6

แค้นนี้ต้องชำระ


บทที่ ๖
แค้นนี้ต้องชำระ

 

 “นายหัวเราะพอหรือยัง ถ้ายังฉันจะหาอะไรอุดปากให้”

 ชายหนุ่มสบถ เขาต้องทนฟังผู้จัดการหนุ่มหัวเราะซ้ำๆ อยู่หลายรอบแล้ว ต้นเหตุก็เพราะเขาโดนหยางอิง’ลอบกัด’ แถมยังถูกขโมยรถไปต่อหน้าต่อตา ดราก้อนต้องเกร่อยู่ข้างถนนเกือบชั่วโมงกว่าผู้จัดการหนุ่มจะมารับ 

 “ก็มันขำนี่นา คนแข็งแรงอย่างนายทำไมจู่ๆ ถึงได้พลาดได้วะ หรือว่านายกำลัง”

 สายตาหรี่มองอย่างจับผิดทำให้ดราก้อนร้อนๆ หนาวๆ เขาไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดตามที่ควรจะเป็น นั่นก็เพราะกลัวลี่หงจะรู้ความลับ ผู้จัดการหนุ่มเคยเตือนให้เขาเลือกยุ่งกับหยางอิง แต่ครั้งนี้ดราก้อนเพิ่งรู้ตัวว่าพลาด เขาไม่น่าเผลอจูบหล่อน 

 ภาพของจูบแรกผุดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่แค่จูบแรกของหญิงสาวแต่มันคือจูบแรกของดราก้อนด้วย แม้เขาจะอายุยี่สิบห้า แต่ดราก้อนไม่เคยมีแฟน แถมยังไม่เคยจูบผู้หญิง ต้องเป็นบรรยากาศพาไปแน่ๆ จู่ๆ หล่อนยังร้องไห้ ไอ้เขาก็เป็นพวกที่แพ้น้ำตาผู้หญิงเสียด้วยซิ 

ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าแค่จูบเพื่อปลอบแต่พอได้สัมผัสริมฝีปากหอมหวานราวกับผลเชอร์รีสุก เขาก็หยุดตัวเองไว้ไม่อยู่ แต่สุดท้ายก็พลาดท่าถูกหญิงสาวตลบหลังเข้าจนได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ป่านนี้หยางอิงคงนั่งหัวเราะงอหายไม่ต่างจากลี่หง คำพูดสุดท้ายของหล่อนทำให้ดราก้อนหัวเสียยิ่งกว่าเดิม

 “นายชอบใช่ไหมล่ะ”

 ทั้งแววตาและน้ำเสียงหล่อนในตอนนั้นทำให้ดราก้อนหัวหมุน ที่แน่ๆ เขาถูกหลอกจนตายใจและเสียทีให้หล่อนในที่สุด

 “ว่าไง จะสารภาพมาดีๆ หรือเปล่าว่านายทำอะไรหยางอิง หรือจะให้ฉันไปขอดูกล้องวงจรปิด”

 “แถวนั้นไม่มีโว้ย ไม่ต้องมาอำหน่อยเลย ฉันไม่หลงกลนายหรอก”

 “ฮั่นแน่ นายแอบสำรวจเอาไว้แล้วละสิ แสดงว่าต้องมีที่เด็ด ถามหน่อยเถอะทำไมถึงต้องนัดพบกันในที่พิสดารแบบนั้นด้วย หรือว่าหลบคุณพ่อมาเฟียมหาโหด”

 ดราก้อนเจอหญิงสาวโดยบังเอิญจริงๆ เขาขับรถไปยังบ้านพักของเฉินห่าว แต่พบว่าบ้านปิดไฟเงียบ ไม่มีวี่แววของเจ้าของบ้านเลย 

“ฉันไม่ได้นัด ยายนั่นอุตริพุ่งมาขวางรถฉันเอง”

ชายหนุ่มกำลังขับรถกลับ เขากำลังโทรศัพท์คุยกับคริสตอนที่จู่ๆ หยางอิงพุ่งเข้ามาขวางทางรถ โชคดีเขาเหยียบเบรกทัน

“หยางอิงเนี่ยนะขวางรถนาย แล้วเธอไปทำอะไรในที่เปลี่ยวๆ แบบนั้น”

“เห็นบอกว่าไปงานวันเกิดเพื่อนแล้วหลงทาง เลิกซักไซ้ฉันเสียทีเถอะลี่หง ฉันเหนื่อยอยากนอนแช่น้ำอุ่นเต็มทีแล้ว หนาวจนมือแข็งไปหมดแล้ว”

ดราก้อนถอดเสื้อหนังให้แก่หยางอิงไป สุดท้ายตัวเองจึงต้องเผชิญกับอากาศหนาวแทน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น 

“เอาเถอะ วันนี้ยกประโยชน์ให้จำเลยสักวัน ฉันเปิดน้ำไว้ให้แล้ว อย่าลืมกินยาบำรุงก่อนนอน ตากอากาศเย็นๆ แบบนั้น เกิดไม่สบายขึ้นมาจะเสียงานใหญ่”

“งานอะไรหรือ”

“ก็พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์หนังสือ” ลี่หงเอ่ยชื่อสื่อบันเทิงยักษ์ของฮ่องกง เจ้าของเป็นเพื่อนสนิทกับเหวินลู่ชิง

“อีกแล้วหรือ น่าเบื่อ”

“คราวนี้นายไม่เบื่อแน่ เพราะมีคุณหนูหยางอิงไปด้วย จะให้นั่งสัมภาษณ์ใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อเลยล่ะ คนเขาจะได้รู้กันทั่วว่านายสองคนไม่ถูกกัน”

“เฮ้ย ต้องเจอยายนั่นอีกแล้วหรือ ให้ฉันพักสักวันไม่ได้หรือ”

“ใช่ แล้วตอนบ่ายก็มีถ่ายแบบนิตยสาร นายกับคุณหนูหยางอิงรับงานคู่รัวๆ”

“แล้วทางผู้จัดการยอมหรือ ไหนว่ามีข้อเสนอหนึ่งหน้ากระดาษไงล่ะ”

“ยอมสิเพราะหย่งเต๋อยื่นคำขาดว่าต้องยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด ไม่อย่างนั้นคงรั้งทีมของเทียนไอ่เอาไว้ไม่ได้ หยางอิงก็เลยเซย์เยสทุกๆ งาน”

“เซ็ง ทำไมยายนั่นไม่ถอนตัวไปจากโพรเจกต์เสียทีนะ เรื่องจะได้จบๆ”

“เซ็งจริงหรือ แต่แววตานายตอนพูดถึงหยางอิงไม่ใช่แบบนั้นนะ มันเต้นระริกแปลกๆ” ลี่หงแกล้งแหย่ ดราก้อนหันไปถลึงตาใส่

“ไม่ต้องมาจับผิดเลย ฉันกับยายนั่นไม่มีวันญาติดีกันหรอก ทุกอย่างก็แค่งาน ทำงานจบแล้วก็แยกย้าย”

“เออ ฉันจะจำเอาไว้ แต่นายก็ควรจะรู้เอาไว้เหมือนกัน โบราณเขาว่าเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น”

“คำโบราณของนายใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก”

“ฉันจะคอยดู วันที่นายกลืนน้ำลายตัวเอง”

“รอให้เหงือกแห้ง หัวหงอกเถอะ ยังไงก็ไม่มีวัน”

“อ้อ ตำรวจเจอรถนายแล้วนะ จอดอยู่ใกล้ๆ บ้านหยางอิง ฉันให้คนไปเอามาให้แล้ว จอดอยู่ใต้คอนโดนี่เอง ส่วนกุญแจฉันใส่ไว้ในลิ้นชัก เห็นนายบอกว่ามีของสำคัญไม่ใช่หรือ”

“เออ ขอบใจ นายไปได้แล้ว”

“รู้น่า ไม่ขัดจังหวะหรอก นายจะได้มีเวลาฝันถึงคุณหนูหยางอิงอย่างสบายใจ”

“ไอ้บ้า”

ดราก้อนโยนหมอนอิงใส่หลังผู้จัดการหนุ่ม เขายังหัวเราะร่วนตอนที่เดินออกจากประตูไป ดราก้อนสั่นศีรษะอย่างหัวเสีย โชคร้ายที่เขาดันรู้สึกแบบเดียวกับที่ลี่หงพูดเสียด้วย แม้จะผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่สมองยังวนเวียนถึงจูบริมถนนซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

หยางอิงมีริมฝีปากที่นุ่มมาก ด้วยรสของลิปสติกหรืออะไรไม่ทราบได้แต่ทำให้จูบนั้นมีรสหวานซาบซ่านติดปลายลิ้น ความรู้สึกยามที่เขาสอดแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากช่างดูดดื่มจนดราก้อนแทบยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ ความหวานประดุจน้ำผึ้งจากเกสรดอกไม้ยามเช้าทำให้เขาตักตักตวงจากหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า แค่คิดถึงท่อนล่างก็พลันตื่นตัวขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มสบถในลำคอ

“เธอมันแม่มด ฉันเกลียดเธอที่สุดหยางอิง ออกไปจากสมองฉันได้แล้ว ฉันไม่ต้อนรับ ไป ชิ่ว!”

ร่างสูงสั่นศีรษะ เขาเดินในห้องน้ำ ปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกและก้าวลงไปในอ่างน้ำ ดราก้อนคงใช้เวลาอีกนานในการดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้น ต้นเหตุเพราะหญิงสาวตัวแสบเพียงคนเดียว 

 

หยางอิงถือถุงขยะที่ภายในมีน้ำยาบ้วนปากทั้งหมดสามขวดมาวางกองไว้หน้าห้อง ขณะที่ลี่ฟางเดินมาดู

“มีอีกไหมคะป้าฟาง อิงอยากได้อีกสองขวด”

“คุณหนูจะเอาไปทำอะไรเยอะแยะคะ ใช้มากเกินไปปากเริ่มบวมแล้วนะคะ”

หยางอิงยกมือปิดปากอย่างมีพิรุธ หล่อนปากบวมเพราะจูบมาราธอนริมถนนนั่นต่างหาก ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นที่สุดท้ายแล้วหล่อนก็พลาดท่าให้ชายหนุ่มจนได้ หลังจากหญิงสาวมอบบทเรียนให้ดราก้อน หล่อนก็ชิงรถและรีบขับกลับบ้านทันที แต่เพราะกลัวคนที่บ้านจะรู้หยางอิงก็นำรถไปจอดทิ้งไว้ในซอยถัดจากบ้านไปหนึ่งซอยและเดินกลับบ้าน

“ป้าฟางช่วยเอามาให้อิงหน่อยเถอะค่ะ ปากอิงสกปรก คงต้องใช้อีกสองขวด”

“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้เด็กไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อมาให้นะคะ ว่าแต่วันนี้คุณหนูไปงานวันเกิดคุณลิลลี่มาไม่ใช่หรือคะ”

“ไปค่ะ แต่ไม่ถึงบ้าน อิงขับรถหลง แล้วรถดันเสียกลางทางเสียอีก”

“ตายจริง แล้วทำไมลุงเฉินไม่ไปส่งละคะ”

“ลุงเฉินท้องเสียค่ะ แต่ป้าฟางอย่าบอกพ่อนะคะ อิงกลัวว่าลุงเฉินจะโดนลงโทษ”

“ได้ค่ะ แต่ต่อไปคุณหนูห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวนะคะ ถ้าไงชวนป้าฟางไปด้วยก็ได้ ป้ายินดีไปนั่งรอคุณหนู”

“ค่ะ อิงเข็ดแล้ว ต่อไม่ไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด”

“ทำไมหรือคะ หรือว่าคุณอิงเจออะไร” ลี่ฟางถามอย่างสงสัย หยางอิงชะงักไป ขืนบอกว่าหล่อนเจอกับดราก้อนมีหวังแม่บ้านอาวุโสคงซักจนหล่อนเปิดเผยความลับ 

“ปะ เปล่าค่ะ อิงแค่พูดเผื่อๆ ไว้ ตอนนี้ข้างนอกมีแต่พวกคนชีกอ เจ้าเล่ห์และก็ฉวยโอกาส”

“ผู้ชายดีๆ มีเยอะออกนะคะ ต่อไปคุณหนูก็จะเจอ”

“ไม่มีวัน อิงตั้งใจแล้วว่าโตขึ้นจะไม่แต่งงาน จะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต”

“แต่ทำอย่างนั้นคุณแม่ของคุณหนูจะเสียใจนะคะ คุณแม่เคยอยากให้คุณหนูแต่งงาน ท่านเคยพูดตั้งแต่สมัยท้องคุณหนู”

ถ้อยคำที่เอ่ยถึงมารดาทำให้หยางอิงสนใจขึ้นมา หล่อนจับมือลี่ฟางเอาไว้ 

“แม่อิงเป็นยังไงหรือคะ ป้าฟางเล่าให้ฟังหน่อย”

“ใจดีค่ะ แล้วก็สวยเหมือนกับนางฟ้า เหมือนกับคุณหนูนี่ล่ะคะ”

“อิงไม่ได้สวยอย่างนั้นสักหน่อย”

คนรอบตัวชอบชมว่าหล่อนสวยราวกับนางฟ้า แต่หยางอิงกลับคิดว่าตนเองเป็นแค่วัยรุ่นที่รู้จักดูแลผิวพรรณเท่านั้น หล่อนโชคดีที่ไม่ค่อยมีสิวเหมือนเพื่อน แถมผิวยังขาวจัดราวกับน้ำผึ้ง แค่โดนแดดเพียงนิดเดียวแก้มก็แดงระเรื่อเสียแล้ว 

“ป้าพูดความจริงค่ะ คุณผู้หญิงเป็นคนใจดี มีน้ำใจและก็ชอบช่วยเหลือคนอื่น ส่วนคุณหนูก็มีความสดใสน่ารัก ใบหน้าถอดแบบคุณแม่มาไม่มีผิดเลยค่ะ ถ้าคุณผู้หญิงยังอยู่คงดีใจมากที่เห็นคุณหนูโตขนาดนี้”

“แต่สุดท้ายแม่ก็ไม่อยู่ ทิ้งให้อิงอยู่ตามลำพัง”

“ลำพังที่ไหนคะ คุณหนูยังมีคุณท่าน มีป้าฟาง”

“ป๊าที่เอาแต่ออกไปค้างคืนกับอีหนูไม่เว้นแต่ละวันหรือคะ”

นิตยสารกอสซิปเพิ่งลงข่าวผู้หญิงคนใหม่ของบิดา คราวนี้เป็นนักแสดงรุ่นลูกอายุมากกว่าหยางอิงแค่สามปีเท่านั้น หุ่นอวบอัดอีกเช่นเคย ภาพถ่ายที่ทั้งสองควงกันไปกินอาหารค่ำทำให้หยางอิงยิ่งหงุดหงิด และนั่นเองทำให้ช่วงนี้บิดาไม่กลับบ้านและไม่มีเวลามาสนใจหล่อน

“คุณหนูอย่าไปพูดถึงคุณพ่อแบบนั้นสิคะ ท่านก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง”

“อิงก็พยายามไม่คิด แต่ป๊าไม่เคยคิดถึงใจอิงบ้างเลย ตัวเองเปลี่ยนคู่ควงทุกอาทิตย์ แต่กับอิง ก็ตั้งกฎขึ้นมาเยอะแยะจนทุกคนเขาคิดว่าอิงเป็นพวกเรื่องมากไปแล้ว”

“นั่นเพราะคุณท่านเป็นห่วง กลัวคุณหนูเจอคนไม่ดี”

“แต่อิงโตแล้วนะคะ ถ้าขืนป๊ายังคอยบงการชีวิตอิงแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่คนเขาจะยอมรับที่อิงเป็นอิงล่ะคะ”

“ความรักของพ่อไม่มีวันหยุดหรอกค่ะ ถึงคุณหนูอิงรู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว แต่คุณท่านก็เห็นคุณหนูยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่วันยังค่ำ”

“แต่อิงเบื่อ อิงอยากใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการ”

“คุณหนูก็ต้องค่อยๆ อธิบายให้ท่านเข้าใจสิคะ คุณท่านรักคุณหนูมาก ถ้าคุณหนูขอรับรองว่าท่านไม่ขัดแน่นอน ดูอย่างเรื่องทำโพรเจกต์นี้สิคะ ท่านยังสนับสนุน”

“แต่ป๊าก็ให้ลูซี่ควบคุมอิงทุกอย่าง”

“แค่ช่วงต้นเท่านั้นล่ะคะ ป้าได้ยินมาว่าพรุ่งนี้คุณท่านจะบินไปสิงคโปร์”

“ป๊าจะไปต่างประเทศอีกแล้วหรือคะ ไหนเคยบอกว่าจะไม่เดินทางอีกเป็นเดือน”

“ใช่ค่ะ เห็นเลขาฯ บอกว่าธุระด่วนค่ะ ไปหลายประเทศ ท่านเพิ่งสั่งให้ป้าจัดกระเป๋าให้”

“คุณเลขาฯ ไปด้วยหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ ท่านไปคนเดียว”

“แปลกจัง ทำไมถึงกะทันหันแบบนี้” ที่ผ่านมาเหวินลู่ชิงไม่เคยเดินทางเป็นเวลานาน ยกเว้นมีธุระจำเป็นจริงๆ บางทีก็ให้เลขาฯ หรือผู้ช่วยไปแทน

“แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงคุณท่านไม่อยู่แต่ท่านก็สั่งให้ป้าฟางดูแลคุณหนูอิง โดยเฉพาะงานสัมภาษณ์กับการถ่ายแบบตอนบ่าย ป้าจะตามติดไปเป็นผู้ดูแลคุณหนูเอง”

“อิงมีงานหรือคะ ทำไมอิงไม่รู้มาก่อน”

“ใช่ค่ะ คุณลูซี่เพิ่งโทร. มาบอกเมื่อครู่นี้ตอนที่คุณหนูเข้าห้องน้ำ”

“สัมภาษณ์กับใคร ป้าฟางพอรู้หรือเปล่าคะ”

“รู้สิคะ ป้าจำขึ้นใจเลย คนที่คุณหนูอิงจะทำงานด้วยชื่อว่าดราก้อน”

“อีกแล้วหรือคะ ทำไมถึงหนีนายชีกอคนนี้ไม่พ้นเลย” หยางอิงบ่นพึมพำ 

“คุณหนูพูดว่าอะไรนะคะ ป้าได้ยินไม่ถนัด”

“เปล่าค่ะป้าฟาง..อิงก็บ่นไปเรื่อย ป้าอย่าสนใจเลย อิงขอเข้านอนก่อนนะคะ ไม่อยากตาบวมเป็นหมีแพนด้า”

“บวมที่ไหนคะ สวยออก คุณหนูของป้าสวยที่สุด ไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ป้าจะทำหน้าที่องค์รักษ์พิทักษ์คุณหนูเอง”

 

ดราก้อนเพิ่งมีโอกาสได้เปิดดูแฟ้มเอกสารที่ได้มาจากบ้านของเฉินห่าว แต่พอเห็นข้อมูลที่อยู่ด้านใน ใบหน้าคมก็เครียดขึ้ง เอกสารด้านในคือข้อมูลของคดีที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ชายหนุ่มหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา มันคือข่าวจากหน้าหนังสือ แต่ด้วยตัวอักษรที่เขียนไว้เป็นภาษาไทยจึงอ่านไม่ออก เขาพลิกดูด้านในและพบว่ามีสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ทั้งหมดเป็นลายมือของเฉินห่าว 

ชายหนุ่มไล่อ่านทีละหน้า เนื้อความด้านใน เกี่ยวข้องกับภาพข่าวข้างต้น เขาลองเทียบวันเวลาที่เกิดเหตุก่อนใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข่าวเดียวกันในภาษาจีน ข้อมูลมากมายกระเด้งขึ้นบนหน้าจอและทำให้ดราก้อนมือเย็นวาบ 

ข่าวการฆาตกรรมยกครัวของนักธุรกิจคนหนึ่งที่มีชื่อว่าปริญญ์ เขาเป็นนักธุรกิจไทยเจ้าของบริษัทโทรคมนาคมที่มีชื่อว่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ป คนร้ายซึ่งคาดว่าน่าจะมีสี่คนบุกเข้าไปยิงและสังหารคนในบ้านสิบสองคนตายหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว เขาถูกยิงห้านัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนภรรยาคือสไบแพร ขับรถหนีการไล่ล่าของคนร้าย ก่อนจะถูกยิง รถพุ่งตกลงไปในแม่น้ำ กว่าตำรวจจะพบร่างของหล่อนก็ผ่านไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ สภาพศพถูกยิงตรงคอและหน้าอก ศพลอยมาติดฝั่งแม่น้ำเป็นที่อนาถใจของผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

ดราก้อนไล่อ่านเนื้อข่าวโดยละเอียด ข้อมูลในนั้นบอกเพียงแค่ว่าคนร้ายได้หนีข้ามพรมแดนไปกบดานในประเทศเพื่อนบ้าน ข่าวถัดมาคือการพบศพชายนิรนามลอยน้ำมา ซึ่งเชื่อว่าคือหนึ่งในฆาตกร เขาพลิกดูเอกสารแผ่นถัดไปพบว่าเฉินห่าวก็ตัดข่าวนี้เก็บไว้เช่นกัน ตามด้วยข่าวชายอีกคนถูกฆ่าตายในบ้านร้าง รวมถึงข่าวการฆาตกรรมของนฤบาล นักธุรกิจเจ้าของบริษัทเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปคนต่อมา 

ดราก้อนเคยอ่านข่าวนี้มาหลายครั้งแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากนฤบาลถือว่านายจ้าง เพราะบริษัทเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปได้เปิดตัวแอปพลิเคชันไฮ แต่เพราะอะไรอาจารย์ถึงได้สนใจข่าวพวกนี้ 

ชายหนุ่มพลิกดูแฟ้มเอกสารถัดมาพบว่ามีซองจดหมายสีขาวสอดอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาและเปิดดูรูปถ่าย กระดาษสีเก่าคร่ำคร่าและซีดจางไปตามเวลา แต่คนในรูปนั้นต่างหากที่ทำให้ดราก้อนตาเบิกกว้าง 

ชายหญิงในภาพคือปริญญ์และสไบแพร สองสามีภรรยาที่ถูกฆ่าตาย ส่วนรูปด้านหลังอีกสามรูปคือเด็กชายอายุไล่เลี่ยกัน ความคุ้นตาของเด็กในภาพทำให้ดราก้อนเปิดภาพดูอย่างช้าๆ จนกระทั่งถึงภาพหลังสุด มือก็เย็นวาบกว่าเดิม สมองอึ้งตัวชา เมื่อเห็นเด็กในภาพชัดๆ 

เด็กชายตัวกลมป้อมคลี่ยิ้มให้กล้อง เด็กในรูปอายุราวสี่ขวบ ผิวพรรณค่อนข้างขาว นัยน์ตากลมโต จมูกโด่ง ชายหนุ่มมองอย่างตกตะลึง ภาพที่ซ้อนทับขึ้นมาคือน้ำจำนวนมากที่ไหลทะลักเข้ามาในรถทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแต่ช่างเหมือนจริง 

ดราก้อนรู้สึกถึงความอึดอัดที่ถาโถมเข้ามา เหงื่อกาฬแตกพลั่กเมื่อจ้องมองภาพนั้น ดราก้อนหายใจขัด จนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอก เขาเพิ่งรู้ว่าคำว่าเดจาวูเป็นเช่นนี้เอง แต่ปัญหาก็คือเพราะอะไร รูปถ่ายวัยเด็กของเขาถึงได้ถูกเก็บรวมอยู่ในแฟ้มนี้ 

เฉินห่าวรู้จักเขามาก่อนหน้านี้แล้วหรือ แฟ้มหน้าถัดไปมีรูปถ่ายอยู่อีกจำนวนหนึ่ง มันคือรูปถ่ายของเขาในวัยเด็ก เริ่มจากอายุห้าขวบไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ รูปสุดท้ายที่สอดอยู่ด้านหลังปกแฟ้มเอกสารทำให้ชายหนุ่มตกใจยิ่งกว่าเดิม เขาดึงรูปออกมา มองภาพนั้นอย่างตกตะลึง มือสั่นเทา คำถามที่เคยวนเวียนอยู่ในหัวหลายปี ผุดขึ้นมา

‘พ่อผมเป็นใคร ทำไมแม่ไม่ยอมบอก ผมมาจากไหนกันแน่’

บัดนี้เขาได้รู้คำตอบแล้ว ปัญหาก็คือมารดารู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นใช่หรือไหม เพราะอะไรท่านถึงไม่เคยบอกว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ เฉินห่าวมีรูปถ่ายเขามาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต นั่นหมายถึงว่าการเจอกันของเขากับเฉินห่าวไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บางทีสิ่งที่ดราก้อนคิดมาตลอดว่ามารดาไม่รู้ว่าเขาแอบฝึกวิชาป้องกันตัวอาจไม่จริง ที่แท้แล้ว มารดากับเฉินห่าวร่วมมือกัน และคนที่ให้คำตอบนี้ได้มีเพียงมารดาคนเดียวเท่านั้น เขารีบโทร. หามารดา ปลายสายเรียกอยู่นานจนกระทั่งมีผู้รับสาย 

“แม่ครับ”

“คุณริวหรือคะ ป้าหลินเองค่ะ”

“แม่ละครับ แม่ไปไหน ทำไมไม่รับ”

“คุณผู้หญิงไม่อยู่ค่ะ ท่านบอกว่าจะไปถือศีลที่วัด”

ป้าหลินบอกชื่อวัดที่อยู่บนเขาซึ่งเหว่ยป๋อจือ มักจะไปถือศีลและนั่งสมาธิเป็นประจำ

“แม่บอกหรือเปล่าครับว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

“คุณผู้หญิงบอกว่าจะไปหนึ่งอาทิตย์ ถ้าคุณริวมีเรื่องด่วนละก็ให้ติดต่อผ่านแม่ชีที่วัด”

“โธ่โว้ย”

ดราก้อนสบถกดตัดสาย เห็นทีเขาคงจะยังไม่ได้รู้ความจริงอีกนาน ปัญหาก็คือเขาควรจะรอให้ท่านกลับมาหรือรีบไปพบมารดาที่วัดเพื่อถามเรื่องทุกอย่างดี 

 

หยางอิงหน้าบึ้งเมื่อก้าวเข้าไปในห้องแต่งหน้าและพบว่าดราก้อนมาถึงก่อนแล้วเช่นเคย ลูซี่ซึ่งนั่งรถตู้มากับหล่อน ไม่ได้เข้ามาด้วย เพราะต้องไปตรวจสอบบทสัมภาษณ์กับพิธีกรอีกครั้ง ปล่อยให้ลี่ฟางเข้ามากับหญิงสาวแทน ช่างทำผมและช่างแต่งหน้ารีบเข้ามาช่วยกัน เพื่อเร่งให้ทันก่อนรายการจะเริ่ม งานในวันนี้มีทั้งสัมภาษณ์สดและอัดเทปเป็นสกู๊ปเอาไว้ เนื้อหาเกี่ยวกับโพรเจกต์เดอะเลิฟเวอร์นั่นเอง ลี่ฟางนั่งตรงโซฟาด้านหลัง มองช่างสองคนที่มาแต่งหน้าให้แก่หยางอิง ขณะที่ดราก้อนเตรียมตัวเกือบจะเสร็จแล้ว เขาคงมาก่อนหล่อนนานพอสมควร

“คุณป้าขา หนูรบกวนรอข้างนอกได้ไหมคะ ในห้องนี้เฉพาะศิลปินค่ะ”

“แต่ป้าฟางมากับอิงนะคะพี่”

“พี่เข้าใจค่ะน้องอิง แต่ว่านี่มันเป็นระเบียบ เราต้องเร่งมือเพราะกำลังจะเริ่มสัมภาษณ์ในอีกครึ่งชั่วโมง น้องอิงเข้าใจพี่ใช่ไหมคะ”

“เข้าใจค่ะ แต่ว่า”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณหนูอิง เดี๋ยวป้าไปนั่งรอในสตูดิโอก็ได้ค่ะ คุณหนูจะไม่ต้องเป็นกังวล”

“ได้ค่ะป้า เดี๋ยวแต่งตัวเสร็จอิงตามออกไปเจอ”

ลี่ฟางเดินปลีกตัวออกไป ภายในห้องแต่งตัวจึงมีดราก้อน หยางอิงและช่างอีกสามคน ช่างคนหนึ่งกำลังหวีผมให้ชายหนุ่ม

“หล่อจริงๆ เลยนะจ๊ะริว ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันเองล่ำขึ้นเยอะ”

“โธ่ พี่ก็ ชมเกินไปแล้ว ผมก็หน้าเหมือนเดิมทุกวันนั่นละ”

“แต่ริวผิวแทนขึ้นนะ ดูเซ็กซี่ขึ้นนะ กล้ามก็ใหญ่ขึ้นด้วยน่ากอด”

ช่างซึ่งเป็นสาวประเภทสองก้มตัวมากอดชายหนุ่มจากด้านหลัง ดราก้อนหัวเราะ เขาเป็นกันเองกับทุกคนโดยเฉพาะกับช่างแต่งหน้า

“พี่เบตตี้ชมแบบนี้ผมเขินแย่ เดี๋ยวผมก็อดใจไม่ไหวจีบพี่เสียหรอก”

“ต๊ายตาย ริวเดี๋ยวนี้เซี้ยวใหญ่แล้ว เสียใจด้วยนะพี่มีแฟนแล้วย่ะ หล่อมากกว่าริวนิดหนึ่ง” สาวประเภทสองจีบปากจีบคอ แต่ริวรู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดจริงเรื่องแฟน เพราะเขาเคยเห็นเบตตี้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์หนุ่มหล่อล่ำคนหนึ่งมาทำงาน

“ผมล้อเล่นครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยแต่งหน้าทำผมให้ วันนี้ผมคงดูดีมากๆ”

“ริวกินขาดทุกคนอยู่แล้วละ งั้นพี่ขอไปซับหน้าพิธีกรก่อนนะ แต่งหน้าเสร็จตั้งนานแล้ว ป่านนี้เยิ้มแล้วกระมัง”

ในห้องเหลือช่างแต่งหน้าอีกสองคนที่มีชื่อว่าวิเวียนกับแอลลี่ ซึ่งช่วยกันเติมหน้าและทำผมให้แก่หยางอิง 

“คุณหนูอิงขอบตาบวมเชียวนะคะวันนี้ เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือเปล่า”

ช่างพูดขณะเติมคอนซีลเลอร์ใต้ตาเพื่อลบรอยช้ำ หยางอิงยอมรับว่าหล่อนนอนน้อยแถมยังฝันเพ้อเจ้อคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นเอง

“นั่นสิ ตาบวมปูด แถมยังปากเจ่ออีกต่างหาก นี่คุณน้องแพ้อาหารหรือเปล่าคะ”

พอจบประโยค ดราก้อนก็หลุดหัวเราะพรืดออกมา หยางอิงหันขวับไปมองค้อนชายหนุ่มตาแทบถลน

“เปล่านะคะพี่ คงเพราะเมื่อคืนอิงนอนดึกไปหน่อย แต่ปากก็ปกตินะคะ”

“สงสัยไปโดนใครต่อยปากมาครับพี่ ปากคุณแองเจิ้ลก็เลยเจ่อกว่าปกติเอามากๆ” ชายหนุ่มย้ำคำส่งสายตาวิบวับมาให้

“ก็ยังดีกว่าใครบางคนที่ถูกเตะของรักนะคะพี่ คงทั้งจุกทั้งเจ็บ” หญิงสาวเน้นคำ

ช่างแต่งหน้าสองคนอ้าปากค้างเพราะไม่เคยได้ยินหยางอิงเล่นมุกแบบนี้มาก่อนต่างพากันหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก 

“คุณน้องหมายถึงใครคะ รีบเล่ามาด่วนๆ พี่อยากรู้”

สองสาวยื่นหน้ามาใกล้ แต่หยางอิงเองกลับไม่กล้าเล่า

“ปละ เปล่าค่ะ อิงก็พูดไปเรื่อยเปื่อยค่ะ”

“แน่นะคะ พี่ยังคิดว่าคุณน้องหมายถึงคนอื่น”

สองสาวปรายตาไปมองดราก้อน เขารีบลุกขึ้นยืนเบ่งกล้ามโชว์ ยักคิ้วให้ 

“ไม่ใช่ผมแน่นอนครับ ผมสบายดี กินอิ่มนอนหลับ เมื่อคืนหลับเร็วนอนเต็มอิ่มแปดชั่วโมงเลยครับ แถมยังฟิตปั๋งอีกต่างหาก”

 ชุดที่ชายหนุ่มสวมวันนี้เป็นกางเกงยีนเสื้อหนังตามสไตล์ผมที่จัดแต่งทรงหวีแสกข้าง ชี้ขึ้นไปเล็กน้อยเป็นผมทรงวัยรุ่นแบบที่ทำประจำ

 “ฟิตไม่ฟิต พี่ชักอยากขอพิสูจน์เสียแล้ว ไม่ทราบว่าน้องริวมีเวลาว่างเมื่อไหร่เอ่ย”

 “สำหรับพี่ๆ ผมว่างเสมอละครับ ไว้นัดกันไปกินข้าวนะครับ”

 ช่างทั้งสองกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่น หยางอิงแอบทำหน้าเบ้ แต่แล้วก็รีบกลบเกลื่อนมันไปโดยเร็ว หล่อนเกลียดเหลือเกินที่ใครต่อใครพากันคลั่งไคล้ดราก้อนทั้งที่ตัวจริงของเขานิสัยแย่มาก ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนหล่อนก็ยิ่งแค้น 

 “น้องอิงไม่เห็นด้วยหรือคะ เอ หรือข่าวลือที่บอกว่าน้องสองคนไม่ถูกกันจะเป็นความจริง”

 หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่นึกว่าช่างทั้งสองจะเหลือบมาเห็นพอดี หล่อนหันไปมองดราก้อน เขาเดินมาโอบไหล่หญิงสาวไว้และเอียงหน้ามาชิด 

 “โอ๊ย ไม่จริงหรอกครับพี่ๆ นั่นมันข่าวลือทั้งเพ ผมกับน้องอิงสนิทกันออก เรายังมีไลน์กันและกันด้วยนะครับ คุยกันทุกคืน”

 “หา” สองสาวอุทานออกมาพร้อมกัน หยางอิงถลึงตาใส่ เอื้อมมือไปหยิกท่อนแขนชายหนุ่ม ปากก็แสร้งทำเสียงหวานตอบออกไป

 “ใช่ค่ะ อิงกับพี่ริวสนิทกัน ก็เรากำลังจะทำโพรเจกต์เดอะเลิฟเวอร์ด้วยกันยังไงล่ะคะ เราก็เลยปรึกษางานกันทางไลน์”

 “แค่เรื่องงานเท่านั้นหรืออิง ระหว่างเราไม่มีเรื่องอื่นใช่ไหม”

 ดราก้อนทำตาหวาน แกล้งยื่นหน้ามาใกล้ ปลายจมูกของเขาห่างจากแก้มของหยางอิงไปไม่ถึงคืบ หญิงสาวกำมือแน่น ข่มอารมณ์สุดฤทธิ์ ถ้าไม่มีช่างแต่งหน้าอยู่ด้วย หล่อนคงชกหน้าอีกฝ่ายไปแล้ว ชายแต่งหน้าเดินมาผลักหัวไหล่ดราก้อนเบาๆ 

 “น้อยๆ หน่อยค่ะน้องริว จะมาป้อผู้หญิงแถวนี้ไม่ได้นะคะ พี่ๆ ไม่พอใจ ไหนบอกว่าจะไปกินข้าวกันไงล่ะ”

 “ผมล้อเล่นนะครับพี่ ผมกับอิงสนิทกันเพราะเรื่องงานครับ อย่างที่พี่ๆ รู้กันอยู่ เราร้องเพลงด้วยกันก็ต้องทำตัวให้สนิทกันเพลงจะได้ออกมาดีจริงไหมครับ”

 “จริงค่ะ พี่รู้ว่าริวตั้งใจทำงานมาก เอ้า น้องอิงเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ สวยจนโลกตะลึงแน่นอน”

 ช่างแต่งหน้าเติมลิปสติกให้หยางอิงเสร็จ ส่วนช่างทำผมก็จัดทรงให้เรียบร้อย

 “สวยน่ารักมากๆ เลิฟๆ”

 “ขอบคุณนะคะพี่ๆ”

 “งั้นพี่สองคนขอตัวออกไปดูข้างนอกก่อนนะคะ เผื่อเขามีอะไรให้ช่วย คุณน้องสองคนนั่งรอในนี้ก่อนนะคะ อย่าออกไปโดนอากาศร้อน เดี๋ยวหน้าจะละลายเสียก่อน”

 “ได้ค่ะ”

 หยางอิงกำมือแน่น รอช่างสองคนเดินพ้นประตูไป หล่อนหันมาพบว่าดราก้อนนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้อีกตัว สีหน้ากวนประสาทเช่นเดิม

 “นายต้องการอะไร ทำไมถึงไปพูดกับพี่เขาแบบนั้น”

 “ฉันก็ต้องการสยบข่าวลือยังไงล่ะยายบื่อ หรือเธออยากรู้ทุกคนรู้ว่าเราสองคนเป็นคู่กัด ก็ดีนะ โพรเจกต์นี้จะได้ยกเลิกถาวรไปเลย ไม่ต้องทำมันแล้ว”

 หยางอิงหน้าซีดเมื่อโดนขู่

 “ไม่นะ ฉันอยากทำ”

 “ถ้าเธอยังอยากทำงานต่อละก็ เธอก็ต้องทำตามที่ฉันบอก”

 “ทำไมฉันต้องทำตามนายด้วย ชิ” หล่อนทำหน้าเบ้มองเขาด้วยหางตา

 “หรือว่าเธออยากให้โพรเจกต์มันพัง อยากให้ทุกคนตราหน้าว่าเราสองคงไม่เป็นมืออาชีพกันล่ะ”

หญิงสาวเงียบเพราะเถียงไม่ออก สีหน้าหงุดหงิดของคนในห้องประชุมยังติดตา ในวันนั้นทุกคนต่างคิดว่าหล่อนคือตัวปัญหา 

“ไม่ ฉันไม่อยาก โพรเจกต์นี้คือความฝันของฉัน”

“และมันก็คือความฝันของฉันเหมือนกัน ดังนั้นเราสองคนจึงควรทำสัญญาสงบศึกชั่วคราว”

 ร่างสูงยื่นหน้าจากเก้าอี้มาจนใกล้ หยางอิงเอนตัวหนีถลึงตาใส่ 

 “นะ นายทำอะไร”

 “ฉันกำลังทำความเข้าใจกับเด็กหัวดื้ออย่างเธอยังไงล่ะ ต่อไปนี้ เธอต้องทำตัวให้ชินกับฉัน ไม่ใช่เอะอะก็ขู่ฟ่อๆ เป็นแม่พังพอนหวงไข่”

 “จะบ้าหรือ ฉันไม่ใช่งูนะยะ”

 “ไม่ใช่ แต่เธอก็ชอบแยกเขี้ยวใส่ฉันตลอด”

 “ก็นายมันชีกอ มือไว แถมชอบหาเศษหาเลยกับผู้หญิงยังไงล่ะ”

 ดราก้อนโกรธจัดผุดลุกขึ้น เดินเข้ามาชิดหยางอิง

 “จำไว้นะยายบื้อ คนอย่างฉันไม่เคยต้องหาเศษหาเลยกับใคร มีผู้หญิงวิ่งมาขอขึ้นเตียงด้วยไม่เว้นแต่ละวัน อย่างเธอน่ะ ไม่เคยอยู่ในสเปคฉันสักนิด รู้เอาไว้ด้วย”

 “แต่นายฉวยโอกาสกับฉัน” ภาพจูบเมื่อวานนี้ผุดขึ้น แก้มนวลของหญิงสาวแดงระเรื่อขึ้นทันที

 “เธอหมายถึงจูบ เมื่อวานนี้นะหรือ แต่ฉันว่ามันดีออกนะ ดูดดื่ม”

 ชายหนุ่มลากเสียงยาวพร้อมยักคิ้ว แถมยังโน้มตัวลงจับที่วางแขนเก้าอี้เอาไว้ทั้งสองข้าง ทำแบบนี้เหมือนกักตัวหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด หยางอิงห่อตัวลีบจนติดกับพนักเก้าอี้ 

“นะ นาย ถะ ถอยออกไปนะ ฉันอึดอัด”

ร่างสูงก้มหน้าเข้ามาใกล้ จมูกโด่งห่างจากหล่อนไม่ถึงคืบ ยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าสุดเซ็กซี่

“เธอคิดถึงจูบนั้นมากใช่ไหม ถึงกับเก็บไปฝันทั้งคืนเลยละสิ ถึงได้ตาบวมแล้วก็ปากเจ่อ”

หยางอิงหน้าแดงก่ำลามไปถึงลำคอ ภาพของริมฝีปากที่บดเคล้ากัน ความรู้สึกยามชายหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปทำให้หญิงสาวตัวสั่น แต่สั่นนี้ไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เป็นความรู้สึกอื่นต่างหาก ทำไมนะหล่อนถึงรู้สึกแบบนี้ ทุกครั้งที่คิดถึงจูบแต่กลับมีความวาบหวามเกิดขึ้น ต้องเป็นเพราะเขาร่ายมนตร์อะไรกับหล่อนแน่ๆ หยางอิงรวบรวมแรงผลักชายหนุ่มออกไป 

“ไอ้บ้า ไอ้คนทุเรศ ฉันไม่ฝันถึงอะไรทั้งนั้น ออกไปให้พ้นนะ” หญิงสาวสั่นศีรษะ ดราก้อนหัวเราะร่วน

“เธอนี่โกหกไม่เก่งเลย บอกว่าไม่คิดถึงแต่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง ไปหลอกเด็กเถอะยายเดวิล เธอน่ะติดใจจูบฉันเข้าให้แล้ว จะให้ฉันสาธิตอีกทีดีไหม”

 “ไม่เอา” หยางอิงใช้มือสองข้างปิดปาก ส่ายหน้าแรงๆ หลับตาปี๋เมื่อดราก้อนแกล้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง แต่แล้วทุกอย่างกลับเงียบ เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าชายหนุ่มทิ้งตัวเอกเขนกลงบนโซฟาริมห้องแทน เขาหัวเราะในลำคออย่างกวนประสาท

 “คิดว่าจะได้จูบจากฉันอีกหรือ ฝันไปเถอะ จำเอาไว้นะว่าระหว่างเราสองคนมันก็แค่งาน ต่อไปนี้เธอต้องทำตัวเป็นมืออาชีพ ต่อหน้ากล้องเราต้องเล่นละคร”

 “ละคร” หยางอิงทวนคำ

 “ใช่ ฉากสำคัญที่ทำให้คนทั่วประเทศคิดว่าเราสองคนแอบกิ๊กกัน”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น