2

เรื่องตลก

2

เรื่องตลก

 

        “บวมขึ้นกว่าเดิมอีกเหรอเนี่ย” เพียงฟ้าส่ายหน้าให้เงาสะท้อนของตัวเองบนกระจกห้องน้ำ

เช้านี้เธอตื่นมาพร้อมกับตาข้างขวาที่บวมตุ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แถมยังทั้งแดงทั้งคันอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นเพียงฟ้าก็ไม่อาจมาพบแพทย์ได้ในทันที เพราะช่วงเช้าเป็นเวลาที่ร้านของเธอค่อนข้างยุ่ง ร้านจะเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อให้ลูกค้าสามารถมาซื้ออาหารสำหรับนำไปกินเป็นมื้อเช้าหรือกลางวันที่ออฟฟิศ กว่าจะหาเวลาปลีกตัวออกมาได้ก็ปาไปเกือบเก้าโมงแล้ว

“ดีนะที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกล แวบไปแวบมาได้” หญิงสาวล้างมือเป็นอันดับสุดท้าย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ

ขั้นตอนของการตรวจพื้นฐานทั้งตรวจไข้ วัดความดันโลหิต ช่างน้ำหนักส่วนสูง รวมถึงความดันลูกตาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหญิงสาวก็มานั่งรออยู่บริเวณหน้าห้องตรวจ ตรงนี้มีเก้าอี้จัดวางอยู่เป็นแถวๆ ด้านหน้าและด้านข้างก็มีห้องตรวจเรียงรายอยู่

ถึงโรงบาลยัง?

ข้อความจากแก้วเจ้าจอมปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ เชฟมีเวลามาจับมือถือได้แบบนี้ แสดงว่าออร์เดอร์ที่ร้านคงเริ่มซาแล้วสินะ

กำลังรอตรวจอยู่

พิมพ์ข้อความกลับไปได้แค่นั้น เสียงพยาบาลก็ดังขึ้น “คุณเพียงฟ้า เชิญที่ห้องตรวจเบอร์สองค่ะ”

เจ้าของชื่อผุดลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องตรวจที่อยู่เยื้องกับตรงที่เธอนั่งไปเล็กน้อย เก็บโทรศัพท์มือถือหย่อนลงในกระเป๋า และในจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเลื่อนเปิดประตู สายตาของหญิงสาวก็ไปหยุดอยู่ที่ป้ายชื่อที่ติดเอาไว้หน้าห้องตรวจพอดี

นพ. กวินวัฒน์ นีระนพคุณ

ดวงตาของเพียงฟ้าเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างที่สุด ทว่าไม่ทันแล้ว ประตูบานนั้นถูกเลื่อนเปิดออกด้วยแรงของเธอในนาทีเดียวกัน หัวใจของหญิงสาวร่วงลงกระแทกพื้นเมื่อเห็นแพทย์หนุ่มผู้สวมเสื้อกาวน์ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า การเคลื่อนไหวของเธอพลันหยุดชะงัก แม้เพียงฟ้าจะเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของเขา เพราะอีกฝ่ายกำลังหันมองหน้าจอคอมฯ อยู่ ทว่าหญิงสาวก็จำเขาได้แม่น

ผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอหน้าที่สุด... 

ตอนนี้...เขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

คนหัวใจแกว่งถ่วงเวลาตั้งสติด้วยการหันไปดึงประตูให้เลื่อนปิด ก่อนจะผ่อนลมหายใจเข้าออกสองสามครั้ง แล้วหันกลับไปเผชิญหน้าเขา และครั้งนี้ก็เป็นการหันกลับมาที่สายตาของเธอประสานเข้ากับเขาพอดี 

ดวงตาของกวินวัฒน์เบิกขึ้นวูบหนึ่งด้วยความตกใจไม่ต่างจากเธอเมื่อนาทีก่อนหน้า ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยได้ในวินาทีต่อมา เอ่ยกับเธอราวเป็นคนไข้ทั่วไป

“เชิญนั่งครับ”

หญิงสาวพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด บอกตัวเองในใจซ้ำๆ ว่าเธอแค่มาพบหมอ และคนตรงหน้าก็เป็นแค่หมอคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับเธอ

กวินวัฒน์ก้มลงอ่านข้อมูลคนไข้ของเขาบนใบบันทึกการรักษาผู้ป่วยนอกที่พยาบาลนำมาวางให้ พึมพำออกมาเบาๆ 

“ตาข้างขวามีอาการบวมแดง” แพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนไข้ “เป็นมากี่วันแล้วครับ”

“เพิ่งเป็นเช้านี้ค่ะ”

“อื้มมม” เขาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาด้านข้างของโต๊ะเพื่อเข้าใกล้คนป่วยมากขึ้น “ขอหมอดูนิดนึงนะครับ”

เพียงฟ้าไม่เอ่ยตอบ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอเต้นรัวไปหมด โชคดีแค่ไหนแล้วที่การตรวจตาไม่ต้องให้หมอฟังเสียงหัวใจ ไม่อย่างนั้นต่อให้เธอเก็บอาการต่อหน้าเขามากแค่ไหน อีกฝ่ายต้องรู้หมดแน่ว่าใจเธอเต้นไม่เป็นปกติเอาเสียเลย หญิงสาวรีบเบนสายตาหนีตอนที่เขายื่นมือมาใกล้ใบหน้า

กวินวัฒน์กดนิ้วโป้งลงเบาๆ ที่ใต้ดวงตาข้างขวาของคนไข้ “เจ็บไหม”

“นิดหน่อยค่ะ” สายตาที่เบนหนีเลื่อนกลับมามองตาเขา มองลึกลงไปอย่างสื่อความหมายโดยนัย “...ทนได้”

แพทย์หนุ่มผละมือออกแทบจะทันทีแล้วถอยเก้าอี้กลับไปที่ตำแหน่งเดิม พูดกับคนไข้ในขณะที่ก้มหน้าเขียนบันทึกการรักษาไปด้วย “ตากุ้งยิงน่ะครับ แต่ยังแค่เริ่มๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ยังไม่ถึงขั้นอักเสบจนเป็นหนอง เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้ไปทานสักห้าวันแล้วนัดมาดูอีกที ถ้าเป็นไปได้ก็ประคบน้ำอุ่นด้วยก็จะช่วยได้มาก แต่ถ้าในระหว่างนี้มันเกิดบวมขึ้นมาอาจจะต้องเจาะออก ให้มาก่อนได้นะครับ...” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาคนป่วย “ผมเข้าทุกวัน

“ค่ะ” รับคำสั้นๆ แค่นั้น ทว่าสองมือที่จับกันอยู่ที่หน้าขากลับบีบกันแน่น 

คนตรงหน้ายังทำหน้าที่หมอได้อย่างไม่ขาดตกราวกับการพบกับครั้งแรกในรอบห้าปีของเธอและเขาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย กวินวัฒน์ยังคงแน่วแน่และมั่นคงในสิ่งที่เขาตั้งใจทำเหมือนอย่างเคย คงมีแค่เธอเท่านั้นที่แค่ได้ยินเสียงเขา ก้อนความรู้สึกบางอย่างก็แล่นมาจุกที่อก หัวใจไม่อาจเต้นได้ถูกจังหวะแม้สักนาทีเดียว

เพียงฟ้าเลี่ยงการสบสายตากับเขาด้วยการมองไปรอบๆ ห้องตรวจ ก่อนจะไปหยุดลงที่แก้วพลาสติกซึ่งวางอยู่ใกล้มือหมอ แก้วน้ำธรรมดาที่มันคงไม่สะดุดตาเธอหากไม่ใช่เพราะกระดาษครอบแก้วนั้นเป็นชื่อร้านของหญิงสาวเอง

ความคิดเรื่องสปาเกตตีโบโลเนสที่แก้วเจ้าจอมพูดถึงเมื่อวานนี้แวบเข้ามาในหัวของเพียงฟ้า ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร เสียงแพทย์หนุ่มก็ดังขึ้นก่อน

“โบราณเขาว่า เป็นตากุ้งยิงแสดงว่าแอบดูผู้ชายอาบน้ำมา”

คิ้วเรียวสวยของหญิงสาวกระตุกครั้งหนึ่ง นอกจากเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับการเจอกันของเราแล้ว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชิลเสียจนสามารถพูดหยอกล้อกับเธอได้อย่างสบายๆ เสียด้วยสินะ

เพียงฟ้ายกมุมปากข้างหนึ่งให้คนที่มองมา มองเขากลับด้วยสายตาติดจะเย่อหยิ่งหน่อยๆ ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่เห็นต้องแอบ”

“อ้อ... ลืมไป” เขาว่าแล้วยิ้มไร้ความรู้สึกให้ “สถานภาพสมรส”

เขารู้...

ไม่ว่าจะรู้ด้วยประวัติของเธอตรงหน้า หรือรู้มาจากที่ไหน แต่เขาก็รู้แล้ว...

เพียงฟ้าไม่ต่อความเขา ปล่อยให้การสนทนานี้จบลงอย่างเงียบๆ ไม่นานคนที่หันไปพิมพ์บางอย่างลงในคอมพิวเตอร์ก็พูดขึ้นอีก

“หมอจะจัดยาให้สองตัวนะครับ เป็นยากินตัวนึง ยาหยอดตัวนึง ยาหยอดนี่ไม่ต้องแช่เย็นนะ ถ้าหายแล้วก็ทิ้งเลย ห้ามเก็บไว้ใช้ต่อ ส่วนยากิน...ตัวนี้” เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปกดรัวๆ บนแป้นพิมพ์ “ไม่เอาดีกว่า กลัวมันระคายเคืองกระเพาะ นิดหน่อยก็ไม่ควรเสี่ยง เดี๋ยวเปลี่ยนตัวใหม่ให้”

เพียงฟ้ามองคนที่จดจ่ออยู่กับการพิมพ์ชื่อยา เขายังจำได้เหรอ เขายังจำได้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนเธอป่วยด้วยโรคกระเพาะบ่อยๆ ไม่อยากจะคาดหวังว่าเขายังจำอะไรได้อีกบ้างในความสัมพันธ์ของเรา

“ยากิน กินต่อเนื่องจนหมด ถึงหายแล้วก็ต้องกินให้หมดนะครับ อ้อ แล้วก็ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด” กวินวัฒน์หันไปจ้องลึกในดวงตาเธอราวกับจะย้ำ “เด็ดขาดคือเด็ดขาดนะครับ ห้ามดื้อ”

คนไข้คนแรก ดื้อฉิบหาย

ข้อความในวันเก่าที่คนพูดเคยพิมพ์เอาไว้ใต้รูปเธอในอินสตาแกรมของเขาฉายวาบขึ้นมาในหัวของเพียงฟ้า ผู้ชายตรงหน้าเธอเหมือนไม่เคยเปลี่ยน 

แต่ไม่หรอก... คงเป็นตัวตนหรือนิสัยลึกๆ ของเขาเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยน แต่อย่างอื่น...ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว

เขาสวมบทบาทเป็นหมอที่รักษาเธอได้อย่างไม่มีที่ติ สร้างระยะห่าง เปลี่ยนสรรพนาม แม้แต่แววตาก็เรียบเฉย อาจเพราะตอนนี้เราต่างโตขึ้นจากวันเก่าแล้ว หรืออาจเป็นเพราะสำหรับเขา... 

ระหว่างเราสองคน...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว

“มีคำถามอะไรเพิ่มไหมครับ”

สบายดีไหม

ชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

คิดถึงกันบ้างไหม...สักเสี้ยววินาทีหนึ่งมีบ้างหรือเปล่า

คำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจนไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยคำถามไหนออกไปก่อน ทว่าสิ่งที่ตอบกลับไปได้จริงๆ มีเพียงการส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มจืดจาง

“ไม่มีค่ะ”

สิ้นคำนั้น คนตรงหน้าก็ยื่นใบบันทึกการตรวจของเพียงฟ้าให้พยาบาลที่ยืนเยื้องอยู่ข้างหลังเขาไปรับหน้าที่ต่อ 

“วันนี้เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวเชิญรอรับใบนัดที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ”

เพียงฟ้ายิ้มรับให้พยาบาล แล้วเอ่ยคำสุดท้ายกับนายแพทย์ของเธอ “ขอบคุณค่ะ”

กวินวัฒน์มองคนตัวเล็กที่ก้าวพ้นประตูห้องตรวจออกไปแล้ว ทว่าความรู้สึกที่เธอทิ้งไว้ยังคงอัดแน่นอยู่ในอกเขา สายตาของแพทย์หนุ่มยังคงจับอยู่ที่บานประตู ได้ยินเสียงพยาบาลข้างกายว่าขึ้น

“คนไข้คนแรกของการเริ่มงานใหม่ ก็ประเดิมด้วยสาวสวยเลยนะคะอาจารย์”

ชายหนุ่มยิ้มเศร้าให้เรื่องในวันวาน “เธอเป็นคนไข้คนแรกของผมเสมอครับ”

 

“อยากดื่มอะไรอุ่นๆ หน่อยไหม” 

เสียงนั้นดึงให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาเงยหน้ามอง ก่อนจะส่ายหน้าตอบเจ้าของห้องที่ตอนนี้สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว “อาบเสร็จแล้วเหรอ ไวจัง”

“ไวตรงไหน อาบน้ำสระผมจะเป็นชั่วโมง แกใจลอยเองมากกว่ามั้งเลยไม่รู้เวลา”

“งั้นเหรอ” ตอบระคนขำ แล้วแสร้งยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไม่อาจซ่อนความรู้สึกแท้จริงจากสายตาของเพื่อนสนิทได้เลย

แก้วเจ้าจอมหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ วันนี้หลังจากปิดร้านแล้วเธอก็ชวนให้เพียงฟ้าออกมาทำธุระเป็นเพื่อน ก่อนจะรบเร้าให้นอนค้างที่คอนโดด้วยกัน ด้วยเหตุผลว่าดึกมากแล้ว 

อันที่จริงเซนส์บางอย่างบอกเธออยู่ลึกๆ ว่าต้องมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับเพียงฟ้าแน่ๆ

“นั่งคิดอะไรอยู่ หืม?” 

“ก็เรื่อยเปื่อย”

คนฟังเบ้ปากให้นิดๆ เป็นเชิงว่าไม่เชื่อ “เรื่องเรื่อยเปื่อยแบบไหนที่ทำให้แกสติหลุดได้ทั้งวันล่ะหา? คีบแซมอนหล่นตอนจัดจานงี้ เกือบลืมหมูในเตาอบงี้ แกลืมไปแล้วเหรอ ทำครัวต้องมีสติเว้ย”

“ขอโทษ ก็วันนี้งานมันยุ่ง เลยทำผิดบ้าง เบลอบ้าง ก็ว่ากันไป วันนี้ฉันกินยาด้วยนะ” เพียงฟ้าอ้าง ชี้ดวงตาข้างขวาที่ยังบวมแดงไม่หาย

“ยาอะไรที่มันทำให้แกเบลอขนาดนั้น อยากไปดูหน้าหมอที่จ่ายยาให้จริงๆ”

คนกินยาถึงกับทำหน้าไม่ถูกที่อยู่ดีๆ บทสนทนาก็มุ่งตรงไปหาคนที่อยู่ในความคิด ทั้งที่พยายามจะเลี่ยงแท้ๆ หญิงสาวเลยปัดๆ มือในอากาศคล้ายจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร 

พอเห็นว่าเพียงฟ้าเงียบ แก้วเจ้าจอมเลยใช้ศอกสะกิดคนข้างตัว “นี่ไอ้เฟย์ ฉันทำครัวกับแกมาตั้งแต่เรายังเลือกหม้อเลือกชามกันไม่ถูก ฉันรู้ว่าถ้าแกจะทำอะไรผิดเพราะแกยุ่ง มันไม่ใช่อาการแบบนี้” ว่าจบก็หันตัวไปหา ก่อนจะยื่นมือไปจับไหล่สองข้างของเพื่อนให้หันมาเผชิญหน้า “แกคิดเรื่องพี่ยุตอยู่ใช่ไหม”

ชยุตเป็นผู้ชายที่แก้วเจ้าจอมรู้จักเกือบจะพร้อมๆ กับที่รู้จักเพียงฟ้า เพราะตลอดเวลาที่ไปเรียนเชฟ ชยุตก็คอยดูแลเพียงฟ้าอยู่ตลอด ขนาดว่าตอนที่แก้วเจ้าจอมถามถึงเหตุผลที่เพื่อนเลือกไปเรียนทำอาหารที่อังกฤษ เพียงฟ้ายังตอบว่า

‘ก็พี่ยุตมาเรียนต่อโทที่นี่ พ่อฉันเลยให้มาเรียนที่นี่แค่นั้น’

“เอ๊ะ! แต่ก็น่าจะไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นเรื่องพี่ยุต แกไม่เคยลังเลที่จะบอกฉัน”

เพียงฟ้าฟังแล้วยิ้มให้ความจริงข้อนั้น คงเพราะแก้วเจ้าจอมรู้จักและคุ้นเคยกับชยุตเหมือนกันละมั้ง เธอจึงไม่ลังเลที่จะปรึกษาเพื่อนเรื่องเขา ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ ผู้ชายที่ทำให้จิตใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปทั้งวันคนนั้น ไม่ใช่ผู้ชายที่แก้วเจ้าจอมรู้จักหรือเคยเจอเลยสักครั้ง

“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันขอถามแกอย่างนึงได้ไหมเฟย์ ค้างคาใจมาตั้งแต่วันก่อนแล้ว”

“อื้ม อะไรเหรอ”

“ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมพี่ยุตถึงยังต้องส่งดอกไม้ครบรอบวันแต่งงานให้แกอยู่ ทั้งที่ก็หย่ากันไปสองสามเดือนแล้ว”

คนถูกถามปล่อยสายตาล่องลอยไปตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย นึกถึงดอกไม้ในแจกันที่เริ่มโรยราเมื่อเข้าสู่วันที่สาม ก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตคู่ของเธอกับคนที่ซื้อดอกไม้มาให้ ไม่ว่าแรกเริ่มมันจะดูสวยงามบานสะพรั่งในสายตาคนอื่นแค่ไหน สุดท้าย...เมื่อถึงเวลาที่โรยรา เธอก็ต้องโยนมันทิ้งอยู่ดี

“ร้านดอกไม้ร้านประจำของเขาคือร้านที่อยู่ใต้ออฟฟิศบริษัทพ่อฉัน และที่สำคัญ...น้องสาวเจ้าของร้านเป็นคนเขียนสกู๊ปบันเทิงให้เว็บไซต์ข่าวอยู่ แกพอจะเดาเหตุผลเขาออกไหมล่ะ”

แก้วเจ้าจอมถึงกับเผลอเผยอปากเมื่อรู้ว่าที่ชยุตทำไปทั้งหมดไม่ใช่เพราะยังรักเพียงฟ้าอย่างที่เขียนเอาไว้บนการ์ด แต่เขาแค่อยากสร้างข่าวลือว่ายังรักกันหวานชื่นกับอดีตภรรยาต่างหาก ถ้าเรื่องนี้ไม่เป็นที่พูดถึงในสังคม อย่างน้อยข่าวก็น่าจะเข้าหูคนในบริษัทหรือครอบครัวของเขาและเธอบ้าง 

“มิน่าล่ะ จีนถึงได้พูดแบบนั้น”

“เมื่อก่อนน่ะ พี่ยุตเขาเป็นหนึ่งในหนุ่มโสดสุดฮอตที่ถูกจัดอันดับโดยนิตยสารดังเลยนะ ก็อย่างที่แกรู้ นามสกุลจรรยาวรรธน์ทำธุรกิจหลายอย่าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำธุรกิจของที่บ้านเป็นหลัก แต่ก็นั่งเก้าอี้สำคัญในบริษัทพ่อฉัน ก็นับว่าเป็นคนนึงที่สังคมจับตามองเหมือนกัน”

“รวมถึงสาวๆ ด้วยใช่ไหม ตอนรู้จักกันแรกๆ ฉันก็ว่าทำไมคนฟอลฯ ไอจีพี่เขาเยอะขนาดนั้น แล้วนี่เขาจะทำแบบนี้กับแกไปถึงเมื่อไหร่ หย่ากันแล้วแต่ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่แฟร์กับแกเลยนะเว้ย”

มันคือข้อตกลงการเซ็นใบหย่าระหว่างเพียงฟ้ากับชยุต 

เขามอบอิสรภาพให้อย่างที่หญิงสาวต้องการ แต่มีข้อแม้ว่าคนอื่นจะต้องไม่รู้เรื่องนี้...

“ก็คง...จนกว่าเขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการจนพอใจนั่นแหละ”

แก้วเจ้าจอมถอนหายใจอย่างรู้สึกหนักอกแทนเพื่อน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือข้างหนึ่งของเพียงฟ้าไว้ “อดทนอีกนิดเดียวนะแก ถ้าร้านเราคล่องตัวมากกว่านี้เมื่อไหร่ เราย้ายร้านไปที่อื่นกัน”

“อย่าคิดมากเลย ถึงตอนนี้พี่ยุตจะทำแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไร”

“แต่แบบนี้มันก็ตัดโอกาสแกนะเว้ย ใครๆ ก็คิดว่าแกแต่งงานแล้ว ผู้ชายที่ไหนจะกล้ามาจีบแกวะ หรือต่อให้แกไปจีบเขาเอง ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะอยากเป็นมือที่สาม”

“แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้อยากมีแฟน ฉันอยากมุ่งมั่นกับร้านมากกว่า”

หุ้นส่วนอีกคนของร้านหรี่ตามองคล้ายจะบอกว่าไม่ไว้ใจ “แน่เร้อ ขนาดตอนเรียนที่อังกฤษแกปฏิเสธทุกรอบที่ฉันถาม บอกว่าพี่ยุตไม่ใช่แฟนแก แต่กลับมาเมืองไทยไม่ถึงปี แกก็บอกจะแต่งงานกับพี่ยุตเฉยเลย”

“แล้วทำไมตอนนั้นแกเชื่อฉันล่ะ ทำไมตอนนั้นแกถึงเชื่อ ว่าฉันกับพี่ยุตไม่ได้คบกัน”

คนถูกถามหลุบตาลงอย่างใช้ความคิด ทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา “คงเพราะว่า...แววตาแกบอกฉันแบบนั้น” แก้วเจ้าจอมเลื่อนสายตากลับไปสานสบกับเพื่อนเหมือนเดิมราวกับจะเน้นย้ำ “แววตาแกเวลาที่พูดถึงพี่ยุต มันไม่เหมือนเวลาที่พ่อฉันพูดถึงแม่เลย แกจำได้ไหมเฟย์ ตอนที่แกบอกฉันว่าแกจะแต่งงานกับพี่ยุต ฉันถามแกตลอดว่าแกแน่ใจแล้วจริงๆ เหรอ แม้กระทั่งตอนที่แกใส่ชุดเจ้าสาวแล้ว ฉันก็ยังถามแกอยู่”

เพียงฟ้าพยักหน้า จู่ๆ ก็น้ำตารื้นขึ้นมา เธอจึงก้มหน้าหนีสายตา ได้ยินเสียงเพื่อนย้ำความจริง

“เพราะว่าจนถึงวินาทีสุดท้าย...แววตาของแกก็ยังบอกฉันอยู่ตลอด...ว่าแกไม่ได้รักเขา”

“นี่ฉันอ่านง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“แกไม่ได้อ่านง่ายหรอก แต่ที่ฉันอ่านได้หมดมันเป็นเพราะตรงนี้” นิ้วชี้ของคนพูดจิ้มลงที่อกข้างซ้ายของคนฟัง “หัวใจแกมันพยายามจะร้องบอกให้คนอื่นรู้ และถ้าให้ฉันเดา ก็เพราะ...ปากแกพูดมันออกมาไม่ได้ใช่ไหม”

คำถามเสียงแผ่วเบานั้นก้องกังวานในโสตประสาทของเพียงฟ้า ดึงเอาเหตุการณ์ที่เธออยากลืมให้หมุนวนกลับมาฉายอีก 

….

‘พี่แจงบอกว่าพ่อรอเฟย์อยู่ มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ’ คนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านตรงเข้ามาในห้องนั่งเล่นแทนที่จะขึ้นชั้นสองไปยังห้องนอนของเธออย่างที่ตั้งใจแต่แรก ในห้องนี้ พ่อกับแม่นั่งรอลูกสาวอยู่ก่อนแล้ว

‘นั่งก่อนสิเฟย์’ กนกนภาพยักหน้าเชิงเรียก สัญญาณนั้นทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

เพียงฟ้าเดินไปนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแม่ของเธอ โดยมีพสุธรผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาว ‘เรื่องจริงจังเหรอคะ’

‘แกกลับมาได้สามเดือนแล้วนี่ ใช่ไหม’

เมื่อได้ยินพ่อเปิดประเด็นมาแบบนี้ หญิงสาวเลยรีบชี้แจง ‘ถ้าเป็นเรื่องงาน ตอนนี้เฟย์กำลังยื่นใบสมัครอยู่นะคะ พ่อไม่ต้องกังวลค่ะ เฟย์โตแล้วไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้คิดแต่จะเที่ยวเล่นไปวันๆ’

‘ถ้ารู้ตัวว่าโตแล้วก็ดี’ พสุธรว่าเสียงขรึม ก่อนจะเข้าเรื่องที่เตรียมเอาไว้ ‘วันนี้ชยุตเขามาทาบทามกับพ่อเรื่องแต่งงานกับเฟย์ เขาจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ’

เพียงฟ้าถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะโพล่งออกไปในนาทีต่อมา ‘เฟย์ไม่แต่งค่ะ!’

‘พ่อตอบตกลงเขาไปแล้ว’

หญิงสาวผุดลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจ ‘นี่มันเรื่องแต่งงานนะพ่อ! ทำไมพ่อถึงไม่ถามเฟย์สักคำ’

‘อย่ามาขึ้นเสียงใส่พ่อนะเฟย์’ พสุธรสั่งเสียงกร้าว ‘ชยุตเขาไม่ดีตรงไหน สองปีที่เรียนต่อด้วยกันเขาก็ดูแลแกอย่างดี แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าเขาดูแลแกได้’

เพียงฟ้าขบฟันกลั้นความรู้สึกที่บีบรัดอยู่ในอกเอาไว้ เลื่อนสายตาไปมองผู้เป็นแม่อย่างวิงวอนขอความช่วยเหลือ ทว่าสิ่งที่แม่ตอบกลับมา...

‘ถ้าเป็นชยุต พ่อกับแม่ก็สบายใจ’

น้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ไหลลงมาในวินาทีนั้น ตั้งแต่จำความได้ เพียงฟ้าต้องเดินตามเส้นที่พ่อกับแม่ขีดไว้ให้ตลอด ต้องสอบเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ให้ได้ เพื่อหวังให้พ่อภูมิใจในตัวเธอบ้าง เหมือนอย่างที่พ่อรักและชื่นชมพี่ชายของเธอ แม้จะรู้ว่าตัวว่าไม่ถนัดสายวิชาชีพนี้ แต่ก็ถูกกรอกหูเสมอว่าต้องเรียนให้ได้เกรดดี ไม่อย่างนั้นแม่ของเธอจะมีเรื่องอะไรไปสู้กับเพื่อนๆ ได้ หญิงสาวไม่เคยได้ทำในสิ่งที่อยากทำ กระทั่งว่าตอนที่ขอพ่อไปเรียนทำอาหารที่ต่างประเทศ พ่อยังอนุญาตให้ไปได้แค่ประเทศอังกฤษ เพราะชยุตกำลังจะไปเรียนต่อที่นั่น

ถ้ามีชยุตคอยดูแล พ่อก็สบายใจที่จะให้เฟย์ไป

ตอนนั้นพ่อของเธอพูดแบบนี้ และเพียงฟ้าก็คิดมาตลอดว่าถ้าเธอเรียนทำอาหารจบและมีงานทำ ไม่ต้องพึ่งใบบุญพ่อกับแม่ได้เมื่อไร เธอคงได้มีชีวิตที่เป็นของตัวเองเสียที ทว่ายังไม่ทันที่วันนั้นจะมาถึง...เธอก็ต้องเผชิญกับเส้นทางชีวิตใหม่ที่ไม่มีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง

สุดท้ายแล้ว...แม้แต่การแต่งงาน พ่อกับแม่ก็เลือกความสบายใจของตัวเองอยู่ดี

‘เฟย์ไม่แต่งไม่ได้เหรอคะ พ่อคะ แม่คะ เห็นใจเฟย์เถอะนะคะ เฟย์ไม่อยากแต่งงานกับพี่ยุต’ เมื่อรู้ว่าโต้เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ หญิงสาวจึงเปลี่ยนมาขอร้อง วิงวอนด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม

ทว่าน้ำตาเหล่านั้นไม่ได้ช่วยให้บุพการีใจอ่อน พสุธรลุกขึ้นยืนพร้อมกับกดสายตาตรงไปที่ลูกสาว เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงความมีอำนาจเหนือคนฟัง ‘จะร้องไห้ทำไม! พ่อให้แกแต่งงาน พ่อไม่ได้ให้แกไปตาย! ร้องห่มร้องไห้เสียอย่างกับว่าต้องแต่งงานกับใครหน้าไหนไม่รู้อย่างนั้น ชยุตเขาไม่ดีตรงไหน’

เพียงฟ้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่า มีอำนาจมากกว่า ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตา แล้วกลั้นใจเอ่ยออกไป ‘พี่ยุตเขาดีทุกอย่างค่ะ แต่เฟย์แค่ไม่ได้รักเขาแบบนั้น’

‘แล้วแกรักใคร หมอกายน่ะเหรอ หึ! มันทิ้งแกไปตั้งกี่ปีแล้ว!’ ความจริงอีกข้อที่พ่อตอกกลับมาทำเอาน้ำตาของลูกสาวไหลทะลักอีกรอบ ‘แล้วไม่ใช่ชยุตเหรอ ที่อยู่ข้างแกมาตลอด’

ใช่ หลังจากที่เลิกกับกวินวัฒน์ พ่อก็ปลอบใจเธอด้วยการยอมให้ไปเรียนทำอาหารที่ต่างประเทศอย่างที่เคยทำมาหลายครั้ง ที่นั่น... มีชยุตคอยช่วยเหลือดูแลเธอตลอดก็จริง แต่สำหรับเพียงฟ้าแล้ว เขาก็ไม่ได้ต่างกับพิภพภัทร พี่ชายแท้ๆ ของเธอเลย อีกอย่างที่ชยุตมีโอกาสทำแบบนั้นได้ ก็เพราะพ่อเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่ใกล้เธอด้วยเหมือนกัน

‘อยากเรียนเชฟ พ่อก็ให้เรียนแล้ว ถึงเวลาที่แกต้องทำให้พ่อสบายใจบ้าง’

ดวงตาใสของเพียงฟ้าถูกกลบด้วยน้ำตา เมื่อก่อนพ่อไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องที่เธออยากเป็นเชฟ ไม่สนับสนุนให้เรียนทำอาหาร เพราะต้องการให้ทำงานตำแหน่งสำคัญในบริษัทเพื่อเชิดหน้าชูตา งานในครัวก็เป็นแค่งานใช้แรงงานในสายตาพ่อ หรือแม้แต่แม่ของเธอเองก็ไม่เคยเข้าครัวเลยด้วยซ้ำ แม่บอกว่ามันทำให้มือกร้านและไม่ดีต่อผิวพรรณ มีเพียงกวินวัฒน์ที่สนับสนุนเธอให้เดินตามความฝัน 

หญิงสาวเคยดูโรงเรียนสอนทำอาหารที่อเมริกาไว้ ตอนที่รู้ว่ากวินวัฒน์วางแผนจะไปเรียนต่อเฉพาะทางที่นั่น เธอวาดฝันไว้ว่าจะได้ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศด้วยกัน แต่พ่อก็ไม่เคยเห็นดีเห็นงามเรื่องเรียนทำอาหารเลยสักครั้ง จนกระทั่งเธอเลิกกับเขา พ่อถึงปลอบใจเธอด้วยการให้เรียนที่อังกฤษกับชยุตแทน

แต่ใครจะรู้ว่าเรียนจบแล้ว พ่อจะเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับเธอ

เพียงฟ้าปล่อยให้น้ำตาไหลปะปนไปกับเสียงสะอื้นไห้ ยังเหลือหนทางไหนให้เธอเลือกชีวิตของตัวเองได้อีก...ไม่มีเลย หญิงสาวรู้สึกว่าเธอไม่เหลือใครแล้ว พ่อกับแม่ก็เหมือนคนที่ยืนอยู่คนละฝั่ง แม้กระทั่งผู้ชายคนนั้น...คนที่เธอคิดว่ารักและจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน 

วันนี้...เขาก็ไม่อยู่เคียงข้างเธออีกแล้ว

‘หยุดร้อง แล้วมองความจริงได้แล้วเฟย์ เลิกคร่ำครวญ พ่อกับแม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้แกแล้ว’

...

เพียงฟ้ายกยิ้มราวกับจะสมน้ำหน้าตัวเองในอดีตอีกครั้ง “พ่อแม่ฉันบอกว่าการแต่งงานกับพี่ยุตเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉัน”

“แล้วแกก็เชื่ออย่างนั้น?!”

“ฉันมีสิทธิ์จะเชื่อหรือไม่เชื่อด้วยเหรอ เพราะไม่ว่ายังไง มันก็จบลงที่การแต่งงานอยู่ดี”

แก้วเจ้าจอมพ่นลมหายใจเสียงดัง คนที่เกิดมาท่ามกลางเสรีภาพในชาติตะวันตกอย่างเธอยากจะเข้าใจเหตุผลซับซ้อนเหล่านี้ หญิงสาวยื่นมือไปโอบบ่าเพื่อนไว้ 

“แต่จะว่าไป ตอนอยู่อังกฤษพี่ยุตเขาก็ดีกับแกจริงๆ นะ ใจแกไม่หวั่นไหวให้เขาสักนิดเลยเหรอ” ถามจบ ดวงตาก็พลันเบิกโตด้วยความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัว “เฟย์... แกรักคนอื่นใช่ไหม ที่แกไม่เคยรักพี่ยุต เพราะแกรักคนอื่นมาตลอดใช่รึเปล่า”

เพียงฟ้าเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับที่น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมา “อืม”

“โอ้ มายก้อดดด ฉันไม่เคยเอะใจเรื่องนี้เลย” คนตกตะลึงยกมือขึ้นแนบสองแก้มตัวเอง “Who is he? Who is that guy?”

“แกไม่รู้จักเขาหรอก เขาเดินออกไปจากชีวิตฉันนานแล้ว” คนพูดยิ้มทั้งที่ดวงตายังวาวไปด้วยน้ำใสๆ “แต่ที่น่าตลกคืออะไรรู้ไหม”

แก้วเจ้าจอมเลิกคิ้วแทนการเอ่ยถาม 

“วันนี้ฉันได้เจอเขาด้วย”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น