11
ตอนที่นันท์นพินปลดล็อกเปิดประตูเข้าห้องของทีปกรตามปกติ หูก็พลันได้ยินเสียงคุยดังลั่นห้อง จนต้องหยุดยืนแอบอยู่หน้าประตู
“เด็กสมัยนี้มันลามปามจริง แหม! เห็นหน้าสวย ร้ายทุกนาง ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องทำตัวเป็นอาจารย์แม่จะ...”
นันท์นพินเดินมาชะโงกหน้าฟังเสียงคนคุย ทีปกรที่นั่งพาดแขนยาวกับพนักพิงมองตรงมาที่เธอราวกับรับรู้ถึงการมาของเธอ ขณะคนที่เธอเรียนด้วยมาแล้วจะสามสัปดาห์กำลังยกแก้วขึ้นจิบพร้อมคุยโขมง ข้างๆ นั่นเป็นผู้ชายอีกคนที่หล่อเข้ม ตัวล่ำกำยำ ดูมาดแมนต่างจากสองหนุ่ม
“หนามไม่ทราบว่าคุณทีปมีแขก”
“แค็กๆ”
สิ้นเสียงทักทายของนันท์นพิน ณวพลก็สำลักเหล้าที่เพิ่งยกขึ้นจิบ แม้ในชั้นเรียนนันท์นพินจะไม่โดดเด่นด้วยคำพูด หรือท่าทางที่แสดงออกให้เป็นที่สนใจ ณวพลก็จำได้ว่าเจ้าหล่อนเข้าเรียนในชั้นของเขา เพราะเจ้าหล่อนสวย เรียนเก่ง ที่สำคัญฮอตมากในหมู่นักศึกษาชาย
“แขกที่ไหน พวกมันมีเชื้อไทยทั้งนั้น” ทีปกรเอ่ยยียวน ก่อนวาดปลายเท้ายาวๆ ลงพื้น ยืดกายขึ้นยืน เดินตรงมารับของที่เธอหิ้วพะรุงพะรังเอาไปวางในครัว
นันท์นพินได้แต่มองสองหนุ่มหล่อตรงหน้าเลิ่กลั่ก พอรู้ว่าเป็นใครบ้าง แต่ไม่เคยเจอตัวจริงสักที แล้วก่อนมาเธอก็ส่งข้อความมาถามทีปกรแล้วว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เขาตอบเพียงกับแกล้ม ก็นึกว่าจะกินเหล้าดูบอลอย่างปกติ ไม่เห็นบอกว่ามีคนอื่นด้วย
“นั่นเพื่อนผม ไอ้คล้ำๆ จนออกทองแดงนั่นชื่อพันวิเศษ”
นันท์นพินคิดว่าจำได้ว่าเรียกเขาว่าพี่วีวี่ ก่อนจะกวาดสายตาไปมองอีกคนที่เพิ่งหายสำลัก ตอนนี้กำลังเช็ดเหล้าที่หกเลอะเสื้อเลอะกางเกง แล้วเก๊กหน้าขรึม
เอิ่ม พี่นาขา ไม่ทันแล้วไหม หลุดฟอร์มไปไกลโน่นแล้ว
“ส่วนคนนี้คุณคงรู้จักดีแล้วใช่ไหม นี่อาจารย์ณวพล”
หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ทั้งคู่พร้อมเอ่ยเสียงสดใส “สวัสดีค่ะพี่นา พี่วีวี่”
“เชี่ย!” สิ้นเสียงทักทายของนันท์นพิน สองหนุ่มอุทานออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน ผุดลุกจากโซฟาเหมือนถูกจี้ด้วยไฟร้อน มองเด็กสาวหน้าหวานอย่างกังขา ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักราวกับตั้งคำถามว่า
แกพาใครมาวะ!
ทีปกรหัวเราะพลางยักไหล่ ตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ บุ้ยใบ้มายังคนตัวเล็กให้ถามกันเอาเอง
ณวพลหรี่ตามองนักศึกษาตรงหน้า มีลางสังหรณ์บางอย่างจนต้องเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ
“เรือนคุณ...น้ำ”
“เรือนคุณหนามค่ะ”
และนันท์นพินก็ยืนยันหนักแน่น ตอกย้ำให้ณวพลมั่นใจว่าที่นักศึกษาสาวๆ แอบเรียกเขาลับหลังว่าอาจารย์พี่นา ต้นตอตัวปล่อยข่าวคงมาจากตรงนี้นี่เอง Ruenkunnam ที่พวกเขารู้จักผ่านไอจีมาเกือบสี่ปี
“เชี่ย! ไอ้ทีปแก...” พันวิเศษถึงกับอุทาน ไม่รู้จะกล่าวหาเพื่อนยังไง ก็เพิ่งสนับสนุนให้มันมีใครสักคน และคนที่ผ่านเกณฑ์ก็มีเรือนคุณน้ำ เอ๊ย! เรือนคุณหนามอยู่ด้วย
ตอนนั้นเพื่อนไม่เห็นว่าอะไร ทำนิ่งๆ เงียบๆ แต่หอบข้าวของมาทำกินกันถึงที่ห้องแบบนี้ มีกลิ่นทะแม่งๆ
“ไปทำกับข้าวไป วันนี้เลตมากแล้ว เดี๋ยวสี่ทุ่มก็จะร้องงอแงเข้านอนอีก”
ทีปกรรุนหลังคนตัวเล็กเข้าครัว ก่อนหยิบเบียร์แล้วเดินย้อนออกมายังห้องนั่งเล่น ชวนเพื่อนๆ ออกไปนั่งริมสระน้ำที่ไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไร เพราะพอมีนันท์นพิน เขาก็ชอบวุ่นอยู่แถวครัวนั่นละ ไม่ครัวก็อยู่หน้าทีวี แล้วจบที่ห้องนอน ส่วนอื่นในบ้านไม่เคยถูกใช้หรอก
“ยังไงกันแน่ไอ้ทีป” พันวิเศษชะเง้อมองคนสวยในห้องครัวที่ง่วนอยู่หน้าเตา
“แกพานักศึกษาของฉันมาห้องแบบนี้ จะให้อาจารย์อย่างฉันอบรมอะไรดีวะ นี่มันผิดๆ ไอ้พัน เอาไม้เรียวมาให้หน่อยดิ”
“ไม่ต้องอินขนาดนั้น ไหนว่าเป็นอาจารย์ชั่วคราว” พันวิเศษสวนออกมาทันที
ทีปกรเปิดเบียร์แล้วยกกระดกอย่างใจเย็น เอนกายลงกับพนักเก้าอี้ มองการต่อปากต่อคำเพลินๆ
เขารู้สึกสบายใจในการคบกับนันท์นพินมาก เธอไม่วุ่นวายโทร. ตามเขาจนน่ารำคาญ เป็นเขาเสียมากกว่าที่โทร. ตามเจ้าตัวบ่อยผิดวิสัย ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาออกงานคู่กับกุลสตรีไปหลายงาน ไม่เห็นเธอถามซักไซ้ กลับยิ่งดูแลเขาดี ทำกับข้าวให้ เตรียมชุดให้ ถ้าวันไหนแฮงก์มาก ตื่นเช้ามาก็ทำน้ำซุปรอ บ่นบ้างเรื่องดื่มเหล้าหรือทำงานดึกดื่น ใช้ร่างกายหนักไม่หัดดูแล
ทีปกรชอบบรรยากาศเวลาอยู่กับนันท์นพิน ซึ่งผู้หญิงคนอื่นไม่เคยทำได้ ไม่ใช่เขาอยากควงใครซ้อน หรือหลายใจคบหลายคน เพียงแต่เขาไม่ชอบอาการหึงหวงหน้ามืดตามัว ไปกับใครที่ไหนทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องรายงาน เขาอายุปูนนี้แล้ว ด้วยหน้าที่การงานย่อมข้องเกี่ยวกับผู้หญิงบ้าง ซึ่งนันท์นพินไม่เคยล้ำเส้นนั้นที่เขาไม่ชอบสักครั้งเดียว เธอเชื่อใจเขา ไว้ใจเขา เขาชอบตรงจุดนี้
สำคัญกว่านั้นเธอไม่ได้ชอบเขาเพราะหน้าตาหรือเงินทอง เธอชอบเขาเพราะอดีตอันแสนเจ็บปวดที่เขาเคยผ่านมา เธอรู้จักตัวตนจริงๆ ของเขา
เขาชอบเธอมากๆ ทุกอย่างจนหลุดปากบอกเพื่อนไป
“แฟนฉัน”
“แก! แกคบกับเรือนคุณน้ำตอนไหน” พันวิเศษถามอย่างสงสัย อะไรมันจะปุบปับขนาดนี้
“ตอนสอนฉันก็ว่าอยู่ ทำไมนักศึกษาคนนี้หน้าคุ้นๆ ลืมไปได้ไงวะว่าเคยแคปรูปเขาส่งให้แกดู”
ณวพลครุ่นคิด อาจจะเพราะนันท์นพินตัวจริงกับในรูปค่อนข้างต่างกัน ในรูปว่าสวยแล้ว แต่ตัวจริงนี่คือสวยมาก หน้าหวานมากๆ แล้วอีกอย่าง ด้วยบุคลิกในไอจีของ Ruenkunnam ดูแสบซ่าพาฮา แต่ตัวจริงนี่ออกจะน่ารักเรียบร้อยต่างกันมาก
ณวพลชะเง้อคอมองให้แน่ใจว่าคนในครัวจะไม่ได้ยิน แล้วลดเสียงลงให้พอได้ยินกันสามคน
“ตอนพวกฉันส่งรูปเขาให้ ทำไมบอกพวกฉันว่าไม่สนๆ”
“แล้วแกคิดว่าใครลบรูปในไอจีเขาทิ้ง” ทีปกรบอกอย่างเหนือกว่า
สองหนุ่มถึงกับชี้นิ้วใส่ไอ้เพื่อนตัวดี ไม่พูดไม่จา มาอีกทีก็บอกว่าเป็นแฟนกันแล้ว แถมตัวจริงเจ้าของไอจีที่ตามเพื่อนมาเป็นปีๆ ก็สวยมาก หน้าหวานหยด ผิวขาวราวกับนมข้น แก้มนี่ใสจนมองกันตาค้างไปทีเดียว
“คุณทีปคะ อาหารนี่จะให้หนามทำแค่กับแกล้มหรืออาหารหลักด้วย” คนตัวเล็กโผล่มาจากช่องที่กั้นระหว่างด้านในกับด้านนอก
ทีปกรมองแก้มใสๆ นั่นแล้วนิ่ง ก่อนกวักมือเรียกอีกคนเข้ามาใกล้ หญิงสาวเดินมาใกล้อย่างว่าง่าย ก่อนถูกทีปกรฉุดให้นั่งลงข้างๆ
“กับแกล้มพอ พวกแกเอาอะไรพิเศษไหม”
สองหนุ่มมองนันท์นพินใกล้ๆ ยิ่งเห็นว่าสวยมาก แต่ก็เด็กมากด้วยเช่นกัน ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเสียดายที่เพื่อนคาบไปกินแล้ว
“ไม่เอาอะไรเพิ่มนะคะ มีใครไม่กินอะไรบ้างไหม หนามจะได้ไม่ใส่”
“หนาม” สองหนุ่มครางออกมาพร้อมกัน ก็แนะนำตัวกันมาแล้ว แต่คิดว่านั่นแค่ชื่อไอจีเก๋ๆ ก่อนพันวิเศษจะเอ่ยออกมา “ไม่ได้ชื่อน้ำหรือครับ”
นันท์นพินหัวเราะ ฉีกยิ้มจนแก้มขึ้นเป็นก้อนกลมๆ น่ารัก และทีปกรก็อดหยิกแก้มใสนั่นไม่ได้
“ก็คล้ายๆ กับที่อ่านเป็น นา กับ วีวี่ นั่นแหละค่ะ”
“เป็นคุณอีกละสิที่บอกนักศึกษาคนอื่นว่าผมชื่อนา”
“อุ๊ยๆ อาจารย์ดุจัด นี่ให้งานอย่างโหดแล้ว นอกมหา’ลัยยังดุอีกนะคะ หนามขอตัวก่อนดีกว่า นี่ต้องรีบกลับไปทำงานที่อาจารย์สั่งอีก แทบไม่ว่างเลย”
พูดเหมือนกลัว แต่ก็ฟ้องทีปกรกลายๆ ก่อนจะปลีกตัวเข้าครัว แล้วจัดเรียงกับแกล้มมาให้
ทีปกรตามเข้าครัวมาตั้งแต่ตอนเธอปลีกตัวมาแล้ว “อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือไง”
“หนามมีงานเยอะนี่คะ แล้วคอนโดหนามก็อยู่แค่นี้เอง ไปเองได้”
เมื่อคิดว่ารั้งไม่อยู่ อีกทั้งณวพลและพันวิเศษก็คงไม่ยอมถูกเฉดหัวทิ้งตอนนี้แน่ๆ ทีปกรเลยจำต้องปล่อยอีกคนไปก่อน
“งั้นผมไปส่ง”
“คุณอยู่กับเพื่อนเถอะค่ะ ถึงแล้วหนามจะโทร. บอก”
“ผมอยู่กับเพื่อนบ่อยแล้วนะ” ทอดเสียงยาว ไม่ได้คิดจะทำให้ดูน่ารัก แต่ความรู้สึกมันพาไปเอง คิดว่าเขาคงกำลัง ‘อ้อน’ เธออยู่แน่ๆ
นันท์นพินซึ่งตั้งแต่คบหากับทีปกร คุ้นชินแต่หน้านิ่งๆ เสียงดุๆ อารมณ์เหมือนถูกครูฝ่ายปกครองคุมเข้มมาตลอด พอเห็นท่าทีแบบนี้ก็อดใจสั่นไม่ได้ แต่เธอไม่อยากใส่ชุดนักศึกษานั่งมองหน้าอาจารย์ของตัวเองดื่มเหล้า และอาจพลั้งปากพูดห่ามๆ ไป
แม้จะมีเสื้อผ้าอยู่ในห้องของทีปกรที่เอามาเปลี่ยนได้ แต่คิดอีกที ปล่อยให้หนุ่มๆ เขาได้ซักถามกันลำพังจะดีกว่า
“อยู่กับหนามก็บ่อยเหมือนกันแหละน่า ห่างกันสักพักนะคะ”
ทีปกรเลิกคิ้ว เขาเคยพูดประโยคพวกนี้ตอนเลิกกับสาวๆ ก็ดูเหมือนจะชินชา แต่พอนันท์นพินพูด รู้สึกเหมือนถูกทิ้งจริงๆ และไม่ชอบเลย
“ผมให้คนรถของคอนโดไปส่งนะ ถึงห้องแล้วส่งข้อความมาบอกผมหน่อย จะได้ไม่เป็นห่วงมาก”
“รับทราบ” หญิงสาวยกมือตะเบ๊ะพร้อมฉีกยิ้มหวานๆ ให้เขา
เธอคุ้นเคยกับพนักงานคอนโดนี้ดี เพราะนี่เป็นอีกโครงการที่ทีปกรดูแล จะใช้คนไปส่งที่คอนโดใกล้ๆ ก็ไม่เกินแรงเขานัก เมื่อลาเพื่อนของทีปกรแล้ว เขาก็ลงมาส่งเธอขึ้นรถก่อนกลับขึ้นไปหาเพื่อน
“นี่เขาทำอาหารเป็นจริงสิ” พันวิเศษมองกับแกล้มที่ถูกตกแต่งเป็นคำๆ อย่างสวยงามวิจิตร
“ถ้าทำอาหารไม่เป็นจะคบเป็นแฟนทำไม”
“เออ แฟนแกสวย แฟนแกเก่ง แต่แกคบจริง คบนานเลยใช่ไหมคนนี้”
ณวพลทราบดีว่าเพื่อนคบสาวที่ไหนก็ไม่เคยนาน แล้วตอนนี้ด้วยความที่สภาพบังคับให้เป็นอาจารย์ก็อดห่วงนักศึกษาไม่ได้
“ก็ยังไม่มีอะไรบอกว่าไม่ใช่สักอย่าง”
“แล้วคุณทัศนาบอกว่าผ่านหรือยัง” พันวิเศษถามย้ำ เพราะเห็นหน้าใสๆ กระดูกอ่อนๆ ของนันท์นพินแล้ว ดูท่าจะไม่ผ่านด่านคุณแม่ของทีปกรไปได้ รายนั้นยิ่งทั้งรักทั้งหวงและถนอมทีปกรมาก “ดูเด็กขนาดนั้น เอ๊ะ! ว่าไปไล่ๆ อายุดู ที่เขาตามจีบแกตอนนั้นก็ราวสิบเจ็ดสิบแปดไหมไอ้ทีป”
ทีปกรไม่ตอบ เพียงยกเบียร์ขึ้นจิบ และจิ้มกับแกล้มเข้าปาก แต่ณวพลที่เพิ่งทำหน้าที่อาจารย์ดันเกิดรักและหวงลูกศิษย์ขึ้นมา
“เฮ้ย! แบบนี้ไม่ได้แล้วไอ้ทีป แกจะมาวอแวกับเด็กแบบนี้ไม่ได้ มันไม่ถูก”
“หยุดเลยพวกแก ฉันไม่ได้วอแว เด็กมันตามจีบฉันเอง หรือพวกแกไม่รู้”
“สรุปเด็กจีบแกติด หรือว่าแกยอมให้เด็กจีบติด”
ทีปกรยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก เขาไม่ถนัดหลอกเด็ก แต่ก็คิดว่าไม่ยากสักเท่าไรที่จะลองหลอกเด็กดู และเด็กคนนี้ก็ทำให้เขาชอบหลายๆ อย่างมาก ทำให้ทีปกรอายุสามสิบหกปีเป็นทีปกรสามขวบก็ยังได้
เมื่อนันท์นพินกลับถึงห้องก็ส่งข้อความรายงานตัวกับทีปกร เห็นเขาอ่านแล้วไม่ได้ตอบอะไร คงกำลังสนุกสนานกับเพื่อน เธอก็ทำธุระส่วนตัว ตอบเพจอาหารของพี่ชาย จัดตารางงาน ดูแลเรื่องเงินเดือนพนักงานในร้าน แล้วอ่านหนังสือจนล่วงเลยเวลานอนมาสักสองชั่วโมงแล้ว จึงเอาโทรศัพท์มาเช็กความเคลื่อนไหวก่อนนอน เห็นทีปกรลงรูปเปิดแชมเปญพร้อมเขียนกำกับว่า
ฉลองความโสดครั้งสุดท้าย หลังเที่ยงคืนจะไม่โสดแล้วนะ
แล้วเพื่อนของเขาสองคนก็คอมเมนต์ใต้ภาพ
Phanwises : เตรียมขันหมาก
Navapon : ฉันต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว หรือญาติผู้ใหญ่
มีบางเมนต์ออกนอกกระทู้นิดหนึ่งตรงที่ถามว่าอาหารที่วางอยู่ใกล้แชมเปญหน้าตาดี ดูวิจิตร สั่งจากไหน แล้วก็มีคนเห็นมากมาย อย่างมากก็ทำให้เจ้าของไอจีตอบคอมเมนต์ให้ได้ว่าสั่งตรงจาก ‘Ruenkunnut’
และนันท์นพินก็เข้าไอจีของทางร้านไปขายของใต้คอมเมนต์ พร้อมเส้นทางการสั่งและจอง ก่อนจะมองสาวๆ ที่คอมเมนต์ต่อเนื่องชมว่าพี่ชายเธอหน้าตาดี ขนมอร่อย อาหารเป็นเลิศ
หญิงสาวอ่านทวนที่ทีปกรโพสต์อีกครั้ง แต่ตีความไม่แตก ก่อนจะวางโทรศัพท์และเข้านอน
ตกดึกนันท์นพินจำได้ว่าตนเองปิดแอร์แล้ว หลังเปิดมันแค่สามชั่วโมง ก่อนจะเปิดพัดลมเป่าเอา หญิงสาวควานมือหาผ้ามาคลุมกาย แต่กลับได้ไออุ่นจากอะไรสักอย่างแข็งๆ ตามติดมาแทน
“หนาว...” ครางงัวเงีย ขยับศีรษะหาท่านอนที่เหมาะสม พอได้กลิ่นแปลกๆ ก็ดันบางอย่างออกจากข้างแก้ม พลิกกายนอนหันหลังให้ แต่เจ้าความอบอุ่นนั้นก็ตามเข้ามาประชิดตลอดแผ่นหลังนุ่ม
ทีปกรไม่ทราบว่าตนเองมาที่นี่ได้อย่างไร แต่หลังหลับพักผ่อนเพียงพอ ดวงตาก็หรี่ปรือมองคนข้างกายที่แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป ตั้งแต่ตื่นมาแล้วคว้ามือนุ่มนิ่มของเธอแตะต้องเขา การตื่นนอนด้วยการยืนตรงเคารพธงชาติอันเป็นธรรมชาติของเขาก็ไม่ได้บรรเทาง่ายๆ อีกต่อไป ยิ่งยามคิดถึงเธอมันยิ่งแข็งขึงขึ้นมากเท่านั้น
และตอนนี้ เวลาเช้าแบบนี้ กอดเนื้อกายนุ่มนิ่มแบบนี้ เขายิ่งตื่นตัวเต็มที่ ร่างหนาพลิกกายคร่อมทับคนตัวเล็ก ช้อนกายเธอให้หันมา กดปลายจมูกลงกับพวงแก้มนุ่ม สองมือสอดเข้าตามชายเสื้อ ดันตัวเสื้อขึ้นด้านบน
“หนาม ขยับตัวหน่อย”
คนหลับแสนสบายครางเบาๆ อย่างไม่พอใจ แต่ยอมขยับตัว ชูแขนตอนที่เสื้อนอนถูกถอดออก ตามด้วยแรงขยับไม่นาน ความร้อนจัดก็ขยับเข้ามาใกล้
ในความรู้สึกแสนสะลึมสะลือของนันท์นพิน เธอรู้สึกเหมือนถูกนาบด้วยไฟร้อนไปตามพวงแก้ม ลำคอ เนินอก แรงเคล้าคลึง ดูดดื่มรุนแรงจนถอนหายใจสั่นๆ ออกมา
แรงกัดย้ำเบาๆ ตรงยอดอกทำเอาเสียงสะอื้นหลุดออกมา ดวงตางัวเงียปรือขึ้น สองมือซุกเข้าที่พวงผมดก
ทุกอย่างเหมือนฝันอยู่เลย ตอนที่ปากร้อนจูบซับลงที่หน้าท้องราบเรียบ ผิวกายขาวนวลเนียน ไล่ต่ำลงไปจดขอบกางเกง ก่อนร่างหนาจะชันกายขึ้น สองมือยึดขอบกางเกงเธอแล้วรูดลงต่ำ
“ยกตัว”
นันท์นพินทำตามอย่างงงๆ จนตอนที่กางเกงนอนพร้อมชั้นในถูกโยนไปข้างเตียง รับรู้ว่าตอนนี้เนื้อตัวเปล่าเปลือย ยกมือแตะที่หน้าท้องเขา แขนของเขา ถึงได้บอกตนเองว่า ‘นี่ไม่ใช่ฝัน’
“คุณทีป ไหน...ไหนว่าเราจะไม่ร่วมเตียงกันจนกว่า...” ดันแผงอกแกร่งที่แน่นและแกร่งมาก เพียงเผลอไผลแตะ มือน้อยก็สั่นเทา หัวใจเต้นแรง ตอนที่กายแกร่งแนบลงบนเนื้อกายอ่อนนุ่ม สองมือเขาสอดไปด้านใต้ล็อกสองแขนของเธอเอาไว้
“ไม่เคยนับเวลาเลยสิว่าผ่านไปกี่วันแล้ว”
เสียงพูดคล้ายเสียงกระซิบชิดริมฝีปาก ก่อนจะบดเคล้าริมฝีปากจูบลงบนเรียวปากที่เผยอค้างอย่างงุนงง ค่อยบดเคล้าแยกปากนุ่ม แล้วสอดปลายลิ้นเข้าไปวาดไล้เย้าหยอกด้านใน
ขณะที่มอบรสจูบหอมหวาน แผงอกแกร่งก็เสียดสีกับอกอิ่มไปมา เรียวขาสวยถูกแยกออก แล้วเอวสอบก็ทาบทับแทรกลงมา สัมผัสที่ใกล้ชิดสร้างความร้อนแสนระอุ จนนันท์นพินไม่แน่ใจว่าควรวางมือเอาไว้ตรงไหน สองขาควรวางท่าไหน ขยับขาคราวไหนก็รู้สึกว่าเสียดสีกับสะโพกเพรียว ซ้ำเขายังส่งเสียงครางทุกครั้งไป
“คุณทีป...เดี๋ยวก่อนๆ”
“วันนี้ครบกำหนดสามอาทิตย์ที่เราตกลงกันแล้วนะ นี่ก็ตีสามผ่านมาแล้ว ครบรอบกำหนดพอดีเลย”
คนเพิ่งผละจูบตาปรือมาก พร้อมยกยิ้มใส่หน้าอีกฝ่ายที่แดงระเรื่อ ก่อนจะจุ๊บลงที่ปากบวมช้ำเพราะแรงบดขยี้เอาแต่ใจ แล้วซุกปลายจมูกลงที่ซอกคอ สองมือเลื่อนลงมาตามสีข้าง ผ่านมาที่หน้าขานุ่มนิ่ม
“ทำไมมันเร็วจังเลยล่ะคะ”
นันท์นพินยังไม่ยอมรับความจริง กัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางตอนที่ปากร้อนจัดครอบลงที่อกอิ่มอีก มือเคล้าความอวบอิ่มจนเต็มกำมือ สะกิดปลายนิ้วลงที่ยอดอกสลับกับแรงขบกัดจากฟันสวย
“คุณทีปขา หนาม...หนาม เรียนเช้า”
หาข้ออ้างที่แสนจะฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย สองมือคนเขินอายผลักดันเขาให้วุ่นที่เห็นเขาทั้งเลียทั้งจูบเนื้อตัวเธอ และข้างใต้นั่นก็ใกล้ชิดจนรับรู้ความร้อนจัดราวกับออกจากเตา ทั้งแข็งขึงผงาด เวลาเขาขยับตัวมันปัดป่ายเปะปะขาอ่อนด้านใน
“เพิ่งตีสามเอง จะทำให้เสร็จพอดีกับที่คุณต้องตื่นอาบน้ำ”
ผิวขาวผ่อง กลิ่นหอมหวาน และเรือนกายอรชรที่สวยจัดทำทีปกรห้ามตนเองไม่ได้ คำรามตอนซุกหน้าลงกลางทรวงอวบอิ่ม
“หนามกลัวเจ็บแล้วเดินแปลกๆ” เอ่ยบอกหาทางเอาตัวรอดอีกหน ได้ยินเสียงหัวเราะ และรอยขยับยิ้มชิดผิวเรียบลื่น
“ไปฟังอะไรแปลกๆ มาล่ะ ลามกนะเรา”
ทีปกรเงยหน้าขึ้น แตะปลายจมูกนันท์นพินเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ยึดฝ่ามือน้อยของเธอซุกลงต่ำ จนพบความร้อนจัดที่เหยียดตัวแข็งขมึง
“ผู้หญิงเวลาคลอด เด็กตัวใหญ่กว่านี้เยอะ”
แทนที่จะช่วยให้เธอสบายใจกลับต้องหวาดกลัวหนักขึ้นไปอีก เลยไม่ทันสงสัยจนตอนที่อุ้งมือหนากระชับรอบมือนุ่มนิ่มพาเธอขยับ ใบหน้าหล่อก็ซุกลงตรงซอกคอ ถูไถปลายจมูกกับใบหูเล็ก และส่งเสียงครางแสนทรมาน
“มือคุณนุ่มเป็นบ้าเลย”
เม้มปากงับใบหูเล็กแล้วส่งเสียครางกระหึ่มสร้างความซ่านเสียว ขณะที่เร่งมือพาตัวตนเดินทางไป ความอุ่นจัดก็ทะลักออกมา ร่างหนากระตุกแรงๆ พร้อมส่งเสียงคำรามก้อง เกลี่ยปลายจมูกโด่งไปตามลาดเนินอก งับผิวอ่อนใสอย่างเมามัน ก่อนจะค่อยๆ ลดระดับแรงจังหวะลง แล้วหยุดนิ่งไปในที่สุด
ทั้งสองต่างหอบหายใจแรง นันท์นพินรู้สึกว่าแขนล้า ทำขนมหรือทำกับข้าวยังไม่หนักหนาแบบนี้มาก่อน ยังรู้สึกว่าเขาอยู่ในอุ้งมือ ‘แบบนี้เธอจะทำกับข้าวได้ไหมเล่าวันนี้ จะมองมือยังไงโดยไม่ให้คิดถึงเขาในเวลานี้เล่า’
แม้อุ้งมือนุ่มๆ จะปลดปล่อยเขา แต่ทีปกรยังรู้สึกว่าไม่พอ มันยังทรมานอยู่ แต่สงสารอีกคนที่ร้องประท้วง ตอนนี้ก็นอนนิ่งเหมือนช็อกอยู่ใต้ร่างเขาจึงขยับกายออกห่าง ดึงทิชชูให้อีกคนทำความสะอาดฝ่ามือ
“ทำไมคุณทีปชอบเอามือหนามมาทำแบบนี้นักนะ”
เช็ดมืออย่างกระแทกกระทั้น ขณะเดียวกันก็บ่นไปด้วย ขยับกายนั่งพับเพียบ ลืมไปเลยว่าตนเองนั่งเปลือยขาวกระจ่างอยู่บนเตียง
“ก็คุณยังไม่พร้อม แล้วผมก็มีความต้องการ”
‘ทำไมไม่ทำคนเดียวเล่า เอามือเธอไปทำแบบนั้นทำไม’ นันท์นพินมองมือตนเองตาละห้อย บอกไม่ถูกว่าขยะแขยงหรือซาบซ่าน หรืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ มันแปดเปื้อนไปอีกแล้ว
ทีปกรกลับขึ้นเตียง คลานมาหา สองมือเท้าลงบนที่นอนกักคนที่นั่งหน้างอตัวแดงเถือกทั้งตัวไว้ มีตรงไหนบ้างบนร่างกายนี้ที่ไม่สวย เธอสวยไปทุกอณู ยิ่งคิดก็อยากเห็นและชิมรสชาติว่าจะสวยและหวานสักเท่าไร ว่าแล้วปากร้อนจัดก็แนบลงที่ปลายเท้า สองมือกระชับข้อเท้าเล็ก ดึงเบาๆ จนนันท์นพินเสียหลักหงายหลังลงบนที่นอน
“คุณทีป! หนามไม่ทำแล้วนะ แขนหนามล้าไปหมดแล้ว”
หญิงสาวร้องประท้วง สองมือระดมทุบหน้าอกแกร่ง เขาเพียงเบี่ยงกายหลบ ปัดป่ายสองมือเธอก่อนจะโฉบดวงหน้าเข้ามาใกล้ แนบจูบดูดดื่ม ทำเอาคนต่อต้านนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง แต่จูบนั้นไม่ได้หยุดอยู่ที่ปาก ความร้อนชื้นเลื่อนมางับที่ปลายคาง ซอกคอ ทิ้งจูบร้อนเอาไว้ที่เนินอก งับเบาๆ ที่ยอดอก
นันท์นพินถอนหายใจ รู้สึกเหมือนตัวสั่นเทาไปหมด ขณะเดียวกันก็ราวกับมีผีเสื้อบินวนในช่องท้อง ทุกครั้งที่ปากเขาแนบลงมาเหมือนจะทำให้เธอเผลอส่งเสียงออกมา ไม่ใช่เสียงประท้วง แต่มันวาบหวาม ทรมาน ปะปนกัน
เป้าหมายของทีปกรไม่ได้อยู่ที่หน้าอก หรือหน้าท้อง แต่ปากร้อนลงต่ำไปกว่านั้น
นันท์นพินตกตะลึง รีบหุบขา แต่สองมือแกร่งก็ดันต้นขาเรียวสวยออก ตาของเขากำลังจดจ้องตรงนั้น ทำเอาเธอใจหาย จนรู้สึกว่าร่างสุกกรุ่นเพราะความร้อนจัดที่แผดเผาไปทั้งตัว
ทีปกรไม่รู้เลยว่าแม่ขนมหวานของเขาถูกเลี้ยงมาแบบไหน ทำไมถึงได้สวยทุกซอกทุกมุมแบบนี้ ดวงตาเข้มจัดหรี่ปรือมองดวงตาคู่สวยที่หยาดเยิ้ม สองมือไขว่คว้าจะปกปิดความสวยจากเขา แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อปลายลิ้นร้อนจัดวาดลงไป
เสียงหวีดร้องเล็กๆ กรีดดังออกมา เกร็งไปหมด เธอตกตะลึงเมื่อรับสัมผัสสนิทเสน่ห์หานั้น
ทีปกรสร้างความซ่านเสียวแผ่กระจายไปทั่ว จากจังหวะเชื่องช้ามีลีลาทำเอานันท์นพินรู้สึกแปลกใหม่ เปิดโลกทัศน์ที่ไม่เคยเห็น แล้วพอเขาทำแบบนั้นอย่างตะกรุมตะกรามทั้งปากทั้งมือ นันท์นพินก็ทำอะไรไม่ถูก จากสองมือที่ดุนดันบ่าแกร่งตอนนี้ยกขึ้นซุกที่พวงผมยาวสลวยของตนเอง มันทั้งตื่นเต้น แปลกใหม่ สนุก ซาบซ่าน จนไม่อาจต้านทานอารมณ์ได้ สมองเธอโล่งเหมือนตอนที่ขึ้นรถไฟเหาะ สนุกและตื่นเต้นสุดๆ
“คุณทีปคะ หนาม...หนาม รู้สึก” เอ่ยเสียงไม่ปะติดปะต่อ บิดกายไปมา
“รับมันเลยครับ”
บอกเสียงงึมงำ ก่อนจะคะยั้นคะยอให้เธอผงาดขึ้นรับความสุขสมรุนแรงที่ทำเอากรีดร้องเสียงหลง น้ำตาซึมหางตา หัวใจสั่นระรัวราวกับคลุ้มคลั่ง เหมือนมีแรงระเบิดออกมาจนสะดุ้งเฮือก
และความรุนแรงนั้นทำเอาทีปกรเงยหน้าคว้าโทรศัพท์มาดูเวลา
“เราพอมีเวลา”
ความคิดเห็น |
---|