8

เหล่าคนที่ซ่อนตัวอยู่


บทที่ ๘
เหล่าคนที่ซ่อนตัวอยู่

 

เสียงเดินกระแทกส้นเข้ามาในห้องรับแขกกลางบ้านทำให้ชายวัยกลางคนที่นั่งรออยู่เงยหน้าขึ้น หยางอิงชะงักเมื่อเห็น หล่อนทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปแต่ถูกเรียกเอาไว้ก่อน 

“มานั่งนี่เดี๋ยวนี้อิง ป๊ามีเรื่องจะคุยด้วย”

หยางอิงเดินคอตกมานั่งที่โซฟา บิดาเปิดหน้าจอแท็บเล็ตค้างอยู่ ภาพนั้นคือการสัมภาษณ์ของหยางอิงกับดราก้อนและทั้งหมดคือต้นเหตุให้บิดาบินด่วนกลับมาจากสิงคโปร์ก่อนกำหนด 

“ป๊าเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ อิงง่วงแล้ว”

ร่างบางแสร้งหาว แต่เหวินลู่ชิงตบโต๊ะดังลั่นตะคอก 

“รู้ด้วยหรือว่าป๊ารีบกลับมา” เหวินลู่ชิงหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ “ไหนอิงสัญญากับป๊าไงว่าจะระวังตัว แต่นี่อะไร”

“เอ่อ คือว่า”

หยางอิงกำลังจะเถียงแต่บิดากดปุ่มให้ดูบทสัมภาษณ์ ความใกล้ชิดทำให้ใบหน้าของบิดาเคียดขึ้งกว่าเดิม หยางอิงไม่เคยรู้สึกว่าบิดาหน่ากลัวมาก่อนยกเว้นตอนนี้ ท่านคงโกรธมาก 

“แต่มันเป็นงาน”

“งานอะไรป๊าไม่สน ป๊าไม่ชอบให้ไอ้หัวงูนั่นเข้าใกล้อิง พรุ่งนี้โทร. ไปยกเลิกโพรเจกต์ให้หมด”

หยางอิงน้ำตาซึม หล่อนมองหน้าบิดาอย่างตัดพ้อ “ไม่นะคะป๊า อิงรักงานนี้ อิงฝันถึงการทำโพรเจกต์นี้มาตลอดชีวิต”

“แต่อิงต้องหยุดทุกอย่าง”

“อิงไม่หยุด ป๊าบังคับอิงไม่ได้”

“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อป๊าเป็นพ่อ แค่ไม่ทันไร อิงก็กล้าเถียงป๊าแล้ว แถมยังขัดคำสั่งป๊าเป็นสิบๆ ข้อ ทำไมต้องขับรถตามไอ้ดราก้อนด้วย”

หยางอิงปาดน้ำตาออกไป บอกละล่ำละลัก “อิงขับตามหลิวเยว่ต่างหาก ป๊าสั่งให้เขาไปทำร้ายดราก้อนใช่ไหม”

เหวินลู่ชิงตาวาวโรจน์ จ้องหน้าลูกสาว “ป๊าไม่เคยสั่งอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าหลิวเยว่จะทำก็แสดงว่าเขารู้ใจป๊ามากๆ”

“ไม่จริง ป๊าสั่งให้หลิวเยว่ไปฆ่าดราก้อน ทำไมต้องทำแบบนี้ อิงบอกแล้วไงว่าก็แค่งาน อิงไม่เคยคิดอะไรกับดราก้อนเลย”

เหวินลู่ชิงกัดกรามแน่น เขาจ้องลูกสาวอย่างโกรธจัด “นี่อิงคิดว่าป๊าเป็นฆาตกรหรือไง”

หญิงสาวเม้มปากแน่น มองบิดา หล่อนไม่เคยเห็นสีหน้าอย่างนี้มาก่อน มันแฝงด้วยความน้อยใจ “เอ่อ อิงเปล่า”

“อิงหลงมัน อิงถูกมันปั่นหัวจนยอมให้มันล่วงเกิน ทั้งจูบ ทั้งกอด นี่อิงไม่คิดถึงหน้าป๊าแล้วใช่ไหมถึงทำอะไรหยามหน้ากันแบบนี้”

หยางอิงขยับจะเถียงแต่บิดากลับโยนรูปถ่ายปึกใหญ่ลงตรงหน้า หญิงสาวเอื้อมไปหยิบรูปมาดู มันคือรูปของหล่อนกับดราก้อนตั้งแต่ที่คลับรวมถึงที่ข้างถนนเมื่อวันก่อน หล่อนกำมือแน่นขอบตาแดงก่ำ มองบิดา

“ป๊าคะ อิงอธิบายได้”

“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องเถียง ป๊าไม่ฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ต่อจากนี้อิงจะต้องถูกกักบริเวณหนึ่งอาทิตย์ห้ามพบใคร อิงจะต้องอยู่แต่ในห้องจนกว่าจะทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำลงไป”

“ไม่ได้นะคะป๊า อิงมีงาน”

“อิงจะไม่มีโอกาสได้ทำงานอีกต่อไปแล้ว ส่วนเรื่องโพรเจกต์ ป๊าจะคุยกับหย่งเต๋อเองว่าจะเอาใครมาแทน”

เหวินลู่ชิงหันไปพยักหน้ากับแม่บ้านสองคน ทั้งคู่พากันเดินมาขนาบหยางอิง

“เธอสองคนทำอะไร”

“เชิญขึ้นห้องเถอะค่ะคุณหนู อย่าให้นายท่านโกรธมากไปกว่านี้เลย”

หยางอิงดิ้น แต่กลับถูกแม่บ้านสองคนขนาบข้างและล็อกแขนหล่อนไว้ หญิงสาวอยากจะต่อสู้แต่พอเห็นสายตาเฉียบขาดของบิดาก็รู้ว่าคงไม่มีทางขัดขืนได้

“ป๊า ฟังอิงก่อน อิงอธิบายได้ ป๊ากำลังเข้าใจผิด อิงกับเขาไม่มีอะไรกัน”

เหวินลู่ชิงโบกมือ แม่บ้านจึงกึ่งลากกึ่งจูงหยางอิงขึ้นบันได หล่อนมองบิดาตาละห้อยแต่ท่านกลับยกแก้วบรั่นดีบนโต๊ะขึ้นดื่มรวดเดียวสีหน้าเย็นชา หญิงสาวไม่มีทางเลือกนอกจากขึ้นไปที่ห้องตัวเอง แม่บ้านทั้งสองพาหญิงสาวเข้าไปในห้องและปิดประตู ทั้งคู่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องตามคำสั่ง เหวินลู่ชิงมองภาพนั้น หลิวเยว่เดินเข้ามาในห้องรับแขก โค้งตัวคำนับ

“มีอะไร”

“เกิดเรื่องที่วัดครับ คุณเหว่ยป๋อจือหายตัวไป”

เหวินลู่ชิงขมวดคิ้ว มองหลิวเยว่ “แล้วไอ้ดราก้อนล่ะ”

“เขาปลอดภัยดี วันนี้เขาแวะไปที่” หลิวเยว่บอกชื่อตึกที่ตั้งอยู่ในย่านชานเมือง เหวินลู่ชิงขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

“อย่างมันเนี่ยนะไปที่นั่น ฉันว่าไม่ใช่แน่ๆ มันต้องจอดรถเอาไว้และแอบไปที่อื่น”

“ผมก็คิดแบบนายท่าน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะวนรถที่นั่นอีกครั้ง ผมมั่นใจว่าดราก้อนต้องแอบไปพบใครสักคน แต่ไม่อยากให้เรารู้”

“จับตามันให้ดีๆ รวมถึงไอ้ผู้จัดการของมันด้วย ถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไร รีบรายงานฉันด่วนที่สุด”

“ครับท่าน”

หลิวเยว่โค้งตัวออกไป เหวินลู่ชิงเทบรั่นดีลงแก้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา พ่อบ้านซึ่งสวมชุดคอจีนเป็นเสื้อกางเกงขายาวเดินเข้ามา ผมของอีกฝ่ายเป็นสีเทาหมดทั้งศีรษะแต่นัยน์ตายังคมกล้า เมื่อเข้ามาถึงก็โค้งคำนับเหวินลู่ชิง

“มาทำไม”

“เผื่อนายท่านอาจจะอยากให้ผมช่วยอะไร”

“ไม่! นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น อยู่เฉยๆ เป็นดีที่สุด”

ร่างสูงขยับจะโต้แย้ง แต่เหวินลู่ชิงโบกมือให้หยุด

“ฉันสั่งคำไหนก็คำนั้น”

คนตรงหน้าอึ้ง เหวินลู่ชิงแค่นเสียง

“ทำตามที่ฉันสั่ง อีกไม่นานเราอาจจะต้องลงมือจัดการอะไรบ้างอย่าง เพื่อสะสางเรื่องในอดีต”

 

ดราก้อนเดินออกจากห้องสอบสวนด้วยสภาพอิดโรยสุดขีด ตำรวจไม่อนุญาตให้ลี่หงเข้าไปด้วย จึงมีเพียงทนายประจำตัว ตลอดเวลาสี่ชั่วโมงอันยาวนาน ดราก้อนต้องตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา เพื่ออธิบายว่าทำไมเขาถึงไปหามารดากลางดึก ตำรวจสงสัยว่าเขากำลังปิดบังบางอย่างโดยเฉพาะเรื่องที่ว่าเหว่ยป๋อจือ มีอันตราย 

“เป็นไงบ้าง” ลี่หงปราดเข้ามาหา

“ไม่มีอะไร ตำรวจก็แค่ถามไปตามหน้าที่”

“แล้วนายตอบเขาไปหมดไหม”

“หมดสิ ทุกอย่างที่ฉันรู้ก็พูดไปหมดแล้ว”

ดราก้อนโกหก เขาบอกตำรวจว่าเป็นห่วงมารดาเพราะโทร. หาแล้วท่านไม่รับสาย แต่พอไปถึงแม่ชีไม่ให้เข้าไป เขาจึงแสร้งพูดไปว่าท่านตกอยู่ในอันตราย ตำรวจไม่เชื่อจึงซักเขาอยู่หลายรอบ ดราก้อนก็ยืนยันคำเดิม สุดท้ายทนายความก็ช่วยทำให้ตำรวจหยุดสอบถามทุกอย่างแต่ชายหนุ่มจะต้องมารายงานตัวและตอบคำถามหากมีข้อสงสัยอะไรเพิ่ม แม้จะรู้ว่าเสี่ยงแต่ดราก้อนก็บอกความจริงไม่ได้ เขาไม่แน่ใจว่าในกรมตำรวจจะมีสมาชิกขององค์กรไฟร์ฟีนิกซ์อยู่บ้างหรือเปล่า หากพวกมันรู้ว่าเขามีรายชื่อในมือ บางทีดราก้อนอาจถูกพวกมันตามล่า

“เอาเถอะ นายเหนื่อยมามากแล้ว เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งนายที่คอนโดก็แล้วกันนะ แล้วฉันแคนเซิลงานทั้งสัปดาห์เอาไว้ให้แล้ว”

“เฮ้ย นานอย่างนั้นเลยหรือ แล้วหย่งเต๋อไม่ว่าอะไรหรือ”

“ไม่หรอก เพราะคุณหนูหยางอิงก็แคนเซิลงานเหมือนกัน ฉันก็เลยถือโอกาสลางานให้นาย ยังไงเสียอาทิตย์นี้นายไม่มีสมาธิแน่นอน”

“ยายเดวิลเป็นอะไร ทำไมต้องลา”

“ไม่รู้สิ เห็นลูซี่บอกว่าไม่สบาย ขอหยุดหนึ่งอาทิตย์”

“ไม่สบายจริงหรือ ฉันว่าป่วยการเมืองมากกว่า”

“ฉันก็คิดอย่างนั้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะถูกพ่อกักบริเวณ”

ดราก้อนเลิกคิ้ว ลี่หงหยิบมือถือมาเปิดข่าวกอสซิปให้ดู เนื้อข่าวเขียนไว้ว่านักร้องคู่ดูโอกิ๊กนอกจอ 

“เฮ้ย อะไรกันวะ”

“แต่ก็ดีนะ หย่งเต๋อชอบบอกว่ายิ่งมีข่าวแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ แบบนี้โพรเจกต์จะได้ปัง”

“นี่เขาไม่คิดถึงอะไรนอกจากผลประโยชน์เลยหรือไง”

“เอาน่า อย่างน้อยอาทิตย์นี้นายก็ได้พัก จะได้นั่งคิดดูว่าจะไปตามหาแม่นายที่ไหนดี”

ตำรวจน้ำและหน่วยลาดตระเวนริมชายฝั่ง ค้นทั้งบนบกและในทะเลแต่ไม่พบร่องรอยของเหว่ยป๋อจือเลยจึงสันนิษฐานว่าหล่อนน่าจะยังไม่ตาย ส่วนรอยเลือดที่พบนั้นก็เป็นเลือดคนละกรุ๊ปกันทำให้คิดว่าน่าจะเป็นเลือดของคนร้ายซึ่งตรงกับเสื้อที่พบติดอยู่ที่กิ่งไม้

“ฉันคิดไม่ออก มันมืดแปดด้านไปหมด”

“แม่นายเป็นคนดี พระต้องคุ้มครอง ฉันมั่นใจว่าท่านยังมีชีวิตอยู่”

“นายทำตัวเป็นพ่อแก่อีกแล้ว”

“ก็ต้องมีบ้าง เพื่อปลอบใจนายยังไงล่ะ เรากลับคอนโดกันเถอะ นายรอตรงนี้นะ ฉันจะไปขับรถมารับ”

ร่างสูงพยักหน้า เขาหันไปหาทนายความและขอบคุณ ดราก้อนยืนอยู่ด้านหลังสถานีตำรวจเพราะรู้ว่าด้านหน้ามีกองทัพนักข่าวดักรอสัมภาษณ์ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะตอบอะไรทั้งนั้น อีกทั้งต้นสังกัดก็สั่งว่าควรเงียบไว้ก่อน ระหว่างรออยู่นั้น มือถือก็ดังขึ้น เบอร์หน้าจอถูกปกปิด เขามองแล้วก็ตัดสินใจกดรับ

“ฉันเอง ฉันแค่จะบอกนายว่ามีคนมาตามหานายที่บ้านฉันสองคน” เสียงเอริกมาตามสาย

“ใคร”

“ผู้ชายคนหนึ่ง คนนี้มาสองครั้งแล้ว ฉันค้นประวัติใบขับขี่แล้ว เขาคือคนสนิทของเหวินลู่ชิงที่ชื่อว่าหลิวเยว่”

“มันไปทำอะไรที่นั่น”

“มันแอบขับรถตามนายมา แล้ววันนี้ก็มาตระเวนดูลาดเลาแถวบ้านฉันอีก แต่มันหาทางเข้าบ้านไม่เจอ”

“ไอ้เหวินลู่ชิงนี่กัดไม่ปล่อยจริง” ดราก้อนพึมพำ เขาเพิ่งนึกได้ว่าเอริกบบอกว่ามีสองคน “แล้วอีกคนหนึ่งใคร”

“คนนี้นายต้องดีใจแน่เลย”

น้ำเสียงยิ้มๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะจากปลายสายทำให้ดราก้อนหัวเสียอีกครั้ง

“ใครวะ ทำเป็นลับลมคมในไปได้”

“ฉันส่งรูปให้ดูก็แล้วกัน รับรองว่านายต้องยิ้มปากถึงหู”

เสียงเตือนเมื่อมีข้อความส่งเข้ามา ดราก้อนคลิกดูรูปและก็พบว่าคือหยางอิงนั่นเอง ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดในละแวกวัด วัน เวลา คือวันที่เกิดเหตุคือวันที่ไปอัดรายการที่สตูดิโอนั่นเอง

“หยางอิงขับรถตามฉันหรือ”

“ใช่ สงสัยเธอจะหลงเสน่ห์นาย”

ดราก้อนโคลงศีรษะ ทำไมหยางอิงถึงได้ขับรถตามเขา หล่อนต้องการอะไรกันแน่ หล่อนจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของมารดาหรือเปล่า 

“เอริก นายช่วยรับงานอีกอย่างได้ไหม ฉันมีเรื่องให้ช่วย”

“ได้สิ สำหรับนาย ฉันทำได้อยู่แล้ว”

“ฉันอยากได้รูปจากกล้องวงจรปิดในละแวกวัดแม่ชีทั้งหมด ฉันอยากรู้ว่าใครที่มาถึงวัดก่อนที่ฉันจะมาถึง”

“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้จิ๊บๆ ฉันจัดการให้ได้ในสองชั่วโมง นายรอรับก็แล้วกัน ถือเสียว่าเป็นอภินันทนาการจากฉันขอให้นายตามแม่เจอเร็วๆ”

 

เฉินห่าวยกถาดอาหารเข้าไปในห้องคนป่วย เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนป่วยบนเตียงก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าของเหว่ยป๋อจือเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รอบดวงตาบัดนี้กลายเป็นสีม่วงช้ำ ดั้งจมูกมีรอยช้ำและถลอก เช่นเดียวกับลำตัวที่เต็มไปด้วยร่องรอยจากการต่อสู้ แม้จะผ่านการฝึกศิลปะการต่อสู้มาอย่างบ้างแต่ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กอยู่วันยังค่ำ เมื่อต้องรับมือกับนักฆ่ามือฉกาจก็ย่อมบาดเจ็บ 

หญิงสาวสู้สุดกำลัง คว้ามีดปอกผลไม้มาแทงคนร้าย ก่อนที่เฉินห่าวจะเข้ามาช่วย ทั้งสองปีนออกทางหน้าต่างแต่คนร้ายไม่ยอมรามือ เฉินห่าวจึงพาเหว่ยป๋อจือกระโดดลงจากหน้าผา แรงปะทะผนวกกับน้ำเย็นทำให้จุกจนหายใจไม่ออก คนร้ายกระโดดตามลงมา เฉินห่าวใช้ความเร็วปลิดชีพคนร้าย ก่อนที่ทั้งคู่จะนำร่างของมันถ่วงลงใต้น้ำ คงอีกหลายวันกว่าศพจะลอยขึ้นมาด้านบน เขารีบโทร. หาบุษราให้นำเรือมารับ ก่อนที่ทั้งสามจะหนีมากบดานยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง

“ฉันทำให้ลุงเฉินลำบากอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เราคนกันเอง คุณเป็นยังไงบ้าง กินข้าวแล้วก็กินยาเสียหน่อยนะ แล้วจะได้นอนพัก”

อาการของเหว่ยป๋อจือไม่หนักมาก แค่การฟกช้ำ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็จะหายแต่ที่ทั้งสามกังวลคือจะหลบคนขององค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ได้อีกนานสักแค่ไหน ตั้งแต่กลับจากเมืองไทย เฉินห่าวเปลี่ยนเซฟเฮาส์มาสามแห่งแล้ว คนขององค์กรหูผีจมูกมด พวกมันตามมาเจอได้เร็วมาก พวกเขากบดานอยู่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่และอาศัยจ้างชาวบ้านออกไปซื้อเสบียงมาให้ เงินจำนวนมากที่ใช้ปิดปากทำให้ชาวบ้านไม่เอ่ยปากอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็คงวางใจไม่ได้ 

“ฉันนอนมาทั้งวันแล้ว อยากจะลุกสักหน่อย”

เฉินห่าวประคองร่างบนเตียงขึ้น เหว่ยป๋อจือมองไปทางประตูเพื่อหาเพื่อนร่วมบ้านอีกคน

“ป้าบุษไปไหนเสียล่ะ”

“ออกไปสำรวจรอบๆ บ้านดูลาดเลา ว่ามีใครมาตามหาเราไหม”

สิ่งที่สองคนทำตั้งแต่กลับจากทั้งเมืองไทยคือหาที่ซ่อนซึ่งปลอดภัย อาการบาดเจ็บของบุษราหายดีแล้ว หล่อนเชี่ยวชาญการปลอมตัวจึงอาสาออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราว ทั้งนี้เพื่อสืบข่าวจากภายนอก ขณะที่เฉินห่าวเองก็คอยจับตาดูเหว่ยป๋อจือ พวกเขาติดต่อกันมาตั้งแต่แรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อน 

เฉินห่าวกับเหว่ยป๋อจือต่างเป็นสมาชิกขององค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองต่างมีความลับในอดีต องค์กรใช้ความลับบีบให้พวกเขาทำงานให้ 

เฉินห่าวเคยเป็นหมอทหาร แต่ต้องออกจากราชการเพราะดันไปรู้เห็นเรื่องเลวร้ายของพวกมันเข้า ครอบครัวเขาถูกฆ่าล้างโคตร ไม่เว้นแม้แต่เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบ เฉินห่าวถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุกและยึดใบประกอบโรคศิลป์ ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสทำงานในโรงพยาบาลดีๆ ได้แต่ใช้วิชาดูแลคนป่วยนอกระบบเท่านั้น ทุกอย่างเป็นเพราะองค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ คนของมันไม่ปล่อยให้เขามีที่ยืนในสังคม เฉินห่าวจึงตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะต้องโค่นล้มองค์กรให้จงได้ ตอนนี้เขาใกล้จะทำสำเร็จแล้ว เหลือแค่เพียงรอโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น ข้อมูลในทัมบ์ไดรฟ์นี้คงจะพอทำให้ภารกิจสำเร็จ ขาดแต่ว่าเขาต้องนำมันกลับฮ่องกงให้ได้เท่านั้น 

ส่วนเหว่ยป๋อจือในอดีตเคยถูกคนชั่ววางยาและถ่ายภาพเปลือยเอาไว้เพื่อแบล็กเมล์ ดาราสาวพยายามขอความช่วยเหลือจากตำรวจ แต่คนเหล่านั้นกลับยิ่งยื่นข้อเสนอเอารัดเอาเปรียบหล่อนมากขึ้น เหว่ยป๋อจือ ถูกมาเฟียรายหนึ่งบีบให้เป็นเมียเก็บเพื่อนำรูปเปลือยกลับคืนมา เมื่อหาทางออกไม่ได้เหว่ยป๋อจือตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่เฉินห่าวช่วยหล่อนไว้โดยบังเอิญ เขาเกลี้ยกล่อมให้หญิงสาวหาทางออกอื่น เหว่ยป๋อจือจึงเข้าร่วมองค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ แม้สุดท้ายจะได้รูปกลับคืนมาแต่ดาราสาวกลับได้รู้องค์กรว่ามีความเลวร้ายยิ่งกว่านั้นหลายเท่าตัว 

ทุกครั้งที่เข้าประชุม สมาชิกจะสวมใส่หน้ากากและใช้เครื่องแปลงเสียง แต่เพราะเหว่ยป๋อจือจำปริญญ์ได้ ปริญญ์ต้องการออกจากองค์กรแต่หัวหน้าไม่ยอมและออกคำสั่งฆ่ายกครัว เหว่ยป๋อจือพยายามหาทางช่วยแต่หล่อนกับเฉินห่าวไปถึงช้าเกินไป รถของสไบแพรตกลงไปในแม่น้ำเรียบร้อยแล้ว ความเชี่ยวกรากของกระแสน้ำทำให้ยากกับการดำลงไป กว่าเหว่ยป๋อจือจะดำลงไปถึงรถก็พบว่าเด็กทั้งสองคนหายตัวไปแล้ว ดราก้อนในวัยเด็กจมน้ำและหัวใจหยุดเต้น ทั้งคู่ช่วยกันปั๊มหัวใจจนฟื้น 

ช่วงแรกเฉินห่าวเป็นผู้เลี้ยงดูดราก้อน หลังจากที่เหว่ยป๋อจือตั้งหลักได้ หล่อนก็รับเด็กชายไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูว่าหล่อนเป็นเมียเก็บ และหนีไปคลอดลูกที่ต่างประเทศแต่เหว่ยป๋อจือไม่สนใจ หล่อนตกหลุมรักเด็กชายผิวขาว แก้มกลมเข้าอย่างจัง จึงเลี้ยงดูดราก้อนเหมือนกับลูกในไส้ แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยบอกก็คือความจริงในอดีต 

“พวกเราคงอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน”

แม้พื้นที่นี้จะห่างไกลจากตัวเมือง ชาวบ้านในละแวกนี้มีฐานะยากจน แต่การที่คนแปลกหน้าสามคนมาอยู่ร่วมกันย่อมกลายเป็นจุดเด่น 

“คุณเดินทางไหวแล้วหรือ”

“ฉันไหว แต่คราวนี้เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดี”

“คงต้องหลบไปฝั่งมาเก๊า ที่นั่นน่าจะปลอดภัยกว่า”

“คุณมีเซฟเฮาส์อยู่อีกหลังหรือ”

“ใช่ แต่เล็กกว่าที่นี่ ทางเข้าสลับซับซ้อนพอสมควร คุณจะได้พักฟื้นให้ร่างกายดีขึ้นกว่านี้”

เหว่ยป๋อจือยิ้ม หากคืนนั้นเฉินห่าวไม่ได้บุกเข้าไปช่วยหล่อนอาจจะกลายเป็นศพไปแล้ว หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนขององค์กรไฟร์ฟีนิกซ์จะลงมืออุกอาจเช่นนี้

“ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น เป็นห่วงก็แต่ริว ป่านนี้คงเครียดมาก”

ข่าวจากสื่อทุกสำนักเผยให้เห็นภาพดราก้อนที่มีสีหน้าอิดโรย เหว่ยป๋อจือ มั่นใจว่าลูกชายคงนั่งไม่ติดด้วยความเป็นห่วง 

“เรื่องริวไม่ต้องห่วงหรอก คุณเลี้ยงดูเขามาดีมาก เขาเอาตัวรอดได้สบาย”

“คุณเองก็เป็นอาจารย์ที่ดีเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงเอาตัวไม่รอดตอนอยู่เมืองไทย”

“ผมแค่ทำสิ่งที่จำเป็น”

“คนขององค์กรสั่งจับตายพวกเราแล้ว เราจะทำยังไงต่อ”

“ก็ต้องสู้กันสักตั้ง อย่างน้อยตอนนี้เราก็มีหมากสำคัญในมือ”

“คุณหมายถึงตำรวจคนนั้นนะหรือ”

“ใช่”

เฉินห่าวรู้จักนายตำรวจมือสะอาดคนหนึ่ง เขาบังเอิญเห็นตอนที่ดราก้อนนัดพบกับคริสที่ตลาดจึงแอบติดตามไป เขาฉวยโอกาสที่คริสอยู่ตามลำพังเข้าไปคุย อีกฝ่ายรับปากว่าจะช่วย

“แต่เขาเป็นแค่ตำรวจตัวเล็กๆ จะรับมือกับระดับหัวหน้าได้หรือ”

“ผมเชื่อว่าเขาทำได้ ตอนนี้คริสกำลังหาทางเข้าไปในบ้านของเหวินลู่ชิงเพื่อหาหลักฐานเพิ่ม”

“อะไรนะ บ้าหรือเปล่า” เหว่ยป๋อจือโพล่งออกมา เหวินลู่ชิงคือมาเฟียตัวเอ้ที่มีลูกน้องเป็นโขยง สิ่งที่หล่อนไม่เข้าใจก็คือเพราะอะไรคริสถึงต้องลอบเข้าไปในบ้านนั้นด้วย

“ตอนแรกผมก็คิดว่าแบบนั้น แต่พอรู้เหตุผลถึงเข้าใจ”

“มีเหตุผลอะไรถึงจะบุกถ้ำเสือ”

“ก็เพราะว่าฆาตกรคนสุดท้ายที่ฆ่าปริญญ์กับครอบครัวยังมีชีวิตอยู่น่ะสิ”

เหว่ยป๋อจืออ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ฆาตกรฆ่ายกครัวปริญญ์และสไบแพรมีทั้งสิ้นสี่คน ได้แก่ โชค ก้าว คร้าม และชัย สามคนแรกเสียชีวิตไปแล้วในเวลาไล่เลี่ยกัน 

“ชัยซ่อนตัวอยู่ในบ้านของเหวินลู่ชิงงั้นหรือ”

“ใช่ แต่อาจจะอยู่ในสภาพที่เราทุกคนคาดไม่ถึง”’

 เหว่ยป๋อจือเคยไปบ้านของเหวินลู่ชิงสองครั้งแต่กลับไม่เคยเจอชัยมาก่อน นั่นหมายถึงว่าเขาอาจจะปลอมตัวเป็นใครสักคน

 “ตำรวจคนนั้นจะหาชัยเจอได้ยังไง”

 “ผมมีวิธี เราคงต้องให้เด็กหนุ่มมีฝีมือช่วย”

 “คุณหมายถึง”

 “ผมคิดว่าสอนลูกศิษย์มาดีพอให้ฉลาดและมีไหวพริบ เรื่องแค่นี้ริวจัดการได้แน่ ขอแค่มีตัวกระตุ้นบางอย่าง”

 “คุณจะส่งข่าวให้ริวรู้งั้นหรือ”

 “ใช่ ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้คุณก็ต้องการความช่วยเหลือ”

 

 สื่อทุกสำนักยังคงเกาะติดข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของเหว่ยป๋อจืออย่างต่อเนื่อง บ้างก็ว่าหล่อนโดนลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ บ้างก็ว่าหล่อนถูกอุ้มโดยผู้มีอิทธิพล บางสื่อที่ไร้จรรยาบรรณถึงกับพาดหัวข่าวว่าอดีตดาราสาวกลายเป็นศพไปแล้ว 

 ดราก้อนขังตัวอยู่แต่ในคอนโดเพราะไม่อยากตอบคำถามใดๆ นักข่าวติดต่อผ่านลี่หงเพื่อขอสัมภาษณ์แต่ลี่หงปฏิเสธไป ร่างกายชายหนุ่มซูบผอมลงกว่าเดิมมาก หน้าตอบ หนวดเครารุงรัง เขากินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงมารดา ผ่านมาเกือบสี่วันแล้ว ทีมกู้ภัยและทหารเรือรวมถึงยามชายฝั่งยกเลิกการค้นหา พวกเขาเจอแต่ศพของคนร้ายที่ลอยมาติดฝั่งในสภาพที่บวมอืด แต่กลับไม่พบศพของเหว่ยป๋อจือ ดราก้อนปลอบตัวเอง เขามั่นใจว่ามารดายังมีชีวิตอยู่

 “กินอะไรสักหน่อยเถอะ นายเอาแต่นั่งถอนหายใจแบบนี้ ฉันกลุ้ม”

 “ฉันไม่หิว”

 “บะหมี่หมูแดงเป็นไง หรือว่าข้าวหน้าเป็ด หรืออยากกินสเต๊กก็ได้นะ ฉันจะสั่งมาให้”

 “ต่อให้เป็นอาหารฮ่องเต้ฉันก็กินไม่ลง นายกินเถอะ”

 “ไม่เอาน่า ฉันว่าแม่นายต้องปลอดภัย แต่อาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

 “ที่ไหนล่ะ ทำไมแม่ไม่ส่งข่าวมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นห่วง” สิ่งที่ดราก้อนไม่เข้าใจก็คือหากมารดายังมีชีวิตท่านน่าจะหาทางส่งข่าวให้รู้ แต่สี่วันที่ผ่านมาทุกอย่างเงียบ เขาไปรับของใช้ส่วนตัวมารดามาจากโรงชีรวมถึงโทรศัพท์มือถือที่ฝากแม่ชีเอาไว้ 

 คราบเลือดในห้องเป็นของคนร้ายที่ถูกพบเป็นศพ ภายในห้องเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของมารดากับร้าย กองพิสูจน์หลักฐานพบรอยเท้าของหลายคนด้านหลังห้อง แต่เนื่องจากทีมกู้ภัยที่เข้าไปตรวจทำให้ไม่สามารถบอกข้อมูลได้มากไปกว่านั้น สิ่งที่ดราก้อนเดาคือมีคนอื่นเข้ามาช่วยเหลือมารดา 

 “ใจเย็นๆ น่า ท่านอาจจะต้องการดูให้ปลอดภัย”

 “ฉันไม่น่าปล่อยให้แม่ไปถือศีลคนเดียว”

 “นายจะรู้ล่วงหน้าได้ยังไงล่ะ”

 “ที่ผ่านมาฉันไม่เคยพูดดีกับแม่ด้วยซ้ำ เอาแต่ต่อว่าท่านอยู่เรื่อย”

 ดราก้อนประชดชีวิตมาตลอด เขาเหมือนเด็กชอบเรียกร้องความสนใจ ยิ่งรู้ความจริงว่าตนไม่ใช่ลูกแท้ๆ เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเลว ใครจะรู้ว่ามารดาอึดอัดมากแค่ไหนที่ช่วยปกปิดฐานะดราก้อนเอาไว้ตลอดหลายปี 

 “ฉันเข้าใจนายนะดราก้อน แต่ถึงยังไงนายก็ต้องรักษาสุขภาพ อีกสามวันก็ต้องเริ่มซ้อมร้องเพลงกันแล้ว”

 “ยายเดวิลยอมออกจากกรงแล้วหรือ”

 “ไม่ยอมก็ไม่ได้ หย่งเต๋อยื่นคำขาด ถ้าเหวินลู่ชิงไม่ยอมให้ลูกสาวมาทำงานก็คงต้องฟ้องร้องกัน”

 “เออ ดีเหมือนกัน เจอไม้นี้”

 “สรุปว่านายจะกินอะไร นี่มันก็เย็นแล้วนะ กินอาหารญี่ปุ่นไหม ฉันจะไปซื้อมาให้”

 “ไม่เอาดีกว่า ฉันเบื่อ”

 “หรืออาหารเม็กซิกันดี นายเคยชอบนี่” ลี่หงกำลังเสนอเมนูอาหาร เสียงโทรศัพท์ในห้องพักก็ดังขึ้น เขากดรับเปิดสปีกเกอร์โฟน “มีอะไรครับ ดราก้อนไม่สะดวกรับสาย มีอะไรฝากผมไว้ได้”

 “เอ่อ คือว่าผมโทร. จากนิติบุคคลชั้นล่างนะครับ พอดีมีคนมาฝากของไว้ให้คุณดราก้อนครับ”

 ลี่หงหน้าตึง โต้กลับไป “ผมบอกแล้วไงว่าดราก้อนไม่สะดวกรับของจากแฟนคลับตอนนี้ เขากำลังเศร้า”

 “ผมทราบครับ ผมก็แจ้งเขาไปแล้ว แต่เขาบอกว่าให้ส่งให้คุณดราก้อนให้ได้ เพราะมันคือของโปรดคุณดราก้อน ผมส่งรูปพร้อมการ์ดเข้าไปในไลน์ของคุณลี่หงแล้วนะครับว่าจะอนุญาตหรือเปล่า”

 รูปถ่ายถูกส่งมาในโปรแกรมแชต ลี่หงเปิดดู รูปของต้มซุปไก่ตุ๋นยาจีนพร้อมทั้งการ์ดเขียนด้วยลายมือตัวบรรจง ดราก้อนปรายตามองแต่พอเห็นลายเซ็นที่อยู่ด้านล่าง เขาก็เบิกตากว้าง

 “ขอฉันดูหน่อยลี่หง”

 เขาแย่งโทรศัพท์มือถือของผู้จัดการหนุ่มไปซูม สายตากวาดมองตัวอักษรรวมถึงชื่อที่ลงท้าย ลี่หงขมวดคิ้ว

 “แวนด้านี่ใครหรือ”

 ดราก้อนนัยน์ตาเป็นประกาย แต่เพียงครู่เดียวเขาก็รีบกลบเกลื่อนมันทิ้งไป เขายื่นโทรศัพท์คืนให้แก่ผู้จัดการหนุ่ม 

 “แฟนคลับฉันเอง”

 “คนไหนหรือ ฉันเคยเจอไหม”

 “นายไม่เคยเจอหรอก คนนี้อยู่เมืองไทยนู่น เขาไปๆ มาๆ ไทยกับฮ่องกง”

 “มีด้วยหรือแฟนคลับแบบนี้”

 “เอาน่า ฉันอยากกินต้มซุปไก่จะแย่อยู่แล้ว นายบอกเขาเอาขึ้นมาบนห้องเลยแล้วกัน”

 “เฮ้ย ไหนบอกว่าเบื่ออาหารไง”

 “ก็ฉันเปลี่ยนใจแล้วไง อ้อ ถ้าจะให้ดีนะฉันอยากกินเบียร์ด้วยนายไปซื้อมาให้หน่อยได้ไหม จะได้คลายเครียด”

 “ในตู้เย็นไม่มีหรือไง”

 “ไม่มี ฉันไม่เคยซื้อติดไว้”

 ลี่หงโคลงศีรษะกับการรวนเรของนักร้องหนุ่ม “นายนี่มันอารมณ์แปรปรวนเหลือเกินนะริว เดี๋ยวกินเดี๋ยวไม่กิน เรื่องมากจริงๆ”

 “เอาน่า นายคงไม่อยากเห็นฉันหน้าซีดเซียวตอนออกทีวีหรอกใช่ไหม นะลี่หงไปซื้อเบียร์มาให้หน่อย เดี๋ยวฉันจะซดซุปไก่รอ”

 “เออๆ ก็ได้ ชาติก่อนฉันคงเป็นทาสนาย ชาตินี้ถึงต้องตามมาเป็นสารพัดเบ๊ให้นาย”

 “ปลายปีนี้ฉันให้โบนัสนายดีไหม ถือเป็นค่าเหนื่อย”

 ลี่หงตาโต มองดราก้อนยักคิ้ว “ห้ามพูดเรื่อยเปื่อยนะโว้ย เรื่องนี้ฉันซีเรียส”

 “แน่นอน หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของค่าตัวฉันทั้งปี คูณดูเอาแล้วกันว่าเท่าไหร่”

 ผู้จัดการหนุ่มเบิกตากว้าง กระเด้งตัวจากเก้าอี้ โค้งให้ดราก้อน

 “ได้ครับเจ้านาย กระผมจะลงไปเอาซุปไก่มาให้ แล้วรีบบึ่งรถไปซื้อเบียร์กับกับแกล้มอื่นมาให้ เจ้านายกระดิกนิ้วนอนตีพุงอยู่ในห้องก็แล้วกัน”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น