๙
The Seven of Swords: เจ็ดดาบ
ใช้เล่ห์เพทุบาย ทำร้ายลับหลัง ธุรกิจผิดกฎหมาย ชัยชนะจากการโกง หรือต้องระวังถูกโกง
สองวันต่อมา เจ็ดโมงจวนครึ่ง ถ้าเป็นปกติ หมายถึงปกติตามคำสั่งของคุณโชค น้องกี้คงต้องกำลังโหนรถเมล์เตรียมต่อรถไฟฟ้า เพื่อไปออฟฟิศให้ทันเวลาเข้างานแปดโมงครึ่ง ทว่าวันนี้หญิงสาวกลับยังลอยชายอยู่หน้ากุฏิวัดไม่ไกลจากบ้าน
เนื่องในวันเกิด น้องกี้นำอาหารมาถวายหลวงตา ถึงแกจะไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส กับทั้งมีคนว่าร้ายว่าไม่ขึ้นทำวัตรเพราะมัวประกอบกิจอันมิใช่ของสงฆ์ น้องกี้ก็ไม่สนใจ ในเมื่อเธอมีศรัทธา และหลวงตาเป็นพระสงฆ์รูปเดียวที่ใส่ใจทำพิธีแก้กรรมตลอดจนสะเดาะเคราะห์ให้เธอมาแต่น้อยคุ้มใหญ่
หญิงสาวเงยขึ้นจากท่ากราบเบญจางคประดิษฐ์อันกะล่อยกะหลิบแท้ ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนเพราะได้ขออนุญาตพี่หมูไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าจะเข้างานสาย นอกจากนั้นยังแจ้งคุณโชคเอาไว้เพื่อเขาจะได้รู้ว่าเธอยังเคร่งครัดตามคำสั่งของเขาตลอด
‘อันที่จริงคุณโชคน่าจะไปทำบุญพร้อมน้องกี้ แล้วเราจะได้มาทำงานด้วยกัน’
‘เพื่อ?’
‘เก๊าะ คุณโชคเป็นทูตสวรรค์ของน้องกี้ น้องกี้จะได้ทำบุญให้ทีเดียวเลย’
ตอนฟัง คุณโชคคงไม่ได้หันมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา แต่แค่เหล่ตามาเล็กน้อย หญิงสาวก็รู้สึกประสบความสำเร็จ
‘แหม ล้อเล่นค่ะ รู้หรอกน่าว่าคุณโชคเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ของเราจะทำให้พี่หมูเอามาใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานน้องกี้ได้’
จากคำพูดที่หลุดไปตอนอยู่ในห้าง...น้องกี้เป็นแฟนเก่าคุณโชคนะคะ! คุณโชคหน้าเหวอแล้วฮึ่มฮั่มลากแขนเธอไป ‘ไหน จะเอาตัวไหน!...’
ต่อเมื่อพ้นสายตารักเร่ ชายหนุ่มก็กำชับเสียงเข้มให้ระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามากกว่านี้ น้องกี้เออออ ไม่คิดว่าเด็กในอาณัติจะเอาไปพูดต่อ สาเหตุหนึ่งเพราะเธอสะสมบุญมากมายในช่วงนี้ ไม่ทำตัวไม่ดีตามที่คุณโชคบอกไว้ด้วย เรื่องร้ายๆ ย่อมไม่บังเกิด
สีหน้าอิ่มบุญสะดุดพร้อมๆ กับร่างสะท้าน ยังไม่ทันเงยจากท่าเบญจางคประดิษฐ์ จู่ๆ ก็แว่วเสียงดัง ตั๊บแก่! ตั๊บแก่!
“ตุ๊กแกน่ะโยม” หลวงตายิ้มอ่อน “ไม่ต้องกลัวนะ ท่าทางมันจะซ่อนอยู่ใต้ฝ้า ไม่ตกลงมาแถวนี้หรอก”
เปล่า น้องกี้ไม่ได้กลัวตุ๊กแกตก เธอกลัวดวงตก! ก็ปกติตุ๊กแกร้องเฉพาะตอนกลางคืน มาร้องกลางวันแบบนี้คนโบราณเขาว่าเป็นลางไม่ดีชัดๆ!
“หละ...หลวงตาขา” หญิงสาวยกมือประนม “น้องกี้มีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือ”
“ว่ามาสิโยม” หลวงตาพูดทั้งยังหันเก็บข้าวของและตาลปัตรเพราะพิธีกรรมเพิ่งเสร็จสิ้น
“หลวงตาช่วยสวดมนต์ให้น้องกี้อีกรอบได้มั้ยคะ แบบว่า...อย่างยาว…”
ระหว่างที่หลวงตาทำหน้างง ถอนหายใจก่อนกระแอมบ้วนหมากเตรียมสวดใหม่ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือลายชาเนล (เก๊) ของน้องกี้ก็ดังขึ้น เจ้าของโทรศัพท์ตาโต
วันเกิดของน้องกี้ หรือว่าคุณโชคบดีจะทำเซอร์ไพรส์!
“นโม ตัสสะ...”
“อย่าเพิ่งตัสสะ น้องกี้ขอตัดจังหวะเดี๋ยวเดียวค่ะหลวงตา” เธอยกนิ้วขออนุญาต ทันทีที่ดูหน้าจอ ใจก็ห่อลงไปสองเซนติเมตร
หลวงตาจงใจพ่นลมก่อนกระแอมบ้วนหมากอีกที แต่น้องกี้ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกดรับสาย “สวัสดีค่ะพี่เก่ง”
“แหบปิเบิ่ดเด่ทู้ยู แห่บปิ...”
“พี่เก่งขาอย่าเพิ่งร้องเพลง” เธอลืมตัวยกนิ้วท่าเก่าประหนึ่งว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ตรงหน้า หลวงตาตกใจบ้วนหมากไม่สุด น้ำแดงย้อยคาคาง แต่น้องกี้ก็ทำเป็นไม่เห็น “หลวงตากำลังรอสวดมนต์ให้น้องกี้อยู่ค่ะ”
“อ้าว น้องกี้ยังไม่ถึงที่ทำงานเหรอ” เวลาอารมณ์ดีๆ พี่เก่งมักจะน่ารักเหมือนเด็กๆ “พี่นึกว่าน้องกี้จะได้ช่อดอกไม้ที่พี่ส่งไปให้พอดี เมื่อกี้พี่ถ่ายรูปส่งการ์ดไปให้ ได้เห็นรึยังจ๊ะ”
น้องกี้มุ่นคิ้ว เลื่อนนิ้วเปิดดู ปรากฏว่าภาพที่ส่งเข้ามาพลันให้หูตาเหลือก
สุขสันต์วันเกิดน้องกี้ ขอโทษอีกทีที่วันนี้เราคงไม่ได้เจอกัน
สัญญาว่าพรุ่งนี้บ้านของพี่จะจัดงานที่ดีที่สุดต้อนรับน้องกี้กับครอบครัวนะจ๊ะ
จาก...พี่เก่ง
“พะ...พี่เก่งขา” น้ำตาแทบจะไหล หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ “ขอบคุณมากนะคะ พี่เก่งให้เขาส่งดอกไม้มา...น่ะ...นานรึยัง”
เขาทำเสียงคิด “ก็น่าจะใกล้ถึงละนะ พี่กะเวลาว่าเราคุยโทรศัพท์กันจบ ดอกไม้ก็จะมาถึงน้องกี้พอดี”
คุณพระคุณเจ้า พระยะโฮวา และพระอิศวร! หัวใจตกใต้ตาตุ่ม แต่หัวคิดวิ่งเตลิดไปถึงออฟฟิศ
วันนี้คุณฐิตาไม่เข้าออฟฟิศเพราะต้องไปเริ่มศึกษางานที่โรงงานเพื่อโครงการซีเอสอาร์ ถ้าดอกไม้ไปถึงแผนกตอนนี้ คนที่รับย่อมไม่พ้นรักเร่ ฉะนั้นยังพอมีโอกาสที่พี่หมูและโดยเฉพาะคุณโชคจะไม่ทันรู้เห็นข้อความในการ์ดนี้!
ใช่! จะให้คุณโชคเห็นไม่ได้ ถ้าเขารู้ความจริงว่าวันพรุ่งนี้ งานแต่งคุณเนื้อแพรเผอิญตรงกับปาร์ตีที่พี่เก่งจะจัดให้เธอ คุณโชคจะไม่มีทางยอมให้น้องกี้ชิ่งแฟนเพื่อไปงานแต่งงานกับเขาชัวร์ๆ
น้องกี้ต้องรีบแล้ว
“พี่เก่งขา น้องกี้ขอบคุณมากนะคะ อย่าคิดมากเรื่องที่ยังไม่ได้จัดงานวันเกิดให้น้องกี้ ถ้าพี่เก่งไม่สะดวก เราเลื่อนเป็นสัปดาห์หน้า...”
“วันศุกร์นี้ทุกอย่างจะพร้อมสำหรับน้องกี้”
“บางทีเป็นวันอาทิตย์”
“วันศุกร์!”
“วันเสาร์ก็ยังโอเค”
“วันศุกร์ดีแล้วละโยม วันธงชัยมหัทธโนฤกษ์ เหมาะสำหรับงานมงคล นี่อาตมาก็ให้ฤกษ์คนจัดงานแต่งงานวันนี้ไปตั้งสี่คน”
“สี่คน!” ลูกศิษย์ตัวท็อปตาโปน “รวมถึงคุณเนื้อแพรด้วยรึเปล่าคะหลวงตา”
หลวงตาพยักหน้าอย่างภาคภูมิ แต่น้องกี้สิ ไม่อยากจะเชื่อว่าต้นตอปัญหานั่งพริ้มหน้าราวกับมีความสุขเสียเต็มประดาอยู่ตรงนี้!
“พี่เก่ง แค่นี้ก่อนนะคะ หลวงตาจะพูดกับน้องกี้” ไม่รอคำตอบ หญิงสาวตัดสาย
“พร้อมจะให้อาตมาสวดละนะ” หลวงตาคว้าตาลปัตรมาตั้งข้างหน้า
“เดี๋ยวค่ะ! ถ้าเปลี่ยนจากสวด เป็นโทร. แจ้งคุณเนื้อแพรให้เลื่อนวันแต่งงาน หลวงตาว่าจะยังทันมั้ยคะ”
หลวงตาทำหน้าเอือม พ่นลมก่อนกระแอมบ้วนหมาก กระชากเสียงว่า “ไม่ทัน”
ด้วยเหตุนี้สองนาทีถัดมา หญิงสาวจึงรีบกระวีกระวาดลงจากกุฏิ เธอคงต้องหาตัวช่วยอื่น และนาทีนี้ สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์กว่าบทสวดของหลวงตามีแค่หนึ่งเดียว
“หนูเร่!” เธอแทบตะโกนใส่หูโทรศัพท์ “พี่ดีใจที่หนูรับสาย” มัวทำบ้าอะไรอยู่ตั้งสองวิ หา!
“ขอโทษค่ะพี่แอ๊บ พอดีมีคนมาส่งของ เร่เพิ่งเดินไปรับมา”
“ส่งของ?” น้องกี้เสียงสูง “ดอกไม้ของพี่รึเปล่า”
“ทำไมพี่แอ๊บรู้คะ หวานมากจนเร่อิจฉาเชียวค่ะ”
“หนูเร่ คืองี้...”
มีเสียงโทรศัพท์ดังสอดเข้ามาทางปลายสาย คงมีใครโทร. เข้าที่โต๊ะทำงานในแผนก “เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะคะพี่แอ๊บ”
โอ๊ย!... กรีดร้องในใจ รีบเดินจ้ำออกจากวัด แถวนั้นมีหมานอนกระจายเต็มลาน พอน้องกี้ก้าวผ่านมันก็เด้งตัวลุกขึ้นเห่ากราวเกรียว ถ้าเป็นทุกทีน้องกี้คงหยุดก้าวด้วยใจระทึก แต่วันนี้หญิงสาวก้มหยิบอิฐเขวี้ยงใส่วงหมาแตกกระจาย
ในที่สุดปลายสายกลับคืน “พี่หมูโทร. มาเรียกค่ะ เร่วางดอกไม้ไว้ให้ที่โต๊ะพี่แอ๊บนะ...”
“เดี๋ยวจ้ะเร่ เดี๊ยว...”
“คะ?”
“พี่...พี่มีเรื่องอยากให้หนูเร่ช่วย...”
“แล้วแกก็ช่วยเขาเนี่ยนะ” มานพทำเสียงจึ๊กจั๊กขัดใจเพื่อน
รักเร่เพิ่งเล่าให้เขาฟังว่า ยัยรุ่นพี่หน้าม้าจอมแสบโทร. เข้ามาให้ช่วยเขียนการ์ดใหม่แนบในช่อดอกไม้แทนใบที่แฟนเจ้าตัวเขียนมา โดยเหลือข้อความแค่
สุขสันต์วันเกิดครับน้องกี้ คนดีของพี่เก่ง
หนุ่มหน้าหวานหันมองช่อกุหลาบบนโต๊ะทำงานของรุ่นพี่รายนั้น หันมาค่อนเพื่อน “แกควรจะปล่อยให้คุณโชคเห็นการ์ดจริง จะได้รู้ว่าชีวางแผนร้ายอะไรอยู่ ไม่ใช่มาทำอย่างนี้ นี่ฉันอุตส่าห์ลงทุนล็อบบี...”
คำชะงักเพราะมีเสียงฝีเท้าก้าวมาใกล้
“รักเร่” เสียงพี่หมูลอยมาก่อนตัว เจ้าของเสียงโผล่หัวรุงรังจากด้านหลังพาร์ทิชันเข้ามา “ทำไมช้าจังเลย พี่กับคุณโชครอคุยด้วย...” คำท้ายหายไปเพราะพี่หมูปรายตาเห็นช่อดอกไม้ ขณะเดียวกันซัปพลายเออร์หนุ่มไอทีร่างสูงใหญ่ก็ก้าวตามมาถึง
“พอดี...พอดีมีดอกไม้มาส่งค่ะ เร่เลยเสียเวลารับอยู่” เพื่อนสาวตอบด้วยหน้าเผือด เลื่อนลิ้นชักโต๊ะของพี่แอ๊บปิด
มานพมุ่นคิ้วหงุดหงิดใจ
“ดอกไม้ ให้ใครจ๊ะ” หัวหน้าก้าวมาเอียงหน้าดู
“ตายจริง! น้องเก่ง!” ปลายเสียงของพี่หมูแปร่งไปเล็กน้อยเหมือนตกหล่มคิดอะไรบางอย่าง “ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นส่งอะไรมาให้เลย ไม่รู้ตอนนี้งอนอะไรกันอยู่รึเปล่านะคะคุณโชค ดูสิ” มืออ้วนเหี่ยวปลดกระดาษออกมา “เขียนการ์ดเสียหวานหยดเชียว”
“อุ๊ย! พี่หมูแกะการ์ดของเขาเองเลยเหรอฮะ” มานพจิกพอขำ รักเร่จึงเอาศอกกระทุ้งจนเขาหันไปค้อน
พี่หมูหน้าเจื่อน เสไปว่า “การ์ดดูราคาถูกไปหน่อยเนอะ”
“ใช่ฮะ ยังกับการ์ดแบบที่บริษัทเราใช้แจกดีลเลอร์แน่ะ” มานพชี้นำ
ตลอดเวลาดังกล่าว เพื่อนร่างท้วมของเขานิ่งจับตา คงหยั่งเชิงว่าชายหนุ่มในฝันจะมีปฏิกิริยาอย่างไร มานพรู้ รักเร่อยากทราบความรู้สึกแท้จริงที่คุณโชคมีต่อพี่แอ๊บ
อย่างไรก็ดี สายตาคุณโชคว่างเปล่า ทั้งยังเลื่อนตามไปที่ลิ้นชักซึ่งรักเร่ยังปิดไม่สนิท
มานพแสร้งเหยียดมือเชื่องช้าไปผลักมันจนปิดสนิท แทนการตอกย้ำให้ผู้จ้องอยู่ยิ่งรู้จุดที่ควร ‘เจาะจง’
“อ้าว” เสียงอุทานดังจากผู้เข้ามาใหม่จากด้านหลังคุณโชค พี่ยาเดินหน้าย่นจนดูไม่ออกว่ากำลังอารมณ์ดีอยู่หรือไม่ ถามคำถามเจาะจงมาที่พี่หมูซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน “แอ๊บล่ะ”
“วันนี้เขาขอเข้าช้าหน่อยน่ะ มีอะไรรึเปล่ายา”
“โอ๊ย!” ซูเปอร์ซีเนียร์ฝั่งบัญชีสบถเสียงแหลม “คนนั้นก็ยังไม่เข้า คนนี้ก็ยังไม่มา เมื่อกี้นะ โทร. ไปหาโพรเจกต์ลีดเดอร์ พวกเซลส์โครับสายแทนบอกว่ามันออกไปต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน เราละขี้เกียจโทร. เข้ามือถือ”
สองวันก่อนในที่ประชุมเรื่องงานเลี้ยงส่งท่านประธาน หลังสร้างความวุ่นวายแล้วหายไปจากห้อง พี่คลังก็ถูกโยนตำแหน่งหัวหน้าโครงการให้เสร็จสรรพ เนื่องจากไม่มีใครอยากรับตำแหน่งดังกล่าว พี่ยาหน้าคว่ำอุบอิบว่าคนล่วงละเมิดเธอกลายเป็นผู้นำ ทว่าใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นแค่การแสดง เหตุที่ความจริงแล้วเธออาวุโสสุด ถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้ ยังไงพี่ยาก็ต้องถูกยัดเยียดให้รับหน้าที่หนักสุดแน่นอน ถึงตอนนี้เธอก็แค่วางก้ามเป็นมนุษย์ป้า ตามจิกงานคนนั้นคนนี้โดยที่ตัวเองลอยชายไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
“เราอยากรู้ว่ามีคนทำรายชื่อสำหรับสอบถามพนักงานรึยัง ว่าตกลงใครจะไปร่วมงานหรือไม่ไปบ้าง นี่จะมายัดเยียดให้ทุกคนต้องไปน่ะไม่ได้หรอกนะ จัดเลี้ยงให้ท่านประธาน แต่พนักงานต้องออกเงินกันเอง ไม่รู้บริษัทที่ไหนเขาทำกัน!”
พี่หมูมองลอดแว่นตา ตอบเสียงยะเยือก “ก็ถือว่าทำให้ท่านด้วยใจบ้างไงล่ะ”
“ใช้ความคิดใครเป็นคนตัดสิน!” สายตาหยั่งเชิงหยาบคาย “ใจเธอรึไงหมู”
รอยหยันในตาคนพูดฉุดพี่หมูหน้าตึง เชิดคาง “เดี๋ยวจะบอกให้แล้วกันนะ ไปเร่ ไปเข้าประชุมได้แล้ว เรื่องสำคัญ” คำท้ายคล้ายลงน้ำหนักใส่พี่ยา
มานพยิ้มขัน รอจนคุณโชคและรักเร่ก้าวตามคนพูดไปแล้วจึงสาวเท้าออกมาบ้าง หากต้องชะงักเพราะเสียงจิกกด
“นี่แก!” พี่ยาเท้าเอว เอียงคอ
แต่พนักงานรุ่นลูกทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินต่อ
“แกน่ะ ไม่ได้ยินเหรอ!”
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า แล้วหันหา “อะไรฮะป้า”
“ใครเป็นป้าแก!”
“แล้ว ‘แก’ คือใคร!” คำสวนตวัดกลับว่องไวเหมือนสายฟ้าฟาด ความหมายยอกย้อน “ผมชื่อมานพ มา-นพ!”
คนถูกสวนอึ้งไป ได้แต่ยืนหน้าตึงปากสั่นมองอีกฝ่ายก้าวจากอย่างไม่ยี่หระ ปกติไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเธออย่างนี้
ตอนที่น้องกี้กระหืดกระหอบมาถึงออฟฟิศ พี่หมูกับรักเร่ออกจากห้องประชุมแล้ว คนหนึ่งหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวเพื่อทำงานส่วนตัว...หมายถึงงานธุรกิจส่วนตัวที่ไม่ใช่ของแอ๊กซ์!...ส่วนรักเร่ก็ยุ่งขิงอยู่กับการป้อนค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของรถที่พนักงานขายใช้ทั้งหมดกว่าสองร้อยคัน เพื่อส่งต่อฝ่ายบัญชีให้ทันวันพรุ่ง
สาวร่างท้วมคงไม่รู้ตัวว่าเที่ยง ถ้าเพื่อนสนิทไม่เดินมาลากถึงโต๊ะ
เสียงเถียงล้งเล้งของเด็กทั้งสองค่อยๆ จางไป เหนือพาร์ทิชันหน้าแผนกก็มีดวงหน้าของคุณโชคโผล่มาลอยอยู่
น้องกี้ซ่อนยิ้ม แสร้งทำเป็นยุ่ง “อุ๊ย ขอโทษค่ะ วันนี้น้องกี้ยุ่งมากเลย คุณโชคเลยต้องเดินมาตามถึงนี่”
“เปล่า จะมาขอยืมกรรไกร” เขายกแขนล่ำใหญ่ขึ้น ชายแขนเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่มลายตารางมีเศษด้ายยื่นออกมา
รอจนน้องกี้เอื้อมไปเปิดลิ้นชักหยิบให้ ชายหนุ่มชะโงกดูข้างในแต่กลับไม่เห็นอะไรแปลกปลอม ในที่สุดเขาขมวดคิ้ว เบนสายตาไปยังตะกร้าขยะแทน ปรากฏว่าในนั้นมีเศษกระดาษการ์ดคนละสีกับที่พี่หมูยื่นให้ดูเมื่อเช้าถูกฉีกเป็นฝอย
น้องกี้ไม่พลาดการสังเกตเช่นกัน ทว่าแสร้งกระพือขนตาใส่ใสซื่อ “มีอะไรรึเปล่าคะคุณโชค”
เขายักไหล่หนา “น่าจะให้แฟนเธอลงรายละเอียดซะหน่อยนะ ว่าจะมีพาไปเลี้ยงข้าวเย็นนี้ที่บ้านด้วย พี่หมูเห็นเข้า คงเกรงใจเธออีกหลายขุม”
คุณโชคพูดตามความเข้าใจเดิม ที่น้องกี้เคยบอกเขาว่าพี่เก่งจะพาไปเลี้ยงวันนี้ ยังคงไม่รู้ว่าพี่เก่งขอเลื่อน
“ความจริงก็...”
คนเปิดประเด็นจ้องรอ
น้องกี้ยิ้มหวาน “ความจริงพี่เก่งก็จะเขียนค่ะ แต่ว่าน้องกี้เชื่อคุณโชค น้องกี้จะทำตัวดีๆ ไม่งัดข้อกับใคร น้องกี้เลยบอกห้ามพี่เก่ง”
คุณโชคเม้มปาก พยักยิ้มราวกับจะบอกว่า อย่าให้พลาดนะเธอ!
“เออ” เขาทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ ขณะที่น้องกี้หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาก้าวเคียงไปรับประทานกลางวัน “เมื่อเช้าพี่ผู้หญิงฝ่ายบัญชีเดินมาบอกให้เธอทำเรื่องรายชื่อคนจะไปร่วมงานอะไรสักอย่าง”
“อ้อ สงสัยพี่ยา” เธอคาดเดาแล้วหันมาขยิบตาให้ “ขอบคุณค่ะคุณโชค เดี๋ยววันนี้น้องกี้จะเลี้ยงเค้กนะ”
“กินกลางวันแล้วจะไปต่อกลางคืนกับแฟนเธอไหวเหรอ” เขายังไม่หมดลูกไม้
“คุณโชคก็กินเยอะๆ สิคะ แค่คุณโชคอวยพรให้ น้องกี้ก็อิ่มใจแล้ว”
“เลิกแอ๊ว เดินไปเร็วๆ”
“น้องกี้ยังปวดๆ ขาอยู่เลยค่ะ”
“คลานมะ”
“ไม่ค่ะ” คนตอบตอบฉะฉาน “น้องกี้ต้องพยายามบังคับตัวเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีคนเดินเข้างานแต่งคุณแพรเป็นเพื่อนคุณโชค”
“ฉันไม่ใช่เธอ เพื่อนฉันจะเดินด้วยมีเยอะแยะไป”
เย็นวันนั้น เพื่อความแนบเนียน น้องกี้ถึงกับหายตัวไปหลบสังคมในวัดเก่าโทรมค่อนข้างร้างคนแถบชานเมือง อุตริคิดไปว่าหลวงพ่อพระประธานอาจไม่ศักดิ์สิทธิ์นักคนจึงไม่เข้า แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังควักเงินทำบุญ (เหรียญสิบ) และขอพรเพื่อให้พรุ่งนี้ทุกอย่างราบรื่น เธอตัดสินใจแล้ว ยังไงก็จะไปงานแต่งคุณแพรพร้อมกับคุณโชค ส่วนเรื่องงานวันเกิด พี่เก่งก็รอไปก่อน!
น้องกี้ให้เหตุผลว่าทีเธอยังรอเขามาได้ตั้งนาน การเล่นตัวจะทำให้ดูมีค่า และเขาจะสบประมาทเธอไม่ได้อีกต่อไปว่าคบเขาเพราะอยากเข้าไปในบ้านหลังนั้น
กระนั้น ไม่แน่ใจว่าผลบุญที่ทำจะตั้งใจช่วยน้องกี้จริงๆ หรือไม่ ตั้งแต่เช้าของวันนัดหมาย หญิงสาวไม่ต้องวุ่นวายหาทางปฏิเสธพี่เก่งเลย ค่าที่มีเรื่องอื่นให้ต้องหัวหมุนแต่วัน พนักงานรายหนึ่งยื่นใบลาออกแล้วไม่ต้องการมาเหยียบที่บริษัทอีก ทั้งที่จริงตามกฎและมารยาทต้องให้เวลาบริษัทเตรียมการอย่างน้อยสามสิบวัน พี่หมูคร้านจะเจรจาจึงโบ้ยให้น้องกี้มาเกลี้ยกล่อมแทน
หญิงสาวโทร. สี่รอบรายนั้นยังไม่ยอมรับสาย รอบที่ห้ารับแล้วตะคอกกลับมายกใหญ่ ถ้าไม่คิดถึงคุณโชค เอ้ย ยึดคำสั่งของคุณโชคเป็นสรณะ เป็นไปได้ว่าน้องกี้อาจปรี๊ดแตกแล้วแหกกลับไปบ้าง
พูดถึงคุณโชค วันนี้เขาเองก็ไม่มา คุณเนื้อแพรขอร้องให้คุณโชคไปช่วยจัดงานเลี้ยงน้ำชาช่วงเช้าด้วย
ในที่สุดน้องกี้ก็สามารถเกลี้ยกล่อมให้พนักงานเจ้าปัญหามาทำหน้าที่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อเคลียร์งาน เธอกำลังภูมิใจกับผลงานและเริ่มฝันถึงชุดหล่อของคุณโชค ก็พอดีบ่ายแก่ พนักงานสาวแก่สวมชุดสีแก่แถเข้ามาหน้าโต๊ะ พี่ยาหน้ายุ่ง แต่ก็ยากจะเดาว่าอารมณ์ไม่ดีมาจากไหน เพราะจะว่าไปเธอไม่เคยอารมณ์ดีกับเรื่องไหนๆ ทั้งสิ้น
“ทำไมงานที่ฝากให้ทำเมื่อวันก่อนถึงยังไม่เข้าไปอยู่ในเมลของฉัน!” เธอกราดเสียงจนทั้งน้องกี้และรักเร่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สะดุ้ง
“ขอโทษค่ะพี่ยา น้องกี้ยุ่งมากเลยวันนี้ เดี๋ยวน้องกี้จะ...”
“วันนี้ยุ่ง?” หล่อนกระชากเสียงสูง “แล้วเมื่อวานเธอทำอะไรไม่ทราบ นี่คนแผนกนี้ฝากงานกันไม่ได้เลยใช่มั้ย!”
รักเร่ซึ่งนั่งโต๊ะอยู่มุมด้านในแผนกพลอยสะเทือน “ระ...เร่ลืมไปจริงๆ เร่ขอโทษค่ะ”
“ฉันไม่แปลกใจว่าทำไมลูกน้องเป็นอย่างนี้ เพราะขนาดตัวหัวหน้าเองก็ยังลืมเหมือนกันเลยนี่ ใช่มั้ย!” พี่ยาถลึงตาใส่คนตอบ รักเร่ถึงกับหดคอหนี
รุ่นพี่รีบแก้สถานการณ์ “พอดีวันนี้ตอนเย็นน้องกี้มีนัด เดี๋ยววันจันทร์...”
“วันจันทร์อะไร ฉันบอกจะเอาตั้งแต่เมื่อวาน!”
“แต่นี่ไม่ใช่งานด่วน”
“เธอเทียบอะไรว่าด่วนไม่ด่วน!”
“ความสำคัญ...”
“วันก่อนฉันไปให้ไอ้น้องฝ่ายไอทีมันทำตารางงานทั้งหมดมา นี่ร่อนอีเมลส่งทุกคน เธอคงไม่เคยเข้าไปเช็กเลยสิท่า เฮอะ! ไหนหัวหน้าเธอบอกนักหนาไง ว่าให้ทำเพื่อท่านประธานด้วยใจ” คนพูดชักแขนเท้าสะเอว “ไม่รู้ละ เดดไลน์ของฉันคือวันนี้ จะกี่ทุ่มก็ตาม เธอต้องทำส่งมาให้ฉัน”
น้องกี้ตาโต “พี่ยาไม่ใช่โพรเจกต์ลีดเดอร์งานนี้”
“เธอคิดว่าถ้าฉันเอาเรื่องไอ้ชีกอคลังขึ้นมา ใครล่ะจะเป็นลีดเดอร์แทน จะว่าไปฉันก็ยังไม่ได้เอาเรื่องเธอเลยนะ ข้อหาที่เป็นต้นเหตุให้ฉันต้องโดนไอ้บ้านั่นมันลวนลามน่ะ!”
“แล้วนัดสำคัญของน้องกี้ พี่ยาคิดว่าควรจะแก้ปัญหายังไงคะ” เธอเริ่มเสียงแข็ง คอตึงเป็นเส้นเอ็น
“จะให้บอกอีกเหรอว่าเธอต้องโทร. ไปแคนเซิล!”
เจ้าของนัดปากมือสั่น แต่ก็แค่ชั่วขณะนั้น เพราะคนฉลาดย่อมหาโอกาสได้จากวิกฤติ!
หญิงสาวหลบซ่อนวาวตา ตีหน้านิ่วขณะคว้าโทรศัพท์มือถือต่อสาย ไม่ลืมเปิดสปีกเกอร์โฟน “สวัสดีค่ะพี่เก่ง”
“น้องกี้” แฟนหนุ่มดี๊ด๊า “พี่กำลังอยากจะโทร. หาพอดี ตอนนี้ที่บ้านพร้อมแล้วนะ คุณแม่ก็เรียนคุณพ่อให้กลับมาไวกว่าปกติ เดี๋ยวอีกสักยี่สิบนาทีพี่จะออกไปรับน้องกี้กับแม่กับน้อง เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“พี่เก่งขา” เธอโอดฉะอ้อน “ขอโทษนะคะ น้องกี้จะบอกว่างานที่บริษัทมีปัญหา น้องกี้คงไปไม่ได้แล้...”
“งาน! งานอะไร!” ปลายสายตวาดจนขนาดพี่ยาที่ลอยหน้าฟังอยู่ยังผงะ “เดี๋ยวพี่จะโทร. ไปคุยกับพี่หมู ไม่รู้เรื่องเลยว่านี่นัดสำคัญ!”
“ขอโทษนะ!” ในที่สุดก็ถึงเวลาที่น้องกี้รอคอย พี่ยาแย่งโทรศัพท์จากมือเธอไปประกบหูตัวเอง ตะโกนจนน้ำลายกระเซ็น “นี่ไม่ใช่งานของคุณหมู และยังไงเจ้าของสมาร์ตโฟนถูกๆ เครื่องนี้ก็ต้องอยู่ทำงานให้ฉัน เพราะมันเป็นงานด่วนที่สำคัญกว่า”
“แกเป็นใครกัน!”
“อย่ามาถามคำถามนี้กับฉันนะไอ้บ้า!” พี่ยาตาเหลือกเหมือนผีเข้าขึ้นมาทันควัน ผีตัวที่บ้าอำนาจกว่าเก่า “ยกเลิกนัดไปซะ ฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง!”
จบคำมือเหี่ยวก็กระแทกปุ่มตัดสาย หน้าย่นโกรธจัด ปากสั่น เส้นเลือดปูดตุบบนขมับสองข้าง เจ้าตัวโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะของน้องกี้ “เอาเป็นว่าเธออยู่ทำได้ เพราะจะไม่มีอะไรรอเธออยู่ที่นั่นอีกแล้ว!”
น้องกี้เม้มปากด้วยมาดของนางเอกผู้ถูกรังแก แต่ที่จริงในใจตะโกนลั่น ขอบคุณสวรรค์!
พี่ยายังเอียงหน้าท้าทาย “อ้อ แต่บางทีอาจจะมีคนเก่งที่พอช่วยเธอได้นะ ไอ้เด็กผู้ชายปากหมาที่หัวเราะฉันในห้องประชุมวันนั้นไง โยนงานให้มันไปทำซะบ้างซี่ อยากจะเห็นเหมือนกันว่ามันจะเก่งได้สักกี่น้ำ”
จริงด้วย สัญชาตญาณประจำตัวสั่งให้ปรายตาไปยังโทรศัพท์ แต่พบว่ารักเร่จ้องอยู่ น้องกี้จำวางท่าเฉย สวมบทนางเอกคนเดิม “น้องกี้จะจัดการเรื่องนี้เองค่ะ”
“ดี๊...” คนสั่งขยี้เสียงแล้วกระแทกส้นสูงจากไป ลับหลังไม่ถึงนาที หน้าโต๊ะน้องกี้ก็มีคนโผล่เข้ามาใหม่
“เขามาทำอะไร”
ปากถาม แต่เห็นท่าแล้วรู้เลยว่าพี่หมูคงแอบดูมาตั้งแต่ต้น หัวหน้าของน้องกี้ก็อย่างนี้ มีครั้งไหนบ้างไม่กางลูกน้องเป็นหนังหน้าไฟ!
“พี่ยามาทวงงานที่ฝากคนในแผนกบอกน้องกี้ไว้เมื่อวานค่ะ” น้องกี้แอบฝังเขี้ยว แต่เสียงยังอ้อยส้อย “พอเห็นว่าจะทำไม่ทัน เธอเลยบอกพี่เก่งให้ยกเลิกนัดกับน้องกี้เย็นนี้ซะ”
“ว้า แย่เลยนะ” เห็นได้ชัดว่าพี่หมูแสดงไม่เนียนเท่าน้องกี้ บางทีเธอควรเข้าคอร์สครูเงาะ
ผู้เป็นหัวหน้าพยักหน้าไปทางรักเร่ “น้องเขาก็คงยุ่ง ช่วยไม่ได้ด้วย เร่เข้าไปหาพี่ในห้องหน่อยนะ มีเรื่องจะให้ทำ”
เรื่องที่คิดขึ้นมาเดี๋ยวนี้สินะ!
น้องกี้ไม่ว่าอะไร รอจนลับหลังรักเร่ที่เดินตามเจ้าของคำสั่งไป รีบยกโทรศัพท์ต่อเบอร์ภายในถึงมานพ
หญิงสาวปรุงเสียงกำสรดในระดับเด็กท็อปคลาสของทั้งหม่อมน้อยและครูเงาะ “น้องนพเหรอคะ เมื่อกี้พี่ยาเดินมาหาพี่ เธอไม่พอใจที่พี่ทำงานให้ไม่ได้ดั่งใจ แล้วก็อยากให้น้องนพทำแทน ใช่ค่ะ พี่เขาเป็นคนระบุชื่อน้องเองเลยนะคะ พูดชื่อแล้วก็...ปละเปล่า ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พอดีเมื่อกี้พี่นั่งอยู่กับรักเร่ด้วย...”
ความคิดเห็น |
---|