บทนำ
กรรมของแรดแมน
หากย้อนกลับไปในคราที่ยังเป็นเสือ การมีผู้หญิงมาหาจอมทัพคงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร
เพราะในตอนนั้น ชายหนุ่มยังคงใช้ชีวิตตามวิถีแคซาโนวาหน้าหยกโพรไฟล์เลิศ เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ ทายาทคนโตของตระกูลจิตรภากร เจ้าของบริษัท JPK Entertainment จำกัด
ทว่าตั้งแต่ได้รับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากบิดา บวกกับคำสัญญาที่มีต่อมารดาว่าจะหยุดใช้ชีวิตตามวิถีเสือผู้หญิงเมื่อตนอายุครบสามสิบห้าปี จอมทัพก็ทิ้งความเป็นแคซาโนวาไปอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไร้ซึ่งสาวใดมาเคียงกายแนบใจ ปัญหาการมากหญิงของเขาจึงจบลงตั้งแต่นั้นมา และมันก็กินเวลายาวนานมาจวนจะสองปีแล้ว
กระทั่งวันนี้...ใครจะไปคิดว่าปัญหาจะย้อนกลับมาทำให้เขาเครียดโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา จู่ๆ เลขาฯ หนุ่มวัยสามสิบปีมาแจ้งข่าวน่าระทึกใจให้เขาได้ทราบว่า ‘มีผู้หญิงคนนึง...อุ้มเด็กมาขอพบคุณไนท์ครับ’
‘นี่คือผลกรรมที่กำลังมาตามสนองเราใช่ไหมวะ!’
จอมทัพรำพึงรำพันกับตัวเองในใจ ขณะมองดวงหน้าสวยหวานของผู้หญิงที่เลขาฯ เปิดประตูให้เธอเดินเข้ามายังห้องทำงานสุดหรูสมกับฐานะประธานบริษัท ในอ้อมแขนเธอมีร่างเล็กจ้อยที่กำลังเอียงคอมองหน้าเขาอย่างสงสัย
ไม่ใช่แค่เจ้าตัวน้อยหรอกที่รู้สึกเช่นนั้น จอมทัพเองก็สงสัยระคนว้าวุ่นจนแทบจะอกแตกตายอยู่รอมร่อว่าเด็กคนนี้เป็นใคร!
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแกจะไม่ใช่ ‘ไข่’ ที่ตนเคยทิ้งไว้ในท้องใครเมื่อสมัยที่ยังเจ้าชู้
“แอ้...แอ๊ะ!”
“ขา...ยายหนู ตื่นเต้นไหมคะ ในที่สุดหนูก็ได้มาเจอคนสำคัญของหนูแล้วน้า”
พริ้งพราวเอ่ยเสียงหวานกับคนตัวน้อยวัยย่างสิบเอ็ดเดือน หอมแก้มป่องฟอดใหญ่ ก่อนจะหันมายิ้มให้คนสำคัญที่กำลังหน้าซีดเพราะวาจาของเธอ
“เชิญคุณพริ้งนั่งพักตรงนี้เลยครับ”
ปิติผายมือให้หญิงสาวไปนั่งที่โซฟารับแขกสีน้ำตาลเข้ม พลางเหลือบมองท่าทีของเจ้านายหน้าหยก ดูเชิงว่าอีกฝ่ายพร้อมที่จะทำความรู้จักกับเธอหรือยัง...
“คุณเป็นใคร!”
เสียงเข้มของเจ้านายทำเลขาฯ หนุ่มลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม แถมยังเป็นการอยากทำความรู้จักที่ไม่ใคร่จะยินดีสักเท่าไรอีกต่างหาก
“สวัสดีค่ะคุณไนท์” เธอเชิดหน้าทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างเป็นทางการ ไม่หวาดหวั่นสีหน้าเข้มดุของคนที่กำลังแผ่รังสีความน่าเกรงขามออกมาเลยสักนิด ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยเกรงกลัวใคร บวกกับผลลัพธ์ของ ‘ภารกิจ’ ที่เธอมุ่งหวังไว้ มันใหญ่เกินกว่าจะมาจ๋องกับเรื่องแค่นี้
“ฉันชื่อพริ้งพราวค่ะ จำฉันได้ไหมคะ”
“จำไม่ได้ครับ”
“โอเคค่ะ จำไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ฉันจำคุณได้ และฉันก็จำได้แม่นว่าฉันกับคุณเคยมีอะไรกันเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว...คืนนั้นคุณค่อนข้างเมามาก”
จอมทัพชะงักงัน นึกย้อนไปหาวิถีเสือหนุ่มในอดีต ที่เคยเมาหลายคืน (มาก) และเคยมีอะไรกับหญิงหลายคน (มากๆ เช่นกัน)
จำสาวที่เคยมีอะไรด้วยไม่ได้ก็เยอะ เธอสวยจัดขนาดนี้ อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้
ทว่า...
“ผมจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณกับผมเคย...”
“คุณมีปานแดงที่แก้มก้นด้านขวา” พริ้งพราวปล่อยหมัดเด็ดใส่ชายหนุ่มจนเขาอึ้งงัน ก่อนจะหอมหน้าผากเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน แล้วเงยหน้าปล่อยหมัดเด็ดอีกรอบ
“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกเรื่องสำคัญให้คุณได้รู้ว่าเด็กคนนี้...คือลูกของคุณค่ะ”
จอมทัพอึ้งตาค้าง เมื่อสิ่งที่ตนกลัวมีเปอร์เซ็นต์ที่มันจะกลายเป็นความจริง
“ฉันรู้ว่าคุณเองก็ป้องกันแล้ว แต่แกก็ฝ่าเจ้าถุงน้อยมาเกิดจนได้ ลูกเราสุดยอดมาก”
“ถุงน้อย?” จอมทัพทวนคำ จากที่ตาค้างเมื่อครู่ก็เริ่มกลับกลายมาเป็นสงสัย ทั้งยังทำหน้าเบ้ไม่เห็นด้วย “ไม่นะครับ ของผมใช้ไซซ์ใหญ่สุดเลย”
“ค่ะ แก้ให้ก็ได้ ลูกเราฝ่าเจ้าถุงใหญ่มาเกิด” พริ้งพราวตวัดค้อนใส่ชายหนุ่ม
เขาเองก็หรี่ตามองจับผิดเธอ ยิ้มมุมปาก ไล่ต้อนถามต่อ “เรียบลื่นละมุนใจ หรือขรุขระเร่าร้อน ตอบได้ไหม”
พริ้งพราวแสร้งยิ้มกริ่มว่าตอบได้แน่นอน ก่อนจะหันหน้าไปกรีดร้องโวยวายแบบไม่มีเสียงเพราะประสาทจะกินตายกับคำถามบ้าๆ
‘ไหนยายก้อยบอกว่าตานี่เลิกเจ้าชู้แล้วไง ทำไมถึงยังดูเป็นแรดแมนหื่นกามเลเวลล้านขนาดนี้!’
“ว่าไง ตอบได้ไหม คุณพริ้งพราว”
พริ้งพราวหันหน้ากลับมาหาคนหล่อหน้าหยก ยกมือปิดหูทั้งสองข้างของคนตัวน้อย กันไม่ให้แกได้ยินสิ่งที่ไม่ดีไม่งามสำหรับเด็ก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบมั่วๆ ออกไป
“ขรุขระเร่าร้อน กลิ่นสตรอว์เบอร์รีซาบซ่าน”
ว่าเช่นนั้นแล้ว พริ้งพราวก็ลุ้นอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเห็นว่าชายหนุ่มทำหน้าอึ้งงัน อ้าปากค้าง ฟ้องชัดว่ามันคือคำตอบที่ถูกต้อง!
‘คุณพระ! เทพเจ้าบนชั้นฟ้าช่างเข้าข้างพริ้งพราวเสียจริง อะไรก็ตามที่ดลบันดาลให้ลูกช้างตอบไปแบบนั้น ลูกช้างขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง’
เธอยิ้มเริงร่า ก่อนจะก้มหน้าคุยกับเจ้าตัวเล็ก “ฝ่าเจ้าถุงใหญ่มาเกิดได้ เก่งจริงๆ เลยนะเรา”
“แอ้...แอ๊ะ!”
“ดูสิคะคุณไนท์ แกหน้าเหมือนเราสองคนมากเลย”
จอมทัพชะงักกึก เขม้นมองคนในอ้อมแขนเธอ วิเคราะห์องค์ประกอบของใบหน้าเล็กจ้อย...ตาโตสวยราวกับตากวาง จมูกโด่งเล็ก ปากอิ่มเชิด ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวราวกับหยวกกล้วย เหมือนพริ้งพราว แต่ขนตาขนคิ้วดกเหมือนกับเขา หากตนกับหญิงสาวตรงหน้ามีลูกด้วยกันจริงๆ ลูกก็คงออกมาหน้าตาคลับคล้ายคลับคลาเด็กคนนี้
“หน้าเหมือนคุณไนท์กับคุณพริ้งผสมกันเลย น่ารักจริงๆ คุณหนูน้อยของบ้านจิตรภากร...”
จอมทัพตวัดสายตาวาววับปรามเลขาฯ ที่แสดงความคิดเห็นสุดแสนจะแทงใจดำเขา ก่อนจะหน้าตื่นเมื่อได้ยินสิ่งที่พริ้งพราวสอนเจ้าตัวจ้อย
“ยายหนู เรียกป้อสิลูก”
“อย่าให้เด็กเรียกผมอย่างนั้นนะ!”
พริ้งพราวเลิกคิ้ว ไม่กลัวเจ้าของเสียงเข้มแต่อย่างใด เธอมุ่งมั่นสอนต่อ “เรียกเร็วค่ะ...ป้อ...ป้อ...ป้อ...”
หนูน้อยมองหน้าจอมทัพ ดีดดิ้นเอียงหูฟังสิ่งที่พริ้งพราวสอนเสมือนคนที่รู้ประสาทุกอย่าง ยิ้มร่าหน้าเป็น เอ่ยออกมาว่า “ป้อ”
“ต๊าย เก่งที่สุด ดูสิ สอนปุ๊บเรียกปั๊บ”
เห็นพริ้งพราวดี๊ด๊าดีใจ คนตัวน้อยก็ยิ่งเริงร่า “ป้อ”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะเจ้าตัวเล็ก”
“ป้อ!”
“หยุด!”
โดนจอมทัพทำตาดุใส่ เจ้าตัวน้อยก็หน้าตื่น เบะปาก ส่งเสียงอันน่าสยดสยองที่สุดสำหรับจอมทัพออกมา...
“แอะ...แอะ...แง้!”
จอมทัพหน้าซีดเผือด ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์วุ่นวายนี้อย่างไรดี ครั้นหันมองเลขาฯ อีกฝ่ายก็ทำหน้าตื่น ดูอับจนปัญญาเช่นเดียวกัน
“แง้...แง้...แง้!”
“ทำให้เด็กหยุดร้องสักทีสิคุณ ผมปวดหูจะแย่แล้วนะ!” จอมทัพออกคำสั่งกับสาวหน้าสวย ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เดินเข้ามาใกล้โซฟา ยืนทำหน้ายักษ์ใส่ทั้งเธอและลูกเธอที่กำลังตะเบ็งเสียงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้
“แง้...แง้!”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะยายหนู ไม่ร้องนะลูก” พริ้งพราวพยายามลูบหลังปลอบประโลมคนที่กำลังเอาหน้าซุกไหล่เธอ พลางตวัดสายตามองคนดุ “ความผิดคุณนั่นแหละ ใช่เรื่องมาขึ้นเสียงใส่ลูกเราเหรอคะ”
“ขอร้องละ คุณอย่าเพิ่งยัดเยียดความเป็นพ่อเป็นลูกระหว่างผมกับเด็กคนนี้ได้ไหม”
พริ้งพราวแอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเหมือนคนสติแตกของจอมทัพ เมินคำขอร้องของเขา ปลอบเจ้าตัวน้อยโดยการอิงความสัมพันธ์ของพ่อลูกต่อ
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะยายหนู คุณพ่อไนท์ไม่ได้ตั้งใจจะดุหนูนะคะลูก คุณพ่อแค่กำลังตั้งตัวไม่ทันว่ามีลูกอยู่ เดี๋ยวคุณพ่อก็ปรับตัวได้นะคะ”
“ฮึ”
จอมทัพส่งเสียงขึ้นจมูก ชาติหน้าเหอะที่เขาจะปรับตัวได้ เข้ามาในห้องนี้ยังไม่ถึงสิบนาทีก็ทำให้ชีวิตเขาเกือบจะวอดวาย จนอยากจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาลากตัวออกไปทั้งแม่ทั้งลูก
“มาขอโทษลูกเลยนะคะคุณไนท์”
“อะไรนะ!” คำขอของเธอทำจอมทัพอุทานอย่างตกใจ ทำหน้าเบ้รับไม่ได้ “ทำไมผมต้องขอโทษเด็กด้วย!”
“ก็คุณดุเขาเกินเหตุ ทำให้เขาเสียใจ เด็กเขารู้เรื่องนะคะ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ มาขอโทษลูกเดี๋ยวนี้”
“ไม่ ทำไมผมต้องฟังที่คุณสั่งด้วย คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร ผมคือประธานบริษัทนี้นะ นอกจากพ่อกับแม่แล้ว คนอย่างผมก็ไม่เคยก้มหัวให้ใคร!”
พริ้งพราวกลอกตามองบน หมั่นไส้เจ้าของเสียงเข้มดุจนอยากจะเหยียดปากใส่สักที ตานี่เป็นอย่างที่เพื่อนเธอเล่าให้ฟังเป๊ะ ทั้งมั่นหน้า บ้าอำนาจ เผด็จการ ไม่ค่อยฟังใคร ตามประสาคนที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นผู้นำของตระกูล
“งั้นก็ลองก้มหัวให้ยายหนูเป็นคนแรกละกันค่ะ มาขอโทษลูกเถอะ”
“ฮึก...แง้...แง้”
“คุณไนท์ ผมว่าลองขอโทษคุณหนูน้อยตามที่คุณพริ้งแนะนำดีไหมครับ” ปิติที่ยืนเป็นผู้ชมการโต้วาทีว่าด้วยเรื่องพ่อลูกอยู่เงียบๆ มาตลอดลองเสนอแนะเจ้านายไป ปรากฏว่าเขาโดนมองแรงใส่จนต้องหุบปากฉับทันควัน
“อย่าเพิ่งเรียกเด็กคนนี้ว่าคุณหนูน้อยได้ไหมปิติ เรื่องราวยังไม่เคลียร์สักอย่างเลย” จอมทัพชักสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะหันไปขึงตาดูแคลนพริ้งพราว “คุณเป็นแม่ประสาอะไร ทำให้ลูกหยุดร้องไม่ได้”
“ฉันก็พยายามโอ๋ลูกอยู่เนี่ย แล้วคุณล่ะยะ เป็นพ่อประสาอะไร ขอโทษลูกแค่นี้ก็ไม่ได้ เชอะ!” พริ้งพราวโต้กลับ มือก็ลูบหลังปลอบเจ้าตัวเล็กไปด้วย
“ฮึก...แง้”
“ขา...เสียใจใช่ไหมคะยายหนู ไม่เคยโดนดุแบบนี้เลยนี่เนอะ แม่ก็ไม่คิดเลยว่าพ่อหนูจะเฮงซวยห่วยแตกขนาดนี้ แม่ขอโทษนะคะ แม่ไม่น่าพาหนูมาเลย...”
โดนเธอเหน็บโต้งๆ จอมทัพก็ฉุนจัด กัดฟันกรอด พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หักใจเอ่ยคำที่เธอต้องการอย่างขอไปที
“ขอโทษ!”
“เป็นถึงผู้บริหารทั้งที พูดดีๆ ไม่เป็นเหรอคะ”
จอมทัพเม้มปาก กลั้นใจนั่งลงข้างๆ คนที่ค่อนขอดตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มขึ้น “ตัวเล็ก...ฉันขอโทษ”
“มาลูบหลังลูกด้วยสิคะ”
“ยุ่งยากจริง” แม้ปากจะบ่น แต่จอมทัพก็ยกมือลูบหลังคนตัวจ้อยอย่างไม่ต่อต้านอะไรอีก ด้วยอยากให้แกหยุดร้องเสียที “ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดุหนูเลย”
“เห็นไหมคะยายหนู คุณพ่อขอโทษหนูแล้ว คุณพ่อไม่ได้ตั้งใจจะดุหนูเลย หายโกรธคุณพ่อนะคะ” พอพริ้งพราวปลอบด้วยน้ำเสียงหวานละมุนอีกแรง คนตัวจ้อยก็ค่อยๆ หยุดสะอื้นไห้ ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสามพากันถอนใจโล่งอกไปตามๆ กัน
“แอ๊ะ...”
“ขา ว่าไงคะ”
พริ้งพราวตอบรับคนที่ผละออกจากไหล่เธอ หลุดยิ้มขำเมื่อแกหันไปจ้องหน้าจอมทัพ ในขณะที่เขาเองก็หน้าม้าน เก้อกระดาก จนไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ไหน...มองทำไมเนี่ย
“แกอยากให้คุณอุ้มน่ะค่ะคุณไนท์”
“ไม่เอา! ผมอุ้มเด็กไม่เป็นหรอกคุณ”
ปฏิเสธยังไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวจ้อยก็โผเข้าหาโดยที่จอมทัพยังไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดว่าจะผลักออก เลยจำต้องรวบร่างเล็กจ้อยมากอดแนบอกอย่างเสียไม่ได้
“ยายหนูเสียใจที่คุณดุแก แกคงอยากอ้อนคุณ อยากให้คุณรักแก”
จอมทัพหน้าเหลอ แย้งสาวเจ้า “เพิ่งเจอกันครั้งแรกเอง จะมาอยากให้ผมรักทำไม”
“ใครว่าเจอครั้งแรก แกเคยเห็นคุณในรูปมานานแล้วนะ” พริ้งพราวเล่าด้วยสีหน้าแสนละมุน ทว่าในใจกำลังหัวเราะคิกคักกับการโม้แหลกเกินเรื่องไปมากโข เพราะในความเป็นจริงแล้ว เธอเพิ่งให้เจ้าตัวจ้อยดูรูปเขาได้แค่วันเดียวเอง
“ตัวแค่นี้ก็ทำให้ฉันปวดหัวแล้วนะเจ้าตัวเล็ก หาศิลปินหน้าใหม่ไปป้อนวงการเพลง ฉันยังไม่เครียดขนาดนี้เลย” จอมทัพบ่นกระปอดกระแปด ผิดกับภาพผู้บริหารมาดเข้ม
เจ้าตัวเล็กเองก็ผละมามองหน้าเขา ยกมือตบแก้มเขาดังแปะๆ ก่อนจะเริ่มยิ้มหวาน ส่งเสียงเรียก “ป้อ”
“เลิกเรียกฉันแบบนี้ได้แล้ว เรายังไม่ได้เป็นพ่อลูกกัน”
“ป้อ”
“ไม่ได้ บอกแล้วไงว่าอย่าเรียก หนูกับแม่หนูเพิ่งเข้ามาในชีวิตฉันเมื่อกี้เองนะ อย่าเพิ่งมาแสดงฐานะอะไรเด็ดขาด”
“ป้อ”
“เอ๊ะ!” จอมทัพทำตาดุอีก แต่พอเห็นว่าแกเบะปาก ชายหนุ่มก็ยอมแพ้ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงอะไร
ครั้นเหลือบมองพริ้งพราวที่มีแววว่าจะเป็นสาวที่เขาเคยจิ้ม สลับกับคนตัวจ้อยที่มีเปอร์เซ็นต์ว่าแกจะเป็นเจ้าตัวแสบที่ฝ่าถุงใหญ่มาเกิดอย่างที่สาวเจ้าบอก เขาก็คร่ำครวญในใจ...
ลูกเมียนี่ก็เหมือนผี แม้ไม่เคยเห็น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี!
ความคิดเห็น |
---|