6

บทที่ 6

6


เวลาหกโมงเย็น ท่ามกลางบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีอมส้ม อากาศช่วงนี้ค่อนข้างเย็นสบาย อังกูรชวนภรรยาเดินทอดน่องจูงมือคุยกันเพลินๆ มาบ้านใหญ่แทนการนั่งรถกอล์ฟ เผลอแป๊บเดียวก็เดินมาถึงบ้านธาดาพิพัฒน์ซึ่งเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์โคโลเนียล แฝงกลิ่นอายของความคลาสสิกและชวนให้หวนระลึกถึงวัยเด็ก ทุกพื้นที่มีเรื่องราวและความทรงจำดีๆ มากมาย 

ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และสถาปัตยกรรมร่วมสมัย บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อังกูรอยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด ถึงเขาจะออกไปอยู่บ้านของตัวเอง แต่ก็แวะมาเยี่ยมเยียนครอบครัวอยู่เป็นประจำ เนื่องจากอยู่ห่างกันไม่กี่ช่วงถนน และหากเป็นไปได้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะมารวมตัวกันที่ห้องกินข้าวในบ้านหลังใหญ่ เพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน 

กิจกรรมนี้ถือเป็นกฎเหล็กของผู้อาวุโสอย่างท่านพิพัฒน์ ว่าหนึ่งวันในทุกสัปดาห์จะต้องมีวันที่ทุกคนกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อจะได้พูดคุยและกระชับความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว

นอกจากน้องสาวคนเล็กอย่างอาณดา อังกูรยังมีพี่ชายที่อายุห่างกับตนเองสองปี อรรถกรแต่งงานมีครอบครัวมาแปดปีแล้ว โดยผู้เป็นพี่ชายมีบุตรสาวด้วยกันสองคนคือแฝดพี่ ‘บิวตี้ บุญนิศา’ และแฝดน้อง ‘เบเบ้ บุณณดา’ วัยห้าขวบทั้งคู่ สองสาวน้อยเฉลียวฉลาดและซุกซนเป็นอย่างมาก ทำเอาคนเป็นพ่อแม่ปวดหัวกับวีรกรรมไม่เว้นแต่ละวัน ความเงียบสงบไม่เคยขึ้นเมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน

“อาปัณคนสวยมาแล้ว”

เมื่ออาปัณขวัญใจเด็กๆ เดินทางมาถึง บิวตี้ก็อาศัยความว่องไวกระโดดลงจากเก้าอี้มาหาร่างเพรียว แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้น้อยหน้า แฝดน้องจึงไม่พลาดที่จะไล่ฝีเท้าตามมาติดๆ ที่ขาดไม่ได้เลยคือเสียงบ่นของคนเป็นแม่อย่าง ‘ครีม คริษฐา’ อดีตดาราวัยรุ่นชื่อดังซึ่งปัจจุบันลาออกจากวงการ ผันตัวมาเป็นแม่บ้านดูแลลูกและสามีอย่างเต็มตัว

“บิวตี้ เบเบ้ แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่ากระโดดเป็นลิงเป็นค่าง เดี๋ยวก็หกล้มหัวร้างข้างแตกกันพอดี”

“แม่ครีมอะ! บิวตี้ไม่ใช่ลิงนะ บิวตี้เป็นนางฟ้า โตขึ้นบิวตี้จะสวยเริดเหมือนอาปัณ” บิวตี้กอดอกหน้างอง้ำด้วยเพราะไม่ชอบใจกับคำพูดที่กล่าวหาว่าเป็นลิงเป็นค่างของมารดา 

“เบเบ้เป็นอุลต้าแมนแว้นไปหาอาปัณคนสวย คนน่ารักที่ฉุดในโลก กลิ่นก็ฮ้อมหอม น่าจุ๊บแก้มเป็นที่สุด” เบเบ้มาคลอเคลียคุณอาคนสวยราวลูกแมว 

ถึงแม้จะมีหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ แต่สองสาวน้อยกลับมีนิสัยใจคอรวมถึงความชอบในกิจกรรมต่างๆ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บิวตี้เป็นเด็กรักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวและมีความสุขกับการเล่นตุ๊กตา ต่างจากเบเบ้ที่ห้าวหาญชาญชัย ชอบขี่จักรยาน และปีนต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ แต่หากพูดถึงความซุกซนแล้วละก็ เรียกได้ว่าไม่มีใครน้อยหน้าไปกว่าใคร เพราะแบบนี้บ้านหลังใหญ่จึงไม่เคยขาดเสียงหัวเราะและความสนุกสนานปนปั่นป่วนของสองแฝด 

“อาปัณสวยสุดๆ อันดับหนึ่งไปเลย” คนพี่เสริมพร้อมกับยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวสะอาด 

“ใช่ๆ อาปัณสวยกว่าคุณทวดอีก คุณทวดแก่หง่อมแล้ว”

“เบเบ้ พูดแบบนั้นได้ยังไง เดี๋ยวคุณทวดมาได้ยินจะเสียใจนะลูก”

“ก็เบเบ้ได้ยินคุณทวดเรียกคุณทวดว่ายายแก่นี่นา อีกหน่อยแม่ครีมก็แก่เหมือนกัน” เบเบ้ไม่เข้าใจ ทำไมคุณแม่ต้องดุด้วย เรื่องที่พูดก็เป็นความจริงนี่นา ขนาดคุณพ่อยังชอบพูดบ่อยๆ เลยว่าแม่ครีมบ่นเก่งเหมือนยายแก่ 

“ใช่ๆ คุณพ่อยังบอกเลยว่าแม่ครีมบ่นเก่งเหมือนยายแก่” บิวตี้พูดขึ้นมาเหมือนรู้ใจน้องสาว 

“บิวตี้ เบเบ้ ไม่เอาไม่พูด” คนเป็นพ่อหน้าเสีย ลูกหนอลูก ไม่สงสารพ่อบ้างเลย คืนนี้มีหวังโดนเมียเทศนายาวแน่ 

คุณแม่ลูกสองเปลี่ยนเป้าหมาย หันขวับไปมองดุใส่ตัวการทันที

“พี่สอนอะไรลูก”

“พี่เปล่าสอนนะจ๊ะที่รัก”

“อย่าให้รู้นะแอบนินทาครีมให้ลูกฟัง”

“ไม่มี้ไม่มี แหม ใครจะกล้านินทาทูนหัวล่ะจ๊ะ”

อรรถกรปรี่เข้าไปกอดเอวคอดกิ่ว ถึงคริษฐาจะมีลูกสองคนแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยปล่อยตัว ถึงไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่การวิ่งไล่ตามลูกก็เป็นการเผาผลาญพลังงานชั้นยอด ยิ่งเป็นฝาแฝดยิ่งแสบคูณสอง แม้จะเหนื่อย ก็เป็นความเหนื่อยที่เต็มไปด้วยความสุข 

เธอเคยคิดว่าความสุขคือการมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง แต่พอแต่งงานมีลูก จึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงความสุขไม่ใช่เรื่องของการมีหน้ามีตาหรือมีเงินมากมายมหาศาล แต่คือการได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับลูกและสามี ถึงจะทะเลาะกันบ้าง แต่ถือเป็นสีสันของชีวิต ไม่มีสิ่งใดบนโลกเพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์

ฟากคุณอาคนสวยที่ถูกหลานรักรุมล้อมก็อดปลื้มใจกับคำชมไม่ได้ ไม่เสียแรงที่สปอยล์กันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก 

ปวีรารักและตามใจสองแฝดมาก หญิงสาวมักจะซื้อของเล่นและพาหลานรักออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านเสมอ ถึงไม่บ่อยเท่าแต่ก่อนเพราะตอนนี้ทั้งคู่เข้าโรงเรียนแล้ว แต่ก็ยังหาเวลาแวะมาเล่นกับหลาน

คู่แฝดเองก็ชอบติดสอยห้อยตามอาปัณไปทุกหนแห่ง ถ้าอาปัณบอกว่าจะมารับไปเที่ยว เป็นอันตื่นเต้นรื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดสวยมาใส่กันให้ควั่ก 

“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ แล้ววันนี้หลานสาวคนสวยของอาเป็นเด็กดีกันไหมคะ ไหน ใครมีความดีมาอวดให้อาสะสมดาวบ้างน้า”

ปวีราตามใจหลานก็จริง แต่ไม่ได้โอ๋แหลกลาญจนหลานเสียคน หญิงสาวมักมีข้อต่อรองมาแลกเปลี่ยนเสมอ เช่น ถ้าอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ ต้องมีความดีอย่างน้อยสิบดาว ถ้าอยากไปเที่ยวเล่นนอกบ้านต้องมีอย่างน้อยสิบสองดาวขึ้นไป สองแฝดเลยแย่งกันทำความดียกใหญ่ กลัวอดได้ของเล่นและไปเที่ยวนอกบ้าน 

“บิวตี้เป็นเด็กดี ช่วยทีชเชอร์ปิดประตูกับหน้าต่างห้องเรียนค่ะ” แฝดพี่รายงานความดีของตนเสียงดัง ถึงจะฟังไม่ชัดถ้อยชัดคำก็ตามที

“เบเบ้ช่วยคุณพ่อถือกาเป๋าตอนกลับจากทำงานค่ะ กาเป๋าสูงเท่าตัวเบเบ้เลยค่ะ แต่เบเบ้ก็หิ้วไหว เพราะเบเบ้แข็งแรง”

“ความดีบิวตี้ยังไม่หมดค่ะ บิวตี้ช่วยบีบหลังให้คุณทวดด้วย”

“เบเบ้ช่วยคุณแม่เอาน้ำให้คุณพ่อด้วย”

“โอ้โห เก่งกันแบบนี้สงสัยต้องตกรางวัลให้สักหน่อยแล้ว เอาเป็นอะไรดีน้า”

สองแสบจึงเอียงคอทำแก้มป่องอย่างรอคอย เด็กๆ ชอบให้คุณอาคนสวยหอมแก้มเป็นที่สุด 

เจ้าของกายบางภายใต้มินิเดรสสีหวานย่อตัวลง จุมพิตข้างแก้มป่องหอมกลิ่นแป้งเด็กของหลานรักทั้งซ้ายขวา 

“หอมชื่นใจจริงๆ หลานอา”

“บิวตี้ร้ากอาปัณที่สุดเลย”

“ปากอาปัณนุ้มนุ่ม เบเบ้อยากได้รางวัลทุกวันเลยค่า”

“ถ้าอย่างนั้นบิวตี้กับเบเบ้ต้องเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่นะคะ เกี่ยวก้อยสัญญากับอาสิ”

“ค่า” สองแฝดรับปากเสียงใส ไม่ลังเลที่จะชูนิ้วก้อยมาเกี่ยวก้อยทำสัญญา ถือคติรับปากไว้ก่อน แต่ทำได้ไหมไม่รู้

“รักแต่อาปัณ แล้วไม่รักอาพร้อมกันแล้วเหรอครับ น่าน้อยใจจัง” อังกูรแสร้งตีหน้าเศร้า มองหลานน้อยด้วยสายตาตัดพ้อ ยายตัวจิ๋วจึงพากันมามะรุมมะตุ้มกอดหอมคุณอาสุดหล่อ จนแก้มสากเปียกเปื้อนเปรอะไปด้วยน้ำลาย

ถ้าเป็นคนอื่น คนรักสะอาดอย่างเขาคงไม่เอาไว้ แต่หลานเป็นข้อยกเว้น แม้แต่เท้าเบเบ้ยังเคยฟาดหน้าเขามาแล้ว 

“โอ๋ๆ เบเบ้รักอาพร้อมน้า”

“บิวตี้ก็ร้ากอาพร้อม ต่อไปถ้าอาพร้อมมีน้องเยอะๆ อาพร้อมจะรักบิวตี้เหมือนเดิมมั้ยค้า”

ไม่รู้ว่าบิวตี้ไปเอาวาจาแก่แดดจากใครมา แต่นั่นก็ส่งผลให้เสี้ยวหน้างามของคนถูกพาดพิงพลันแดงเรื่อขึ้นมา 

“รู้ได้ไงฮึว่าอาจะมีน้อง แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา” เจ้าคนพี่โดนอังกูรแจกมะเหงกหนึ่งที

“ก็อาปัณกับอาพร้อมนอนห้องเดียวกัน คนนอนกอดกันก็ต้องมีน้องสิคะ”

“เบเบ้อยากให้อาปัณมีน้องเยอะๆ สิบคนเลยนะคะ เบเบ้อยากเลี้ยงน้อง จะสอนน้องปีนต้นไม้ให้เก่งๆ เลย”

แหม หลานพูดยังกับว่าเธอทำเองได้คนเดียวอย่างนั้นละ อีกอย่างเธอกับสามียังไม่ทันได้เข้าสู่กระบวนการผลิตลูกอย่างจริงจังเลยด้วยซ้ำ แม้พี่พร้อมจะทำท่าเหมือนพร้อมจะกลืนเธอลงท้องได้ทุกเมื่อก็ตามที 

ก็ข้าวหลามออร์แกนิกของเขามันใช่ย่อยเสียที่ไหนล่ะ ดูจากที่พ่นพิษใส่มือเธอเมื่อคืนแล้ว... 

แค่คิด กายก็พลันร้อนรุ่มด้วยไฟสิเน่หา เกรงว่าถ้าเขาเอาจริงขึ้นมา คนที่รับศึกหนักก็คงหนีไม่พ้นเธอ ภายนอกพี่พร้อมสุภาพเรียบร้อย แต่เขากลับซ่อนไว้ซึ่งความดุร้ายราวกับหมาป่าที่หิวโหย เล่นเอาแกะน้อยอย่างเธออ่อนระทวย หายใจหายคอแทบไม่ทัน 

“อาปัณหน้าแด๊งแดง”แฝดน้องเอ่ยทักอย่างเด็กช่างสังเกต

“อาปัณไม่สบายเหรอคะ ให้บิวตี้ช่วยรักษาไหมคะ บิวตี้มีชุดคุณหมอด้วยน้า” แฝดพี่ยืดอกภูมิใจนำเสนอ กำลังอยากหาอะไรสนุกๆ ทำอยู่พอดี 

“ขอบใจนะจ๊ะ แต่อาสบายดีจ้ะ” ถ้ายอมเล่นด้วย แล้วเกรงว่าจะยาว เธอยิ่งเป็นพวกใจอ่อนกับเด็กและคนชราอยู่ด้วยสิ 

“อาพร้อมต้องดูแลอาปัณดีๆ นะคะ อาปัณจะได้แข็งแรง มีน้องให้พวกเราหลายๆ คน”

“ครับผม” อังกูรรับคำ พลางคิดในใจว่าคำพูดพวกนี้เห็นทีเด็กวัยห้าขวบไม่น่าจะคิดเอง หลานเขาต้องถูกผู้ใหญ่เสี้ยมสอนมาอย่างแน่นอน และใครที่ว่าน่าจะไม่พ้นท่านพิพัฒน์ คุณทวดของหลานๆ 

ระหว่างพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ คุณผกา แม่บ้านใหญ่ก็ให้เด็กมารายงานว่าอาหารเย็นพร้อมรับประทานแล้ว อังกูรจูงแขนภรรยาสาวและหลานน้อยที่ตามมาเกาะแกะคุณอาคนสวยเป็นลูกลิงไปยังห้องอาหารโอ่โถง ซึ่งมีท่านพิพัฒน์กับคุณหญิงรำไพนั่งเป็นประธานอยู่ก่อนแล้ว 

ใบหน้าผู้สูงวัยแฝงด้วยความสดชื่นแจ่มใส เพราะสุขใจที่สมาชิกครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ยิ่งมีหลานสะใภ้คนใหม่ซึ่งเป็นอดีตหลานต่างสายเลือดคนโปรดมาคอยดูแลตักอาหารให้ ผู้อาวุโสของบ้านธาดาพิพัฒน์ก็ยิ่งเจริญอาหาร รับข้าวได้มากกว่าปกติ

“ทานเยอะๆ นะคะคุณปู่” ปวีราตักปูผัดผงกะหรี่ที่แกะเปลือกจนเหลือแต่เนื้อปูแน่นๆ ใส่จานผู้อาวุโสอย่างไม่มีอาการเคอะเขิน เพราะทำเป็นประจำอยู่แล้ว 

“เราเองก็กินเยอะๆ จะได้แข็งแรง มีหลานให้ปู่อุ้มไวๆ ปู่แก่แล้ว อยากอุ้มหลาน” ประโยคยอดฮิตไม่วายลอยมาเข้าหูอีกครั้ง 

“ค่ะคุณปู่” ปวีรารับปากคนแก่ 

“อาปัณขา บิวตี้อยากกินไก่ทอด”

“เบเบ้ก็อยากกินค่ะ”

คุณอาคนสวยของหลานๆ ใช้ส้อมเลาะเนื้อไก่ให้เด็กๆ เป็นชิ้นพอดีคำ เอามาโปะบนข้าวหอมมะลิหอมกรุ่นแล้วป้อนทีละคน พอคนเป็นแม่ปรามว่าอย่าก่อกวนคุณอา สองจิ๋วก็ทำหน้าจ๋อย เบะปากงอแงจะไม่ยอมกินข้าวกินปลา ร้อนถึงอาปัณต้องโอ๋ด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาจึงจะหายจากอาการแสนงอน

“จริงสิ เมื่อวานย่าไปดูดวงกับอาจารย์ช้างมา ท่านบอกว่ามีลูกภายในปีนี้ถึงจะดี ย่าเองว่าก็ดี” คุณหญิงรำไพไม่พลาดที่จะเอ่ยถึงวาระสำคัญของการรวมตัวกินข้าวกันในวันนี้ 

“ตอนผมแต่งครีมเข้าบ้านคุณย่าก็บอกแบบนี้ อาจารย์ช้างนี่เก่งจริงๆ” อรรถกรเอ่ยยิ้มๆ อย่างรู้ทันเจตนาอันแท้จริง ทำเอาคนเป็นย่าตวัดตาค้อนขวับ ก่อนจะโต้กลับทันท่วงที

“แล้วไม่ใช่เพราะย่าลงทุนไปขอพรถึงเนปาลหรอกหรือ แกถึงได้สองแฝดนี่มา”

“โห คุณย่าพูดซะไม่ให้เครดิตคนทำเลย ผมกับครีมก็เหนื่อยนะครับ เนอะครีมเนอะ” อรรถกรหาแนวร่วม ตอนเขาแต่งงานกับคริษฐาใหม่ๆ ถูกบิลด์เรื่องลูกทุกวันจนไม่เป็นทำอะไร คริษฐาซึ่งเป็นเจ้าสาวมือใหม่ก็พลอยเครียดจนจิตตกไปด้วย ต้องเข้าออกโรงพยาบาลกันอยู่พักใหญ่ จึงจะสมใจผู้เป็นย่า 

“เงียบปากไปเลยนะพี่พอร์ช” คริษฐาแยกเขี้ยวใส่คนปากไม่มีหูรูด เขาชอบเอาเรื่องในมุ้งมาพูดอยู่เรื่อย ไม่อายคนบ้างหรือไง ถึงจะมีแต่คนกันเองก็เถอะ 

“แล้วแกเคยให้เครดิตย่าไหม เมียแกย่าก็สรรหามาให้ ถ้าไม่ได้ย่า ป่านนี้แกเสร็จพวกพริตตี้หิวเงินไปแล้ว” คุณหญิงรำไพขุดเรื่องเก่ามาเล่าใหม่อีกหน ทำเอาผู้บริหารบริษัทประกันภัยออกอาการเบื่อหน่าย 

เอาชนะเขาไม่ได้ทีไร ผู้เป็นย่ามักจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดทุกที ทั้งที่ก็ผ่านมาตั้งนานนมแล้ว   

“โธ่ คุณย่าจะพูดถึงอดีตทำไมล่ะครับ” อดีตเสือที่ถอดเขี้ยวเล็บแล้วโอดครวญ ยามถูกพาดพิงถึงเรื่องราวในอดีต

“ก็แกมากล่าวหาย่าก่อน เถียงเก่งตั้งแต่เล็กยันโต ดูเจ้าพร้อมสิ นั่งเงียบ พูดอะไรก็พยักหน้า ไม่พูดขัดย่าสักคำ” 

ที่น้องชายไม่ขัดเพราะมันรำคาญมากกว่า อรรถกรอยากโต้กลับ หากไม่ถูกเมียสุดที่รักห้ามด้วยการหยิกเนื้อตรงสีข้างเสียก่อน ในเมื่อเมียไม่ช่วย เขาจึงหันไปพึ่งลูก คิดว่าถึงอย่างไรลูกก็ต้องเข้าข้างตนเองแน่ 

“บิวตี้ เบเบ้ หนูช่วยตัดสินทีสิลูกว่าระหว่างคุณทวดกับพ่อ ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด”    

“ก็ต้องคุณพ่ออยู่แล้ว!” สองแฝดตะโกนออกมาโดยพร้อมเพรียง 

“อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะลูก พ่อถูกกระทำนะคะ พวกหนูต้องช่วยพ่อผดุงความยุติธรรมนะลูก”

“เพราะผู้หญิงถูกเสมอ ชู่ว! ไม่เอา คุณพ่ออย่าเถียง เดี๋ยวก็โดนคุณแม่ดึงหูจนหน้าเขียวอีกหรอก” บุณนิศาเอานิ้วชี้แตะปาก เป็นเชิงว่าไม่เอาไม่พูด 

“บิวตี้!” 

คริษฐาอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ลูกหนอลูก! พูดจาไม่ไว้หน้าแม่เลยสักนิด

จากนั้นสองแฝดก็เกิดอารมณ์สามัคคีกันขุดหลุมฝังพ่อแม่ 

“จริงค่ะ เวลาคุณพ่อเถียงคุณแม่ทีไรเป็นต้องโดนดึงหูทู้กกกกที แถมคุณแม่ยังบอกอีกว่าต่อไปอาพร้อมก็ต้องเข้าชมรมเดียวกับคุณพ่อ ชมรมอะไรน้า เบเบ้จำไม่ค่อยได้” 

“บิวตี้จำได้แล้ว! ชมรมคนเกลียมัว กลัวเมียค่า”

“คุณทวดขา คุณทวดกลัวเมียมั้ยค้า” เบเบ้ถามผู้เป็นทวด 

“ถามอะไรอย่างนั้น อย่างทวดเคยกลัวใครเสียที่ไหน เจ้าครีม คราวหน้าคราวหลังจะพูดอะไรก็คิดให้มากหน่อย” เจ้าของน้ำเสียงดุเข้มกล่าวตำหนิติเตียน ท่านพิพัฒน์ไม่ว่ากล้าดุเหลนคนโปรด เลยไปลงที่แม่เหลนแทน โทษฐานทำให้ท่านหงุดหงิดใจ 

กลัวเมียงั้นรึ คำๆ นี้ไม่เคยบรรจุอยู่ในพจนานุกรมของอดีตรัฐมนตรีคนดัง คุณหญิงรำไพอยู่ภายใต้การปกครองของท่านมาตลอดเกือบหกสิบปี

“ครีมขอโทษค่ะคุณปู่ คราวหลังจะระวังให้มาก” คริษฐาหน้าเสีย อิ่มตื้อขึ้นมากะทันหัน เพราะถึงแม้เธอจะไม่ใช่หลานสะใภ้คนโปรด แต่ท่านพิพัฒน์ก็ไม่เคยตำหนิติเตียนเธอต่อหน้าธารกำนัลมาก่อน ครั้งนี้มันคงจะร้ายแรงมากจริงๆ 

เรื่องกลัวเมีย มันคงหยามกันไม่ได้สินะ 

อรรถกรบีบมือเมียรัก กำลังจะอ้าปากเถียงปู่ตามประสาคนปากไวและไม่ค่อยคิดก่อนพูด แต่กลับมีคนออกโรงแทนเสียก่อน 

“อย่ามาดุหลานสะใภ้ฉันนะตาแก่” สายตาเขียวขุ่นหันขวับมาทางคู่ชีวิต

ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาเขานั่นเอง 

ลูกหลานพากันสะดุ้งกันเป็นแถว เอาแล้วไง มวยคู่เอกกำลังจะลงสนามอีกแล้ว 

“พนันกันไหม คุณปู่โดนกินหัวชัวร์” อรรถกรยิ้มกริ่ม กระซิบข้างหูเมีย 

“พี่พอร์ช!” ยัง เขายังไม่เข็ดอีก! 

“ฉันยังไม่ได้ดุสักคำ แค่ตักเตือน หล่อนหูตึงไปแล้วเรอะ” คนเป็นสามีพูดเสียงเข้ม ลูกหลานเหลนอยู่กันพร้อมหน้า จะยอมเสียหน้าไม่ได้ งานนี้ต้องกำราบให้เด็กดูเป็นขวัญตาเสียหน่อย 

“ตาเฒ่าอ้น! นี่หาว่าฉันแก่รึ” 

หน็อย! ตอนดอดมาจีบหล่อนที่คอนแวนต์ คำก็น้องรำไพจ๊ะ สองคำก็น้องรำไพจ๋า เห็นหล่อนหัวหงอกเป็นไม่ได้ ทำมาเสียงแข็งใส่ เดี๋ยวเถอะ!

“เหอะ! ฉันไม่ได้พูดออกมาสักคำ หล่อนทึกทักเองทั้งนั้น”

“คุณทวดขา คุณทวดอย่าดื้อเถียงคุณทวดเลยนะคะ เบเบ้ไม่อยากให้คุณทวดถูกดึงหู เบเบ้เป็นห่วงคุณทวด” คนตัวเล็กกระโดดดึ๋งไปนั่งบนตักคุณทวดหนวดเฟิ้ม ด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง

“ฉันเห็นแก่หลานหรอกนะ ถึงไม่เอาเรื่องเธอแม่รำไพ ปู่แค่เตือน เราก็อย่าคิดมาก” ท่านบอกกับหลานสะใภ้

“ค่ะคุณปู่ คราวหน้าครีมจะระวังให้มากกว่านี้”

“คุณทวดขา ทำไมคุณทวดผมหงอกเยอะจัง” เบเบ้ถามเสียงแจ้ว

“เพราะคุณทวดแก่หง่อมแล้วไงล่ะ” คุณย่าทวดชิงตอบหลานตัวน้อยทันที

คนแก่หง่อมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะดุก็ไม่กล้า กลัวหลานไม่กล้าเข้าใกล้ ด้านคริษฐาก็แอบคิดในใจว่าคนแก่ช่างเลือกที่รักมักที่ชัง ทีกับเธอละดุจริงเชียว 

สองแฝดพากันฉอเลาะคนแก่ เรื่องจึงจบลงโดยง่าย ส่วนคำถามที่ว่าคุณทวดกลัวคุณทวดรำไพหรือไหมนั้นคำตอบก็คงจะชัดเจนอยู่แล้ว

 

หลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งหมดก็ย้ายมานั่งพูดคุยสัพเพเหระที่ห้องรับแขกโอ่โถง ผู้สูงวัยแยกย้ายกันไปเอนหลังพักผ่อน ปวีรานั่งคุยกับพ่อแม่สองแฝดโดยมีอังกูรคอยเสริมเป็นระยะ ระหว่างนั้นแม่บ้านเข้ามาเสิร์ฟผลไม้และหลบฉากออกไป

“ปัณกับพี่พร้อมจะไปฮันนีมูนเมื่อไร คิดไว้หรือยังว่าจะไปที่ไหนกัน” คุณแม่ลูกสองถามพลางจิ้มแตงโมซึ่งเอาเม็ดออกและถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้บุตรสาวที่อ้าปากรอเป็นลูกนก

“ยังไม่ได้คิดเลยค่ะพี่ครีม” 

เธอยังไม่มีโอกาสพูดคุยเรื่องฮันนีมูนกับสามีอย่างจริงจังเลยสักครั้ง ก่อนแต่งงานอังกูรค่อนข้างยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาพูดคุยหรือเจอกันเลยด้วยซ้ำ เธอกับเขาลองชุดแต่งงานกันคนละวัน การ์ดแต่งงานหรือสถานที่จัดงานผู้ใหญ่ก็เป็นฝ่ายจัดการให้พร้อมสรรพ เรียกได้ว่าเธอกับเขามีหน้าที่เพียงเข้าร่วมพิธี 

แต่กระนั้นปวีราก็ไม่ได้น้อยใจหรือคิดมากอะไร มีคนมาอำนวยความสะดวกให้ก็ดี เธอเองก็ขี้เกียจจะวุ่นวายกับเรื่องจุกจิกละเอียดอ่อนพวกนี้ แค่ได้แต่งงานและเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีมารมาขัด เธอก็พอใจแล้ว 

“ไปสวิสสิปัณ พี่กับพี่พอร์ชเพิ่งไปมาเมื่อปลายปีที่แล้ว อากาศดี อาหารอร่อย ที่เที่ยวก็เยอะ บรรยากาศเหมาะกับการไปฮันนีมูนมาก รีบไปก่อนมีลูก เชื่อพี่” คนอาบน้ำร้อนมาก่อนแนะนำ ทริปดิสนีย์แลนด์แสนปั่นป่วนเมื่อสองปีก่อนยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ย้ำเตือนเธอว่าอย่าได้คิดฝันถึงการพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศอย่างราบรื่นโดยปราศจากพี่เลี้ยงเป็นอันขาด โดยเฉพาะสองแฝดแสบยกกำลังสองของเธอ 

“อาปัณขา อาพร้อมขา พาบิวตี้กับเบเบ้ไปด้วยนะค่า” ยัยตัวยุ่งเสนอตัวทันท่วงที ได้ยินเรื่องเที่ยวเป็นอันหูผึ่ง 

“จะกี่ขาก็ไม่ให้ไป เราไปเกี่ยวอะไรกับเขาฮึยายตัวแสบ เมื่อกี้แม่ยังไม่ได้คิดบัญชีเลย พูดอะไรต่อหน้าคุณทวดอย่างนั้น ถ้าคุณปู่อยู่เราโดนดุแน่ กลัวไหม” คริษฐาเอาพ่อสามีมาขู่ เพราะรู้ดีว่าลูกสาวกลัวนายสันต์กว่าใคร 

ตอนนี้คุณสันต์กับคุณรัมภา พ่อแม่สามีควงกันไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์รอบที่เท่าไรไม่รู้ไกลถึงฝรั่งเศส ท่านทั้งสองยังแข็งแรง เมื่อวางมือจากธุรกิจจึงถือโอกาสพากันไปเที่ยวเปิดโลกกว้างในวัยเกษียณโดยไม่ได้วางแผน ค่ำไหนนอนนั่น เป็นชีวิตที่คริษฐาใฝ่ฝัน แต่คงอีกนานโขกว่าจะมีโอกาสเช่นนั้น 

“บิวตี้ทำอะไรผิดเหรอคะคุณแม่ขา” แฝดพี่ทำหน้าบ้องแบ๊วไม่รู้ไม่ชี้

“ทำผิดหลายกระทงแล้วยังไม่รู้ตัวอีก บิวตี้ทำให้คุณทวดดุแม่ ไม่รู้ละ แม่งอนหนูแล้ว”

“บิวตี้ขอโทษ โอ๋ๆ แม่ครีมคนสวยไม่โกรธเป็นยักษ์ขมูขีนะคะ ห้ามทำหน้าบึ้งนะค้า เดี๋ยวหน้าเหี่ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยน้า”

“แม่จะแปลงร่างเป็นยักษ์เพราะคำพูดเรานี่แหละ”

“กรี๊ดๆๆ ไม่น้า อาพร้อมขา อาปัณขาช่วยด้วย คุณแม่จะแปลงร่างแล้ว คุณแม่จะกินหัวคุณพ่อแล้ว”

สองแสบผู้มีจินตนาการล้ำเลิศวิ่งเล่นส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างสนุกสนาน  

“เอาน่า เด็กซนเป็นเด็กฉลาด” อรรถกรปลอบใจภรรยาด้วยคำพูดเดิมๆ อย่างปลงตก 

วิ่งเล่นกันจนเหนื่อยหอบ สองแสบที่อ้าปากหาวหวอดจึงถูกพี่เลี้ยงหิ้วขึ้นไปอาบน้ำนอน สองคู่ชู้ชื่นปรึกษาพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย อังกูรกับปวีราก็ขอตัวกลับ 

ระหว่างเดินมาโถงหน้าบ้านก็สวนกับอาณดาที่เพิ่งถึงบ้านพอดี เจ้าตัวยิ้มแห้ง กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่ง ดูก็รู้ว่าเพิ่งกลับจากงานปาร์ตีสังสรรค์ 

“เพลาๆ หน่อยเถอะเรา” อังกูรปรามเสียงเข้ม 

“วันเกิดเพื่อน นานๆ ทีน่ะพี่พร้อม”

“พ่อแม่เพื่อนเรานี่เก่งนะ เกิดลูกกันได้ทุกวัน”

ปวีรากลั้นขำจนตัวสั่นเทิ้ม อาณดาทำปากมุบมิบกับพี่สะใภ้เชิงว่าฝากไว้ก่อน ก่อนจะยืนหน้าแห้งฟังพี่ชายสอนสั่งด้วยสีหน้าแววตาสลดปนเซ็ง

“เราเป็นผู้หญิง จะเอาตัวไปในสถานที่อโคจรแบบนั้นบ่อยๆ ใช้ได้ที่ไหน”

“ก็ไม่ได้ไปบ่อย ไปเฉพาะมีโอกาสพิเศษ พริ้งเพิ่งสอบไฟนัลเสร็จ ก็ต้องมีคลายเครียดกันบ้าง มันอัดอั้นอะ พี่พร้อมเข้าใจพริ้งมั้ย ไม่เชื่อถามพี่ปัณสิ สมัยเรียนพี่ปัณก็...อุ๊บ...อื้อ”

ปวีรากระโจนเข้าไปปิดปากน้องสะใภ้แทบไม่ทัน ดวงตาก็ถลึงแทบจะออกจากเบ้า

“พริ้ง พี่ว่าพริ้งเมาแล้วละ”

“อิ๊งไอ้เอา (พริ้งไม่เมา)”

“พี่พร้อมคะ ดึกมากแล้ว ปล่อยให้น้องไปพักผ่อนเถอะนะคะ ปัณเองก็ง่วงเต็มที” ปวีราทิ้งสายตาให้เขาอย่างมีเลศนัย ถ้าช้ากว่านี้จะอดนะคะคุณสามี

“เอาเถอะ พี่จะยอมปล่อยเราไปสักครั้ง”

ปวีราจึงยอมละมือออกจากคนปากพล่อย

“โหย เค็มอะ พี่สะใภ้ไปจับอะไรมาเนี่ย”

“เลิกกวนเมียพี่แล้วเข้าบ้านไปอาบน้ำได้แล้ว อย่าให้คุณปู่เห็นเราในสภาพนี้”

พี่สะใภ้แอบแลบลิ้นใส่คนถูกดุด้วยความสะใจ อยากหาเรื่องแฉเธอดีนัก พี่พร้อมเกือบรู้ความไม่ใสของเธอเสียแล้ว

ปวีรายอมรับว่าเมื่อก่อนเธอก็สายปาร์ตี เที่ยวเก่ง ดื่มเก่ง แต่ตอนนี้เธอลด ละ เลิก หมดแล้วซึ่งทุกอย่าง

เธอจะเป็นเมียที่น่ารักและเรียบร้อยของพี่พร้อมตลอดไป ไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้ พี่พร้อมจะต้องรักต้องหลงเธอคนเดียว

“ค่า ใครจะกล้าว่าเมียแสนดีของพี่พร้อมล่ะคะ” อาณดากล่าวประชด


ร่างบอบบางในชุดนอนบางเบาซึ่งเพิ่งเสร็จจากภารกิจขัดศรีฉวีวรรณเหลือบซ้ายแลขวา ก่อนจะพบว่าเหยื่อ...เอ๊ย! เป้าหมายไม่อยู่ในรัศมีสายตา คนกินแห้วพ่นลมหายใจออกมาเซ็งๆ เมื่อครู่อุตส่าห์ซ้อมเดินในห้องน้ำประหนึ่งนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ต จินตนาการไว้ดิบดีว่าสามีเห็นแล้วต้องเลือดกำเดาไหล โรคหอบหื่นต้องกำเริบ ทว่าทุกอย่างดันมาจบที่เขาไม่อยู่ให้ยั่วเสียอย่างนั้น

“ไปไหนของเขา หรือว่าจะแอบหนีไปทำงานอีกแล้ว ขยันไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ”

ปวีราไม่ได้หยิบชุดคลุม เพราะในบ้านหลังนี้นอกจากเขาที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ไม่นับรวมไลก้า ก็มีแต่ผู้หญิง

“เมี้ยว~” 

เจ้าเหมียวทิปปี้โผล่มาจากเชิงบันได ท่าทางจะทะเลาะกับไลก้ามา สังเกตได้จากแววตาวาววับของเจ้าเหมียวที่ดูไม่สบอารมณ์

ปวีราย่อตัวลงอุ้มเจ้าแมวจอมหยิ่งมาไว้แนบอกอันล้นทะลัก เพราะโนบรา ปากจิ้มลิ้มก้มลงจุมพิตขนฟูฟ่องสะอาดสะอ้านหนึ่งที เท่านั้นแหละ เจ้าตัวเล็กจอมหยิ่งก็ทำตาขวาง

“แน่ะ อย่ามาทำตาขวางใส่นะ เดี๋ยวก็ไม่พาไปหาพ่อเสียหรอก”

“แง้ว~” เชื่อฟังขึ้นมาทันที

พอพูดถึงผู้ชายก็ว่าง่ายขึ้นมาทันทีเลยนะ

หญิงสาวอุ้มแมวน้อยตรงไปยังห้องทางปีกขวาของชั้นสาม ซึ่งเป็นห้องทำงานและห้องสมุดขนาดย่อมอันเงียบสงบของอังกูร 

สามีเธอเป็นหนอนหนังสือตัวจริงเสียงจริง เขาชอบสะสมหนังสือหลากหลายประเภททั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชายหนุ่มเคยบอกเธอว่ากลิ่นของหนังสือใหม่ๆ ทำให้เขารู้สึกดี จำได้ว่าตอนเขากลับมาจากต่างประเทศ สิ่งที่ขนกลับมามากที่สุดจนแทบไม่มีพื้นที่เก็บคือหนังสือและตำรามากมาย

และก็เป็นดังคาด ร่างสูงหลังโต๊ะทำงานกำลังก้มหน้าก้มตาจดปากกาลงบนเอกสารหลายฉบับ แว่นสายตาไม่อาจบดบังความหล่อเหลาบนดวงหน้าคมคาย อังกูรในมาดหนุ่มเนิร์ดก็ดูดีกระชากใจไปอีกแบบ แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่ในโหมดไหน ก็ทำให้เธอตกหลุมรักได้ตลอดเวลา ปวีราลอบสังเกตคนตรงหน้าด้วยแววเคลิ้มฝัน

สามีใครหนอ ออร่าความหล่อทะลุแว่น

จังหวะที่กำลังเพลิดเพลินกับการแทะโลมคุณสามีทางสายตา... 

“เมี้ยวว~” เจ้าทิปปี้ก็ส่งเสียงขัดจังหวะ

คนถูกแอบมองเลยรู้ตัว อังกูรเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร เพื่อมาพบกับนางฟ้าแสนซนในชุดที่ทำให้เขาอยากจับเธอมากำราบบนโต๊ะทำงานเสียเดี๋ยวนี้ 

เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกเหมือนโดนหมัดฮุกเสยเข้าตรงกลางใจอย่างจัง ค่ำคืนนี้ภรรยาตัวน้อยตอบแทนความดีงามของเขาด้วยชุดนอนกระโปรงระบายลูกไม้สีพีช ภายใต้เนื้อผ้าพลิ้วไหวเผยให้เห็นซาลาเปาลูกโตวับแวม

ชัดแล้ว โนบรา!

บางครั้งเมียเขาก็เหมือนแม่มดในคราบนางฟ้า เธอหวานละมุน ขณะเดียวกันก็ยั่วยวนชวนให้ตบะแตกวันละหลายรอบ 

จังหวะนี้ไม่ต้องทำงงทำงานมันแล้ว เขาวางมือจากงานบนโต๊ะ หยิบน้ำขึ้นจิบเพราะลำคอแห้งผากไปหมด 

“ปัณกับทิปปี้มากวนพี่พร้อมหรือเปล่าคะ” เจ้าของเสียงหวานละมุนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ อารมณ์ว่าไม่อยากมารบกวน แต่ใจสั่งมา

“ไม่หรอก พี่เคลียร์งานเสร็จพอดี ขอโทษที่ออกมาโดยไม่ได้บอกกล่าว พอดีพี่มีเอกสารด่วนต้องเคลียร์นิดหน่อย ปัณอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ มาหาพี่สิครับ” เขากวักมือเรียกเธอ ปวีราจึงเดินอุ้มลูกรักขนนุ่มฟูไปหาชายหนุ่ม

“อุ๊ย!”

ร่างแน่งน้อยภายใต้อาภรณ์บางเบาถูกฉุดรั้งให้นั่งลงบนตักกว้าง ซึ่งเหมาะเจาะพอดีราวกับออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ

แหงละ ลองใครมานั่งสิ เธอไม่ปล่อยเอาไว้แน่ นี่สามีเธอ ใครก็ห้ามแตะ!

มือหนาเอื้อมไปลูบหัวทิปปี้ จากนั้นชายหนุ่มก็กระซิบอะไรไม่รู้ข้างใบหูขาว เจ้าแมวจอมเชิดถึงมองเธอตาขวาง หางกระตุกรัวสองสามที ก่อนจะสะบัดอุ้งเท้าเล็กๆ ออกไป

ปวีรางง เธอไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีก ก็พามาหาพี่พร้อมแล้วนี่ไง

“พี่พร้อมดูทิปปี้สิคะ ชอบงอนปัณอยู่เรื่อยเลย ไม่พอใจอะไรก็หนีหน้า แบบนี้จะเคลียร์กันรู้เรื่องได้ยังไง” ปวีราเบะปากฟ้อง ทำเหมือนทิปปี้เป็นแมวที่ฟังภาษาคนรู้เรื่อง

“ปล่อยไปเถอะ ทิปปี้คงจะง่วงนอน ว่าแต่ปัณรู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่ในห้องทำงาน ถามแจ๋นเหรอ”

ปวีราส่ายหน้า แจ๋นลงชั้นล่างไปพักผ่อนตามอัธยาศัยนานแล้ว บนชั้นสามมีเพียงเธอและสามีเพราะอังกูรสั่งการเด็ดขาดไว้ว่า หากไม่มีเรื่องด่วนหรือคอขาดบาดตาย ใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าเขตหวงห้ามของเขา

“ปัณก็รู้ใจพี่พร้อมตลอด พี่พร้อมไม่เคยสังเกตเอง สามีปัณบ้างานจะตายไป” คนใจน้อยแสร้งตัดพ้อ เสเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดอย่างกระเง้ากระงอดพอเป็นพิธี มากไปจะดูไม่งาม 

การขยับตัวเหมือนซักซ้อมจังหวะมาอย่างดีส่งผลให้สายสปาเกตตีหลุดออกจากไหล่ขาวนวล เผยให้เห็นความอร่ามตา จนอังกูรหอบหายใจรุนแรง 

“ถ้ารู้ใจพี่ขนาดนั้น แล้วตอนนี้ปัณรู้หรือเปล่าว่าพี่ต้องการอะไร” เขากระซิบถามชิดใกล้ ริมฝีปากอุ่นร้อนแตะลาดไหล่แผ่วเบา วงแขนกว้างโอบรัดเธอแนบแน่นขึ้น ทำให้ชุดกระโปรงตัวสวยร่นมากองบนสะโพกกลมกลึง

ถึงเอวจะเล็ก แต่นมเธอใหญ่มาก อังกูรอยากจะรวบมาไว้ในปากแล้วดูดกินตลอดคืน 

พอเห็นปวีราพยักหน้าทำทีว่าเข้าใจ เรียวคิ้วหนาก็เลิกขึ้นอย่างรอฟังคำตอบ อยากรู้ว่าเธอจะตอบว่ายังไง จะตรงใจเขาหรือเปล่า 

“กาแฟหรือชาอุ่นๆ สักแก้วดีไหมคะ” นัยน์ตากลมฉายแววไร้เดียงสา เฉไฉไปเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น

“ไม่ดี พี่ไม่นิยมดื่มกาเฟอีนก่อนนอน ชาก็ไม่ชอบ” กลิ่นหอมอ่อนละมุนลอยมาปะทะจมูก อังกูรไม่รู้ว่าภรรยาฉีดน้ำหอมก่อนนอนหรือเปล่า แต่เขาหลงใหลกลิ่นนี้มาก หอมกรุ่นราวกับหยาดน้ำค้างแรกเช้า

“งั้นพี่พร้อมชอบดื่มอะไรก่อนนอนคะ ปัณจะได้จัดให้” คนตัวเล็กตอบเสียงผะแผ่ว

“พี่ชอบดื่มนมอุ่นๆ แก้วใหญ่ๆ ปัณทำให้พี่ได้ไหม” คนพูดสองแง่สองง่ามเน้นประโยคท้ายเป็นพิเศษ ขณะเลื่อนสายตามาหยุดที่ทรวงอกอวบอมชมพู 

ไม่ปล่อยให้เป็นเพียงความคิดอันเลื่อนลอย คุณสามีฉกวูบลงไปที่โนมเนื้ออวบอิ่มพลางสูดเอากลิ่นหอมกรุ่นเข้าปอดอย่างชื่นใจ แล้วแหงนหน้ามาทอดมองด้วยแววตาที่ทำให้ท้องน้อยของภรรยาสาวปั่นป่วนและวูบวาบ ราวกับมีผีเสื้อเป็นพันๆ ตัวมาบินวนข้างในนั้น เพราะทั้งหวานและเว้าวอน

“พี่อยากกินนมเมีย” แววตาเขาหื่นกระหาย กลายเป็นพี่พร้อมในภาคที่เธอไม่ชินอีกครั้ง

“ก็เอาสิคะ” 

นอกจากไม่ห้าม เธอยังเปิดทางให้เขาอีกต่างหาก ดวงตาสวยวาวใส มือบางลูบแก้มสากอย่างถนอมรัก 

เธอรักเขาทั้งหมดของหัวใจ มันเกิดขึ้นตอนไหนไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่ามันจะคงอยู่ตลอดไป

“ไม่กลัวเจ็บแล้วเหรอ พี่กลัวปัณจะเจ็บเหมือนเมื่อวาน” ใจจริงก็แอบหวัง แต่สำคัญกว่าคือกลัวทำเธอเจ็บ ผิวเธอบอบบางเกินไป เขาทำร้ายเธอไม่ลง 

นอกจากเป็นเมีย ปวีรายังเป็นน้องที่เขารักและถนอมมาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะทำทีเป็นรำคาญเธอไปบ้าง แต่ความจริงคือเขารักและเอ็นดูเธอไม่ต่างจากอาณดา 

“พี่พร้อมก็อย่ากัดสิคะ แค่ดะ...” 

ดวงตาภายใต้แพขนตางอนซึ่งมองชายหนุ่มอยู่หลุบลงด้วยความสะเทิ้นอาย

“แค่อะไร หือ” ถามเธอเสียงแหบพร่า นิ้วเรียวแกร่งลูบไล้สะกิดยอดทรวงซึ่งหดตัวแข็งเป็นไต

“ไม่รู้สิคะ อ๊ะ...”

ปวีราแอ่นกายสะท้าน เผลอตัวปล่อยเสียงอันน่าอับอายออกมาเบาๆ และนั่นก็ยิ่งกระตุ้นให้ไฟปรารถนาลุกโหม แต่อังกูรยังทำใจแข็ง อยากให้เธอเป็นฝ่ายร้องขอเขาบ้าง

“ถ้าปัณไม่พูด พี่ไม่ทำก็ได้นะ” 

เขาละมือออกจากหน้าอกนุ่ม แม้จะเสียดาย แต่บางครั้งเขาก็ต้องสั่งสอนเธอบ้าง

เพราะเรื่องบนเตียงไม่ใช่แค่เรื่องของคนคนเดียว และไม่ใช่เรื่องน่าอาย เขาไม่ได้ไปร่วมรักกับเธอต่อหน้าธารกำนัลเสียหน่อย ณ ที่แห่งนี้มีแค่พวกเขาสองคน

“พี่พร้อมอย่าแกล้งปัณสิคะ” 

ปวีราเว้าวอนอ่อนหวาน เห็นแววตาเขาแล้วเธอก็ยิ้มกริ่มในใจ 

สำเร็จ! เขาหลงกลเธอแล้ว 

“พี่อยากได้ยิน”

“แต่ปัณอาย กลัวใครมาได้ยินเข้า” นัยน์ตากลมชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่าง ห้องนี้ล้อมรอบด้วยกระจกทั่วทั้งห้อง ไม่มีสิ่งกีดกั้นหรือปิดบัง มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ ต้นไม้ใบหญ้า และท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับจับตาท่ามกลางความมืดมิดได้

“คนข้างนอกมองไม่เห็นเราหรอก อีกอย่าง ในบ้านหลังนี้นอกจากแจ๋นก็มีแค่เราสองคน ถ้าอยากมีคนที่สาม คนที่สี่ ปัณก็ยอมพี่สิครับ”

“ปัณ...ปัณอยากให้พี่พร้อม...เลียตรงนี้ของปัณ” 

มือบางจับฝ่ามือหนามาวางแปะบนทรวงสล้าง ส่วนประกอบอันงดงามที่พระเจ้าให้เธอมาเกินพอดี ตากลมโตทอประกายฉ่ำหวาน

อ่า...เขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว เมียตัวเล็กชักจะยั่วเก่งขึ้นทุกวัน 

ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่เธอก็ทำสำเร็จ

“พี่จะทำมากกว่าเลียอีก”

ซาลาเปาขาวผ่องเป็นยองใยถูกเคล้นคลึงฟอนเฟ้น ก่อนสามีผู้หิวกระหายจะโน้มศีรษะแล้วแลบลิ้นตวัดเลียโนมเนื้อนุ่มจนชุ่มชื้นไปทั่วทรวง

“นมเมียพี่ทั้งหวานทั้งหอม”

“อ๊ะ...ปะ...ปัณได้ยินว่าพี่พร้อมเคยพาผู้หญิงมางานปาร์ตีที่บ้านด้วย เป็นความจริงไหมคะ” ระหว่างที่เขาซุกไซ้ ปวีราก็ถือโอกาสซักไซ้

“หืม...ไปเอามาจากไหน” อังกูรซึ่งตั้งหน้าตั้งตาดื่มนมสดจากเต้าอย่างตะกละตะกลามจำต้องโงหัวขึ้นมาตอบคำถาม

“ปัณแค่ได้ยินเขาพูดๆ กันมา เลยอยากทราบว่าเป็นความจริงหรือเปล่า พี่พร้อมบอกปัณได้ไหมคะ” มือสองข้างจับคางเขาให้เงยมองหน้า แล้วดันหน้าหล่อๆ ที่ซุกไซ้อกอวบราวกับเด็กทารกหิวนมแม่ออกจากตัว

“ข่าวมั่วทั้งนั้น” เขาแก้ตัว...เอ๊ย! บอกเธอเสียงอ่อน ในใจก็คิดว่าเธอไปเอาข่าวมาจากไหน ใครเป็นคนคาบข่าวมาบอก เขาจะจัดงานศพให้มันซะ! โทษฐานทำให้เมียเขาอารมณ์เสีย พานให้ทุกอย่างชะงักกลางคันแบบนี้ 

“พี่พร้อมบอกปัณสิคะว่ามันไม่เป็นความจริง เรื่องแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้น”

จู่ๆ เธอก็เปลี่ยนโหมดจากสาวน้อยร้อนรักมาเป็นสาวน้อยไบโพลาร์ ดวงตากลมสวยบัดนี้ฉ่ำวาวคล้ายเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา

ปวีราเป็นคนที่ร้องไห้ได้งดงามมาก แววตาเธอทอแววเจ็บช้ำ ขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยความรักที่มีให้เขา ทำเอาอังกูรรู้สึกผิดจนพูดไม่ออก

“ปัณเสียใจนะคะที่ได้ยินว่าพี่พร้อมไปทำอะไรอย่างนั้น ฮึก...” 

ปวีราเม้มปากแน่นราวกับพยายามกลั้นสะอื้น อกอวบไหวสะท้าน

“ใครกรอกหูปัณมา พี่ไม่เคยพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในห้องนอนของเราเลยนะ”

แต่ในส่วนอื่นของบ้านขอไม่นับก็แล้วกัน อีกอย่าง เรื่องทุกอย่างก็เกิดขึ้นก่อนแต่งงาน มันเป็นอดีตที่เขากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้

ปวีราบันทึกคำให้การอันมีพิรุธของสามีไว้ในหัวสมองอันชาญฉลาด เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาห้องนอน แต่เคยพาเข้าห้องเชือดแน่ๆ 

มันต้องใช่ ต้องใช่แน่ๆ! 

พี่พร้อมไม่ได้เรียบร้อยและอนามัยอย่างที่คิด เรดาร์เธอบอกอย่างนั้น 

“พี่พร้อมตอบปัณมาสิคะว่าจริงไหม ปัณไม่ว่าหรอกนะคะ แต่ปัณกลัว ปัณกลัวพี่พร้อมจะทิ้งปัณไป ปัณไม่สวย ไม่เก่ง เอาใจใครก็ไม่เป็น ปัณไม่ใช่ภรรยาที่เพอร์เฟกต์” 

แล้วปวีราก็เริ่มเล่นบทโศก ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาตัวเอง ทั้งที่สิ่งที่พูดออกไปนั้นตรงข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง

เพราะเธอทั้งสวย เก่ง แถมยังเจ้าเล่ห์เพทุบายเหนือใคร

“แล้วใครบอกว่าพี่ต้องการเมียที่เพอร์เฟกต์ ปัณดีพอแล้วสำหรับพี่ แต่ถ้าลดอาการงอแงหน่อยจะดีมาก”

“ปัณเปล่างอแงนะคะ ปัณแค่กลัว...” เธอบอกเขาเสียงอ่อย จมูกโด่งมนแดงก่ำอย่างน่าเอ็นดู

“กลัวอะไรฮึ พี่ไม่ได้นอกใจปัณเสียหน่อย พี่ยอมรับก็ได้ว่าปาร์ตีอะไรนั่นไอ้ปรานต์กับไอ้ยักษ์เป็นตัวตั้งตัวตี มันแค่ขอยืมสถานที่เท่านั้น ปัณก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายที่บ้าน พี่บอกมันแล้วว่าถ้ามันพาคนนอกเข้าบ้านพี่อีก พี่จะเลิกคบพวกมันซะ”

“ปัณทราบค่ะว่าพี่พร้อมของปัณเป็น คนดี ซื่อสัตย์ และไม่เจ้าชู้” เธอเน้นหนักสามคำสุดท้ายเป็นพิเศษ

เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาต้องปฏิบัติต่อเธอ 

“สัญญากับน้องนะคะ ว่าพี่พร้อมจะไม่นอกใจ ไม่ทำให้น้องต้องช้ำใจ นะคะคนดีของน้อง” 

หลังจากทำการล้วงความลับจนพอใจ ปากเล็กก็เริ่มฉอเลาะ ช่างพูดช่างเจรจาแล้วจูบปากหยักหนาอย่างเอาใจ แต่เมื่อเจ้าตัวรู้สึกว่ามือหนาซึ่งวนเวียนอยู่บริเวณสะโพกงามงอนอวบอัดค่อยๆ เลื่อนไล้ไปยังส่วนอ่อนนุ่มซึ่งปกคลุมด้วยเส้นไหมสีดำ ปวีราก็ขยับกายหนีไม่ให้อีกฝ่ายแตะต้อง จนกว่าเขาจะรับปาก

“รับปากน้องก่อนสิคะคนดีของปัณ” 

เธอหลอกล่อ เขาต้องรับปาก ครั้งหน้าถ้าทำผิดเธอจะได้มีเครื่องยืนยัน ขืนผิดสัญญาละก็น่าดู! “อืม พี่สัญญา”

“แล้วถ้าพี่ผิดสัญญาล่ะคะ”

“พี่ก็จะยอมให้ปัณลงโทษ ปัณจะตบ จะตี จะด่า จะว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด พี่ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ถ้าปัณหนีพี่จะไม่ตามง้อ”

“แหม ปัณจะหนีพี่ไปไหนได้คะ ถ้าไม่มีพี่พร้อม ปัณคงอดตาย” ปวีราพูดเหมือนตัวเองเป็นลูกไก่ในกำมือเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด

ในโลกแห่งความจริงอันโหดร้าย ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ชอบการสรรเสริญเยินยอ และรับรู้ถึงความมีอำนาจของตนเองทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่พี่พร้อม

ยิ่งเธอตัวเล็กลงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากปกป้องและทะนุถนอมเธอมากขึ้นเท่านั้น

จังหวะที่อังกูรกำลังเคลิบเคลิ้มกับวาจาหวานหู ภรรยาแสนสวยก็จัดทีเด็ดไปอีกหนึ่งดอก คนอย่างเธอต้องชนะน็อกเท่านั้นถึงจะสมศักดิ์ศรี

มือบางประคองเสี้ยวหน้าคมให้มองสบกับดวงตาสวยส่องประกายระยิบระยับ ราวกับดาวดวงน้อยที่ห้อมล้อมพระจันทร์เต็มดวงในยามค่ำคืน

ท่ามกลางความมืดมิด เธอมีเขาเป็นแสงสว่าง

และใช่...เธอจะเป็นดาวดวงน้อยที่อยู่ภายใต้วงโคจรของเขาตลอดไป

“พี่พร้อมเป็นโลกทั้งใบของปัณค่ะ”


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น