14

วาระเปิดใจ


 

 14

วาระเปิดใจ

                การเป็นเพื่อนสนิทของศราวณะ ทำให้นีรนารถได้รับอภิสิทธิ์ให้เป็นสมาชิกคนที่สี่ของโต๊ะอาหาร แม้ลึกๆ พอลจะไม่ชอบใจนักที่ไม่มีโอกาสกินข้าวตามประสาพ่อแม่ลูก แต่เมื่อเห็นภรรยากับอลิซมีความสุข ก็บอกตัวเองว่าความสุขของทั้งคู่คือความสุขของเขา

                “นีน่า คุณควรรายงานทางโอแพร์นะว่าถูกโฮสต์แด๊ดลวนลาม เขาจะได้ตัดครอบครัวนั้นออกจากโครงการ” เขาเปรยระหว่างการกินอาหาร

                “สองผัวเมียนั่นเป็นตำรวจทั้งคู่ค่ะ ก่อนออกจากบ้าน เขาขู่ฉันว่าถ้าเอาเรื่องนั้นไปบอกใคร เขาก็จะบอกว่าฉันขโมยของมีค่า แต่ถูกจับได้ และพยายามใส่ร้ายเขาค่ะ พวกเขาน่ากลัวมาก บอกตามตรงว่าฉันไม่อยากข้องแวะด้วยอีก” ดวงตาของคนเล่าฉายความขลาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

                “งั้นก็ตามใจ อยู่ที่นี่คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ยกเว้น…กลัวใจตัวเอง จริงไหมซาร่าห์” โฮสต์หนุ่มเอ่ยติดตลกช่วงท้ายประโยคพลางเอื้อมมือไปกุมมือของศราวณะ ซึ่งรีบชักมือหนีเหมือนไม่อยากให้เพื่อนเห็น

                “มิสเตอร์ไวส์แมนขี้เล่นกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะคะ” นีรนารถรับมุกเสียงกลั้วหัวเราะ

                “ถ้าคุณเห็นผมในระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คุณจะไม่พูดแบบนี้”

                “ปะป๊า หม่ำๆ ฟูด” เด็กหญิงอลิซแทรกเข้ามาในบทสนทนาพร้อมกับยื่นส้อมที่จิ้มทอดมันข้าวโพดกุ้งสับมาให้

                “อื้อหือ อาหารของอลิซอร่อยจังเลย ขออีกคำได้ไหม”

                “อีก” แม่หนูน้อยทำตามคำขอโดยไม่อิดออด เพราะตัวเองอิ่มแล้ว

ไม่นานอาหารที่เหลือในจานก็หมดเกลี้ยง ไม่ต่างจากเมนูอื่น สร้างความปลาบปลื้มให้คนทำซึ่งตอนแรกกังวลว่าจะมีเมนูที่เขาไม่ชอบ ข้อดีอีกอย่างของพอลที่เธอรู้ตั้งแต่สมัยที่เขาบินไปเมืองไทย คือการเป็นคนกินง่าย ขอเพียงเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่ใช่ของดิบ และคนทำกับร้านดูสะอาดสะอ้านถูกสุขอนามัย

                “คุณมีแฟนหรือยัง นีน่า” จู่ๆ พอลก็โพล่งถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาสองสาวที่กำลังจ้อภาษาไทยอยู่หันมามองทันที สายตาของศราวณะบอกความพิศวงงงงวย ส่วนคนถูกถามสบตาเขาเหมือนพยายามค้นหาเหตุผลว่าทำไมถึงถามทำนองนั้น

                “ฉันมีคนที่คุยๆ อยู่ค่ะ แต่ยังไม่กล้าตอบรับการขอเป็นแฟนของเขา เพราะไม่แน่ใจว่าเขาลืมแฟนเก่าได้หรือยัง”

                “ใคร ดาวรู้จักหรือเปล่า” ศราวณะทำตาปริบๆ นี่เป็นข่าวใหม่ที่เธอเพิ่งรู้ และมั่นใจว่าเพื่อนในแก๊งก็ยังไม่รู้เช่นกัน ไม่งั้นคงเล่าให้ฟังทางไลน์แล้ว

                “รู้ ดาวรู้จักเขาดีเชียวละ” นีรนารถอ้อมแอ้มเอ่ยไม่เต็มเสียงนัก แถมยังหลบสายตาค้นหาอย่างมีพิรุธ

                “ผมนึกว่าคุณสองคนเป็นเพื่อนรักกันเสียอีก” เจ้าของคฤหาสน์แซ็วเล่นขำๆ เมื่อเห็นอาการเหลอหลาของภรรยา

                “พี่อาร์ตเหรอ” หญิงสาวเดาจากท่าทางแปลกๆ ของเพื่อน

                “อืม ดาวโกรธหรือเปล่า ถ้าดาวไม่อยากให้คบหรือคิดจะกลับไปคืนดีกับพี่อาร์ต นารถจะได้เลิกคุยกับเขา” นีรนารถถามเสียงอ่อย สีหน้าบอกความอึดอัดที่ต้องคุยต่อหน้าบุคคลที่สาม

                “มะ...ไม่ ดาวจะโกรธได้ไงเล่าในเมื่อดาวเลิกกับพี่อาร์ตมาสองปีแล้ว เพราะอย่างนี้สินะ นารถถึงไม่เคยบอกดาวกับเพื่อนในกลุ่มว่ากำลังดูใจใครอยู่” เธอไม่ได้โกรธเพื่อนหรืออธิปที่ไม่ยอมเล่าความจริง ออกจะสบายใจด้วยซ้ำที่ทั้งคู่คบหากัน เพราะพอลจะได้เลิกระแวงเสียที ส่วนเธอก็จะได้ไม่ต้องหวาดผวาทุกครั้งที่แฟนเก่าโทร. หา

                “อื้อ นารถกลัวดาวกับเพื่อนๆ จะหาว่าแย่งพี่อาร์ต”

“คิดมากอย่างนี้ ระวังเหอะ หงอกจะถามหาตอนเบญจเพส” หญิงสาวค้อนเพื่อนสนิทก่อนจะประสานเสียงหัวเราะกัน

                “แย่เลย ตอนซาร่าห์บอกว่าคุณยังโสด ผมอุตส่าห์วางแผนจะแนะนำหนุ่มๆ ที่นี่ให้พิจารณาสักสองสามราย” ชายหนุ่มยอมรับว่าเขาเองก็โล่งใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายมีแฟนแล้ว แถมยังเป็นแฟนเก่าของศราวณะเสียด้วย เรียกว่านีรนารถช่วยตัดปัญหาทั้งฝั่งของเขาและของภรรยาพร้อมๆ กัน

                “ฉันกับเขาแค่คุยกัน ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าแฟนหรอกค่ะ ฉะนั้นฉันยังมีสิทธิ์คุยกับหนุ่มๆ ที่คุณอยากแนะนำนะคะ มีใครบ้างไม่อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง จริงไหมคะ” นีรนารถเอ่ยทีเล่นทีจริง

                “จริง ผมเองก็อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเหมือนกัน” ปากตอบพี่เลี้ยงคนใหม่ แต่สายตากลับมองศราวณะอย่างมีความนัย จงใจให้สองสาวเห็นว่ากำลังหมายถึงใคร

                “นารถนั่งคุยกับเขาต่อนะ ดาวจะยกจานชามไปใส่เครื่องล้าง” ร่างสมส่วนลุกขึ้นจากโต๊ะ เก็บจานชามโดยไม่ยอมสบตาพอลซึ่งอาสาจะช่วย แต่เธอปฏิเสธและสั่งแกมขอร้องให้เขาอยู่คุยกับนีรนารถ

                “ท่าทางเพื่อนของคุณจะโกรธผม” นักการเงินหนุ่มเปรยเสียงเอื่อย

                “ฉันว่าไม่โกรธหรอกค่ะ น่าจะเขินมากกว่า ถ้าโกรธคุณคงโดนด่าหรือเจออะไรฟาดหัวแล้ว

“โหดขนาดนั้นเชียว” พอลย่นคอเหมือนเต่าที่เตรียมหดหัวหลบในกระดอง

                “ตอนเรียนมัธยมปลาย ดาวถูกนักเรียนชายแอบส่องใต้กระโปรงและแซ็วว่าใส่กางเกงในสีอะไร หมอนั่นโดนดาวเอาเก้าอี้ฟาดจนหัวแตกค่ะ

                “โหดมาก แต่มันก็สมควรโดนแล้วละ”

ไอ้กร๊วกเอ๊ย! กล้ามากที่มาส่องใต้กระโปรงนักเรียนเมียกู ถ้านั่งไทม์แมชชีนกลับไปได้ มึงเจอกระทืบด้วยรองเท้าไซซ์สิบสองจนม้ามแตกแน่

                “คุณจีบเพื่อนของฉันเล่นๆ เพื่อบริหารเสน่ห์ หรืออยากคบหาแบบจริงจังคะ” นีรนารถสวมวิญญาณสาวใจกล้าถามกลับบ้าง

                “ผมไม่เคยพาใครเข้ามาอยู่ หรือแม้กระทั่งนอนค้างที่นี่เลย นั่นพอเป็นคำตอบที่คุณพอใจหรือยังนีน่า”

                “ค่ะ แต่คงดีกว่านี้มาก หากคุณไม่ได้กำลังจะเป็นพ่อคนกับผู้หญิงที่ไม่ใช่เพื่อนของฉัน”

                “ซาร่าห์เล่าให้คุณฟังสินะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงขื่น เขามัวแต่ดีใจที่ศราวณะยอมคุยด้วย จนลืมไปว่าปัญหาใหญ่ยังคงอยู่ มันเป็นปัญหาที่เขาหมดปัญญาจะหาทางออกที่ดีกว่านี้ เพราะหากตัดลอร่ากับลูกออกจากสารบบไปเลย เขาก็ต้องเป็นฝ่ายอยู่กับความรู้สึกผิดบาปไปตลอดชีวิต

                หากจะบีบให้ลอร่าทำแท้งเพื่อจบปัญหา มันก็เป็นวิถีทางของคนเห็นแก่ตัวที่ไร้มนุษยธรรมเกินไป เป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่ศราวณะจะยอมรับความผิดพลาดในอดีตของเขาและจูงมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ในเมื่อการมีลูกกับลอร่าไม่ได้หมายความว่าเขารักหรือให้ความสำคัญต่อเธอกับอลิซน้อยลงเลย

               

                พอลมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับภรรยา หลังจากที่เธอพาอลิซขึ้นไปอาบน้ำเข้านอน โดยปฏิเสธความช่วยเหลือของนีรนารถเพราะเห็นว่าเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา เขาแยกไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมาที่ห้องของแม่ตัวน้อย ยืนกอดอกมองภรรยาหวีผมให้อลิซด้วยประกายตาลึกซึ้ง

มือนกับที่อลิซสวมทุกอย่าง เขาเดาว่าเธอน่าจะตั้งใจซื้อชุดให้แมตช์กัน หญิงสาวพยักหน้าเมื่อเขาขอร่วมอ่านนิทานและร้องเพลงกล่อมเด็ก ก่อนจะนำออกจากห้องเมื่อแม่หนูเข้าสู่นิทรารมณ์ เขาเดินตามออกมาเงียบๆ มองแผ่นหลังบางอย่างใช้ความคิด และตัดสินใจสวมกอดจากด้านหลังขณะที่เธอเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง

                “ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็น” หญิงสาวเกร็งตัวรับสัมผัสใกล้ชิดที่ห่างหายไปเป็นเดือน

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาฟเตอร์เชฟผสานกับกลิ่นหอมสะอาดอย่างผู้ชายแท้ๆ พาให้เธอใจสั่น ลมหายใจผ่าวร้อน และริมฝีปากที่ฝังลงบนพวงแก้มก่อให้เกิดความหวามหวานเกินบรรยาย เธอรู้ว่าไม่ควรรู้สึกทำนองนี้ แต่ส่วนลึกกลับโหยหาเขาอย่างบอกไม่ถูก

                “ผมคิดถึงคุณ”

พอลกระชับอ้อมแขนแข็งแกร่งที่กำลังกอดรัดเธอให้แน่นขึ้น สูดความหอมของเนื้อนางเข้าเต็มปอดเพื่อเติมพลังชีวิตให้ตัวเอง

“ถ้าที่ผ่านมาคือบทลงโทษ ผมก็อยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมไม่มีความสุขเลย ผมอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม ยกโทษให้ผมสักครั้งได้ไหม ผมสัญญาว่าจากนี้ไปจะไม่ทำให้คุณโกรธหรือผิดหวังในตัวผมอีก”

                ศราวณะถอนใจยาว ใช่ว่าเธอเองจะมีความสุขที่ทำตัวเหมือนอยู่คนละโลกกับเขา ที่สำคัญเธอควรขอโทษเขาด้วยซ้ำที่ก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวมากเกินไป แต่ก็เลือกถืออัตตาของตนเป็นใหญ่ ปิดปากเงียบมาโดยตลอด ทั้งที่รู้สึกหน่วงๆ ข้างในทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน

                “คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ ถ้าเรามองด้วยใจเป็นกลาง จะเห็นว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษที่ว่าคุณแรงๆ ทั้งที่ฉันไม่มีสิทธิ์จะพูดด้วยซ้ำ” มือที่ตกอยู่ข้างตัวขยับมาวางทับมือเขา 

                “คุณเป็นภรรยาของผม ซาร่าห์ คุณมีสิทธิ์พูดหรือทำทุกอย่างที่ภรรยาพึงแสดงต่อสามี ถึงคุณจะคิดว่าการแต่งงานของเรามันเป็นแค่พันธสัญญาชั่วคราว แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ผมรักคุณอย่างที่สามีรักภรรยา และอยากให้คุณรู้สึกแบบเดียวกับผม คุณพอจะให้โอกาสหัวใจของผมสักครั้งได้ไหม

                “แล้วคุณให้โอกาสหัวใจตัวเองได้ลองรักลอร่าหรือยังคะ คุณให้โอกาสหัวใจของเธอบ้างหรือยัง ฉันไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นมือที่สามของใคร”

                “คุณไม่เคยเป็นมือที่สาม คุณคือผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในหัวใจของผมมาตลอดเวลากว่าสี่ปี ข้อนี้ลอร่าก็รู้ดี และเขายืนยันว่าไม่เคยคิดจะแทรกแซงความสัมพันธ์ของเรา ลองเปิดใจรับผม ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะ” เขาวิงวอนแบบไม่รักษาภาพลักษณ์ของคนที่มั่นใจในตัวเองสูง คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลมาโดยตลอด

                ศราวณะนิ่งงันนานนับนาที ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า สบตาเว้าวอนของเขาเพื่อชั่งใจตัวเองอีกครั้ง สองเดือนครึ่งที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เขาดีต่อเธอกับอลิซ แม้บ่อยครั้งจะจุ้นจ้านวุ่นวายกับโลกส่วนตัวของเธอ แต่ก็เพราะเขาต้องการให้สิ่งที่คิดว่าดีที่สุด และวันนี้พอลขอโอกาสจากเธอ ทั้งที่ผู้หญิงทั้งนิวยอร์กหรืออาจจะทั้งโลกด้วยซ้ำอยากได้รับโอกาสจากเขา แต่เขาก็เลือกเธอ เลือกและบอกว่ารักเธอมาหลายปีแล้ว หากเธอหลับหูหลับตาปฏิเสธก็คงเป็นผู้หญิงที่โง่มากในสายตาคนทั้งโลก

                “ค่ะ ฉันจะลองเปิดใจให้คุณ คุณมีโอกาสจนกว่าจะถึงวันที่เราหย่ากันค่ะ พอล”

นี่ไม่ใช่เพียงให้โอกาสเขา แต่ยังให้โอกาสลอร่ากับลูก รวมถึงโอกาสแก่ตัวเธอเองและอลิซด้วย ตอนนี้เขาอาจบอกว่าเลือกเธอ แต่อีกหนึ่งหรือสองปี เขาอาจเปลี่ยนใจเลือกลอร่ากับลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริงๆ ก็ได้

ที่เธอมั่นใจคือ…ไม่ว่าพอลจะเลือกเธอหรือลอร่า ก็ต้องมีคนเสียใจกับการเลือกของเขาไม่ต่ำกว่าสองคน มันเป็นการวางเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงเหลือเกิน แต่ใจของเธอมันกระซิบว่าถึงเวลาที่ต้องหยุดวิ่งหนีความจริงเสียที

                “คุณจะไม่ผิดหวังในตัวผม ก๊อดเดส” มือหนาขยับขึ้นมาประคองวงหน้ารูปไข่ ยิ้มละมุนละไมในแบบที่ทำให้คนมองใจสั่น 

“ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเรื่องงานวันเกิดของอลิซเดือนก่อนเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่รักและเอ็นดูอลิซ” นอกจากลูกสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สองตัวแล้ว พอลยังเนรมิตส่วนหนึ่งของสวนหลังบ้านให้เป็นเพลย์กราวนด์หรือสนามเด็กเล่นสำหรับอลิซ แม้ช่วงนี้ฝนจะยังตกแทบทุกวันและอากาศค่อนข้างหนาว จึงยังไม่มีโอกาสพาหนูน้อยออกไปเล่น แต่เธอมั่นใจว่านั่นจะกลายเป็นมุมโปรดของอลิซในวันที่อากาศอุ่นสบาย

                “อลิซคือลูกของผม เขาคือลูกสาวของเราสองคน ซาร่าห์ ความสุขของอลิซกับความสุขของคุณ คือความสุขของผม” เขาเพียรบอกด้วยประโยคที่เคยพูดมาแล้วหลายครั้งหลายครา เพราะอยากให้เธอเชื่ออย่างสนิทใจ

                “คุณเป็นพ่อที่น่ารักมากค่ะ” หญิงสาวเขินที่ถูกมองอย่างลึกซึ้งจนต้องหลุบตาลงมองแค่ปลายคางเขียวครึ้ม

                “แล้วเป็นสามีที่น่ารักด้วยไหม” คนถามช้อนปลายคางเรียว บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นสบตา ภรรยาของเขาเขินแล้วน่ารักน่าปรารถนาเหลือเกิน

                “กลับห้องของคุณได้แล้วค่ะ” ศราวณะยกแขนขึ้นกั้นไม่ให้อกแกร่งเสียดสีกับอกอิ่ม หน้าร้อนผ่าวเมื่อเขาก้มลงมาคลอเคลียจมูกโด่งกับพวงแก้ม

                “ผมยังไม่ง่วง ยังไม่อยากกลับ อยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ” 

                “แต่ฉันง่วงแล้วค่ะ ถ้าคุณอยากยืนอยู่ตรงนี้ต่อก็ตาม…อืม”

                หญิงสาวเกือบสำลักลมหายใจ เมื่อปากบางเฉียบของคนขี้อ้อนเบียดบดปากของเธอถนัดถนี่ พอลจูบเธอเหมือนคนที่หิวโซมาทั้งชีวิต ดูดดึงขบขย้ำกลีบปากบนและล่างอย่างหื่นกระหาย พอเธอรู้สึกเจ็บแปลบจนอยากต่อต้าน ลิ้นร้อนก็เปลี่ยนเป็นโลมไล้แผ่วเบาเหมือนจะบรรเทาความแสบร้อน ทำให้เธอรุ่มร้อนจนยอมเผยอปากให้เขาสอดลิ้นเข้ามาควานหาความหวานภายในอุ้งปาก        พอลประคองศีรษะของภรรยาด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างกดร่างเย้ายวนเข้าแนบชิดลำตัวสูงใหญ่ ชายหนุ่มครางกระหึ่มเหมือนเครื่องยนต์ของรถยามลิ้นเล็กตวัดตอบโต้อย่างคนหื่นหิวปานกัน จูบเร่าร้อนดุดันแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มหวานหวาม คนอ่อนประสบการณ์ครางเป็นลูกแมว เคลิบเคลิ้มเสียจนสอดมือที่ใช้กั้นอกอยู่ตอนแรกขึ้นมาลูบโลมเรือนผมดกหนาของเขา 

หญิงสาวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเมื่อประตูห้องถูกเขาเปิด พอลดันให้เธอถอยหลังเข้าด้านใน ก้าวตามมาติดๆ และปิดประตูตามหลังแบบไม่เสียเวลาการถอนจูบ

ดวงตาหยาดเยิ้มปรือปรอยมองเขาอย่างประหลาดใจ เมื่อถูกช้อนขึ้นวางบนฟูกหนาหนุ่ม พอเริ่มสำเหนียกว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ตาคมกล้าก็แผ่รัศมีบางอย่างที่ทำให้กล้ามเนื้อในกายหยุดทำงานกะทันหัน นิ่งขึงประหนึ่งพระเยซูถูกตอกตรึงไว้กับไม้กางเขน มองคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างเตียงรวบชายเสื้อยืดสีขาว ค่อยๆ รั้งชายสูงด้วยลีลาที่ชวนให้ใจของเธอกระเด็นกระดอนออกนอกทรวง

ชั่วขณะศราวณะนึกถึงค่ำคืนที่พระพุทธเจ้ากำลังจะตรัสรู้ ซึ่งพญามารส่งพระธิดาทั้งสามมายั่วยวน หวังขัดขวางไม่ให้พระองค์ทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทว่าก็ไม่สัมฤทธิผล เพราะพระองค์ทรงมองภาพเย้ายวนเหล่านั้นด้วยสายพระเนตรว่างเปล่า ผิดกับเธอในขณะนี้ ที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะถอนสายตาจากลอนซิกซ์แพ็กที่เพิ่งได้ทัศนา

เขาเซ็กซี่เป็นบ้า! แถมลีลาการอ่อยก็ระดับปรมาจารย์ จึงไม่แปลกที่ปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอคืออาการปากอ้าตาค้าง ใจสั่นเหมือนซัดกระทิงแดงไปห้าขวดพร้อมกัน

เธอรู้สึกเหมือนโดนตอกตะปูที่ฝ่ามือกับเท้าอีกครั้งเมื่อจ้องตาทรงพลังดึงดูด ยามชายเสื้อของเขาเลื่อนออกพ้นศีรษะ นัยน์ตาของพอลร้อนแรงเหมือนมีเปลวเพลิงลุกไหม้ ไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา มันคือ...เปลวไฟสีน้ำเงินที่ร้อนระอุ พร้อมจะแผดเผามนุษย์ผู้ตัดกิเลสไม่ขาดอย่างเธอให้ตายทั้งเป็น

“Do you like what you see, Sarah? It’s all yours. I’m yours.”

พอลเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงสุดเซ็กซี่ ขณะพาร่างสูงใหญ่ขึ้นเตียงในท่วงท่าเหมือนเสือที่รอจังหวะตะปบเหยื่อ ทั้งสง่างาม น่าเกรงขาม เชิญชวน และเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน ตาคมกริบจดจ้องนัยน์ตาคู่งามที่ไหวระริกประหนึ่งตาของเนื้อทราย เธอคงไม่รู้หรอกว่าการนอนนิ่งเหมือนยอมสยบแทบเท้าแบบนี้ มันทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน รุ่มร้อน หื่นหิว อยากเสียบแทรก กระแทกกระทั้น ครอบครองให้เธอครวญครางเรียกชื่อเขาไม่หยุด 

                ชายหนุ่มเคลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับเธอเร็วเสียจนหญิงสาวแอบทึ่ง ถ้าเป็นคาวบอย ก็เรียกว่าควักปืนออกมายิงเร็วชนิดที่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักปืนออกจากซองหนัง

                ส่วนคำถามที่ว่าชอบในสิ่งที่เห็นไหม มีใครบ้างล่ะจะไม่ชอบหนุ่มฟิตแอนด์เฟิร์ม เพียงแต่เธอยังไม่พร้อมที่จะทำให้เขาเป็นของเธอ โดยสมบูรณ์เท่านั้นเอง

“ฉันรู้ว่าคุณอยากมีเซ็กซ์กับฉัน แต่…”

                “เมกเลิฟก๊อดเดส เราจะเมกเลิฟกัน มันไม่ใช่เซ็กซ์” ชายหนุ่มแก้พร้อมกับทำตาดุ “คุณมีความหมายสำหรับผมกว่านั้นหลายร้อยเท่า”

                เขาคงหมายถึงเธอไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ใคร่กระมัง ศราวณะคิดตามอย่างเบลอๆ

“มันเร็วเกินไปค่ะ ฉันเพิ่งจะตกลงให้โอกาสคุณเมื่อสามนาทีที่แล้วเองนะ” เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสถานะของเธอกับเขาตอนนี้เรียกว่าแฟนได้หรือยัง

                “ผมรอคุณมาสี่ปี สี่เดือน กับอีกสิบเจ็ดวันแล้วซาร่าห์” แววตาของเขาทั้งเว้าวอนและตัดพ้อ

                “คุณเคยนับหรือเปล่าคะว่าระหว่างที่รอฉัน คุณนอนกับผู้หญิงกี่สิบคน”

                “เราลืมอดีตของกันและกัน แล้วอยู่กับปัจจุบันได้ไหมคัปเค้ก ผมยังไม่รื้อฟื้นเรื่องของคุณกับไอ้หมอนั่นหรือคนอื่นๆ ที่ผมอาจไม่รู้ในช่วงที่เราห่างกันเลย” พอลเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะหน้าเหลอเมื่อจู่ๆ ถูกคนฟังผลักออกด้วยเรี่ยวแรงที่มากจนแทบหงายหลังตกเตียง 

                “คุณกำลังดูถูกฉัน มิสเตอร์ไวส์แมน!” ศราวณะขยับถอยหลังไปนั่งพิงหัวเตียง มองสามีด้วยแววตาเจือความขุ่นเคือง

                นักการเงินหนุ่มทำตาปริบๆ กับปฏิกิริยาของแม่เสือ “คุณกำลังหมายถึงอะไรคัปเค้ก”

                “คุณหาว่าฉันมั่ว…เหมือนคุณ!”

                ชายหนุ่มมองดวงตาโกรธขึ้งแล้วยิ้ม “คุณกำลังเข้าใจผิด คัปเค้ก ผมแค่พยายามบอก ว่าถึงคุณจะคบผู้ชายมาเป็นสิบเป็นร้อยก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่คิดจะถามให้เสียบรรยากาศ เพราะผู้ชายเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมรักและปรารถนาคุณน้อยลง”

                “ถึงฉันจะขึ้นเตียงกับผู้ชายเป็นสิบอย่างนั้นเหรอคะ” เธอเหยียดยิ้มเยาะ

                “อย่าพูดให้ผมหึง ซาร่าห์” เสียงนั้นไม่ต่างจากการขู่คำรามของสิงโต “ถึงผมจะไม่แคร์อดีตของคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมอยากได้ยินว่าคุณหลับนอนกับผู้ชายมากี่คนบ้าง”

                “ฉันนึกว่าถ้ารู้แล้วคุณจะขยะแขยงจนรีบแจ้นออกจาก…อื้ออื่ออื้อ!” หญิงสาวร้องประท้วงในลำคอเมื่อถูกกระชากลงมานอนกับฟูก พร้อมๆ กับที่ปากร้อนบดขยี้ลงมาอย่างรุนแรง หนวดเคราของเขาสร้างความปวดแสบปวดร้อนจนต้องเอาคืนด้วยการขูดเล็บทั้งสิบลงที่แผ่นหลัง 

                พอลครางซี้ดเมื่อเจอเขี้ยวเล็บของแม่สาวปากเปราะ มือหนาคว้าข้อมือเล็กไปกดตรึงไว้กับที่นอนเหนือศีรษะของเธอ ล็อกช่วงขาเรียวไว้ด้วยท่อนขาแข็งแรงจนคนใต้ร่างดิ้นไม่หลุด

หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อลำคอโดนดูดเม้มอย่างรุนแรง เหมือนเขาจงใจจะฝากร่องรอยไว้อวดคนอื่นว่าลึกซึ้งถึงแก่นกันแล้ว “คุณกำลังจะข่มขืนฉัน!”

                “ในเมื่อคุณยอมรับว่าเคยขึ้นเตียงกับคนอื่น ทำไมเราไม่ลองแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันดูล่ะซาร่าห์ ไม่แน่นะ บางทีคุณอาจจะติดใจลีลาของผมจนลืมคนเก่าๆ ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าก็ได้” เขากระซิบชวนเชื่อชิดใบหูหอมสะอาด แค่นึกภาพเธอเปลือยอยู่ใต้ร่างของชายอื่น เขาก็โกรธจนเแทบควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว 

                ศราวณะกลอกตาอย่างเซ็งจัด นี่เขาเชื่อว่าเธอเคยนอนกับคนอื่นเหรอเนี่ย มันน่าจับเจาะหูแล้วเลือกต่างหูหินนำโชคแบบหนักๆ มาถ่วงให้เลิกหูเบาเสียจริง ถ้าเธอเป็นสาวแคร์ฟรีและเคยผ่านสังเวียนสวาทมาโชกโชนขนาดนั้น คงกระโจนใส่เขาตั้งแต่คืนแรกที่ร่วมเตียงกันที่ลาสเวกัสแล้ว

“ฉันไม่ได้บอกว่าเคยนอนกับคนอื่นค่ะ ฉันถามเพราะอยากรู้ว่าถ้าไม่ได้ใสสะอาด มิสเตอร์เพอร์เฟกชันนิสต์อย่างคุณยังอยากจะลดตัวลงมาเกลือกกลั้วด้วยไหม”

                “แล้วคุณพอใจกับคำตอบของผมไหม ก๊อดเดส” เขาตวัดลิ้นเลียรอยจูบที่เพิ่งฝากไว้ ชวนให้จั๊กจี้และเสียวซ่านอย่างประหลาด

                “ค่ะ” เธอขบฟันลงบนกลีบปากล่างเมื่อปากร้ายกาจไถลลงไปจูบพร่างพรมบนเนินอก ดีที่คืนนี้เธอสวมชุดนอนเสื้อยืดคอกลม ถ้าเป็นแบบมีกระดุมคงถูกเขาจัดการไปนานแล้ว

พอลผละจากเนินอกอิ่มเพียงเพื่อจะสบตาคมหวานในระยะกระชั้นชิด “การแต่งงานของเราจะไม่มีการหย่า ซาร่าห์ เพราะผมจะไม่มีวันปล่อยคุณเป็นครั้งที่สอง คุณเกิดมาเพื่อเป็นของผม ยอมรับความจริงข้อนี้ซะ!”

                หญิงสาวเห็นความจริงจังสะท้อนอยู่ในนั้น แต่มันยังไม่พอ อย่างน้อยก็ไม่ใช่วันนี้ “คุณกำลังหลอกล่อให้ฉันตายใจและยอมนอนกับคุณ”

                “ผมอยากให้การแต่งงานของเราสมบูรณ์ อยากให้คุณเห็นว่าผมหลงใหล คลั่งไคล้ บูชาคุณขนาดไหน” นิ้วยาวลากไล้ไปตามคิ้วเรียว พวงแก้ม สันจมูก และปากรูปกระจับ

ถ้าคุณดึงดันจะนอนกับฉันให้ได้ภายในคืนนี้ ถึงคุณจะเก่งกล้าสามารถ ทำให้ฉันคล้อยตามโดยไม่ขัดขืน แต่สุดท้ายคุณก็จะได้แค่ตัวของฉันค่ะพอล” ศราวณะข่มตัณหาราคะที่ร้องประท้วงอยู่ในอก ว่าเธอโง่ที่ยังไม่ยอมมอบสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตสาวให้เขา

                “มันยากนักรึไงที่จะรักผม” กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่น

ผู้หญิงอื่นมีค่าแค่เวลาที่เขาต้องการระบายอารมณ์ใคร่ แต่ผู้หญิงคนนี้ เขาต้องการครอบครองทั้งตัวและหัวใจ ต้องการให้เธอยอมรับว่ารู้สึกเช่นเดียวกัน

                “ฉันเพิ่งบอกว่าจะเปิดใจให้คุณ ใจคอคุณจะให้ฉันปุบปับรักคุณเลยเหรอคะ” มือที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยขยับมาวางบนบ่ากว้าง ยิ้มล้อเลียนคนหน้าบึ้งนิดๆ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไป

                “นานแค่ไหนล่ะซาร่าห์ ผมต้องรออีกนานแค่ไหน ถึงจะได้ทั้งตัวทั้งหัวใจของคุณ” คนรอคอยถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน หากจะดึงดันร่วมรัก ก็คงไม่เกินความสามารถของคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแบบเขา แต่มันก็คงเป็นเพียงความสุขชั่วคราวอย่างที่ศราวณะบอก เพราะเมื่ออารมณ์ใคร่ดับลง เธอก็คงจะโกรธจนพานไม่อยากมองหน้าอีก

                “ฉันให้คำตอบที่แน่นอนตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ อาจจะสามเดือน หกเดือน หนึ่งปี หรือนานกว่านั้น” ความจริงคือเธออยากรอดูท่าทีของเขาหลังจากที่ลอร่าคลอดลูกได้สักระยะ อย่างน้อยหากตกหลุมรักเขา แต่ท้ายสุดแล้วเขาเลือกลอร่ากับลูก เธอจะได้แค่เสียใจ โดยไร้การเสียตัว 

                ร่างสูงดีดตัวลงไปยืนข้างเตียง ยกมือเสยผมตัวเองลวกๆ จ้องตอบด้วยสีหน้าหงุดหงิด นาทีนี้เขาแลดูเหมือนนักเลงอันธพาลที่พร้อมจะเหวี่ยงหมัดใส่ฝ่ายตรงข้ามได้ทุกเมื่อ

“แต่ถ้าคุณไม่พอใจ อยากลืมเรื่องที่เราคุยกันคืนนี้ก็ได้นะคะ ฉันไม่มีปัญหาอะไร” เธอแย็บไปอีกหนึ่งคำรบ

                “ได้ ผมจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมทั้งกายทั้งใจ” เขาบอกขณะก้มลงหยิบเสื้อยืดของตัวเองขึ้นมาสวมด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “แต่จำเอาไว้อย่างหนึ่งนะซาร่าห์ จำไว้ว่ายิ่งคุณปล่อยให้ผมรอนานเท่าไร ผมก็จะยิ่งหงุดหงิด และคุณก็ยิ่งต้องรับศึกหนักตอนที่เราขึ้นเตียงด้วยกัน คุณเลือกเองละกันว่าอยากรับศึกหนักระดับไหน”

                “คุณใส่เสื้อกลับด้านค่ะ” ศราวณะเอ่ยติดตลก พอเขาส่งค้อนและถอดเสื้อออกมาสวมใหม่ก็หัวเราะพรืด

                พอลคำรามอย่างเดือดดาล ทิ้งตัวลงเตียงและถ่ายเทน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนคนที่ยังขำไม่เลิก “ขำอะไรนักหนา”

                “ขำคนโกรธจนเผลอใส่เสื้อกลับด้านน่ะสิคะ พระภิกษุที่ฉันนับถือท่านหนึ่งสอนว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ไม่โกรธดีกว่า จะได้ไม่บ้าไม่โง่ ฉะนั้นถ้าไม่อยากเป็นทั้งคนบ้าและคนโง่ คุณก็ควรจะหยุดโกรธได้แล้ว” เสียดายที่เธอไม่ได้อัดคลิปตอนมิสเตอร์เพอร์เฟกชันนิสต์ทำพลาด ไม่งั้นถ้าโหลดลงยูทูบคงกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์

                “ใครบอกว่าผมโกรธ”

                “ก็คุณทำหน้าบึ้งอย่างกับเพิ่งกินรังแตนมานี่คะ เอ๊ะ…หรือว่านี่เป็นแฮปปีเฟซของคุณ” ดวงตาคู่งามเปล่งประกายวิบวับประหนึ่งมีดาวนับร้อยดวงซุกซ่อนอยู่ข้างใน สวยเสียจนคนมองตาพร่า

                “อย่าทำให้ผมตกหลุมรักมากกว่าที่เป็นอยู่ได้ไหมซาร่าห์ แค่นี้ผมก็หลงคุณจะแย่อยู่แล้ว”

                โหมดอารมณ์ที่เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีชมพูแบบกะทันหัน ทำเอาเธอแทบปรับตัวตามไม่ทัน

“กลับห้องของคุณได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกล่าวอย่างละมุนละม่อม พอเขาเริ่มขยับตัวก็แอบโล่งใจ แต่นั่นก็เพียงอึดใจเดียว เพราะพอลผละออกเพื่อจะล้มตัวลงนอนที่ว่างข้างๆ สอดตัวใต้ผ้าห่มและตะแคงมาหาด้วยใบหน้ายิ้มเผล่

                “ผมขี้เกียจเดินกลับห้อง ขอนอนด้วยสักคืนนะ”

                “คุณนี่ได้คืบจะเอาศอก” เธอพูดยังไม่ทันจะขาดคำ คนฟังก็เอื้อมมือไปดับไฟเพดานพรึ่บ เหลือเพียงไนต์ไลต์ในห้องน้ำที่สว่างพอให้เห็นกันรางๆ “กลับห้องของคุณเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ไม่งั้น…”

                ชายหนุ่มสอดมือเข้าที่เอวคอด รั้งร่างเย้ายวนเข้ามาแนบชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผะผ่าวของกันและกัน “ไม่ใช่คืนนี้ซาร่าห์ ผมอยากกอดคุณให้หายคิดถึง เลิกขยุกขยิกแล้วนอนซะ”

                “คุณกอดแน่นขนาดนี้ ขืนหลับ ฉันคงฝันว่าถูกอนาคอนดารัด” ปากอิ่มบ่นอุบอิบ พอเขาคลายมือออกก็ขยับตัวนอนหันหลัง หนุนต้นแขนของคนที่นอนซ้อนหลังอยู่ต่างหมอน

                “ถามหน่อยสิ อยู่ด้วยกันมาสองเดือนครึ่ง ไม่หวั่นไหว ไม่รู้สึกอะไรกับผมบ้างเหรอ”

                ศราวณะอมยิ้มในความมืด “ฉันขอตอบตอนสิ้นเดือนได้ไหมคะ”

                “โอเค ได้ แต่คำถามต่อไป คุณต้องตอบตอนนี้” พอลฝังจูบลงบนเรือนผมนุ่มสลวย “คุณเคยมีแฟนกี่คนกันแน่”

                “ไหนคุณบอกว่าไม่ชอบรื้อฟื้นไงคะ” เธอท้วงอย่างขำๆ “คนเดียวค่ะ”

                “รักหมอนั่นมากไหม”

                “แล้วคุณรักแฟนคนแรกมากไหมล่ะคะ”

                “ถ้าตอนคบกันก็มาก แต่หลังจากที่จับได้คาหนังคาเขาตอนที่เธอเย่อกับแพ็กซ์บนเตียงของผมเอง ผมก็เกลียด ขยะแขยงเธอยิ่งกว่าอะไรเสียอีก เกลียดแม้กระทั่งผู้หญิงที่มีชื่อหรือนามสกุลเดียวกับเธอ”

                “ถ้าถามว่าฉันยังรักเขาอยู่ไหม ก็ไม่หรอกค่ะ แต่เยื่อใยต่อกันยังมีตามประสาคนเคยคบ ตอนที่นารถบอกว่าคุยกับเขา ฉันไม่ได้หึงหวงหรือเจ็บปวด แต่ฉันดีใจกับเขาสองคนมากกว่าค่ะ”

                “คุณมีน้ำใจเป็นนักกีฬามาก เป็นผมคงรู้สึกแปลกๆ ที่เพื่อนสนิทกับแฟนเก่าคบกัน”

                “ฉันชิลมากค่ะ” คงเพราะเธอไม่เคยนอนกับอธิป ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกตะขิดตะขวงใจอย่างที่เขาว่ามานั่นละ “ฉันนึกว่าถ้าคุณเห็นนารถ เอ่อ นีน่าแล้วจะปิ๊งเสียอีก”

                “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” พอลสอดนิ้วเข้ากับนิ้วเรียวเล็กของเธอ เขาชอบบรรยากาศการนอนคุยกันฉันสามีภรรยาแบบนี้ชะมัด

                “ก็ฉันเคยได้ยินมาว่าฝรั่งชอบสาวผิวแทนมากกว่าผิวขาวนี่คะ” นีรนารถทั้งผิวแทนทั้งอึ๋ม แถมผมดำยาวถึงสะโพกก็เป็นลุคที่เธอได้ยินมานักต่อนักว่าเป็นที่โปรดปรานของหนุ่มต่างชาติ

                “เอาอะไรมาพูด” เขาหัวเราะ

                “ก็มันจริงนี่นา ลุคแบบนีน่า คนไทยถือว่าเป็นสเปกของชาวต่างชาติค่ะ”

                “ไม่คิดบ้างเหรอว่ารูปลักษณ์ภายนอกมันแค่เตะตา แต่นิสัยใจคอและคุณสมบัติอื่นๆ ต่างหากที่เตะใจ การที่คนสองคนจะคบหากันถึงขั้นแต่งงานได้ มันต้องทั้งเตะตาและเตะใจ คัปเค้ก”

                “แสดงว่าฉันเข้าข่ายเพอร์เฟกต์ม้ากในสายตาของคุณงั้นสิคะ” หญิงสาวหัวเราะจนไหล่สะท้าน ได้ยินเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอของสามีลับๆ ก่อนที่เขาจะตอบว่า

                “คุณห่างไกลจากคำว่าเพอร์เฟกต์หลายปีแสง แต่เผอิญผมมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงความไม่เอาไหนบางอย่างของคุณ ความไม่เพอร์เฟกต์ของคุณจึงเพอร์เฟกต์ในสายตาของผม” ชายหนุ่มฝังจูบลงบนต้นคอของแม่สาวอิมเพอร์เฟกชันนิสต์อย่างมันเขี้ยว

                “นี่เป็นภาษาของนักการเงินหรือเปล่าคะ เข้าใจยากจัง” ถามพลางย่นคอหนีด้วยความจั๊กจี้

                “อืม…เอาเป็นว่าคุณคือเพชรดิบที่ผมบังเอิญไปเจอ แล้วเล็งเห็นว่าหากนำมาเจียระไนแล้วจะกลายเป็นเพชรน้ำงามที่หายากละกัน พูดแบบนี้คงเข้าใจใช่ไหม

                คนฟังพยักหน้าในความสลัว ยิ้มแก้มแทบปริกับคำเปรียบเปรยแสนหวาน ช่างเข้าใจเปรียบเทียบเหลือเกินนะ ถ้าจิตไม่แข็งพอคงอ่อนระทวยในอ้อมแขนไปแล้ว

“ผมยังติดค้างคุณเรื่องครอบครัวอยู่ใช่ไหม ครอบครัวของผมไม่ได้อบอุ่นอย่างครอบครัวของคุณหรอกนะ แม่ของผมชื่อ วิกตอเรีย บรูซ ท่านแต่งงานกับ เพียส ไวส์แมน ตั้งแต่อายุสิบแปด พ่อขอแม่แต่งงานหลังจากที่ทำแม่ท้อง พ่อเป็นเจ้าของค่ายหนังที่ดังมากในตอนนั้น พวกเขาอายุห่างกันถึงสิบแปดปี แต่แม่ก็หลงพ่อหัวปักหัวปำ เพราะเวลาพ่ออยากได้ใครหรืออะไร ท่านทุ่มเทให้แบบสุดตัว แต่ข้อเสียที่แม่ทนไม่ไหว นั่นก็คือความเจ้าชู้ พวกท่านหย่ากันตอนที่ผมอายุยังไม่สามขวบเลยด้วยซ้ำ จากนั้น…”

พอลถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตครอบครัวให้คนในอ้อมแขนฟังอย่างละเอียด โดยไม่สนว่าเธอจะผล็อยหลับระหว่างที่ฟังอยู่หรือเปล่า เขายิ้มในความมืดที่ได้เล่าความทรงจำแสนย่ำแย่ในชีวิต แล้วรู้สึกถึงแรงบีบสุดแสนอ่อนโยนจากมือนุ่ม เธอคงไม่รู้ว่าการแสดงออกทำนองนี้ ทำให้หัวใจของเขาพองโตและคิดถึงคำพูดของมารดา ที่ว่าหากเลือกคู่ชีวิต ให้เลือกคนที่เข้าอกเข้าใจและห่วงใยความรู้สึก อย่าเลือกผู้หญิงที่ตาพองโตกับความมั่งคั่งร่ำรวย เพราะวันใดที่เขาล้ม ผู้หญิงแบบนั้นจะตีปีกจากไปทันที

 

                ศราวณะงัวเงียรู้สึกตัวตอนเกือบเจ็ดโมงเช้า ใจหายวาบเมื่ออ้าปากหาวเสร็จแล้วลืมตาขึ้นมาเห็นว่าใครบางคนนอนเท้าคางมองเธออย่างขำๆ

                “อรุณสวัสดิ์ก๊อดเดส” เมื่อคืนเขาได้นอนแค่หกชั่วโมง แต่กลับตื่นมาพร้อมความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าทุกเช้าในรอบหนึ่งเดือน ต้องยกความดีความชอบให้เธอที่ให้นอนกอดชาร์จพลังงานด้านบวก

“นะ…นี่คุณยังไม่ไปทำงานอีกเหรอคะ

                “วันนี้ผมจะใช้เฮลิคอปเตอร์ ออกจากบ้านแปดโมงกว่าก็ยังได้” พอลยื่นหน้าเข้ามาหมายจะจูบปากอิ่ม แต่คนฟังเบี่ยงหน้าหลบ จึงฝังปากลงบนแก้มเนียนนุ่มแทน “หลับสบายหรือเปล่า”

                “ค่ะ” หญิงสาวยอมรับอย่างอายๆ

                “ขอนอนด้วยทุกคืนได้ไหม”

                ศราวณะสั่นหน้าจนผมกระจาย “ไม่ได้ค่ะ คุณขอมากไป” และก็อันตรายต่อตัวกับหัวใจของเธอขึ้นทุกวันด้วย

                “งั้นอาทิตย์ละครั้ง ทุกคืนวันเสาร์ คุณเลือกเองว่าจะให้ผมมานอนที่นี่ หรืออยากย้ายไปนอนเตียงแคลิฟอร์เนียคิงที่ห้องของผม” นักการเงินหนุ่มรวบรัดตัดบทเพราะกลัวจะถูกปฏิเสธอีก

                หญิงสาวทำหน้าปั้นยาก ชอบสรุปเองเออเองแบบนี้ตลอดสิน่า “ตกลงคุณกับฉันอยู่ในระหว่างการดูใจ หรือเราเป็นแฟนกันแล้วคะ”

                “เราเป็นสามีภรรยาที่กำลังดูใจกัน และปฏิบัติต่อกันเหมือนแฟนที่เพิ่งเริ่มคบ เก็ตไหมคัปเค้ก”

                ช่างเป็นสถานะที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าเหลือเกิน “เก็ตค่ะ เพียงแต่ที่ผ่านมา ฉันไม่เคยอนุญาตให้แฟนนอนร่วมเตียงด้วยเลย”

                นัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่แคบลงทันที ความดีใจระคนภาคภูมิใจท่วมท้นเมื่อคิดว่าได้ร่วมเตียงกับเธอเป็นคนแรก “หมายความว่าไง คุณยังไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผู้ชายอื่นอย่างนั้นเหรอ”

                ศราวณะส่ายหน้า “จะหาว่าเป็นมนุษย์หินก็ได้ แต่ฉันไม่ใช่สาวหัวสมัยใหม่ในเรื่องทำนองนั้นค่ะ”

                ความดีใจผุดวาบขึ้นในดวงตาของคนเป็นสามี “คุณไม่เคยมีเซ็กซ์กับหมอนั่น” เขาคาดเดาจากสิ่งที่ได้ยิน

                หน้าของคนถูกถามแดงแปร๊ด ไม่ยอมตอบ แต่พลิกตัวเตรียมจะลงจากเตียง แต่ถูกคว้าเอวและลากเข้าไปหาเสียก่อน

“คุณยังไม่ตอบคำถามของผมเลยนะ”

“กลับห้องไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปทำงานได้แล้วค่ะ ฉันจะลงไปทำอาหารเช้า” ความใกล้ชิดที่มีเพียงชุดนอนกางกั้นพาให้ปั่นป่วนในช่องท้องอย่างประหลาด เพราะอย่างนี้ไง เธอถึงปล่อยให้เขาดอดมานอนด้วยทุกคืนไม่ได้ กลัวอารมณ์ของตัวเองจะกระเจิดกระเจิงและปล่อยให้เขาตักตวงความสุขจากเรือนร่างมากกว่าที่เคยทำ

                “ตอบมาก่อน ไม่งั้นผมจะโดดงานและขังคุณไว้บนเตียงทั้งวัน” คนคาดคั้นกระชับมือพร้อมกับฝังปากรุ่มร้อนลงบนต้นคอ

“ไม่รู้สักเรื่องจะตายไหมเนี่ย” ศราวณะประชดประชันเสียงขุ่น

                “ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ผมหาคำตอบเองก็ได้” ไวเท่าคำพูดที่มือหนาเกี่ยวเอวกางเกงนอนแบบยาง

ยืด ทำท่าจะดึงลงจากสะโพกผาย แต่มือของคนถูกรุกตะปบไว้เสียก่อน

                “ฉันยังไม่เคยมีอะไรกับใคร พอใจรึยังคะ!” ปากอิ่มแว้ดบอก ทั้งโกรธทั้งอายที่ต้องพูดเรื่องนี้กับเขา เธอรู้ว่าพอลคงเหมือนฝรั่งทั่วไปที่ไม่ยึดติดกับเยื่อบางๆ เพราะสังคมของที่นี่เปิดกว้างเรื่องเซ็กซ์ แต่ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าเขาจะผิดหวังกับสิ่งที่ได้ยินหรือเปล่า เพราะเท่าที่รู้มา ฝรั่งบางคนไม่อยากยุ่งกับสาวบริสุทธิ์ เพราะเห็นว่าพวกเธออ่อนประสบการณ์และเงอะงะเรื่องเซ็กซ์

                “ขอบคุณนะที่ถนอมตัวรอผม” พอลกระซิบแล้วฝังจูบบนพวงแก้มร้อนจี๋

ในชีวิต เขาเคยนอนกับสาวบริสุทธิ์มาเพียงคนเดียว นั่นก็คือแฟนคนแรกตอนอายุสิบหก ต่างฝ่ายต่างก็อยากลองเรื่องอย่างว่าตามประสาวัยรุ่นที่ฮอร์โมนเพศกำลังพลุ่งพล่าน ไม่ได้รู้สึกว่าเยื่อบางๆ มันพิเศษมากมาย ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่ภรรยาบอกว่ายังบริสุทธิ์ดุจน้ำค้างกลางหาว ความรู้สึกที่มีต่อศราวณะคือภาคภูมิใจและบูชาเธอยิ่งขึ้น 

                “ใครบอกกันว่าฉันเก็บเนื้อเก็บตัวรอคุณ ฉันเก็บไว้ให้คนที่ใช่จริงๆ ต่างหาก ปล่อยได้แล้วค่ะ” เธอลอบพ่นลมหายใจอุ่นจัดออกยาวเมื่อเขายอมปล่อยออกจากอ้อมแขนอย่างที่ขอ แต่สายตาลึกซึ้งกึ่งเร่าร้อนที่มองตามมา ก็พาให้อยากวิ่งเข้าไปอาบน้ำเย็นดับความร้อนวูบวาบที่ลามเลียไปทั่วผิวกาย

                “เตรียมตัวเตรียมใจรอครั้งแรกที่แสนดื่มด่ำของเราได้เลยคัปเค้ก ผมรับรองว่ามันจะเป็นหนึ่งในค่ำคืนที่คุณประทับใจและจะจดจำไปตลอดชีวิต” ใช่…เขาจะเขย่าโลกใบใหม่ของเธอให้สะท้านสะเทือนจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

                “มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึงเลยแหละค่ะ” ศราวณะทำปากยื่น ย่นจมูกใส่คนหลงตัวเอง สาวบริสุทธิ์ทั้งหลายอาจกระเหี้ยนกระหือรือรอประสบการณ์ครั้งแรก แต่ไม่ใช่กับสาวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบยี่สิบสี่ฝนแบบเธอ

เพื่อนสนิทที่แต่งงานแล้วอย่างนิตยา และเปรมกมลที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทว่าหลับนอนกับแฟนหนุ่มมาเกือบเดือนแล้ว แสดงความเห็นเรื่องเซ็กซ์ไปคนละทาง ว่าที่คุณแม่อย่างนิตยาบอกว่าประสบการณ์ครั้งแรกนั้นราวกับความฝัน วาบหวิวยิ่งกว่านิยายโรมานซ์ที่เคยอ่าน ในขณะที่เปรมกมลบอกว่าครั้งแรกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสและน่ากลัวกว่าที่คาดไว้มาก เพราะว่าที่เจ้าบ่าวดันเป็นหนุ่มไทยไซซ์ฝรั่ง

“แต่ผมคงจะคิดถึงมันทุกวัน วันละหลายๆ รอบ และฝันถึงบ่อยๆ เลยละก๊อดเดส” เจ้าของร่างสูงที่ขยับลงจากเตียงส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม

 “ค่ะ แต่ตอนนี้เชิญคุณกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว” หญิงสาวเดินไปกระชากประตูห้องนอน ผายมือเชื้อเชิญให้เขาอัปเปหิตัวเองออกจากอาณาเขตส่วนตัวของเธอ

                “ผมรักคุณ” พอลพูดพร้อมกับยื่นหน้ามาจูบปากอิ่มเสียงดังจ๊วบ ก่อนจะเดินผิวปากกลับห้องตัวเอง

คนมองตามค้อนตาคว่ำ แต่รอยยิ้มที่อยู่เหนือดวงหน้าสวยผุดผาดก็หุบลงแทบไม่ทัน เมื่อหันไปเห็นนีรนารถยืนมองจากประตูห้องนอนของตัวเอง

                “นะ…นารถอยู่ตรงนั้นนานแล้วเหรอ” เธอรู้สึกไม่ต่างจากขโมยที่โดนจับได้โดยที่ของกลางยังอยู่ในมือ

                นีรนารถทำหน้าเรียบเฉย “หลายนาทีแล้ว

                ศราวณะหน้าซีดลงอีกหลายเฉด “คือ…” เธอยังสรรหาคำแก้ตัวไม่ได้ เพื่อนสนิทก็เปลี่ยนมาหัวเราะงอหาย

                “ยายดาวเอ๊ย! ดูทำหน้าเข้าสิ นารถเป็นเพื่อนนะ ไม่ใช่แม่ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นก็ได้ เราโตๆ กันแล้ว นารถเข้าใจน่า” 

“มันไม่ใช่อย่างที่นารถเข้าใจนะ ดาวกับเขายังไม่มีอะไรกัน เราเพิ่งตกลงคบกันเมื่อคืนเอง”

                “จ้ะ ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงจริ๊ง แต่รอยจูบบนคอเนี่ยอย่างกับโดนแวมไพร์สูบเลือดมาทั้งคืนเชียว หรือว่าความจริงแล้วมิสเตอร์ไวส์แมนเป็นแวมไพร์” นีรนารถแซ็วกลั้วหัวเราะ 

                คนโดนแซ็วค้อนแก้เขิน “บ้า! ไม่อยากคุยกับนารถแล้ว อาบน้ำแล้วลงไปทำกับข้าวดีกว่า”

                “นารถควรจะอิจฉาดาวหรืออิจฉามิสเตอร์ไวส์แมนดีเนี่ย” พี่เลี้ยงคนใหม่สัพยอกไล่หลัง กระทั่งเมื่อประตูห้องของศราวณะปิดลง ดวงตารื่นรมย์ขี้เล่นจึงแปรเปลี่ยนเป็นริษยา

                นีรนารถกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทร. ออก พอคนปลายทางรับสายก็เอ่ยเสียงหยันว่า “ยายดาวคนดีของพี่อาร์ตไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องอีกแล้วนะคะ ถ้าพี่อาร์ตยังอยากนอนด้วย ก็คงต้องกินน้ำใต้ศอกของมิสเตอร์ไวส์แมนแล้วละ”

                “อย่าพูดมั่วๆ ได้ไหม ดาวไม่มีวันทำตัวเหมือนนารถหรอก”

                ต้นสายหัวเราะ ไม่ทุกข์ร้อนกับคำประณามหยามหมิ่น “ถ้านารถเลว พี่อาร์ตก็เลวไม่แพ้กันหรอกค่ะ เท่าที่นารถจำได้ พี่อาร์ตเป็นคนเริ่มก่อนด้วยซ้ำ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น