11

ตอนที่ 10


 

10

 

                “ไวโอเล็ตจ๊ะ...” เสียงเรียกของมาการ์เร็ตทำให้หญิงสาวร่างเล็กที่ยืนรออยู่ด้านหลังงานเงยหน้าขึ้นมอง

                ไวโอเล็ตหิ้วกระเป๋าใบใหม่ที่เธอเพิ่งซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นพาดไหล่ ก้าวเร็วๆ ไปขึ้นรถตรงตำแหน่งข้างคนขับที่เพิ่งเข้ามาจอดเทียบ

                “รอแม่นานหรือเปล่า โทษทีนะที่แม่มาช้า”

                “ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็เพิ่งเก็บของเสร็จ” ไวโอเล็ตส่ายหัวให้แก่คำขอโทษนั้น ก่อนจะวางกระเป๋าไว้ใต้ที่พักเท้า เพราะติดเป็นนิสัย

                “กระเป๋าสวยนะ ใบนี้เหรอจ๊ะที่ซื้อใหม่” มาการ์เร็ตทักท้วงอย่างไม่น่าเกลียดเกินไปขณะหักเลี้ยวพวงมาลัย

                “ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้ารับ ก่อนจะเหลือบไปเห็นนิตยสารเล่มหนาที่วางแหมะอยู่ตอนหลังของรถ “คุณซื้อมาหรือคะ” เงยหน้าถามหลังจากเอื้อมมือไปหยิบนิตยสารเล่มนั้นขึ้นมาพลิกอ่าน จนพบภาพของเธอที่ซ่อนอยู่ภายในเล่ม ในฐานะนางแบบของเสื้อแบรนด์หนึ่ง

                “หนูสวยมากจ้ะ” มาการ์เร็ตเหลือบมองหน้างามที่ได้รับเค้าหน้ามาจากเธอเกือบทั้งหมดยกเว้นสีผมและดวงตาอย่างไม่อาจซ่อนความภาคภูมิใจเอาไว้ได้ “เสียดายที่แม่บอกใครไม่ได้ว่าหนูเป็นลูกแม่”

                “ไม่บอกน่ะดีแล้วค่ะ” ไวโอเล็ตปิดหนังสือฉับ ก่อนจะเบนสายตาออกไปด้านนอก “เพราะถ้าคุณบอก หนูแย่แน่”

                “แม่เข้าใจจ้ะ” มาการ์เร็ตพยักหน้า เข้าใจดีว่าถ้าทุกคนรู้ว่าไวโอเล็ตเป็นลูกสาวของเธอแล้วเด็กสาวจะต้องเจออะไรบ้าง ไม่ว่าจะแรงกดดันและคำครหา...คิดแล้วเธอทนรับความเศร้าเล็กๆ นี้ไว้เองยังจะดีกว่าที่ต้องทนเห็นไวโอเล็ตโดนคนอื่นครหา “แต่หนูสวยมากนะ หนูทำให้แม่คิดถึงย่าของหนู”

                “ย่าไม่ชอบคุณ” ไวโอเล็ตเหลือบมองหน้ามาการ์เร็ตแล้วพูด “แต่คุณปู่บอกว่าคุณใจดี”

                “แม่รู้จักย่าของหนูดีจ้ะ” มาการ์เร็ตยิ้มเศร้า “ท่านใจเด็ดและแค้นฝังหุ่นมาก แต่ท่านเป็นผู้หญิงที่น่าเคารพที่สุดเท่าที่แม่เคยเจอมา ท่านเป็นผู้หญิงที่ดี”

                “พ่อบอกว่าหนูเหมือนย่า พ่อไม่ชอบให้หนูเหมือนย่า พ่อบอกว่าคุณย่าชอบผูกใจเจ็บ” ไวโอเล็ตเล่าไปเรื่อยๆ กำแพงในใจก็ค่อยๆ ลดลง แต่ก็ไม่ได้หายไปทั้งหมด “พ่อกลัวว่าหนูจะไม่มีความสุข”

                “แม่ว่าของอย่างนี้มันอยู่ในสายเลือดนะ” คนเป็นแม่โคลงหัว รู้จักทั้งแฮร์รี่และแม่ของเขาดี “พ่อหนูเองก็ไม่ได้ใจดีตลอดเวลาอย่างที่หนูเห็นหรอก เขาก็ร้ายพอกันนั่นแหละ”

                “พูดเหมือนคุณรู้จักพ่อดีเลย” ไวโอเล็ตพูดเบาๆ

                “เราเคยรักกันจ้ะ” มาการ์เร็ตหันมาเผชิญหน้ากับลูกสาวคนเดียวของเธอ มองไวโอเล็ตด้วยสายตาอ่อนโยน “นานมาแล้ว...เราสองคนเคยคิดว่าเรารักกัน”

                “แล้วอะไรทำให้คุณทิ้งเราไปคะ” ไวโอเล็ตอยากได้คำตอบที่เธอถามตัวเองมาทั้งชีวิต “เพราะคุณมีสามีของคุณอยู่แล้วอย่างที่ย่าบอกจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าเพราะอย่างอื่น”

                “แม่เห็นแก่ตัว และแม่ก็มีข้อแก้ตัวให้ตัวเองในตอนนั้นมากมายเหลือเกินลูกจ๋า” มาการ์เร็ตหน้าซีดเมื่อสบตากับสายตาตัดพ้อของไวโอเล็ต มือบางเลื่อนมาลูบแก้มนวลอย่างปลอบประโลม “แต่แม่ไม่เคยไม่รักลูก ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนไหน ลูกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตแม่”

                “คุณไม่ได้ตอบคำถามหนู” ไวโอเล็ตขมวดคิ้วใส่ผู้เป็นแม่ แต่มาการ์เร็ตกลับทำเพียงหัวเราะน้อยๆ อย่างเอื้อเอ็นดู

                “แม่ตอบหนูได้ทุกคำถามจ้ะ แต่ถ้าเราจะคุยกันเรื่องนี้จริงๆ แม่ว่าเราก็คงทะเลาะกันอีกแน่ๆ แล้วแม่ก็ไม่อยากให้หนูหน้าบึ้งตอนดินเนอร์กับแม่...แม่อยากให้หนูมีความสุขตอนอยู่กับแม่บ้าง”

                “หนูรู้ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้ารับก่อนจะหันมองนอกหน้าต่าง ไม่อยากจะทะเลาะกับมาการ์เร็ตตอนนี้เหมือนกัน เธออยากจะรู้สึกดีเหมือนคนอื่นตอนที่ได้อยู่กับแม่บ้าง แค่เล็กน้อยก็ยังดี

                “หนูอยากคุยเรื่อง วิลเลี่ยม เทรเวน กับแม่มั้ย” มาการ์เร็ตเปลี่ยนเรื่อง ซักไซ้เรื่องผู้ชายที่เข้ามาเกาะแกะกับลูกสาวด้วยความเป็นห่วงตามประสาคนเป็นแม่ “แบบว่าอยากให้แม่กันเขาให้อยู่ห่างๆ หนูหรือเปล่า แม่จัดการเขาได้นะ...ถ้าหนูอยาก”

                “ตอนนี้หนูคิดว่าไม่เป็นไรค่ะ” ไวโอเล็ตย่นคิ้วเข้าหากันอย่างลังเลเมื่อคิดถึงการกระทำแปลกๆ ของวิลเลี่ยม “เขาก็เจ้าชู้ไปทั่วนั่นแหละ แล้วหนูก็ไม่ได้ชอบเขาด้วย”

                “แต่แม่ว่าเขาชอบหนูนะ” มาการ์เร็ตไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกสาวพูด “แล้วก็คงไม่ยอมรามือจากหนูง่ายๆ ด้วย หนูเป็นแบบที่เขาชอบ”

                “แบบที่เขาชอบหรือคะ” ไวโอเล็ตถามตาโต “หนูไม่เห็นว่าเขาจะเคยชอบผู้หญิงเหมือนหนูสักที ปกติก็เห็นคบแต่ผู้หญิงสวยๆ หนูหมายถึงสวยแบบอื่นน่ะค่ะ”

                “ผู้ชายบ้านนี้ฉลาด” มาการ์เร็ตพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เธอเองก็ไม่ได้รู้จักคนบ้านเทรเวนน้อยไปกว่าวิเวียน เพราะเพื่อนสนิทของเธอสองคนก็เป็นคนในตระกูลเทรเวน “พวกเขาชอบผู้หญิงฉลาด แล้วหนูก็ฉลาด...เพราะฉะนั้น อยู่ห่างเขาไว้จะดีกว่านะ ถึงมันจะไม่ช่วยก็เถอะ”

                “หนูจะระวังตัวค่ะ” ไวโอเล็ตคิดตามคำพูดของมาการ์เร็ตแล้วใจเสีย หรือว่าเธอจะชะล่าใจไปเอง ที่คิดว่าวิลเลี่ยมแค่แกล้งเธอเล่น ไม่ได้ตั้งใจจะจีบจริงจัง “บางทีหนูอาจจะคิดน้อยไปเองก็ได้ หนูจะระวังตัวให้มากกว่านี้ค่ะ”

                “ถ้าเขาทำอะไรหนู บอกแม่นะ ถึงเขาจะบ้านรวย แต่แม่จัดการเขาได้แน่ เชื่อแม่เถอะ”

                “ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้า ความจริงแล้วเรื่องนี้คงไม่ต้องถึงมือมาการ์เร็ต เพราะถ้าวิลเลี่ยมกล้าทำอะไรเธอขึ้นมาจริงๆ พ่อก็คงจะไม่ปล่อยเขาเหมือนกัน

                หลังจากคุยเรื่องวิลเลี่ยมที่ทำให้ทั้งมาการ์เร็ตและแฮร์รี่ต่างไม่สบายใจกับไวโอเล็ตแล้ว มาการ์เร็ตก็เปลี่ยนเรื่องคุย หันมาถามไถ่เรื่องมหาวิทยาลัยของลูกสาวแทน และหลังจากนั้นเรื่องราวต่างๆ ก็ถูกนำมาพูดคุยกัน จนไวโอเล็ตเผลอลืมไปว่า ผู้หญิงที่เธออยู่ด้วยตอนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เธอเคยตั้งแง่ใส่มาตลอดทั้งชีวิต

               

                ทั้งสองใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงโรงแรมเทรเวนแกรนด์ หนึ่งในหลายๆ สาขา โดยมาการ์เร็ตนั้นจองโต๊ะวีไอพีในส่วนที่เป็นห้องอาหาร ด้วยเหตุผลว่าโรงแรมนี้มีการกวดขันอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย หรือความเป็นส่วนตัวจากพวกปาปารัซซี ทำให้มาการ์เร็ตวางใจและมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง

                มาการ์เร็ตขับรถมาจอดหน้าโรงแรม ก่อนจะส่งกุญแจรถให้พนักงานที่คอยเอารถไปเก็บ จากนั้นก็เดินเคียงลูกสาวคนสวยเข้าไปในโรงแรมด้วยท่าทางไร้กังวลว่าจะมีใครมาเห็น

                “คุณคะ...” ไวโอเล็ตเรียกเสียงเบา ตากลมโตไหวระริกเมื่อเปิดอ่านอีเมลที่เพิ่งได้รับ

                “มีอะไรจ๊ะ” มาการ์เร็ตรับโทรศัพท์มือถือมาจากไวโอเล็ต ก่อนจะระบายยิ้มกว้าง “หนูได้งาน...ว้าว วิเศษที่สุดเลย”

                “หนูได้งานแล้วค่ะ หนูทำได้” ไวโอเล็ตยิ้มกว้าง กระโดดตัวลอยอย่างลืมตัวเมื่อเธอได้รับการตอบรับให้เป็นหนึ่งในนางแบบของงานที่ไม่คิดว่าเธอจะได้ “หนูขอโทร. หาพ่อได้มั้ยคะ หนูอยากบอกพ่อ”

                “ไว้ไปโทร. ตอนเราอยู่ข้างบนเถอะจ้ะ” มาการ์เร็ตแนะ ยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จก้าวเล็กๆ ของคนเป็นลูก “มันเป็นส่วนตัวกว่าน่ะ”

                “ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้ารับ ไม่พูดอะไรอีกเพราะดีใจจนเนื้อเต้น อยากจะบอกข่าวดีนี้กับพ่อให้เร็วที่สุด รวมถึงเมแกนด้วย...ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะได้งานนี้

                มาการ์เร็ตปล่อยให้ไวโอเล็ตแยกตัวไปโทร. หาแฮร์รี่ ส่วนเธอนั้นเดินแยกออกมาหาพนักงานต้อนรับของห้องอาหารเพื่อบอกว่าเธอได้จองโต๊ะไว้และยืนรอให้เขานำเธอไป แต่วันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันที่มีอะไรให้แปลกใจมากมายเหลือเกิน เพราะจู่ๆ คนที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอก็โผล่มาทักทาย

                “มาการ์เร็ต!” ฌานิน ดีไซเนอร์ห้องเสื้อดังตะโกนข้ามห้องอาหาร เมื่อเหลือบเห็นนางแบบที่เขาเคยร่วมงานมานับครั้งไม่ถ้วน “ฉันคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเธอ ฉันจำเธอได้ตั้งแต่เห็นด้านหลังแล้ว” ร่างสูงพุ่งตรงเข้ามา ก่อนจะรวบร่างบางของนางแบบคนดังเมื่อหลายปีก่อนเข้ามาแนบอกอย่างแสนคิดถึง

                “เฌอร์...” มาการ์เร็ตอ้าปากค้าง เรียกชื่อในวงการของฌานินอย่างสนิทสนม “มาทำอะไรที่นี่เนี่ย...โอ้ ฉันไม่น่าถามเลย นี่โรงแรมของน้องเขยนายนี่นา” มาการ์เร็ตหัวเราะร่วนขณะพูด

                “ฉันมาทานข้าวน่ะ” ฌานินบอกก่อนจะถามกลับ “เธอล่ะมาทำอะไร ฉันนึกว่าเธอจะไปงานเลี้ยงของงานประกาศรางวัลเสียอีก”

                “โอ้พระเจ้าช่วย!” มาการ์เร็ตยกมือขึ้นปิดปากเมื่อคิดบางอย่างได้ “นายรู้ข่าวเรื่องหลานสาวของนายหรือยัง ที่แซนดีโดนจูบกลางเวทีน่ะ”

                “ว่าไงนะ!” ฌานินตาเหลือก หลานสาวเขาโดนอะไรนะ “อย่างนั้นไว้เดี๋ยวฉันโทร. หานะ ฉันไปละ”

                “จ้ะ นายจะอยู่ที่นี่อีกนานหรือเปล่า” มาการ์เร็ตกอดฌานินเร็วๆ แล้วถามเสียงระรัว

                “ไม่มีกำหนดกลับ” ฌานินตอบเร็วๆ ไม่แพ้กัน “อ้อ แล้วก็กลับไปคิดเรื่องข้อเสนอที่ฉันติดต่อไปด้วยนะ และถ้าจะให้ดีก็รีบๆ ตอบตกลงซะ” เขาชี้หน้านางแบบที่ร่วมงานจนสนิทสนมกันอย่างเอาเรื่อง ย้ำเตือนมาการ์เร็ตถึงเรื่องการมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของห้องเสื้อเขา

                “ฉันจะคิดดู” มาการ์เร็ตพยักหน้า รับปากไม่เต็มเสียงระหว่างโบกมือลาหนึ่งในตระกูลเทรเวน อันที่จริงเรียกว่าเป็นญาติสนิทจะถูกกว่า เพราะฌานินนั้นไม่ได้ใช้นามสกุลเทรเวน “เจอกันจ้ะ”

                “แล้วเจอกัน มาการ์เร็ต” ฌานินโบกมือเร็วๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร จัดการต่อสายหาน้องสาวเพื่อถามไถ่เรื่องที่เกิดขึ้นให้รู้ความกัน พอดีกับที่ไวโอเล็ตเดินกลับเข้ามา

                “ใครหรือคะ” ไวโอเล็ตมองตามแผ่นหลังของชายร่างสูงโปร่งที่เพิ่งเดินพ้นไป

                “เพื่อนแม่เองจ้ะ” มาการ์เร็ตบอกแค่นั้น “มาเถอะ ไปที่โต๊ะกัน เราจะได้สั่งอะไรมาทาน แม่ชักจะหิวขึ้นมาแล้ว...เราจะได้คุยเรื่องงานของหนูด้วยไงละ เพื่อนของแม่รอนานแล้ว...เราอย่าปล่อยให้เขารอเรานานกว่านี้เลยนะจ๊ะ”

                “ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้ารับ ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขกับข่าวดีที่เพิ่งได้รับ ก่อนจะเดินตามแรงจูงของมาการ์เร็ตเข้าไปในห้องอาหาร ไม่ติดใจชายร่างสูงที่เพิ่งผละไปอีกต่อไป

               

                หลังจากที่ส่งพี่สาวกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว วิลเลี่ยมก็ติดรถแมทธิวกลับเข้ามาบ้านในเมืองตอนสายของวันถัดมาทันที ส่วนแมทธิวนั้นขอแยกตัวไปทันทีที่โยนวิลเลี่ยมลงที่หน้าประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว ทำให้วันนี้วิลเลี่ยมสามารถทำทุกอย่างที่เขาอยากทำได้โดยไม่ต้องกลัวว่าพี่ๆ ของเขาจะกลับมาเห็น

                ร้อยทั้งร้อยคนอื่นคงจะต้องเดาว่า ทางสะดวกขนาดนี้เขาต้องหิ้วผู้หญิงเข้าบ้านแน่ แต่นั่นไม่ใช่แบบที่เขาชอบ...เขาไม่ชอบพาผู้หญิงเข้าบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าเป็นการให้อำนาจในความสัมพันธ์แก่พวกเธอ...เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงแปลกหน้ามีอำนาจ หรือมากำหนดชีวิตเขา

                ผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยคบหาจะเปิดเผยและเคารพกรอบความสัมพันธ์ที่เขากำหนดไว้ก่อนหน้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นน้อยครั้งมากที่สาวๆ พวกนั้นจะก่อความวุ่นวาย...หรือถ้ามี เขาก็มีวิธีจัดการในแบบของเขาเหมือนกัน

                วิลเลี่ยมเดินตัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับพันผ้าขนหนูที่เอวอย่างหมิ่นเหม่ ตรงดิ่งไปที่โทรศัพท์บ้านที่ส่งเสียงน่ารำคาญไม่หยุด

                “มาแล้วครับ...มาแล้ว สวัสดีครับ” วิลเลี่ยมยกหูโทรศัพท์ เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของคนที่อยู่ปลายสาย

                “นั่นใช่อะพาร์ตเมนต์ของคุณแซนดี เทรเวน หรือเปล่าคะ” ไวโอเล็ตถามอย่างไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าเธอจดเบอร์ที่แซนดีให้มาถูกหรือเปล่า “ฉัน ไวโอเล็ต ได้เบอร์นี้มาจากคุณแซนดี เทรเวน ค่ะ คือฉันจะโทร. มาแจ้งว่าฉันกำลังจะเอาชุดไปส่ง รบกวนคุณลงมารับชุดด้วยค่ะ”

                “จากบริษัทของวิเวียนหรือเปล่าครับ” วิลเลี่ยมกระแอม พยายามทำเสียงทุ้มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้ไวโอเล็ตรู้ว่าเป็นเขา

                “ใช่ค่ะ” ไวโอเล็ตพูดเร็วๆ “รบกวนคุณ...”

                “รหัสประตูคือ 2201 ขึ้นมาได้เลยครับ”

                “เอ่อ...คุณลงมาเอาของไม่ได้หรือคะ” ไวโอเล็ตถามอย่างไม่สบายใจ เธอไม่อยากเข้าไปในบ้านของใครโดยพลการ แม้ว่าวิเวียนจะสนิทกับบ้านของคุณแซนดี แต่กับเธอมันเป็นอีกเรื่อง “คือฉันมีธุระต้องรีบไปต่อ...”

                “รหัสคือ 2201 ผมเองก็มีธุระเหมือนกัน รีบหน่อยก็ดีนะครับคุณไวโอเล็ต” พูดแค่นั้นวิลเลี่ยมก็ชิงตัดสายทิ้งไป ปล่อยให้ไวโอเล็ตชักสีหน้าใส่หน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างหงุดหงิด

                ผู้ชายคนนี้คิดว่าเขาเป็นใครถึงได้มาสั่งราวกับเธอเป็นทาสเขาอย่างนี้ หน็อย...นี่ถ้าไม่เห็นว่าเธอเป็นคนโทร. ไปบอกคุณแซนดีว่าจะเอาชุดไปคืนนะ เธอชิ่งไปนานแล้วเถอะ

               

                ไวโอเล็ตขึ้นแท็กซี่มาหยุดที่ตึกเพนต์เฮาส์สูงเสียดฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ อาณาจักรของเทรเวนแกรนด์ หญิงสาวขึ้นลิฟต์มาโดยการกดรหัสความปลอดภัย เสี่ยงใช้รหัสเดียวกับรหัสประตูเหมือนอย่างที่คนดูแลเพนต์เฮาส์บอก ก่อนจะกระชับชุดตัวสวยที่อยู่ในถุงพลาสติกแน่น

                เมื่อถึงหน้าประตูบานใหญ่ หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าให้พ้นจากถุงพลาสติกเพื่อมองแป้นกดรหัสตรงประตู แต่มันกลับไม่ง่ายเหมือนอย่างตอนที่ขึ้นมา เพราะแป้นกดหน้าประตูนั้นเล็กกว่าแป้นกดในลิฟต์มาก

                เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้ไวโอเล็ตต้องกลอกตาขึ้นฟ้าพร้อมกับกระแทกลมหายใจแรง นี่เห็นเธอเป็นอะไรกัน เธอมีแค่สองมือนะ ทำทุกอย่างพร้อมกันหมดไม่ได้หรอก...ให้ตายสิ!

                คลิก!

                เสียงปลดล็อกประตูที่ไวโอเล็ตเพิ่งกดไปมั่วๆ ดังขึ้น เธอเลยรีบผลักบานประตูเข้าไปพร้อมกับกดรับสาย

                “เจมส์...”

                พลั่ก!

                “ว้าย!” ไวโอเล็ตเดินเข้าไปในห้องอย่างทุลักทุเล สะดุดเข้ากับของแข็งที่คล้ายท่อนไม้จนเสียหลักล้มลงไปพร้อมกับหลับตาปี๋

                “ว้าว...นางฟ้าตกสวรรค์” เสียงทะเล้นพร้อมกับหน้ากวนประสาททำให้ไวโอเล็ตลืมตาขึ้นมองอย่างสับสน จ้องซีกหน้าคมคายของวิลเลี่ยมอย่างไม่เข้าใจ เขามาที่นี่ตอนไหน “จับนางฟ้าคนสวยได้แล้วครับ”

                “คุณวิลเลี่ยม...คุณมาทำอะไรที่นี่คะ” ไวโอเล็ตมองหน้าคนที่รับตัวเธอไว้ตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ “นี่บ้านคุณแซนดีนี่”

                “คนสวย...บ้านพี่สาวก็เหมือนบ้านผมนั่นแหละครับ” วิลเลี่ยมยิ้มกว้างขณะไขข้อข้องใจให้แก่แม่เป็ดน้อยของเขา พลางประคองร่างบางให้ยืนด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากจะทำให้ไวโอเล็ตไหวตัวทันแล้วรีบแจ้นหนีเขาไป ถึงจะขัดกับความต้องการของตัวเองแค่ไหนก็ต้องกัดฟันทน “คุณไม่เจ็บตรงไหนนะคนดี”

                “ค่ะ ฉันสบายดี” ไวโอเล็ตพยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะก้มลงไปคว้าชุดออกงานที่เธอเอามาคืนเจ้าของ

                พร้อมกับที่วิลเลี่ยมก้มหน้าไปคว้าโทรศัพท์มือถือเครื่องบางขึ้นมา เหลือบมองตัวเลขบอกเวลาการสนทนาที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อไปแล้วคำรามอย่างเกรี้ยวกราดในใจ ไอ้แฟนเก่าเจมส์!

                “แล้วนี่ค่ะ ชุดของคุณแซนดี”

                “ขอบคุณมากครับ” วิลเลี่ยมฉีกยิ้มมารยาให้สาวน้อยที่ยังไม่รู้ตัวว่าเพิ่งยั่วโมโหคนขี้หวงเข้า ถึงเธอจะยังไม่ใช่ของเขา...แต่ถ้าเขาอยากได้แล้ว ไอ้หน้าไหนก็อย่าได้แหย็มเข้ามาใกล้ “ลำบากแย่เลยนะ” คนร้อยเล่ห์ยังคงยิ้มระหว่างรับชุดของพี่สาวมาพาดไว้ที่โซฟาตัวยาว

                “ไม่เลยค่ะ” ไวโอเล็ตจ้องหน้ายิ้มแย้มของวิลเลี่ยมอย่างไม่ไว้ใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของเธอในมือของวิลเลี่ยม “นั่นมือถือฉันค่ะ” ไวโอเล็ตขอโทรศัพท์คืนจากวิลเลี่ยมอย่างมีมารยาท

                “ก็รู้อยู่” วิลเลี่ยมก้มมองมือเรียวสลับกับไอ้โทรศัพท์เส็งเคร็งในมือตัวเอง แล้วตัดสินใจยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงยีน “แต่จะเก็บไว้ให้ก่อน”

                “ฉันไม่ได้อยากให้คุณเก็บมันไว้” ไวโอเล็ตชักสีหน้า ทำไมเขาต้องกวนประสาทเธอด้วยนะ “ฉันอยากได้มันคืน...เดี๋ยวนี้” คนตัวเล็กสั่ง

                “มาเอาสิ” วิลเลี่ยมผายมือออกทั้งสองข้าง หากเธอต้องการโทรศัพท์มือถือคืน เธอต้องเข้ามาเอามันด้วยตัวเองเท่านั้น “เชิญเลยครับคนดี”

                “คุณคิดว่าฉันจะไม่กล้าใช่มั้ยวิล...” ไวโอเล็ตเรียกวิลเลี่ยมด้วยสรรพนามที่ทำให้หน้าคมพลันเปลี่ยนสี แปลกใจจนพูดไม่ออกที่ไวโอเล็ตกล้าเรียกชื่อเขาแบบนี้ “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่หลงมารยาคุณหรอก คุณทำให้ฉันพิศวาสไม่ได้สักนิดเลยค่ะ...จะบอกให้” คนโดนปั่นหัวก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปหาวิลเลี่ยม ก่อนจะดึงเอวกางเกงยีนของเขาเข้ามาใกล้ จัดการล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนของวิลเลี่ยมหน้าตาเฉย

                “แน่ใจเหรอ” วิลเลี่ยมยั้งมือเล็กที่กำลังล้วงลึกเข้าไป จับมันไว้มั่นก่อนที่มันจะเสียดสีกับต้นขาเขาไปมากกว่านี้ แล้วถามเสียงพร่าใส่หน้างามอย่างยั่วเย้า “คิดแบบนั้นจริงๆ หรือไวโอเล็ต”

                “ฉันไม่ได้ชอบคุณ” ไวโอเล็ตเชิดหน้าขึ้นมาจ้องตอบตาคมอย่างไม่เกรงกลัว แม้ใบหน้าจะอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกสัมผัสกัน “ไม่มีทางชอบ...”

                “ไม่เอาน่า” วิลเลี่ยมจุ๊ปาก ต้อนไวโอเล็ตให้เดินถอยหลังก่อนจะคว้าเอวบาง วางเธอบนพนักพิงโซฟา กักขังเธอเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของเขา “แมทธิวไม่มีทางเหลือบแลคุณ...ไม่มีใครชอบคุณได้เท่าที่ผมชอบอีกแล้ว อย่าทำให้เรื่องมันยากสิคนสวย” วิลเลี่ยมไล่ต้อนอีก จับปลายคางเล็กแล้วหายใจรดดวงหน้างามจนไวโอเล็ตขนลุกเกรียว...

                “ฉันจะไม่นอนกับคุณ” ไวโอเล็ตตอบเสียงดังฟังชัด มองตามริมฝีปากหนาเพื่อระวังตัวหากเขาคิดอุตริจูบเธอขึ้นมา “ถอยไปวิล...ฉันไม่อยากมีปัญหา คุณเองก็คงจะไม่อยากเหมือนกัน”

                “ไวโอเล็ต...” วิลเลี่ยมเรียกชื่อคนตัวเล็กเพียงเพราะรู้สึกอยากเรียก หน้าคมก้มลงไปประชิดปากอิ่มอย่างห้ามใจไม่ไหว “อย่าทำให้มันยากเลยคนดี...”

                “ไม่” ไวโอเล็ตเม้มปากแน่น ดวงตากลมจ้องเขม็งมองหน้าคล้ามอย่างไร้แววหวาดหวั่นเช่นทุกครั้ง “ไม่...วิลเลี่ยม เราจะไม่ทำอย่างนั้น”

                “ไว...”

                “ฉันบอกว่าไม่ไง” ไวโอเล็ตตัดบทด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวและเอาจริง

                สายตาแน่วแน่ผสานกับสายตาสับสนของวิลเลี่ยมนานอยู่เกือบนาที ก่อนที่ร่างสูงจะเป็นฝ่ายล่าถอย แต่เขาก็ไม่ยอมถอยห่างจากร่างบางไปเสียทีเดียว

                “ถอยออกไปสิคะ” ไวโอเล็ตพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงหนึ่งระดับ เมื่อวิลเลี่ยมเลิกทำท่าจะคุกคามเธอ “จะยืนเป็นหุ่นกันอยู่อย่างนี้หรือไง”

                “ผมไม่ได้ปล่อยให้คุณยืนเมื่อยสักหน่อยนี่ตัวเล็ก” วิลเลี่ยมพูดพร้อมรอยยิ้ม เท้าแขนกับโซฟาเพื่อกักไวโอเล็ต ไม่ปล่อยให้เธอหนีไปไหน “แล้วอยู่ท่านี้ผมก็สบายดี”

                “แต่ฉันไม่อยากอยู่ท่านี้” ไวโอเล็ตเสียงแข็ง

                “แล้วจะอยู่ท่าไหนล่ะครับ” วิลเลี่ยมถามตาหยี พูดจาสองแง่สองง่ามจนไวโอเล็ตหน้าตูม

                “ท่าไหนก็ไม่อยู่ทั้งนั้นแหละ” ไวโอเล็ตชักสีหน้าใส่วิลเลี่ยมอีก รำคาญเต็มทนที่ต้องมาต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนี้เพราะเรื่องไร้สาระ “ออกไปห่างๆ ฉันสักทีคุณวิลเลี่ยม ฉันไม่ชอบ”

                “รู้แล้วว่าไม่ชอบ ไม่เห็นต้องย้ำกันบ่อยๆ เสียใจนะเนี่ย” วิลเลี่ยมทำหน้าน้อยใจแล้วพูดหงอยๆ

                “ก็มันไม่ชอบ แล้วจะทำฉันทำไงล่ะ” ไวโอเล็ตเชิดปลายคางขึ้นอย่างมีจริตก่อนถามอย่างท้าทาย

                “ก็จะทำให้ชอบไงล่ะ” วิลเลี่ยมตอบกลับหน้าตาย ไม่สะทกสะท้านที่โดนไวโอเล็ตปฏิเสธเลยสักนิด

                “บ้าสิ!”

                “เอาละที่รัก...เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า” วิลเลี่ยมทำหน้าขึงขังจริงจัง “ผมมีเรื่องสงสัยอยู่นิดหน่อย และคุณก็ต้องตอบคำถามของผมมาตามตรง”

                “ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณสักหน่อยนะ” ไวโอเล็ตแหวแต่วิลเลี่ยมก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะตอนนี้มีเรื่องอื่นที่ทิ่มแทงใจเขาอยู่มากกว่าเรื่องขี้ปะติ๋วนี้

                “ไอ้เจมส์อะไรนี่...มันใช่คนเดียวกับไอ้นักร้องวันงานนั่นหรือเปล่า” วิลเลี่ยมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มระหว่างถาม เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาหงุดหงิดถึงขั้นสุดแล้ว “แล้วมันก็เป็นแฟนเก่าคุณด้วยใช่มั้ย”

                “ฉันเป็นอะไรกับเจมส์ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณสักหน่อย”

                “ตอนนี้ไม่เกี่ยว แต่อีกเดี๋ยวได้เกี่ยวแน่” วิลเลี่ยมพูดหน้าตาย “ตอบคำถามผมมา...ไวโอเล็ต”

                “ใช่ เราสองคนเคยคบกัน...อุ๊บ!”

                ปากเล็กถูกประกบจูบหนักๆ จนร่างบางหงายหลังไปบนโซฟา โดยมีร่างสูงตามทาบทับไม่ห่าง จูบร้อนๆ ทำให้ไวโอเล็ตต้องดิ้นหนีก่อนที่สติของเธอจะหลุดลอย

                “จูบนี้เพราะผมอยากจูบ และอีกจูบโทษฐานที่คุณโทร. หามัน แต่ไม่โทร. หาผม...”

                “วิล...”

                วิลเลี่ยมไม่ปล่อยให้ไวโอเล็ตได้เถียงเขาอีกแม้แต่คำเดียว มือหนาล็อกหน้าเล็กเอาไว้แล้วจูบเอาๆ จนไวโอเล็ตเกือบขาดอากาศหายใจ ผ่านไปเกือบห้านาที เขาจึงยอมผละห่าง กวาดสายตามองหน้าเล็กที่เหม่อมองเขาราวกับยังไม่ได้สติดี ก่อนจะยิ้มกริ่ม

                “เป็นไง...เริ่มชอบผมขึ้นมาแล้วละสิ”

                “ชอบกับผีน่ะสิ” ไวโอเล็ตอ้าปาก ผลักวิลเลี่ยมออกเต็มแรงก่อนจะทะลึ่งตัวลุกขึ้น “ออกไปห่างๆ ฉันเลยนะ ไอ้คนเจ้าเล่ห์”

                วิลเลี่ยมไม่ได้ขัดขืน เนื่องจากวันนี้เขาได้สิ่งที่เขาต้องการจนพอใจแล้ว “แหม...พูดอย่างนี้ก็เสียใจแย่” วิลเลี่ยมพูดเสียงทะเล้น

                “เสียใจก็ช่างคุณสิ” ไวโอเล็ตเสียงแข็ง ก้าวถอยหลังอีกสองก้าวเมื่อวิลเลี่ยมจ้องหน้าเธอด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอย่างไรชอบกล “คืนมือถือฉันมาสักที ฉันจะได้รีบไป”

                “ถ้าไม่คืนล่ะ คุณจะทำยังไง”

                “วิลเลี่ยม! เลิกกวนประสาทฉันสักที คุณกำลังทำให้ฉันสายนะ”

                “จะไปไหน” วิลเลี่ยมยกมือกอดอก เอนหลังพิงโซฟาระหว่างรอให้ไวโอเล็ตตอบ เมื่อหญิงสาวทำหน้าลำบากใจ คิ้วหนาก็กระตุกถี่ๆ เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “จะไปหาไอ้แฟนเก่าอย่างนั้นสิ นี่จะแอบไปเจอกันอย่างนั้นเหรอ”

                “ฉันไม่ได้แอบไป” ไวโอเล็ตทำหน้ายู่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องแอบไปเจอเจมส์ “ฉันจะไปเจอเจมส์ ไม่เห็นจำเป็นต้องแอบ”

                “บอกผมหน่อยสิที่รัก...คุณเป็นพวกชอบกลับไปคบกับแฟนเก่าหรือยังไง”

                “ฉันรู้จักกับเจมส์มาทั้งชีวิตของฉัน วิลเลี่ยม กรุณาอย่ามาพูดแบบนี้กับฉัน” ไวโอเล็ตเสียงแข็ง ทำให้วิลเลี่ยมรู้ว่าเขาทำพลาดไป “คุณมันก็แค่คนแปลกหน้า ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันให้คุณฟัง...เพราะฉะนั้นกรุณาอยู่ในที่ของคนแปลกหน้าของคุณต่อไป เพราะถ้ายังรังควานฉันไม่เลิก...คุณได้เดือดร้อนแน่”

                “เฮ้ๆ ผมขอโทษ...ไวโอเล็ต!” วิลเลี่ยมเอื้อมมือหมายคว้าแขนเล็ก แต่ก็ช้าไปเมื่อไวโอเล็ตสับเท้าฉับๆ เดินหนีเขาไป

                ไม่สนใจว่าโทรศัพท์มือถือเธอจะอยู่ที่เขา ตอนนี้เธอเหนื่อยและเบื่อที่จะต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับเขา อยากจะไปให้พ้นๆ สักที!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น