บทที่ 1

1

 

บริเวณล็อบบีโรงแรมมืดสลัว นอกจากกุพชกาที่ซุกซ่อนตัวอยู่ที่โซฟาตัวในสุดแล้ว ก็แทบไม่มีแขกอื่นอยู่ตรงนั้นเลย...แทบ...ไม่มี

ห่างออกไปไม่ไกลมากในมุมสลัวอีกมุมหนึ่งที่มีเสาต้นใหญ่บังอยู่ยิ่งทำให้จุดนี้กลายเป็นอีกจุดหนึ่งที่เหมาะแก่การซุ่มซ่อนตัวอย่างยิ่ง ในมุมมืดนั้นต้องเพ่งมองเข้าไปจึงจะเห็นโครงร่างของใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา หันหน้ามาทางโซฟาที่กุพชกานอนอยู่ได้ถนัด

คนในเงามืดนั้นพอมองออกว่าเป็นผู้ชายร่างใหญ่สวมสูท แม้จะมองไม่ชัด แต่ก็ยังเห็นได้ถึงความเนี้ยบและพอดีตัวของสูทสั่งตัดราคาแพง เขานั่งเอนตัวพาดแขนกับพนักพิงโซฟาตัวยาว ดวงตาคมวาวจ้องไปยังร่างที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟามุมลึกด้านในสุด แสงจากหน้าจอแท็บเล็ตที่เธอเปิดอยู่ส่องให้เห็นใบหน้าได้รูป จมูกโด่งคิ้วโก่งปาดเฉียงนิดๆ ดูเป็นคนเจ้าอารมณ์พอๆ กับดวงตาคมที่ปัดเฉียงขึ้น ดูดุดัน ร้ายกาจ สมกับบทบาทที่เธอมักได้รับ ส่วนนิสัย...คนในเงามืดพ่นลมออกจมูก แค่นเสียงหยันๆ ออกมา

คนในวงการบันเทิงใครบ้างไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ของเธอ นางร้ายจอมเหวี่ยงวีน ร้ายกาจทั้งในจอและนอกจอ เสียงเล่าลือถึงความร้ายของเธอนั้นได้รับการกล่าวขานตั้งแต่ เพื่อนดารา ผู้กำกับ ทีมงาน ไปจนถึงหูผู้อำนวยการสร้าง...

จุดแสงไฟสีแดงสว่างวาบตามจังหวะการสูบลมเข้าปอด ก่อนควันสีเทาจะถูกปล่อยออกมาลอยอ้อยอิ่งล้อมรอบคนในเงามืด ทำให้เขายิ่งดูลึกลับเข้าไปอีก ยามกวาดสายตาอันตรายจับจ้องเหยื่อผ่านม่านควันบางๆ

เงาตะคุ่มเงาหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ก่อนโค้งตัวลงชิด รายงานเสียงเรียบ

“ผู้ชายคนนั้นชื่อธำมรงค์ ธงชนะไชย เป็นเจ้าของโรงแรมนี้ครับ”

“ธงชนะไชย...” คนบนโซฟาทวนคำ สมองไตร่ตรองถึงนามสกุลที่เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางกลุ่มหนึ่งในประเทศ

“นอกจากที่นี่แล้ว นามสกุลนี้ยังมีเครือข่ายโรงแรมอีกหลายแห่งหลายจังหวัดครับ” คนในเงาที่เพิ่งมาใหม่ยังรายงานอะไรอีกหลายอย่างทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับหญิงสาวผู้กำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิด

“กับ...ดูเหมือนมีคนมาตามหาเธอ”

“หืม?” คนเป็นเจ้านายทำเสียงในคอเชิงสงสัย ทำให้ผู้มารายงานซึ่งดูเหมือนจะรู้ดีว่าต้องตอบคำถามเล่าสถานการณ์คร่าวๆ เท่าที่เขาสืบได้มาให้เจ้านายฟัง

“อืม จับตาดูพวกมันไว้ แล้วส่งคนไปสืบมาด้วยว่า ยายนี่มาทำอะไรที่นี่กันแน่”

คำสั่งนั้นทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในเงามืดที่รายล้อมเขาอยู่ ทำให้เห็นว่าที่ดูเหมือนเป็นเงาเหล่านั้น แท้ที่จริงแล้วคือพวกผู้ชายในชุดสูทสีดำที่แฝงตัวอยู่รอบๆ เจ้านาย ทำตัวกลืนหายไปกับบรรยากาศจนแทบไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาเลย

“คุณคินจะให้ทำอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”

คุณคิน หรือคณิณ เคาะนิ้วเรียวกับพนักโซฟาในท่าทางครุ่นคิด ก่อนสั่งไปอีกสองสามอย่าง

“อ้อ...สืบประวัตินายธำมรงค์นี่มาให้ฉันด้วย เผื่อต้องจัดการมันอีกคน”

คนรับคำสั่งพยักหน้ารับก่อนถอยไปเงียบๆ เหลือเพียงเจ้านายที่นั่งอยู่กับ ‘เป้าหมาย’ ที่ถูกจับตาอยู่ คณิณละสายตาจากคนที่ปิดแท็บเล็ตและนิ่งไปเหมือนหลับไปแล้ว ร่างที่เห็นมีผิวขาวที่เปล่งออร่าแม้ในห้องสลัว ไม่ดึงดูดความสนใจของเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจัดการงานของตนเอง

พวกคำสั่งต่างๆ ที่ลูกน้องต้องการล้วนจัดการได้ไม่ยากเย็น สิ่งที่ยากคือ...ข้อความระรัวที่ขึ้นเตือนแทบจะเป็นร้อยข้อความพวกนั้นต่างหาก คณิณแทบอยากยกมือขึ้นกุมหัวทึ้งผมตัวเองเสียให้ได้

ข้อความชวนประสาทเสียเหล่านี้ถูกส่งมาให้เขาเมื่อตอนบ่าย ตอนที่ข่าวฉาวของ ‘นางร้ายแย่งผัวชาวบ้าน’ กลายเป็นกระแสในทุกแพลตฟอร์ม ข่าวบ้าๆ นั่นคงส่งผลอะไรกับเขาไม่ได้หรอกถ้าชื่อผู้ชายในข่าวจะไม่ใช่ชื่อปรัศน์ และเป็นคนเดียวกันกับสามีของคติยา น้องสาวโง่ของเขานี่แหละ เขาทั้งเตือน ทั้งบอกไม่รู้เท่าไรแล้วว่าอย่าเอาคนอย่างหมอนั่นมาเป็นสามี แล้วทีนี้เป็นไงล่ะ พอมีเรื่องขึ้นมา ยายนั่นก็ไม่ลังเลที่จะโทร. มาฟูมฟายใส่เขา โดยมีคุณวีณามารดาของเธอเป็นแนวร่วม ไม่ต้องบอกก็รู้กันว่าคติยาได้นิสัยเจ้าอารมณ์ ขี้โวยวาย เอาแต่ใจมาจากใคร มันได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมมาจากมารดาของเธออย่างไม่มีตกหล่น และคนที่ต้องมารองรับอารมณ์ของสองแม่ลูกก็หนีไม่พ้นเขา

คณิณ พลเดชกรีธา ประธานใหญ่ของกลุ่มกรีธากรุ๊ป ผู้ควบคุมกิจการที่มีเครือข่ายยิ่งใหญ่ระดับเอเชีย เจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้าชื่อดังติดอันดับโลกที่มีสาขาทั่วประเทศ ขยายสาขาไปยังหลายประเทศในเอเชียและกำลังวางแผนจะบุกตลาดยุโรปและอเมริกา และเขายังมีเครือข่ายธุรกิจส่งออกและนำเข้าที่โตเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในธุรกิจบันเทิงทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าอะไรที่ต่อยอดไปหากำไรได้เขาเหมาหมด และเป็นเฟิสต์มูฟเวอร์รายแรกๆ ที่เห็นช่องทางในธุรกิจบันเทิง จนตอนนี้เขามีหุ้นใหญ่อยู่ในวงการบันเทิงทั้งไทยและเกาหลี เท่ากับเป็นการซื้อช่องทางโพรโมตเป็นของตัวเอง กับทั้งสามารถตัดเส้นทางโพรโมตของคู่แข่งได้ด้วยคำสั่งลับจากอำนาจที่เขามีหุ้นใหญ่อยู่ ทำให้คนในวงการบันเทิงต้องให้ความเกรงใจเขาอยู่ไม่น้อย และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้

‘พี่คินต้องจัดการนังนั่นให้คิตตี้นะคะ’

‘คุณคินต้องจัดการนังนั่นให้น้องคิตตี้นะ ไม่งั้นแม่ไม่ยอม’

ข้อความเหล่านั้นเด้งซ้ำรัวๆ มาด้วยเนื้อหาคล้ายคลึงกันไม่หยุด ไม่ใช่แค่ข้อความ แต่ยังมีทั้งสายโทร. เข้ามาจากทั้งน้องสาวและมารดาของเธอ

‘พี่คินต้องจัดการนังนั่นให้คิตตี้เดี๋ยวนี้’ คติยาโทร. มา เอ่ยถ้อยคำที่คงเป็นความคิดที่วนอยู่ซ้ำๆ ในสมองเธอ น่าจะเป็นร้อยเป็นพันรอบจนทนไม่ไหวต้องต่อสายหาเขา ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในห้องทำงานผู้บริหารที่สำนักงานใหญ่

‘จะให้ไปจัดการยังไง’ คณิณถามไปอย่างจนปัญญา หลังจากนั่งฟังน้องสาวโวยวายมาพักใหญ่แล้วยังไม่เห็นอะไรดีขึ้น

‘จัดการมันให้คิตตี้สิคะ’

‘ก็นั่นแหละ จะให้ทำอะไรให้เธอเรอะ’ คนถามยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกไมเกรนจะขึ้นกับเสียงแหลมๆ ที่หวีดทะลุทะลวงลำโพงโทรศัพท์ออกมา แม้จะวางโทรศัพท์ไว้ตั้งไกลแล้วก็ตาม

‘ขู่มัน เอาเงินฟาดหัวมัน ทำลายอาชีพมัน หรือทำยังไงก็ได้ให้ผู้หญิงแรดร่านอย่างมัน ไม่มีโอกาสอ่อยใครได้อีกค่ะพี่คิน’

‘...รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา’ คณิณถามเสียงเรียบ

‘รู้สิคะ’

‘มีแค่คนที่ไม่มีชีวิตแล้วเท่านั้นแหละนะ ถึงจะทำอย่างที่เธอว่ามาได้’

‘ใช่! คิตอยากให้มันตาย อยากให้มันหายไปจากโลกนี้ได้ยิ่งดี มันจะได้เข้าใกล้ปรัศน์ไม่ได้’

‘เธอคิดว่าฉันทำงานอะไรเรอะ คติยา’ คณิณถามเสียงเข้ม ‘ฉันไม่ได้เป็นมาเฟีย หรือทำงานผิดกฎหมายพวกนั้นนะ เอะอะจะมาบอกให้ฆ่าคนได้ยังไง’ 

‘พี่คินทำได้ทุกอย่างแหละ ที่ผ่านมาพี่ไม่ได้ทำแบบนี้หรือไง กำจัดคนที่ขวางทางน่ะ ใครทำให้พี่คินไม่พอใจ พี่ก็กำจัดมันทิ้ง อย่าคิดว่าคิตตี้ไม่รู้ว่าพี่ใช้แผนการสกปรกแค่ไหนในการทำให้บริษัทของพี่โตมาได้ขนาดนี้น่ะ’ 

‘อ้อ เธอจะบอกว่ารังเกียจวิธีการของฉัน ต่อไปนี้จะไม่รับเงินจากฉันแล้วใช่ไหม’ คณิณถามเสียงหยัน

‘พี่คิน! อย่ามาประชดคิตตี้นะ’

‘เธอก็เลิกเอาเรื่องไร้สาระนี่มากวนใจฉันเสียที’ 

‘พี่หาว่าเรื่องของคิตตี้เป็นเรื่องไร้สาระเหรอ’ คติยาหวีดเสียงใส่ และอาการนิ่งเงียบไปของคู่สายก็เป็นการบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาคิดเช่นนั้น

‘ได้...พี่จะเอาแบบนี้ใช่ไหมพี่คิน พี่จะไม่ช่วยคิตตี้จริงๆ ใช่ไหม’ 

‘เธอควรขอร้องอะไรที่มันสำคัญและมีเหตุผลมากกว่านี้’ 

‘นี่แหละเรื่องสำคัญในชีวิตคิตตี้ ทำไมพี่คินไม่เข้าใจ เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับชีวิตคู่ของคิตตี้ที่จะยาวไปอีกตลอดชีวิตเลยนะคะ’ 

คณิณกุมขมับที่เริ่มปวดจี๊ดๆ อยากบอกเสียเหลือเกินว่านั่นมันก็เรื่องของแกปะ จะเอาเรื่องผัวเมียทะเลาะกันมาเป็นวาระระดับชาติให้คนอื่นต้องมาตามรับผิดชอบด้วย มันใช่เรื่องไหม

แล้วคติยาก็ร่ายยาวด้วยตรรกะไร้เหตุผลของเธอซ้ำๆ เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จนเขาทนไม่ไหวจำต้องรับปากส่งๆ ไปเพื่อตัดรำคาญในที่สุด แต่...มันยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นสิ เพราะเหมือนเธอจะนัดแนะกับผู้เป็นมารดาไว้ หลังวางสายจากคติยาได้ไม่ทันไร คุณวีณาก็มาหาถึงออฟฟิศเขาพร้อมคำพูดย้ำเดิมซ้ำๆ ราวกับทั้งชีวิตมีไฟล์เสียงอยู่แทร็กเดียวให้เล่นวนไปไม่รู้จบ จนเขาทนไม่ไหวต้องรีบขอตัวออกมาโดยให้เหตุผลว่าจะมาตามหาตัวกุพชกา ดาราที่ฮอตที่สุดในตอนนี้ที่ใครๆ หาตัวกันไม่เจอ แต่ไม่ใช่กับคนอย่างคณิณที่มีหูตากว้างไกล ไม่ว่าใครก็อย่าหมายจะหลบซ่อนตัวจากเขาได้

เขาได้รับเบาะแสว่ายายนางร้ายตัวแสบหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดชายทะเลที่เป็นทางผ่านไปสู่ภาคใต้ จังหวัดเล็กๆ เงียบสงบ ยังไม่เป็นที่รู้จักจนคนพลุกพล่านเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวตามพวกเมืองหลักเมืองรองที่ถูกโฆษณาจนคนเฮละโลไปกันจนล้นทะลัก

เขาใช้การมาตามหาเธอเป็นข้ออ้างหนีมาจากสองแม่ลูกที่ตามราวีไม่เลิก แต่หนีเท่าไรก็ไม่พ้นหรอก เพราะข้อความร้องขออย่างเอาแต่ใจยังคงตามมาหลอกหลอนในทุกช่องทาง ยังดีหรอกที่เขาบอกไว้ว่าจะใช้สมาธิ อย่าโทร. มากวน ไม่งั้นเขาจะไม่จัดการอะไรให้พวกเธอทั้งนั้น นั่นทำให้สายโทรศัพท์ของเขาค่อยเงียบเสียงจากเรื่องกวนใจลงได้

เมื่อเขาตามมาถึงก็พบคนที่หมกตัวอยู่บนโซฟาตัวในสุดในมุมมืดนั้นตลอดบ่ายจนค่ำ เธอสั่งมาร์การิตาไปสามแก้ว ดราย มาร์ตินี สอง น้ำแร่ขวดหนึ่ง ชาดาร์จีลิงอีกกา...ผู้หญิงคนนี้สร้างขึ้นมาจากน้ำหรือไงกัน

ดูเหมือนเธอจะเป็นน้ำสีอำพันที่พาให้ผู้คนเมามายหลงใหล...

เธอมาพบปะอย่างลับๆ กับ ธำมรงค์ ธงชนะไชย ดูเป็นการแลกเปลี่ยนความลับทางธุรกิจกัน มากกว่าการแลกเปลี่ยนทางกายเพื่อผลอย่างอื่น ไร้ภาษากายหรือสายตาเว้าวอนใดๆ ที่ทั้งคู่มีให้กันนอกจากการเจรจาที่ดูมีความเป็นอริอยู่จางๆ

หลังจากเธอ ‘ควัก’ ของในร่องอกให้หมอนั่นไปแล้ว หญิงสาวก็นิ่งไป นิ่งเงียบอยู่ในความมืด ทำตัวไร้ตัวตนราวกับเป็นโซฟาตัวหนึ่ง...

โซฟาที่ไหนเหรอที่มีผิวขาวโอโม่เรืองแสงรำไรในเงาสลัวได้แบบนี้?

โซฟาประเทศไหนกันล่ะที่มีหน้าอกหน้าใจคัปซีดุนนูนสูงขึ้นมาแม้นอนราบอยู่กับเบาะแบบนี้

โซฟาบ้านใครกันที่...

ความคิดชายหนุ่มต้องหยุดชะงักเมื่อปรายสายตาไปยังตำแหน่ง ‘โซฟาโอโม่คัปซี’ ตรงมุมห้องแล้วไม่พบโซฟา...ไม่ใช่สิ คนที่อยู่บนโซฟาตัวนั้นหายไป

หญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่ที่นั่นจนถึงเมื่อครู่นี้หายไป!

ยายตัวแสบนั่นหนีไปแล้ว!

คณิณลุกพรวดขึ้น บรรดาบอดีการ์ดที่ยืนเป็นเงาดำมืดอยู่ใกล้ๆ ก็พากันขยับตัว

“เป้าหมายหายไป มีใครเห็นบ้างว่าเธอหายไปได้ยังไง” คณิณหันไปปรายสายตาคาดโทษใส่บรรดาบอดีการ์ดที่หลบสายตากันวูบ เพราะไม่มีใครทันสังเกตกันเลยจริงๆ ว่าเป้าหมายหายไป จนเจ้านายทักขึ้นพวกเขาถึงเพิ่งรู้สึกตัว เป็นการทำงานพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ

“คุณคินครับ สืบมาได้แล้วว่านายธำมรงค์นั่น นอกจากเป็นเจ้าของโรงแรมแล้ว มันยังเป็นตำรวจด้วยครับ” ลูกน้องคนที่ได้รับคำสั่งให้ไปสืบเรื่องกลับมารายงานได้พอดี ระงับอารมณ์ที่กำลังปะทุเดือดของเจ้านายให้กลายเป็นนิ่งคิดไตร่ตรอง ตาคมของคณิณกวาดมองไปยังโซฟาที่กุพชกาเคยนั่งอยู่ที่นั่น ภาพการพบปะกันระหว่างหญิงสาวกับชายที่เขาสืบรู้แล้วว่าเป็นตำรวจย้อนทวนในความทรงจำ 

แม่ดาราข่าวฉาวนั่น...ดูท่าจะไม่ได้เป็นแค่ดาราตัวแสบธรรมดาเสียแล้ว

“ตามหาให้เจอ ฉันต้องได้ตัวแม่นั่นมาให้ได้”...ก่อนที่เธอจะโดนใครสอยไปเสียก่อน เพราะรายงานเรื่องที่สองของลูกน้องเขาคือ...มีคนฝูงหนึ่งนับสิบคนกำลังตามหากุพชกาอยู่เหมือนกัน ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรเท่าไรด้วย

แม่นั่น...มีโจทก์กี่รายกันแน่นะ

คณิณคิดอย่างสงสัย ขณะสั่งงานออกไปให้การค้นหาเป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุมยิ่งขึ้น ก่อนกลุ่มคนจะสลายตัวไปจากบริเวณล็อบบี ทิ้งไว้เพียงแก้วหลายใบตรงที่นั่งของกุพชกา และที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งมีบุหรี่ราคาแพงของคณิณสุมกองไว้


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น