5

5

 

   “รบเร้าอยากกินเป็ดย่างจนเก็บไปฝัน แต่พอพามากลับกินแค่สองสามคำ” อนิลบถเอ่ยกับคนที่พร่ำบ่นถึงเป็ดย่างกระทั่งเก็บเอาไปฝันทั้งคืน แต่เมื่อมีจานเป็ดย่างวางอยู่ตรงหน้ากลับตักรับประทานเพียงสามคำก็วางตะเกียบแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบเสียแล้ว

   “เป็นนภาหรอกหรือคะที่อยากกินเป็ดย่าง คิดว่าเป็นพี่เวหาเสียอีก” อัปสรนภาเอียงหน้าขึ้นเอ่ยถามพี่ชายด้วยแววตาเป็นประกายคล้ายไร้เดียงสาเสียเต็มประดาทว่ากิริยานั้นกลับทำให้มือข้างที่ถือตะเกียบของตะวันวาดสั่นเทาจนเนื้อเป็ดย่างที่เพิ่งคีบขึ้นมาหล่นลงไปในจานเป็ดดังเดิม 

   อนิลบถหรี่ตามองใบหน้าหมดจดของน้องสาวแล้วหลุดเสียงหัวเราะ ชายหนุ่มวางตะเกียบในมือลงก่อนจะดีดหน้าผากของคนที่จ้องเขาตาแป๋ว 

   “เจ็บนะคะ” อัปสรนภายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วพึมพำเสียงไม่ดังนัก

   “เมาเป็ดย่างหรือไรตัวแสบ ไม่ใช่นภาหรอกรึ ที่อยากกินเป็ดย่างเสียเต็มประดา ส่วนพี่เพิ่งกลับบ้านใจนึกอยากกินแต่รสมือคุณแม่”

   “อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง สงสัยนภาจะเมาเป็ดย่างแล้วจริงๆ ตัวก็คิดแบบนั้นใช่หรือไม่ปักษา” อัปสรนภาตอบพี่ชาย ก่อนจะหันไปพยักพเยิดกับศกุนตลาที่เอาแต่นั่งก้มหน้ากลั้นยิ้มอยู่ข้างๆ 

   “ถ้าอย่างนั้นนภาไม่เกรงใจแล้วนะคะ คุณอา พี่วาด นภาขออนุญาตจัดการเจ้าเป็ดที่นอนแอ้งแม้งในจานต่อนะคะ”

   “เชิง เชิง เชิง” เถ้าแก่ฉวนกับนวลเพ็ญหัวเราะร่วนพลางผายมือไปที่จานเป็ดย่างเป็นเชิงอนุญาต ส่วนตะวันวาดนั้นก็ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มพยายามส่งสายตาเอื้อเอ็นดูที่ถึงแม้นจะจืดเจื่อนจนไม่สามารถสื่อไปถึงหญิงสาวอีกคนก็ตาม แต่เธอก็ใช่จะใส่ใจในเมื่อคนที่เธอต้องการสื่อสารด้วยคือชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพียงคนเดียว

   อัปสรนภากลับมาให้ความสนใจกับเมนูโปรด พร้อมกับคีบเป็ดย่างไปวางบนจานของศกุนตลาที่คล้ายจะกลับมาเจริญอาหารเช่นกัน

   “ทานอาหารเสร็จแล้วเวหามีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่าคะ” ตะวันวาดถามพร้อมกับคีบเป็ดย่างไปวางบนจานของคนถูกถาม

   “ว่าจะพาสองสาวไปเดินห้างแถวเจริญกรุงต่อ”

   “บังเอิญจังเลยค่ะ วาดก็กำลังจะขอป๊ากับแม่ไปซื้อของอยู่พอดี งั้นวาดขอติดรถเวหาไปด้วยนะคะ”

   “ยายวาด ...” นวลทิพย์หันมาเอ็ดบุตรสาวตาเขียว

   “แม่ขา วาดขอไปซื้อของหน่อยนะคะ อีกอย่างวาดก็ไม่ได้ไปกับเวหาแค่สองคน มีนภากับปักษาไปด้วยไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ” ตะวันวาดออดอ้อนมารดาก่อนจะเบนสายตาไปเอ่ยกับชายหนุ่มฝั่งตรงข้าม

“นะคะเวหาวาดกวนเวหาแค่ขาไป ตอนกลับวาดจะหาทางกลับเอง”

ด้วยเหตุผลทั้งมวลท้ายที่สุดแล้วอนิลบถจึงได้แต่พยักหน้ารับ หลังจากที่ยื้อแย่งกันเป็นเจ้ามือมื้อพิเศษระหว่างสองครอบครัวอยู่นาน ซึ่งในวันนี้เถ้าแก่ฉวนพ่ายให้แก่อนิลบถ และเมื่อชำระค่าอาหารเรียบร้อยแล้วเถ้าแก่ฉวนกับนวลเพ็ญจึงแยกตัวไปทำธุระ ส่วนอนิลบถ เดินนำศกุนตลา อัปสรนภา และตะวันวาดไปยังจุดที่จอดรถเอาไว้

“ขอบคุณค่ะ” ตะวันวาดว่าพลางเบี่ยงตัวเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ 

สุภาพบุรุษที่เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับเอียงหน้าไปสบตาสองสาวที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง 

“ไม่เป็นไรค่ะ นภานั่งข้างหลังก็ได้” อัปสรนภาว่าแล้วจูงมือศกุนตลาแล้วพากันไปนั่งบนเบาะหลัง 

 

ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีการตกแต่งผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบยุโรปและความอ่อนช้อยของศิลปะไทย ตัวอาคารประดับด้วยปูนปั้นรูปหัวสิงโต หน้าต่างประตูเป็นซุ้มโค้ง โดดเด่นด้วยหลังคาจั่วสามมุข คือจุดหมายปลายทางที่อนิลบถตั้งใจพาน้องสาวมาเดินเล่น 

“ตายจริง กระโปรงร้านนั้นสวยเหลือเกินค่ะ เวหาช่วยวาดเลือกหน่อยนะคะ” ตะวันวาดว่าพลางดึงแขนอนิลบถให้เดินตามไปร้านขายเสื้อผ้าที่เธอหมายตาเอาไว้ทันที

“เฮ้อ ...”อัปสรนภาถอนหายใจขณะมองตามหลังพี่ชาย ที่โดนหญิงสาวที่อ้างความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนลากจูงไปจนสุดตา 

ศกุนตลาเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าแววตาที่ทอดมองตามหลังชายหนุ่มหญิงสาวจะเจือความเศร้า แต่เธอกลับยกมุมปากระบายเป็นรอยยิ้มบางๆ เหมาะแล้ว เหมาะสมกันเหลือเกิน เธอควรยินดีที่คนที่เธอเคารพรักประดุจพี่ชาย ได้เคียงคู่กับหญิงสาวที่เพียบพร้อมและคู่ควร

‘ปักษาอยากไปดูผ้าตัดเสื้อ’

ศกุนตลาจดปลายดินสอลงบนสมุดแล้วยื่นไปให้อัปสรนภา

“ได้สิ” อัปสรนภาว่าพลางจูงมือศกุนตลาไปยังทิศทางของร้านเสื้อผ้าที่อนิลบถกับตะวันวาดอยู่

ทว่าก่อนที่อัปสรนภาจะทันเดินไปถึงร้านดังกล่าวศกุนตลาก็ฝืนตัวรั้งการเคลื่อนไหวเอาไว้ได้สำเร็จ

‘อย่าไปกวนพี่เวหาเลย ปักษาไปแค่ครู่เดียว’

อัปสรนภาหลุบตามองตัวอักษรบนหน้ากระดาษแล้วถอนหายใจ “ตัวไม่อยากให้พี่เวหาช่วยเลือกผ้าหรือปักษา”

ศกุนตลาเบนสายตาไปมองตะวันวาดที่หยิบกระโปรงมาทาบแล้วหมุนไปมา ก่อนจะเอียงหน้าขึ้นยิ้มร่า ขยับริมฝีปากเอ่ยถามบางสิ่งบางอย่างกับอนิลบถ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น แต่รอยยิ้มของคนทั้งสองก็เจือไปด้วยรัศมีแห่งความสุข

‘อย่ากวนพี่เวหาเลย’

   ศกุนตลาหันกลับมายืนยัน 

   “ก็ได้ ตามใจตัว แต่เค้าไม่ยอมให้ตัวไปเลือกผ้าคนเดียวหรอกนะ จะไปไหนก็ไปด้วยกันนี่แหละ” อัปสรนภาได้แต่ถอนหายใจอีกรอบ จากนั้นจึงเดินจับมือกับศกุนตลาแล้วพากันเดินไปยังร้านขายผ้าที่ตั้งอยู่อีกมุม

   “อุ๊ย ! เสื้อร้านนี้สวยจังเลยค่ะ” หลังจากเลือกกระโปรงได้แล้ว ตะวันวาดเกาะแขนอนิลบถมายังร้านขายเสื้อที่ตั้งอยู่ถัดกัน ทว่าชายหนุ่มกลับรั้งตัวเอาไว้ ยื่นถุงใส่กระโปรงออกไปให้ ตะวันวาดรับถุงใบดังกล่าวมาถือด้วยสายตางุนงน และก่อนที่จะทันได้ถาม อนิลบถก็ชิ่งให้ตอบในการกระทำของเขาขึ้นมาเสียเอง

    “ผมคงต้องขอตัวก่อน วาดตามสบายนะครับ”

“เวหา ! เวหาคะ !” ตะวันวาดยืนตะลึงอยู่ชั่วขณะ เมื่อตั้งสติได้แล้วส่งร้องตามคนที่ผลุนผลันเดินไปจากหน้าร้านอย่างรวดเร็ว

“เข้ามาดูข้างในก่อนได้นาอาคุณหนู” เจ้าของร้านรั้งหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขาออกไปจากหน้าร้านด้วยการเดินออกมายืนขวาง

“ไม่ดงไม่ดูแล้ว” ตะวันวาดสะบัดเสียงตอบ ก่อนจะกระแทกเท้าออกไปจากหน้าร้าน

“ไอ้หยา หน้าตาสะสวยเสียเปล่า คำพูดคำจาไม่น่าฟัง” เจ้าของร้านร้องตามหลัง

...

อนิลบถสอดส่ายสายตามองหาน้องสาวทั้งสองคนด้วยความร้อนใจ ทั้งห่วงทั้งโมโหที่ไปไหนไม่บอกไม่กล่าว คนเป็นพี่ชะเง้อคอมองเข้าไปในร้านรวงที่คาดว่าทั้งสองจะมาเลือกดูของ ไม่เว้นแม้กระทั่งร้านขายผ้าร้านที่เขาเคยพาทั้งสองมาหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเมื่อมาถึงกลับพบว่าร้านดังกล่าวปิดในวันนี้

“ไปไหนกัน” อนิลบถพึมพำแล้วออกตัวเดินหาอีกรอบ กระทั่งเดินมาถึงบริเวณร้านค้าข้างตัวอาคารใกล้กับจุดที่เขาจอดรถก็พบว่า ...

“อร่อยเหลือนเกิน เย็นเข้าไปถึงข้างใน ตัวชิมของเค้าสิ” อัปสรนภายิ้มร่าพลางยื่นไม้เสียบเกล็ดน้ำแข็งอัดแท่งที่ราดด้วยน้ำหวานหลากสีไปป้อนศกุนตลา 

ศกุนตลายิ้มตอบ ลดไม้เสียบเกร็ดน้ำแข็งในมือของตัวเองลง ก่อนจะโน้มใบหน้าไปชิมเกร็ดน้ำแข็งจากมือของอัปสรนภา

“เป็นเด็กกว่านี้สักสิบปี พี่จะจับตีเรียงตัวเสียให้เข็ด”

“...”

ศกุนตลากับอัปสรนภาหันขวับไปมองตามเสียงแล้วยิ้มแหย 

“ช่วยพี่วาดเลือกของเสร็จแล้วหรือคะ” อัปสรนภาถาม ตั้งใจละเลยใบหน้าถมึงทึงและเสียงเข้มติดดุของพี่ชายไปอย่างไม่ไยดี

“จะไปไหนมาไหนทำไมไม่บอก รู้หรือเปล่าว่าพี่ร้อนใจแค่ไหน” อนิลบถกวาดตาดุมองใบหน้าหมดจดทั้งสองสลับกันไปมา

“ก็ ...” อัปสรนภาตั้งท่าจะแย้งต่อ ทว่าศกุนกลับดึงแขนเอาไว้เสียก่อน อัปสรนภาหันมาสบตาคนที่กำลังส่ายหน้าให้เธอแล้วก็ได้แต่จำยอมสงบปากสงบคำ หันกลับไปมองใบหน้าถมึงทึงของพี่ชายแล้วเอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว

“ขอโทษค่ะ เราสองคนแค่ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของพี่เวหา”

ทว่าอนิลบถยังคงมองกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไร้วี่แววว่าจะรับคำขอโทษนั้น ศกุนตลาจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ แล้วยกไม้เสียบเกร็ดน้ำแข็งขึ้น

อนิลบถหลุบตามองเกร็ดน้ำแข็งสีหวานตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบดวงตากลมโต ศกุนตลายิ้มหวานแล้วพยักหน้า ใช้มืออีกข้างชี้ที่เกร็ดน้ำแข็งในมือ

ถึงแม้ว่าอารมณ์ขุ่นเคืองจะยังไม่จางหาย แต่กระนั้นอนิลบถก็ไม่อาจเมินน้ำใจของหญิงสาวตรงหน้า ชายหนุ่มค่อยๆลดใบหน้าลงแล้วอ้าปากงับเกล็ดน้ำแข็งอัดแท่งจากมือของศกุนตลาหนึ่งคำ ก่อนจะเปลี่ยนไปงับเกร็ดน้ำแข็งหวานในมือของอัปสรนภาที่ยื่นมารอท่าอยู่ก่อนแล้ว

“นภาเหนื่อยจังอยากกลับบ้านแล้ว” อัปสรนภาว่าหลังจากเกร็ดน้ำแข็งหวานในมือหมดลง 

“ดีเหมือนกัน ท้องอิ่มพี่ก็ชักอยากจะงีบสักตื่น” อนิลบถตอบ จากนั้นจึงเดินนำน้องสาวทั้งสองไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล 

 

‘ปักษาขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่เวหาเป็นห่วง วันนี้เป็นปักษาเองที่ดื้ออยากไปดูผ้า ทั้งที่นภาบอกให้รอพี่เวหาก่อน’

อนิลบถอ่านกระดาษที่วางอยู่บนหัวนอนข้างเตียงแล้วอมยิ้ม 

“ไม่เจอกันแค่ปีเดียว ปักษาก็ตกไปเป็นทายาทความแสบสันของนภาไปเสียแล้ว”

ชายหนุ่มเอนตัวนอนลงบนเตียง ดึงหมอนข้างที่ศกุนตลาเพิ่งปักปลอกสวมให้ใหม่มากอด ก่อนจะหลับตาลง ส่วนศกุนตลานั้นหลังจากที่แอบนำกระดาษมาวางบนหัวเตียงของพี่ชายแล้ว จึงชวนอัปสรนภาไปปูเสื่อนอนเล่นในสวนข้างบ้าน ในขณะที่หนึ่งหนุ่มสองสาวบ้านวงศ์คคนานต์กำลังพักผ่อนกันอย่างสุขกายสบายอารมณ์กันอยู่นั้น อีกหนึ่งสาวที่บ้านเถ้าแก่ฉวนกำลังปาขวดน้ำหอมกระแทกกระจกโต๊ะวางเครื่องสำอางค์จนแตกกระจายเพื่อระบายอารมณ์

   “ยายเด็กบ้า คอยดูเถอะฉันแต่งกับเวหาเมื่อไหร่ ฉันเฉดหัวแกสองคนออกจากบ้านแน่”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น