1
สองเดือนก่อนหน้า...
“หม่ามี้ขา~ คิดถึงตังเลย”
พาลินอายุสองขวบครึ่งยังออกเสียง จ. จาน เป็น ต. เต่า อยู่เลย ที่จริงก็ไม่เชิงว่าเป็นเสียง ‘ตอ’ แต่กึ่งๆ ‘จอ’ กับ ‘ตอ’ มากกว่า แต่พอต้องพูดคำที่มี ซ. โซ่ อย่างคำว่าพิซซ่า หนูน้อยดันออกเป็นเสียง ‘จอ’ ได้ชัดเจนซะอย่างนั้น
และแม้ว่าคุณแม่กับคุณป้าจะพยายามสอนออกเสียงให้ถูกต้องกี่รอบต่อกี่รอบแล้วก็ยังเหมือนเดิม เลยต้องปล่อยให้เป็นไปตามพัฒนาการ พอถึงวัยสมควรเดี๋ยวคงพูดชัดเอง
อย่างไรก็ตามลูกสาวของอาจารย์พิมพ์พลอยมีพัฒนาการด้านภาษาดีกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันหลายคน เธอพูดประโยคที่ยาวและซับซ้อนได้ รู้จักคำศัพท์เยอะ แถมพูดได้ถึงสามภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาสเปน
เป็นเพราะคุณแม่ชอบเล่านิทานและอ่านหนังสือให้ฟังประจำ ส่วนที่พูดได้สามภาษานั้นเนื่องจากยายหนูเติบโตที่อเมริกา ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก รวมทั้งคุณแม่พูดภาษาไทยด้วยตั้งแต่เกิด พาลินจึงพูดไทยชัด และหนูน้อยยังมีพี่เลี้ยงเป็นชาวเม็กซิกันที่คอยสอนภาษาสเปนให้
“หม่ามี้ก็คิดถึงพาลินเหมือนกันค่ะ” คุณแม่วัยเกือบสามสิบจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมของเครื่องมือสื่อสารที่เธอใช้คุยกับลูกสาวตัวน้อยซึ่งตอนนี้อยู่ห่างกันหลายพันไมล์
พาลินอยู่ที่ลอสแอนเจลิสกับผู้เป็นป้า ส่วนพิมพ์พลอยนั้นกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการชั่วคราว
เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้วเธอได้รับทุนจากคณะเศรษฐศาสตร์ไปศึกษาปริญญาเอก ตอนนี้ก็ใกล้จะจบแล้ว เหลือแค่ต้องส่งธีสิส อาจารย์สาวจึงต้องกลับมาเก็บข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ที่ไทย เพราะเหตุนี้แหละที่ทำให้ต้องฝากยายหนูไว้กับเจ้พัชร์ของเธอ
“คิดถึง ก็กลับมาเร็วๆ จิคะ” เจ้าก้อนรู้จักใช้เสียงออดอ้อน
“รออีกหนึ่งเดือนนะคะที่รัก หม่ามี้จะกลับไปหา” พิมพ์พลอยแทบอยากจะมุดเข้าไปดึงเจ้าของแก้มจ้ำม่ำมาฟัดให้สมกับความคิดถึงที่ใหญ่เท่าจักรวาลเสียเหลือเกิน
ถ้าหากมองผ่านความอวบอ้วนของก้อนไขมันที่แก้มไป จะพบว่าสาวน้อยมีใบหน้าสวยคมแบบไทยเลยละ ต่างจากคุณแม่ที่ออกจะหมวยๆ เพราะมีเชื้อจีน พาลินมีดวงตากลมโตสีรัตติกาล เปลือกตาสองชั้น จมูกเล็กทว่ามีสันชัดเจน ปากกระจับสีชมพูเข้มที่หม่ามี้ชอบจุ๊บเป็นที่สุด
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนไหนที่ได้แม่มาเลย นอกจากโครโมโซมเอ็กซ์หนึ่งตัวและสีผิว พาลินเหมือนพ่อ เหมือนทั้งหน้าตาและท่าทางการเคลื่อนไหว เหมือนแม้กระทั่งตอนกินและตอนนอน นั่งหายใจเฉยๆ ยังเหมือนเลย
ทว่าตั้งแต่ลืมตาดูโลกพาลินน้อยยังไม่มีโอกาสเห็นหน้าพ่อแท้ๆ ของตัวเองหรอก และไม่รู้ด้วยว่าจะมีโอกาสนั้นไหม
เธอกับสามี ไม่สิ...เธอกับเขาไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ พิมพ์พลอยกับพ่อของลูกแค่มีความสัมพันธ์กันในช่วงเวลาสั้นๆ หญิงสาวไม่ใช่คนประเภทที่ชอบ Casual date หวังจริงจังกับเขาเลยละ แต่พ่อของลูกดันมีความคิดไม่ตรงกัน เลยจบลงที่ต่างคนต่างไปตามทางของตน
ว่าก็ว่าเถอะ ตอนเข้าหาเธอ ‘พลิศร์’ ไม่ได้ต้องการเป็นแค่เพื่อนที่ต้องการมีความสัมพันธ์ทางกายกันเท่านั้น หากไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เธอคิดว่าเขาปฏิบัติตัวเหมือนแฟนคนหนึ่งจนทำให้เธอเข้าใจผิด หรือไม่ ตอนนั้นเธออาจจะอ่อนต่อโลกเกินไปจึงไม่รู้
พูดง่ายๆ คือเขาตั้งใจหลอกฟัน พอเธออยากจริงจัง พลิศร์ก็ขอแยกทาง แล้วบอกให้ไปหาผู้ชายคนอื่นที่สนองความต้องการเธอได้ เพราะเขายังอยากมีอิสระ นี่แหละเป็นเหตุผลที่พาลินยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าคุณพ่อ พิมพ์พลอยต้องการให้เป็นเช่นนั้น ในเมื่ออยากได้อิสระ เธอก็จะให้เขาได้ใช้มันอย่างเต็มที่ ส่วนลูกสาวเธอเลี้ยงคนเดียวได้!
“หนึ่งเดือนมันนานเกินไปนี่คะ” เจ้าแก้มอ้วนดึงสมาร์ตโฟนเข้ามาจ่อหน้า ภาพทางปลายสายจึงปรากฏเป็นใบหน้าขาวอมชมพูเต็มจอ มีดวงตาสีนิลกลมใส ปากน้อยจุ๋มจิ๋มสีชมพูเกือบแดงเคลือบด้วยน้ำใสๆ ที่ไหลเยิ้มจากปาก
ภาพน่ารักนี้ทำเอาหัวใจหม่ามี้ละลายเลยละ พิมพ์พลอยตกหลุมรักลูกสาวตัวเองวันละสิบๆ รอบ ถึงแม้เจ้าก้อนนุ่มนิ่มจะมีใบหน้าคล้ายผู้ชายคนนั้น แต่เธอก็รักยายหนูอย่างไม่มีข้อกังขา
“นานเกินไปเหรอคะ แบบนี้จะทำยังไงดีคะ หม่ามี้กลับเร็วกว่านี้ไม่ได้ด้วยสิที่รัก” ลูกบอกว่านาน เธอก็คิดว่ามันนานเช่นกัน
อย่าว่าแต่หนึ่งเดือนเลย แม้แต่หนึ่งชั่วโมงที่ต้องห่างกันความรู้สึกราวกับหนึ่งปี หากไม่จำเป็นจริงๆ คุณแม่ยังสาวก็ไม่อยากห่างลูกน้อยไปไหน อาจารย์พิมพ์พลอยต้องกลับมาเก็บข้อมูลทำธีสิสที่ไทย แต่พาลินที่เพิ่งเข้า Montessori school กำลังสนุกกับการไปโรงเรียนและเจอเพื่อนๆ เพราะที่นั่นจะให้อิสระแก่การเรียนรู้ของเด็กๆ ได้ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ และได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่
ในทุกวันหลังเลิกเรียนยายหนูก็มักจะมีผลงานมาอวดเสมอ อย่างเช่นสร้อยคอที่ร้อยจากเส้นเพนเน่ย้อมสี หน้ากากรูปสัตว์จากจานกระดาษ ภาพศิลปะที่ได้จากการฉีก ตัด ปะกระดาษสี และอื่นๆ ซึ่งล้วนประดิษฐ์ด้วยสองมือน้อยๆ ป้อมๆ
“หม่ามี้มาหาพาลินในความฝันดีไหมคะ”
“หม่ามี้จะไปยังไงล่ะคะ”
“หม่าม้าบอกว่าหากพาลินคิดถึงหม่ามี้ก็ให้รีบนอน ตะได้เห็นหม่ามี้ในความฝัน” พาลินเรียกคุณป้าของเธอว่าหม่าม้า “แต่ว่าพาลินยังไม่เตอหม่ามี้เลยสักคืน”
“ยังไม่เจอเลยเหรอคะ” พิมพ์พลอยนึกขำความคิดที่สุดแสนจะบรรเจิดของพี่สาวในการหลอกล่อลูกสาวเธอให้เข้านอน
เพียงพัชร์...พี่สาวของเธอเล่าให้ฟังว่าพาลินดูหงอยๆ ตอนจะเข้านอน คงเพราะคิดถึงหม่ามี้ ปกติพิมพ์พลอยจะอ่านนิทานให้ลูกสาวฟังทุกคืน พอเปลี่ยนจากหม่ามี้เป็นอาอี๊เลยไม่ชิน และกว่าจะหลับเพียงพัชร์ต้องเล่านิทานจนคอแห้งเลยทีเดียว ปกติหม่ามี้เล่าแค่เรื่องเดียวพาลินน้อยก็หลับปุ๋ยตั้งแต่ยังไม่จบเรื่อง
“ค่ะ”
“ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหม่ามี้ไม่อยู่ แต่พาลินยังมีหม่าม้ากับลูพิต้าที่ดูแลหนู” ลูพิต้าคือแนนนี่เชื้อสายเม็กซิกันที่ช่วยดูแลลูกสาวของเธอมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก “สุดสัปดาห์นี้เห็นหม่าม้าบอกว่าลูพิต้าจะพาหนูไปเพลย์เดตกับเพื่อนๆ ที่ลานไอซ์สเก็ต”
“Wow! That’s cool!” เจ้าก้อนของหม่ามี้ดีใจจนต้องอุทานเป็นภาษาอังกฤษ
“คุยกับหม่ามี้ต้องพูดไทยสิคะที่รัก” คนเป็นแม่ต้องคอยปรามยายหนูอินเตอร์อยู่เรื่อย เพราะสภาพแวดล้อมรวมถึงผู้คนรอบกาย ลูกสาวเธอจึงคุ้นเคยกับการใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย
“อุ๊ปส์! ขอโทษค่ะ” พาลินน้อยยกมือเล็กๆ ที่เหมือนแง่งขิงปิดปากอย่างมีจริต
พิมพ์พลอยวิดีโอคอลกับลูกสาวพอให้หายคิดถึง เพราะพาลินน้อยจะต้องไปโรงเรียน ส่วนเธอก็เข้านอน พรุ่งนี้เช้าต้องเข้าไปมหาวิทยาลัยที่เคยสอนก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อปรึกษาการเก็บรวบรวมข้อมูลมาทำวิทยานิพนธ์กับอาจารย์รุ่นพี่
ในค่ำคืนอันเร่าร้อนของใครอีกคน...
ใต้แสงไฟสลัวภายในคอนโดมิเนียมหรู สองร่างที่สอดผสานกำลังบรรเลงเพลงสวาทอันร้อนแรง บทเพลงดำเนินมาถึงช่วงท้าย ร่างหนาจึงเร่งจังหวะในการกระแทกเข้าใส่ร่างอรชร
“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าย!” กรีดร้องเสียงแหลมสุดเสียงเมื่อเขาส่งเธอถึงจุดสูงสุด
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างที่ประกอบด้วยมัดกล้ามไร้ไขมันถอนตัวตนออกเมื่อเสร็จกิจราคะ พลิศร์ลุกขึ้นจากเตียงคิงไซส์ หยิบผ้าขนหนูสะอาดจากลิ้นชักมาพันกายท่อนล่างเพื่อเตรียมตัวเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ
ไม่มีการกอด จูบ ลูบไล้หลังพายุสวาท เพราะนี่เป็นเพียงกิจกรรมผ่อนคลายความตึงเครียดภายในร่างกาย ไม่ใช่เพื่อสร้างสายสัมพันธ์
“คุณออกไปใช้ห้องน้ำด้านนอกแล้วกัน เสร็จแล้วก็กลับได้เลย ผมโอนเงินให้แล้ว” บอกก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายอย่างไม่แยแส เพราะคงไม่ได้เจอกันอีก ถึงเจอก็คงแสดงออกอย่างคนแปลกหน้า
แม้แต่ชื่อของเธอพลิศร์ยังไม่จำ มันไม่จำเป็น เขาแค่ใช้บริการหญิงสาวเพียงครั้งเดียว ไม่ได้ต้องการเป็นลูกค้าประจำ
‘พิมพ์พลอย’ ทำให้พฤติกรรมการใช้ผู้หญิงของเขาเปลี่ยนไป แต่ก่อนไม่เคยต้องซื้อบริการเพื่อระบายความใคร่ ชายหนุ่มจะคบเป็นรายๆ ไป เบื่อแล้วก็เลิก ที่ว่า ‘คบ’ ไม่ได้หมายความว่าคบเป็นแฟนหรอกนะ คบเป็นเพื่อนเพื่อมีความสัมพันธ์ทางกาย หรือจะเรียก friends with benefits ก็ได้
การคบกันเพื่อมีเซ็กซ์ในระยะยาวมันเสี่ยงต่อการเกิดความผูกพัน ซึ่งพลิศร์ไม่ต้องการ...
‘เพิ่ม’
‘หืม?’
‘พลอยรักเพิ่มนะ’
‘อย่าพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนั้นน่าพลอย เราเป็นเพื่อนกันนะ’
พิมพ์พลอยบอกรักเขาเป็นครั้งแรกหลังจากที่มีเซ็กซ์กันมาระยะหนึ่ง พลิศร์ไม่ได้คาดหวังและไม่ต้องการฟังคำนี้ มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักสำหรับคนรักอิสระอย่างเขา
ชายหนุ่มให้เธอได้แค่ความเป็นเพื่อน ทว่าหญิงสาวต้องการมากกว่านั้น มันเลยจบที่การแยกทาง จะเรียกว่าเขาทิ้งเธอก็ได้ วันนั้นเขาเดินจากมาทิ้งให้พิมพ์พลอยร้องไห้น้ำตานอง
‘พลอย หยุดร้องเลยนะ ถ้าไม่หยุดก็ไม่ต้องมาคุยกัน’
ตอนนั้นเขาคิดว่าน้ำตาของเธอมันน่ารำคาญและน่าหงุดหงิด พอเธอร้องไห้แทนที่จะปลอบ กลับเลือกที่จะเดินหนี
มาตอนนี้ภาพนั้นยังก่อกวนใจเขาไม่หายแม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว พิมพ์พลอยไม่มายุ่งกับเขาอีกเลยนับตั้งแต่นั้น มีแต่เขาที่ยังอยากรู้และสนใจความเป็นไปของเธอ อยากรู้ว่าสบายดีไหม มีความสุขดีรึเปล่า ลืมเขาได้รึยัง
ที่ยังห่วงหาคงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่เคยทำร้ายหัวใจของเธอละมั้ง
ยอมรับว่าเห็นแก่ตัว และเคยทำเลวต่อเธอ
ครั้งแรกที่เจอเขาดูออกว่าผู้หญิงอย่างพิมพ์พลอยไม่ใช่คนรักสนุก เธอเรียบร้อย ถือตัว แต่ไม่หยิ่ง ใช้ชีวิตตามกรอบอันดีของสังคม ทว่าความสวยของหญิงสาวชวนให้พลิศร์อยากลิ้มลองรสชาติที่ต่างออกไป เพราะปกติเขาจะคั่วแต่สาวแซ่บ ฮอตฉ่า รสชาติถึงพริกถึงขิง เรียกง่ายๆ ว่าเป็นผู้หญิงที่ศีลเสมอกัน
ขึ้นเตียงครั้งแรก...ก็ได้รู้ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอ ชายหนุ่มไม่ได้เซอร์ไพรส์ เพราะคิดไว้เหมือนกันว่าหญิงสาวจะต้องไม่มีประสบการณ์ อีกเช่นเคย...ปกติพลิศร์จะไม่ยุ่งกับสาวเวอร์จินที่ยังไม่ได้เดบิวต์เข้าสู่วงการเซ็กซ์ เขากลัวความยุ่งยากที่จะเกิดตามมา แต่กับพิมพ์พลอย เขาปล่อยเบลอเพราะอยากได้จนตัวสั่น
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่คบกัน ชายหนุ่มพยายามไม่พูดให้ความหวังว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปในขั้นจริงจัง เพราะเขาเองไม่พร้อม แต่พิมพ์พลอยที่ยังอ่อนหัดคงไม่เข้าใจ และทึกทักไปเองว่า ‘เซ็กซ์ = รัก’
ที่จริงจะว่าอ่อนหัดก็ไม่ได้หรอก เธอไม่ใช่คนกร้านโลกและอยู่ในกรอบมาตลอด เป็นเขาเองที่ไปล่อลวงเธอออกมาโดยใช้ชั้นเชิงและประสบการณ์ที่เหนือกว่า พอหญิงสาวต้องการผูกมัด เขาก็ลื่นเป็นพ่อปลาไหลไม่ให้จับได้โดยง่าย
แล้วพิมพ์พลอยก็ไม่ใช่คนช่างตื๊อด้วยสิ พอเขาเผ่น...เธอก็ไม่ตาม
ที่จริงเขาควรจะดีใจ แต่ดันมาติดแหง็กกับความรู้สึกผิด
ร่างแกร่งพ่นลมหายใจ จากนั้นก็สลัดผ้าขนหนูพ้นตัวก่อนจะไปยืนอยู่ใต้เรนชาวเออร์ เปิดน้ำอุณหภูมิเย็นจัดเพื่อดับความคิดฟุ้งซ่านอันน่าปวดหัว
ความคิดเห็น |
---|