7

ตอนที่ 7


 

7

“งานเปิดตัวห้างใหม่สัปดาห์หน้า ทุกอย่างพร้อมหรือเปล่าเจ้ารอง” เจ้าสัวก้องภพเอ่ยถามบุตรชายคนรองในช่วงเวลาอาหารเช้า

“เรียบร้อยครับคุณพ่อ” คุณรองตอบบิดาก่อนจะหันไปมองหน้าพี่สะใภ้ “ส่วนเมนูขนมที่น้องบัวส่งมา พี่ชอบขนมช่อม่วง ที่ชอบนี่คือชอบกินด้วยนะ แล้วรูปแบบขนมก็สวยด้วย”

“ได้ค่ะพี่รอง วันงานบัวจะโชว์ทำขนมช่อม่วงนะคะ” บัวบูชาตอบน้องชายสามี ก่อนจะหันไปรับกระท้อนลอยแก้วที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ มาจากมินตรา “ขอบใจจ้ะน้องมิน ไม่รู้เป็นอะไร อยากกินตั้งแต่เมื่อคืน” ว่างพลางวางชามใส่กระท้อนลอยแก้วลงแทนที่ชามข้าวต้มที่เธอเพิ่งขยับไปวางไว้ด้านข้างสามี ส่งผลให้ทุกคนบนโต๊ะมองตามคนที่อยากรับประทานของเสาะท้องตั้งแต่เช้าแบบนี้ด้วยความสงสัย

“น้องบัว ทำไมไม่ทานข้าวต้มให้หมดก่อนครับ” คุณใหญ่เลื่อนชามกระท้อนลอยแก้วออกไปไว้ด้านข้าง แล้วขยับชามข้าวต้มกลับไปวางที่เดิม บัวบูชาเอียงคอมองการกระทำของสามีก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาเหมือนน้ำล้นเขื่อน ผู้เป็นสามีอ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองทุกคนบนโต๊ะอาหาร ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในภาวะตกใจกับอาการบ่อน้ำตาพังของบัวบูชาเช่นกัน กฤตนัยร้อนรนระคนทำอะไรไม่ถูก เพราะตั้งแต่อยู่กินกันมา บัวบูชายังไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“น้องบัวขา เป็นอะไรไปคะ ทำไมร้องไห้แบบนี้ หืม” คุณใหญ่โอบไหล่ภรรยาให้มาซบแนบอก

“ก็พี่ใหญ่ดุบัว” บัวบูชาตอบเสียงสะอึกสะอื้น คุณหมอกลางมองอาการของพี่สะใภ้อย่างใช้ความคิดและประมวลอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้บิดาและมารดาที่กำลังนั่งตะลึงอยู่ตรงหัวโต๊ะ

“พี่ไม่ได้ดุครับ แค่อยากให้ทานข้าวก่อน พี่ขอโทษนะครับ หยุดร้องนะคนดี” ถึงแม้นว่าจะยังคงมึนงงกับอาการของภรรยา แต่ในสถานการณ์แบบนี้ คำว่าขอโทษน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เมื่อสามีกอดปลอบและขอโทษ บัวบูชาจึงพยักหน้าน้อยๆ แล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออก ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาตักกระท้อนในชามเข้าปากด้วยท่าทีเอร็ดอร่อยเสียเต็มประดา แถมยังเคี้ยวตุ้ยๆ พร้อมกับอมยิ้มจนแก้มปริ คล้ายกับว่าไม่เคยผ่านการร้องไห้มาก่อนแม้แต่น้อย

“น้องบัวยังโอเคดีอยู่ใช่ไหมครับพี่กลาง” คุณเล็กเอาข้อศอกกระทุ้งพี่ชายฝาแฝด แต่นอกจากคุณหมอกลางจะไม่สนใจตอบแล้ว ยังเอาแต่นั่งอมยิ้มมองพี่สะใภ้ที่กำลังมีความสุขกับการรับประทานกระท้อนลอยแก้วอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกด้วย

“พี่รองครับ ที่เพิ่งไปทำบุญมา ได้ของดีอะไรมาบ้างครับ ผมขอเอามาพกติดตัวบ้าง ท่าทางจะมีอะไรผิดปกติกับคนในบ้านเราแล้วละ ผมใจคอไม่ดีเลย” ในเมื่อพี่ชายฝาแฝดอาการไม่อยู่กับร่องกับรอยอีกคน คุณเล็กจึงค่อยๆ ขยับเก้าอี้แล้วเดินไปกระซิบคุณรองเพื่อขอความช่วยเหลือ

“หมอกลางยิ้มอะไรคนเดียว เจ้าเล็กมันหลอนแล้วเนี่ย” คุณรองสะกิดถามน้องชายคนกลาง แต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มกลับมาเช่นกัน

“น้องบัวยังให้นมใบบุญเองหรือเปล่าครับ” คุณหมอกลางเอ่ยถามขึ้นทันทีที่บัวบูชาขยับชามเปล่าตรงหน้าออก นั่นหมายความว่าเธอได้จัดการย้ายกระท้อนลอยแก้วไปไว้ในกระเพาะน้อยๆ ของเธอจนหมดแล้ว หญิงสาวทำท่านึกก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก เพราะเธอเองก็กำลังเป็นกังวลเรื่องนี้อยู่เช่นกัน

“ยังให้ค่ะพี่กลาง แต่ตอนนี้มีน้อยมากจนบัวเองก็กลุ้มใจ ดีนะคะที่ช่วงก่อนบัวปั๊มเก็บไว้เยอะ”

“ที่เก็บไว้คิดว่าน่าจะมีให้ใบบุญกินได้จนถึงเมื่อไหร่” คุณหมอของบ้านยังคงซักต่อ

“ตอนนี้ใบบุญกำลังจะเก้าเดือน ที่มีเก็บไว้ก็น่าจะถึงสักขวบนิดๆ ค่ะ”

“ก็ยังดีครับ ยังไงพี่จะช่วยหานมผงมาไว้ลองชงเสริมให้ใบบุญกินควบคู่ไปด้วย”

“ขอบคุณค่ะพี่กลาง” บัวบูชาอมยิ้ม

“กระท้อนหมดแล้ว ทีนี้ทานข้าวต้มต่อนะครับ” คุณใหญ่ขยับชามข้าวต้มไปให้ บัวบูชาหันมาส่งยิ้มหวานให้สามี ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจกินข้าวต้มตรงหน้าต่อ

“วันนี้พี่ใหญ่มีประชุมอะไรสำคัญหรือเปล่าครับ” คุณหมอกลางย้ายเป้าหมายเปลี่ยนมาซักพี่ชายคนโตบ้าง

“วันนี้หมอกลางเป็นอะไร ซักจัง” คุณรองเอ่ยกับคุณเล็ก เพราะโดยปกติแล้วคุณหมอประจำบ้านคนนี้จะเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด

“ผมว่าต้องพาไปรดน้ำมนต์สักหน่อยนะครับ น้องบัวด้วย” คุณเล็กทำหน้าเหยเก

“วันนี้ไม่มีอะไรมาก กลางมีธุระอะไรกับพี่หรือเปล่า” คุณใหญ่ตอบเสียงเรียบ ขณะลอบส่งสายตาไปมองภรรยาตัวน้อยที่กำลังขอข้าวต้มเพิ่มอีกชาม

“งั้นดีเลยครับ ผมขอยืมตัวพนาสักครู่ ทุกคนรอที่นี่ก่อนนะครับ อย่าเพิ่งไปไหน” พูดจบก็เดินไปกระซิบพนา ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกไปนอกบ้าน แล้วกลับเข้ามาในห้องรับประทานอาหารอีกครั้งในสิบนาทีต่อมา

“น้องบัวครับ พี่ขอทดสอบอะไรหน่อย ตามพี่มา” คุณหมอกลางเดินไปจูงมือบัวบูชาพาออกไปจากห้องรับประทานอาหาร

“อะไรของเจ้าหมอเนี่ย” คุณใหญ่เกาศีรษะ โดยที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวยังคงปักหลักรอบนโต๊ะอาหารอยู่ดังเดิม เมื่อหนึ่งคุณหมอและหนึ่งผู้ไปรับการทดสอบเดินกลับเข้ามานั่งประจำที่ คุณหมอกลางจึงเป็นผู้ทำหน้าที่เฉลยทุกข้อสงสัย

“ยินดีด้วยนะครับคุณพ่อ คุณแม่ พี่ใหญ่” นายแพทย์หนุ่มกวาดตามองบิดา มารดา และพี่ชายคนโต “ทายาทคนที่สอง...อยู่ในท้องของน้องบัวเรียบร้อยแล้วครับ”

ประโยคบอกเล่านี้ทำให้ใบหน้าของทุกคนในบ้านแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปีติ  คุณน้ำเพชรเอื้อมมือไปลูบผมลูกสะใภ้คนโตอย่างแผ่วเบา ส่วนคนต้นเรื่องผู้ผลิตทายาทก็เอาแต่นั่งระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะรั้งตัวภรรยาเข้าสู่อ้อมกอด

“เสือน้อยมีน้องแล้ว พี่ดีใจที่สุดเลย น้องบัวต้องดูแลตัวเองดีๆ นะครับ” คุณใหญ่ลูบหลังบัวบูชา ก่อนจะกดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างเต็มรัก

“อ้าว ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับน้องบัว” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าภรรยาเอาแต่นั่งนิ่งจนคิ้วชนกัน

“บัวเข้าใจมาตลอดว่าการให้นมบุตรคือการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ” ว่าที่คุณแม่ลูกสองเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ขณะกำลังพยายามตั้งสติกับอีกหนึ่งชีวิตน้อยๆ ในท้อง

“แต่น้องบัวก็น่าจะรู้นะครับว่าพี่ใหญ่คือพวกที่อยู่เหนือธรรมชาติ” คุณรองเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทุกคนในครอบครัว

บัวบูชาหันไปมองค้อนคนเจ้าเล่ห์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ซึ่งพร่ำบอกเสมอว่าพี่คุมเองพี่คุมได้อย่างนึกหมั่นไส้ในรอยยิ้มกว้างนั้น

“หรือว่าน้องบัวไม่ดีใจที่จะมีลูกกับพี่อีกคน” ว่าที่คุณพ่อลูกสองแสร้งทำหน้ามุ่ย

“เปล่าค่ะ บัวดีใจมาก แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง ความจริงบัวก็อยากมีอีกคนนะคะ คิดไว้ว่ารอให้ใบบุญอายุสักสองสามขวบก่อนแล้วค่อยมี แต่ไม่คิดว่าจะมีเร็วแบบนี้”

“แต่พ่อดีใจมากเลยนะ เสือน้อยของพ่อจะมีน้องไว้เล่นด้วยแล้ว” ท่านเจ้าสัวก้องภพเอ่ยอย่างอารมณ์ดี กับการก่อกำเนิดใหม่ของอีกหนึ่งชีวิตในบ้าน

“แม่ก็ดีใจมากเลยนะลูก แม่ฝันมาตลอดว่าอยากเห็นหลานตัวเล็กๆ วิ่งเล่นกันเต็มบ้าน” คุณน้ำเพชรจับมือลูกสะใภ้เอาไว้ บัวบูชาหันไปส่งยิ้มหวานให้แก่ผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้คนข้างกายที่ตอนนี้กำลังเล่นบทดรามาทำหน้าเศร้าอยู่

“ท้องนี้หลานสาวแน่นอนครับ” คุณรองหมายมั่นปั้นมือ

“พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” คุณใหญ่ลูบผมภรรยา ก่อนจะเอ่ยกับน้องชายในสิ่งที่เป็นกังวล “รอง พี่ว่าน้องบัวคงไปทำขนมโชว์ไม่ได้แล้วแน่เลย”

“นั่นสิครับ แต่ผมลงสื่อไปแล้วว่าจะมีการโชว์ทำขนมไทย” คุณรองลูบคางอย่างใช้ความคิด

“บัวจะให้น้องมินไปทำขนมแทนบัวค่ะ” บัวบูชาเอ่ยขึ้นเสียงดัง ดังเสียจนคนที่ถูกเอ่ยชื่อพาดพิงสะดุ้งและรีบหันไปมองเจ้าของโครงการที่กำลังส่งสายตามองเธออยู่เช่นกัน

“พี่บัวคะ” มินตราขยับตัวเข้าไปใกล้พี่สาวบุญธรรม พลางส่ายหน้าไปมา

“เป็นอะไรจ๊ะน้องมิน ทำหน้าตาตื่นเชียว ไหนบอกพี่ว่าอยากช่วยงานคุณรองไง” บัวบูชาเลิกคิ้วมองเด็กสาวที่ทำหน้าตาตื่นกลัวอยู่ข้างกาย

“เอ่อ...” มินตราอึกอัก ก่อนจะส่งสายตาไปมองเจ้าของโครงการอีกครั้ง

“น้องมินช่วยบัวทำขนมบ่อยค่ะ หัวไว รสมือดี แล้วก็ทำสวยด้วยนะคะ บัวรับประกัน” น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของคุณแม่ลูกสองยืนยันในสิ่งที่ตนตัดสินใจ

กฤตภาสเลื่อนสายตากลับไปมองพี่สะใภ้ พร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ “ครับ พี่เชื่อมือน้องบัว”

“งั้น...ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้ว ผมขอพาน้องบัวไปฝากครรภ์ก่อนนะครับ” จู่ๆ ประโยคที่ควรจะเป็นของพี่ชายคนโต ก็ถูกน้องเล็กที่นั่งนิ่งอยู่นานเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจเสียงดังฟังชัด ชัดเสียจนพี่ชายคนโตต้องหันไปมอง

“เจ้าเล็ก แกควรรีบไปทำงาน ส่วนหน้าที่พาน้องบัวไปฝากครรภ์เป็นหน้าที่ของสามีอย่างพี่”

“แต่วันนี้ผมว่าง ผมจะไปด้วย” คุณอาเล็กยืนยันเสียงหนักแน่น

“งั้นก็ตามมา” คุณใหญ่ส่ายหน้า ก่อนจะเดินไปหอมแก้มมารดาแล้วกลับมาประคองบัวบูชาออกไปขึ้นรถ โดยมีน้องชายคนเล็กช่วยประคับประคองอีกฝั่งไปตลอดทาง

 

“แบบนี้ได้หรือเปล่าคะพี่บัว” เสียงเจื้อยแจ้วของมินตราร้องถามพี่สาวบุญธรรมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเรียกความมั่นใจ นับตั้งแต่วันที่ครอบครัวโภคินอภิวัฒน์ทราบข่าวดีเรื่องทายาทคนที่สองนั้น มินตราผู้ได้รับหน้าที่โชว์ทำขนมไทยต่อจากสะใภ้ใหญ่ก็หมั่นซ้อมทำขนมช่อม่วงทุกวัน

“สวยจ้ะ” บัวบูชาอมยิ้ม

“กลีบดอกเบี้ยวไปหรือเปล่าคะ” เด็กสาวพลิกขนมในมือกลับไปกลับมาเพื่อสำรวจจุดบกพร่อง

“น้องมิน ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเครียด มั่นใจหน่อยสิจ๊ะ”

“มินกลัว กลัวว่าจะทำให้คุณรองต้องอายคนอื่นเขา” เด็กสาวเอ่ยบอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“น้องมินทำขนมสวยและอร่อยมาก ตอนนี้ก็เหลือแค่เติมความมั่นใจลงไป ถ้าหากจิตเราบอกว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ พลังด้านบวกจะนำพาสิ่งที่ดีมาสู่ตัวเราเสมอ” คุณแม่ลูกสองเอ่ย เธอเชื่อแบบนั้น และนั่นคือสิ่งที่เธอยึดถือและปฏิบัติเสมอมา

“ไหนบอกพี่ซิว่าขนมนี้อร่อยไหม” บัวบูชาส่งขนมให้สาวน้อยไร้ความมั่นใจ

มินตรารับชิ้นขนมที่ตนเองลงมือทำทุกขั้นตอนเข้าปาก ก่อนจะระบายยิ้มน้อยๆ “อร่อยค่ะ”

“ใช่จ้ะ จำไว้นะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จงเชื่อมั่นในตัวเองแล้วทำให้สุดความสามารถ เอาละ ทีนี้เรามาเพิ่มเรื่องท่วงท่าในการทำสักหน่อย” บัวบูชาบรรจงหยิบแป้งขึ้นมาคลึงและจับจีบ ด้วยท่วงท่าที่สง่างามเสียจนนักเรียนต้องปรบมือพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้

“สุดยอดเลยค่ะพี่บัว”

“ไหนลองทำตามซิ” สะใภ้ใหญ่ขยับตัวนั่งพิงผนัง เพื่อมองดูเด็กปั้นของตนเองหัดทำขนมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

“นี่ฝีมือเธอหรือมินตรา สมคำร่ำลือจริงๆ คุณเล็กใช้มือหยิบขนมช่อม่วงขึ้นมาพิจารณา

“สมกับเป็นเด็กสร้างน้องบัวจริงๆ” คุณหมอกลางเอ่ยชม

เด็กสาวเจ้าของผลงานที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะรับประทานอาหารได้แต่อมยิ้มด้วยความดีใจที่ได้รับคำชม

“เสียดายที่เจ้าของโครงการติดประชุมสำคัญ เลยอดกินของอร่อย” คุณใหญ่เอ่ยหลังจากกลืนขนมชิ้นงามลงท้องไปเรียบร้อยแล้ว และประโยคนี้ก็ทำให้แม่ครัวตัวน้อยมีสีหน้าเศร้าลงทันที

“ไว้วันงานก็ได้กินน่า” เจ้าสัวก้องภพพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะตักแกงเลียงกุ้งสดไปวางบนจานของภรรยาคู่ชีวิต

...“เฮ้อ” มินตรายืนพิงประตูห้องครัวพลางถอนหายใจยาว “คุณรองไม่ได้ชิมขนมอีกจนได้” ทั้งที่ความตั้งใจของเธออยากจะทำขนมให้ผู้มีพระคุณได้ลองรับประทานดูสักครั้ง หากแต่ทุกครั้งที่เธอได้มีโอกาสแสดงฝีมือ ชายหนุ่มก็มักจะติดงานอยู่ร่ำไป

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น