4

ของเล่นที่ดีที่สุด


4

ของเล่นที่ดีที่สุด

 

สายน้ำชุ่มฉ่ำช่วยให้พริ้งพราวสดชื่นจนลืมเลือนเรื่องราววุ่นๆ ไปชั่วขณะ ปากอิ่มแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปนั่งบนเตียง ทั้งที่ยังนุ่งผ้าขนหนูอยู่

“ลูกแมวน้อย เหนื่อยกับป้าทั้งวันเลย ขอโทษนะคะลูก”

เธอก้มหน้าหอมแก้มให้รางวัลเจ้าตัวเล็กสองฟอดติด ยายหนูน้อยตอบรับสัมผัสด้วยการทำหน้ายู่จนพริ้งพราวต้องตบก้นแกเบาๆ ในหัวก็ครุ่นคิดถึงภารกิจเตรียมป่วนจารุณี ที่แม้จะผ่านไปแค่หนึ่งวันเท่านั้น แต่ทำไมพริ้งพราวดันรู้สึกราวกับว่ามันผ่านมาแล้วสักหนึ่งชาติ

ไหนจะต้องมาลุ้นว่าจะโดนจอมทัพจับไต๋ได้ไหม ทั้งยังต้องใจหายใจคว่ำกับแววตาร้ายกาจของเสือหน้าหยกที่หมายจะเผด็จศึกกัน แต่ครั้นจะให้ยกเลิกแผนการก็ทำไม่ได้ เพราะเธอมาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว

“ปะป๊า...ป้อ”

หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนตัวเล็ก ยิ้มขำที่แกละเมอเรียกจอมทัพกับหฤทธิ์ ก่อนจะลูบหลังปลอบแกเบาๆ พอแกหลับปุ๋ยเช่นเดิมแล้วก็ชะงักอีกรอบ ด้วยได้ยินเสียงข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ครั้นเดินไปหยิบขึ้นมาอ่านก็เหลือกตาใส่หน้าจอ ด้วยมันคือสารจากจอมทัพ

 

ไนท์ : ผมเห็นคุณเอาแต่เรียกลูกว่ายายหนู ไม่เคยเรียกชื่อเขาเลย เขาชื่ออะไรเหรอ

พริ้ง : ชื่อพริกแกง แต่พอดีฉันเรียกว่ายายหนูจนติดปากไปแล้วน่ะ

ไนท์ : อืม...งั้นผมขอเรียกลูกว่าพริกแกงน้อยละกัน

พริ้ง : เรื่องของคุณสิ

 

ขณะพิมพ์ตอบกลับ หญิงสาวก็แบะปากใส่หน้าจอราวกับว่ามันคือใบหน้าหล่อเหลา

 

ไนท์ : โอเค ตอนนี้เป็นเรื่องของผมคนเดียวไปก่อน สักวันเถอะ...จะเป็นเรื่องของเรา

 

ชายหนุ่มส่งสติกเกอร์หน้ายิ้มเจ้าเล่ห์มาประกอบคำขู่ พริ้งพราวก็พอรู้หรอกว่าตัวเองกำลังโดนเขา...อ่อย

แต่ขอโทษที มุกไก่กาอย่างนี้ ไม่มีทางที่คนอย่างเธอจะมาเขินม้วนต้วน

เอาเข้าจริง เธอคิดว่าตาลุงเสือร้ายคนนี้ยังมีลูกเล่นอีกเยอะ นี่เป็นเพียงแค่ขั้นเริ่มต้น เลยใช้มุกเบสิกเกริ่นมาก่อน ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจนักว่า หากเขาใช้มุกขั้นเทพขึ้นมา สาวเวอร์จินอย่างเธอจะรอดพ้นกรงเล็บเสือร้ายหรือไม่

สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คงมีแค่การยืนหยัดกับเป้าหมายที่ปักธงไว้ เจอจารุณีเมื่อไร แผลงฤทธิ์ป่วนจนหนำใจ สารภาพผิดกับจอมทัพ จากนั้นก็...ทางใครทางมัน

 

“เลิกเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย แม่ยืนยันอีกรอบว่าแม่ไม่ชอบแฟนลูก!”

ทายาทคนเล็กของตระกูลจิตรภากรขมวดคิ้วเครียดจัด ถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินมารดาบ่นถึงกลิกาตั้งแต่เช้า ยิ่งจารุณีแสดงท่าทีต่อต้านกลิกามากเพียงใด ชายหนุ่มก็ยิ่งอยากให้แผนสะใภ้ปลอมของพริ้งพราวสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น

“คุณแม่ก็เคยโดนคุณย่ารังเกียจว่าคุณแม่ทำอาชีพเต้นกินรำกิน คุณแม่ก็เคยเจ็บปวดที่โดนกีดกันความรัก แล้วทำไมคุณแม่ยังมาใจร้ายกับก้อยอีกล่ะครับ”

“นบ พูดกับคุณแม่อย่างนี้ได้ยังไง ขอโทษคุณแม่เลยนะ”

น้ำเสียงดุดันของคนร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารทำนักรบตกใจจนหน้าเผือดสี กลัวพี่ชายมากกว่าบิดามารดาเสียอีก

“จะรักใครยังไง ก็ไม่ควรขึ้นเสียงใส่คุณแม่อย่างนี้”

“ก็คุณแม่ใจร้ายกับแฟนผมนี่ครับ” นักรบหันไปแก้ตัวกับพี่ชาย ตัดพ้อกึ่งรั้นตามประสาคนเอาแต่ใจ “ทำไมล่ะ แค่ก้อยฐานะต่างจากเรา คุณแม่ก็รังเกียจเขาขนาดนี้เลยเหรอครับ”

“แม่เขาไม่ได้รังเกียจก้อยเรื่องนั้นหรอกนบ เชื่อพ่อนะ” คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยแทรก ช่วยภรรยาปรามลูกชายคนเล็กทางสายตา

“แล้วไม่ชอบเรื่องอะไรล่ะครับ คุณแม่มีปัญหาอะไรกับก้อยนักหนา!”

“อย่าก้าวร้าวกับคุณแม่!”

จอมทัพขึ้นเสียงตวาดน้องชาย แววตาของเขาดุกร้าวจนนักรบต้องหยุดปาก กลัวพี่ชายจนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงอะไร ทำได้เพียงถอนใจทำท่าฮึดฮัด บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็พลอยเต็มไปด้วยความตึงเครียดไปโดยปริยาย

จารุณีเองก็หน้าหมอง พ่นลมหายใจระบายความไม่สบายใจออกมา ดวงตายาวรีมองลูกชายคนเล็กด้วยความรักกึ่งรู้สึกผิด ไม่อยากถูกลูกโกรธเช่นนี้เลย

แต่ครั้นจะให้ยอมรับกลิกาก็ทำไม่ได้ เพราะเธอมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากได้กลิกามาเป็นสะใภ้จริงๆ ทว่าเธอก็ไม่รู้จะอธิบายหรือบอกให้ลูกชายเข้าใจได้อย่างไร ด้วยมันคือปมอันละเอียดอ่อนในใจของเธอเอง...

 

ณ เวลานี้ คงไม่มีใครฮอตเกินยายหนูของป้าพริ้งอีกแล้ว วางสายจากพ่อจริงปุ๊บ พ่อปลอมก็วิดีโอคอลมาหาปั๊บ ดูเหมือนว่าจอมทัพจะอยู่ในรถและกำลังเตรียมตัวไปทำงาน แต่คงคิดถึงยายหนูจนอดใจไม่ไหว เลยต้องทำธุระแสนสำคัญทางหัวใจก่อน

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าเธอพบคนเห่อยายหนูพอๆ กับหฤทธิ์แล้ว

“ป้อ!”

“คะ? คิดถึงพริกแกงน้อยของพ่อจังเลย ทำอะไรอยู่คะ กำลังกินข้าวเช้าใช่ไหม อร่อยไหมคะ”

คนรูปหล่อในจอเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยกับเจ้าตัวจ้อย ทั้งยังพูดจาหวานหูจนพริ้งพราวขนลุกชันไปทั้งร่าง ผ่านไปคืนเดียว ใครจะไปคาดคิดว่าเสือร้ายจะกลายมาเป็นชายมุ้งมิ้งได้ขนาดนี้

“แอ๊ะ!”

“พรุ่งนี้วันหยุด พริกแกงน้อยอยากไปไหนไหมคะ”

“ป้อ!”

“โอเค เดี๋ยวพ่อพาไปซื้อของเล่นเยอะๆ เลย ดีไหมคะ”

“ไม่ต้องซื้อเลยนะ ที่มีอยู่นี่ก็พอแล้ว”

พอพริ้งพราวเอ่ยขัดเข้า จอมทัพก็หน้างอ โวยเสียงแข็งแฝงความน้อยใจ “ขอร้องละพริ้ง ช่วยรับอะไรจากผมบ้างเถอะ จะรังเกียจอะไรกันนักหนา”

“ฉันไม่ได้รังเกียจ แต่ฉันคิดว่า ของเล่นที่ดีที่สุดของลูกก็คือพ่อแม่ ฉันชอบใช้เวลากับยายหนูมากกว่าที่จะปล่อยให้แกเล่นของเล่น เคลียร์ไหม”

ได้ทราบเหตุผลแล้ว ชายหนุ่มก็พยักหน้าเข้าใจ “งั้นวันนี้ผมไปหาอีกนะ จะไปเป็นของเล่นลูก อ้อ ขอบอกอะไรไว้อย่างด้วยนะ”

“อะไรยะ”

“ผมก็ชอบเล่นของเล่นนะ และของเล่นที่ดีที่สุดของผมก็คือ...” ชายหนุ่มลากเสียง หยุดปากไว้ แล้วเอาแต่จ้องใบหน้าหวานล้ำจนคนโดนจ้องเริ่มกระดาก รีบแหวแก้ขวย

“อะไรล่ะ พูดออกมาสักทีสิ จ้องอยู่นั่น!”

จอมทัพหัวเราะ ทวนประโยคเดิมอีกรอบพร้อมเฉลย “ของเล่นที่ดีที่สุดของผมก็คือ...เมีย”

 

ศรันย์หรี่ตามองคู่ซี้สุดแซ่บสมัยมัธยมปลายด้วยความแปลกใจระคนอึ้งงัน ไม่นึกจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะดูแลรับผิดชอบเจ้าตัวเล็กได้ดีขนาดนี้

น้ำเสียงแสนหวานที่ใช้เอ่ยกับหลานสาว บวกกับจุมพิตอบอุ่นที่ประทับลงบนหน้าผากเล็กนูนช่างละมุนละไมอ่อนโยนผิดมาดสาวแซ่บจี๊ดอย่างพริ้งพราวเสียจนศรันย์ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพที่เห็นคือเรื่องจริง

“ตายล้าว มีความเป็นแม่สูงนะแก รักหลานขนาดนี้ ไม่นึกอยากมีลูกเองบ้างรึยายพริ้ง ให้ช่องคลอดได้ใช้งานบ้างเถอะย่ะ”

พริ้งพราวค้อนคนแนะนำ “แกอย่ามาสาระแนความเป็นไปของช่องคลอดฉันได้ไหมยะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากใช้ก็คือยังไม่อยากใช้”

ศรันย์หัวเราะใส่คนเหยียดปากใส่ตน ก่อนจะทำทีเป็นถามความเห็นคนตัวจ้อยที่กำลังบีบลูกบอลเล่นอยู่บนพื้น “หนูพริกแกงอยากให้ช่องคลอดป้าพริ้งถูกใช้งานบ้างไหมคะ เล็งใครให้มาเป็นลุงเขยของหนูบ้างหรือยังลูก”

เจ้าตัวจ้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ก่อนจะส่งเสียงดังฟังชัด “ป้อ!”

คำตอบของแกทำศรันย์หัวเราะชอบใจ ในขณะที่พริ้งพราวอึ้งตาเหลือกลาน พยายามปลอบใจตัวเองว่าแกคงเรียกจอมทัพจนติดปาก แต่คงไม่อยากให้ชายหนุ่มมาเป็นสามีเธอจริงๆ

“โอ๊ย ไม่ใช่ว่าแผนป่วนนี้มันจะกลายมาเป็นแผนป่วนชวนรักเข้านะยายพริ้ง”

“ไม่มีทาง ไม่ต้องจิ้นเลยนะแก” พริ้งพราวแบะปาก ค้อนใส่เพื่อนชายใจหญิงผู้ทำอาชีพซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อภารกิจป่วนจารุณี

“ตกลงเรื่องที่ดิฉันให้คุณนักข่าวบันเทิงไปสืบมาเนี่ย ได้ความอะไรบ้างไหมคะ ถ้าไม่ได้ คุณโดนโบกแน่ค่ะ”

พริ้งพราวแกล้งเงื้อมือขู่คนที่เธอวอนขอให้ไปสืบหาเรื่องราวของจารุณี ด้วยข้อมูลที่เธอพยายามหาเองจากแหล่งข่าวต่างๆ มันดันไม่เพียงพอที่จะมาศึกษาตัวตนและวิธีการรับมืออดีตนางเอกดังสุดเขี้ยวคนนั้น

“ได้สิ ขอบอกเลยว่านี่คือเรื่องลับเฉพาะสุดอะไรสุด” ศรันย์จีบปากจีบคอเอ่ย ทิ้งตัวนั่งกับพื้นข้างพริ้งพราว “ฉันตามล่าหาข้อมูลมาให้แกได้เพียบ ขอบอกว่านี่คือข่าวจากวงในตัวจริงเสียงจริง”

“แน่นะแก”

“แน่ เพราะวงในที่ว่าคือรุ่นพี่นักข่าวรุ่นใหญ่ที่ฉันเคารพนับถือ คอนเฟิร์มว่าเรื่องนี้จริงชัวร์ไม่จกตา” ศรันย์ตบเข่ารับประกันเสียงแหลม กระแอมเกริ่นนำ ก่อนจะเริ่มแถลงไข

“คุณจ๋า จารุณี พื้นเพเขาก็คือมีความชาวบ้านเดินดินธรรมดามากแก ค่อนไปทางลำบากด้วยซ้ำ แล้วความสวยก็ทำให้เขามาเป็นนางเอกละคร เป็นนางฟ้าของวงการบันเทิงไทยในยุคก่อนอย่างที่เรารู้กัน แต่ชีวิตรักของคุณนางฟ้านี่สิ โอ้โห ซูเปอร์ดราม้าดรามา”

“ยังไงยะ เล่ามาสักทีสิ” พริ้งพราวทำเสียงจึ๊กจั๊กขัดใจ “มัวแต่อารัมภบทเล่นใหญ่เล่นโตอยู่นั่น”

“โอเค เข้าเรื่องก็ได้ค่า คุณป้าพริ้งขา” ศรันย์รับคำกึ่งประชดกลายๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “คืองี้ คุณหญิงขวัญจิต แม่ของคุณนำทัพไม่ปลื้มคุณจ๋า แล้วถ้าจะเข้าคอนเซปต์แม่สามีไม่ปลื้มขั้นสุด มันก็ต้องมีการ...”

“หาผู้หญิงที่เหมาะสมไว้ให้ลูกชายแหงแซะ”

“โป๊ะเชะจ้า แม่นเลย” ศรันย์ตอบรับ ยกนิ้วโป้งให้พริ้งพราวที่ทายถูก “และผู้หญิงคนนั้นก็คือ...ภรรยาเจ้าของสถานีโทรทัศน์ที่แกเคยไปแคสบทนางเอกนี่แหละ เคยเป็นคู่หมั้นคู่หมายของคุณนำทัพมาก่อน”

พริ้งพราวอ้าปากค้าง ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าทุกอย่างจะจุดไต้ตำตอขนาดนี้

“แล้วแกลองนึกถึงความดรามาในยุคนั้นสิ ว่าคุณจ๋าเขาจะโดนเล่นงานขนาดไหน”

“โดนเล่นงาน?”

“ใช่ โดนทุกอย่างเลยแก ทั้งข่าวปลอม ทั้งโดนสั่งปลดจากบทนางเอกแบบสายฟ้าแลบ ทั้งโดนเพื่อนนักแสดงบางคนกลั่นแกล้งตามคำสั่งของเบื้องบน เรียกได้ว่า อยู่ยากเว่อร์”

พอค่อยๆ ทบทวนเรื่องที่ได้ยิน พริ้งพราวก็ขมวดคิ้วเอะใจ “งั้นก็หมายความว่า...ข่าวที่ออกมา ไม่ว่าจะตบนางร้ายร่วมช่อง เป็นมือที่สามของพระเอกดังกับแฟน หรือข่าวอื่นๆ ที่เราเห็นผ่านตากันมา มันก็อาจจะไม่จริง?”

“เยส” ศรันย์พยักหน้ารับแรงๆ “เขาลือกันว่าแม่คุณนำทัพฮั้วกับสื่อใหญ่ จะทำลายคุณจ๋าให้ได้ แต่มีข่าวปลอมใส่ร้ายยังไง คุณจ๋าก็ยังไม่ตกจากบัลลังก์นางเอก เลยจะจัดการขั้นร้ายแรง ออกข่าวว่าคุณจ๋าเป็นเมียน้อยเสี่ยดัง แกก็รู้ใช่ไหมล่ะ สำหรับนางเอกแล้ว ถ้ามีภาพลักษณ์เสียหายในเชิงชู้สาวทำนองนี้ มันจะมีแต่พังกับพัง”

พริ้งพราวพยักหน้ารับ ไม่แย้งอะไรเพื่อน ด้วยมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในวงการบันเทิงบ้านเรา

“แต่คุณจ๋าก็ไม่ยอมโดนรังแกฟรีๆ นะแก โนสนโนแคร์เลยว่านั่นคือแม่แฟน กล้าบุกเดี่ยวไปเอาเรื่องคุณหญิงขวัญจิตถึงที่บ้าน ขู่ว่าจะฟ้องศาล เพราะมีหลักฐานว่าคุณหญิงร่วมมือกับสื่อ เปรี้ยวแซ่บไหมล่ะ”

คนฟังเบิกตากว้างอย่างตะลึง ด้วยตัวตนจารุณีที่เธอรับรู้จากปากศรันย์ช่างแตกต่างจากข่าวและจากคำเล่าของกลิกากับนักรบโดยสิ้นเชิง ทำเอาเธอสับสนมึนหัวไปหมดแล้วว่าจารุณีเป็นคนอย่างไรกันแน่

“ตอนฉันฟังเรื่องนี้ ฉันนี่ตบเข่าฉาดเลยนังพริ้งเอ๊ย”

“ตบทำไมยะ”

“แกไม่สังเกตอะไรเลยเหรอ ว่าแกกับคุณจ๋าน่ะ แทบจะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แทนที่แกจะไปป่วนเขา ฉันกลับคิดว่าแกน่าจะไปเป็นลูกสาวเขาเลยดีกว่า” ศรันย์แสดงความเห็นตามที่เขารู้สึก หรี่ตามองพริ้งพราวไปทั่วร่าง ก่อนจะเอ่ยให้คำจำกัดความแก่หญิงสาว

“แกเองก็ร้าย แรง แซ่บ บุกไฝว้ศัตรู ไม่กลัวใคร กล้าได้กล้าเสีย สมกับฉายาสุดจี๊ดสมัยมัธยมปลาย พริ้ง! ตบ! แหลก!”

นึกถึงที่มาของฉายา พริ้งพราวก็หัวเราะร่า ด้วยไม่ใช่เพราะเธอมีเรื่องตบตีจนเป็นที่เลื่องลือ แต่เพราะเธอคือมือตบวอลเลย์บอลของโรงเรียนต่างหาก

ทว่า...ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่านอกจากจะตบลูกวอลเลย์บอลเก่งแล้ว ตบหน้าคนที่จะมาทำร้ายกัน เธอก็ถนัดไม่น้อย

“กว่าคุณจ๋าจะได้คุณนำทัพมาเป็นสามี ก็ต้องเหนื่อยหลายยกเลยแกเอ๊ย แต่ผลของความเหนื่อยก็คุ้มแสนคุ้ม คุณนำทัพรักภรรยามากถึงมากที่สุด ตอนหนุ่มสาวสวีตยังไง ตอนนี้ก็ยังสวีตอยู่อย่างนั้น” ศรันย์เปรยตาลอย ทำหน้าเพ้อฝัน “ฉันจะโชคดีมีผัวดีๆ แบบนี้บ้างไหมน้อ”

“เดี๋ยวนะ การมีผัวดี คือเราต้องอาศัยโชคเรอะนังแซม”

“ใช่สินังพริ้ง” ชายใจหญิงค้อนตาคว่ำใส่คนขัด “ถ้ามีผัวผิด เราต้องคิดจนตัวตายเลยนะแก”

“มีผัวผิด คิดจนตัวตาย...” พริ้งพราวทวนคำ ทำหน้าเบ้ไม่ชอบใจกับสำนวนที่ได้ยิน

“ใช่สิ แกไม่เห็นด้วย?”

“กึ่งๆ มีทั้งในจุดที่เห็นด้วย และจุดที่ไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นในกรณีที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มีเสียงมากนักก็อาจจะจริง แต่สำนวนนี้ใช้กับฉันไม่ได้ย่ะ ฉันไม่รู้สึกว่ามีผัวผิด แล้วเราต้องคิดจนตัวตาย”

พริ้งพราวเชิดหน้า คล้ายกับว่ากำลังจะโต้วาทีกับเพื่อนกลายๆ

“ยังไม่ต้องไปอิงถึงเรื่องการมีสามีหรอก เอาแค่เรื่องการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ฉันก็ไม่เคยยอมจำนนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันเป็นดารานักแสดงไม่ได้ โอกาสไม่ได้มีให้ฉัน ฉันก็ไม่เคยร้องไห้เสียใจ เพราะฉันเชื่อว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการที่อะไรเกิดขึ้นกับเรา คือสิ่งที่เราคิดหรือปฏิกิริยาที่เรามีต่อสถานการณ์นั้น”

ศรันย์นิ่งเงียบ ใคร่ครวญตามที่พริ้งพราวเอ่ยมาก็เห็นจริงตามนั้นทุกประการ

ในการแคสติงบทนางเอกของพริ้งพราวมีแต่ความยากลำบาก เสมือนสวรรค์มาขัดไม่ให้อีกฝ่ายได้เป็นดารา จนกระทั่งเรื่องสุดท้ายที่พริ้งพราวเดิมพันกับตัวเองว่า ถ้าไม่ได้อีกก็จะยอมถอยจากความฝันนี้

ในช่วงแรก พริ้งพราวได้รับข่าวดีว่าเธอคือตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้จัดที่จะสร้างละครเรื่องนั้น ทำเอาหัวใจเธอพองฟูจนแทบล้นอก แต่สุดท้ายก็ชวด ความห่อเหี่ยวมาเยือนเพื่อนสาวดังเดิม ด้วยบทตกเป็นของ ‘แก้ว กีรติกา’ ลูกสาวของอดีตพระเอกดัง และตอนนี้เธอคนนั้นก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่พริ้งพราวทำหลังจากเจอกับความผิดหวังก็คือการหางานอื่นทำ ขวนขวายทำทุกอย่างที่ตัวเองมีศักยภาพพอจะทำได้ และตอนนี้งานที่พริ้งพราวทำอยู่ก็คือการเป็นนักเขียนคอลัมน์ของ ‘women’ นิตยสารผู้หญิงชั้นแนวหน้าของวงการหนังสือและนิตยสาร

เธอถ่ายทอดความคิดจากการบ่มเพาะประสบการณ์ในการใช้ชีวิต จนเกิดเป็นมุมมองที่มีแต่ความหวังดีต่อลูกผู้หญิงด้วยกัน

บางทีก็เจ็บแสบจนผู้อ่านสะอึก บางทีก็อ่อนโยนราวกับมาปลอบประโลมสาวๆ ที่กำลังหลงทางในความสัมพันธ์อันมืดมน

“ในเคสของการมีสามี...การคิดในเชิงวาดหวังว่า ถ้ามีสามีดี เราก็จะมีความสุข หรือกลัวว่า ถ้ามีสามีไม่ดี เราก็จะมีความทุกข์ มันเหมือนกับว่าเราเอาความสุขความทุกข์ไปอยู่ในมือของเขา ถ้าเขาหยิบยื่นอะไรมาให้เรา เราก็จะเป็นแบบนั้น ชีวิตเราจะผันแปรตามความเป็นไปของคนอื่น

“จุดที่จะเรียกว่าความโชคดีในการคิดแบบนี้ก็คือ ถ้าอีกคนดีพอที่จะหยิบยื่นแต่ความสุขมาให้เรา กรณียายพริ้มน้องสาวฉันเป็นต้น ฉันยอมรับเลยว่า น้องฉันโชคดีมหาศาล

“แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าอีกคนไม่ดีพอ ไม่ได้ยื่นความสุข แต่ยื่นความทุกข์ให้ ไม่ว่าจะนอกใจ ทำร้ายร่างกาย หรืออะไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะยอมจำนนนะแก

“ในมุมของฉัน ฉันเลยคิดว่า ทุกอย่างอยู่ที่ตัวฉัน ถ้าฉันจะมีผัวดีก็เพราะฉันเลือกคนดีมาเป็นผัว ถ้ามีผัวไม่ดีก็เพราะเราพลาดเลือกคนไม่ดีมาเป็นผัว พอคิดแบบนี้ทุกอย่างมันก็จะย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้น คือจากตัวเรา

“การมีสามีดี โชควาสนาก็อาจจะมีส่วน แต่อีกส่วนก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคเสมอไป เพราะมันเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนจีบกันแล้ว เราเลือกได้ว่าจะให้คนดีหรือคนไม่ดีมาอยู่ในชีวิตเรา เราต้องคัดสรรเอง ถ้าคัดสรรผิดก็ยอมรับว่าเออ ฉันเลือกผิด แต่...อย่างที่ฉันบอกแหละ ฉันจะไม่มีวันคิดจนตัวตาย ฉันจะเดินออกมา เริ่มใหม่ สวยเริดเชิดใส่ เก๋ๆ”

พริ้งพราวเอ่ยเสียงแหลมพร้อมสะบัดหน้าแรงๆ อย่างมั่นอกมั่นใจ ทำเอาศรันย์หัวเราะร่วน ยายหนูน้อยเองก็ดี๊ด๊าตามผู้ใหญ่ ช่างน่ารักน่าชังจนคนเป็นป้าอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงหอมแก้มป่องเสียให้ชื่นใจ ทว่าหลังจากดิ้นไปมาแล้ว แกดันหาวหวอดๆ ใส่เสียอย่างนั้น

“ง่วงแล้วเหรอคะ มาค่ะ มาหาป้าเร็ว” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน ยื่นมือไปหาคนตัวน้อยที่ก็รู้งาน รีบโผเข้าหา

“เดี๋ยวป้าจะกล่อมนอนนะคะ เอาเพลงอะไรดีน้อ” เธอเอ่ยพลางขยับตัวลุกขึ้นไปนั่งบนเตียง คนตัวน้อยเองก็ขดตัว เอาหน้าซุกซบอกอุ่น ทำหน้าพริ้มรับสัมผัสจากความรักใคร่ของป้าคนสวย

“ฮืม...ฮื้ม...ฮืมมม...”

เสียงขับกล่อมของพริ้งพราวช่างไพเราะจนศรันย์ยังเคลิ้ม และได้แต่นั่งเงียบๆ ยิ้มบางๆ กับความละมุนของสองป้าหลาน มองใบหน้างามล้ำของเพื่อนแล้วเขาก็นึกเสียดายที่ไม่มีชายใดพิชิตใจเธอได้ เพื่อนเลยต้องอยู่ในโหมดหญิงโสดสุดแกร่งเสมอมา

“จะมีใครมาเป็นคู่ของแกบ้างไหมน้อยายพริ้ง ต่อให้แกดูแลตัวเองได้ แต่ลึกๆ แล้ว ฉันก็อยากให้แกมีใครที่แกพร้อมจะแสดงอีกด้านออกมาเหมือนกันนะ”

พริ้งพราวยิ้มบางๆ กับเสียงอ่อยๆ ของเพื่อน ดูออกว่าศรันย์เป็นห่วงเธอจริงๆ ทั้งยังเข้าใจดีว่าถ้อยคำท้ายประโยคของเพื่อนนั้นหมายถึงอะไร

อีกด้านที่ว่า...คือด้านอ่อนหวานน่ารัก ที่ถูกด้านร้ายๆ แรงๆ กลบจนไม่มีใครมองเห็น

ไม่ใช่ว่าพริ้งพราวพยายามกดมุมนี้เอาไว้ เพียงแต่มันไม่มีพื้นที่ให้เธอทำเช่นนั้น และยังไม่เคยมีใครมาดึงจุดอ่อนหวานของเธอออกมาได้เช่นกัน

เธอเคยชินกับการที่ต้องเป็นพี่สาวตัวจี๊ดมาตั้งแต่เด็ก จนไม่กล้าแสดงตัวตนอีกมุมออกมา ทั้งที่จริงเธอก็ไม่อยากเป็นนางพญาตลอดเวลา บางคราก็อยากเป็นแค่สาวน้อยตัวเล็กสำหรับใครสักคนที่พร้อมจะมาเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เธอเช่นกัน

“ปะป๊า...”

เสียงเล็กๆ ของคนในอ้อมอกที่ต่อบทกับความคิดในหัวของพริ้งพราวได้อย่างพอดิบพอดีทำหญิงสาวอมยิ้มขำ “ปะป๊าของหนูเขาเป็นพื้นที่ปลอดภัยของแม่พริ้มค่ะตัวป่วน ไม่ใช่ของป้าน้า...”

“ป้อ...”

คำต่อมาทำพริ้งพราวตาเหลือก พยายามคิดในแง่ดีดังเดิมว่าแกคงเรียกจอมทัพจนเคยปากเสียแล้ว

“ตาลุงไนท์ก็ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยของป้าค่ะ”

“ป้อ...”

“แน่ะ” พริ้งพราวหรี่ตามองตัวแสบ “คิดจะจับคู่เหรอเรา ป้ากับเขาไม่เหมาะกันหรอกลูก ไม่เอาเด็ดขาดค่ะ”

“ป้อ!”

“โอ๊ย ยายหนูน้อย ดื้อไม่เบาเลยนะเรา ไม่ว่ายังไงก็จะป้อให้ได้ใช่ไหมลูก หรือเด็กเขามีสัมผัสอะไรหรือเปล่ายะนังพริ้ง” ศรันย์หยอกเพื่อนสาว ยิ้มยียวนกวนอารมณ์อีกฝ่าย แกล้งชี้นิ้วขู่

“แกระวังไว้เถอะ มันอาจจะมีสักวันที่สถานะเมียปลอมของแกเปลี่ยนไป กลายเป็นเมียจริงๆ ของผัวปลอม ที่กลายมาเป็นผัวจริง”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น