0

บทนำ

บทนำ 

 

เดือนเมษายน

ลานหน้าห้างสรรพสินค้าของกรุงเทพฯ ถูกเนรมิตให้เป็นเวทีขนาดใหญ่สมกับเป็นวันเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘ไฮ’ ซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงในขณะนี้ 

แอปพลิเคชันนี้ถูกพัฒนาขึ้นให้ทันสมัยกว่าแอปพลิเคชันไลน์และวีแชต ทั้งการส่งข้อมูล การหาเพื่อน สร้างกลุ่มได้มากขึ้นกว่าแอปพลิเคชันเดิมๆ บริษัทเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปเปิดให้ลูกค้าในสามประเทศดาวน์โหลดพร้อมกันตั้งแต่หลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามฤกษ์ดีที่ซินแสฮ่องกงทำนายเอาไว้นั่นก็คือ๐.๐๑ อันสื่อความหมายว่าแอปพลิเคชันจะเป็นที่หนึ่งตลอดกาล แม้ว่าตอนนี้บริษัทจะต้องรับมือกับข่าวร้ายเพราะประธานบริษัทอย่างนฤบาลเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม แต่กีรนันท์ในฐานะภรรยาก็ต้องเดินหน้าสานต่องานของสามี พิธีเปิดตัวยังดำเนินไปตามกำหนดการเดิม

กีรนันท์และลูกทั้งสองมาถึงบริเวณจัดงานตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน หล่อนสวมชุดสีดำไว้ทุกข์ สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แขกผู้มีเกียรติจำนวนมากมาร่วมงานเพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึงประธานบริษัท แสงไฟส่องลงกลางเวทีซึ่งจัดเตรียมอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี คัตเอาต์ด้านหลังเป็นรูปพรีเซนเตอร์สามคนจากฮ่องกง จีน และไต้หวัน ได้แก่ ดราก้อน อี้เฟย และเพ่ยฉือ ทั้งสามคนโด่งดังมาก ด้านหน้าเวทีมีบรรดาแฟนคลับที่ต่างมารอตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อนเพื่อต้อนรับนักร้องขวัญใจ ป้ายไฟรูปมังกรเขียวที่เรียงรายอยู่ด้านหน้าบอกให้รู้ว่าคนที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากดราก้อน ศิลปินหนุ่มจากฮ่องกง 

ไฟเอฟเฟกต์สว่างวาบขึ้นกลางเวทีดึงดูดสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง ดนตรีเร้าใจเริ่มต้นขึ้น ร่างสูงสง่าในชุดสีน้ำเงินร่อนจากเวทีอีกฝั่งลงกลางเวทีด้วยสลิงที่ทีมงานเตรียมเอาไว้ เสียงกลองดังขึ้นพร้อมกับเสียงเอฟเฟกต์

อี้เฟยและเพ่ยฉือปรากฏตัวขึ้นจากเวทีคนละด้าน ท่ามกลางสปอตไลต์ที่ส่องลงมา สองสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้ารัดรูปสีเงินสุดวาบหวิว ชิ้นบนเป็นเสื้อเกาะอกสีเมทัลลิก ท่อนล่างเป็นกางเกงสั้นแค่คืบจนเห็นแก้มก้นอย่างชัดเจน ทั้งสามคนต่างโยกย้ายไปตามจังหวะร้อนแรง 

ดราก้อนสวมเชิ้ตตัวยาวถึงเข่า ปลดกระดุมตลอดแนวจากบนลงล่างเผยให้เห็นแผงอกแน่นตึงและหน้าท้องแบนราบที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียงตัวเป็นลอนสวย เสื้อคลุมด้านนอกคล้ายกับสูทยาวสีกรมท่า ที่หูมีไมโครโฟนขนาดเล็กคล้องอยู่กับใบหูเพื่อสะดวกในการเต้น ใบหน้าคมเข้ม ผิวขาวจัด นัยน์คมโตต่างจากหนุ่มฮ่องกงทั่วไปที่มักจะตาชั้นเดียว ทุกคนเดาว่าเขาน่าจะเป็นลูกครึ่งเพราะเครื่องหน้าที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงจัดตัดกับฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ เสน่ห์เหลือเฟือมาจากลักยิ้มตรงข้างแก้ม ทุกครั้งเวลาชายหนุ่มหันไปสบตา เหล่าแฟนคลับที่อยู่หน้าเวทีก็พากันส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นยิ่งกว่าเดิม

เขาคือผู้ชนะการแข่งขันรายการเรียลิตีโชว์เอกซ์วันซึ่งทางฮ่องกงซื้อลิขสิทธิ์มาจากประเทศเกาหลี จุดประสงค์เพื่อรับเด็กฝึกจากทั่วประเทศมาแข่งกันในรายการโดยอาศัยคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้าน ต้องฝึกทักษะหลายด้านทั้งการร้อง การเต้น การแร็ป คะแนนเก็บจากบนเวที ศูนย์ฝึก สุดท้ายก็คัดเหลือเพียงสิบเอ็ดคนเท่านั้นที่จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องบอยแบนด์หรือเกิร์ลกรุ๊ปซึ่งมีอายุสัญญานานถึงห้าปีเลยทีเดียว ดราก้อนทำคะแนนได้สูงสุด หลังจบการแข่งขัน เขาก็โด่งดังในชั่วข้ามคืน

“ดราก้อน! ดราก้อน! ดราก้อน!” แฟนคลับส่งเสียงเชียร์ดังลั่น ต่างชูป้ายไฟ 

ดราก้อนส่งยิ้มหวาน เต้นเป็นจังหวะผ่านกลางเวที ยื่นมือสองข้างออกไปย่อตัวยื่นมือไปสัมผัสกับแฟนเพลงทั้งสองด้านของเวทีที่ทำเป็นทางเดินทอดยาวไปสู่กลางฝูงชน เสียงกรี๊ดดังลั่นจนกลบเสียงร้องเพลง ดราก้อนส่งจูบให้แก่แฟนเพลงพร้อมกับทำมือเป็นสัญลักษณ์ของคำว่ารัก ในภาษาเกาหลี สาวๆ หน้าเวทีกรี๊ดจนสุดเสียง บางรายพยายามตะกายขึ้นบนเวทีเพราะต้องการจับมือนักร้อง แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยด้านล่างห้ามเอาไว้ เวทีวันนี้สร้างขึ้นสูงกว่าปกติเพื่อความปลอดภัยของศิลปินทั้งสามคน

ดราก้อนเรียกเสียงกรี๊ดอีกรอบด้วยการถอดเสื้อตัวนอกออก สะบัดเหนือหัวในจังหวะท่อนฮุคด้วยท่วงท่าเร้าใจแสนเซ็กซี่ เนื้อเพลงในวันนี้แต่งขึ้นเพื่อการเปิดตัวแอปพลิเคชันไฮโดยเฉพาะ โดยที่ก่อนหน้านั้นสองสัปดาห์ได้มีการปล่อยทีเซอร์ออกมาเรียกน้ำย่อยตามด้วยการปล่อยเพลงเต็มลงในยูทิวบ์ ยอดวิวทะลุล้านวิวภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง 

ดราก้อนสะบัดเสื้อตัวนอกโยนไปให้แฟนเพลง สาวๆ ต่างพุ่งตัวไปรับจนหวิดเกิดจลาจลย่อมๆ แต่สุดท้ายหญิงสาวร่างอวบคนหนึ่งก็คว้าเสื้อเอาไว้ได้ หล่อนคลี่ยิ้มอย่างผู้มีชัย สปอตไลต์ส่องไปที่หล่อนทำให้แฟนเพลงคนอื่นต่างพากันเสียดายแต่ก็หันไปดูโชว์ต่อ นักร้องหนุ่มเหลือเพียงเสื้อตัวในที่เป็นสีขาวซึ่งบัดนี้เปียกเหงื่อจนชุ่มและแนบกระชับไปกับเรือนร่างราวกับผิวหนังชั้นที่สอง กล้ามเนื้อหน้าท้องสุดเซ็กซี่ที่เด้งตัวเป็นลอนสวยอันเป็นผลจากการเข้ายิมวันละไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง 

ชายหนุ่มเลิกเสื้อเปียกขึ้นโชว์กล้ามท้อง แอ่นตัวโค้งสไลด์ตัวในท่าคุกเข่าไปไถลไปบนพื้นในจังหวะเพลงใกล้จะจบ แฟนเพลงสาวๆ ต่างกรี๊ดอย่างสุดเสียงเมื่อร่างของเขาพุ่งเข้าไปหาแฟนเพลงหน้าเวทีอีกครั้ง หลายคนต่างยื่นมือออกมา บ้างก็พยายามปีนขึ้นเวที แต่บอดีการ์ดด้านล่างก็ทำหน้าที่คุมฝูงชนเอาไว้ นักร้องสาวสองคนที่เต้นด้วยท่าเซ็กซี่ร้อนแรงไม่แพ้กัน เพลงมาถึงตอนจบ นักร้องสามคนรวมตัวอยู่กลางเวทีเพื่อโพสต์ท่าจบ ดราก้อนตระกองกอดทั้งคู่เอาไว้หอมแก้มหญิงสาวคนละทีตามสคริปต์ เสียงตบมือดังเกรียวกราวตามด้วยเสียงกรี๊ดไปทั่วบริเวณ

ดราก้อนโบกมือให้แก่แฟนเพลง พิธีกรเดินจากข้างเวที เพื่อสัมภาษณ์ทั้งสามคนและเปิดให้แนะนำตัว จนมาถึงดราก้อน เขาให้สัมภาษณ์ตามสคริปต์และเชิญชวนให้ทุกคนดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้ หลังจากนั้นก็เดินโบกมือให้ทุกคนแล้วรีบเข้าไปหลังเวที ไม่นานสองสาวนักร้องก็เดินตามเข้ามา ม่านด้านหลังเวทีถูกรูดปิด พิธีการเปิดตัวแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการโดยแขกกิตติมศักดิ์ก็เริ่มต้นขึ้น 

 

“วันนี้นายทำได้ดีมาก ตอนเปิดตัวลงบนเวทีสุดยอดมากๆ”

ลี่หงเอ่ยชม ผู้จัดการส่วนตัวคนนี้ทำงานกับดราก้อนมาหนึ่งปีแล้ว ทั้งสองกำลังอยู่ในห้องส่วนตัวที่ทีมงานจัดไว้ให้

“นายพูดเหมือนฉันไม่เคยขึ้นเวทีงั้นละ เรื่องแค่เนี้ย จิ๊บๆ”

“ทำเป็นพูดดี ฉันรู้ว่านายเองก็ตื่นเต้น”

ภาพจากจอมอนิเตอร์เผยให้ความเคร่งเครียดที่แฝงอยู่ แม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่สำหรับคนที่ทำงานด้วยกันมาเป็นปีก็รู้ได้ว่าดราก้อนกำลังรวบรวมสมาธิ 

“ก็มีบ้าง งานช้างขนาดนี้ หรือนายไม่อยากให้มันออกมาเพอร์เฟกต์ล่ะ”

ดราก้อนตั้งใจทำงานทุกชิ้นเพราะถือว่ามันคือบทพิสูจน์ตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเหมือนคนที่อยู่ใต้เงาของมารดา การเป็นลูกชายคนเดียวของเหว่ยป๋อจือ ดาวค้างฟ้าของฮ่องกงทำให้ไม่ว่าเขาจะขยับตัวทำอะไรล้วนถูกจับตาดู แม้ว่าตอนนี้มารดาจะวางมือจากวงการบันเทิงหันมาลุยธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว แต่ยิ่งท่านร่ำรวยมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งสนใจดราก้อนมากขึ้นเท่านั้น 

เมื่อหลายปีก่อน เหว่ยป๋อจือพาเด็กชายปริศนาคนหนึ่งกลับมาที่ฮ่องกง ด้วยความที่หล่อนยังไม่แต่งงานทำให้ตกเป็นข่าวซุบซิบในสังคมทันที สื่อหลายสำนักประโคมข่าวว่าดาราสาวแอบหนีไปคลอดลูกที่ต่างประเทศ แต่เหว่ยป๋อจือก็เลือกที่จะเงียบเพื่อสยบข่าวลือต่างๆ สมัยเด็กดราก้อนมักจะถูกเพื่อนล้อเลียนอยู่เป็นประจำ บ้างก็ว่าเขาเป็นลูกเมียเก็บ หรือไม่ก็ว่าเขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยง 

การถูกนินทาทำให้กลายเป็นเด็กมีปมด้อย เด็กหนุ่มประชดชีวิตด้วยการทำตัวเกเรสารพัด ทั้งโดดเรียน ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เขาทำเรื่องโลดโผนแทบทุกอย่าง เริ่มจากขี่มอเตอร์ไซค์ความเร็วสูงตั้งแต่อายุสิบสาม เล่นกีฬาอันตรายเพื่อลบคำสบประมาทว่าเขาเป็นแค่ลูกเมียน้อย

แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็ทำให้ดราก้อนตัดสินใจเข้าประกวดร้องเพลงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ใช่เอาแต่เล่นไปวันๆ สุดท้ายดราก้อนก็สร้างชื่อให้ตัวเองได้สำเร็จ ตอนนี้เขาได้เซ็นสัญญาแสดงภาพยนตร์และกำลังจะมีโพรเจกต์พิเศษกับนักร้องวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง

“ทำไมจะไม่อยาก ก็ฉันเป็นผู้จัดการนายนี่ ทั้งงานราษฎร์งานหลวงรับเละ แถมยังต้องสลับห้องนอนเพื่อให้นายเก็บพรหมจรรย์ไว้ใช้ตอนแต่งงานอีก”

ผู้จัดการหนุ่มพูดติดตลก แต่ดราก้อนไม่ขำด้วย เขาหน้าตึง ชกหัวไหล่ผู้จัดการเพื่อระบายความหงุดหงิด

“บอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้พูดเรื่องนี้ ไม่เข้าใจหรือไง” ชายหนุ่มมองผู้จัดการด้วยสายตาตำหนิ 

“ทำไมล่ะ น่ารักดีออก หนุ่มๆ ยุคห้าจีตอนนี้มีใครยังเวอร์จินเหมือนนายบ้างล่ะ”

ดราก้อนขบกรามแน่น แม้ภาพลักษณ์ของเขาจะเป็นแบดบอย แต่นั่นก็แค่กลยุทธ์ทางการตลาดของต้นสังกัด ในชีวิตจริงดราก้อนไม่เคยมีแฟน ชายหนุ่มไม่ศรัทธาในความรักและไม่เคยคิดจะแต่งงาน ผู้หญิงคือสิ่งมีชีวิตที่เขาพยายามจะหลีกห่าง โดยเฉพาะสองสาวไฟแรงสูงอย่างเพ่ยฉือและอี้เฟยที่คอยให้ท่าชายหนุ่มตลอดเวลา 

“ไม่พูดมากก็ไม่มีใครว่านายเป็นใบ้หรอกนะ เอาเวลาไปทำเรื่องที่มีประโยชน์จะดีกว่าไหม”

“ทำเป็นโมโหไปได้ เอาเถอะ ฉันไม่ล้อก็ได้ งานเสร็จแล้วจะกลับโรงแรมเลยไหม จะได้เรียกคนรถมารับ”

ดราก้อนโคลงศีรษะ เขาเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงยีนสวมเสื้อหนังทับด้านนอกและสะพายเป้ไว้ด้านหลัง “ยังหรอก นายกลับก่อนเถอะ บังเอิญวันนี้ฉันมีธุระ”

“ธุระอีกแล้ว วันก่อนนายก็หายตัวไปทีหนึ่งแล้วนะ อย่าบอกนะว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับเองคนเดียวน่ะ นี่มันเมืองไทยนะไม่ใช่ฮ่องกง ไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย”

แม้จะมาทำงานที่เมืองไทยแต่ดราก้อนก็ยังรักสันโดษ ชายหนุ่มมีมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ซื้อฝากเอาไว้ที่นี่

“เอาเป็นว่าคืนนี้ฉันยังไม่อยากกลับโรงแรม พรุ่งนี้คิวงานฉันว่าง ไว้ค่อยเจอกันวันมะรืนก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงฉัน”

“นายจะไปไหนหรือริว พักนี้นายทำตัวลึกลับจัง”

ดราก้อนมาเมืองไทยคราวนี้นานถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว และตามสัญญาเขาจะต้องบินมาทำงานที่นี่เป็นระยะๆ นอกจากงานเปิดตัวแล้ว เขายังมีสัมภาษณ์ถ่ายแบบในนิตยสารเมืองไทยและรายการโทรทัศน์แทบทุกวัน แต่พรุ่งนี้คิวว่าง ลี่หงเดาว่าดราก้อนคงนอนเล่นเกมอยู่ในห้องพัก แต่พอฟังจากชายหนุ่มแล้วยิ่งประหลาดใจ

“เอาน่า ฉันก็แค่อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง ฉันไม่ใช่เด็กหนุ่มแล้วนะโว้ย รับผิดชอบตัวเองได้หรอกน่ะ”

“หรือนายกลัวยายสองคนนั้นจะมาเคาะห้องงั้นหรือ ฉันกับนายแลกห้องกันแล้ว ไม่มีใครรู้หรอก”

“ยังไงก็ไม่ไว้ใจ ฉันยังไม่อยากมีข่าวฉาว คืนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวบ้างจะได้ไหม ทำไมต้องตัวติดกันเป็นตังเมตลอดเลยหรือไง”

“ได้น่ะได้ ฉันก็แค่ห่วง”

“เออน่า ฉันดูแลตัวเองได้ รับรองไม่มีเรื่องวุ่นมาถึงนายแน่นอน ฉันไปนะ”

หนุ่มร่างสูงโบกมือ เดินออกจากห้องพัก มองจากด้านหลังชุดที่เขาสวมแล้วเหมือนสิงห์นักบิด ดราก้อนเลือกใช้ลิฟต์ของพนักงานเพื่อหลบจากความพลุกพล่าน เขาไม่เคยบอกใครแม้แต่ผู้จัดการว่ามีบ้านสองหลังอยู่ที่เมืองไทย หลังแรกอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนอีกหลังอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต มารดาซื้อเก็บเอาไว้หลายปีแล้ว บิ๊กไบค์คันนี้เขาก็เอาไปจอดไว้ที่บ้านในกรุงเทพฯ 

ดราก้อนรักเมืองไทย เขาชื่นชอบทะเลเป็นที่สุด เขาจึงมักใช้เวลานั่งพักผ่อนริมชายหาด ว่ายน้ำหรือไม่ก็เล่นเซิร์ฟ แต่สิ่งที่แปลกก็คือเขากลัวการดำน้ำเป็นที่สุด ทุกครั้งที่ดำลงไปด้านล่าง ทำให้เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ชายหนุ่มเคยไปพบแพทย์หลายครั้งเพื่อหาสาเหตุแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ 

ดราก้อนกดลิฟต์ไปถึงชั้นล่าง หยิบกุญแจออกมาและก้าวขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ชั้นใต้ดิน แต่แล้วร่างของใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้น

 “จะรีบไปไหนคะริว ทำไมไม่รอฉันก่อน”

 ดราก้อนหน้าบึ้ง จำได้ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าว่าเสียงนั้นเป็นของใคร ความเป็นส่วนตัวกำลังถูกขัดจังหวะแต่ที่เขาไม่เข้าใจคืออี้เฟยรู้ได้ยังไงว่าเขาจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ตรงนี้

 “คุณมาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง

 “แหม ถามได้ ฉันก็เตรียมพร้อมเพื่อจะไปนั่งรถเล่นกับคุณยังไงล่ะคะ”

 สาวร่างอวบอิ่มเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับแตะมือลงบนบ่า กรีดเล็บลงไปตามท่อนแขน ดราก้อนสะดุ้งชักแขนหนี จ้องคนตรงหน้าตาวาว

 “ใครบอกว่าผมจะให้ไปด้วย”

 “แหม ริวคะ ทำเป็นซีเรียสไปได้น่า ให้ฉันไปด้วยคนจะเป็นไรไป เมื่อครู่นี้บนเวทีเราสองคนยัง” อี้เฟยเอียงมาเกาะแขนพร้อมกับซบหน้าลงบนบ่า 

ดราก้อนชักสีหน้า “นั่นมันงาน แต่นี่นอกเวลา เราสองคนไม่ได้สนิทกัน” หนุ่มร่างสูงย้ำคำ ดึงแขนออกจากการเกาะกุม สีหน้าเย็นชา 

อี้เฟยหน้างอง้ำ จ้องหน้า “นี่คุณไร้เยื่อใยกับฉันถึงขนาดนี้เลยหรือคะ แล้วเมื่อครู่นี้บนเวทีคุณยังหอมแก้มฉันเลย”

 “ผมทำเพราะได้รับคำสั่งต่างหาก แต่พองานเลิกทุกอย่างก็จบ เก็ตไหม” ดราก้อนย้ำคำ 

อี้เฟยกำมือแน่น หล่อนกำลังจะกรี๊ดออกมาแต่แล้วเสียงหัวเราะของผู้หญิงอีกคนก็แทรกขึ้น      

“ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมอี้เฟย ริวพูดแล้วว่าเขาไม่ได้สนใจหล่อน ไสหัวไปได้แล้ว”

 “เธอมาเกี่ยวอะไรด้วยเพ่ยฉือ”

“เกี่ยวสิ เพราะริวนัดกับฉันเอาไว้ต่างหาก”

สาวร่างเพรียวเข้ามาเกาะแขนอีกข้าง ขณะที่อี้เฟยไม่ยอม ดึงแขนอีกข้างของริวไว้ สภาพตอนนี้จึงเหมือนทั้งคู่กำลังยื้อยุดกัน

“ริวไม่มีทางไปกับเธอรู้เอาไว้ด้วย เขาเป็นของฉัน”

“ใครบอก เขาเป็นของฉัน เราสองคนเป็นแฟนกัน”

ดราก้อนอ้าปากค้าง มองสองสาวที่ต่างเถียงกันข้ามหน้าเขาอย่างไม่มีใครยอมใคร 

“ไม่จริง เขาชอบฉัน แฟนคลับของเราสองคนก็เชียร์”

เพ่ยฉือทำหน้าเบ้ โต้กลับ “เข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า อย่างนี้เขาเรียกว่าเพ้อเจ้อไม่เข้าเรื่อง มีแต่คนเชียร์ฉันกับริว พวกเขาบอกว่าเราเหมาะสมกันมาก”

“ตอแหล”

“เธอด่าใคร”

“ก็จะใครเสียอีก เธอนั่นละ หน้าไม่อาย”

“เอ๊ะ! นังนี่” 

ร่างอวบอัดเงื้อมือขึ้นหมายตบ 

ดราก้อนสะบัดแขนออกสองข้าง ตะคอกด้วยเสียงอันดัง “พอได้แล้ว! ผมไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น นี่มันบ้าไปกันใหญ่แล้ว ปล่อยมือผมทั้งคู่นั่นละ”

“แต่ริวคะ” 

อี้เฟยปราดเข้ามาจะเกาะแขน แต่ดราก้อนทำหน้าดุ จ้องหน้าหล่อนนัยน์ตาวาว 

“ขืนเกาะแขนผมอีก คราวนี้ผมไม่ไว้หน้าคุณแน่ ผมจะหักมือคุณทิ้ง เอาให้พิการไปเลย”

เพ่ยฉือยิ้มเยาะ หล่อนยื่นมือมา แต่ดราก้อนก็หันไปถลึงตา ชี้หน้าขู่หล่อนเช่นเดียวกัน 

“คุณก็เหมือนกัน ทั้งสองคนเลย ถอยไปห่างๆ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน!” ชายหนุ่มตะคอก สวมหมวกกันน็อกแต่หน้าหมวกยังเปิดอยู่ เขาสตาร์ตเครื่อง 

อี้เฟยเอ่ยเสียงอ้อน “คุณจะไปไหนคะริว”

“ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีตัววุ่นวายอย่างคุณสองคน รำคาญ”

“แต่เพ่ยฉืออยากขอไปด้วย ฉันสัญญาว่าจะไม่กวนใจคุณ”

“ไม่!”

“ริวคะ”

ดราก้อนชี้หน้าขู่ทั้งสองคน “หยุดทั้งคู่! ไปให้พ้น ต่อไปอย่ามาวุ่นวายกับผมอีก”

ร่างสูงปิดหน้าหมวกกันน็อกลงและขับมอเตอร์ไซค์ออกไป เพ่ยฉือกับอี้เฟยขยับจะตามแต่เขาเร่งความเร็วออกไปจนแทบจะเฉี่ยวพวกหล่อน สองสาวเห็นท่าไม่ดีจึงพากันหลบ หล่อนหันมาแยกเขี้ยวใส่กัน เมื่อรถแล่นไปพ้นสายตา ต่างฝ่ายต่างเดินแยกกันกลับขึ้นห้องของตัวเอง 

ทั้งสามไม่รู้ว่าในที่จอดรถของห้างสรรพสินค้ายังมีนักข่าวอีกคนหนึ่งกำลังแสยะยิ้ม เขามองภาพในกล้องของตน แค่นเสียง

“งานนี้สนุกชัวร์ ไอ้ริว ทุกคนชอบข่าวฉาว แกพังแน่ๆ”

เขากดส่งข้อความไปหาบรรณาธิการพร้อมกับส่งรูปในกล้องไปเป็นน้ำจิ้ม รอยยิ้มหมายมาดผุดขึ้นตรงริมฝีปากเมื่อคิดถึงรายได้จำนวนมหาศาลที่จะได้จากการขายภาพลับชุดนี้ 

 

แม้จะหงุดหงิดกับการต้องพบกับใครบางคน แต่เมื่ออยู่บนมอเตอร์ไซค์ความเครียดก็มลายหายไปในทันที ดราก้อนชอบความเร็วเป็นที่สุด เขาใช้เวลาว่างขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ แม้จะไม่คุ้นชินกับเส้นทางในเมืองไทยแต่ด้วยอุปกรณ์นำทางที่ดีเยี่ยมทำให้ชายหนุ่มปรับตัวได้ ยิ่งเมื่อเบนทิศออกต่างจังหวัด รถราบนถนนใหญ่ก็โล่งขึ้น ชายหนุ่มสามารถเร่งความเร็วไปสู่จุดหมายได้ดังใจ เขาไม่ได้กลับบ้านในกรุงเทพฯ อย่างที่ควรจะเป็น แต่กำลังไปบ้านเช่าที่อำเภอสวนผึ้งแทน 

หลังจากขี่รถมานานจนถึงจุดหมาย ดราก้อนจอดมอเตอร์ไซค์หน้าบ้าน ผลักประตูเข้าไปก็พบใครอีกคนนั่งเอกเขนกดูโทรทัศน์อย่างสบายใจเฉิบ 

เฉินห่าว หรือที่ดราก้อนมักเรียกว่าอาจารย์ผงกหัวขึ้นมา สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจผัดไทยกลิ่นหอมฉุยตรงหน้าแทน เฉินห่าวใช้ตะเกียบคีบเส้นส่งเข้าปาก กลิ่นหอมของอาหารไทยแท้ๆ หรือที่เรียกว่าสตรีตฟูดทำให้ดราก้อนยืนอยู่ตรงประตูท้องร้องจ๊อกเลยทีเดียว เขาเดินมาหยิบผัดไทยอีกห่อแต่กลับถูกตะเกียบเคาะที่หลังมือจนนิ่วหน้า 

“อะไร แค่นี้ก็หวง แบ่งหน่อยไม่ได้หรือ คุณมีตั้งสองห่อ”

คนตรงหน้าอมยิ้มจนเห็นรอยตีนกาที่หางตาทั้งสองข้าง นัยน์ตาสีฟางหยีอย่างอารมณ์ดี

“แบ่งอยู่แล้ว แต่ต้องไปล้างมือก่อน”

ดราก้อนทำหน้าเบ้ มองหลังมือที่กลายเป็นรอยแดงจากการถูกเคาะ

“ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย”

“ยังไงก็เด็กกว่าผม” เฉินห่าวยักไหล่ 

ดราก้อนหน้าบึ้ง จำต้องเดินไปล้างมือตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจนัก ชำเลืองมองประตูห้องพักเพราะรู้ว่ามีคนป่วยอยู่ในนั้น 

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนถือเป็นการออกภาคสนามครั้งแรกของเขาเลยทีเดียว ดราก้อนเผชิญหน้ากับคนร้ายที่มีอาวุธครบมือ พวกมันต้องการชีวิตชายสองคนแต่เขากับเฉินห่าวเข้าไปช่วยเอาไว้ 

 เฉินห่าวปลิดชีพมันทุกคนภายในชั่วพริบตา แต่พวกเขาไปถึงช้าเกินไป ชายอีกคนจึงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกคนถูกยิงบาดเจ็บสาหัส เคราะห์ดีที่เฉินห่าวรู้วิชาแพทย์จึงผ่าตัดนำกระสุนออก พวกเขาเร่งหาที่พักเพื่อนำคนป่วยมารักษาตัว แม้จะผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่ร่างกายของอีกฝ่ายอ่อนเพลียมากเพราะเสียเลือด ช่วงแรกดราก้อนกลัวเหลือเกินว่าคนเจ็บจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนเสียชีวิต เขากับเฉินห่าวต้องผลัดกันเฝ้า จนในที่สุดคนป่วยก็พ้นขีดอันตราย ร่างกายของคนป่วยยังไม่ฟื้นตัวดีจึงต้องนอนอยู่แต่ในห้อง 

“ยังไม่ออกมาหรอก อย่าสนใจเลย รีบกินเถอะ”

สิ่งที่ดราก้อนสนใจไม่ใช่อาการของคนป่วย แต่คือคำถามว่าเพราะอะไรเฉินห่าวถึงยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยคนแปลกหน้า คนที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฮ่องกงมาตลอดชีวิตจู่ๆ ยอมบินมาเมืองไทยต้องไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญแน่ แต่พอถามเฉินห่าวก็ไม่ยอมบอก 

เฉินห่าวเป็นคนลึกลับมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดราก้อนได้พบกับเฉินห่าวครั้งแรกตอนอายุสิบขวบ ตอนนั้นเขามีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนและถูกรุมทำร้าย เขาเกลียดทุกคนที่ชอบล้อว่าเขาเป็นลูกไม่มีพ่อ แต่สมัยก่อนเด็กชายตัวเล็กจึงสู้เพื่อนไม่ได้และถูกรังแกเป็นประจำ เขามักจะหนีไปซ่อนในห้องน้ำแต่ก็ถูกเด็กที่โตกว่าล้อมเอาไว้

เฉินห่าวสอนวิธีเอาชนะเด็กคนอื่นๆ ด้วยเทคนิคการต่อสู้ แม้ดราก้อนจะตัวเล็กกว่าอีกฝ่ายเกือบเท่าตัวแต่ก็จัดการเพื่อนที่มารังแกได้สบายๆ เขาใช้เวลาหลังเลิกเรียนฝึกศิลปะป้องกันตัว ทั้งชกมวย ยิงปืนฟันดาบ การต่อสู้ระยะประชิด เพื่อต่อกรกับคนที่มากลั่นแกล้ง ริวฝึกหนักจนชำนาญ แรกทีเดียวก็เพื่อต่อสู้ป้องกันตัว แต่หลังจากนั้นกลับเป็นความสนุกเมื่อได้ฝึกฝนสิ่งใหม่ๆ ไม่มีใครในบ้านรู้ว่าเขาแอบฝึกวิชากับเฉินห่าวทุกครั้งที่ว่าง ดราก้อนอ้างว่ามีติวหนังสือกับเพื่อนแม้แต่มารดาก็ไม่เคยถามด้วยซ้ำ 

 ชายหนุ่มปรายตาไปทางประตูอีกครั้ง ก่อนทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม คว้าห่อผัดไทยไปแกะใบตองออก กลิ่นหอมยั่วน้ำลายสอ เส้นจันท์ที่ผัดจนสีเงาสวย เต้าหู้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำทอดจนเหลือง ถั่วงอกกรอบ กุ้งตัวโตสีส้มสวย ชายหนุ่มคีบเส้นส่งเข้าปาก 

 “ช้าๆ หน่อย ประเดี๋ยวก็ลวกปากกันพอดี”

 “มีอีกห่อไหม ผมไม่อิ่มแน่”

 เฉินห่าวพ่นลมออกทางจมูก ยิ้มจนเห็นรอยย่นที่หางตา “ตะกละชะมัด กินยังไม่ทันหมด มาขออีกห่อ ไม่มีเงินซื้อกินหรือไง”

“ก็ผมใช้พลังงานเยอะนี่นา อีกอย่างช่วงนี้คุณใช้งานผมหนักมาก ไหนจะขับรถ ไหนจะต่อสู้”

เขาต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ กับอำเภอสวนผึ้งเพื่อดูแลคนป่วย โชคดีที่ดราก้อนมีวินัยซ้อมเต้นมาตลอดจึงไม่เสียงาน เขายังคงทำทุกอย่างได้ดีเยี่ยมเหมือนเดิม

“รู้น่า มีอีกสองห่อวางอยู่ในครัว แล้วก็มีโจ๊กด้วยเผื่อคนป่วยด้วย”

“นี่เขายังไม่กินอาหารอีกหรือ”

“ยังไม่ออกมาเลย ประตูปิดเงียบตั้งแต่เช้าแล้ว”

อาการของคนป่วยหนักมาก น่าจะใช้เวลาพักฟื้นอีกสองอาทิตย์หรือมากกว่านั้น

“อย่างนี้จะไหวหรือ” สิ่งที่เฉินห่าวย้ำก็คืออีกไม่กี่วัน คนป่วยจะต้องกลับบ้านแต่ดราก้อนคิดไม่ตกว่าคนที่อาการเพียบหนักขนาดนั้นจะมีเรี่ยวแรงเดินออกจากบ้านได้อย่างไร ขนาดอาหารยังต้องนำไปประเคนถึงในห้อง

“ไม่ไหวก็ต้องไหว เขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

“ทำไมต้องรีบ เขามีธุระอะไรงั้นหรือ”

“จะถามให้มากความทำไม ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นเจ้าหนูจำไม ถามนู่นถามนี่ รีบกินให้เสร็จๆ แล้วก็เทโจ๊กไปให้คนป่วยในห้องด้วย”

“แล้วคุณล่ะ”

“ผมว่าจะไปงีบสักหน่อย จะฝากคุณเฝ้าแทน ได้ข่าวว่าว่างจนถึงเย็นพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ”

เฉินห่าวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาเป็นประกาย ดราก้อนเกลียดสายตาแบบนี้เป็นที่สุด แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ลงเลยสักที “ทีแบบนี้ละรู้ดี ถ้าคืนนี้ผมไม่มาจะทำยังไง”

“คนไฮเปอร์อย่างคุณคงไม่ยอมถูกขังอยู่แต่ในโรงแรมหรอก ต้องหาเรื่องแจ้นออกมาข้างนอกจนได้นั่นละหรือไม่จริง”

ดราก้อนเกลียดการอยู่เฉยๆ เป็นที่สุด หลายวันก่อนตอนอาจารย์ส่งข้อความชวนให้ไปออกภาคสนาม เขาก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาทันที 

“รู้ใจผมเหลือเกินนะ ผมอาจจะไม่ยอมทำตามที่คุณสั่งก็ได้”

“สรุปจะเฝ้าหรือไม่เฝ้า” คนอาวุโสกว่าขู่

“แหม ทำเป็นดุ คุณก็รู้ว่าผมเป็นเด็กดีขนาดไหน”

“งั้นก็รีบกิน จะได้เอาอาหารให้คนป่วย ป่านนี้เป็นลมไปแล้วมั้ง”

“สั่งใหญ่เชียวนะ ทำไมต้องดูแลเขาดีขนาดนี้ ญาติก็ไม่ใช่สักหน่อย”

ที่ผ่านมาดราก้อนเป็นลูกมือช่วยเช็ดตัวและทำแผลให้คนป่วย ร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงมีไข้สูง ตัวร้อนราวกับไฟรุม เขาเคยถามถึงเหตุผลแต่เฉินห่าวก็ตอบเพียงว่าชายหนุ่มคนนี้คือกุญแจสำคัญ ด้วยความอยากรู้เขาจึงลองค้นข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ และก็พบว่าผู้ชายที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้เป็นถึงดีไซเนอร์ดังซึ่งกำลังจะมีผลงานแฟชั่นโชว์ในเมืองไทยวันมะรืนนี้ 

“ถามแต่คำถามเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง”

“ผมจะถามจนกว่าคุณจะหลุดปากบอกความจริงว่าเขาสำคัญยังไงต่อคุณกันแน่ อะไรทำให้คุณอุตส่าห์บินมาทำตัวเป็นฮีโรถึงเมืองไทย”

“ไม่มีทาง เลิกเซ้าซี้ แล้วก็กินเสีย ผมจะไปนอนละ”

ชายร่างหนาจัดการกับผัดไทยในห่อของตัวเองเสร็จ เขานำขยะไปทิ้งลงถัง 

ดราก้อนส่ายหน้า มองตามแผ่นหลังอีกฝ่าย แม้ปีนี้เฉินห่าวอายุมากแล้วแต่การเคลื่อนไหวกลับคล่องแคล่วราวกับหนุ่มๆ คงเพราะออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ร่างหนายักไหล่โบกมือ เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนอีกฝั่ง ดราก้อนหันมาสนใจผัดไทยตรงหน้า เขากินหมดสองห่อในเวลาอันรวดเร็ว แล้วเดินเข้าไปในครัวและเทโจ๊กลงในชามเพื่อนำเข้าไปให้คนป่วยในห้องตามคำสั่ง 

 

แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในห้องทำให้ร่างสูงหยีตา ดราก้อนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปบนโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่คงเพราะความเหนื่อยล้าจากการขี่รถทางไกล เมื่อคืนเขานำอาหารเข้าไปในห้องและพบว่าคนป่วยนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนเตียง ไทกะตัวสูงมาก ผิวขาวจัดแม้ว่าบนร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผลแต่ก็ยังบดบังความหล่อไม่ได้อยู่ดี รูปในหนังสือพิมพ์เมื่อเทียบกับตัวจริงแล้วยังห่างชั้นอยู่มาก เขาได้แต่สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถูกคนร้ายตามไล่ฆ่า

เมื่อได้อาหารคนป่วยก็รับไป พยักหน้ายิ้มให้ ดราก้อนไม่กล้าพูดคุยกับคนป่วยเพราะเขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากส่งอาหารให้ตามคำสั่งเขาก็กลับมานั่งดูโทรทัศน์ก่อนจะหลับยาวและตื่นขึ้นมาตอนนี้ 

เมื่อผลักประตูออกไปตรงระเบียงบ้านก็พบว่าเฉินห่าวตื่นก่อนแล้ว ภาพที่เห็นจนคุ้นตาคือชายอายุหกสิบมักจะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และจิบกาแฟ แต่ลึกๆ ลงไปแล้วดราก้อนมั่นใจว่าอาจารย์คงกำลังกังวลเรื่องเส้นตายที่กำลังใกล้เข้ามา ข่าวทุกสำนักตีพิมพ์เรื่องการหายตัวไปของดีไซเนอร์ บ้างก็ว่างานอาจจะต้องล่มหากเขากลับมาไม่ทัน 

“เขาจะกลับบ้านไหวแน่หรือ” ดราก้อนถามดักคอ ไทกะต้องไปร่วมงานนี้ แต่แค่เดินยังไม่ไหว 

เฉินห่าวยักไหล่ มองมา “คงไม่มีทางเลือกอื่น นี่ก็ครบอาทิตย์แล้ว คืนนี้เขาต้องกลับกรุงเทพฯ”

“ทำไมเราไม่พาเขาไปส่ง” 

ดราก้อนพูดขึ้นยังพูดไม่จบ เฉินห่าวก็โพล่งขึ้นก่อน

“ไม่! เราต้องไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก เท่านี้ก็เสี่ยงมากพอแล้ว”

“ถ้ากลัวแล้วช่วยเขาทำไม”

“เพราะมันไม่มีทางเลือก เอาน่า อย่าเซ้าซี้อีกเลย คุณต้องเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ มีงานใหญ่รออยู่”

“งานน่าเบื่อ ผมอยากออกไปบู๊กับคุณแบบวันนั้นอีก”

“เรื่องบู๊ยังมีอีกเยอะ เอาไว้ถึงเวลาของคุณก่อน ถึงตอนนั้นคุณจะบู๊จนเบื่อเลย”

“ว่าแต่คุณวางแผนจะให้เขาไปกรุงเทพฯ ยังไงหรือ ตอนนี้แค่เดินนิดเดียวก็หอบแล้ว”

แผลตามตัวดีขึ้น แต่ไทกะยังอ่อนเพลียเพราะเสียเลือด เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเตียงและต้องให้คนนำอาหารเข้าไปให้ 

“จะมีคนแวะมารับ”

“ใครหรือ แล้วเขารู้จักที่นี่ได้ยังไง เพื่อนคุณงั้นหรือ”

ชายสูงวัยส่ายหน้า เหลือบตามองไทกะที่นั่งสมาธิอยู่ด้านใน เขาพยายามฝึกหายใจอย่างที่เรียนมา 

“เพื่อนเขาต่างหาก” 

เฉินห่าวยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ดราก้อนไม่ชอบเอาเสียเลย หลายครั้งที่เขาทึ่งในการคาดการณ์อันแสนแม่นยำของอาจารย์

“ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“คุณคิดว่าใครตื๊อเก่งกว่ากันล่ะ” ชายสูงวัยพูดติดตลก 

“ผู้หญิงอยู่แล้ว น่าเบื่อที่สุด”

“บอกว่าผู้หญิงน่าเบื่อ แต่สักวันคุณก็ต้องมีแฟนกับเขา”

“โอ๊ย ไม่มีแน่นอน ผมเกลียดผู้หญิง เอาแต่ทำเสียงแว้ดๆ น่ารำคาญ ชอบก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวก็ที่หนึ่ง แถมยังขี้อิจฉาอีกต่างหาก”

“อาจจะมีผู้หญิงดีๆ รอคุณอยู่ในอนาคตก็เป็นได้”

“ไม่ละ ขอบาย จะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต เผลอๆ อาจจะโกนหัวเข้าวัดไปเลยก็ได้”

“ผมจะคอยดู ตอนนี้เราต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อส่งมอบไทกะให้เธอคนนั้น” ชายสูงวัยพูดเป็นปริศนา 

หนุ่มน้อยขมวดคิ้ว ถามต่อ “ใครหรือ”

“ผู้หญิงที่เกาะไทกะอย่างกับปลิง”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น