4

บทที่ 4

4


สมองไม่ทันได้ประมวลคำพูด ร่างบางก็ถูกพลิกให้นอนราบกับเตียง ปวีราสะดุ้งน้อยๆ อดตื่นเต้นกับการกระทำอันอุกอาจของเขาไม่ได้ ขนกายพากันลุกชัน เมื่อคุณสามีถอดเสื้อยืดตัวบางออกทางศีรษะแล้วโยนทิ้งข้างเตียงอย่างไม่สนใจไยดี

เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจรอเขาอยู่บนเตียงนอนหนานุ่ม 

“พะ...พี่พร้อมคะ”

คนถูกเรียกมองเธอตาไม่กะพริบ ดวงตาคมอัดแน่นไปด้วยเพลิงเสน่หาคู่นั้นส่งผลให้คนใต้ร่างแทบหลอมละลาย ชายหนุ่มไม่พูดเยอะให้เจ็บคอ แต่เน้นลงมือปฏิบัติ ถึงเธอจะอ่อนด้อยประสบการณ์ในด้านนี้ (เป็นอย่างมาก) แต่ก็พอจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร 

ร่างสูงพาตัวเข้ามาใกล้เสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน นิ้วเรียวแกร่งแกะกระดุมเม็ดเล็กบนสาบเสื้อออกทีละเม็ด ทีละเม็ด ไม่ถึงหนึ่งนาทีเสื้อเชิ้ตซีทรูตัวสวยก็ลอยละลิ่วตามไปสมทบกับเสื้อนอนของเขา

บราเซียร์ลูกไม้ตัวบางไม่อาจโอบอุ้มของดีประจำตระกูลที่มารดามอบให้ไว้ได้หมด มันเด่นหราท้าทายสายตาคนมอง สายตาคมกริบตรึงอยู่กับส่วนที่โผล่ล้นบราเซียร์ตัวสวย ช่างอวบอิ่มและอมชมพูจนเขาตาพร่าไปหมด   

“พี่ขอถอดได้ไหม” ลอกคราบเธอเกือบจะหมดตัวขนาดนี้แล้ว คนมารยาทดีเด่นก็ยังมีแก่ใจถามไถ่ 

คนตัวเล็กพยักหน้าอนุญาตด้วยความขัดเขิน แก้มแดงปลั่งชนิดไม่ต้องเสแสร้ง เพราะมันร้อนผะผ่าวไปทั่วทั้งร่างราวกับจะหลอมละลายจมลงไปกับเตียง

ถึงเธอจะอยากอ่อยเขามากแค่ไหน แต่ก็อดหวั่นใจในความดุดันของเขาไม่ได้ เธอไม่ชินกับพี่พร้อมในภาคนี้เลย เขามองเธอราวกับมองเหยื่ออันโอชะ 

ตะขอบราเซียร์ลูกไม้ฝรั่งเศสถูกปลดออก เมื่อปราการชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากกาย คนเป็นสามีก็ตกตะลึงไปชั่วขณะจิต ความอ่อนหวานผสมผสานกับความเย้ายวนคือนิยามความเป็นเธอ มือหนาผละจากเอวคอดกิ่วมากอบกุมอกอวบ ยอดทรวงสีชมพูหดเป็นไตรับการมาถึงของนิ้วเรียว ทั่วสรรพางค์กายพลันสั่นสะท้าน ใจกลางความเป็นสาวที่สงบสุขมาตลอดชีวิตเกิดอาการตอดตุบ

“นมเมียพี่สวยมาก” 

เขาชมโต้งๆ ทำเอาคนฟังอยากเอาหัวมุดใต้เตียง แถมยังไม่พูดเปล่า ลิ้นเปียกชื้นแตะลงบนยอดทรวงสีหวาน

“อ๊ะ พี่พร้อม...” ปวีราครางเสียงอ่อย ลิ้นเปี้ยขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน 

“อยากรู้จังว่าจะหวานอย่างที่คิดไว้ไหม”

เขาไม่ปล่อยให้เธอหายใจหายคอ ลิ้นสากลากไล้เลียอกเนียนนุ่มทันท่วงที ผิวขาวนวลเนียนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ใบหน้าหวานฉายแววสะกดกลั้น ฝ่ามือบางเลื่อนมากดหัวอีกฝ่ายให้เกลือกกลิ้งแนบสนิทกับอกนุ่มตอนไหนไม่อาจทราบได้

กายบางบิดเกลียว ยามเขาจับขาเธอแยกออกจากกัน มือข้างหนึ่งมาเกาะกุมยังส่วนอ่อนนุ่มของเธอซึ่งเปียกซึมด้วยสายธารสวาท สามีรุกรานเนินอกอวบไม่หยุดหย่อน เคราจางๆ ครูดกับซาลาเปาลูกใหญ่จนเป็นรอยแดง 

ปวีราเบ้หน้าอย่างเจ็บปวด เธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า อยากเอาใจเขา แต่ก็ทนเจ็บต่อไปไม่ไหว 

“พะ...พอก่อนนะคะ ปัณเจ็บ...พี่พร้อมขา...ปัณเจ็บ”

 “พี่ขอโทษ ปัณเจ็บมากไหม” คนเห่อเมียโงหัวขึ้นมาถาม มือหนาแตะแผ่วลงบนยอดทรวงแดงช้ำ สีหน้าเขาเหมือนรู้สึกผิด ทว่าแววตายังเจือความกระหายหิว เจ้าของหุ่นทรมานใจชายพยักหน้า เขาจึงดึงคนหน้ายับยุ่งมากอดปลอบ ดูท่าเธอจะเจ็บจริง

อังกูรอดโทษความผลีผลามตะกละตะกลามของตัวเองไม่ได้ เขาเคยชินกับการใช้บริการกับผู้มีประสบการณ์มาตลอด ยิ่งถูกใจเขายิ่งรุกหนัก รุกแรง เขาลืมไปได้อย่างไรว่าน้องน้อยไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้น ปวีราอ่อนเยาว์และประสบการณ์เป็นศูนย์ หากเขาเดินเครื่องเต็มสูบไปตอนนี้ มีหวังเธอคงกลัวการเมกเลิฟไปตลอดชีวิต ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา

เพราะเซ็กซ์เป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตคู่

อังกูรคิดหนัก เขาควรจะเริ่มจากตรงไหนดี 

ส่วนคนเป็นภรรยาก็กำลังกระวนกระวายใจกับความไม่เอาไหนของตัวเอง

เธอทำบ้าอะไรลงไป ฮืออออ! 

“พี่พร้อมเสียอารมณ์เพราะปัณหรือเปล่าคะ ปัณขอโทษนะ” 

ปวีราน้ำตาไหลออกมาจริงๆ ไม่ใช่เพราะเจ็บตัว แต่เจ็บใจตัวเอง 

“เฮ้ย! ปัณร้องไห้ทำไม”

“ก็ปัณทำให้พี่พร้อมไม่พอใจ พี่พร้อมจะเบื่อปัณไหมคะ ปัณมันไม่เอาไหน” 

ฮืออออ...ไม่เห็นเหมือนที่แอบดูมาเลย! 

ปวีราอยากจะกรีดร้องแล้วลบหนังบ้าบอที่อุตส่าห์โหลดมาดูเป็นไกด์ไลน์ทิ้งไปให้หมด ลบทิ้งถาวร ตลอดกาล! ไม่กลับไปดูอีกแล้ว!

“ไม่เอาน่า เรื่องแค่นี้เอง ร้องทำไมฮึ” เขาเช็ดน้ำตาอาบแก้มให้เมียเด็ก คนอะไรจะอ่อนไหวถึงเพียงนี้ 

น้ำตาของผู้หญิงเป็นอาวุธที่น่ากลัว และเขาก็เพลี่ยงพล้ำต่อมันเสมอ

“ไม่ต้องร้อง พี่ไม่ทำอีกแล้ว”

คราวนี้น้ำตาเธอยิ่งร่วงพรูหนักกว่าเดิม ปวีราร้องไห้ประหนึ่งโลกจะถล่มก็ไม่ปาน

ฮือๆๆ เธอทำสวรรค์เขาล่ม แล้วต่อไปเขาจะกล้ากินเธออีกไหม

ยิ่งคิดปวีราก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง

“พี่พร้อมอย่าเข้าใจผิดนะคะ ปัณไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น” เธอละล่ำลักละลักอธิบาย ซุกเสี้ยวหน้าร้อนฉ่ากับแผงอกเปล่าเปลือย จะบอกอย่างไรดีว่าเธอไม่ได้อยากให้เขาหยุดกลางคันแบบนี้

“พี่คงใจร้อนมากไปหน่อย” เขางึมงำพลางก้มลงจูบเส้นผมหอมกรุ่นของคนตัวเล็กเบาๆ 

“ปัณเคยได้ยินมาว่าครั้งแรกจะเจ็บมาก ปัณก็เลยกลัว เมื่อกี้พี่พร้อม เอ่อ...ดูดหน่มน้มของปัณแรงมาก ปัณเลยขอให้หยุด แต่จริงๆ แล้วปัณไม่ได้ต้องการแบบนั้นนะคะ ปัณไม่ได้...ฮึก...” 

คนไม่เคยมีประสบการณ์สูดจมูกแดงก่ำคล้ายกลั้นก้อนสะอื้น ดวงตากลมฉ่ำน้ำทั้งเว้าวอนและอ่อนหวาน สร้างดาเมจรุนแรงจนคนเป็นสามีใจอ่อนยวบ ความปรารถนาในตัวเธอยิ่งลุกโชนเป็นทวีคูณ เมื่อปวีราโผกายเข้ากอดเขาเต็มรักจนโนมเนื้อนุ่มเบียดชิดกับแผงอกหนาแทน การกระทำแสนน่ารักนั้นบ่งบอกว่าเธอเองก็ต้องการเขา ไม่ต่างจากที่เขาต้องการเธอ

อังกูรนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนตัดสินใจกระทำการบางอย่างซึ่งไม่เคยคิดจะทำกับใครมาก่อน มือหนาเชยคางมนให้แหงนหน้าขึ้นมารับสัมผัสนุ่มละมุน ลิ้นร้อนผ่าวไล้เลียปากรูปกระจับของเธออย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม 

ชายหนุ่มเป็นคนรักสะอาด เขาหวงแหนและไม่ชอบให้ใครมาล่วงล้ำ หรือแตะต้องร่างกายตนเองโดยพลการ ยามลงสมรภูมิเขาไม่เคยใส่ใจคู่นอน ไม่เคยอ่อนโยน หรือค่อยเป็นค่อยไป แต่จะลงมือจัดการอย่างเฉียบขาดและดุดันเสมอ เพราะต่างคนต่างทราบถึงวัตถุประสงค์ของกันและกัน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความรักหรือการเมกเลิฟของคู่รัก แต่เป็นการมีเซ็กซ์เพื่อตอบสนองกิเลสตัณหาระหว่างกัน 

ทว่าปวีราไม่ใช่คู่นอน เธอกำลังจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา เขาต้องให้เกียรติและทะนุถนอมเธอในฐานะเมีย และแม่ของลูก

คนที่ทั้งชีวิตไม่เคยคิดจะแลกลิ้นสัมผัสน้ำลายของใครกลับแทรกลิ้นสากเข้ามาในโพรงปากบางอย่างเร่าร้อน ซอกซอนลึกล้ำดูดดื่มราวกับสูบวิญญาณ ทำเอาคนถูกจูบหายใจหายคอแทบไม่ทัน เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยเรียวปากบวมเจ่อให้เป็นอิสระ ก่อนอังกูรจะจูบกลีบปากบางอีกครั้งอย่างอดใจไม่ไหว แล้วเอ่ยวาจาหนักแน่นอันส่งผลให้หัวใจดวงน้อยสะท้านไหว

“พี่ไม่เคยจูบใครมาก่อน จูบแรกของพี่ เป็นของปัณ”

มือบางแตะแก้มสากอย่างรักใคร่ระคนหลงใหล ความรู้สึกมีอำนาจบางอย่างพลันผุดขึ้นมาและฉุดให้เธอมีความกล้า กล้าที่จะลองอีกครั้ง 

ครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายเริ่มจูบเขาก่อน ปากเล็กๆ เลาะเล็มลิ้นร้อนฉ่า ยกกายตอบสนองเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ จนกระทั่งไฟแห่งรักลุกโชนท่ามกลางแสงสลัว สองร่างแนบชิดพัวพัน ต่างฝ่ายต่างตอบสนองด้วยความต้องการของกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร 

อังกูรผลักเธอนอนราบลงอีกหน พลันไล่บดจูบปากเล็กดูดดื่ม ปวีราเองก็ปล่อยกายปล่อยใจให้เขาเป็นผู้นำบทรักนี้ อกอวบแอ่นไหวทุกจุดที่มือหนาแตะต้อง ทั่วทั้งกายร้อนผ่าวราวกับถูกเผาไหม้ โดยเฉพาะส่วนอ่อนนุ่มซึ่งอ่อนไหวที่สุด 

หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามกลั้นเสียงอันน่าอับอาย ทว่าอังกูรกลับใช้ปากกับส่วนนั้นไม่หยุดหย่อน จนสุดท้ายเขาก็พาเธอถึงฝั่งฝัน จากนั้นก็ดึงมือเธอไปทำอะไรกับข้าวหลามออร์แกนิกของเขาจนมือเธอเลอะเปื้อนไปหมด 

ใบหน้าหวานแดงซ่าน ยามได้ยินเสียงครางแผ่วขาดห้วงเป็นระยะไม่ต่างจากสัตว์ป่าบาดเจ็บของเขา ทำเอาเธอสั่นสะท้านปนเสียวซ่าน ทั้งคู่สลับทำกันแบบนี้อยู่ค่อนคืน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ ชายหนุ่มจึงอุ้มเธอเข้าไปทำความสะอาดในห้องน้ำ แล้วพามานอนบนเตียง 

กายบางอ่อนระทวย เข้าใจคำว่าหมดแรงข้าวต้มขึ้นมาทันใด เมื่อร่างสูงใหญ่บดเบียดกายเข้าหา ปวีราก็ขยับไปอิงแอบ นิ้วเรียวสวยลูบไล้สำรวจความแข็งแกร่งของแผ่นอกหนา ถึงแอร์ในห้องจะหนาวเหน็บแค่ไหน แต่การอยู่ในอ้อมกอดพี่พร้อมทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นกำลังดี

ส่วนอังกูรนั้นเข้าใจอารมณ์พวกเพื่อนแก๊งไฮโซที่ชอบอวดเมียเด็กก็วันนี้เอง เมียเขาโคตรจะน่ารักจนต้องใช้ริมฝีปากหยักหนาซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง ขบเม้มแผ่วเบาเพื่อตีตราจอง

“อื้อ!” 

เสียงร้องท้วงของเธอช่างฟังไพเราะ ชวนให้หยอกล้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกได้เลยว่าในบรรดาเมียๆ ของกลุ่มเพื่อนไฮโซ เมียเขามาเป็นอันดับหนึ่ง ปวีราทั้งอ่อนหวาน ทั้งน่ารัก แถมยังแอบซ่อนความร้อนแรงไว้อีกต่างหาก

“ปัณรู้สึกยังไงบ้าง” เขาถามพลางลูบปอยผมสวยที่ทิ้งตัวลงเคลียแก้มนวล 

“ปัณรู้สึกเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”

“เราไม่เคยทำความรู้จักกันในแง่มุมนี้ต่างหาก”

“ปัณไม่ยักรู้มาก่อนว่าพี่พร้อมก็มีซิกแพ็กกับเขาด้วย” ชมเองก็อายม้วนเสียเอง เธอช้อนตามองเขาเขินๆ ก่อนจะหน้าแดงโดยไม่ต้องแสดง เมื่อได้ยินเจ้าของเสียงแหบพร่าเอ่ย

“พี่ชอบออกกำลังกาย อย่างอื่นก็แข็งแรงไม่แพ้กันหรอก ไว้วันหลังพี่จะพิสูจน์ให้ดู” 

“แน่ะ พูดจาแบบนี้ก็เป็นด้วย พี่พร้อมไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆ เหรอคะ” เธอกับเขารู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิต จู่ๆ ก็กลายมาเป็นคนนอนเตียงเดียวกัน จนถึงตอนนี้เธอยังคิดว่าตัวเองฝันไปด้วยซ้ำ

“ไม่ชินก็ต้องชิน ตอนนี้ปัณเป็นเมียพี่ ไม่ใช่น้อง หวังจะให้เรานอนจับมือกันหรือไง ฝันไปเถอะ ไอ้แต่งงานในนามแบบในละครน่ะเอาต์ไปแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็เหลือบไปมองนาฬิกาบนหัวเตียง “เอาเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เรานอนกันเถอะ พรุ่งนี้พี่มีประชุมประจำไตรมาสแต่เช้า ถ้าปัณตื่นมาไม่เจอพี่ไม่ต้องตกใจ ชิตพลจะมารับปัณไปส่งที่บ้าน ไว้ตอนเย็นเราค่อยไปกินข้าวที่บ้านปู่กัน”

“ค่ะ” ปวีรารับคำสั่งด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แม้อยากเอ่ยปากท้วงว่าเขาไม่ควรทิ้งเธอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานกัน แต่ปวีราก็พยายามจะเข้าใจความเป็นเขา 

มีสามีบ้างาน ก็ดีกว่าเขาไปบ้าผู้หญิงคนอื่นแล้วกัน

“นอนซะเด็กดี คืนพรุ่งนี้เราค่อยมาติวกันใหม่”

“พี่พร้อมน่ะ!”

“ฮึๆ” คนขี้แกล้งหัวเราะในลำคอ วงแขนกว้างอ้ารับคนตัวเล็กที่โผมากอดอย่างเต็มใจ

 

‘ภรรยาที่ดีจะต้องตื่นก่อนและนอนหลังสามี’ คำพูดนี้คุณยายพร่ำสั่งสอนอยู่เป็นเนืองนิจ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เธอทำได้ยากที่สุด เพราะเพียงวันแรกของการมีผัวเป็นตัวเป็นตน กว่าเธอจะลืมตาตื่นเข็มนาฬิกาก็หมุนไปถึงเวลาเกือบสิบเอ็ดโมง

‘พี่ไปประชุมเจอกันที่บ้านตอนเย็น’ อังกูรเขียนโน้ตทิ้งไว้ ก่อนจะหายออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ ต่างจากเธอที่ยังนอนอู้อยู่บนเตียง 

นั่นก็หมายความว่า หน้าตาอันยับยุ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนสิงโต หรือแม้กระทั่งน้ำลายเปียกข้างแก้มก็ไม่พ้นสายตาพี่พร้อม

คนเป็นศรีภรรยาอยากจะโดดตึกตายให้รู้แล้วรู้รอด! แค่วันแรกเธอก็ทำเขาไม่ประทับใจเสียแล้ว 

ปวีราฝืนใจลากสังขารลงจากเตียงไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เนื่องจากเธอเป็นมนุษย์ผู้ว่างงาน ตลอดชีวิตเคยชินกับการทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยวิถีสโลว์ไลฟ์ ดังนั้นกว่าจะอาบน้ำ เป่าผม แต่งหน้า แต่งตัว และกินข้าวเช้าเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยงวัน 

ร่างบอบบางในชุดอยู่บ้านสบายๆ อย่างมินิเดรสมิวมิวจากรันเวย์ล่าสุด สนนราคาเบาๆ ร่วมแปดหมื่นยุรยาตรลงมาจากชั้นสูงสุดของโรงแรมดังที่ครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ระหว่างทางก็ยิ้มทักทายพนักงานอย่างไม่ถือตัว ก่อนจะเจอกับเลขาฯ คู่ใจของสามีนั่งหาวรอเธออยู่

พอสบตากับภรรยาเจ้านาย ชิตพลก็หุบปากที่กำลังอ้าหาวแทบไม่ทัน 

“คุณปัณลงมาแล้วเหรอครับ” 

เสียงคนพูดฟังดูเหนื่อยๆ ดวงตาก็ดูล้าๆ ชอบกล สงสัยสามีเธอจะใช้งานเขาหนัก ปวีราจึงยิ้มอย่างขอลุแก่โทษแล้วหาข้ออ้างที่ดีสุดมาแก้ตัว

“ขอโทษที่ลงมาช้านะคะ พอดีปัณมัวแต่จัดข้าวของ” 

“ไม่เป็นไรครับ ผมมารอได้ไม่นาน” แค่กลั้นหาวจนหน้าเขียวเท่านั้น

“งั้นเราไปกันเถอะค่ะ” ปวีราออกปากชวน เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาพอสมควร 

รถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมหรูซึ่งใช้เป็นห้องหอชั่วคราวและสถานที่จัดงานแต่งอันอลังการงานสร้าง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเที่ยงใกล้บ่าย บนท้องถนนจึงค่อนข้างโปร่งโล่ง ไม่มีรถราวิ่งพลุกพล่านเหมือนช่วงเลิกงาน ชิตพลใช้เวลาไม่นานก็ขับมาถึงเรือนหอจริงๆ ของเธอ ซึ่งก็คือบ้านเดี่ยวใจกลางเมืองของพี่พร้อมนั่นเอง 

สามีเธอแยกออกมาอยู่บ้านของตัวเองตอนรับตำแหน่งกรรมการบริหาร บ้านของเขาเป็นบ้านหกชั้นสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ ตั้งอยู่บนถนนส่วนบุคคลของตระกูลธาดาพิพัฒน์ในย่านใจกลางเมือง ซึ่งไม่ไกลจากห้างหรูขนาดใหญ่ที่เธอกับเพื่อนสาวชอบไปเดินเล่นชอปปิง แต่ก่อนเธอก็ชวนเพื่อนมาแอบส่องบ้านเขาอยู่บ่อยๆ ทำนองว่าไม่เห็นหน้า ได้เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี 

แต่วันนี้เธอไม่ได้แค่เห็นหลังคาเท่านั้น เธอยังได้ย้ายเข้ามาอยู่อีกด้วย 

โฮ่ง! โฮ่ง! 

ทันทีที่รถอเนกประสงค์เอสยูวีราคาเหยียบสามสิบล้านเข้ามาจอดสนิทหน้าบ้าน เจ้าไลก้า สุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดตัวใหญ่เท่าหมีของเจ้าของบ้านก็พุ่งมาจู่โจมเธอทันที 

“ไลก้า! คิดถึงแกจัง” ผู้ร่วมอาศัยคนใหม่โน้มตัวลงลูบขนปุกปุย เจ้าไลก้าส่งเสียงหงิงๆ ออดอ้อนร่าเริง ช่างไม่สมกับมาดน่าเกรงขามเอาเสียเลย

“คุณปัณขา นางฟ้าของแจ๋นมาแล้ว” 

‘จันจิรา’ หรือ ‘แจ๋น’ แม่บ้านสาววัยยี่สิบปีแจ้นเข้ามาหานางฟ้าของตนอย่างระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ด้วยเพราะนิยมชมชอบเป็น FC ดีเด่นของภรรยาเจ้านายมาโดยตลอด 

“เมื่อคืนคุณปัณสวยมาก เล่นเอา แพตตี้ ภารตา หมองไปเลยค่ะ” แจ๋นเอ่ยปากชม พลางช่วยชิตพลขนของใช้ส่วนตัวอันมหาศาลของคุณผู้หญิงคนใหม่เข้าบ้าน

“โม้หรือเปล่า ฉันจะสวยกว่าดาราดังของแจ๋นได้ยังไง” คนสวยถ่อมตัว 

แต่จะว่าไปแล้ว เธอก็สวยกว่าจริงๆ นั่นแหละ

หญิงสาวกดยิ้มมุมปาก ไม่ได้บ้ายอ แต่ก็นะ ปวีราอดไม่ได้ที่จะหยิบธนบัตรสีเทาออกมาสองสามใบ จากนั้นก็ยื่นส่งให้แจ๋นอย่างคนอารมณ์ดี

“แหม คุณปัณละก็ เกรงใจค่ะ” แจ๋นทำลีลาไม่รับเงินจากมือเรียวสวย ปวีราจึงแกล้งชักมือกลับ 

“หนึ่ง…สอง...สา...”

หมับ! อดีตสายสืบตะครุบโดยไม่รีรอ

“คุณผู้หญิงใครหนอ สวยแล้วยังใจบุญ” 

แจ๋นชมไม่เลิก ขณะเดียวกันชิตพลก็กุมมือถามอย่างนอบน้อม

“ของครบนะครับคุณปัณ?” 

“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ไปรับ” 

คุณผู้หญิงสายเปย์ควักธนบัตรสีเทาหกใบออกมายื่นให้ชิตพล แจ๋นเห็นแล้วตาก็แทบถลนออกจากเบ้า ชักจะอิจฉาชิตพลขึ้นมาตงิดๆ เหตุใดเธอถึงไม่ได้เยอะแบบนี้บ้าง 

“เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วครับ” ชิตพลบอกเสียงขึงขัง จากนั้นก็ขอตัวกลับบริษัทไปรับใช้เจ้านายสายตรงที่ยังคงทำงานอยู่ที่บริษัท

เจ้านายเขาช่างขยันขันแข็งและอึดเกินใคร แต่งงานวันแรกก็ยังไม่หยุดทำงาน แต่อย่างว่า ตราบใดที่มีการซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่มีวันหยุด 

ขณะที่เจ้าของบ้านคนใหม่กวาดตาสำรวจทุกซอกทุกมุมรอบบ้านอย่างสนอกสนใจ เจ้าหมาร่างยักษ์ประหนึ่งหมีกริซลีก็วิ่งตามตูดเธอต้อยๆ ขาเพรียวสวยหยุดอยู่หน้าบ่อปลาขนาดใหญ่ซึ่งอังกูรสั่งให้คนมาขุดไว้เพื่อเลี้ยงปลาหลากหลายสายพันธุ์

สามีเธอรักสัตว์ แล้วเมื่อไรเขาจะรักคนแบบเธอบ้าง ปวีรารำพึงรำพันในใจ 

ร่างบางหมุนกายกลับเข้าไปในบ้าน ก้าวตรงไปยังห้องรับแขกอันโอ่โถงซึ่งพร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ปวีราเอนกายพิงพนักโซฟาแล้วแกว่งเท้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย ชีวิตที่ไม่มีพี่พร้อมช่างน่าเบื่อเสียจริง หญิงสาวจึงกะว่าจะนั่งเล่นหาอะไรดูในเน็ตฟลิกซ์ฆ่าเวลาระหว่างรอต้อนรับสามีกลับมาบ้าน 

สมาร์ตทีวีจอใหญ่ยักษ์เผยภาพเคลื่อนไหวของซีรีส์เกาหลีเรื่องดัง ปวีราเอนกายลงนอนอย่างเกียจคร้านบนโซฟาเบด ขณะกำลังเพลิดเพลินกับภาพเคลื่อนไหวบนจอ สิ่งมีชีวิตขนฟูบางอย่างก็วิ่งผ่านหน้าไปด้วยความว่องไว 

เจ้าทิปปี้ แมวสกอตติช โฟลด์ตัวโปรดของสามีนั่นเอง ทิปปี้ถือเป็นคนโปรดของพี่พร้อมอย่างแท้จริง เพราะเขาสถาปนาเจ้าเหมียวตัวอ้วนเป็นลูกสาวสุดหวง สันนิษฐานว่าเขาน่าจะรักเจ้าแมวจอมเย่อหยิ่งมากกว่าเธอ

ทิปปี้เชิดหน้าคอตั้ง หูกระตุกหงึกหงักคล้ายไม่พอใจเจ้าทาสคนใหม่ ดวงตากลมใสแจ๋วเห็นเธอแล้ว แต่ทำเป็นเมินใส่ พาอุ้งเท้ากลมๆ ลอยลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของนาง

เชอะ!

ปวีราย่นจมูกใส่สัตว์เลี้ยงแสนรักของสามี 

“คุณปัณขาดื่มน้ำส้มหวานเย็นชื่นใจก่อนสิคะ แจ๋นเพิ่งคั้นสดๆ จากลูกเลยค่ะ ทั้งหอมทั้งหวาน อร่อยชื่นใจแน่นอนค่า” แจ๋นนำเสนอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เอาอกเอาใจเจ้านายใหม่เต็มที่ 

ปวีราผู้ไม่เคยปฏิเสธใครรับแก้วน้ำส้มเย็นฉ่ำมาจิบสองสามคำพอหอมปากหอมคอ เธอไม่ค่อยกินอะไรเกินสามคำอยู่แล้ว ด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาอย่างเอาอกเอาใจ ทุกคนดูแลเอาใจใส่เธอราวกับเจ้าหญิง ปวีราจึงเป็นคนช่างเลือก เธอไม่ได้เรื่องมาก แต่แค่ต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น 

“สดๆ จากลูกหรือจากกล่องกันแน่จ๊ะ น้ำส้มทิปโก้ชัดๆ” นัยน์ตาหวานเจือแววระอาไม่จริงจังนัก แจ๋นเป็นเด็กน่ารัก เมื่อก่อนเธอเคยวานให้แจ๋นไปสืบเรื่องพี่พร้อมบ่อยๆ ถือว่ารู้ใจกันเป็นอย่างดี 

“แหะๆ สดจากลูกและจากกล่องค่ะ” คำพูดรู้ทันจากเจ้านายสาวทำเอาคนประจบเอาใจหัวเราะแห้ง 

“เออแจ๋น ปกตินอกจากพี่พร้อม มีใครเข้าออกที่นี่อีกไหม” ไหนๆ เธอก็มาเป็นคุณผู้หญิงบ้านนี้แล้ว เพราะฉะนั้นทุกความเคลื่อนไหวในบ้านนี้เธอย่อมมีสิทธิ์รู้

“ปกติก็มีแต่คุณผู้ชายนี่แหละค่า พวกคนงานอยู่บ้านใหญ่กันหมด คุณปัณก็ทราบว่าคุณผู้ชายรักความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน ถ้าไม่ได้มาส่งกับข้าวหรือทำความสะอาด ก็ไม่มีใครกล้ามาป้วนเปี้ยนโดยไม่ได้รับอนุญาตหรอกค่ะ”

“ก็จริง” ปวีราผงกหัว พลางฉวยสมาร์ตโฟนเครื่องหรูมาเข้าแอปพลิเคชันแต่งภาพและแชร์ภาพยอดฮิตอย่างอินสตาแกรม 

เธอกดไลก์รูปเพื่อนสาวที่โพสต์อวยพรเธอยาวเป็นหางว่าว ชลิดายังคงอินกับภาพกับงานแต่งของเธอ อีกฝ่ายอัปโหลดรูปเป็นอัลบั้มพร้อมกับคำบรรยายยืดยาว เห็นทีเธอต้องหาเวลาไปเมาท์มอยเข้าคอร์สนวดหน้านวดตัวกับเพื่อนรักเสียหน่อย 

“เมนูอาหารวันนี้เยอะแยะเชียวค่ะคุณปัณ” แจ๋นอ่านไลน์กลุ่มของคนงานในบ้านธาดาพิพัฒน์ซึ่งมีสมาชิกร่วมสิบกว่าคน 

อาณาจักรกว้างใหญ่ ย่อมต้องใช้คนทำงานมากเป็นธรรมดา เพราะนอกจากบ้านของสามีเธอแล้ว ภายในซอยยังมีบ้านของ ‘อรรถกร’ พี่ชายคนโตของอังกูรที่อายุมากกว่าเขาสองปี ขณะนี้เป็นซีอีโอดูแลธุรกิจประกันชีวิตในเครือธาดาพิพัฒน์ นอกจากนี้ยังมีบ้านของญาติพี่น้องอีกหลายหลัง 

“มีอะไรบ้างล่ะ”

คนที่แม้แต่ต้มไข่ยังไม่สุกเอ่ยถามเอื่อยๆ เธอคิดจะฝึกทำอาหาร เพื่อหวังใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจสามี แต่ไม่รู้ว่าจะรุ่งหรือจะร่วง 

“มีต้มยำทะเลเดือด กุ้งแม่น้ำอบวุ้นเส้น ปลากะพงทอดน้ำปลา ซี่โครงหมูย่างอบบาร์บิคิว ผัดผักรวมมิตร หมูทอดกระเทียมพริกไทย แกงจืดหมูสับ ตับห่านทอดกระเทียมพริกไทย น้ำพริกปลาทู ปูผัดผงกะหรี่ แล้วก็ยังมีขนมหวานเป็นข้าวเหนียวมะม่วงด้วยค่ะ” 

แจ๋นร่ายรายการอีกยาว ปวีราฟังแล้วขมวดคิ้วเป็นปมเนื่องจากเมนูหลายอย่างเป็นอาหารจานโปรดของตัวเอง เธอชอบกินอาหารไทยมากกว่าพวกอาหารฝรั่ง เพราะชอบในรสชาติจัดจ้าน หนึ่งในเมนูโปรดของเธอคือส้มตำ แต่กินทีไรไม่พ้นท้องเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาลทุกครั้ง หลังๆ เลยถูกห้าม นานทีปีหนจะแอบกิน 

“ปกติเยอะขนาดนี้หรือเปล่า” นี่มันอาหารปริมาณเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านชัด ๆ ดูก็รู้ว่าทุกอย่างจัดเตรียมไว้เพื่อเอาใจเธอ ปวีรารู้ดีว่าคุณปู่พิพัฒน์รักเธอมากกว่าใคร เธอเองก็รักและเคารพท่านมากไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง 

ทุกคนในธาดาพิพัฒน์ดีกับเธอมาก ปวีราดีใจที่เธอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขา เธอไม่ต้องปรับตัวหรือกังวลใจอะไรมากมาย เพราะทุกคนต่างรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เธอยังเป็นเจ้าปัณของปู่คนเดิม แค่เปลี่ยนสถานะจากหลานรักไปเป็นหลานสะใภ้ก็เท่านั้น 

“ปกติก็ไม่เยอะเท่านี้หรอกค่ะ เพียงแต่วันนี้คุณหญิงท่านกำชับมาว่าคุณปัณกับคุณพร้อมจะเข้าไปกินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ เลยให้คุณผกาเตรียมการไว้เป็นพิเศษค่ะ”

“อืม ไว้เย็นนี้ฉันจะขอบคุณคุณย่าด้วยตัวเอง แจ๋นมีอะไรต้องทำก็ไปทำเถอะ ฉันจะขึ้นไปเอนหลังพักผ่อนสักหน่อย” ปากจิ้มลิ้มอ้าหาวหวอด เธอเหลือบมองนาฬิกาเรือนสวยพบว่าเป็นเวลาบ่ายสองโมง อ่า...ได้เวลานอนกลางวันของเธอพอดี 

“ค่า คุณปัณมีอะไรเรียกใช้แจ๋นได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”

“ไลก้า ฉันขึ้นห้องก่อนน้า ไว้เย็นๆ จะลงมาเล่นด้วยใหม่” เธอลูบขนปุกปุยอย่างเอ็นดู

“หงิง...หงิง...”

ไลก้ามองคนสวยหายเข้าไปในลิฟต์อย่างอาลัยอาวรณ์

เนื่องจากบ้านของสามีมีลิฟต์ไว้คอยอำนวยความสะดวก คนเกียจคร้านอย่างปวีราจึงเลือกที่ใช้ลิฟต์แทนการเดินขึ้นห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสาม

ติ๊ง!

เสี้ยววินาทีเธอก็มาถึงห้องนอนของสามีซึ่งปัจจุบันคือห้องนอนของเธอกับเขา เมื่อก้าวเท้าเข้ามาปวีราก็พลันรู้สึกถึงบรรยากาศอันทึมเทาและเงียบสงบ การตกแต่งเป็นโทนสีดำและขาว เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นสมกับเป็นห้องหนุ่มโสด 

ภายในห้องมีกลิ่นอายเจ้าของอยู่เต็มเปี่ยม ร่างบางกระโดดทิ้งตัวลงบนเบาะหนานุ่ม การได้นั่งเล่นนอนเล่นบนเตียงนอนพี่พร้อมช่างเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ หญิงสาวคว้าหมอนมากอดอย่างมีความสุข นอนเล่นพลิกตัวไปมาครู่เดียวก็ผล็อยหลับตามประสาคนว่างงานที่มีกิจกรรมนอนกลางวันเป็นกิจวัตร

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น