4
วาระผูกพัน
เมื่อทนายความเปิดพินัยกรรมที่ผู้ตายทำไว้ สมาชิกในครอบครัวทั้งฝั่งบิดาและมารดาของเจสันต่างก็คาดไม่ถึง ว่าสองสามีภรรยาจะให้สิทธิ์การเลี้ยงดูเด็กหญิงอลิซแก่ พอล ไวส์แมน ทรัพย์สินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของทั้งคู่ถูกโยกย้ายไปใส่ทรัสต์ฟันด์ให้ลูกสาวซึ่งต้องรอจนกว่าอลิซจะอายุ 22 ปีเต็ม ถึงจะสามารถดึงออกมาใช้ได้ สามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือถูกแบ่งสันปันส่วนให้บิดามารดาและญาติพี่น้องตามลำดับ
ศราวณะลอบทำหน้าเซ็ง เมื่อบางคนทำท่าฮึดฮัดเหมือนไม่พอใจที่หลานสาวถูกยกให้คนนอกเลี้ยง เธอไม่คิดว่าพอลเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่เมื่อเทียบกับบุคคลเหล่านั้นแล้ว เขายังแสดงท่าทีห่วงใยรักใคร่แม่หนูน้อยมากกว่าบรรดาญาติแท้ๆ เสียอีก
“คุณจะทำอย่างไรต่อครับ กลับไทยเลยหรือเปล่า” โจเซฟถามเหมือนชวนคุย หลังจากการเปิดพินัยกรรมสิ้นสุดลง และสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวแยกย้ายกันกลับ
“ซาร่าห์จะย้ายไปอยู่กับฉันเพื่อดูแลอลิซ” คนตอบคือพอล ชายหนุ่มยกมือโอบไหล่คนข้างกายโดยไม่สนอาการเหมือนถูกแช่แข็งของเธอ
“ดีเลยครับ อลิซติดมิสดาวมาก ถ้าอยู่ด้วยกันก็คงจะทำให้หายเศร้าได้มาก” คนพูดยิ้มแหย เจ้านายวางท่าเหมือนสิงโตหวงเหยื่อแบบนี้ เขาไม่คิดจะดับอนาคตที่กำลังไปได้สวยของตัวเองเพื่อผู้หญิงคนเดียวหรอก
“หน้าที่ใหม่เป็นไงบ้าง ติดขัดอะไรไหม” คนทั่วไปฟังแล้วอาจคิดว่าเขาเป็นเจ้านายที่ดี ถึงได้ถามถึงการทำงานของลูกน้อง แต่คนสนิทที่อยู่ด้วยแทบตลอดเวลาอย่างซามูเอลได้แต่แอบขำ เพราะรู้ว่าพอลกำลังจะบอกโจเซฟทางอ้อมว่าใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว และบ่าวที่ดีก็ไม่ควรยุ่มย่ามกับของรักของหวงของนาย ไม่งั้นการลงหวายอาจเกิดขึ้น
“ก็มีบ้างครับ แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมบอกตัวเองว่าต้องทำให้ดีสมกับที่คุณไว้วางใจครับ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ฉันก็เบาใจ บอกตามตรงว่าตอนแรกฉันเครียดมากที่ให้นายขึ้นมาทำแทนเจ”
“ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ” โจเซฟพูดพลางยื่นมือมาแตะแก้มหลานสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของศราวณะ เขาไม่กล้าแม้แต่จะชวนสาวไทยคุย เพราะกลัวจะขัดหูขัดตาเจ้านายอีก
“ซาร่าห์ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าของคุณกับของอลิซเถอะ เดี๋ยวผมดูสาวน้อยเอง” พอลสั่งพร้อมกับอุ้มแม่ตัวน้อยจากแขนคนฟัง
“เอ่อ...ฉันกับอลิซต้องย้ายไปอยู่กับคุณวันนี้เลยเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยสีหน้ากังขา เมื่อคืนเธอก็ถูกเขาบังคับให้พาหลานค้างที่คฤหาสน์ โดยอ้างว่าเผื่ออลิซป่วยหนักจะได้พาไปโรงพยาบาลได้ทันท่วงที แต่การให้เธอหอบผ้าผ่อนย้ายเข้าไปอยู่บ้านเขาวันนี้เลย มันดูจะเร็วเกินไป
“งั้นสิ ผมสั่งให้ชาร์ลีเตรียมห้องไว้ให้คุณกับอลิซแล้ว”
“แต่ข้าวของเครื่องใช้ของอลิซเยอะมากนะคะ ถ้าจะให้ย้ายไปอยู่ที่นั่นก็ต้องขนเปลเด็กไปด้วย เพราะอลิซยังนอนเตียงผู้ใหญ่ไม่ได้ค่ะ ไหนจะโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม เครื่องทำละอองน้ำ ของเล่น หนังสืออีก ฉันคิดว่า...”
“ผมคิดว่าคุณควรรีบขึ้นไปจัดกระเป๋า ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ พาคุณกับอลิซขึ้นรถกลับคฤหาสน์ตอนนี้เลย”
ท่าทางเอาจริงของเขาทำเอาศราวณะหน้างอ เธอฝืนส่งยิ้มให้โจเซฟ เอ่ยคำอำลา แล้วขึ้นชั้นบนโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองคนเจ้ากี้เจ้าการ
“คนเผด็จการ! บ้าอำนาจ! ดีแต่ยึดตัวเองเป็นศูนย์รวมของจักรวาล รู้งี้ให้ใส่ลงไปในข้อตกลงก็ดีหรอกว่าห้ามเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของคนอื่น” ปากอิ่มบ่นอุบยาวเป็นชุดเมื่อถึงชั้นบน
เธอเก็บเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวของหลานสาวใส่กระเป๋าเดินทางใบเขื่อง จากนั้นก็เข้าห้องนอนของตัวเอง หยิบกระเป๋าเดินทางใบที่ใส่เสื้อผ้าจากไทยมาเปิดกางออกบนเตียง เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อกวาดเสื้อผ้าทั้งแถบออกมายัดใส่แบบไม่อินังขังขอบ ตามด้วยรองเท้าผ้าใบยี่ห้อคอนเวิร์สสุดรักสุดหวงสองคู่ รองเท้าแตะ และรองเท้าบูต
ข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำคืออันดับสุดท้ายที่ศราวณะหมายจะเก็บกวาดใส่กระเป๋าเดินทาง ทว่าพอนึกถึงอิสรภาพที่ใกล้หดหาย ก็ตัดสินใจปิดประตูห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง เทครีมอาบน้ำกลิ่นกุหลาบลงไปจนเกิดฟองฟู่ แล้วสลัดอาภรณ์จากกาย
“ไหนๆ ก็จะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้ว ขอแช่น้ำอุ่นทิ้งทวนสักยี่สิบนาทีหน่อยเหอะ” ปล่อยให้คนบ้าอำนาจรอหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง เขาจะได้รู้ไว้ว่า ถ้าผู้หญิงคือม้า เธอก็คือมัสแตง ม้าป่าที่ไม่คิดจะศิโรราบต่อกฎเกณฑ์ของใครง่ายๆ
หญิงสาวก้าวลงแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่นซึ่งฟูฟ่องด้วยโฟมหอมนุ่มได้ไม่นาน ก็คว้าโทรศัพท์มาเปิดรับวิดีโอคอลของทางบ้านซึ่งติดต่อมาถามข่าวคราวเหมือนทุกวัน เธอถือโอกาสนี้ถ่ายทอดเนื้อความจากพินัยกรรม ลงท้ายด้วยการสารภาพว่าเธอต้องอยู่เลี้ยงอลิซเป็นเวลาสองปีครึ่งตามความต้องการของพอล ซึ่งเขาสัญญาว่าจะยกหลานสาวให้หลังจากนั้น แต่ยังไม่ยอมบอกเรื่องการจดทะเบียนสมรส เพราะกลัวท่านทั้งสองจะเป็นห่วง
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ดาวขอร้องอ้อนวอนอย่างไร เขาก็ยังยืนยันอย่างนี้ ดาวก็เลยต้องตกลง แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาสัญญากับดาวว่าระหว่างนี้จะช่วยตามหาพี่จันทร์ให้อย่างสุดความสามารถค่ะ” ศราวณะร่ายยาวอย่างไม่ติดขัด เพราะซ้อมบทพูดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มั่นใจว่าสีหน้ากับการพูดแบบคล่องปากจะทำให้ทั้งสองเชื่อสนิทใจ
“แน่ใจเหรอลูกว่าเขาต้องการแค่ให้อยู่ดูแลอลิซ” ศิวดลหรี่ตามองบุตรสาวคนเล็กผ่านหน้าจอ
“งั้นสิคะ ทำไมพ่อทำหน้าทำตาแบบนั้นล่ะ หรือว่าสายตาเริ่มฝ้าฟาง เลยต้องเพ่งมากเป็นพิเศษคะ” หญิงสาวเฉไฉเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่บิดากำลังสื่อผ่านสายตา
“ตาอาจจะฝ้าฟางตามวัย แต่ความจำของพ่อยังดีนะ คืนที่จันทร์กับเจสันแต่งงานกัน เขามีเรื่องชกต่อยกับอาร์ตเพราะดาว” คนอาบน้ำร้อนมาก่อนทำหน้าขรึม
“โอย...ดาวบอกทุกคนแล้วไงว่ามันเรื่องเข้าใจผิดทั้งเพ คืนนั้นแมลงอะไรไม่รู้บินเข้าตา แล้วมิสเตอร์ไวส์แมนบังเอิญผ่านมาเห็น เขาพยายามช่วย แต่พี่อาร์ตมาเห็นแล้วเข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังจูบดาว” คนมีชนักติดหลังแสร้งกลอกตามองเพดานเหมือนเหนื่อยล้าระอาใจที่ไม่มีใครยอมเชื่อ
“แต่เขาก็ไม่ได้แก้ตัวอะไรนี่นา แม่จำได้” ปานวาดเข้าข้างสามีโดยไม่สนสีหน้างอง้ำของบุตรสาว
“โธ่...แม่ขาพ่อขา ถ้ากลัวเขาจะปล้ำดาวขนาดนั้น ให้ทิ้งหลานไว้ที่นี่แล้วหนีกลับไทยเลยดีไหมคะ”
“พ่อไม่ได้กลัวเขาจะปล้ำดาว แต่กลัวดาวจะหน้ามืดตามัวเพราะความหล่อแล้วเผลอปล้ำเขาต่างหาก” ศิวดลกล่าวกลั้วหัวเราะ
“พ่อน่ะ!” หญิงสาวค้อนบิดาตาคว่ำ ผิดกับความรู้สึกข้างในซึ่งดีใจที่เห็นท่านยิ้มได้
“ถ้าดาวกับเขาไม่มีนอกมีในกันจริง พ่อกับแม่ก็เบาใจ”
“สบายใจได้เลยค่ะแม่ มิสเตอร์ไวส์แมนสาวๆ เยอะจะตาย คู่ควงเขามีแต่ระดับดารานักร้องฮอลลีวูด หรือไม่ก็พวกสาวไฮโซที่นิวยอร์กค่ะ เขาไม่มาเสียเวลายุ่งกับเด็กซกมก แต่งตัวง่ายๆ อย่างดาวหรอก”
“ได้ยินอย่างนี้พ่อค่อยหายห่วงหน่อย นี่เรายังรอผลการยื่นขอวีซาอยู่เลย ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อยเพราะคนสัมภาษณ์ถามวกไปวนมา แถมมองพ่อกับแม่เหมือนเราไปแล้วจะลักลอบอยู่ต่อเสียอย่างงั้น”
“พ่อกับแม่โอเคใช่ไหมคะ” ศราวณะถามเสียงอ่อน แทบจะยกมือตบปากตัวเองเมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยของทั้งคู่
“ก็เริ่มปลงกันได้แล้วละ วันนี้แม่กับพ่อไปทำสังฆทานที่วัดมา เจอหลวงพ่อเลยนั่งคุยกับท่านเกือบชั่วโมง” นางเล่าเสียงอ่อนราวกับคนหมดแรง จริงอยู่ที่หลวงพ่อบอกว่าการเกิด แก่ เจ็บ และตายเป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์โลก แต่หัวอกของคนเป็นแม่กลับร้อนรุ่มไม่สร่าง ยามนึกถึงชะตากรรมอันโหดร้ายของบุตรสาวคนรอง
ศศินาราเพิ่งอายุ 28 เต็มเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัวได้สี่ปีกว่า มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่บุตรสาวของนางต้องมาเผชิญกับชะตากรรมเลวร้ายแบบนั้น หากสลับตัวกันได้ นางยินดีจะตาย หรือเป็นฝ่ายถูกลักพาตัวแทนลูก
ทั้งสามคุยกันจนน้ำในอ่างเริ่มเย็น ศราวณะจึงขออนุญาตหยุดการสนทนาไว้เพียงเท่านั้น เธอลุกขึ้นเปิดน้ำล้างตัว คว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนโตมาพันกายลวกๆ แล้วสาวเท้าย่ำเสื้อผ้าชุดเดิมที่ถอดทิ้งเรี่ยราดกับพื้นไปหาประตูโดยไม่สนหยาดน้ำที่หยดตามเป็นทาง
ประตูห้องน้ำที่เปิดออกทำให้คนที่ยืนหันหลังอยู่หมุนตัวกลับมาทันที ม่านตาของพอลขยายกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นครึ้มอกครึ้มใจในสภาพล่อแหลมของอีกฝ่าย
“นะ...นี่คุณเข้ามาทำอะไรในห้องส่วนตัวของฉัน!” ศราวณะงับประตูลงจนเหลือช่องว่างให้แค่ยื่นหน้าออกไปแว้ดใส่ผู้กระทำการอุกอาจ มือเรียวรวบปมผ้าขนหนูตรงร่องอกแน่น นึกเจ็บใจตัวเองที่มัวแต่ยืนปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจ เปิดโอกาสให้คนเจ้าชู้สำรวจเนื้อตัวในสภาพหมิ่นเหม่
“ผมเห็นคุณหายมานานกว่าปกติ เลยขึ้นมาดูว่าเก็บของถึงไหน ไม่คิดว่าคุณจะอาบน้ำ” ความจริงเขาขึ้นมาได้สิบนาทีแล้วละ แต่ได้ยินเสียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์ เลยไม่คิดจะเคาะประตูห้องน้ำ ระหว่างนั้นเลยถือวิสาสะจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้า
“ตอนนี้รู้แล้ว ก็ออกไปเสียทีสิคะ ฉันจะได้แต่งตัว” หญิงสาวทำตาปะหลับปะเหลือกใส่คนตัวโตซึ่งยืนนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน
“เสื้อผ้าคุณมีแต่แบบนี้เหรอ” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยหน้าตาเฉย ซ้ำร้ายยังกล้าหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาพิจารณา แล้วส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอเหมือนขัดอกขัดใจเต็มพิกัด
“ฉันมาเลี้ยงหลานค่ะมิสเตอร์ไวส์แมน ไม่ได้มาหาแฟนหรือสมัครงานอื่น” เจ้าของปากอิ่มตอบเสียงกระแทก ผิดนักเรอะที่เธอมีแค่เสื้อยืด กางเกงยีน ชุดนอน และชุดอยู่กับบ้านง่ายๆ
“ผมเชื่อ” พอลกลั้นยิ้มเต็มที่เมื่อใช้นิ้วชี้เกี่ยวสายเสื้อชั้นในแบบสปอร์ตบราสีเทากับบิกินีลายลูกเป็ดขึ้นมา มันน่าขำเสียจนเขาระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นห้องนอน อึดใจต่อมา คนที่เหนียมอยู่หลังประตูห้องน้ำก็พรวดพราดเข้ามากระชากของสองชิ้นออกจากมือด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ออกไปจากห้องของฉัน!” ความโกรธระคนอับอายทำให้ศราวณะตวาดคนหน้าด้านสุดพลังเสียง
“ไม่เอาน่าซา...”
“เดี๋ยวนี้! มิสเตอร์ไวส์แมน! ไม่งั้นคุณได้แวะไปทำแผลที่โรงพยาบาลก่อนกลับคฤหาสน์แน่” นาทีนี้หญิงสาวเลือดขึ้นหน้า ตาพอง เห็นผู้ชายตัวโตๆ ตัวเท่ามด
“โอเคก๊อดเดส” พอลส่งสัญญาณมือบอกว่ายอมแพ้ เขาออกจากห้องพร้อมกดล็อกประตูห้องให้สาวขี้วีนเสร็จสรรพ เดินยิ้มลงบันไดอย่างสุนทรีย์ ศราวณะอาจคิดว่าเขาหมอบราบคาบแก้ว แต่ความจริงเขาถอยออกมาเพื่อจะต่อสายหาเลขานุการเพื่อสั่งให้จัดการบางสิ่งบางอย่างให้เท่านั้น
“มิสโอเคไหมครับ” ซามูเอลซึ่งเล่นกับหนูน้อยอลิซ เงยหน้าขึ้นถามด้วยท่าทางไม่แน่ใจนัก
“โอเคทุกอย่าง ยกเว้น รสนิยมในการแต่งตัว” นึกถึงเสื้อผ้าทั้งชั้นนอกชั้นในของว่าที่ภรรยาแล้ว ขนอ่อนในกายของนายธนาคารหนุ่มก็ลุกฮือ ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงลาแล้วลาลับ แต่นี่คือศราวณะ จึงต้องหาทางออกด้วยการเปลี่ยนสาวเซอร์หรือซกมกก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ให้กลายเป็นสาวเนี้ยบเฉียบทุกองศา
“ไปป์น่าจะช่วยคุณได้นะครับ”
“ฉันก็เชื่ออย่างงั้นเหมือนกันแซม ถึงคฤหาสน์ ให้คนเอากระเป๋าของซาร่าห์ไปไว้ที่ห้องเก็บของแทนห้องนอนนะ”
คนรับคำบัญชาเริ่มทำหน้าปั้นยาก “อ่า...แล้วมิสจะไม่...”
“เรื่องนั้นฉันจัดการเอง” พอลตอบแกนๆ แล้วกดรับสายของไคลน์ มือขวา ซึ่งปกติจะไม่โทร. มารบกวนเวลาส่วนตัวของเขา ยกเว้นมีเรื่องด่วนหรือสำคัญจริง “ว่าไง”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“ว่ามา...”
“ตึกที่เรายื่นซองประมูลสองตึกโดนซิ่วครับ” ไคลน์ มิลเลอร์ กลืนน้ำลายเอื๊อก เมื่อได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าลึกของเจ้านาย พอลหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้สองตึกที่ว่านี้มาก เนื่องจากอยู่ในทำเลทอง นักการเงินหนุ่มวางแผนไว้ดิบดีว่าจะอัปเกรดอาคารพาณิชย์ดังกล่าวให้เป็นห้องชุดระดับไฮเอนด์
“อย่าบอกนะว่าคนที่ได้ไปคือ โลแกน มอร์ริส” คนถามกลั้นหายใจรอคำตอบ
“ครับ มอร์ริสเอสเตทประมูลสูงกว่าเราแค่ตึกละเซ็นต์เท่านั้น”
“WTF!” พอลสบถหยาบคายด้วยความเดือดดาล ไม่ต้องสาธยายให้มากความ เขาก็รู้แล้วว่าคู่แข่งหมายเลขหนึ่งด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนจงใจทำแบบนั้นเพื่อเย้ยหยัน “มันจงใจหยามฉันชัดๆ”
“ผมเกรงว่าเกลือจะเป็นหนอนครับ”
“คุยกับโจเซฟหรือยัง หมอนั่นเพิ่งออกจากที่นี่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน”
“คุยแล้วครับ หมอนั่นกลัวลนลานเชียว”
“ให้ไปป์เรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมตอนบ่ายสามโมงในห้องประชุมใหญ่ แล้วสั่งให้หัวหน้าแผนกไอทีมาพบฉันเป็นการส่วนตัวตอนห้าโมงเย็น” ชายหนุ่มสั่งความแล้วตัดสายอย่างหงุดหงิด ป่านนี้โลแกนกับคนสนิทของมันคงหัวเราะร่า สูบซิการ์ จิบบรั่นดีฉลองชัยชนะที่ได้มาด้วยวิธีสกปรก พวกมันคงดีใจที่จะฟันกำไรหลายร้อยล้านเหรียญจากกลโกงครั้งนี้ และคงสะใจ คิดว่าตัวเองแน่ที่สามารถทำให้เขากระอักเลือดได้ แต่คงไม่รู้ว่าการกระตุกหนวดเสือจะส่งผลอย่างไรในอนาคต
อีกฟากของนิวยอร์ก โลแกน มอร์ริส หนุ่มใหญ่วัย 43 ปีส่งบรั่นดีแก้วที่เพิ่งรินเสร็จให้ โดมินิก ลีวอฟสกี มือขวาคนสนิทที่เขาไว้ใจยิ่งกว่าใครทั้งหมดในการบริหารกิจการเครือมอร์ริสกรุ๊ป ธุรกิจด้านธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ของเขาซึ่งร่อแร่ตั้งแต่เริ่มสานต่อกิจการจากบิดา แต่เมื่อหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-รัสเซียก้าวเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งผู้ช่วยเมื่อสิบปีก่อน กิจการก็ก้าวหน้าชนิดที่เรียกว่าก้าวกระโดดหรือติดปีกเลยทีเดียว
ทุกความสำเร็จของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว ล้วนแล้วแต่มาจากความช่วยเหลือของโดมินิกทั้งสิ้น ในวันนี้เขากลายมาเป็นนักธุรกิจที่คุมกิจการมูลค่าสูงกว่าหนึ่งแสนล้านเหรียญ มีภรรยาสาวแสนสวย เชื้อสายผู้ดีเก่าอย่างอแมนด้า บุตรีเพียงคนเดียวของอดีตวุฒิสมาชิกของนิวยอร์ก เธอกับบิดาช่วยกรุยทางให้ธุรกิจของเขาเป็นที่ยอมรับนับถือจนถึงปัจจุบัน
“แด่ความสำเร็จของเรา นิก” โลแกนยื่นแก้วเครื่องดื่มในมือชนเฉลิมฉลองกับแก้วในมือของอีกฝ่าย
“ครับ” โดมินิกกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนที่ทำประจำ กระนั้นในสายตาของคนมองก็ยังรู้สึกว่าหล่อเหลาชวนให้อิจฉา
โดมินิกเป็นลูกผสมที่หน้าตาดีชนิดที่หาที่ติไม่ได้ รูปร่างเพรียว สูงหกฟุตเศษ เขามีเรือนผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าเข้ม เครื่องหน้าคมคายเปี่ยมเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ เป็นที่ต้องตาต้องใจของเพศตรงข้าม บางครั้งโลแกนแอบกลัวว่าภรรยาจะหลงใหลในเสน่ห์นั้น โชคดีที่ตลอดเวลาเกือบสิบปี อแมนด้าไม่ได้แสดงทีท่าว่าสนใจหนุ่มหล่อคนนี้ในเชิงชู้สาวเลยแม้แต่น้อย
“โบนัสพิเศษสำหรับคุณ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอเอ็มจี เอสแอล เบส สีขาว” หนุ่มใหญ่ยื่นกุญแจสองดอกให้คนฟัง
“ขอบคุณครับ คุณรู้เสมอเลยนะว่าผมกำลังมองหาอะไร” โดมินิกรับกุญแจรถยี่ห้อโปรดมาด้วยรอยยิ้มกว้าง สนนราคากว่าสองแสนเหรียญของมัน บ่งบอกว่าเจ้านายพึงพอใจกับผลงานชิ้นโบแดงเป็นอย่างมาก
“ถึงคุณจะทำงานให้ผม ถึงเราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ผมก็รักและเอ็นดูคุณเหมือนน้องชายคนหนึ่งเสมอ นิก” โลแกนตบบ่าอีกฝ่ายหนักๆ
ก่อนที่โดมินิกจะโต้ตอบ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาโดยไม่มีการเคาะขออนุญาต ร่างสมส่วนของ อแมนด้า มอร์ริส ก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า
“ฉันมาขัดจังหวะการเข้าด้ายเข้าเข็มของคุณสองคนหรือเปล่าเนี่ย” มิสซิสมอร์ริสล้อเลียนตามวิสัยสาวขี้เล่น แม้อายุจะสามสิบสี่ แต่บุตรีของอดีตวุฒิสมาชิกก็ยังคงความสวยพริ้ง ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนอายุเพิ่งย่างยี่สิบห้า ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตเปล่งประกายเจิดจ้า
“ไม่ต้องห่วงหรอกแมนดี้ ผมไม่นิยมทำอะไรประเจิดประเจ้อในห้องทำงานเหมือนคุณ” โดมินิกเย้ากลับ แล้วแกล้งครางอู้เมื่อคนถูกล้อซัดเผียะเข้าที่ท้อง
“อิจฉาละสิที่ฉันกับโลแกนยังซาบซ่าหวือหวาไม่เปลี่ยน” พูดพลางคล้องแขนกับลำคอสามี เหนี่ยวศีรษะเขาลงมาหาและประกบปากแลกจูบกันอย่างเร่าร้อน กระทั่งผู้ชมเพียงคนเดียวกระแอมเตือนสติ จึงผละออกจากอ้อมแขนของเขา
“ตกลงคุณกับนิกกี้ฉลองอะไรกันคะ” หญิงสาวมองแก้วเครื่องดื่มสองใบแล้วเลิกคิ้วฉงนสนเท่ห์
โดมินิกถึงกับกลอกตากับชื่อเล่นที่ภรรยาของเจ้านายเรียกขาน เขาสะอิดสะเอียนเวลาถูกเรียกนิกกี้ เพราะมันเป็นชื่อเล่นของผู้หญิง เป็นชื่อที่เขาถูกล้อมาตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งจบไฮสกูล คู่นอนที่พลั้งปากเรียกเขาว่านิกกี้ มักจะถูกตัดรอนแบบปัจจุบันทันด่วน โดยที่เขาไม่สนด้วยซ้ำว่านิสัยใจคอเข้ากันได้ หรือมีลีลาบนเตียงที่ร้อนแรงขนาดไหน
“เราเพิ่งชนะประมูลสองตึกรวด”
“ว้าว! นี่เป็นข่าวดีมากจริงๆ ค่ะ”
“ใช่ ป่านนี้ไอ้พอลคงดิ้นพราดๆ เป็นปลาโดนน้ำร้อนลวก” รอยยิ้มแห่งความสาแก่ใจผุดพรายขึ้นเหนือใบหน้าและดวงตาของอแมนด้า
“ระวังตัวหน่อยละกันค่ะ พอลไม่ยอมคนมาแต่ไหนแต่ไร เส้นสายของเขาก็ใหญ่ไม่แพ้เรา ฉันไม่อยากเห็นคุณถูกเล่นงาน”
“มีนิกอยู่ทั้งคน ผมไม่กลัวมันหรอก”
“ถ้าแค่พอลคนเดียว นิกกี้คงรับมือไหว แต่ไคลน์คือคนที่คุณประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด หมอนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบายมาแต่ไหนแต่ไร” เธอกล้าพูดเพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ ไคลน์ มิลเลอร์ สมัยเรียนมัธยมปลาย หมอนั่นเรียนดี กีฬาเด่น แถมเป็นเด็กกิจกรรมที่ครูทั้งโรงเรียนต่างชื่นชม ยกย่องให้เป็นแบบอย่างของนักเรียนดีเด่น
“ผมรู้น่า ที่รัก” โลแกนยกสองมือขึ้นประคองดวงหน้ารูปหัวใจในกรอบผมแดง “มีนิกช่วยวางแผน มีคุณคอยเตือนสติอย่างนี้ สองคนนั่นทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
“ขอให้จริงเถอะค่ะ ฉันไม่ชอบเห็นสีหน้าเจ็บปวดของคุณ” แววตาคู่งามฉายความรักล้นปรี่
“ไว้ใจได้เลยที่รัก”
สองสามีภรรยาประกบปากแลกจูบกันแนบแน่น จนคนที่กลายเป็นส่วนเกินรีบเอ่ยขอตัวและล็อกประตูให้
โดมินิกกลับมาถึงห้องทำงานที่เล็กกว่าห้องของเจ้านายเพียงนิดเดียวก็วางมือถือเครื่องสีทองลงบนโต๊ะ เปิดลิ้นชักแล้วหยิบเครื่องสีเงินแบบพรีเพดออกมาต่อสายหาใครบางคน
“สวัสดีค่ะ”
“คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้นามบัตรของผมเป็นอาทิตย์ แต่ไม่ยอมติดต่อกลับ คุณทำให้ความมั่นใจของผมพังไม่เป็นท่า เปปเปอร์” เขาทิ้งหางเสียงตัดพ้อระคนเว้าวอนใส่คนปลายทาง
“คุณ...เอ่อ...ทรอยเหรอคะ”
“ขอบคุณครับที่ยังจำชื่อของผมได้” มุมปากคนฟังกระตุกยิ้มอย่างยินดี
“คุณได้เบอร์ของฉันจากไหนคะ” หญิงสาวหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ถ้าคุณยอมตกลงออกเดตเสาร์นี้ ผมถึงจะเล่าให้ฟังว่าได้มาอย่างไร” โดมินิกต่อรองเสียงทุ้ม พอปลายสายนิ่งเงียบไปนานนับนาทีจึงทอดน้ำเสียงออดอ้อนตามไปว่า “อย่าปฏิเสธเลยนะครับ ผมอยากรู้จักคุณจริงๆ”
“เสาร์อาทิตย์ฉันไม่ว่างหรอกค่ะ ถ้าเป็นตอนกลางวันหรือช่วงเย็นของวันธรรมดาก็น่าจะได้ แต่ถ้าคุณไม่สะดวก...”
“สะดวกครับ เย็นนี้เลยเป็นไง” เขาเร่งเร้าเป็นหนุ่มเลือดร้อน
“เอ่อ...เย็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ คุณอยากให้ผมไปรับที่ไหนบนเกาะแมนแฮตตัน บอกมาเลย”
“ฉันไม่ได้อยู่แมนแฮตตันค่ะ แต่ถ้าคุณสะดวกเจอที่นั่น หกโมงเย็น เจอกันที่…”
“ผมจะไม่เลตแม้วินาทีเดียว”
โดมินิกออดอ้อนต่อไม่กี่ประโยคก็ขอตัววางสายเพื่อทำงาน ริมฝีปากหยักงามเกินชายเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อแผนการขั้นต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้น อีกไม่นาน พอล ไวส์แมน จะต้องคลุ้มคลั่ง หวาดระแวงคนรอบตัวจนไม่เป็นอันกินอันนอน เขาจะสอนบทเรียนชีวิตให้หมอนั่นได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวด ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่จะมองธุรกิจทั้งหมดของไวส์แมนกรุ๊ปล่มสลายลงต่อหน้าต่อตา
มันเป็นวันที่วุ่นวายเหลือเกินในความรู้สึกของพอล หลังจากพาศราวณะกับอลิซกลับคฤหาสน์ และรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน ชายหนุ่มก็รีบเดินทางไปที่ไวส์แมนทาวเวอร์ในเขตการเงินและวอลล์สตรีต การประชุมด่วนกินเวลากว่าสองชั่วโมง จากนั้นหัวหน้าแผนกไอทีก็เข้าพบเขาเป็นการส่วนตัว เพื่อวางแผนป้องกันการโจรกรรมข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
“คิดอย่างไรกับโจเซฟครับ” ไคลน์ มิลเลอร์ ถามหลังจากที่หัวหน้าแผนกไอทีกลับแล้ว
“หมอนั่นขี้ขลาดเกินกว่าจะกล้าทำ” เขารู้สึกปวดตุบๆ ที่ขมับจนต้องใช้มือบีบนวด
“แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณประมาท เงินทองไม่เข้าใครออกใคร อย่าไว้วางใจใครเกินไป แม้กระทั่งผม” ดวงตาสีน้ำตาลอมทองจ้องผู้มีศักดิ์เป็นนายนิ่งนาน
“รู้แล้วน่า ขนาดพี่น้องท้องเดียวกัน ฉันยังไม่ค่อยวางใจเลย” เพราะพี่น้องทั้งสองคนเกิดจากคนละแม่ พี่ชายอย่างพีทนั้นเขาไว้ใจเกือบเต็มร้อย แต่ไอ้น้องชายตัวแสบอย่างแพ็กซ์ตันนั้นเขาไว้ใจแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะหมอนั่นเคยดอดไปขย่มอดีตคนรักของเขาถึงห้องนอน
“อาทิตย์หน้าเราต้องยื่นซองประมูลซื้อตึกแฝดที่นิวยอร์กฮาร์เบอร์ ผมมั่นใจว่าทางนั้นคงเล่นสกปรกอีก เพราะมันน่าจะได้ข้อมูลไปแล้ว”
“หึ...ในเมื่อมันอยากเล่นสกปรก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเล่นใสซื่อกับพวกมัน ให้โจใช้ข้อมูลเดิม ยื่นซองประมูลของไวส์แมนกรุ๊ปโดยไม่ต้องแก้ไขอะไร”
หัวคิ้วของไคลน์ขมวดเข้าหากันแบบปัจจุบันทันด่วน ทว่ายังไม่ทันได้ขยับปากถาม เจ้านายหนุ่มไฟแรงก็เฉลยให้หายสงสัย
“แล้วให้ไปป์ยื่นซองประมูลซองที่สองในนามส่วนตัวของฉัน” คนพูดเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานแบบที่สั่งทำพิเศษคัสตอมเมด บ่งบอกว่ามั่นใจในการแก้เกมครั้งนี้เกินร้อย
ไคลน์ได้ฟังแล้วถึงกับฉีกยิ้มกว้าง “คุณแก้ปัญหาได้น่าทึ่งเสมอครับ”
พอลมักจะบอกคนนั้นคนนี้เสมอว่ามีมือขวาที่เก่งฉกาจฉกรรจ์ เขายอมรับอย่างเต็มภาคภูมิว่าจริง เพราะไม่อย่างนั้นนักการเงินหนุ่มคงไม่เก็บไว้ข้างตัวจนถึงทุกวันนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนที่เก่งและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าเขาก็คือพอลนั่นละ
“รอให้ประมูลชนะโลแกนก่อนแล้วค่อยพูดประโยคนั้นดีกว่า” นักการเงินหนุ่มเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ประจำตำแหน่ง “เย็นนี้มีนัดกับสาวที่ไหนหรือยัง ถ้ายังฉันจะได้พาไปทำความรู้จักซาร่าห์”
“ไม่มีนัดกับสาวๆ แต่มีนัดกับเชสครับ ผมเลื่อนนัดหมอนั่นมาสองครั้งแล้ว มันบอกว่าถ้าวันนี้เลื่อนอีก มันจะไม่ยอมช่วยงานเราแล้ว” เชสกับเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนคอลเลจ การที่เขาจับพลัดจับผลูมาทำงานกับ พอล ไวส์แมนได้ ก็เพราะได้รับการแนะนำจากเพื่อนสนิท เชส สโตน เป็นบุตรชายเจ้าของบริษัทกฎหมายที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของนิวยอร์ก ปัจจุบันคือทนายฝีปากกล้าที่ขึ้นศาลทีไร ฝ่ายตรงข้ามเป็นต้องหวาดผวา
“อืม งั้นหาเวลาว่างให้ตรงกับหมอนั่น แล้วบอกว่าฉันชวนกินข้าวที่คฤหาสน์ด้วยละกัน”
“ครับ อ่า... เมื่อกลางวันมิสนิกสันโทร. หาผมด้วย เธอบอกว่าคิดถึงและอยากเจอคุณ”
“ฝากบอกลอร่าทีว่าช่วงนี้ฉันไม่ว่าง” พอลไม่คิดจะอธิบายให้มากความ ว่าอะไรหรือใครคือสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีเวลาว่าง เพราะแน่ใจว่าคนฟังรู้แก่ใจดี
ลอร่า นิกสัน คือคู่นอนคนล่าสุดที่เขาหลับนอนด้วยราวเดือนเศษ ก่อนจะตัดความสัมพันธ์แบบปัจจุบันทันด่วน ทันทีที่รู้ว่าศราวณะโสดและกำลังจะเดินทางมาอเมริกา
ลอร่าเป็นดาราฮอลลีวูดเลือดผสมอเมริกัน-ไต้หวัน เธออ่อนหวานน่ารัก ช่างเอาอกเอาใจ นิสัยและรสนิยมเข้ากับเขาได้ดี แถมเวลาอยู่บนเตียงยังร้อนแรงปานพระเพลิง เธอเป็นคู่นอนคนแรกที่เขาเคยคิดว่าคงจะไปมาหาสู่ยาวนานกว่าคนอื่น ทว่าจำใจตัดรอนความสัมพันธ์ เมื่อสาวที่ซุกอยู่ในอ้อมใจหลายปีมาเยือนถึงถิ่น และคราวนี้เขาจะดับเครื่องชน ไม่ถอยเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนอีกเป็นอันขาด
“ครับ” ไคลน์ผงกศีรษะรับคำบัญชา กระนั้นก็อดสงสารดาราสาวไม่ได้ที่ต้องพบพานกับความผิดหวังอย่างคู่นอนที่ผ่านมา
นับตั้งแต่กลับจากงานแต่งงานของเจสันเมื่อสี่ปีก่อน พอลสั่งให้เขาติดต่อดารานางแบบและสาวๆ เชื้อสายเอเชียให้มาเป็นคู่นอนชั่วคราว เขาคือตัวกลางของการติดต่อ โดยมีเชสทำหน้าที่ร่างข้อตกลงให้ทั้งสองฝ่ายเซ็น จำนวนเงินแต่ละเดือนที่สาวๆ เหล่านั้นได้รับสูงถึงหกหลัก และหากสร้างความพอใจให้แก่เจ้านายของเขา ก็จะได้รับเช็คหรือของกำนัลพิเศษ เช่น เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม หรือแม้กระทั่งรถ ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่พอลหลับนอนด้วยนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม
“พรุ่งนี้ให้เมสเซนเจอร์ส่งกุหลาบขาวหนึ่งช่อกับเช็คใบนี้ไปให้ลอร่าแทนฉันด้วย เขียนในการ์ดว่าฉันขอโทษที่คงเจอเธอไม่ได้แล้ว” คนพูดหยิบสมุดเช็คจากลิ้นชักขึ้นมาเขียนตัวเลขจำนวนหนึ่ง เซ็นกำกับแล้วยื่นให้คนสนิท
“ครับ มิสนิกสันคงจะดีใจมาก” ที่ถึงจะไม่ได้เจอกันแล้ว แต่พอลยังส่งเช็คมูลค่าห้าแสนเหรียญไปพร้อมกับคำขอโทษ นั่นหมายถึงระดับความพึงพอใจที่เขามีต่อลอร่าสูงกว่าสาวทุกราย
“ลอร่าน่ารักมาก เราเข้ากันได้ดีทุกเรื่อง” ริมฝีปากหยักงามเกินชายคลี่ยิ้มแห่งความพึงใจ เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่หลับนอนกับเธอ คงดีไม่น้อยหากศราวณะจะหลงใหลใฝ่ฝันในตัวเขาเท่ากับลอร่า
“ผมเห็นด้วยครับ มิสนิกสันสวยน่ารัก อัธยาศัยใจคอก็ดีกว่าทุกคน ความจริงถ้าคุณอยากคบเธอต่อก็ไม่น่าจะเป็นปัญหานะครับ เพราะในข้อตกลงก่อนแต่งงาน มิสก็อนุญาตให้คุณหลับนอนกับคนอื่นได้”
“ถ้าฉันทำอย่างนั้น ซาร่าห์ก็ยิ่งมีข้ออ้างที่จะไม่ขึ้นเตียงกับฉันน่ะสิ” พอลลุกขึ้นเต็มความสูง หยิบโทรศัพท์มือถือจากโต๊ะ แล้วเดินไปคว้าเสื้อสูทที่แขวนอยู่มาสวม “ฉันกลับละ บอกเชสด้วยว่าฉันเซย์ไฮ”
ชายหนุ่มสั่งให้คนขับรถพากลับคฤหาสน์ทันทีที่ขึ้นรถ จากนั้นก็ฟังซามูเอลรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเจสันและการหายตัวไปของศศินารา เขาสบถอย่างหงุดหงิดหลายครั้ง เมื่อพบว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เหลือช่องโหว่ให้เอาผิด
“ซาร่าห์กับอลิซโอเคดีใช่ไหม”
“ครับ ชาร์ลีจัดการเพิ่มลายนิ้วมือและสแกนม่านตาของมิสเข้าระบบรักษาความปลอดภัยแล้ว แต่...เอ่อ...ชาร์ลีบอกว่ามิสอาละวาดน่าดูที่กระเป๋าเดินทางหายไป และบอกว่าจะไม่ยอมใช้เสื้อผ้ากับข้าวของที่คุณสั่งให้ไปป์หามาให้ครับ”
“หึ...แล้วอลิซล่ะ”
นึกถึงใบหน้าแดงก่ำและสายตาเอาเรื่องของว่าที่ภรรยา พอลก็อดขำไม่ได้ หากเธอรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เขาจะยัดเยียดให้ คงร้องกรี๊ดๆ ใส่วันละสามเวลา แปลกเหลือเกินที่กับสาวอื่น เขาพร้อมจะวิ่งหนีเวลาที่พบเห็นความไม่สมบูรณ์แบบของพวกเธอ แต่พอถึงกรณีของศราวณะเขากลับไม่เดือดร้อน แถมยังอยากเปลี่ยนแปลงให้เธอเป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่เขาต้องการ
“คุณหนูแฮปปีกับห้องนอนมากครับ แล้วพอเห็นของเล่นในห้องเพลย์รูมก็ไม่สนอย่างอื่นเลย”
“ดีแล้ว ฉันอยากให้อลิซเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุด”
แม้ไม่ใช่สายเลือดของตัวเอง แต่อลิซก็เปรียบเสมือนตัวแทนของเจสันซึ่งเขารักดุจพี่ชายคนหนึ่ง เขาอยากทำหน้าที่ของพ่อให้เต็มที่ แม้จะทำได้ไม่ดีเท่าเจสัน แต่ก็มั่นใจว่าต้องทำได้ดีกว่าที่พ่อแท้ๆ ของเขาเคยทำ
“ผมมั่นใจว่าคุณจะเป็นพ่อที่ดีให้คุณหนูอลิซได้ครับ”
ซามูเอลยืนยันด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยม เขารู้ว่า พอล ไวส์แมน มาจากครอบครัวที่ห่างไกลคำว่าสมบูรณ์แบบหลายล้านปีแสง บิดาของพอลคือ เพียส ไวส์แมน อดีตเจ้าของค่ายหนังยักษ์ใหญ่ผู้มั่งคั่ง หลังหย่าร้างจากภรรยาคนแรกได้ไม่นาน เพียสก็แต่งงานกับ วิกตอเรีย บรูซ ดาราฮอลลีวูด ซึ่งตอนนั้นอายุเพียงสิบแปด อ่อนกว่าเจ้าบ่าวถึงสิบแปดปี
แต่งงานได้เพียงหกเดือน วิกตอเรียก็คลอดพอลจนเป็นข่าวฉาวอยู่พักใหญ่ว่าท้องก่อนแต่ง ชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ดำเนินได้เพียงสามปีก็สะบั้นลง เนื่องจากวิกตอเรียทนความเจ้าชู้ของสามีไม่ไหว พอลอาศัยอยู่กับมารดาเป็นหลัก บิดาทำเพียงส่งเสียเลี้ยงดูให้อยู่อย่างสุขสบายทั้งแม่ลูก กระทั่งจบไฮสกูลเขาจึงย้ายมาเรียนและตั้งรกรากอยู่นิวยอร์ก
พาหนะสุดหรูมองภายนอกเหมือนรถทั่วไป แต่คนภายในเท่านั้นที่รู้ว่ามีการโมดิฟาย ติดตั้งระบบป้องกันภัยชั้นเยี่ยมเทียบเท่ารถของประธานาธิบดีอเมริกา แล่นไปหยุดหน้าคฤหาสน์ไวส์แมนในเวลาเฉียดทุ่มครึ่ง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป คิ้วของนักการเงินหนุ่มก็แปรขบวนมาผูกโบแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะสีหน้าของพ่อบ้านจืดชืดจนน่าสงสาร
“ผมเดาว่าซาร่าห์ยังแผลงฤทธิ์ไม่เลิก”
การคาดเดาของเขาทำเอาบอดีการ์ดกับคนขับรถลอบสบตากันอย่างขำๆ เออหนอนายเรา มีสาวเป็นเบือที่เต็มใจขึ้นเตียงและอยากเข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ แต่กลับไม่เลือก ดันไปเลือกม้าป่ามัสแตงแสนพยศ ไม่รู้กว่าจะได้นอนร่วมห้องแชร์เตียง เจ้านายสุดหล่อจะหมดแรงไปกับการปราบพยศก่อนหรือเปล่า
“อ่า...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ผมกับไปป์ขอร้องให้มิสขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนลงมาทานอาหารค่ำกับคุณ แล้วมิสไม่ยอม มิสบอกว่าจะไม่อาบน้ำจนกว่าจะได้กระเป๋าเดินทางคืนครับ”
“แล้วอลิซล่ะ อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน”
“เรียบร้อยแล้วครับ มิสเพิ่งพาขึ้นไปนอนเมื่อห้านาทีนี้เอง คุณหนูไม่ยอมนอนกลางวันเพราะตื่นตาตื่นใจกับของเล่น ก็เลยเข้านอนแต่หัววันครับ” พ่อบ้านยิ้มออกเมื่อนึกถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของคุณหนูอลิซ ผู้สร้างสีสันให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนหลายเท่า
“ดี อีกสิบห้านาที ผมกับซาร่าห์จะลงมาทานข้าว” สั่งความเสร็จ ร่างสูงก็สาวเท้าขึ้นบันไดไปชั้นบน ปล่อยให้สามคนที่อยู่ข้างหลังสบตากันแล้วอมยิ้ม
“คุณพนันข้างใครชาร์ลี” ซามูเอลถามกลั้วหัวเราะ
“พูดยากครับ ผมรู้แค่ว่านี่ไม่ใช่คู่ชกธรรมดา” ชาร์ลียิ้มจนเห็นริ้วรอยแห่งวัยแทบทุกตำแหน่งบนใบหน้า
“สาวๆ ร้อยทั้งร้อยมีแต่อยากดูดี อยากเอาใจ อยากให้มิสเตอร์ไวส์แมนประทับใจแล้วเรียกหาอีก แบบมิสนี่ ผมก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกันครับ” เคนทำหน้าเหมือนอึ้ง ทึ่ง และสยองในคราวเดียวกัน
“อีกสิบห้านาทีเราน่าจะได้คำตอบ” บอดีการ์ดอันดับหนึ่งปิดประเด็นการสนทนาก่อนแยกตัวไปกินข้าว
พอลสืบเท้าไปหยุดที่หน้าประตูห้องนอนของอลิซ เมื่อไม่เห็นแสงไฟลอดออกจากช่องใต้ประตูเล็กๆ ก็หมุนตัวเดินไปเคาะประตูห้องพักของศราวณะแทน เขานิ่วหน้าเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ พอลองหมุนลูกบิดแล้วพบว่าห้องไม่ได้ล็อกจึงถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป
เขาถอนใจยาวเมื่อพบว่าไฟในห้องสว่างโร่ ประตูห้องน้ำยังเปิดกว้าง ทว่าไร้เงาของว่าที่ภรรยา แถมเธอยังฝากคำยืนยันว่าไม่ต้องการเสื้อผ้ากับข้าวของที่ซื้อให้ ด้วยการนำเสื้อผ้าจากตู้แบบบิลต์อินมากองเป็นภูเขาเลากาไว้ที่กลางพื้นห้อง
“เด็กแสบเอ๊ย! คิดเหรอว่าประท้วงแบบนี้แล้วจะรอด” เขาทั้งขำทั้งหมั่นไส้กับวิธีประท้วงแบบเด็กๆ อยากจับแม่ตัวแสบมานอนพาดตักและฟาดมือลงบนก้นหนั่นแน่นนั่นสักสิบครั้ง แต่ก่อนอื่นต้องลากตัวเธอออกมาจากห้องของลูกบุญธรรมเสียก่อน
คิดได้ดังนั้นพอลก็ไปหยิบกุญแจสำรองจากห้องนอนของตัวเอง มั่นใจว่าศราวณะคงล็อกประตูหวังจะปิดกั้นเขาทุกทาง แต่เธอยังเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าเขาเองก็เตรียมวิธีรับมือไว้เช่นกัน
พอลปลดล็อกประตูอย่างแผ่วเบา แทรกตัวเข้าไปในห้องนอนของสาวน้อยอลิซอย่างเงียบกริบ พอสายตาเริ่มคุ้นเคยกับไนต์ไลต์แรงเทียนต่ำดวงเล็กๆ ในห้องน้ำก็แทบหลุดเสียงหัวเราะ เพราะแม่ตัวแสบนอนคู้ตัวอยู่บนโซฟาสีชมพูตรงมุมห้อง ในขณะที่หลานสาวหลับปุ๋ยอยู่ในเปลเด็ก
อยากปลุกคนหลับให้ลุกไปอาบน้ำกินข้าว แต่พอเห็นสภาพหลับพร้อมกับเสียงกรนเบาๆ เขาก็เปลี่ยนใจ ยอมอะลุ้มอล่วยให้หนึ่งวัน เพราะคิดว่าเธอคงเหนื่อยล้ากับการเลี้ยงหลาน รวมถึงนอนไม่พอมากว่าหนึ่งสัปดาห์
ชายหนุ่มกลั้นยิ้มเต็มที่ เมื่อช้อนร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นในวงแขน แล้วเธอครางอืออาออกมาเป็นภาษาไทย ก่อนจะเบียดซุกใบหน้าแนบอกของเขาราวกับลูกแมวขี้อ้อน เขายื่นเท้าไปเปิดประตู พาคนหลับลึกกลับห้องนอนด้วยฝีเท้ามั่นคงทว่าเงียบกริบ หากศราวณะอาบน้ำก่อนหน้านี้ เขาคงไม่ลังเลที่จะอุ้มเข้าห้องนอนของตัวเอง แต่เล่นทำตัวซกมกแบบนี้ เขาไม่พาขึ้นเตียงให้ผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนมีราคีหรอก
“หลับลึกขนาดนี้ สักวันคุณโดนลักหลับแน่คัปเค้ก”
นิ้วเรียวปัดไรผมออกจากแก้มขาวผ่อง แววตาอ่อนโยนทอดมองคนหลับซึ่งสวมเสื้อยืดคอวีสีเทากับกางเกงยีนสีซีด ยิ่งมองเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ว่าหลงใหลไคล้คลั่งสาวดื้อระคนซกมกนี่ได้อย่างไร
ปากได้รูปแห้งผากเมื่อโฟกัสของสายตาหยุดลงบนเรียวปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อ มันเผยอน้อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าของปากกำลังเชิญชวนให้จูบ แรงดึงดูดมหาศาลส่งผลให้ร่างสูงใหญ่ทรุดลงนั่งหมิ่นเหม่กับขอบเตียง รู้ว่ามันเสี่ยงเพราะคืนนี้เธอไม่ได้กินยานอนหลับ แต่ก็อยากจูบราตรีสวัสดิ์เหมือนที่ทำตอนอยู่ที่บ้านเจสัน
“สวีตดรีม ก๊อดเดส” พอลก้มลงกระซิบบอกคนหลับ แล้วแตะริมฝีปากลงบนกลีบปากอิ่มแผ่วเบา มันแย่มากที่เขารู้ว่าเธอไม่ยอมอาบน้ำ แต่กลับมีกลิ่นสาบสาวที่หอมฉุนรุนแรง กระตุ้นอะดรีนาลินให้พลุ่งพล่าน ชวนให้คิดว่าเธอคือสัตว์เพศเมียที่หลั่งฟีโรโมนออกมาให้ตัวผู้อย่างเขารู้ว่าพร้อมแล้วสำหรับการ ‘ผสมพันธุ์’
ทว่าเขาไม่ใช่สัตว์ป่าไร้อารยธรรม เขาเป็นอริยชน ต้องการมากกว่าให้เธอเป็นแค่แม่พันธุ์เพื่อผลิตทายาท เขาต้องการทั้งตัว หัวใจ รอยยิ้ม และทุกๆ อย่างที่ประกอบเป็นศราวณะ ยกเว้น...ความซกมก!
คนจำนวนมากบอกว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อชายที่รัก เขาหวังว่าทฤษฎีนั้นจะเป็นจริง ไม่อย่างนั้นคงต้องรบกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้เพราะหมดแรง
นักการเงินหนุ่มเปิดเบบี้มอนิเตอร์ห้องนอนของอลิซที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงให้คนหลับ ดับไฟทุกดวง แล้วกลับไปอาบน้ำ ก่อนลงไปรับประทานอาหารคนเดียว จากนั้นก็หายเข้าห้องทำงานติดห้องสมุดถึงสี่ทุ่มจึงขึ้นชั้นบน แต่เดินยังไม่ถึงห้อง ก็ต้องหยุดฝีเท้าและหมุนตัวกลับเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู
“อลิซร้องไห้เหรอ” นั่นคือข้อสันนิษฐานแรกที่เขาคิด
“ปละ เปล่าค่ะ ฉันแค่หิว...เอ่อ...น้ำ” ศราวณะยิ้มแห้ง ความจริงเธอตื่นเพราะท้องร้องประท้วงว่าหิวจัด คิดว่าเขากับทุกคนเข้านอนแล้ว แต่ดันมาจ๊ะเอ๋กันเสียนี่
“เดี๋ยวผมลงไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไปเองได้ ถ้าคุณกำลังจะเข้านอนก็ตามสบายเลยค่ะ รับรองว่าฉันไม่หลง” อย่านะ...อย่าคิดจะตามมาเป็นอันขาด ฉันไม่อยากกินน้ำแทนข้าว
“เรายังมีเรื่องต้องคุยกัน ซาร่าห์” พอลวาดมือไปแตะแผ่นหลังเบาๆ แล้วส่ายหน้าเมื่อเธอสะดุ้งราวกับถูกไฟดูด
สิ่งที่หลุดจากปากของเขาทำเอาคนที่กำลังหิวจัดถึงกับแอบด่าตัวเอง เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนสั่งอุ้มกระเป๋าเดินทาง
“ฉันบอกชาร์ลีไปหมดแล้วนี่คะว่าต้องการอะไร ถ้าคุณไม่คิดจะเอากระเป๋ามาคืน ก็อย่าได้ตามมาเป็นอันขาด” หญิงสาวทำตัวพองขู่พ่อคนตัวใหญ่แล้ววิ่งปรู๊ดลงบันได ให้มันรู้เสียบ้างว่าผู้หญิงอย่าง ศราวณะ แผลงฤทธิ์ ไม่ใช่หมูในอวยที่จะยอมให้ใครเชือดง่ายๆ
“เวลาสี่ปีไม่ได้ทำให้นิสัยของคุณเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเลยนะ” นักการเงินหนุ่มส่ายหน้าขำๆ ขายาวก้าวลงบันไดโดยไม่อนาทรร้อนใจกับคำขู่ เมื่อตามไปถึงห้องครัวก็ยืนกอดอก พิงสะโพกกับเคาน์เตอร์หินอ่อนกลางห้องครัว มองคนหน้างอรินน้ำจากตู้เย็นมาดื่มอั้กๆ แล้วก็หัวเราะจนไหล่กระเพื่อม เพราะท้องเจ้ากรรมของคนที่บอกว่าหิวน้ำส่งเสียงโครกครากเหมือนจะประท้วงว่าที่ต้องการจริงๆ คืออาหาร
“ขำอะไรของคุณคะ” ศราวณะแหวกลบเกลื่อนความอาย อุตส่าห์ท่องเสียดิบดีว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ไหงบ่าวถึงทำให้นายขายหน้าอย่างนี้ก็ไม่รู้
“ผมว่าท้องของคุณมันต้องการอาหารมากกว่าน้ำเปล่านั่นนะซาร่าห์ มานั่งนี่เถอะ เดี๋ยวผมจะอุ่นอาหารให้” พอลดึงเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์ออกมาแล้วผายมือเชิญ
“ฉันไม่หิวค่ะ หรือถึงหิวก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกิน จนกว่าคุณจะยอมเอากระเป๋าเสื้อผ้าของฉันมาคืน”
“ผมเกรงว่าตอนนี้คุณเหลือทางเลือกอยู่สองทางนะก๊อดเดส” ร่างสูงผละออกไปเปิดตู้เย็น หยิบจานอาหารที่สั่งให้ชาร์ลีเก็บไว้มาอุ่นในไมโครเวฟ ก่อนหันมาเฉลยข้อข้องใจของคนลีลาจัด “หนึ่ง...กินอาหารที่ผมอุ่นให้ สอง...กินผมแทนอาหาร”
“ฉันยอมสวาปามจนท้องแตกตาย ดีกว่าจะกระเดือกคุณค่ะ”
“อย่าหาว่าโม้เลยนะ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่กินผมแทนข้าวข้ามวันยังมีเลย” พอลเอ่ยเสียงเนิบขณะหยิบจานอาหารจากไมโครเวฟมาวางลงบนเคาน์เตอร์ เปิดลิ้นชักเพื่อหยิบส้อมกับผ้ากันเปื้อนมาส่งให้คนหน้าบูดที่เพิ่งกระแทกก้นลงบนเก้าอี้
“เผอิญฉันมันเป็นพวกแรร์ไอเทมค่ะ” ปากโต้เขา ส่วนมือตักอาหารใส่ปากเป็นระวิง
คำว่า ‘ของหายาก’ ที่หลุดจากปากอิ่มทำเอาพอลยิ้มกรุ้มกริ่ม ก็คงจริงอย่างว่านั่นละ เพราะเจอสาวสวยรอบโลกมานับร้อยล้านคน แต่เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนเกิดแผ่นดินไหวในช่องอกเหมือนตอนเจอเธอเลยสักครั้ง
“ดีเลย เพราะผมชอบสะสมของหายาก ยิ่งยากยิ่งอยากได้จนตัวสั่น” พาขึ้นเตียงยากแบบนี้ รับรองเลยว่าถ้าถึงวันที่ฝันเป็นจริง เธอจะไม่ได้ย่างกรายออกจากห้องนอนเป็นเวลาอย่างน้อยสามวัน
ความคิดเห็น |
---|