก เวลาที่เขาจะอัปเดตหรือโพสต์อะไรลงไอจีต้องเขียนกำกับไว้ว่า ‘งดฝากร้าน’ เพราะนึกว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาขายของ

แล้วไงเล่า ลางสังหรณ์เขาถูก!

เมื่อไอจี Ruenkunna

 เข้ามาขายของจริงๆ เริ่มจากขายขนมจีบ ต่อมาขายความมโน แล้วเริ่มแท็กชื่อเขาในภาพขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมจีบ และขนมหวานทุกชนิดในไอจี Ruenkunnam

วันไหนอัปภาพขนมก็บรรยายเชิงพรรณนาสื่อมาถึงเขา เกี้ยวกันผ่านคำบรรยายใต้ภาพเลยทีเดียว เช่น

วันไหนอัปภาพถ่ายขนมชั้น

ขนมชั้น...ฉันรักคุณ #เมียมโน แท็ก @Thee_pak

วันไหนอัปภาพขนมทองม้วนก็จะบรรยายเก๋ๆ

ขนมแค่ทองม้วน แต่ฉันอยากชวนคุณมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน #เมียมโน แท็ก@Thee_pak

วันไหนอัปขนมจ่ามงกุฎก็บรรยายว่า

จ่ายังมีมงกุฎ ส่วนมนุษย์อย่างฉันยังมีคุณ #เมียมโน แท็ก@Thee_pak

และภาพขนมลูกชุบ ทีปกรจำคำบรรยายได้ขึ้นใจ แม้ไม่ได้โปรดปรานขนมชนิดนี้สักเท่าไร

ชุบยังมีลูก แล้วเมื่อไหร่ลูกของเราจะมา #เมียมโน แท็ก@Thee_pak

และอีกมากมายจนเพื่อนๆ เรียกเขาว่า ‘ว่าที่สามีของเรือนคุณน้ำ’ เพราะไอจีนี้มาหยอด มาอ่อย และมาจีบอย่างเปิดเผยในช่วงตลอดสี่ปีที่ผ่านมา จนคุยสนิทสนมกับเพื่อนๆ ในกลุ่มเขาเป็นอย่างดี

มีเสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันที่ทีปกรเพิ่งโพสต์รูปไปเมื่อไม่กี่วินาที ซึ่งเป็นภาพกาแฟพร้อมแคปชัน #goodthinkforme[h1] 

ชายหนุ่มรีบร้อนเลื่อนอ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์นั้นโดยแทบไม่รู้ตัว

Ruenkunnam ตื่นทำไมไม่ปลุกล่ะคะที่รัก #นี่เมียเอง #เมียสายมโนล้วนๆ #ผู้หญิงบ้านๆ สวยไม่มาก แต่หวานเว่อร์

ผู้หญิงสมัยนี้หาความเป็นกุลสตรีไม่มีเลยจริงๆ 

ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ พร้อมส่ายหน้าเพราะคอมเมนต์ที่แสดงความสนิทสนมเป็นส่วนตัว แทบจะดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร เหมือนไม่ได้อ่านทฤษฎีการอ่อยผู้ชายมาจากโลกออนไลน์ที่มีแจกกันให้เกลื่อนตามอินเทอร์เน็ต อย่างที่เจ้าตัวมักบอกเขาว่ามันเป็นทริก มันเป็นกลยุทธ์ เป็นกลอุบายเอาไว้ดักหนุ่ม

เพราะเขาสังเกตว่ามีหลายคอมเมนต์ในไอจีเขามักจะคอมเมนต์อะไรที่ชวนให้เขาอยากตอบ หรือคอมเมนต์เป็นเชิงคำถามเพื่อให้มีผู้ตามเข้าไปตอบ เช่น

กาแฟยี่ห้ออะไรคะ 

แก้วนี้ซื้อจากที่ไหนเอ่ย สวยดี 

ภาพนี้สวยดี เอากล้องไหนถ่าย 

แต่เขาดันมาสะดุดที่คอมเมนต์ของไอจี Ruenkunnam ทุกครั้งไป

ตอนแรกสะดุดใจในความมโนที่ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงฝัน เพราะเขียนกำกับเอาไว้หลังจากมโนพร่ำเพ้อเป็นตัวอักษรว่า #เมียมโน เสมอๆ

และในตอนนั้นเอง เหมือนนัดหมายกันเอาไว้ ไอ้เพื่อนตัวดีที่ไม่เคยตื่นเช้า แถมไม่แม้แต่จะกดไลก์รูปเขากลับรีบไปคอมเมนต์โต้ตอบกับ ‘เมียมโน’ ของเขาแทน แสดงความคุ้นเคยจนน่าหมั่นไส้

Navapon @Ruenkunnam ฟื้นคืนชีพแล้ว

Phanwises @Navapon เขาเรียกว่าเคลมเร็วโว้ย!

Ruenkunnam @Navapon @Phanwises พี่นา พี่วีวี่อย่ามาคอมเมนต์ เดี๋ยวสามีหึง ยิ่งหวงๆ อยู่

Thee_pak @Navapon @Phanwises 555 เวรกรรมมีจริง

สี่ปีนี้เพื่อนเขาอย่างณวพลกับพันวิเศษพยายามอธิบายว่าไม่ได้ชื่อ นา กับวีวี่ แต่สุดท้ายก็ถูกเรียกพี่นากับพี่วีวี่ของหนูน้ำอยู่ร่ำไป

ซึ่งชื่อเรียกน่ารักนั้นช่างขัดกับตัวหนา หน้านิ่งๆ ของพวกมันนัก ไอ้พี่วีวี่ที่ Ruenkunnam เรียกนั้นทำไร่ชา ตากแดดตัวดำ หนาล่ำกว่าเขาถึงสองเท่า

ส่วนพี่นาแม้จะเป็นผู้บริหารบริษัทหลอดไฟเจ้าใหญ่ที่ผิวขาวเหมือนกินหลอดไฟมา มันก็ไม่ได้น่ารักจุ๋มจิ๋มใกล้เคียงกับคำว่าพี่นา เพราะมันทั้งนิ่ง ทั้งเฮี้ยบ เข้าโรงงานแต่ละที คนงานแทบอยากกลั้นใจตายหนีความดุของมัน

เวลาพวกเขาสามคนอยู่ด้วยกันยังมีคนสงสัยเลยว่าคุยเรื่องอะไรกัน ประชุมวิชาการหรือเปล่า ถึงได้หน้านิ่งออกจะเป็นทางการอยู่ตลอดเวลา หรือคุยโครงการตึกพันล้าน เพราะหน้าไม่ได้หลุดเก๊กขรึมสักคน

คิดแล้วรอยยิ้มน้อยๆ บนหน้าหล่อของทีปกรก็กว้างขึ้น ก่อนหลุดหัวเราะออกมา ทีปกรคิดว่าเช้านี้ช่างดีกว่าทุกๆ เช้าที่ผ่านมา ลดสายตาลงมองไอคอนรูปขนมจีบ ไอคอนประจำตัว Ruenkunnam จ้องมองอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่ใหญ่

จริงๆ ทีปกรไม่ใช่พวกชอบอัปรูปแล้วมานั่งไล่ดูคอมเมนต์ หรือว่ายอดไลก์

แต่เพราะทุกครั้งที่มีข่าวว่าเขาคบหาใครเมื่อไร ไอจี Ruenkunnamจะไม่มีความเคลื่อนไหวเหมือนหยุดเล่นไปสักพัก จนกว่าจะมีข่าวว่าเขาเลิกรากับคนรักในขณะนั้น การถล่มไลก์รูปภาพก็จะแจ้งเตือนถี่ๆ ตามด้วยคอมเมนต์แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของปนฮาจะเริ่มกระหน่ำ และขนมหวานหน้าตาต่างๆ จะถูกโพสต์ลงในไอจีของเธอพร้อมคำบรรยายเกี้ยวหนุ่ม และลงท้ายด้วยการแท็กหาไอจีเขาเป็นปกติ

ทว่าความสัมพันธ์เหล่านั้นมีอยู่แค่เพียงในไอจี

แม้การตอบโต้ออกจะส่วนตัว อีกทั้งเพื่อนฝูงรับรู้ว่าสนิทสนมจนออกจะเกินงามในบางครั้งด้วยซ้ำไป จนแม่อย่างทัศนาเรียกถาม ทั้งมีนักข่าวเอาไปทำข่าวเป็นข่าวครึกโครมอยู่ช่วงหนึ่ง จนเขาต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นการเล่นสนุกของกลุ่มเพื่อน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

จากเหตุการณ์นั้นคนเลยรับรู้อย่างเงียบๆ ว่าไอจี Ruenkunnam เป็นเพื่อนกับ ทีปกร ศิริรังสรร ประธานและประธานบริหารกลุ่มธุรกิจเซ็นที ซึ่งมีธุรกิจในเครือจำพวกห้างสรรพสินค้า ที่อยู่อาศัย และลงหุ้นในอีกหลายธุรกิจ

และเพราะความสัมพันธ์จากการตอบโต้หยอดเล็กหยอดน้อย แสดงความหวงนิด ห่วงหน่อย กระทั่งไดเรกเมสเสจหากันบ้างนานๆ ครั้ง ทีปกรเลยนัดอีกฝ่ายมาพบ ทว่าขนาดเขายอมลดอีโก้ลงขอนัดเจอก่อน แต่ก็จบลงด้วยการที่อีกฝ่ายหายไปนานหลายเดือน จนเขามีข่าวคบหากับนางเอก นางแบบ หรือลูกท่านหลานเธอ หรือคนอื่นๆ คบแล้วเลิกวนลูปไปอยู่แบบนี้ ทว่าทุกครั้งที่เลิกกับสาวๆ ไอจี Ruenkunnam จะกลับมาเสมอๆ

เขาไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นผู้หญิงหรือว่าเป็นผู้ชาย สันนิษฐานเอาจากการไดเรกเมสเสจตอบโต้กันว่าคงเป็นผู้หญิง

ทีปกรก็ไม่ใช่คนจะมาหาสาวเอาตามสื่อโซเชียลหรอก แต่ทริกในการเข้ามาตีสนิทในไอจีจากอีกฝ่ายช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก รู้จักรุก รู้จักถอย ก่อกวนใจเขามากๆ อย่างน้อยถ้านัดพบหน้ากันแล้วไม่คลิกก็คบเป็นเพื่อนกันไป เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็เข้ากับเพื่อนเขาได้ดี ส่วนตัวเขาเองก็ไม่มีปัญหาที่จะมีเพื่อนหญิง สาวสอง หรือผู้ชายเพิ่มมาอีกสักคน แต่เจ้าของไอจี Ruenkunnam ไม่ยอมสานสัมพันธ์ด้วย 

คิดแล้วทีปกรก็ส่ายหน้าอย่างระอาความสัมพันธ์ในโลกออนไลน์เหล่านี้ แล้วเดินกลับเข้าในห้อง ผ่านโถงนั่งเล่น ผ่านห้องนอน เข้าสู่ห้องแต่งตัว จัดการธุระส่วนตัวบนคอนโดสุดหรูหนึ่งในเครือธุรกิจที่เขาดูแลเรื่องที่อยู่อาศัย

หลังจากเจ้าของเรือนร่างสมส่วนอย่างคนดูแลสุขภาพมาเป็นอย่างดีอาบน้ำ แต่งตัว เลือกสวมสูทสีเทากระชับเรือนกาย เน้นรูปร่างกำยำ แลดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าแล้ว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้เขาสลัดภวังค์ในหัวเรื่อง Ruenkunnam ออกไปได้

“ลูกทีปออกมาหรือยังคะลูก” เสียงทัศนาผู้เป็นแม่ดังมาตามสาย เร่งทีปกรตั้งแต่โทร. มาปลุกเมื่อตอนเช้ามืด ด้วยกลัวลูกชายเพียงคนเดียวลืมนัด

“กำลังออกครับ”

แม้จะไม่สาย แต่ไม่วายมีเสียงบ่นแสนน่ารักของผู้เป็นมารดาดังมา ทำให้ทีปกรพอรู้สึกว่าไม่ได้ตัวคนเดียว

“งานเขาจะเริ่มในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้วนะคะ ทำไมผู้บริหารถึงช้านัก”

“วันนี้ผมพักที่คอนโดครับแม่ ส่วนอยู่อาศัยที่ติดโรงแรมและห้างสรรพสินค้า ลงจากนี่ผมสามารถเดินเข้าโรงแรม ตรงเข้าห้องจัดงานได้เลย”

ทีปกรหยิบนาฬิกามาสวมตรงข้อมือ เป็นอันเสร็จขั้นตอนความเนี้ยบที่ดูหล่อและแพงมาก ดวงตาคมกริบสำรวจตัวเองในกระจก แล้วต้องยอมรับอย่างพอใจว่าเขามันช่างดูดีมีเสน่ห์จริงๆ

ทุกทีวันหยุดทีปกรจะมีเวลาพักส่วนตัวบ้าง ยกเว้นวันหยุดสัปดาห์นี้ที่ต้องตื่นไปร่วมงาน เพราะโรงแรมในเครือที่ปิดปรับปรุงไปก่อนหน้านั้นจะเปิดให้ใช้บริการ ทัศนาเลยถือโอกาสนี้จัดงาน ‘ทรรศนารัตนโกสินทร์’ ขึ้น เพื่อให้เข้ากับรูปแบบการตกแต่งสไตล์ไทยๆ ของตัวโรงแรม เลยเน้นการออกร้านจัดกิจกรรมเป็นแบบย้อนยุค

แต่ที่แม่ของเขาตื่นเต้นและตื่นใจมากกว่าการเปิดงานคือ

‘วันนี้คุณแม่นัดหนูกุลสตรี หลานคุณประไพเพื่อนคุณแม่ที่คุณแม่เคยเล่าให้ลูกทีปฟังไงคะ ว่าหลานเขาไปเรียนออกแบบที่ต่างประเทศ ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เพิ่งจัดแฟชั่นโชว์ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง’

หลังเขามีข่าวเลิกกับแฟนสาวคนล่าสุดไป ท่านก็รีบทำหน้าที่เป็นแม่สื่อแม่ชักนัดดูตัวกับลูกหลานเพื่อนสนิทให้ทันที ไม่เคยปล่อยโอกาสให้เขาได้ว่าง ทั้งที่จริงเขาก็ไม่เคยโสดจริงสักที ถึงแม้จะไม่ได้คบใครเป็นแฟน ก็ยังมีคบหากันเพียงเรื่องบนเตียงบ้าง

‘สรุปคือ...แม่อยากได้ว่าที่ลูกสะใภ้อีกคน’

ที่บอกแบบนั้นเพราะว่าตอนนี้ทีปกรอายุสามสิบหกแล้ว ปีหนึ่งๆ คบสาวเยอะกว่าเที่ยวต่างประเทศเสียที คิดเล่นๆ เอารายชื่อสาวต่อจากนี่คงถึงเมืองจีนได้ ทัศนาเลยคาดหวังว่าปีนี้ลูกชายจะได้ลงหลักปักฐานเสียที

‘จะสี่สิบแล้วนะคะลูก ทำเป็นเล่นไป คบหาจริงจังเอาสักคนเถอะ’

และเพราะคำแนะนำของแม่นี่ละที่ทำให้ทีปกรไม่เคยจะขัดใจการนัดดูตัวของแม่สักครั้ง แม้สาวบางคนที่แม่นัดให้ก็เคยเจอกันในผับมาก่อน เคยขึ้นเตียงผ่านสังเวียนกันมาบ้าง เขาก็เพียงทำตัวเรียบร้อยอยู่ในโอวาทของแม่ แต่ก็ขีดเส้นให้ชัดเจนว่าถ้าคบกับเขาต้องอยู่ตรงจุดไหน เอาให้สะดวกใจทั้งทางฝ่ายแม่ ฝ่ายหญิงสาว รวมทั้งฝ่ายเขาด้วย

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยคบใครได้ยาวนานจนอยากแต่งงานด้วยจริงๆ สักคนเดียว

“ลูกทีปๆ ทางนี้ค่ะ”

ทีปกรหยุดปลายเท้าในรองเท้าหนังขัดจนขึ้นเงา กวาดตาคมกริบไปทั่วงานจัดเลี้ยง ผู้คนส่วนมากในงานสวมใส่ชุดไทย ขณะที่เขาแต่งชุดสูทมาเต็มยศเสียนี่ 

ชายหนุ่มก้าวเดินไม่ช้าไม่เร็ว ทว่าทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปหากลุ่มของทัศนา ด้านข้างผู้ใหญ่ทั้งสองมีสาวสวยในชุดไทยแบบผ้าแถบเกาะอก อวดเอวบางและหัวไหล่ขาวเนียน นุ่งผ้าถุงสีทอง อีกฝ่ายเห็นเขากวาดสายตามองก็ยิ้มให้ มองอย่างเปิดเผยไม่เคอะเขิน ซึ่งถูกใจทีปกรทีเดียว

ชายหนุ่มยกมือไหว้ทัศนาและประไพพร้อมส่งรอยยิ้มเป็นกันเอง แล้วส่งยิ้มสุภาพไปที่สาวน้อยนางนั้นด้วย

“ไม่เจอกันนานเลยนะทีป ป้าเจอเราครั้งสุดท้ายก็งานอะไรน้า น่าจะหลายปีแล้ว”

เขาเองก็จำไม่ได้หรอกว่าเคยเจอประไพไหม เพราะแม่น่ะเพื่อนเยอะมาก ซึ่งอาวุธในการต้อนรับบรรดาเพื่อนแม่ที่เขาอาจรู้จักแต่ลืม หรือไม่รู้จัก คือรอยยิ้มอันทรงประสิทธิภาพ

“คนนี้เขางานยุ่งค่ะ ขนาดคุณแม่อยากเจอหน้ายังต้องนัดล่วงหน้าเลย จริงไหมคะลูกทีป” ทัศนาหันมาถามลูกชายเสียงติดจะดุนิดหนึ่ง แต่ด้วยความที่ท่านเป็นคนเนื้อเสียงหวาน หน้าตาออกจะอ่อนโยน ลูกชายเลยไม่เคยจะกลัวจริงจังสักที

ทีปกรยิ้มสุภาพอีกครั้ง อยากให้ทัศนาเข้าเรื่องสักที เลยข้ามหัวข้อสนทนาพวกนั้นไปด้วยการหยุดสายตาจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวแสนสวยเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าอย่างเปิดเผย จนทัศนาต้องดึงแขนเสื้อปรามลูกชาย ทีปกรก็เพียงส่งยิ้มทะเล้นให้แม่ ท่านเลยส่งค้อนให้ลูกชายวงใหญ่ ก่อนแนะนำให้ลูกชายรู้จักกับอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ

“นี่หนูกุลสตรีหลานป้าประไพเขา หนูกุล นี่พี่ทีป ลูกชายคุณป้าเอง”

“สวัสดีครับน้องกุล”

การทำความรู้จักที่ทีปกรทำจนเป็นขั้นตอน เริ่มจากส่งยิ้มให้ก่อน ดูว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอะไรกับรอยยิ้มของเขาไหม ถ้ามีก็เริ่มยื่นไมตรี ตามด้วยพูดคุย ถ้าเข้ากันได้ก็ได้ไปต่อ ดูเหมือนร่างกายเขาถูกตั้งโปรแกรมให้รับมือการจัดการหาคู่ดูตัวของแม่ได้อย่างดีเยี่ยม และสาวสวยแสนมั่นใจอย่างกุลสตรีก็ดูจะเข้ากันได้ดี

“เสียดายจังเลยนะครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพี่ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่ได้ไปงานเปิดตัวแฟชั่นโชว์ของน้องกุล”

“มันเป็นการเปิดตัวทดลองตลาดเท่านั้นค่ะ ต้องดูความต้องการของฝั่งนี้ก่อน อีกสามเดือนจากนี้ถึงจะเป็นการเปิดตัวจริงๆ จะเชิญสื่อมวลชน รวมถึงเซเลบไปร่วมด้วย ถึงคราวนั้นพี่ทีปก็อย่าลืมไปร่วมงานนะคะ กุลขอเชิญล่วงหน้าเลย พอวันงานจะส่งการ์ดไปให้เป็นทางการอีกที”

กุลสตรีและทีปกรเดินเคียงคู่อยู่ด้านหลัง ทิ้งห่างจากทัศนาและประไพเล็กน้อย เพราะหญิงสูงวัยสองคนต้องเดินไปทักทายคนในงาน ปล่อยหนุ่มสาวให้ทำความรู้จักกันไป จากสายตาของทุกคนในงานก็พอสรุปได้แทบเป็นเสียงเดียวกันว่าสองคนนี้เหมาะกันมากขนาดไหน หนุ่มก็หล่อ สาวก็สวย

 

เผียะ

ขณะทีปกรและกุลสตรีเดินชมงานทรรศนารัตนโกสินทร์ผ่านตรงเวิร์กชอปกิจกรรมทำขนมไทย เสียงฝ่ามือหนาฟาดลงบนหลังมือนุ่มนิ่ม ไม่ได้ดึงเพียงสติครูผู้สอนหน้าหวานอย่างนันท์นพินหรือครูพี่หนาม ยังดึงสายตาทั้งทีปกรและกุลสตรีที่มองผ่านแผงขนมไทยในตอนแรกกลับมามองยังการลงไม้ลงมือเมื่อครู่

“ไอ้พี่นัทธ์ นี่น้องนะ”

นันท์นพินในชุดเชฟเสื้อขาว สวมหมวกคลุมผมเรียบร้อย ดวงหน้าเล็กๆ แลดูสวยหยด ผิวหน้าดูใสกระจ่างปราศจากเครื่องสำอาง กำลังเอ่ยตัดพ้อ ทั้งทำหน้างอ น่ารักสมตัว

“เพราะเป็นแกไง ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่น ฉันจะตีทำไมให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว”

พี่ชายมาดดุที่มีใบหน้าหล่อเหลาเอาการสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีออกม่วง รวบผมยาวสลวยเอาไว้ด้านหลัง กำลังชี้นิ้วไปที่ลูกชุบในมือน้องสาว คือนัทธ์หรือครูพี่นัทธ์

“หลักใหญ่หัวใจสำคัญของการทำขนมลูกชุบคืออย่าใจลอย พอเห็นผู้ชายหล่อเข้าหน่อยก็ทำเป็นมือไม้อ่อนเหมือนอย่างครูพี่หนามเนี่ยใช่ไม่ได้ เดี๋ยวปั้นลูกชุบเชอร์รีเป็นลูกมะนาวเอาได้”

“แล้วแถวนี้มีใครหล่อบ้างเล่า ส่วนมากถ้าหล่อก็มักไม่ค่อยว่าง อกหักไม่ถึงสามนาทีก็หาสาวมาดามใจได้แล้ว”

นันท์นพินเอ่ยกระแทกกระทั้น มือเรียวเล็กขาวผ่องดูน่าสนใจกว่าส่วนผสมลูกชุบที่เริ่มถูกนวดแรงๆ แล้วปั้นอย่างใส่อารมณ์

“เอาเข้าไปๆ ครูพี่หนามครับ ช่วยเบามือนิดหนึ่ง นี่ไม่ใช่การนวดแป้งทำบะหมี่ นี่มันลูกชุบครับคุณ” นัทธ์ยังคงตามจับผิดน้องสาวไม่เลิก ดุได้เป็นดุ ติได้เป็นติ

“รู้น่า!”

น้องสาวตอบเสียงเหวี่ยงนิดๆ ไม่กล้าทำเสียงดังกว่านั้น เดี๋ยวพี่ชายสวนมามียาวแน่วันนี้

“รู้ก็เบาสิครับ” พี่ชายยังตามกัดไม่เลิก

คนถูกดุช้อนสายตาบอกความไม่พอใจขึ้นมองมาที่ทีปกรครู่หนึ่ง ก่อนก้มลงสนใจสาธิตการทำลูกชุบเชอร์รีสีแดงสดแบบเดียวกับที่วางอยู่ในถาดโชว์หน้าร้าน

นักเรียนที่มาเวิร์กชอปทำขนมแอบหัวเราะสองพี่น้องที่เข้ากันได้ดี เรียกว่าจิกกัดกันตั้งแต่เริ่มสอนจนตอนนี้

จากนั้นนันท์นพินก็ไม่กวนประสาทพี่ชาย ตั้งใจจดจ่อกับงานตรงหน้า โดยพี่ชายเดินดู คอยให้คำแนะนำ และบางทีก็ถือโอกาสจับมือสอน หรือจะเรียกว่า ฉวยโอกาสอ่อยหาเด็กเข้าคลาสเรียนของที่ร้าน

“แบบนี้ถูกไหมคะครูพี่นัทธ์”

คนถูกฉวยโอกาสก็แกล้งทำซื่อไปอีก ทำเสียงเล็กเสียงน้อย เห็นแล้วนันท์นพินถึงกับถอนหายใจ และเริ่มเท้าสะเอวมองการอ่อยสาวของพี่ชายที่ทำเอาตารางสอนทำขนมแน่น และยาวเหยียดตลอดเดือน แถมงานโชว์ตัว ออกร้านก็เยอะขึ้นทุกวัน ทั้งหมดนั้นเพราะทริกการอ่อยของพี่นัทธ์ อ่อยจนนักเรียนหน้ามืดซื้อคลาสเรียนมันทุกคลาสที่เปิดสอน แม้แต่ไพรเวตคลาสที่แพงแสนแพงก็บุ๊กใส่ตารางไว้

แล้วยังไงล่ะทีนี้ รับงานสอนทำขนมฟรีที่มหา’ลัยไว้ก็ต้องไล่น้องสาวไปสอนแทน พี่ชายอ่อยทีสะเทือนมาถึงความสุขสบายของน้องด้วย

นันท์นพินอยากร้อง ‘อีหยังวะ!’ ดังๆ เพราะความงกเงินและงกงานของพี่ชายซะเหลือเกิน

“ช่วงนี้ร้านเพียงพอดีบายเรือนคุณนัทธ์กำลังดังเชียวค่ะ กุลเห็นเดินสายออกทีวีเป็นว่าเล่น” กุลสตรีเอ่ยแนะนำ ออกอาการปลื้มอย่างเห็นได้ชัด 

ทีปกรเงยหน้าขึ้นมองชื่อร้านครู่หนึ่งพลางขมวดคิ้วพึมพำออกมา “เรือนคุณนัทธ์กับเรือนคุณน้ำ บังเอิญไปไหม”

เขาหันไปมองกิจกรรมเวิร์กชอปทำขนมไทยอีกครั้งอย่างข้องใจ รู้สึกว่าเมื่อครู่พี่ชายจะเรียกน้องสาวว่าอะไรสักอย่าง น  หนูๆ นี่ละ ชื่อ ‘นาก’ มั้ง เขาเองก็ฟังไม่ชัด เพราะตอนนั้นบังเอิญประสานสายตาเข้ากับสายตาไม่พอใจของแม่หนูขนมหวานเข้าพอดี ซ้ำคำพูดคำจาของเจ้าหล่อนก็ราวกับประชดประชันใส่อย่างกับรู้จักเขาดี

ทีปกรไม่ได้ร้อนตัวเพราะคำกระทบกระเทียบเหล่านั้น เขาคบผู้หญิงทีละคน เมื่อเลิกจากคนหนึ่งก็คิดว่าตนเองมีสิทธิ์คบหาใครอื่นได้ ไม่มัวไปจมปลักกับเรื่องที่จบไปแล้ว หรือถือมาเป็นอารมณ์ ไม่อย่างนั้นแม่เขาคงไม่ร้อนใจเที่ยวจัดงานนั่นจัดงานนี่เพื่อจับคู่ให้เขาหรอก

“คุณหนามน้องสาวเขาก็หน้าตาดี กุลเคยติดต่อไปขอน้องสาวเขาให้มาร่วมเดินแบบด้วย แต่ช่วงนี้เขาดังทั้งพี่ทั้งน้อง   รับงานเยอะจนปลีกตัวมาไม่ได้ งานทรรศนารัตนโกสินทร์ถือว่าโชคดีมากเลยนะคะที่คุณป้าสามารถเชิญร้านนี้มาเปิดงานที่นี่ได้”

‘ชื่อหนามหรอกหรือ’

ทีปกรทวนชื่อนั้นอย่างสนใจ มองคุณครูสอนทำขนมหวานอีกหนพลางเอ่ยขอโทษขอโพยอีกฝ่ายในใจที่หลงนึกว่าชื่อ นาก ยิ่งอยู่ในบรรยากาศไทยๆ ชวนให้เขาอดคิดเคลิ้มไปถึงแม่นากพระโขนงไม่ได้

“เขาดังขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“ถ้าเรื่องความดัง กุลก็คงตอบได้ไม่เต็มปาก แต่ถ้าเรื่องรสชาติขนมพูดได้เต็มปากว่าอร่อยมาก แถมหน้าตาขนมสวยน่ารักน่ากิน ที่สำคัญเจ้าของร้านเขาหน้าตาดีทั้งพี่ชายทั้งน้องสาว ร้านของเขาก็เก๋มากเลยนะคะ ไม่ได้มีดีแค่ขนมหวานอย่างเดียว มีอาหารคาวสูตรในวังด้วย คุณป้ายังบอกเลยว่าอร่อย เห็นว่าเปิดร้านเป็นเรือนไทยอยู่ใจกลางกรุง”

ทีปกรอดไม่ได้ที่จะหันไปสำรวจหน้าตาของพี่น้องคู่นั้นเงียบๆ ตอนแรกเห็นว่าแม่หนูน้อยขนมหวานหน้าหวาน ขนาดมองผ่านๆ ยังรู้ว่าหน้าหวานเหมือนขนมพวกนี้ แต่เมื่อพิศมองดีๆ ก็คงต้องบอกว่าสวย หน้าหวาน ตากลมโต จมูกนิด ปากหน่อย แต่ดูเด็กมาก ไม่ใช่สไตล์ที่เขาชอบ ก่อนดึงสายตากลับ

“เขามีให้ลองชิมด้วยนะคะพี่ทีป สักหน่อยไหม” คนชวนดูกระตือรือร้น แถมใช้ช้อนตักขนมใส่ปากไปแล้ว ก่อนจะจิ้มขนมชิ้นหนึ่งมาให้เขาลองดู

“พี่ไม่ชอบขนมหวาน”

“ก็กุลเห็นพี่ทีปเอาแต่จ้องมองน้องสาวเจ้าของร้านเสียตาค้างแบบนี้ ลองหน่อยนะคะ หน้าตาเขาดี ขนมเขาก็ดีด้วย”

กุลสตรีคะยั้นคะยอด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ปากก็เคี้ยวตุ้ยๆ แลดูสนุกกับการกินมาก ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยควงด้วยที่ห่วงสวย ห่วงรูปร่าง หรือห่วงภาพลักษณ์มากจนหมดความเป็นธรรมชาติไป

“น้องเขาก็ไม่ได้หน้าตาดี อุ๊บ!...”

เอ่ยยังไม่ทันจบ หัวไหล่ก็ถูกชนจนร่างสูงผงะ หันไปเห็นคนถูกว่า ‘ไม่ได้หน้าตาดี’ ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ ดวงตาคู่สวยบอกความไม่พอใจฉายชัด

แม่หนูน้อยที่เมื่อครู่สวมบทบาทครูตอนนี้สวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว นุ่งกางเกงยีนรัดๆ อวดขายาวเรียว รับกับผ้าใบสีขาว แลดูขาวสว่างไปทั้งตัว

“ขอโทษที่หน้าตาไม่ดี” เสียงเล็กน่าฟังสวนออกมาพร้อมตะโกนข้ามไหล่ทีปกรไปอย่างไม่แยแสว่านี่คือลูกเจ้าของงานวันนี้

‘อะไรวะ! แค่คิดว่าเธอเข้ากับยุคมากจนเผลอเรียกนากเข้าหน่อย ว่าไม่สวยนิด ถึงกับไม่พอใจเลยหรือ’ ทีปกรทบทวนขำๆ กับตนเอง

“พี่นัทธ์ หนามไปมหา’ลัยแล้วนะคะ นัดทำงานกลุ่ม จะมาช่วยอีกทีตอนช่วงหัวค่ำ”

ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหวานหยดมามองทีปกรและกุลสตรีอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดกระเป๋าเป้เฉี่ยวหน้าหล่อของอีกคน โชคดีที่ทีปกรหลบได้ทัน แล้วเจ้าของร่างผ่องพรรณก็เดินออกจากหน้าร้านไป ไม่หันมาขอโทษเขาสักคำ

“กินน้ำตาลเยอะหรือไง ถึงดุจริงๆ”

เสียงตะโกนที่ข้ามหัวทีปกรไปดึงสายตาสองหนุ่มสาวกลับมาที่เจ้าของร้านหนุ่มหล่อที่ดูสุขุมเหมือนหลุดมาจากหนังไทยย้อนยุค ดูหล่อแล้วยังสุภาพอีก

“ขอโทษแทนน้องสาวด้วยนะครับ เห็นหน้าหวานๆ แบบนั้นแต่ดุ สงสัยกินน้ำตาลเยอะไปหน่อย ต่อไปผมจะย้ายให้ไปเฝ้าบ้านแทนมาทำขนมแล้ว”

นัทธ์เท้าสะเอวดุไล่หลังน้องสาว ก่อนจะหันเห็นสองคนตรงหน้า ส่งยิ้มหวานๆ ให้กุลสตรีเป็นรอยยิ้มหากิน แต่ไม่คิดจะจีบ เพราะเห็นว่ามากับคู่รักข้างกาย

“ขนมมีหลายชนิด ค่อยๆ ลองดูนะครับ ถ้าสนใจจะลงเรียนก็ลองสอบถามคลาสเรียนกับน้องพนักงานทางนั้นได้เลย อ้อ มีคลาสเรียนสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยนะครับ หรือสนใจจะสั่งขนม นี่ครับนามบัตร”

นัทธ์ยื่นนามบัตรให้ทั้งคู่ ก่อนจะผละกลับไปที่จุดสอนทำขนม หลังจากครูพี่หนามสอนไปแล้ว คราวนี้นักเรียนกำลังลงมือเคี่ยววุ้นเพื่อนำถั่วกวนที่ปั้นชุบสีแล้วมาชุบวุ้น

“กุลเพิ่งรู้นะคะว่าน้องหนามเขายังเรียนอยู่ ตอนออกกล้องน้องดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้มาก”

ทีปกรไม่ได้เอ่ยอะไร ยกมือลูบหัวไหล่ที่ถูกกระแทก กลิ่นหอมหวานๆ ยังกรุ่นติดเสื้ออยู่ ก่อนจะยัดนามบัตรใส่กระเป๋า บอกตนเองเงียบๆ

‘คงต้องงดน้ำตาลบ้างแล้ว ไม่งั้นดุแบบนั้น ไม่ไหวๆ’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น