5

ผิดพลาด

๕ 

ผิดพลาด

 

แล้ววันเสาร์ก็เวียนมาบรรจบอย่างรวดเร็ว จิรัศยาไม่ได้บอกบุรัสกรเรื่องที่คุยกับชานนท์ด้วยไม่อยากให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย ถ้าบุรัสกรรู้คงไม่พ้นเอาไปปรึกษากับคมกฤษเป็นแน่ เธอจึงให้ผู้จัดการรับงานเพิ่มจะได้ดูยุ่งๆ เข้าไว้ เช้าวันนี้ก็รีบตื่นแล้วรีบออกมาเพื่อหลบหน้าบุรัสกร มาถึงบ้านเตวิชได้ก็ล้มตัวลงนอนต่อไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเจ้าของบ้านจะอยู่หรือไม่เพราะสามารถเข้านอกออกในบ้านเขาได้สะดวกแล้ว ตกบ่ายถึงได้ตื่นแล้วลุกไปเดินสำรวจรอบๆ บ้านก็พบว่าเตวิชหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน

“คุณเตคะ” เธอเคาะประตูส่งสัญญาณ พอเขาตอบกลับมาจึงเปิดประตูเข้าไป “ฉันมาถามว่าเย็นนี้จะกินอะไร พอดีฉันจะสั่งดิลิเวอรี”

“อะไรก็ได้ คุณสั่งมาได้เลย” ท่าทางเขาจะดูยุ่งๆ ไม่แม้แต่จะละสายตาจากหน้าจอขนาดยักษ์ทั้งสามจอ

“เอ่อ คือฉันอยากจะขอยืมแลปทอปของคุณด้วย ฉัน...ต้องค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพตัวละครเรื่องใหม่”

“อยู่บนโต๊ะน่ะ หยิบได้เลย”

จิรัศยาออกจะงงหน่อยๆ ที่เขาอนุญาตอย่างง่ายดาย กระนั้นก็วิ่งปร๋อเข้าไปคว้าแลปทอปมากอดไว้ดั่งกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ “ขอบคุณค่ะ ถ้าอาหารมาถึงฉันจะขึ้นมาตามนะคะ”

“อือ”

จิรัศยาหลบฉากออกมา รอบนี้บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่ผลีผลาม ทุกอย่างต้องรัดกุมแบบไม่มีที่ติและหลักฐานที่ได้ต้องแน่นหนาพอ 

“สั่งอาหารก่อนก็แล้วกัน” เธอวางแลปทอปไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาแล้วเลือกอาหารให้เขาอย่างตั้งใจ อย่างน้อยก็ถือว่าทำดีส่งท้าย

หลังจากเลือกเมนูและสั่งอาหารเสร็จ รอประมาณครึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็พร้อมรับประทาน จิรัศยาขึ้นไปตามเตวิชดั่งที่ได้บอกไว้ ฝ่ายนั้นเพียงพยักหน้าแล้วบอกว่าเดี๋ยวลงไป แต่รอแล้วรอเล่าจนกินส่วนของตัวเองหมดก็ยังไม่มีวี่แวว

“จะลงมาไหมเนี่ย” คนไม่เคยเอาใจใครหน้าบูด อยากจะวางทิ้งไว้อย่างนี้แล้วไปค้นหาหลักฐานในแลปทอปให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็แย้ง ไหนๆ ก็ทำดีมาขนาดนี้แล้วจะทิ้งไปกลางคันก็กระไรอยู่ จิรัศยาถอนใจแล้วหยิบข้าวหน้าเนื้อกับซูชิที่แบ่งไว้ใส่ถาดถือขึ้นไปชั้นบน เคาะประตูห้องทำงานให้คนด้านในรู้ตัวก่อนจะเปิดเข้าไป

“เดี๋ยวผมลงไป” เขาไม่หันมามองเช่นเดิม มือยังขยับรัวอยู่บนคีย์บอร์ด ตาจ้องจอเขม็ง

“ฉันเอาขึ้นมาให้แล้ว คุณอย่าลืมกินล่ะ”

จู่ๆ เขาก็ชะงักแล้วหันกลับมา จิรัศยาจึงยกถาดอาหารให้ดูแล้วเดินเข้าไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานที่อยู่ด้านหลังเขา

“อีกสักชั่วโมงฉันจะขึ้นมาเก็บก็แล้วกัน” เธอไม่อยู่ดูว่าเขาจะตอบรับหรือปฏิเสธ ถือว่าทำหน้าที่ในฐานะเพื่อนร่วมบ้านได้ครบถ้วนแล้ว

ด้านเตวิชก็มองตามจนกระทั่งจิรัศยาเดินลับออกไป ก่อนจะลุกมานั่งที่โต๊ะทำงานมองอาหารแล้วกระตุกยิ้ม 

อือ...ก็ถือว่าเจ้าหล่อนยังมีน้ำใจอยู่บ้าง

 

จิรัศยาค้นหลักฐานในแลปทอปของเตวิชให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่าเดิม แล้วสิ่งที่พบก็ทำให้ขนอ่อนๆ ในกายลุกซู่ มีภาพล่อแหลมของเรนนี่หลายภาพซึ่งเธอยืนยันได้เลยว่าผ่านการตัดต่อมาอย่างแนบเนียน   เธอรีบเข้าไปเช็กในห้องแชตควีนบีว่ามีการอัปโหลดไปบ้างหรือยัง เมื่อเห็นว่ายังไม่มีภาพใดๆ เพิ่มเติมจากรอบที่แล้วจึงค่อนข้างโล่งใจ รีบถ่ายภาพหลักฐานทั้งหมดเก็บไว้ แล้วไล่ดูห้องอื่นๆ ที่เขาเคยเข้ากระทั่งไปเจอการ์ดเชื้อเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำเดือนของแก๊ง

“ผู้เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียน จ่ายค่าสมาชิก เมื่อเสร็จแล้วทางแอดมินจะส่งสถานที่ วัน เวลาไปให้ทางอีเมล” ดูเหมือนการเข้างานจะค่อนข้างรัดกุม แถมการจ่ายเงินก็เป็นสกุลดิจิทัลกับ E-wallet ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นกระเป๋าเงินออนไลน์เท่านั้น เพื่อป้องกันการสาวถึงตัวสมาชิก

พอรู้รายละเอียดคร่าวๆ จิรัศยาก็เปิดอีเมลของเตวิชทันที ซึ่งก็ล็อกอินค้างไว้เหมือนเคย ทำให้เธอพบอีเมลที่เขาสมัครไปงานเลี้ยงได้ไม่ยาก

“เยส! โชคเข้าข้างจริงๆ” เธออดดีใจไม่ได้ รีบส่งต่อเข้าอีเมลตัวเอง แล้วค้นอีเมลอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องแต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติอีก “หลักฐานเท่านี้ก็คงพอ ฉันช่วยแกได้แน่นอน เรนนี่”

ความมุ่งมั่นในแววตาเต็มเปี่ยม เธอมั่นใจว่าถ้านำข้อมูลเหล่านี้ไปให้ตำรวจอาจสาวไปถึงตัวการหลักๆ ของแก๊งควีนบีได้เลย

จิรัศยามีบทเรียนจากครั้งก่อนแล้ว จึงส่งหลักฐานทุกอย่างที่ได้ให้บุรัสกรตรวจสอบเพื่อประเมินว่าเพียงพอหรือไม่ ฝ่ายนั้นเงียบหายไปไม่นานก็ตอบกลับมาว่าค่อนข้างครบถ้วน โดยจะส่งหลักฐานทั้งหมดต่อให้คมกฤษ จากนั้นก็แค่รอว่าตำรวจจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร 

“หวังว่าจะไม่ตีมึนหรอกนะ” จิรัศยาไม่ค่อยไว้ใจตำรวจยุคนี้เลย ก็ห้องแชตควีนบีเปิดตัวมาเป็นปีๆ เคยมีข่าวนักแสดง นักร้อง นางแบบหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อแต่ก็เงียบหายไปในเวลาไม่นาน สมาชิกก็มีหลายหมื่น ดีไม่ดีหนึ่งในนั้นอาจเป็นคนใหญ่คนโตที่นึกไม่ถึงก็ได้ 

“พี่กฤษไว้ใจได้ แกรักษาเนื้อรักษาตัวให้กลับมาครบสามสิบสองก็พอ”

ดูเหมือนบุรัสกรจะเดาความคิดเธอได้ ถึงได้พิมพ์ดักคอ “ขอให้จริงเถอะ เพราะถ้าแผนนี้ล้มเหลวก็ไม่รู้จะไปสืบข่าวเรนนี่จากที่ไหนแล้ว” ปากพึมพำมือก็พิมพ์ตาม ก่อนจะแยกย้ายกันเพราะบุรัสกรต้องโทร. ไปหาคมกฤษต่อ

จิรัศยาทำลายหลักฐานการส่งอีเมล ปิดเครื่องแล้วหิ้วแลปทอปขึ้นไปคืน เธอเคาะประตูห้องทำงานก่อนเข้าไปซึ่งเตวิชก็ไม่หันมามองเช่นเดิม

“ฉันเอาแลปทอปมาคืนค่ะ”

“วางไว้บนโต๊ะได้เลย”

ท่าทางไม่สนอกสนใจทำให้เธออดระแวงไม่ได้ แต่เขาก็ดูยุ่งจริงๆ ตัวหนังสือภาษาอังกฤษบนหน้าจอยังคงวิ่งอย่างต่อเนื่อง จอด้านขวาเป็นกราฟอะไรสักอย่างขึ้นๆ ลงๆ จอด้านซ้ายแสดงหน้าจอเหมือนเว็บไซต์ทั่วๆ ไปที่เธอเคยใช้งาน

“งานเร่งมากเลยเหรอคะ”

“อือ ใกล้ Go live (ขึ้นระบบ) แล้ว”

คนไม่รู้ศัพท์เทคนิคเอียงคองงๆ แต่ก็ไม่อยากเดาว่ามันหมายถึงอะไร 

“คุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม” คนมีชนักติดหลังถามเพื่อแสดงความห่วงใย อย่างน้อยก็อย่าเพิ่งให้เขารู้ตัวตอนนี้ว่าเธอทำอะไรลงไปบ้าง

“ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ก็ขอกาแฟสักแก้ว”

“ค่ะ ฉันจะจัดการให้” จิรัศยาคว้าถาดอาหารกลับลงไปที่ชั้นล่าง ชงกาแฟอย่างที่เคยสังเกตว่าเตวิชชอบแบบไหนขึ้นมาส่งหนึ่งแก้ว ซึ่งก็ได้คำขอบคุณเบาๆ จากคนที่ยังจ้องหน้าจอตาไม่กะพริบ เธอจึงไม่รบกวนอะไรเขาอีก ปลีกตัวออกมาเงียบๆ 

คืนนั้นจิรัศยานอนไม่ค่อยหลับ หวาดระแวงกลัวเตวิชจะรู้ตัว แต่จะให้หนีกลับไปเหมือนครั้งที่แล้วก็กลัวจะเผยพิรุธเกินไป เช้ามาใต้ตาจึงดำคล้ำ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เท่าคนที่เดินอ้าปากหาวลงมาจากชั้นบน 

“คุณได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย” คนกำลังยกแก้วกาแฟขึ้นจิบถึงกับชะงักเมื่อเห็นสภาพราวซอมบีของอีกฝ่าย หน้าตาสะลึมละสือ เสื้อผ้ายังเป็นชุดเมื่อวาน ทรงผมกระเซอะกระเซิง

“ยัง” เขาไม่ตอบเปล่า ยังเอื้อมมาหยิบแก้วกาแฟจากมือเธอไปยกซดทีเดียวจนหมดเกลี้ยง

“เอาอีกไหม” จิรัศยาอดถามไม่ได้ เพราะดูท่าว่ากาเฟอีนแก้วเดียวจะไม่ช่วยอะไร

“ไม่ละ เดี๋ยวผมต้องเข้าบริษัท เลยมาถามว่าคุณจะกลับตอนไหน”

“ทำไมคะ กลัวฉันค้นบ้านคุณหรือไง” คนปากไวอดค่อนขอดไม่ได้ รู้แหละว่าหวง แต่ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานอื่นๆ แล้ว

มุมปากคนอดนอนยกสูงนิดๆ “เปล่า แม่ผมจะมาน่ะ ถ้าคุณจะอยู่ก็...”

“กลับค่ะ ฉันจะออกไปพร้อมคุณ” เรื่องอะไรจะอยู่ล่ะ สภาพที่แม่เขามาเห็นเธอตอนหลับไม่รู้เรื่องอาทิตย์ที่แล้วยังทำให้อับอาย อีกทั้งไม่อยากให้ใครก็ตามรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ด้วย

“ผมเอารถผมไป” รถที่ว่าก็คือบิ๊กไบค์ยี่ห้อดังที่จอดอยู่ในโรงรถหน้าบ้าน

“ฉันจะเรียกรถมารับ” เธอไขความกระจ่าง ออกไปพร้อมกันไม่ได้หมายความว่าจะไปด้วยสักหน่อย เธอไม่ได้อยากซ้อนท้ายเขาสักนิด

“โอเค ผมจะออกในอีกครึ่งชั่วโมง”

“หา! ครึ่งชั่วโมง! แต่ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย ไหนจะแต่งหน้า แต่งตัวอีก นี่!”

เตวิชไม่รอให้เธอพูดจบก็หมุนตัวขึ้นไปชั้นสอง ปล่อยให้คนประณีตในการแต่งตัวได้แต่โวยวาย 

“ฉันเป็นคนดังนะ  จะออกไปให้ผู้คนพบเห็นสภาพเยินๆ แบบนี้ได้ไง”

ปัง!

เสียงประตูที่ปิดลงทำให้รับรู้ว่าเขาไม่สนใจคำพูดเธอสักนิด จิรัศยาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกระทืบเท้าตึงๆ ไปยังห้องพักของตัวเอง คอยดูนะ! เธอจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแน่นอน

 

บุรัสกรอ้าปากค้างขณะเห็นจิรัศยาเดินหิ้วกระเป๋าเข้ามาในห้อง หลายปีแล้วมั้งที่ไม่เห็นเพื่อนออกไปเผชิญหน้ากับสาธารณชนในสภาพนี้ 

“ไม่ต้องมองย่ะ” จิรัศยาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างโมโห มือดึงฮูดคลุมหัวลง “เมื่อกี้นะ ลุงคนขับจำฉันได้ด้วย ตื๊อจะขอถ่ายรูปท่าเดียว ฉันต้องหาข้ออ้างมาปฏิเสธสารพัด” ปกติเธอไม่ใช่คนถือเนื้อถือตัวหรือหยิ่งยโส แต่สภาพที่ใบหน้าลงแค่บีบี น้ำไม่ได้อาบ ผมเผ้ารุงรังจนต้องสวมเสื้อฮูดปิดบังขนาดนี้ ขืนมีภาพหลุดออกไปคงกระทบภาพลักษณ์แน่นอน

บุรัสกรหลุดขำ อารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้นี่ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นเหมือนกัน

“หยุดเลย เพราะหมอนั่นคนเดียว” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ตอนแรกบอกให้เวลาครึ่งชั่วโมงเธออุตส่าห์ยอมไม่อาบน้ำ พอลงบีบีเสร็จเท่านั้นแหละกลับส่งเสียงผ่านจีนี่ บอกให้รีบออกมาเพราะมารดาใกล้ถึงเต็มที ด้วยความที่ไม่อยากเผชิญหน้าจึงคว้าเสื้อฮูดมาสวมแล้ววิ่งไปเรียกรถอย่างรวดเร็ว 

“นายเตนี่น่าสนใจนะ รู้จักแกไม่เท่าไหร่ก็ทำให้หลุดมาดนางพญาได้” บุรัสกรยังหัวเราะคิก 

“พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ว่าแต่พี่กฤษว่ายังไงบ้าง” จิรัศยาตัดบท ถามถึงความคืบหน้าสถานการณ์ทางตำรวจแทน

“เปลี่ยนเรื่องเชียว”

“เอาน่า รีบเล่ามา” เธอหันหน้าเข้าหาเพื่อนอย่างสนใจ เพราะนับวันตามที่เขียนไว้ในอีเมลก็เหลืออีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ไม่รู้ว่ากว่าจะผ่านกระบวนการของทางราชการแล้วจะทันหรือเปล่า

“พี่กฤษก็บอกว่ามีมูล สายข่าวของตำรวจก็รายงานมาว่าจะมีการรวมตัวของสมาชิกควีนบีจริงแล้วก็เป็นตัวบิ๊กๆ ทั้งนั้นด้วย พอแกส่งที่อยู่ วันเวลาไปให้ก็ยิ่งมีน้ำหนัก เขากำลังวางแผนเข้าจับกุมกันอยู่ เห็นบอกเตรียมกำลังพลหลายสิบเลย”

“หลักสิบเองเหรอ สมาชิกที่จะเข้าร่วมหลายร้อยเลยนะ” เธอเห็นลำดับการลงทะเบียนของเตวิชปาไปเกินสามร้อยเข้าไปแล้ว

“พี่กฤษบอกว่าจับแค่ตัวหลักๆ ให้ได้ก็พอ ส่วนตัวเล็กตัวน้อยค่อยตามสืบตามข้อมูลที่ยึดมาก็พอ”

“แสดงว่าถ้าเราจับตัวหัวหน้าได้ ทุกอย่างก็จบ”

“ใช่”

จิรัศยาดวงตาเป็นประกาย คาดหวังมากว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะช่วยให้เพื่อนรอดปลอดภัย  “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ยายเรนนี่จะได้กลับมาเสียที”

 

จิรัศยาจดจ่ออยู่กับห้องแชตควีนบีจนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร โดยเฉพาะวันนี้ซึ่งเป็นวันดีเดย์ที่ตำรวจนำกำลังไปบุกทลายปาร์ตี แต่เธอกลับมีคิวถ่ายละครจึงมัวแต่ใจจดใจจ่อรอข่าวจากบุรัสกร

 “คัต!” เสียงผู้กำกับตะโกนลั่นจนจิรัศยาชะงัก “คุณจินครับ ถึงไดอะล็อกที่ต้องพูดแล้ว ไม่ทราบว่าคุณเหม่ออะไรครับ”

เธอกำลังอยู่ในฉากที่กำลังสอนนักเรียนอยู่หน้าชั้น บัดนี้ทั้งตัวแสดงหลักทั้งตัวประกอบจึงจ้องเธอเป็นตาเดียว

“เอ่อ ขอโทษค่ะ คือฉัน...”

“พักกองสิบห้านาที” ดูเหมือนผู้กำกับจะไม่รอฟังคำแก้ตัวของเธอ พอจบประโยคทุกคนจึงแยกย้ายกัน

“นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วนะ”

“นั่นสิ จะได้เลิกตอนไหนเนี่ย เหลืออีกตั้งหลายฉาก”

สองนักแสดงโบกี้ เมเปิ้ล เจ้าเก่าที่เคยกระแหนะกระแหนเธอในงานบวงสรวง จิรัศยาจึงได้แต่ถอนหายใจ เดินกลับไปที่มุมของตัวเองซึ่งมีแขขวัญ ผู้จัดการส่วนตัวนั่งรออยู่

 “พี่แขขอโทรศัพท์หน่อยค่ะ”

อีกฝ่ายส่งให้โดยไม่ขัด แต่ก็ไม่วายมีสายตาสงสัยมองตามมา “เป็นอะไรไปคะ ช่วงนี้ดูน้องจินไม่ค่อยมีสมาธิเลย”

จิรัศยาไม่ได้สนใจฟัง มัวแต่เปิดแชตของบุรัสกรดูว่ามีความคืบหน้าอะไรบ้างซึ่งก็เงียบกริบ จึงเป็นฝ่ายพิมพ์ไปถามเสียเอง ซึ่งไม่กี่อึดใจก็ได้คำตอบว่าตำรวจกำลังวางแผนเข้าจับกุม ตอนนี้แค่รอเวลาให้สมาชิกแก๊งควีนบีเข้าไปกันให้มากที่สุด

“เฮ้อ...”

“เป็นอะไรไปคะ”

“คะ? อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ” จิรัศยาไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวหลุดออกไปจึงไม่ต้องการให้คนนอกรู้ “จินไปถ่ายต่อก่อนนะคะ คืนนี้น่าจะเลิกดึก พี่แขกลับก่อนได้เลยค่ะ”

“คุณจินอยู่ได้แน่นะคะ”

“ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

“งั้นพี่กลับเลยนะคะ”

จิรัศยาพยักหน้ายืนยัน รอจนอีกฝ่ายเก็บของเดินจากไปถึงส่งข้อความบอกบุรัสกรว่าถ่ายละครเสร็จจะรีบไปสมทบ และก็เป็นตามคาดว่าโดนห้ามปราม แต่มีหรือเธอจะฟัง พอผู้กำกับเรียกเข้าฉากอีกครั้งก็วางโทรศัพท์มือถือและตั้งใจทำงานแบบเทกเดียวผ่าน สามสี่ฉากที่เหลือจึงใช้เวลาไม่นานนัก

“ถ้าทำได้แบบนี้แต่แรกก็เลิกกองตั้งนานแล้วเนี่ย”

“นั่นสิ สงสัยจะมีนัด”

ถ้อยคำจิกกัดยังลอยมาตามลม แต่มีหรือที่จิรัศยาจะสนใจ เธอรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้ไปหาบุรัสกรโดยเร็ว แต่พอกลับออกมากลับพบคนที่ไม่คาดว่าจะเจอ

“พี่นนท์”

ชานนท์ส่งยิ้มกว้างมาให้ “เสร็จงานแล้วใช่ไหม ไปกินข้าวกัน แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโด” เขาเอ่ยออกมาแบบรวดเดียวจบ ทำให้คนฟังอึกอักเพราะสถานการณ์ล่าสุดของทั้งคู่ไม่ค่อยดีนัก แถมเธอมีที่ที่ต้องไปอยู่แล้ว และแผนนั้นจะให้ชานนท์รู้ไม่ได้เด็ดขาด

“แต่จินขับรถมา” เธอยกข้ออ้างพื้นฐานขึ้นมา

“พี่ทิ้งรถไว้ที่นี่ก็ได้ครับ เดี๋ยวค่อยให้เด็กมาขับไป” ชานนท์ตัดสินใจปุบปับแล้วหยิบกระเป๋าสะพายของเธอไปถือ ก้าวมายืนขนาบข้าง มือแตะที่ช่วงเอวเบาๆ “ไปครับ”

คนตั้งตัวไม่ทันก้าวตามอย่างงงๆ ในหัวพยายามคิดหาข้อแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรดี

“คุณนนท์! มาด้วยเหรอคะเนี่ย”

ผู้จัดการส่วนตัวของญิ๋งญิ๋งโผล่เข้ามาแบบพรวดพราด ชานนท์จึงรีบขยับออกห่างจากเธอ “ครับ พอดีผู้จัดการของจินกลับก่อน ผมเลยมารับเธอไปส่งที่ที่พัก”

“ต๊าย! ดูแลเด็กในสังกัดดีจังเลยนะคะ” คนพูดตวัดหางตามาทางเธอเพียงเสี้ยววินาที แต่แค่นั้นก็ดูออกแล้วว่าไม่เป็นมิตร “น้องญิ๋งญิ๋งก็กำลังจะกลับเหมือนกัน”

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

ชานนท์ตัดบทแล้วหันมาพยักหน้าให้เธอเดินออกไปจากตรงนั้น 

“แต่รถของน้องญิ๋งญิ๋งเสียค่ะ” ผู้จัดการสาวยังไม่ละความพยายาม เดินมาดักหน้าอีกหน “พี่รบกวนคุณนนท์ไปส่งน้องญิ๋งญิ๋งหน่อยได้ไหมคะ”

ชานนท์มีท่าทีลำบากใจ หันมาทางเธออย่างถามความคิดเห็น จังหวะนี้เองที่จิรัศยาเห็นทางรอด

“พี่นนท์ไปส่งน้องญิ๋งญิ๋งเถอะค่ะ จินกลับเองได้ คอนโดก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง”

“เห็นไหมคะ คุณจินไม่มีอะไรน่าห่วง อยู่วงการนี้มาก็นานนมแล้ว ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอกค่ะ”

‘นี่จะว่าฉันแก่ใช่ไหม’ จิรัศยากัดฟันกรอด แต่ก็ปกปิดความไม่พอใจด้วยรอยยิ้มเสแสร้งที่ถนัดที่สุด 

“ค่ะ แถมจินยังรู้จักคนเยอะด้วยนะคะ” เธอไม่ได้อยากขู่เด็ก แต่ในเมื่อไม่ไว้หน้ากันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจ

“งั้นเราไปด้วยกันเลยดีกว่า” ชานนท์เอ่ยแทรกเพื่อเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย 

“พี่นนท์ไปส่งน้องญิ๋งญิ๋งเถอะค่ะ” จิรัศยาดึงกระเป๋าคืนแล้วจ้ำหนีออกไปอีกทาง ถ้าเป็นเวลาอื่นก็คงไม่ยอมง่ายๆ แต่ยามนี้ใจจดจ่ออยู่ที่การทลายปาร์ตีของแก๊งควีนบีมากกว่า

“จิน! จิน!” ชานนท์ตะโกนเรียกตามหลัง แต่อีกฝ่ายก็เดินลับหายไปเสียแล้ว

“เราไปกันเถอะค่ะ น้องญิ๋งญิ๋งรออยู่ตรงนู้นแล้ว”

ชานนม์ถอนหายใจแล้วเดินตามผู้จัดการสาวไป เขาจะเมินนักแสดงสาวต่างค่ายคนนี้ก็ไม่ได้ เพราะกว่าจะได้ตัวมาเล่นละครเรื่องนี้ก็ไม่ง่ายเลย แถมอีกฝ่ายก็กำลังมีชื่อเสียง ถ้าโพรเจกต์นี้กระแสดี ไม่แน่ว่าอาจมีการร่วมงานกันอีกในอนาคต

 

จิรัศยาพรางตัวโดยการเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงยีน คลุมด้วยเสื้อฮูดตัวโคร่ง สวมมาสก์สีดำปิดบังใบหน้า แล้วไปสมทบกับบุรัสกรยังสถานที่จัดงานปาร์ตีของแก๊งควีนบี ตำรวจในทีมกันพวกเธอให้คอยอยู่รอบนอกโดยจะอนุญาตให้เข้าได้หลังควบคุมสมาชิกแก๊งได้ทั้งหมด 

“ทำไมฉันไม่เห็นพี่กฤษของแกเลยล่ะ” จิรัศยาอดถามไม่ได้ แม้จะมาไม่ทันช่วงวางแผนการ แต่ก็ได้เห็นเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบปฏิบัติการหลายสิบนายยืนรอรับคำสั่ง

“เห็นว่าติดภารกิจอื่น” บุรัสกรบอกไปตามที่ได้ยินมา ตอนแรกก็แปลกใจอยู่เหมือนกันเนื่องจากเป็นคนที่ประสานงานด้วยตลอด

จิรัศยาพยักหน้า ก่อนจะหันไปสนใจสถานการณ์ในคลับเฮาส์ด้านหน้า “ทำไมเงียบจัง”

เธออดสงสัยไม่ได้ ปกติเห็นตามข่าว เวลามีการบุกทลายแหล่งซ่องสุมที่มีผู้คนเยอะๆ มักต้องมีบางคนที่หนีรอดออกมาบ้าง แต่นี่กลับเงียบกริบ

“เขาคงทำหน้าที่กันอยู่แหละ” บุรัสกรยังใจเย็น นั่งรออย่างสงบ

“ฉันว่ามันแปลกๆ” จิรัศยาเดินเป็นเสือติดจั่น “ขอไปดูหน่อยก็แล้วกัน”

ว่าแล้วก็วิ่งหายเข้าไปในคลับเฮาส์อย่างรวดเร็ว 

“ยายจิน! เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก”

บุรัสกรที่ห้ามไม่ทันจึงรีบวิ่งตามไปอย่างกระชั้นชิด พอทั้งสองเข้าไปด้านในได้ สิ่งที่เห็นก็ต่างจากที่คิดราวกลับหน้ามือเป็นหลังมือ นอกจากไม่มีวี่แววของการจัดงานปาร์ตีแล้ว นายตำรวจที่มาทำหน้าที่ยังถูกจับให้นั่งเรียงกันอยู่บนพื้น 

“คุณสองคน...” ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาหา มองพวกเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“นี่มัน...อะไรกัน”

“พวกเธอเป็นคนแจ้งเบาะแสครับ” หนึ่งในคนที่นั่งอยู่บนพื้นตะโกนบอก เจ้าหน้าที่หลายสิบนายที่ยืนรายล้อมจึงพร้อมใจกันจ้องมาที่จิรัศยากับบุรัสกรเป็นตาเดียว

“งั้นก็แสดงว่าแจ้งความเท็จ”

“หรือไม่ก็นกต่อ”

สองสาวหันมองหน้ากันอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก บุรัสกรเหมือนจะตั้งสติได้เร็วกว่าจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหวังติดต่อหาคมกฤษเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วทำไมสถานที่ที่ควรเป็นงานปาร์ตีถึงได้ดูโล่งขนาดนี้

“จับ!”

สิ้นเสียงทั้งสองสาวก็ถูกควบคุมตัวโดยทันที ไม่มีแม้โอกาสจะโต้แย้งใดๆ หรือติดต่อใครด้วยซ้ำจากนั้นก็ถูกพาตัวมาที่สถานีตำรวจและถูกแยกจากเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ปฏิบัติงานที่คลับเฮาส์ 

 

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”

จิรัศยายังร้อนรน จึงเดินไปมาไม่หยุด

“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็งงไปหมดแล้ว”

“เอาไงดีล่ะ ฉันไม่อยากนั่งรอแบบนี้ ปกติตามสถานีตำรวจมีนักขาวสายอาชญากรรมอยู่ด้วย เกิดเห็นฉันขึ้นมา...” แค่คิดจิรัศยาก็ขนลุกขนพอง ถูกจับไม่ว่ายังถูกกล่าวหาว่าเป็นนกต่อของแก๊งควีนบีอีก อาชญากรรมร้ายแรงเลยก็ว่าได้ “ฉันขอออกไปดูหน่อยดีกว่า”

เธอตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ดึงหมวกฮูดลง คว้ามาสก์มาสวมแล้วเดินไปหมุนลูกบิดประตู

“ยายจิน!” บุรัสกรเอ่ยปากห้าม แต่เพื่อนรักก็หันมาสบตาแล้วกระซิบเสียงเบา

“เราไปกันเถอะ” บอกเสร็จจิรัศยาก็ผลุบหายออกไป บุรัสกรจึงรีบตามไปด้วย ดีกว่าต้องนั่งแกร่วโดยไม่รู้อะไรอยู่ในห้องนี้

ด้านนอกผู้คนพลุกพล่าน สองสาวหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะไปทางไหนดี จังหวะนั้นเองก็มีรายงานข่าวการบุกทลายปาร์ตีของแก๊งควีนบีดังขึ้น ทั้งสองจึงหันไปดูอย่างสนใจ ภาพในทีวีถูกตัดไปยังสถานที่จริงซึ่งมีนักข่าวภาคสนามรายงานอย่างใกล้ชิด มีภาพผู้คนแตกกระเจิงขณะเจ้าหน้าที่แสดงตัวแต่ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว 

“นี่มัน...”

“อะไรกัน...”

สองสาวมองหน้าจอตาค้าง สถานที่ที่ปรากฏบนจอทีวีไม่ใช่สถานที่เดียวกันกับที่จิรัศยาได้ข้อมูลมา มิหนำซ้ำตอนที่ตำรวจบุกเข้าไปในห้องวีไอพียังมีนักข่าวภาคสนามตามถ่าย จึงมีหลักฐานว่าคนสำคัญของรัฐบาลชุดนี้หลายคนอยู่ในนั้น กำลังดื่มกินขณะมีหญิงสาววัยขบเผาะขนาบข้าง 

“นั่นมัน...”

“พี่กฤษ!”

สองสาวหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะภาพบนจอฉายให้เห็นว่าหนึ่งในคนที่ถูกหิ้วปีกออกมาเป็นรุ่นพี่ของบุรัสกรที่ประสานงานกับพวกเธอ

‘เราถูกหลอก’ ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในหัวของจิรัศยา และในขณะที่ทีวียังรายงานข่าว เบื้องหน้าก็มีรถตำรวจหลายคันแล่นเข้ามาจอด คนร้ายบางส่วนถูกหิ้วขึ้นมาจนเกือบเต็มพื้นที่ 

“หาทางหนีกันเถอะ” จิรัศยานึกกลัวขึ้นมาจับใจ ถ้าเรื่องนี้แดงออกมาชื่อเสียงของเธอคงป่นปี้ หน้าที่การงานจบสิ้นแน่

“จะหนีไปไหนล่ะ ทั้งโทรศัพท์ ทั้งกระเป๋าเงินก็ถูกยึดไปหมดแล้ว”

นั่นแสดงว่าตำรวจรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร จิรัศยาตัวเย็นวาบ เข่าอ่อนจนแทบทรุด เฝ้าถามตัวเองว่าพลาดตรงไหน พลาดไปได้อย่างไร ความหวังที่จะช่วยเรนนี่ก็ดับวูบไปอีก ช่วงที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตมืดมนอยู่นั่นเอง จู่ๆ เธอก็หันไปเห็นใครบางคนเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มตำรวจ

“นายเตวิช!”

“หา?”

“ฉันเห็นนายเต” จิรัศยามั่นใจว่าตาไม่ฝาด จึงคิดจะเดินตามไป 

“แกจะไปไหน” บุรัสกรดึงแขนไว้ ด้วยเห็นว่าเริ่มมีนักข่าวเข้ามาหนาตามากขึ้น

“ไปหาหมอนั่น” ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่า แต่ลางสังหรณ์ร้องเตือนว่าข้อมูลที่เธอได้มาผิดๆ นั่นต้องเกี่ยวข้องกับเตวิชอย่างแน่นอน

“ยายจิน!”

บุรัสกรห้ามไม่ทันอีกเช่นเคย จึงได้แต่วิ่งตามไปติดๆ ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เพื่อนรักก่อปัญหาอะไรอีกเลย 

 

ณ โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุง ชายวัยกลางคนเดินไปเดินมาในห้องทำงาน สีหน้าเคร่งเครียด พอโทรศัพท์มือถือในมือสั่นก็ยกขึ้นแนบหูทันใด

“ว่าไง!” เขากรอกน้ำเสียงเข้มไปด้วยความใจร้อน พอฝ่ายนั้นตอบกลับมาสีหน้าก็ยิ่งถมึงทึงขึ้น “ปล่อยมัน! ไม่ต้องช่วย เสือกโง่ดีนัก อย่าให้สาวมาถึงเราก็พอ อือ...รีบไปจัดการซะ”

ข้อมูลที่ได้รับรายงานทำให้ระดับความงุ่นง่านทวีคุณ หวังเหลือเกินว่าการที่หัวหน้าปลายแถวถูกจับกุมจะไม่สร้างความเดือดร้อนมาถึงองค์กรที่กำลังสร้างเม็ดเงินให้เขาอย่างมหาศาล

ชยาแทบจะปาโทรศัพท์มือถือลงพื้น แต่เพราะเป็นเครื่องลับที่เอาไว้ติดต่อธุรกิจพิเศษกับบุคคลพิเศษจึงทำได้แค่กำแน่นจนสั่น เดินไปทิ้งตัวบนโซฟาตัวยาวแล้วเอื้อมไปหยิบขวดน้ำสีอำพันเทใส่แก้วแล้วยกขึ้นมากระดกลงคออั้กๆ เพื่อดับความฟุ้งซ่าน

“โธ่เว้ย! ถ้าควีนโกรธขึ้นมา พวกเราแย่แน่!”

“คุณอยากใช้คนผิดเอง” เสียงผู้หญิงดังมาจากมุมมืดของห้อง “ฉันเคยเตือนแล้วว่าหมอนั่นมันโง่!”

“อย่าซ้ำเติมได้ไหม! เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วไง”

“งั้นก็หาข้อแก้ตัวดีๆ แล้วกัน เพราะยังไงฉันก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ควีนทราบ”

ชยาหน้าบึ้งตึง แต่แย้งไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหุ้นส่วนคนนี้จงรักภักดีต่อควีนยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก 

“อ้อ! ควีนถามเรื่องสตาร์บีด้วย ถ้าแม่เรนนี่อะไรนั่นยังหายตัวไร้วี่แววแบบนี้ ก็หาคนใหม่มาแทนเสีย ตั้งคู่ไปเลยก็ได้ คนจะได้สนใจมากขึ้น”

“รู้แล้ว!”

“งั้นฉันไปละ”

ชยามองตามหญิงสางร่างระหงที่เดินจากไป แต่ยังไม่ทันถึงประตูอยู่ๆ คนสนิทของเขาก็เดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านสองคน

“นายครับ ผมหา...” คำพูดของคนสนิทหยุดแค่นั้นเมื่อเข้ามาแล้วเห็นว่าเจ้านายไม่ได้อยู่ลำพัง

“อือ...ท่าทางจะยุ่งนะ” หญิงสาวคนดังกล่าวเหยียดยิ้ม เดินไปจ้องหน้าสองหนุ่มที่เข้ามาใหม่ตั้งแต่หัวจดเท้า ก่อนจะตบไหล่แล้วเดินออกไป

ชยากดฟันกรอด แววตาสมเพชเวทนาเมื่อครู่เป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด

“ขอโทษครับนาย” คนสนิทหน้าซีดเผือดเมื่อเข้ามาแบบผิดที่ผิดเวลา “งั้นผมพาพวกนี้กลับ...”

“ไม่ต้อง! มึงกลับไปได้แล้ว”

ชยาสั่งลูกน้องคนสนิท พอในห้องเหลือแค่สามคน ความหงุดหงิดงุ่นง่านก็ไม่ลดน้อยถอยลง กระทั่งเห็นคนมาใหม่เริ่มจัดการเสื้อผ้าตัวเองแล้วพร้อมใจกันเข้ามาหา ความโกรธาก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นทันที

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น