The Ace of Swords: หนึ่งดาบ ชัยชนะจากความเหนื่อยยากฟันฝ่า มีความอดทน แข็งกล้า |
ถึงวุฒิแค่ ป.๔ แต่คุณนายอิงบุญมารดาของน้องกี้ก็เปรื่องปราดขนาด วอร์เรน บัฟเฟตต์ชิดขวา เบนจามิน เกรแฮม ชิดซ้าย ตัวอย่างผลกำไรที่เก็งได้ชนิดใครๆ ต้องซูฮกก็คือ พ่อของน้องกี้!
ผู้ชายหล่อล่ำกล้ามโตที่มารอเกาะแขนคุณแม่สมัยนั้นก็เหมือนหุ้นระยะสั้นเก็งกำไร บางคน ‘หล่อ’ เพราะมีคน ‘ปั่น’ อยู่ข้างหลัง บางคนหวังฟัน บางคนโรคจิตกว่านั้นเพราะหวังแค่เพดานปาก แต่คนมองออกคือคุณแม่ผู้มีสายตาระยะไกล (ศัพท์เทคนิคเรียก ไฮเปอโรเปีย-สายตายาวโดยกำเนิด) คุณแม่อิงรู้ว่าผู้ชายสำอางร่างน้อย พูดค่อยแต่ครางกระหึ่มอย่างพระเอกลิเก บิดาน้องกี้ต่างหากคือหุ้นมูลค่า ราคาไม่โลดโผน แต่ปันผลระยะยาวแน่นอน
เห็นชัดจากตอนนี้ คุณแม่มีบ้านหนึ่งหลัง แม้ไม่ใหญ่ แต่ก็เคยเอาไปจำนองเป็นเงินได้พอสมควร ยังไม่นับหนึ่งสร้อยทอง สองเข็มขัดเงิน กับสามแหวนทองแดง ที่วิ่งผลัดสี่คูณร้อย หายจ้อยไปในโรงรับจำนำไชนีสโอเพ่น
คุณแม่เคยตั้งปุจฉากับสองธิดา ‘รู้มั้ย การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มที่สุดคืออะไร’
‘อะไรเหรอแม่’
‘อะไรเหรอ คะ-คุณ-แม่’ น้องกี้พยายามแทรกสอนน้องสาวเสมอ ทว่ามักมิใคร่ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกอีกสอง
‘การลงทุนที่ให้ผลคุ้มค่าที่สุดก็คือการทำบุญไงล่ะวะ’
‘อ๋อ น้องกี้เข้าใจแล้วค่ะ เวลาทำบุญแล้วเราก็จะสุขใจ หน้าตาแจ่มใส ใครๆ ก็อยากคบหาสนิทสนม ทำอะไรเลยสำเร็จราบรื่น เพราะมีแต่คนคอยค้ำจุนช่วยเหลือ’
แม่กับน้องมองน้องกี้เหมือนไม่เคยได้ยินภาษานี้มาก่อนในโลก และแล้วพูนลาภก็หันกลับไปยิ้มอ้อร้อให้แก่มารดา ‘ที่การทำบุญให้ผลคุ้มสุด เพราะลงทุนแค่ไม่กี่บาท แต่เราอธิษฐานขอได้อีกตั้งบานตะไทใช่มั้ยแม่’
‘พูนลาภลูกแม้... หนูนี่มันฉลาดได้แม่จริงๆ ลูกเอ๊ย!...’
‘อ้าว! แล้วที่บางทีอธิษฐานแต่ไม่สมปรารถนาล่ะคะ’
มารดาทำเสียงจึ๊กจั๊กเพราะคำถามของลูกคนโต พูนลาภเลยตอบแทน ‘ถึงตอนนั้น การทำบุญก็ยังจะทำให้เราสุขใจ หน้าตาแจ่มใส ใครๆ ก็อยากคบหาสนิทสนม ทำอะไรเลยสำเร็จราบรื่น เพราะมีแต่คนคอยค้ำจุนช่วยเหลือไงเล้า พี่ลัค!’
‘พูนลาภลูกแม้...หนูนี่มันฉลาดได้แม่จริงๆ ลูกเอ๊ย!...’
ด้วยเหตุนี้ นอกจากครอบครัวน้องกี้จะเป็นเจ้าแห่งความใจบุญ เจอขอทานควัก (เหรียญบาท) เจอตู้บริจาคควัก (เหรียญบาท) พวกเธอจึงยังลงทุนเบาๆ แบบอาศัยพลังธรรมชาติทุกทิศทาง
ดังเช่นกิจกรรมบนโต๊ะรับประทานอาหารขณะนี้ วิถีลงทุนแบบ ‘เงินต่อเงิน’ ของคุณนายอิงบุญกองล้นโต๊ะ คุณแม่ของน้องกี้ใช้เงินที่มีอยู่กวาดซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาทั้งตลาด แล้วตลอดเทศกาล ‘จับรางวัล’ น้องกี้กับพูนลาภก็จะมีอันต้องถือศีลอด ห้ามซด หรือซัดสิ่งใดนอกไปจากมาม่า!
‘อาหารชั้นดี มีธาตุเหล็กและวิตามินเอ!’
‘ดีเลยแม่! ต่อไปหนูจะได้ไม่เป็นโรคเหน็บชากับปากนกกระจอก’
‘นั่นมันบีหนึ่งกับบีสองค่ะ น้องลาภ!’
‘นังลัค ไปดุน้อง! บีหนึ่งบีสองนั่นมันกล้วยหอมจอมซน พูดขึ้นมาเดี๋ยวน้องมันก็อยากจะกินกล้วยอีกละ อย่ามาหาเรื่องให้โอกาสถูกรางวัลของข้าลดลง ช่วงนี้ฉันยิ่งดวงชงอยู่’
สมาชิกทุกคนจะช่วยกันเขียนชื่อสกุลแปะข้างซองเตรียมส่งไปรษณีย์ เคล็ดลับมีอยู่ว่า ผู้เป็นแม่จะตรวจชะตาสมาชิกในบ้านช่วงนั้นก่อนให้ค่าน้ำหนักตามความเฮงซวยด้วยตัวเลขหนึ่งถึงห้า จากนั้นนำไปคำนวณหาจำนวนป้ายชื่อที่เหมาะสำหรับแต่ละรายจากจำนวนซองที่มีอยู่ทั้งหมด คนเฮงมากย่อมมีป้ายชื่อมาก คนซวยมากย่อมมีป้ายชื่อน้อย หลังจากประกาศผลและเป็นกรณีที่คนในบ้านได้รับรางวัล ซึ่งส่วนมากก็จะได้รับ (ใหญ่บ้างเล็กบ้างก็ยังได้รับ เป็นคำยืนยันถึงการลงทุนสุดคุ้มด้วยการทำบุญแล้วอธิษฐานคูณร้อย ไม่เกี่ยวกับที่ส่งชิ้นส่วนไปเกือบเสี้ยวล้านเลยจริงๆ: คุณแม่อิงยืนยัน) มารดาของน้องกี้ก็จะมัธยัสถ์ด้วยการนำของรางวัลไปขายทอดตลาด จากนั้นนำเงินมาใช้แค่ส่วนเดียว อีกสามส่วนลงทุนต่อในด่านถัดไป
ฝาเป๊ปซี่!
‘รู้มั้ย ทำไมเราถึงต้องลงทุนในมาม่าก่อนฝาเป๊ปซี่’
‘รู้ค่า’ น้องกี้ยกแขนชิดหูตัดหน้าน้อง การโตมาในลักษณะ ‘ลูกชัง’ ก่อสัญชาตญาณขวนขวายพยายามเอาใจแม่ ยินดีลืมตรรกะและความเชื่อเก่า ลามเลยไปถึงเพาะธาตุริษยาและชอบเอาชนะ
‘ทำไม’ แม่ถามอย่างไม่อยากฟังเสียงเธอนัก
‘ก็เพราะว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีประโยชน์มากกว่าน้ำอัดลม ในกรณีที่เราไม่ได้รางวัลอะไรในด่านแรก อย่างมากเราก็แค่ผมร่วง เป็นโรคไต ยังไม่ถึงกับอ้วนป่องแต่กระดูกเปราะเพราะถูกกรดกัด’
แม่กับน้องมองน้องกี้เหมือนไม่เคยได้ยินภาษานี้มาก่อนในโลก และแล้วพูนลาภก็หันกลับไปยิ้มอ้อร้อให้มารดา ‘ที่ต้องลงทุนในเป๊ปซี่ทีหลัง ก็เพราะเป๊ปซี่มันเพิ่งจะมีโครงการจับฉลากใช่มั้ยล่ะแม่’
‘พูนลาภลูกแม้... หนูนี่มันฉลาดได้แม่จริงๆ ลูกเอ๊ย...’
หลังจากมาม่า เป๊ปซี่ โออิชิ เทสโก้โลตัส ฯลฯ ครอบครัวสำลียังลงทุนต่อไปเรื่อยๆ เมื่อหมดเทศกาลจับสลากรางวัลทุกชนิดในแต่ละปี คุณนายอิงบุญจะนำเงินส่วนที่เหลือจากการขายรางวัลชิ้นสุดท้ายทอดตลาดมาคาดการณ์เก็งกำไรในหน่วยลงทุนอื่นๆ ต่อ อาทิ หวย โป ไฮโล หรือไพ่ป๊อก การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรkdf»v£nlc;is±v©o,v;soก่อนการลงทุน (พิมพ์เร็วมากตามเสียงอ่านของโฆษก) ฉะนั้น หลังจากศึกษาความเสี่ยงจนสนิทเหมือนหนึ่งสหาย คุณนายอิงบุญจึงกระจายการลงทุนโดยหมกมุ่นใน ‘หวย’ เป็นเปอร์เซ็นต์ใหญ่ในพอร์ต
แต่เนื่องจากเย็นนี้ เมฆต่ำและฝนตก คุณแม่กับลูกสาวคนสุดท้องจึงกลับจากภารกิจหาเลขเด็ดไวกว่าทุกวัน น้องกี้เองเมื่อออกจากร้านอาหารแห่งนั้นมาไม่พบคุณโชค เธองุนงงจนไม่มีกะจิตกะใจจะไปอธิษฐานที่ไหนต่อ ครั้นกลับถึงบ้านก็พบแม่กับน้องกำลังนั่งแปะสลากชื่อกับซองมาม่า ไม่มีใครสนใจโทรทัศน์ขนาด ๒๑ นิ้วหลังตู้สูง ซึ่งแสดงภาพกลุ่มข้าราชการระดับสูงกำลังร่ายผลดำเนินงานอันเพริศแพร้วเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงในชีวิตประชาชน
“น้องกี้ไปพบพี่เก่งมาค่ะคุณแม่ แต่มีเรื่องนิดหน่อย” เธอวางกระเป๋าลงข้างโต๊ะด้วยความเหนื่อยอ่อน
คุณนายอิงบุญมีรูปร่างอวบขาว เค้าหน้าหวานเมื่อกาลก่อนถูกซ่อนในริ้วลายแห่งประสบการณ์ คุณแม่ยกขาข้างหนึ่งขึ้นจากใต้เก้าอี้ ชันเข่าโดยใช้หน้าแข้งยันขอบโต๊ะกินข้าวไว้ มือข้างหนึ่งยกเกาศีรษะดังแกรกๆ ข้างกันพูนลาภลูกสาวคนสุดท้องนั่งผอมโชว์ไหปลาร้าเหมือนเด็กขาดสารอาหาร
“มีอะไรก็เล่ามาสิวะ”
เห็นได้ชัดว่าพอจบคำนั้น ทั้งแม่ทั้งน้องก็หันไปสนใจโทรทัศน์พร้อมเพรียง
หญิงสาวเล่าละเอียดแต่ต้น ผลคือครั้งนี้เรื่องราวของเธอค่อนข้างน่าตื่นใจ ไม่ทันฟังจบ มารดาก็หันมาตวาดแว้ด “แล้วสุดท้ายแกก็ดันปล่อยให้แฟนอยู่กับนังผู้หญิงนั่นต่อไปเนี่ยนะ!”
“ค่ะ” น้องกี้พยัก “นี่พี่เก่งโทร. มาหลายที น้องกี้ก็ไม่ได้รับสาย”
คุณนายอิงบุญหงายหน้ายกฝ่ามือตีหน้าผากตัวเองดังเผียะๆ “โอ๊ย อยากจะบ้า! แกนี่มันเกิดมาชงกับฉันซะจริง ทำอะไรไม่เคยได้อย่างใจเล้ย ให้ตายสิวะ!”
เสียงเข้าหู แต่หาได้ดังต่อไปสู่โสตประสาทของน้องกี้
ภาพกองของชิงโชคตรงหน้าดึงภาพเก่าย้อนกลับขึ้นมาหลังม่านตา
สมัยมัธยมปลาย ครั้งหนึ่งคุณโชคมาพบน้องกี้กำลังสาละวนอยู่ในกองของเหล่านี้ เจ้าตัวงงงวยแล้วเรียกให้เธอไปช่วยเพื่อนๆ ทำรายงานต่อ แต่นอกจากไม่สำเร็จ เจ้าตัวยังถูกคุณแม่ของน้องกี้ขุดล่อให้มาช่วยลงแรงอีกต่างหาก
‘นังลัคมันยังทำงานไม่เสร็จ ถ้าอยากให้มันไปทำรายงานไวๆ ก็มาช่วยมันแปะสลากพวกนี้ก่อนปะไรล่ะพ่อ’
ขณะช่วยแม็กกระดาษป้ายชื่อติดซอง คุณโชคถาม ‘ทำไมมีชื่อเธอเยอะกว่าคนอื่น’
‘ก็คุณพ่อน่ะค่ะ’ เธอหันพยักไปยังบิดาที่นอนเจ็บออดๆ แอดๆ อยู่บนตั่งข้างโต๊ะกินข้าว ‘วันก่อนท่านนึกขึ้นได้ว่าอีกสองวันจะถึงวันเกิดน้องกี้ เลยถามว่ามีคนเตรียมของขวัญให้น้องกี้รึยัง คุณแม่ได้ฟังก็คิดว่าช่วงนี้เจ้าของวันเกิดน่าจะดวงดีที่สุด น้องกี้เลยมีชื่อเยอะที่สุดและต้องลงแรงมากที่สุดไปด้วย...’
ภาพในอดีตสะดุด ความฉุกใจบางประการสั่งมันวิ่งย้อนเหมือนหนังถูกกรอ เธอกดหยุดตรงจุดนั้น
...อีกสองวันจะถึงวันเกิดน้องกี้
หญิงสาวหรี่แล้วเบิกตา
ตอนอยู่ต่อหน้าพี่เก่งในร้านอาหาร คุณโชคร่ายถึงการคาดการณ์วันเกิดน้องกี้ยิ่งใหญ่คงเพราะตั้งใจข่มขวัญแฟนหนุ่มของเธอมากกว่า ถึงอย่างไรน้องกี้ก็ไม่โง่พอจะเชื่อจนหมดใจว่าเขาได้ทำจริง
บางที นี่ต่างหากที่ทำให้เขารู้!
อย่างไรก็ตาม ความอบอุ่นชุ่มฉ่ำคงกำจาย ภาพในอดีตของเขาซ้อนทับกลับมาอีก เด็กหนุ่มผอมดำ ผมแซมหงอก และหน้าสิวเขรอะ ดวงตาอยู่ใต้แว่นหนามีแววฉลาดเกินวัย น่าแปลกเหลือใจที่จู่ๆ ในความรู้สึกของน้องกี้ แม้แต่รูปนี้ก็ไม่อัปลักษณ์น่ารังเกียจอีกต่อไปแล้ว
ตอนนั้นเขาบอก ‘แทนที่จะนั่งแปะของชิงโชค สู้เอาเวลาไปทำงานไม่ดีกว่าเหรอ’
จำได้ว่าเธอตอบด้วยความคิดดูถูก ‘ไม่มีงานไหนใช้เวลานิดเดียวแล้วได้เงินตอบแทนเป็นหมื่นเป็นแสน หรือบางทีถึงขั้นล้านอย่างนี้หรอกนะคะ คุณพ่อไม่สบายหนัก ถ้าหากดวงของน้องกี้จะทำให้เราได้เงินมารักษาท่านจนหาย น้องกี้ก็พร้อมจะทำให้ดีที่สุด’
ประโยคตอนท้ายดูจะช่วยให้อารมณ์คนฟังเย็นลงหลังจากถูกค่อน เขาถอนใจ ‘แล้วเธอมั่นใจได้ยังไงว่าจะได้รางวัลแน่ๆ’
‘บ้านเราทำบุญตลอดค่ะ ยังไงผู้มีอำนาจเบื้องบนก็ต้องสมนาคุณคนทำดี’
‘ไม่รู้สึกว่านี่มันดูบิดเบี้ยว ลักลั่น ย้อนแย้งไปหน่อยเหรอ’
‘ตรงไหนคะ เป็นเหตุเป็นผลกันจะตาย!’
“...ผู้ประท้วงที่ตั้งข้อสงสัยเรื่องปมทุจริตของรัฐบาลได้ถูกจับกุมแล้ว โดยรัฐบาลจะดำเนินการไต่สวนความจริงจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบยุติธรรมและการจัดการความสงบเรียบร้อย...” เสียงจากหน้าจอโทรทัศน์ดังเรียกความคิดน้องกี้กลับมา พบว่ามารดากำลังแจกแจง
“ผู้ชายแบบตาเก่งแฟนแกนะ ต่อไปเขาจะเป็นที่พึ่งให้บ้านเราได้ ขนาดแกให้ประโยชน์อะไรไม่ได้เขายังเสียเวลามาคบตั้งนาน แอ้มก็ไม่ได้แอ้ม ค่าเสื่อมแกก็ไม่เคยต้องเสีย คนดีๆ แบบนี้จะหาได้ที่ไหนอีกเนี่ย”
น้องกี้พ่นลมหายใจ ถามโพล่งขึ้น “คุณแม่กับน้องลาภจำได้มั้ยคะว่าวันเกิดของน้องกี้วันที่เท่าไหร่”
ไม่มีใครตอบได้
น้องกี้ยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร ตอนที่ลุกจากมาได้ยินคุณแม่บ่นว่า “บ้าบออะไรของมัน คุยเรื่องหนึ่งดันเอาอะไรไม่รู้อีกเรื่องหนึ่งมาเกี่ยวกันได้”
คืนนั้นน้องกี้มัวกลิ้งมากลิ้งไปจนนอนไม่หลับ ไม่อยากยอมรับว่าเพราะตื่นเต้นที่จะได้เจอคุณโชคในวันถัดไป และแล้วเธอตื่นสาย แต่ก็ยังไม่วายเลือกเสื้อผ้าอยู่อีกสองนาน พยายามสร้างความมั่นใจในเสื้อเหลืองกับกระโปรงน้ำเงินแก่ก๊อปเกรดเอจากเอชแอนด์เอ็มตัวละร้อยเก้าสิบเก้า
ดูไม่รู้หรอกน่าถ้าไม่ใช่กูรูตัวจริง อีกอย่าง ก๊อปเกรดเอน่ะมันคือ ‘ของจริง’ สำหรับสาวออฟฟิศ สวมออกมาสวยกว่าของแท้ตั้งหลายเท่า!
หญิงสาวพบว่าตัวเองใจสั่นเมื่อมาถึงที่ทำงาน นึกขึ้นได้ว่าตอนออกจากบ้านลืมกำหนดก้าวเท้าขวานำเพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลเช่นทุกครั้ง ขณะละล้าละลังรำลึกว่าตกลงใช้ขาข้างไหนก้าวก่อนแน่ สองขาก็พามาเกือบถึงโต๊ะทำงาน สติหวนมาเมื่อพบว่าร่างของพี่หมูทะมึนอยู่ที่โต๊ะของเธอ ข้างกันคุณฐิตากำลังชวนหัวหน้าคุยน้ำไหลไฟดับราวกับไม่เจอกันมาหนึ่งกัป ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเชิญพี่หมูมาคุยตรงนี้
น้องกี้ยกมือกุมท้อง เดินลากขา ทำหน้าป่วย
“อ้าวน้องกี้” พี่หมูทัก ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเลื่อนให้ลูกน้อง “หน้าตาดูไม่ดี ไม่สบายเหรอ มาสายเชียว”
วรรคสุดท้ายมาพร้อมสายตารู้ทัน น้องกี้จึงยิ่งต้องเพิ่มเสียงครางตอนตอบว่า “วันนั้นของเดือนค่ะ”
“เอ๋ พี่จำได้ว่าเดือนนี้น้องกี้มาไปแล้วเมื่อ...” หล่อนนับนิ้ว “สองอาทิตย์ก่อนนี่”
คุณฐิตายิ้มขัน น้องกี้จึงยิ่งมั่นใจว่านี่คงเป็นแผนของเธอ จงใจรั้งพี่หมูไว้ให้เห็นว่าน้องกี้มาสายอีกแล้ว!
ด้วยดีกรีนักแสดงเจ้าบทบาท น้องกี้สามารถรักษาสีหน้าเรียบร้อยบ้องแบ๊วในระดับเดียวกับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ “ค่ะ น้องกี้เคยเซิร์ชข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เขาว่าเลือดออกสองครั้งห่างกันราวสองสัปดาห์อย่างนี้ ครั้งที่เลือดออกน้อยกว่าอาจเกิดจากการตกไข่ จากนั้นช่วงที่เยื่อบุมดลูกลอกก็จะมีเลือดออกมาอีกตามปกติค่ะ จริงๆ ควรไปหาหมอ แต่น้องกี้ยังพอทนได้ ไม่อยากรบกวนพี่หมูขอใช้วันลา”
“อ๋อ” หัวหน้าพยัก ดึงมือกลับ ระหว่างนั้นน้องกี้เชื่อว่าหล่อนจงใจลดนิ้วชี้เหลือแต่นิ้วกลาง
น้องกี้นั่งลง
หัวหน้ายังคงไม่วาย “ตอนเซิร์ชหาข้อมูลนี่อยู่ในเวลางานรึเปล่าจ๊ะ”
พอน้องกี้ผงะ หล่อนก็ทำหน้าสาแก่ใจ
“แหมพี่ล้อเล่น” พี่หมูวางมือใหญ่ลงบนบ่าของน้องกี้อย่างแสนเสแสร้ง “ตามไปคุยกับพี่ในห้องเดี๋ยวนึงนะ”
“แต่ว่า...” น้องกี้ลากเสียง ใช้สายตาชี้ไปทางห้องประชุมที่แน่นอนว่าคุณโชคกำลังรอเธออยู่
“รักเร่ซัปพอร์ตเขาอยู่ เธอไม่ต้องห่วง” คุณฐิตาให้คำตอบแทน
พี่หมูจึงเลิกคิ้ว ยกริมปาก จากนั้นก็หันหลังก้าวนำน้องกี้เข้าห้องทำงานที่อยู่ห่างออกไป
น้องกี้ตามมาด้วยอาการเซ็ง อุตส่าห์จินตนาการว่าจะได้พบคุณโชคแต่เช้า กลับถูกเรียกเข้าห้องเชือด หลังจากปิดประตูกระจกและนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าพี่หมู คนเป็นหัวหน้าก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอันไม่เป็นธรรมชาติ
“น้องกี้มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“ปัญหา?”
“มีอะไรก็บอกพี่ได้ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล น้องกี้เป็นลูกน้องของพี่ ส่วนน้องเก่งแฟนของเราก็เป็นลูกชายของผู้ใหญ่ที่พี่สนิทสนม”
สัก เต็ง รัง พี่หมูกำลังจะมาไม้ไหนคะ
เห็นน้องกี้ไม่พูดอะไร อีกฝ่ายจึงดึงมือสองข้างมาประสานใต้คาง ศอกวางเท้าโต๊ะ สายตาพริ้มอุ่น “เมื่อคืนน้องเก่งโทร. หาพี่ ฝากบอกให้น้องกี้โทร. หาเขาด้วย”
อย่างนี้นี่เอง!
ไม่คิดว่าพี่เก่งจะใช้วิธีนี้ ถึงคราวที่น้องกี้เป็นต่อเขาก็ยังไม่ยอมแสดงมานะ กลับโทร. สั่งม้าใช้ที่มีอิทธิพลกว่ามาบังคับเธอแทน
แต่ก็เพราะคือพี่เก่ง อย่างน้อยนี่ยังยืนยันว่าเจ้าตัวกำลังนั่งไม่ติดที่ อำนาจของน้องกี้กำลังหวนมา!
พี่หมูได้รับคำสั่งนี้ก็คงเท่าทันในข้อนั้นด้วยเช่นกัน ดูจากการวางก้าม กางปีก หวังข่มขวัญให้น้องกี้เข้าใจผิดไปอีกทางอย่างนี้!
น้องกี้ยังทำตาซื่อใสเมื่อเอ่ยคำใหม่ “พี่หมูได้ถามพี่เก่งมั้ยคะ ว่าถ้าน้องกี้ยังไม่ว่างจะโทร.กลับไปล่ะ”
พี่หมูสะดุดหน้าเผือด ก่อนเลือดค่อยสูบฉีดจนแดงก่ำเพราะรู้ว่ากำลังถูกย้อนเกล็ด
คนย้อนเกล็ดพูดต่อ “แหมน้องกี้ล้อเล่นค่ะ” เธอจงใจใช้คำเดียวกับที่หัวหน้าใช้เมื่อครู่ “คนรักกันก็ต้องมีเวลาง้องอนเพื่อจะได้จู๋จี๋กันเป็นธรรมดา ถ้าน้องกี้ว่างเมื่อไหร่จะโทร. กลับไปนะคะ”
“น้องกี้ยุ่งอะไรเหรอจ๊ะ” เสียงพี่หมูยังหวาน แต่ตาเริ่มแข็ง
“อืม” หญิงสาวทำแก้มป่อง ยกนิ้วชี้แตะแก้มเบาๆ “สกิลดีเวลลอปเมนต์น่ะค่ะ”
น้องกี้หมายถึงการจัดเตรียมเอกสารประกอบการฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งจำเป็นต้องยื่นส่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้ทันภายใน ๖๐ วันหลังการจัดฝึกตามกฎหมาย
“ตอนนี้น้องกี้มีโพรเจกต์กับคุณโชคเพิ่มเข้ามา น้องกี้กลัวว่าจะทำไม่ทัน”
คนฟังนั่งตัวพองเป็นอึ่งอ่างอัดลม ก่อนค่อยๆ ปล่อยลมออกมาเสียงดังฟืดจนปีกจมูกบาน “โทร. หาพี่เก่งเขาซะนะจ๊ะ ส่วนเรื่องสกิลฯ ไม่ต้องห่วง พี่จะหาคนจัดการแทนให้”
รักเร่ไม่ใช่คนหน้าตาไม่ดี
หญิงสาวรายนี้มีดวงตากลมโตหวานเศร้า คิ้วคางปากจมูกรับกันพอเหมาะ เสียแต่ตามใจปากจนไขมันส่วนเกินถามหา การเคลื่อนไหวเชื่องช้า ความคิดก็ยิ่งช้าจนคู่สนทนาใจร้อนมักจะรำคาญ
จากชุดลายจุดแก่ประหลาดที่ทำให้เจ้าตัวยิ่งบวม วันที่สองที่โชคบดีมาเยือน ชายหนุ่มพบว่าเธอเปลี่ยนลุคใหม่จนดูสวยสมวัย ทั้งยังพรางสายตาให้ดูรับหุ่นมากขึ้น หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้มาใกล้เขาขณะแนะว่าบริษัทมีความต้องการเกี่ยวกับระบบไอทีของแผนกเอชอาร์อย่างไรบ้าง
“คุณโชคพิมพ์ไวมาก” เธอชม ตาเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มย้อยก็เป็นประกายเพราะลิปสีชมพูอ่อน “เหมือนพี่แอ๊บเลย ทำอะไรเร้วเร็ว แป๊บเดียวก็เสร็จ”
ครู่ก่อนเขาสงสัยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ที่นี่เรียกน้องกี้ว่าแอ๊บ รักเร่ให้คำตอบว่า
‘มารยาทพี่แอ๊บงามเหมือนนางเอกช่องสามค่ะ’
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่วายหัวเราะ
“คุณโชคกับพี่แอ๊บเคยเรียนพิมพ์ดีดด้วยกันมาก่อนเหรอคะ”
ชายหนุ่มยกมุมปากสูง “ทำไมคิดงั้นล่ะครับ”
แค่เขาหันสบตาแวบเดียว สาวร่างหนาก็ทำท่าเหมือนจะเสียวสะท้าน “ก็พี่หมูบอกว่าคุณโชคกับพี่แอ๊บเคยรู้จักกันมาก่อน”
“เราเคยเรียนห้องเดียวกันสมัยมัธยมปลายน่ะครับ”
“คงสนิทกันมาก?”
คราวนี้คู่สนทนาแค่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่เพราะไม่หันผละจากหน้าจอ รักเร่จึงไม่มีทางเห็นหรือเดาได้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไร
“เร่เห็นเมื่อวานเย็นพี่แอ๊บเรียกแท็กซี่ออกไปกับคุณโชคน่ะค่ะ ปกติพี่แอ๊บจะออกงานไวไปไหว้พระ แต่เมื่อวานรอจนคุณโชคทำงานเสร็จแล้วถึงออกไปต่อด้วยกัน”
ชายหนุ่มนิ่งลง ไม่ทันตอบก็มีเสียงสอดจากคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา “บ้านเราอยู่ละแวกเดียวกันน่ะค่ะ”
“พี่แอ๊บ!” แม้แต่เสียงอุทานของรักเร่ก็ยังฟังดูไม่เหมือนคนตกใจ “มาแล้วเหรอคะ เร่กำลังคุยงานกับคุณโชคถึงหัวข้อ...”
“เดี๋ยวคุณโชคจะบอกพี่เองค่ะ” น้องกี้ก้าวกระฉับกระเฉงผิดมาดนางเอกตรงมาที่รุ่นน้อง เป็นสัญญาณให้รักเร่ลุกขึ้นซะที “เร่รีบออกไปดีกว่า พี่หมูรออยู่ที่ห้อง”
ทั้งยังงงวย รักเร่จำหุบปาก พยักแล้วกวาดข้าวของของตัวเองออกไป ถึงกระนั้นเมื่อเดินไปเปิดประตูแล้วก็ยังไม่วาย “จำได้ว่าบ้านพี่แอ๊บอยู่แถวเจริญกรุง บ้านเร่ก็อยู่แถวถนนตกค่ะคุณโชค เลยไปนิดเดียวเอง ทีหลังเร่ขอกลับบ้าน...”
คำพูดสะดุดเพราะน้องกี้จ้องตา
รักเร่จำพยักหน้า “ค่ะพี่แอ๊บ”
รอจนประตูปิดสนิท น้องกี้ส่ายหัว “เด็กคนนี้!”
“น่าสงสารนะ” คุณโชคยังคงรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ สายตาจ้องจอ “เขาเล่าว่ากำพร้าแต่เด็ก อยู่กับป้า กว่าจะเรียนจบก็ต้องช่วยป้าทำงานแลกค่ากินอยู่เล่าเรียน”
ต้องพยายามมากกว่าปกติเพื่อน้องกี้จะไม่เบ้ปาก “น่าสงสารป้าเขามากจริงๆ ค่ะ หลานกินซะอ้วน”
“ถ้าคนเรากินแรงแล้วอ้วน เธออาจจะยิ่งกว่าเขา”
คราวนี้น้องกี้ยิ้ม “คนเราล้อกันเล่นเพราะชอบพอกันค่ะ น้องกี้เข้าใจ”
ชายหนุ่มพยัก “เป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก เธอคงอารมณ์ดีเพราะว่าหมอนั่น...”
“น้องกี้มาคิดๆ ดูแล้ว...” เธอแทรกเสียง “คุณโชคไม่น่าลงทุนเซิร์ชและวิเคราะห์อะไรต่อมิอะไรจนรู้ว่าวันเกิดของน้องกี้เป็นวันที่เท่าไหร่กันแน่”
“เธอคิดว่าไงล่ะ” เขายอมเปลี่ยนเรื่องตาม
“น้องกี้จำได้ว่า สมัยก่อนคุณโชคเคยไปบ้านน้องกี้ตอนที่เรากำลังติดสลากชิงรางวัลพอดี ตอนนั้นน้องกี้เล่ารายละเอียดจนคุณโชคน่าจะพอจับความได้ว่า น้องกี้เกิดวันที่สามสิบมิถุนา บางทีคุณโชคอาจจะยังจำได้”
อีกครั้งที่เขาพยัก “เป็นคนมองโลกในแง่ดีมากจริงๆ ด้วย” มือใหญ่ค่อยๆ หมุนเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนโต๊ะประชุมหันมา หน้าจอแสดงฐานข้อมูลประวัติพนักงานที่เขานั่งทำตั้งแต่วันก่อน วันเดือนปีเกิดของน้องกี้แสดงหรา
“ค่ะ” อีกทีที่เธอยิ้ม “คนเราล้อกันเล่นเพราะชอบพอกัน น้องกี้เข้าใจ”
ห้องเงียบลงจนคุณโชคเริ่มเอะใจ ต่อเมื่อผินหน้ามาเห็นว่าเธอยังยิ้ม เขาเลยพูด “ผีเข้ารึไง จ้องหน้าคนอื่นแล้วยิ้มอยู่ได้”
“ก็น้องกี้มีความสุขนี่คะ” ทำไมถึงมีความสุขล่ะ เธอขุดหัวข้อที่ใช้มาอ้างกับตัวเอง “เมื่อวานน้องกี้ไม่ได้กลับไปกับพี่เก่งหรอกค่ะ ตอนแรกวิ่งตามคุณโชคออกมา แต่ว่าคุณโชคหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ น้องกี้เลยกลับบ้าน พี่เก่งโทร. เข้ามาเป็นสิบสายแต่น้องกี้ก็ไม่รับ ไม่รับเลยสักสายนะคะ”
“เล่นตัวมากไปไม่กลัวแฟนชิ่งอีกเหรอ หมอดูยิ่งบอกว่าจะขึ้นคาน”
น้องกี้ทำเหมือนไม่ได้ยิน “เมื่อคืนเขาก็เลยโทร. ไปบังคับพี่หมูให้สั่งน้องกี้ติดต่อเขากลับค่ะ ตอนที่บอกน้องกี้ พี่หมูงี้หน้าเหี่ยวเชียว เพราะเธอแพ้น้องกี้แล้วอีกหนึ่งประตู!”
“นี่น้องกี้” ครั้งแรกจริงๆ ที่คุณโชคยอมวางมือแล้วหันมาจ้องตรง
“ขา?”
“ไม่ต้องยื่นหน้ามาขนาดนี้”
“ค่ะ”
รอจนเธอดึงคอกลับ คู่สนทนาจึงถอนใจ สีหน้าจริงจังมากขึ้น “อะไรก็ตามที่ทำที่นี่ เธอควรจะระวังคนร่วมงานของตัวเองไว้สักหน่อยนะ”
“คะ?”
“ฉันหมายความว่า วิธีทำงานแบบ ‘สร้างสรรค์’ ของเธอ มันกำลังบั่นทอนความสัมพันธ์กับทุกคน และไม่ว่าเธอจะรู้ตัวหรือไม่ นั่นแหละที่ทำให้เธอต้องยึดยื้อนายกำยำเกินจำเป็น” เขากลืนน้ำลาย “ออฟฟิศซินโดรมประเภทหนึ่งเรียกว่า ‘โรคกลัวถูกเลื่อยขาเก้าอี้’ อาการของมันกำเริบโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว จิตใต้สำนึกถึงสั่งให้พยายามยึดหมอนั่นเป็นหลัก เพราะคิดว่าเป็นทางเดียวที่จะรักษาอำนาจต่อรองในอาชีพของตัวเองไว้ได้”
น้องกี้จ้องเขาอย่างสงกา หลังม่านตาผุดภาพเพื่อนร่วมงานสาวพยายามรั้งหัวหน้าให้ประจันหน้าน้องกี้ที่มาสาย
‘หรือคุณฐิตากำลังคิดจะทำอะไร’
“หนูเร่เข้ามาบอกอะไรคุณโชคเกี่ยวกับคุณฐิตาคะ”
คราวนี้เป็นคุณโชคที่จับใจความไม่ถูก หัวคิ้วมุ่น
แต่เธอไม่จำเป็นต้องคอยให้เขาตอบ “คุณโชคไม่จำเป็นต้องสนใจ แล้วน้องกี้ก็ไม่คิดจะสนใจด้วยเหมือนกัน คุณฐิตวรรณอาจมีนมกับก้นใหญ่ แต่สมองของเธอเล็กแค่หัวไม้ขีดไฟ เธอทำอะไรน้องกี้ไม่ได้ง่ายๆ หรอกค่ะ อย่างน้อยนั่นเพราะว่าน้องกี้จะหาทางลอบกัด เอ้ย จัดการเธอก่อน!”
คุณโชคอ้าปากค้าง จากนั้นหุบลงในลักษณะเหยียดมุมจนริมฝีปากดูเม้มเป็นเส้นตรงเอือมๆ แล้วส่ายหัว “ดูนี่นะ”
คนพูดเอี้ยวหยิบเหรียญสองบาทออกจากกระเป๋ากางเกง วางบนนิ้วโป้งเหนือกำปั้น พยักให้น้องกี้จับตาให้ดีก่อนเด้งเหรียญแล้วตบลงกับหน้าโต๊ะ
“ก้อย! หมายความว่าไงคะ”
เจ้าของเหรียญมองหน้าอีกฝ่ายอย่างประเมิน
“หรือว่าน้องกี้ควรจะจ่ายค่าครู” หญิงสาวกระวีกระวาดหยิบกระเป๋าสตางค์ แต่ต้องชะงักเพราะ
“เธอจะไม่มีโอกาสนั้น”
น้องกี้งงชะงักเหมือนหนังดีวีดีถูกกดหยุด ก่อนหลุดภวังค์ ยื่นมือวางแบงก์ห้าสิบ “นี่ไงคะค่าครู”
‘ทำไมจะไม่มีโอกาส’
“ไม่ใช่”
“ร้อยนึงก็ไม่บอก”
“ฉันหมายความว่า เธอจะไม่มีโอกาสจัดการใครอีกต่างหาก ดูนี่...” ปลายเล็บสีชมพูดูสุขภาพดี แถมตัดมนสั้นสะอ้าน ชี้ลงที่ภาพนูนต่ำด้านหลังเหรียญ
“เขาวังเหรอคะ”
“ภูเขาทอง!”
‘ไม่เห็นต้องดุ’
“ภูเขาก็เหมือนอุปสรรค เธอจะต้องพบความยากลำบากหากยังทำตัวแบบเดิม อาจจะ...อาจจะ...”
“ตกภูเขา?”
“ใช่ๆ ตกภูเขา”
‘ให้ตายสิ มันอย่างนี้นี่เอง เป็นอันว่าน้องกี้รู้แล้ว เมื่อเช้าเราคงก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้าน!’
“แล้วน้องกี้จะต้องแก้ยังไงคะ”
“รูปวัดอยู่ข้างบน หมายถึงเธอต้องพยายามสร้างกุศล...”
“น้องกี้ไปทำบุญบ่อยๆ แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระแทบทุกคืน”
เขาพูดต่ออย่างเพียรระงับใจ “เธอต้องทำดีกับคนที่นี่ เห็นมั้ย วัดเหนือขุนเขา เธอจะต้องทำดีกับพวกเขา เลิกคิดแผนการร้ายกาจ ฉันหมายถึง ลืมแผนการสร้างสรรค์ต่างๆ นานาของเธอไปได้เลยนับตั้งแต่นี้”
“ทำไมยากจังคะ” เธอพ้อเสียงสูง “พอจะมีวิธีสะเดาะเคราะห์เป็นทางลัดอย่างอื่นบ้างมั้ย”
“เสียใจ ภูเขาทองไม่มีเคเบิลคาร์”
คงเพราะเห็นหน้าสวยๆ ของน้องกี้ประหวั่น ทูตสวรรค์จึงเริ่มอ่อนใจปลอบขวัญ “ผู้หญิงคิดบวกอย่างเธอควรจะดีใจนะ อย่างน้อยเงินบาทก็ใช้แค่ภูเขาจำลองลูกเตี้ยๆ เพื่อนต่างชาติของฉันคนหนึ่งเคยเป็นลมทันทีที่เห็นผลคำทำนาย”
“เขาหิวข้าวจนตาลายเหรอคะ”
“มันเป็นคนเนปาล! เหรียญสองรูปีของที่นั่นใช้รูปซาการ์มาร์ธา หรือที่เรารู้จักกันในนามว่าเอเวอเรสต์!”
“น้องกี้ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี” เธอหน้าม่อย “เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้วันเสาร์ เราไปทำบุญด้วยกันดีมั้ยคะ เผื่อน้องกี้จะสบายใจขึ้น”
“ความดีกับความสามารถของตัวเองต่างหากที่ช่วยให้คนเราสบายใจ ไปคอยขอพรจากที่ไหนๆ แสดงว่าเธอเป็นคนไม่มั่นใจแล้วก็ไม่รู้จักพึ่งตัวเอง”
“เทศน์ยังกับพระ”
เขาพ่นลมหายใจ “กี่โมงล่ะ ปกติเสาร์เช้าฉันไปวิ่งที่สวนลุมก่อน”
“ไปวิ่งกับคุณโชคตั้งแต่เช้าเลยแล้วกันค่ะ น้องกี้ก็ชอบวิ่ง”
ตั้งนานที่เธอไล่ล่าพี่เก่ง วิ่งตามผู้ชาย เป็นการออกกำลังกายชั้นเยี่ยม
ความคิดเห็น |
---|