“น้องนาราคะ ทานของว่างค่ะ”
ธมนต์ตะโกนเรียกหลานสาวของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ซึ่งนั่งเล่นชุดตุ๊กตาบาร์บี้ที่คนเป็นอาเพิ่งจะซื้อมาให้ใหม่ แถมพ่วงด้วยห้องเด็กเล่นใหม่เอี่ยมที่สร้างขึ้นเพื่อหลานสาวคนโตของตระกูลโดยเฉพาะ
เหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนทำให้ธมนต์ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเฉพาะกิจให้หลานสาวพ่อเลี้ยงจิณธนนท์แห่งไร่ทางเหนือ เธอคงเอ็นดูน้องนารามากจนเกินไป เพราะอีกฝ่ายติดเธอแจจนถึงขั้นไม่ยอมรับประทานอาหาร หากไม่ได้เธอมาเป็นพี่เลี้ยง
ว่าอาการดื้อเงียบของน้องนาราแผลงฤทธิ์จนคนเป็นปู่อย่างคุณจักรินทร์ บิดาของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ทนอาการอดข้าวอดน้ำของหลานสาวไม่ไหวจนต้องสั่งให้เธอย้ายมาดูแลหลานสาวที่บ้านทางเหนือแห่งนี้
“น้องนาราคะมาทานของว่างก่อนแล้วค่อยกลับไปเล่นต่อนะ” ธมนต์เรียกซ้ำอีกรอบ เมื่ออีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะวางของเล่นมารับประทานของว่างที่เธอจัดวางไว้ให้ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“แต่นาราอยากเล่นก่อน” เด็กหญิงเริ่มงอแง จนธมนต์ต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ถ้าอย่างนั้นพี่มิ้นต์จะฟ้องคุณอาว่าน้องนาราดื้อ พอคุณอารู้เรื่องจะได้ให้พี่มิ้นต์กลับไปทำงานที่ชอปเหมือนเดิม ปล่อยน้องนาราให้เล่นคนเดียว” ธมนต์พูดหลอกล่อ
เรียวคิ้วเล็กๆ เริ่มขมวดอย่างคิดหนักกับคำพูดของเธอ “ทานก็ได้ค่ะ แต่พี่มิ้นต์ห้ามทิ้งให้นาราเล่นคนเดียวนะ สัญญาก่อนค่ะ” นิ้วก้อยเล็กถูกยื่นออกมาด้านหน้าพร้อมกับรอยยิ้มหวาน
ธมนต์เห็นดังนั้นก็ยิ้มพอใจก่อนจะเกี่ยวก้อยสัญญากับน้องนารา
เธอไม่เคยเจอพ่อเลี้ยงจิณธนนท์อีกเลยหลังจากที่เขาไปรับตัวหลานสาวที่ห้องพักของเธอ แต่คนที่เธอไม่อยากจะเจอกลับได้เจอทุกวี่ทุกวัน เช้าสายบ่ายเย็นเพื่อนสนิทของพ่อเลี้ยงจิณมักจะมาเล่นกับน้องนาราอยู่บ่อยๆ แถมยังไล่ให้เธอออกไปที่อื่นทุกครั้งไป โชคดีที่เธอไม่ต้องทนอึดอัดอยู่แบบนั้น
วันแรกที่หญิงสาวเริ่มงานเป็นพี่เลี้ยงของน้องนารา เธอก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหญิงมาพอสมควร ชีวิตของเด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุอานามเพียงแค่สี่ปีกว่า แต่กลับไม่เคยได้อยู่กับแม่พ่อเลยสักครั้ง ต้องย้ายไปอยู่กับคนนั้นทีคนนี้ที เรื่องการเรียนก็ต้องเรียนเป็นโฮมสกูล
อย่าว่าแต่พ่อแม่ของน้องนาราเลย พ่อแม่ของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์เองก็เช่นกัน ท่านทั้งสองแยกกันอยู่ทั้งที่รักกันมาก เพราะทางครอบครัวแต่ละฝ่ายไม่พอใจกัน และคอยก่อปัญหามากมายจนท่านทั้งคู่ตัดสินใจแยกกันอยู่ จักรินทร์ได้ลูกชายคนเล็กมาดูแลซึ่งก็คือพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ ส่วนรัศมีมารดาของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ได้พี่ชายที่อายุห่างกันเพียงแค่ปีเดียวไปดูแล และพี่ชายของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ก็คือพ่อของน้องนารา ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัวของรัศมีกำลังประสบปัญหาจนต้องส่งตัวน้องนารามาอยู่กับจักรินทร์แทน
ไม่มีครอบครัวไหนสมบูรณ์แบบ แม้แต่ครอบครัวของเธอเองที่มีสมาชิกครบทุกคนแต่ก็ยังขาดความห่วงใยซึ่งกันและกัน
“นาราอยากทานองุ่นค่ะ พี่มิ้นต์บอกคุณอาให้หน่อยได้ไหมคะ”
“เราไปเก็บที่ต้นของมันเลยดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวพี่มิ้นต์จะเตรียมชุดให้น้องนาราเปลี่ยนและเราก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่ไร่องุ่นกัน ตกลงไหมคะ” ธมนต์ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าด้วยรอยยิ้มหวานอย่างเอ็นดู
เธอเดินผ่านไร่องุ่นอยู่ทุกวัน แต่ไม่เคยย่างกรายเข้าใกล้ ได้หยิบองุ่นสดๆ ที่เพิ่งตัดจากต้นชิมเลยสักครั้ง
“คุณอาจะดุนาราเหมือนวันนั้นไหมคะ”
วันนั้นในความหมายของน้องนาราคือวันที่เด็กหญิงมาอยู่กับเธอจนคนงานทั้งไร่ต้องออกตามหา ธมนต์ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ต่อว่าหลานสาวอย่างไร แต่พอจะเดาออกว่าคงรุนแรงมาก เพราะดูเหมือนน้องนาราจะกลัวอีกฝ่ายต่อว่าอย่างเช่นตอนนั้นอีก
“พี่มิ้นต์จะโทร. ไปบอกคุณอาของน้องนาราก่อนค่ะ” ธมนต์บอกเพื่อให้เด็กหญิงคลายความกังวล แต่เธอคงไม่โทร. ไปหาชายหนุ่มด้วยตัวเอง คงจะวานให้จักรินทร์บอกให้แทน
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงค่ะ” น้องนารายิ้มออกมาอย่างสดใส ก่อนจะลงมือรับประทานอาหารว่างอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีธมนต์คอยเช็ดคราบที่เปื้อนบนใบหน้าให้
เธอเคยเลี้ยงลูกของเจ้านายเก่าอย่างมาดามลิซซี่ เจ้าของห้องเสื้อซึ่งเธอเคยทำงานด้วยก่อนจะลาออกเพื่อกลับมาเมืองไทย เรื่องเลี้ยงเด็กเล็กจึงไม่ใช่ปัญหาของเธอเลยสักนิด
การได้เดินเล่นชมบรรยากาศในไร่องุ่น เก็บผลองุ่นสดๆ ปลอดสารเคมีของทางไร่สักสองสามพวงมารับประทานเล่นก็มีอันต้องจบลงและเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น เพราะเสียงรถยนต์ที่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน...รถของเพื่อนพ่อเลี้ยงจิณธนนท์
ทุกอย่างผิดแผนไปหมดทั้งที่เธอและน้องนาราแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว
“คุณอามาค่ะ”
“เดี๋ยวน้องนาราออกไปรับคุณอานะคะ พี่มิ้นต์จะเอาจานของว่างไปล้างในครัว”
ธมนต์บอกร่างเล็กก่อนที่จะเดินเลี่ยงเข้าไปในครัว เพื่อปล่อยให้อาหลานอยู่กันตามลำพังอย่างเช่นทุกครั้ง ไม่เข้าไปวุ่นวายให้ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่จ้องจะจับผิด ซึ่งพลอยทำให้เธออึดอัดเสมอ
“พี่เลี้ยงของน้องนาราหายไปไหนครับ” จิณธนนต์ถามหลานสาว ก่อนจะอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาหอมแก้มใสอย่างรักใคร่
“ล้างจานอยู่ในครัวค่ะ”
เสียงที่ดังลอดเข้ามาภายในห้องครัวทำให้ธมนต์รีบเร่งมือล้างจานให้เร็วกว่าเดิม หากอีกฝ่ายถามหาเธอแบบนี้คงมีเรื่องที่จะพูดกับเธอเป็นแน่ เพราะทุกครั้งที่เขามาไม่เคยมีการถามไถ่ถึงเธอเลย นอกเสียจากเอ่ยปากไล่ให้เธอออกไปอยู่นอกบ้าน
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณหน่อย ไปพบผมที่ห้องทำงานด้านบนด้วย”
ประโยคแรกร่างสูงบอกกับธมนต์ที่เพิ่งจะเดินตามเข้ามาสมทบภายในห้อง ก่อนที่จะหันไปรุนหลังหลานสาวและกระซิบบอกให้เด็กหญิงเข้าไปรอในห้องเด็กเล่น
“อาจิณจะไปคุยกับพี่เลี้ยงของน้องนาราเดี๋ยวเดียวนะครับ น้องนาราก็ไปเล่นของเล่นในห้องรอไปก่อน พอคุยเสร็จเดี๋ยวอาจิณจะพาลงไปเล่นด้านล่าง ตกลงไหมครับ”
พอคล้อยหลังหลานสาว พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ก็เดินนำธมนต์ขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่ภายในบ้านทางเหนือ ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ของที่นี่
ธมนต์เดินตามชายหนุ่มขึ้นไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักหน้าโต๊ะทำงานตามสายตาที่เขาส่งบอกเป็นนัย
‘แค่เอ่ยปากบอกจะตายหรือไงกัน’
“พี่เลี้ยงคนใหม่ที่ผมเรียกตัวมาจากกรุงเทพฯ กำลังจะขึ้นมาที่เชียงรายภายในวันสองวันนี้ ส่วนคุณ ผมจะให้กลับไปทำงานที่ชอปเหมือนเดิม คุณคงไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหม” ชายหนุ่มเริ่มประโยคสนทนาด้วยธุระสำคัญ
“ฉันไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่น้องนาราจะยอมหรือเปล่าคะ” ธมนต์อดเป็นห่วงน้องนาราไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายติดเธอจนป้าแม่บ้านของที่นี่ยังเข้าใกล้ได้ไม่เท่าเธอเลยทั้งที่เคยเลี้ยงดูกันมาก่อน
“เรื่องนั้นผมจะคุยกับหลานเอง ไม่ใช่ว่าคุณทำงานได้ไม่ดีหรอกนะ แต่เพราะว่าเพศของคุณมันจัดอยู่ในหมวด...เอ่อ...ช่างมันเถอะ”
พ่อเลี้ยงจิณธนนท์แสดงออกให้เห็นว่าเธอทำงานได้ไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องเพศสภาพคือสิ่งที่มันค้างคาใจเขาแค่นั่นเอง
เขาอ่านประวัติธมนต์มาก่อนหน้านี้ถึงได้รู้ว่าใบหน้าสวย รูปร่างที่ดูจะซ่อนรูปนั้นไม่ใช่ผู้หญิงแท้แต่เป็นหญิงเทียมที่คงผ่านการผ่าตัดมาหมดแล้วทั้งตัว เขากับเพื่อนผ่านผู้หญิงมาก็มาก ผู้หญิงเข้าหาไม่เคยขาดมือ แต่พักหลังมานี้ ใบหน้าของธมนต์มักจะลอยขึ้นมาในห้วงความคิด ยิ่งพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่อย่างที่คิดก็เกิดการต่อต้านขึ้นภายในความรู้สึกของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ห้ามตัวเองไม่ให้มองตามใบหน้าสวยและรูปร่างซ่อนรูปนั้นเวลาเคลื่อนไหวไม่ได้เลยสักครั้ง...
ดวงตาสีรัตติกาลที่เหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ดึงดูดให้เขาอยากค้นหา...อยากเข้าใกล้...อยากสัมผัส...เขาห้ามตัวเองไม่ได้เลย
เขาจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเขาผิดเรื่องสถานะที่แท้จริงของเขาอยู่ด้วย หรือไม่ก็คงเป็นอุบายที่คิดจะเข้ามาจับเขาทำสามีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานหนักและได้เป็นแม่เลี้ยงของไร่ทางเหนือ มีเงินนับร้อยล้านใช้สบายๆ หากเขาไม่คิดจะศึกษาประวัติของธมนต์อย่างผู้หญิงคนอื่นก่อนหน้านี้คงพลาดท่าตั้งแต่วันแรกที่อีกฝ่ายทำงานเป็นพี่เลี้ยงของหลานสาว
“ฉันเพิ่งรู้นะคะว่าคุณก็เหยียดเรื่องเพศเหมือนกัน” ธมนต์อดเหน็บแนมชายหนุ่มไม่ได้
ทำไมเรื่องเพศต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทั้งที่ควรจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า ดูคนว่าดีไม่ดีต้องดูที่เพศหรือไง
“มันไม่ใช่อย่างนั้น มันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น” ชายหนุ่มปฏิเสธ
“คุณกำลังจะบอกว่าฉันทำงานได้ดี แต่เพราะเพศของฉันมันส่งผลต่องานที่ฉันทำ และคุณก็ไม่อยากให้น้องนาราเข้าใกล้ฉันมากเกินไป เพราะกลัวว่าหลานจะเบี่ยงเบนทางเพศแบบฉัน ที่ฉันพูดไปทั้งหมดคุณคิดอย่างนั้นใช่ไหมคะ”
ธมนต์พูดขึ้นอย่างโมโหโกรธา เธอไม่ชอบการเหยียดเพศแบบนี้เลย เรื่องเพศที่สามมันไม่ใช่สิ่งผิดในโลกที่พัฒนาไปไกลมากแล้ว บางประเทศคนเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรส แต่งงานกันได้ด้วยซ้ำ เพศที่สามบางคนยังนิสัยใจคอดีกว่าคนบางคนที่เกิดมาไม่ผิดเพศเสียอีก
“คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ คุณธมนธรรม” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์พูดขึ้นอย่างมีน้ำโห เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยสักนิด แต่อีกฝ่ายกลับยัดเยียดให้เขาคิดแบบนั้น
“คุณลองอธิบายมาสิคะ ในเมื่อคุณเองก็บอกว่าฉันทำหน้าที่พี่เลี้ยงของน้องนาราได้ดี แต่ทำไมถึงให้ฉันกลับไปทำงานที่ชอปเหมือนเดิม แถมยังพูดถึงเรื่องเพศอีก” ธมนต์แย้ง
“ที่ผมบอกว่าคุณทำงานได้ดีมันคือเรื่องจริง ส่วนเรื่องที่ผมจ้างพี่เลี้ยงคนใหม่นั้นเพราะว่าเขาเคยผ่านเรื่องพวกนี้มาจนชำนาญแล้ว น้องนาราเองก็กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ พี่เลี้ยงคนใหม่เขาจะสอนพัฒนาการต่างๆ ให้น้องนาราได้ดีกว่าคุณ ส่วนเรื่องเพศผมไม่ได้รังเกียจอะไร สมัยนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ผมแค่กลัว...” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ถอนหายใจไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขาจะบอกอีกฝ่ายได้อย่างไรว่า...เขากลัวใจตัวเอง
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดละก็...ตกลงตามนั้นค่ะ พี่เลี้ยงขึ้นมาจากกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ฉันจะกลับไปทำงานในหน้าที่เดิมของตัวเอง อีกเรื่องนะคะกรุณาเรียกฉันว่ามิ้นต์ด้วยค่ะ”
ธมนต์บอกอีกฝ่ายอย่างจำยอมกับเหตุผล เธอเชิดหน้าขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายดูว่าเธอไม่ได้โอนอ่อนแต่อย่างใด แต่ก็ต้องยอมรับว่าพลาดท่าไปที่ลืมนึกถึงเรื่องการเรียนของน้องนาราไปเสียอย่างนั้น เพราะมัวแต่คิดว่าเขาเหยียดเพศเธอ
“ธมนธรรมกับมิ้นต์มันไม่ใช่คนเดียวกันหรือยังไง” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน เมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ ไม่ได้พูดจาโต้แย้งกันไปมาอย่างเมื่อหลายนาทีก่อน
“คนละคนค่ะ” ธมนต์ตอบอย่างมั่นใจ
‘จะคนเดียวกันได้อย่างไรในเมื่อธมนธรรมคือน้องชายของเธอ’
“คนละคนกันยังไง ตอนนี้ผมก็เห็นเป็นคนเดียวกัน”
“ธมนธรรมคือผู้ชายค่ะ ส่วนมิ้นต์คือผู้หญิง ตอนนี้ฉันเป็นผู้หญิง กรุณาเรียกตามที่ฉันขอร้องเพื่อเป็นการให้เกียรติฉันด้วยนะคะ ถึงแม้เกียรติของฉันจะมีไม่มากเท่าคุณก็ตาม”
“มิ้นต์...ธมนธรรม...อย่างนั้นสินะ ผมจะเรียกว่าอะไรดีนะ” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ถามอย่างกวนอารมณ์อีกฝ่าย พร้อมก้าวเข้าใกล้ ใช้แขนทั้งสองข้างเท้าเข้ากับผนังห้องเพื่อล็อกตัวร่างบางไม่ให้หนีไปไหน
“อย่ามาทำตัวรุ่มร่ามกับฉันนะ” ธมนต์ไม่สามารถขยับริมฝีปากของตัวเองได้มากนัก เพราะอีกฝ่ายลดใบหน้าลงให้อยู่ในระดับเดียวกับเธอในระยะห่างไม่ถึงคืบ
“ผมทำอะไร ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณเลยนะครับ คุณธมนธรรม”
“แบบที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้ ฉันถือว่าคุณกำลังทำตัวรุ่มร่ามกับฉันค่ะ” ธมนต์บอกเสียงเรียบเน้นทุกคำพูด
“แบบไหนครับ...แบบไหนนะ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากอย่างหยอกล้อพลางลอยหน้าลอยตาอย่างท้าทาย
“อย่าให้ฉันหมดความอดทนนะ”
“อะไรหมดนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย” หมดคราบพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ที่คนงานในไร่นับถือเสียแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงนายจิณธนนท์ที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้า แค่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายเขาก็คิดอยากจะแกล้งเล่น
“คุณ!” ธมนต์ที่ไม่รู้จะต่อว่าอีกฝ่ายอย่างไรดีก็ได้แต่พูดขึ้นอย่างขัดใจพร้อมกับเอียงใบหน้าหลบชายหนุ่มสุดตัว
“เรียกทำไมครับ หรือว่ากลัวผมไม่ได้ยิน” เขาขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าอีกฝ่ายอีกนิด “ว่ามาสิ ผมได้ยินชัดเต็มสองหูเลยทีนี้”
“เอา-หน้า-ของ-คุณ-ออก-ไป” ธมนต์เน้นย้ำทีละคำอย่างช้าๆ พร้อมส่งสายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพ่อเลี้ยงจิณธนนท์
“เอาออกก็ได้” ชายหนุ่มยอมล่าถอยออกมา
ปากก็ว่าไปอย่างนั้น แต่ดวงตาคมกริบกลับมองธมนต์ตั้งแต่หัวจดเท้า แถมมันยังหยุดอยู่ที่หน้าอกของเธอนานกว่าที่อื่นเสียอย่างนั้น ก่อนจะเบนสายตาไปที่ริมฝีปากบางบนใบหน้ารูปไข่ของเธอ
ทำให้ธมนต์อดที่จะมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างห้ามปรามไม่ได้ แต่กลับพบใบหน้าที่เธอไม่เคยได้สังเกตอย่างจริงจังเลยสักครั้ง
ใบหน้าคมช่างดูหล่อเหลาราวกับชายหนุ่มในอุดมคติ ดวงตาสองคู่ที่จ้องมองกันโดยไร้ซึ่งบทสนทนาราวกับมีบางสิ่งกำลังดึงดูดทั้งสองเข้าหากัน ไฟอารมณ์ในตัวชายหนุ่มลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ห้ามปราม หน้าผากของเขาแนบชิดกับหน้าผากมน
ธมนต์อยากจะผลักไสอีกฝ่ายออกไป แต่พอใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้เธอไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ ตอนนี้ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประกบกัน โดยไร้ซึ่งการรุกรานใดๆ แต่เพียงไม่นานพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ก็เริ่มควบคุมอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นไม่ไหว ค่อยๆ ขยับริมฝีปากของตนเพื่อบ่งบอกให้ร่างบางเปิดทางให้เขาเข้าไปช่วงชิงความหวานหอม
ธมนต์เริ่มเผยอริมฝีปากเพื่อให้ชายหนุ่มรุกล้ำเข้ามาอย่างไม่มีสติ ตอนนี้เธอเหมือนถูกมนตร์สะกดให้ยอมทำตามที่เขาต้องการ รสจูบที่พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ได้รับจากร่างบางทำเอาร่างกายสั่นไหวไปหมด มันหวานหอมไปทั่วทั้งโพรงปาก
ในตอนนี้ไม่มีแม้แต่คำว่าเพศที่สามเข้ามาในห้วงความคิด เขารู้เพียงว่าหากเสื้อยืดที่ปกคลุมรูปร่างของอีกฝ่ายหลุดออก ธมนธรรมจะแอบซ่อนรูปอย่างที่เขาคิดเอาไว้หรือไม่
กำปั้นเล็กทุบตีหน้าอกของชายหนุ่มระรัว ลมหายใจเริ่มขาดห้วง พยายามเรียกสติให้กลับมา
นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ!
ริมฝีปากของชายหนุ่มผละออกให้หญิงสาวได้เก็บกักลมหายใจ แต่มือหนาก็รวบข้อมือคนที่ทุบตีหน้าอกของเขาขึ้นไว้เหนือหัว ก่อนจะเลื่อนร่างบางให้นอนราบบนโซฟาไม้สัก ใบหน้าคมก้มลงซุกไซ้ลำคอขาวอย่างดุดันจนขึ้นสีแดงระเรื่อ
สติของธมนต์กลับมาเต็มร้อยจึงได้แต่ดิ้นหนีจากสัมผัสหยาบโลนของอีกฝ่ายที่กำลังซุกไซ้ลำคอของเธออยู่ในขณะนี้ ไหนจะมืออีกข้างที่กำลังรุกล้ำหน้าอกของเธออยู่
“ยะ...หยุดนะคุณ!” ธมนต์เค้นเสียงบอกชายหนุ่ม
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะตอนนี้เสื้อยืดของเธอถูกโยนทิ้งลงข้างโซฟาไม้สักเสียแล้ว ดวงตาสีรัตติกาลสั่นระริกอย่างคนกำลังหวาดกลัว
“จะ...เจ็บ” ธมนต์บอกเสียงสั่น เมื่อชายหนุ่มกดจูบดูดดึงแถมกัดลำคอระหงของเธอคล้ายจะเป็นแผลเลือดไหล เธอพยายามเบี่ยงตัวหลบหนีจากการรุกราน ขาสองข้างยกขึ้นประทุษร้ายที่กลางลำตัวของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลย เพราะแรงของเธอมีไม่มากพอ หรือไม่ชายหนุ่มก็เป็นพวกซาดิสม์ชอบความรุนแรง
‘ทำอย่างไรดี’
“คุณจะมีอะไรกับฉันจริงๆ น่ะเหรอ” ธมนต์ถามอย่างพยายามควบคุมน้ำเสียง “ตะ...แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ...อ๊ะ...อีกอย่าง...ฉัน...ฉัน...ฉันยังไม่ได้ผ่าตรงนั้นออกเลยนะ!”
ราวกับเข็มนาฬิกาที่หยุดเดิน พ่อเลี้ยงจิณธนนท์หยุดชะงักริมฝีปากซึ่งกำลังซุกไซ้บนลำคอระหงเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวใต้ร่างเมื่อครู่ เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะสบสายตาเข้ากับดวงตาสีรัตติกาลที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“อย่ามาโกหกน่า คุณไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้อารมณ์ผมมันไปไกลแค่ไหนแล้ว”
“ฉันพูดจริงๆ นะ ถ้าคุณไม่เชื่ออยากจะทำต่อก็เชิญเลย” ธมนต์ดึงข้อมือของตนให้พ้นจากพันธนาการของเขาที่เริ่มผ่อนแรงลง
“ธมนธรรม!” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์เรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างเก็บกักอารมณ์ ซึ่งตอนนี้ตีกันปนเปไปหมด
คนตรงหน้าไม่เหมือนผู้ชายที่ผ่านมีดหมอมา กลิ่นกายหอม ลำคอระหงที่ไม่มีลูกกระเดือกเด่นชัดอย่างผู้ชายทั่วไป แถมช่วงล่างที่ราบเนียนยามที่ช่วงขาของเขาเผลอสัมผัสไปโดน มันไม่ใช่อวัยวะที่ต้องผ่าตัดออกไปอย่างที่เธอบอกเขาเลยสักนิด
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ
“ลองดูไหมคะ ถ้าคุณรับได้ฉันก็พร้อมนะ” ธมนต์พูดยั่วอีกฝ่าย เมื่อพบว่าใบหน้าคมเริ่มซีดเซียวและดวงตาหลุกหลิก บ่งบอกได้ชัดเจนว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่กล้าพอที่จะสานต่อกิจกรรม
“ผมขอตัว” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์บอกเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน
“เกือบไปแล้ว ยัยธมนต์เอ้ย!” ธมนต์ก้มลงสำรวจตัวเอง ก่อนที่ดวงตาสีรัตติกาลจะเบิกกว้าง
เพียงเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที บราเซียร์สีแดงลายจุดดำของเธอก็ถูกปลดตะขอหลังแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ แถมยังรอยแดงที่เนินอกนี่อีก ไม่อยากจะคิดเลย หากเธอยังคงหลงใหลใบหน้าหล่อเหลาและสัมผัสจาบจ้วงของอีกฝ่าย สภาพของเธอจะเป็นอย่างไร
...
“ไอ้นพ หาผู้หญิงให้ฉันสักคนสิวะ ตอนนี้เลย เดี๋ยวฉันจะลงไปที่รีสอร์ต แค่นี้นะ”
ธมนต์จัดการตัวเองจนเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน ได้ยินประโยคสนทนาที่ดังลอดออกมาจากบานประตูอีกห้องทำเอาหญิงสาวถึงกับส่ายหน้า
‘พวกมักมากในกามเป็นอย่างนี้ทุกคนเลยสินะ’
ความคิดเห็น |
---|