5

บทเรียนที่ 1


5

บทเรียนที่ 1

 

บางครั้งคนเราก็ทำอะไรโดยไม่คิด ที่กระทำผิดบ่อยๆ ก็คือพูดโดยไม่คิด และวันนี้อจลทำอะไรไปโดยไม่คิดแล้วหลายอย่าง เริ่มจากเดินเข้ามาขอคำชี้แจงจากนักเขียนที่เขาเคยตราหน้าว่าไร้สามัญสำนึก หาข้าวให้ศัตรูหมายเลขหนึ่งกิน ตามด้วยปากไวตอบตกลงข้อเสนอของพิชามล

ตอนนี้เชฟหนุ่มเลยมายืนเหม่อดูสถานที่ที่เขาจะต้องรับบทบาทครูฝึกสอนเพศศึกษาให้แก่นักเขียนที่ทำลายสุขภาพจิตของเขา ด้วยการเอาเขาไปเป็นต้นแบบตัวละครโรคจิตในนิยายอีโรติก

การสำรวจบ้านของเธอไม่สร้างความยุ่งยากอะไร เนื่องจากบ้านของเขากับบ้านของเธอเป็นบ้านจัดสรรที่สร้างขึ้นโดยใช้แบบแปลนเดียวกัน สองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว ด้านหน้าเป็นห้องนั่งเล่นผสมห้องรับแขก เพียงแต่พิชามลดัดแปลงห้องนอนเล็กเป็นห้องสำหรับทำงาน และจากที่อจลสังเกตเห็น พิชามลแทบจะไม่ได้ใช้บริการห้องนอนของตนเลย

ไม่ว่าจะดูอย่างไร อจลค้นพบว่าห้องนอนบอกตัวตนของพิชามลได้น้อยกว่าห้องทำงาน เตียงนอนถูกจัดเก็บเรียบร้อย ซึ่งไม่น่าจะมาจากความมีระเบียบ แต่น่าจะมาจากการที่เธอไม่ได้นอนมากกว่า สังเกตได้จากหนังสือที่วางระเกะระกะ ชายหนุ่มไม่ใช่คนจู้จี้ แต่เขาก็ไม่นิยมให้มีอะไรทิ่มตำหลังระหว่างเล่นจ้ำจี้เหมือนกัน จึงโยนกล่องถุงยางที่ถือติดมือไว้บนหัวเตียง แล้วจัดการเก็บหนังสือบนฟูกไปวางในห้องทำงานแทน เพราะอย่างไรที่นั่นก็เหมือนห้องสมุดอยู่แล้ว

ขณะเดินกลับเข้ามาในห้องนอน เขาก็ได้ยินเสียงเธอร้องขอผ้าเช็ดตัว ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวา หาอย่างไรก็หาไม่เจอ เขาไม่ได้มีนิสัยชอบเปิดตู้เสื้อผ้าใคร เนื่องจากแม่ของเขาชอบเก็บของมีค่าเอาไว้ในนั้น จึงคิดจะหยิบผ้าห่มบนเตียงแทน แล้วก็ได้ยินเธอบอกว่าให้เอาผ้าในตะกร้าผ้าเปื้อนก็ได้ เขาชะงักก้มลงไปเลือกว่าจะเอาอะไรยื่นให้เธอดี ก็ปรากฏร่างเปลือยขึ้นมาในสายตาของเขา ร่างเปลือยที่อวบอัดน่าฟัดมาก

เมื่อพิชามลทำท่าจะกรี๊ด อจลก็ตะปบปิดปากเธอตามสัญชาตญาณ ก่อนจะพบว่าการมาอยู่กับเธอตรงนี้เป็นความคิดอันตราย

ผู้หญิงคนนี้เป็นนางในฝันของเขา โดยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีรสนิยมเช่นนี้ หรืออย่างน้อยก็หน้าอกของเธอก็ต้องเป็นฝันหวานของผู้ชายทุกคน เมื่อปราศจากชุดชั้นในเรียบร้อยคอยบีบรัด มันดูอวบอัดขึ้นไปอีก ยิ่งเธอหอบหายใจด้วยความตระหนก มันก็ยิ่งกระเพื่อมไหวท้าทายสายตาเขา อจลรู้สึกว่าน้ำลายสอในปาก อยากดื่มนมขึ้นมาทันที ก่อนจะถูกความประหลาดของพิชามลดึงกลับมาสู่โลกแห่งความจริงแบบเพี้ยนๆ ของเธอ ด้วยการสะอึกสะอื้นทำลายอารมณ์หื่นกามของเขา

อจลก็เหมือนผู้ชายปกติค่อนโลกที่รับมือกับน้ำตาของผู้หญิงไม่ไหว เขาจึงทำแบบเดียวกับที่คนทั่วไปควรทำ ตั้งคำถาม หาสาเหตุ แต่เขาลืมไปว่าพิชามลไม่ใช่คนปกติ

“และฉันอ้วน” ประโยคเดียวจากพิชามลส่งผลให้สมองของอจลทำงานพลาดแบบที่ไม่ควรพลาด

“คุณก็อ้วนอยู่แล้วนี่”

ชายหนุ่มรู้ตัวว่าพลาดก่อนจะเห็นหญิงสาวเบะปากเปลี่ยนจากน้ำตาคลอเป็นร้องไห้โฮเสียอีก อจลอาจจะไม่เคยคบศิลปินสายวรรณกรรม แต่เขาเคยเผชิญชะตากรรมเวลากล่าวผิดหูสตรีมาเยอะ เขาควรจะใช้สมองมากกว่านี้ก่อนจะวิจารณ์เรือนร่างของผู้หญิง

ไม่ใช่แค่นางแบบหรือนักกีฬาหญิงที่เกลียดคำว่าอ้วน

“อย่าร้องไห้สิ ผมขอโทษ”

“ไม่ต้องมาขอโทษเลย คุณบอกว่าฉันอ้วน” พิชามลเบะปากตำหนิทั้งน้ำตา

ทั้งที่เธอเป็นคนเริ่มคำนี้ก่อน พอเขาพูดบ้างกลายเป็นว่าเขาผิดมหันต์ อจลอยากจะชี้ถึงประเด็นนี้ แต่พอเห็นพิชามลนั่งยองๆ พยายามปกปิดเรือนร่างตนเองสุดความสามารถ แล้วช้อนดวงตาแดงก่ำคลอน้ำตามองเขาเหมือนลูกหมาโดนรังแกเขาก็พูดไม่ออก

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตนโดนกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายอุกฉกรรจ์โดยไม่อาจอุทธรณ์ เพราะถ้าร้องเรียนในศาลยุติธรรม เขาคงโดนสวนกลับว่าเดินโง่ๆ เข้ามาในสถานการณ์นี้เอง ดังนั้นถ้าเขาไม่อยากวิ่งข้ามรั้วกลับบ้าน ซึ่งอจลไม่นึกอยากสักนิด เขาต้องหาคำพูดมาหยุดน้ำตาของพิชามล

“แล้วไงล่ะ หุ่นของคุณก็ดีนี่” เขาชม

เธอย้อนเสียงสูงปรี๊ด “ก็ดี?” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่านี่เป็นคำพูดเลวร้าย “ก็ดี เป็นคำชมแกนๆ บางครั้งใช้แทนการบอกตรงๆ ว่าแย่” ที่แย่กว่าคือมีน้ำตาปริ่มขอบตาเธออีกแล้ว

อจลมั่นใจว่าโลกใบนี้มีคนเพี้ยนอยู่มากมาย แต่เขามั่นใจยิ่งกว่าว่าพิชามลอยู่อันดับต้นๆ ถ้ามีใครขอคำแนะนำเรื่องการซื้อบ้านจากเขา กฎข้อแรกที่เขาจะสั่งห้ามก็คืออย่าซื้อบ้านติดกับนักเขียน ปัญหาตอนนี้ก็คือ เขาเดินข้ามรั้วเข้ามาอยู่ในบ้านนักเขียนหนึ่งเดียวที่เพี้ยนจัดที่สุดที่เขารู้จัก หนำซ้ำยังยอมรับข้อเสนอที่เข้าข่ายพิสดารของเธอ ที่สำคัญขณะมองตัวกลมๆ ดูนุ่มนิ่มของเธอ เขาไม่มีความคิดจะเปลี่ยนใจสักนิด

“เห็นหุ่นคุณแล้วผมเกิดอารมณ์” นี่เป็นคำชมเดียวที่อจลคิดได้ เพราะมันมาจากความจริง

“โกหก” พิชามลกล่าวหา แต่อย่างน้อยน้ำตาเธอก็หยุดแล้ว อจลเลยสวนกลับได้ทันควัน

“ดูหลักฐานใต้เข็มขัดผมสิ”

ปากของพิชามลห่อเป็นรูปตัวโอด้วยความประหลาดใจ อจลมีอะไรให้ทำกับปากแบบนี้หลายอย่าง ซึ่งไม่รวมถึงการพูด เพราะเธอยิ่งจ้อง เขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่ที่ใจ แต่เป็นอะไรที่อยู่ใต้เข็มขัด

“ตกลงคุณจะให้ผมเริ่มหรือจะให้ผมหยุด” เขาทำเสียงดุ แต่ในใจอ้อนวอนให้เธอยอมเริ่มเสียที

รอนานกว่าที่อจลต้องการกว่าพิชามลจะยอมพยักหน้า แต่เธอยังคงนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้นจนเขาอยากจะหิ้วตัวเธอขึ้นแล้วเขวี้ยงไปบนเตียง ทว่ามันดูโหดไป เขาเลยได้แต่สั่งเสียงเข้ม

“ลุกขึ้น!” พระเอกสายโหดอาจจะมีต้นกำเนิดมาจากอารมณ์หื่นไร้หนทางระบายก็เป็นได้

“ไม่! ลุกขึ้นคุณก็เห็นฉันโป๊สิ” ตุ๊กตาปุ๊กลุกเถียงจากระดับเข่า หารู้ไม่ว่าจากมุมสูง เขาเห็นหมดว่าอกกับสะโพกของเธอใหญ่แค่ไหน ส่วนพุงที่เธอกังวลไม่ได้มีผลต่ออาการล้มหรือลุกของเขาเลย

“คุณเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้เองนะ” อจลทบทวนความจำ แต่พิชามลเบะปากใส่

ชายหนุ่มอยากจะหันหลังเดินหนี ปล่อยคนสติไม่ดีอยู่ตามลำพัง แต่ความกลมกลึงของพิชามลตรึงสายตาเขาเอาไว้ ผมและผิวเปียกชื้น หยดน้ำหลังการสระผมหยดลงมาตามไหล่และแผ่นหลัง อจลมองตามหยดใสๆ กลิ้งลงไปตามผิวเนียน มันค้างอย่างเหมาะสมยามหยุดบนสะโพกงามงอน เข่าที่เบียดชิดอกทำให้ส่วนนั้นดูนูนขึ้นไปอีก หลังจากถอนใจ เขาก็พร้อมจะยอมอ่อนข้อ

“ก็ได้ ผมจะไม่ให้คุณเสียเปรียบ” อจลประกาศ และไม่รอให้พิชามลถามว่าเขาหมายความว่ายังไงก็ลงมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว

การรู้จักกับเธอพลอยทำให้เขากลายเป็นคนบ้าๆ บอๆ ตามไปด้วย อจลคนเดิมคงใช้เซลล์สมองคิดก่อนทำ แต่อจลคนใหม่ในห้องนอนของพิชามลดึงเสื้อโปโลตามด้วยเสื้อกล้ามพ้นจากลำตัวท่อนบน ปลดเข็มขัด รูดซิปกางเกง เลื่อนทั้งหมดลงไปกองกับพื้น หลังจากสะบัดมันด้วยปลายเท้า เขาก็ต่อรองกับเธออีก

“อยากดูไหม”

สายตาของอจลบอกว่าให้ลุกขึ้นมาถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกจากตัวเขา สายตาพิชามลลังเล แต่มือเอื้อมมาหาแบบไม่ทันคิด เขาถอยหลังหนีหนึ่งก้าว เพิ่มระยะห่างที่ทำให้เธอไม่อาจเอื้อมถึงหากไม่ลุกขึ้นจากพื้น หญิงสาวเปลี่ยนจากเบะปากเป็นทำปากยื่นด้วยความหงุดหงิด แต่ท้ายที่สุดเธอก็ทำเสียง “ฮึ” แล้วลุกพรวดขึ้นมายืน ยกมือเท้าเอว ทำท่าเหมือนพร้อมจะเผชิญกับทุกสิ่งด้วยความกล้าหาญ ขัดกับแก้มแดงก่ำ

“ฉันโป๊ คุณก็ควรจะโป๊ เราจะได้เสมอกัน”

เป็นครั้งแรกนับจากอายุสิบสี่ที่อจลหัวเราะด้วยอารมณ์ขัดเขินปนจนใจเพราะตกอยู่ภายใต้ความต้องการที่เขาไม่อาจขัดขืน เขาถอดกางเกงชั้นในออกแล้วเท้าเอวเลียนแบบท่าทางของพิชามล ปล่อยให้เธอใช้สายตาสำรวจเขาได้อย่างเต็มที่ แน่ใจว่าแก้มของตนต้องขึ้นสีแดงแข่งกับเธอ

“ใหญ่จัง” เธอพึมพำขณะจ้องเขม็งด้วยสายตาตื่นตะลึง

เขาเกือบจะหลุดปากขอบคุณที่เธอเอ่ยชม แต่เปลี่ยนเป็นดึงแขนเธอไปหาเตียงที่คอยอยู่นานแทน

พิชามลกระตุกมือเหมือนจะดึงออก แล้วเปลี่ยนใจเป็นฝ่ายดึงให้อจลนั่งลงบนเตียง ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจในความอดทนของตนจึงทิ้งตัวลงนอน ปล่อยให้ตาของเธอสำรวจเรือนร่างของเขา ระหว่างนั้นก็อาศัยจังหวะที่เธอเอนตัวเข้าใกล้ใช้มือทำความคุ้นเคยกับผิวของเธอบ้าง ทั้งที่ปลายนิ้วของเขาแทบจะควบคุมอาการสั่นที่เกิดจากความต้องการเอาไว้ไม่ไหว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้จักคำว่ากระหายหิว แล้วทางเดียวที่จะบรรเทาได้ก็คือการครอบครองเธอ

เพื่อไม่ให้ครั้งแรกของพิชามลเลวร้ายเกินไป อจลจึงพยายามสงบอารมณ์ด้วยการนับหนึ่งถึงสิบเป็นภาษาอิตาลีในใจ

ผ่านไปไม่ถึงนาที นับได้แค่เลขหก ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจว่าหญิงสาวจะใช้เวลานานเท่าไรในการสำรวจ แต่เขาแน่ใจว่าไม่อาจทนรอต่อไปไหว จากที่คิดว่าจะเป็นฝ่ายนอนเฉยๆ ทรมานความอยากรู้อยากเห็นของพิชามล อจลก็ค้นพบว่านั่นเป็นการทรมานความต้องการของตัวเอง เขากระตุกต้นแขนของเธอให้เธอนอนลง พลิกกลับเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ให้ดำเนินไปไวขึ้น

ริมฝีปากของเขาแตะลงบนแก้มของเธอใกล้ๆ กับลักยิ้ม และค้นพบสัมผัสนุ่มเด้งที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์อยากจะกัดมันเบาๆ แต่นั่นรอเอาไว้ทีหลังได้ เขาละเลยจากปากสีแดงจิ้มลิ้มอย่างจงใจ เพราะนั่นมันแสดงถึงความใกล้ชิดเกินไปจนเขาไม่กล้าเสี่ยง จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นซอกคอ อดขำไม่ได้ทั้งที่ไม่เต็มใจกับการหดคอหนีของเธอ แต่ต่อจากนั้นก็พบว่าสองแขนของเธอกอดอกตัวเองแน่น

“เอามือออกครับ”

เธอตอบรับคำสั่งของเขาด้วยการส่ายหน้า ทว่าอจลก็คาดเอาไว้แล้วว่าพิชามลต้องทำแบบนี้ ขณะบอกเขาจึงเอื้อมมือไปดึงสองมือของเธอแยกออกจากกัน ข้อมือของเชฟแข็งกว่านักเขียนเยอะ ต่อให้เธอขัดขืนด้วยความเขินอาย เขาก็ยังดึงมือทั้งคู่ของเธอไปวางแนบข้างๆ บ่าได้สำเร็จ ส่งผลให้ทรวงอกคู่ที่งดงามที่สุดที่เขาเคยเห็นพุ่งเด่นออกมาด้านหน้า

“ผมบอกแล้วว่าหุ่นของคุณทำให้ผู้ชายทุกคนเกิดอารมณ์” กล่าวจบอจลก็ก้มหน้าลงไปสำรวจส่วนที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์มากที่สุดในตัวพิชามล ยิ่งเธอบิดตัวหนีมากเท่าไร ปลายยอดสีชมพูก็ยิ่งเหมือนเรียกเขาเข้าไปหามากขึ้นเท่านั้น

ชายหนุ่มต่อต้านแรงดึงดูดระหว่างเขากับทรวงอกของหญิงสาวไม่ไหว เขาจูบมันเบาๆ หนึ่งที พอเธอสะดุ้ง เขาก็จูบแรงขึ้นตามด้วยโลมเลีย ทำให้ร่างที่อยู่ด้านใต้เกร็งไปจนตัวแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะช่วยให้เขาปล่อยมือทั้งสองข้างมาร่วมกันดูแลทรวงอกของเธอได้อย่างเต็มที่

เขาขยับมานั่งคร่อมเหนือร่างของเธอ โดยทิ้งน้ำหนักลงไปบนฟูก แล้ววางมือไปบนทรวงอกคู่ที่ทั้งอวบทั้งนุ่ม และน่าสัมผัสที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ เขาก้มลงดูดดื่มมันทีละข้าง หูก็ได้ยินเสียงกระท่อนกระแท่นแปลความหมายไม่ได้จากปากของเธอ ซึ่งกระตุ้นให้เขาเลื่อนตัวลงไปช้าๆ มือข้างหนึ่งยังอยู่บนอก แต่มืออีกข้างและปากไปถึงหน้าท้องซึ่งเป็นจุดที่พิชามลแสดงออกมาแล้วว่าไม่ต้องการให้เขา

เห็น อจลพบว่ามันน่าสัมผัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด้านบน ถึงตรงนี้เขาไม่อาจสะกดอารมณ์อยากกัดเอาไว้ไหวจึงงับลงไป เบาๆ ทำให้เธอดิ้นหนีอีกรอบ เขาเลยไถลลงไปสู่จุดที่ต่ำกว่าอย่างง่ายดาย แต่มันยุ่งยากตอนที่เธอเอามือมาปิดไว้

อจลเงยหน้าขึ้นไปพบว่าพิชามลกำลังส่ายหน้ายิกๆ เขาผงกศีรษะบอกด้วยท่าทางให้เธอเอามือออก แต่เธอยังส่ายหน้าไม่หยุด เขาเลยเลือกใช้กำลังดึงมือทั้งสองของเธอออก แล้วก้มลงไปตรงจุดนั้น ก่อนจะชะงักเพราะคำถามที่เกินกว่าเขาจะคาดคิด

“มะ...เหมือนปลาเค็มหรือเปล่า”

อจลต้องใช้ความสามารถของทุกเซลล์สมองค้นหาคำตอบของคำถามไร้ที่มาของพิชามล

“ไม่ กลิ่นไม่เหมือนปลาเค็มหรอก”

เพื่อยืนยันคำพูดของตน อจลค่อยๆ จูบลงไปเบาๆ แล้วก็ไม่อาจรั้งมือพิชามลเอาไว้ได้ เขานึกว่าเธอจะยกมือมาปิด หรืออาจจะทุบเขาสักที เลยเงยหน้าเตรียมตั้งรับ พบว่าเธอใช้สองมือปิดปากตัวเองแน่น ซึ่งเขาเดาเอาเองว่าเป็นการอนุญาตให้เขาลงมือต่อ

ชายหนุ่มเลื่อนตัวลงมานั่งคุกเข่าบนฟูกพร้อมกับแยกขาของหญิงสาวออก เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้เขานั่งได้ถนัด ขณะเดียวกันก็จะได้จู่โจมเป้าหมายได้อย่างเต็มที่ นอกจากการนอนตัวเกร็งแล้วเขาไม่พบอุปสรรคอื่น แต่เพื่อความไม่ประมาท เขาจึงใช้สองบ่าแทรกระหว่างต้นขาของเธอเอาไว้ขณะก้มหน้าลงจูบแรงขึ้นและลึกขึ้น

นอกจากเสียงอู้อี้ที่พิชามลเปล่งออกมาลอดหลังมือที่ปิดปากแน่น อจลไม่พบการต่อต้านใดๆ จนเมื่อเขาเพิ่มการสำรวจจากลิ้นเป็นมือ นวดเฟ้นต้นขา แล้วคืบเข้าไปหาจุดพิเศษที่ริมฝีปากของเขากำลังลิ้มรส แตะเลื่อน ลูบไล้ แล้วค่อยๆ สอดแทรก เธอเริ่มพยายามถอยหนี แต่มือข้างหนึ่งของเขาสอดใต้ขาอ้อมขึ้นไปยึดต้นขาของเธอเอาไว้ ปล่อยให้สองเท้าของเธอจิกและดิ้นบนผ้าปูเตียงไป

หูของเขาแนบอยู่กับต้นขาของเธอ ประกอบกับเสียงเธอถูกมือตนเองปิดกั้นเอาไว้ เขาจึงไม่อาจประเมินได้ว่าเธอรู้สึกเช่นไร ทว่าอจลพร้อมจะใช้ประสบการณ์ทั้งหมดมอบความวาบหวามให้แก่พิชามล ลิ้นของเขาโลมเลีย นิ้วชี้ขวาสอดช้าๆ เข้าไป ในขณะที่นิ้วโป้งป่ายปัดเหนือปุ่มเนื้อด้านบน สัมผัสถึงการสั่นไหวตื่นตัวกับความชื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาตัดสินใจเพิ่มนิ้วกลางเข้าไป เลื่อนเข้า ดึงออก ขณะที่ริมฝีปากขยับไปเม้มปุ่มรวมความหฤหรรษ์เบาๆ การบีบรัดรอบนิ้วมือกับร่างที่แอ่นโค้งขึ้นบอกว่าเธอได้สัมผัสความสุขแล้ว และนี่เป็นเวลาที่เขาควรจะรุกคืบเต็มกำลัง

อจลเกือบจะเข้าไปในกายของพิชามลอยู่แล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ป้องกันเธอจากความเสี่ยงเลย ชายหนุ่มสบถหยาบคายในใจ ขณะพุ่งไปที่หัวเตียงด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ เพื่อจะคว้าถุงยางอนามัยชิ้นหนึ่งติดมือมา เขาแกะห่อฟอยล์ด้วยมือสั่นเทาจากความต้องการ หลังจากหุ้มห่อตัวเองเสร็จ เขาก็ไม่รอให้เธอตั้งตัว จ่อความกร้าวแกร่งลงไป ใช้มือหนึ่งแยกต้นขาของเธอออก ขณะที่อีกมือพยายามประคับประคองตัวตนเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่าไม่ผ่อนปรน

หนทางช่างคับแคบและรัดรึง เขาไม่แน่ใจว่าจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง วินาทีนั้นอจลสบตาเข้ากับพิชามล เขาเห็นความเจ็บ ความตกใจ และอื่นๆ อีกมากมาย ชายหนุ่มคิดว่าแทนที่จะเจ็บนานควรทำให้จบในคราวเดียว ทว่าก่อนหน้านั้นควรจะบอกกับเธอก่อน เขาจะขยับปากขอโทษ แต่หญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้หัวสมองของเขากลั่นกรองคำพูดสำเร็จ เพราะสองแขนที่ควรผลักเขาออกดันสวมกอดเขาแน่น เป็นจังหวะเดียวกับที่เขากำลังดันเอวไปด้านหน้า ผลก็คือเขาถลำไปสุดตัวในคราวเดียว แล้วก็ทะลักทลายอยู่ตรงนั้น

เลือดร้อนๆ ค่อยๆ ไหลออกจากระบบประสาท สติค่อยๆ คืบคลานกลับมา อจลนึกถึงคำว่า ‘ล่มปากอ่าว’ ซึ่งหยาบคายมากสำหรับชายทุกคน แต่พอลืมตามองเห็นใบหน้าบิดเบ้ด้วยความเจ็บของพิชามล เขาก็กลืนถ้อยคำตำหนิที่เธอทำให้เขาผิดแผนลงไป

“ขอโทษครับ” ในสถานการณ์นี้เขาจะพูดอะไรได้อีก ยังดีที่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำให้เขาค่อยๆ ถอนตัวออกมาช้าๆ ด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย เนื่องจากต้องระมัดระวังไม่ให้เธอเจ็บมากกว่าเดิม

“เอายังไงดีคะ”

พิชามลสูดหายใจลึก ยกมือขึ้นกอดอกถามด้วยท่าทีงุนงงจนน่าสงสาร ระหว่างนั้นอจลก็กำจัดถุงยางออกจากตัวพร้อมกับตั้งสติไปด้วย แต่ยังไงก็ตาม มีเพียงคำตอบเดียว เขาเลยจ้องหน้าเธออย่างจริงจังก่อนกล่าว

“ถ้าครั้งแรกผิดพลาด ก็ต้องรีบแก้ตัวสิครับ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น