8

บทที่ 8

8


หลังจากวางแผนการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเรียบร้อยโรงเรียนอังกูร คนรักสุขภาพก็ขอตัวไปเคลียร์เอกสารกองโตที่หอบกลับบ้านมาเป็นประจำ ปวีราเลยถือโอกาสโทร. ไประบายความอัดอั้นตันใจกับเพื่อนรักด้วยท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อน ราวกับกำลังพบเจอปัญหาระดับชาติ แต่กลับโดนหัวเราะเยาะใส่ด้วยความสะใจ

“สมน้ำหน้า เป็นไงล่ะคุณหนูปัณผู้แสนดี อยากสร้างโลกไว้หลายใบดีนัก” 

แทนที่จะเห็นใจกัน เพื่อนรักกลับเยาะเย้ยกันเสียอย่างนั้น ตกลงรักหรือเกลียดกันแน่ ปวีราชักไม่แน่ใจ 

“สร้างโลกหลายใบอะไรกันเล่า ฉันก็แสนดีโลกสวยประหนึ่งเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เฮ้อ...ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพี่พร้อมต้องการอะไรจากฉัน จู่ๆ ก็มาบังคับกัน ใจร้ายที่สุดเลย” คนไม่เคยต้องตื่นแต่เช้าตรู่คร่ำครวญเหมือนโลกกำลังจะแตกในไม่อีกกี่ชั่วโมงข้างหน้า

“แหม ก็แกดันมาสำออยป่วยวันเดียวกับคืนเข้าหอ เมื่อวานฉันแกล้งโทร. ไปเล่นใหญ่ใส่ผัวแกพี่พร้อมดูเป็นห่วงแกมาก สัญญาดิบดีว่าจะดูแลแกอย่างดี ขนาดฉันเป็นเพื่อนยังอดฟินแทนไม่ได้ แกก็ตามใจพี่เขาหน่อยเถอะ ความห่วงใยเป็นก่อเกิดของความรักนะเพื่อนจ๋า”

“บ่อเกิดของความรักหรืออุปสรรคในการนอนกันแน่ พี่พร้อมตั้งใจจะพาฉันไปทรมานชัดๆ ออกกำลังกายตอนเจ็ดโมงเช้าเนี่ยนะ แกเดาสิว่าฉันต้องตื่นมาอาบน้ำตอนกี่โมง ไหนจะต้องเลือกชุด แต่งหน้า ตีห้าจะทันไหมก็ไม่รู้” ปวีราบ่นอุบ สมองจินตนาการไปถึงความวุ่นวายในการเตรียมการต่างๆ อย่างตะพึดตะพือเหมือนคนบ้าในตอนเช้า แค่คิดเธอก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ เดิมทีคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเท่าไร พี่พร้อมก็ยังเป็นพี่ที่ใจดีเหมือนเดิมคิดไม่ถึงว่าไม่ทันไร เธอก็โดนปฏิวัติพฤติกรรมการตื่นนอนและกิจวัตรประจำวันเสียแล้ว

ฮืออออ! คนสวยอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด 

“แกลืมไปแล้วเหรอว่าผัวแกเป็นผู้ชายออร์แกนิก สายอนามัย เขาไม่ตื่นสายโด่งเหมือนแกหรอกย่ะ แกจะยึดวิถีสโลว์ไลฟ์ไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว ตื่นก่อนนอนทีหลังสามี เคยได้ยินป้ะ”

“สโลว์ไลฟ์คือสิ่งสวยงาม คนเราต้องมีเวลาซึมซับกับความสุขรอบตัว แกไม่เคยได้ยินหรือไง” ปวีราตอกกลับ 

“แต่พี่พร้อมเขาไม่ได้ว่างงานแบบแก จะให้มาทำตัวขี้เกียจเหมือนแกได้ยังไง แกต้องเข้าใจตรงจุดนี้นะเพื่อนรัก”

“เหมือนถูกด่าว่าขี้เกียจตัวเป็นขนยังไงก็ไม่รู้”

“อย่าห่วงไปเลยเพื่อนรัก ฉันจะแก้ปัญหานี้ให้แกเอง แกก็แค่ต้องตื่นนอนให้เร็วขึ้น หน้าไม่ต้องแต่ง โปะๆ Cushion เอาก็พอ ไหนๆ พี่พร้อมก็เคยเห็นหน้าสดยิ่งกว่าปลาในตลาดกับน้ำลายบูดของแกมาแล้ว”

“ไม่นะ ฉันทำใจไม่สวยต่อหน้าพี่พร้อมไม่ได้ เกิดพี่เขารับไม่ได้แล้วทิ้งฉันไปจะทำยังไง”

“สติจ้ะ สติ! มีทะเบียนสมรสอยู่ในมือจะกลัวอะไร เขาไม่กล้าทิ้งแกไปไหนหรอก”

“ใครจะไปรู้อนาคต ผู้หญิงเดี๋ยวนี้น่ะแรดจะตาย ชอบแย่งผัวชาวบ้าน ดูอย่างยายดอกเตอร์ลลนานั่นปะไร จ้องพี่พร้อมตาเป็นมัน” ปวีรากลอกตามองบน เธอไม่ใช่นางเอก ไม่มีวันยอมให้ใครแย่งสามีสุดที่รักไปหรอกนะ

เธอจองของเธอมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยง! 

“แหม พูดยังกับว่าถ้ามีคนมาแย่งพี่พร้อมไปแล้วแกจะยอมงั้นแหละ”

“ไม่มีทาง ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ พี่พร้อมเป็นของฉันคนเดียว ชะนีหน้าไหนก็ห้ามยุ่งทั้งนั้น!” ปวีราลั่นวาจาเหมือนแม่เสือหวงลูกก็ไม่ปาน 

“งั้นแกก็ต้องยอมตามใจเขา กะอีแค่ตื่นเช้ามาออกกำลังกายคงไม่ถึงกับตายหรอกน่า แกต้องปรับพฤติกรรมการนอนนะปัณ กลางวันก็ต้องหากิจกรรมทำ จะได้ไม่ว่างจนเผลอนอนกลางวันให้อับอายขายขี้หน้าสามี”

ปวีราถอนหายใจปลงๆ ใช่ว่าเธออยากเป็นคนว่างงานเสียเมื่อไร แต่ไม่เคยมีใครยอมปล่อยให้เธอไปทำงานทำการ อ้างว่ากลัวเธอลำบากบ้างล่ะ โลกภายนอกมันโหดร้ายเกินไปบ้างล่ะ ถึงการว่างงานจะสบายอุราสักแค่ไหน แต่บางครั้งปวีราก็เบื่อหน่าย เธอไม่ได้อยากได้เงิน แค่อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ การทำงานก็น่าสนใจดี ไว้มีโอกาสเธอจะหาโอกาสคุยเรื่องนี้กับสามี 

“เฮ้อ พูดยังกับมีทางเลือกอื่น ก็คงต้องเป็นอย่างที่แกว่า”

“จะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไม พี่พร้อมไม่ปล่อยให้แกอดตายหรอก พรุ่งนี้ก็ใส่ชุดกีฬาสวยๆ น่ารักๆ แบบนักกีฬาสาวทีมชาติ ผัวจะได้รักได้หลง คราวหลังจะอ้อนขออะไร ขี้คร้านพี่พร้อมจะหามาถวาย”

“ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนล่ะ พี่พร้อมไม่ใช่คนโง่นะแก”

“แต่เขาก็จับมารยาล้านเล่มเกวียนของแกไม่ติดก็แล้วกัน”

“ไม่รู้สิ บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนพี่เขาแกล้งฉัน” อังกูรไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาดและรอบคอบเสมอ ทุกวันนี้เธอจะทำอะไรก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ดีไม่ดีเขาอาจจะรู้ทันเธอ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็เป็นได้ 

อังกูร ธาดาพิพัฒน์เชียวนะ สามีเธอน่ะ!

“แกก็แกล้งเขากลับสิ ยั่วเข้าไป อ่อยเข้าไป พี่พร้อมจะไปไหนรอด งานถนัดคุณหนูปัณอยู่แล้วนี่ บดๆ ยั่วๆ”

“ขอบใจจ้ะเพื่อน ถึงแม้จะเป็นคำชมที่รู้สึกเหมือนคำด่ามากก็ตาม แต่ก็เอาเถอะ ได้คุยกับแกแล้วค่อยสบายใจขึ้นหน่อย” น้ำเสียงคนพูดผ่อนคลายลงหลายส่วน ถึงคำแนะนำของเพื่อนจะฟังไม่เข้าท่าก็ตามที 

“นี่ใครจ๊ะ ไฮโซสาวชลลี่ วรประภาสกุล ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง และผู้บริหารสถาบันความงามที่สวยและเริดที่สุดในประเทศเชียวนะจ๊ะ เดี๋ยวกลับจากสิงคโปร์แล้วคนสวยจะเข้าไปหา แล้วจะพาไปชอปปิงแก้เซ็ง สามีรวยระดับหมื่นล้าน คุณหนูปัณรูดเพลินเลยสิคราวนี้” ชลิดาไม่วายแซวต่อ 

“รูดเพลินอะไรล่ะ พี่พร้อมยังไม่พูดถึงเรื่องนี้สักคำ อีกอย่างนั่นก็เงินพี่พร้อม ไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย ฉันไม่กล้าใช้หรอก เกรงใจเขา”

“ใครว่า เงินผัวก็เหมือนเงินเมียนั่นแหละ”

“ฉันไม่กล้าเรียกร้องอะไรหรอกแก แค่นี้ก็แทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว งานการก็ไม่ทำ ยังต้องให้สามีเลี้ยงอีก น่าเกลียดจะตาย ถ้าพี่เขาไม่พูดฉันคงใช้บุญเก่าเอา เงินเก็บกับหุ้นที่ได้มาตอนวันเกิดอายุครบยี่สิบยังพอใช้อยู่”

“ใครว่าแกไม่ทำ อย่างน้อยแกก็ช่วยสามีทำการบ้าน หักโหมจนถึงเข้าโรงพยาบาล โถๆ น่าสงสารจริงๆ คุณหนูปัณของบ่าว” ชลิดากล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ 

“บ้า!” ปวีราหน้าแดง อดคิดถึงความร้อนแรงของสามีไม่ได้ 

สองสาวเพื่อนซี้คุยสัพเพเหระด้วยกันอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะชลิดาจะเป็นฝ่ายขอตัววางสาย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สามีของเธอออกมาจากห้องทำงานพอดิบพอดี หนุ่มสาวมีนัดกันพาทิปปี้และไลก้าไปเดินเล่นริมสระว่ายน้ำ ความจริงเขาเปรยๆ ว่าจะสอนเธอว่ายน้ำ แต่รอให้เธอหายป่วยดีเสียก่อน 

ปวีรายิ้มปลงๆ พ่อคุณช่างสรรหากิจกรรมให้เมียทำ ถามความเห็นเมียสักคำไหม ก็ไม่ เธอมันเมียน้อยเขานี่นา นู่นเมียหลวง ถึงมีสิทธิ์เลียหน้าหล่อเหลาของเขา ทิปปี้มองเธอเหมือนต้องการจะเย้ย

หญิงสาวจูงไลก้า เดินตามสามีที่อุ้มเจ้าขนฟูไปเหมือนพลเมืองชั้นสอง มือคู่นั้นควรเป็นของเธอ ตากลมโตมองตามตาละห้อย มีเพียงเจ้าหมาหุ่นหมีที่เลียมือเธอแผลบอย่างเข้าอกเข้าใจ

 

สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ แต่อุดมไปด้วยทรัพยากรมากมายทั้งแรงงานคนและกลุ่มภาคธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ที่ราคาสูงลิ่ว และเทคโนโลยีที่ทันสมัยก่อให้เกิดความมั่นคงและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ นักลงทุนกระเป๋าหนักจากต่างประเทศทั้งในเอเชียและโซนยุโรปต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อหาลู่ทางต่อยอดทางธุรกิจ 

เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่างเจ้าสัวสรัล อดีตศัลยแพทย์มือฉมังที่ภายหลังผันตัวมาเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็ไม่พลาดโอกาสดีๆ แบบนี้เช่นกัน และครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่มากับลูกสาวคนสวย ชลิดา วรประภาสกุล ทายาทสุดรักสุดหวงคนเดียว ถึงแม้จะสูญเสียภรรยาไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน แต่เจ้าสัวคนดังก็ไม่คิดแต่งงานใหม่ ด้วยเพราะกลัวจะทำร้ายจิตใจลูกสาว อีกทั้งทุกวันนี้อดีตหมอมือดียังสนุกกับงานและการเดินทางท่องเที่ยว 

ชลิดาติดตามบิดามาเข้าร่วมงานประชุมได้สองวันแล้ว การมาประชุมในครั้งนี้ทำให้นักธุรกิจสาวรุ่นใหม่ผู้เพิ่งเข้าสู่สังเวียนได้ไม่นานได้รับความรู้ ได้ทำความรู้จักกับผู้คนจากหลากหลายวงการ ได้เจอคนที่อยากเจอ... 

และได้เจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุดเช่นกัน 

โลกที่กลมจนน่าเกลียดเหวี่ยงผู้ชายชื่อ ตุลธร กลับเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้ง แถมเขายังพูดคุยกับพ่อเธออย่างถูกคอ สร้างความขัดหูขัดตาให้เธอเป็นอย่างมาก

พูดมาก ขอให้น้ำลายติดคอตาย!

“คุณอากับน้องชลลี่มีโปรแกรมจะเที่ยวไหนหรืออยากทานอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ ผมมีอาฟเตอร์นูน ที กับติ่มซำดีๆ แนะนำหลายร้านเลยครับ ถ้าไม่รังเกียจไปทานอาหารร่วมกันสักมื้อจะสะดวกมั้ยครับ” 

ตุลธรเอ่ยชวนสองพ่อลูกด้วยท่าทางสุภาพและเป็นมิตรตามวิสัยสุภาพบุรุษ เขาคุยกับคนเป็นพ่อถูกคอเชียวละ ส่วนคนเป็นลูกนั้น เจ้าหล่อนเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงคล้ายจะตึงโบทอกซ์ ยิ่งเห็นอย่างนั้นเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง 

ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดของเธอนั่นแหละ เพราะตั้งแต่กลับจากงานฉลองแต่งงานยิ่งใหญ่สุดอลังการของอังกูรกับปวีรา เขาก็เอาแต่เฝ้าคิดถึงเจ้าของดวงหน้าเชิดหยิ่งกับปากรูปกระจับยามขยับพ่นวาจาร้ายๆ ออกมาไม่หยุดหย่อน ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ที่คลับหรูหรากลางใจกรุงซึ่งเขาเป็นเมมเบอร์คนสำคัญพากันน้อยอกน้อยใจที่พักหลังมานี้ คุณยักษ์สายเปย์ไม่ยอมแวะเวียนมาซุกซนชนแก้วไม่เมาไม่เลิกตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ 

จริงๆ ตุลธรเองก็ชักจะเบื่อหน่ายกับกิจกรรมยามค่ำคืน เปลี่ยนมายั่วโมโหเด็กแสบก็ท่าจะสนุกไม่หยอก 

“เอาสิ” 

เจ้าสัวสรัลเออออห่อหมกตามคนหนุ่มอย่างง่ายดาย เพราะยังอยากคุยเรื่องธุรกิจกับหนุ่มรุ่นลูกต่อ พลันบังเกิดความคิดอยากจะส่งบุตรสาวไปเรียนรู้งานกับนักธุรกิจหนุ่มมากความสามารถคนนี้ เนื่องจากมีแผนจะสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่มีห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลไว้คอยบริการลูกค้าระดับวีวีไอพี อีกอย่าง สุรเกียรติ คอนสตรัคชั่น ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ จึงลองคุยกันคร่าวๆ ตุลธรก็ดูสนใจจะร่วมลงทุนไม่น้อย 

ดีไม่ดีจะได้ลูกเขยแถมมาด้วย ท่าทางพยศพอกัน เหมาะสมกันดี

“เตี่ยขา แต่ชลลี่ไม่อยากไป ชลลี่เหนื่อย อยากพักผ่อนมากกว่า” ไฮโซสาวออกอาการกระเง้ากระงอด เธอไม่ชอบหน้าเขา ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์อะไรทั้งนั้น 

“พักเพิกอะไร เมื่อกี้ยังบอกเตี่ยว่าอยากกินติ่มซำอยู่เลย” เจ้าสัวสรัลส่ายหน้ากับความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของบุตรสาว คงเป็นความผิดของท่านที่เลี้ยงบุตรสาวมาอย่างตามใจจนเกินไป 

“หรือน้องชลลี่จะกลัวแพ้...เอ๊ย! แพ้พวกอาหารทะเลอะไรจำพวกนี้หรือเปล่าครับคุณอา ห้องอาหารที่ผมจะพาไปมีขนมจีบกุ้ง ก๋วยเตี๋ยวหลอดปู รสชาติดีทีเดียวครับ ไม่ทราบว่าน้องจะทานได้หรือเปล่า” 

ฟังผิวเผินคล้ายเป็นประโยคแสดงความเป็นห่วงปกติ แต่ชลิดารู้ดีว่าเขากำลังยั่วโทสะเธอ ใบหน้าบูดบึ้งงอง้ำจึงตวัดค้อนขวับ 

“ชลลี่ไม่ได้กลัวแพ้ ไม่แพ้อะไรทั้งนั้นแหละ” 

พจนานุกรมของเธอไม่มีคำว่าแพ้ มีแต่ท้าชนให้ตายกันไปข้างหนึ่ง 

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญครับ” 

เขาผายมือสุภาพ แววตาพราวระยับคล้ายกับเจอเรื่องสนุก ขณะที่ชลิดาออกเดินด้วยท่าทางกระแทกกระทั้น ปากก็ขมุบขมิบสวดมนต์ให้ศีลให้พรตุลธรตลอดทาง


ณ ภัตตาคารอาหารจีนของโรงแรมดัง ชลิดานั่งตัวตรงคอเชิดอย่างไม่กลัวคอเคล็ด กลีบปากบางเบะออกอย่างหมั่นไส้ เธอกลอกตามองบนนับครั้งไม่ถ้วน ยามบิดาเอ่ยชมศัตรูคู่อาฆาตไม่ขาดปาก 

ยักษ์ดีอย่างนั้น ยักษ์เก่งอย่างนี้ เตี่ยผูกขาดการสนทนากับตุลธรโดยแทบไม่สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ

เหอะ! สร้างภาพเก่งนักนะ 

“เห็นทีอาคงต้องขอฝากชลลี่ให้ยักษ์ช่วยสอนงานเสียหน่อยแล้ว”

“ยินดีเลยครับคุณอา ความจริงแล้วช่วงนี้ผมกำลังขาดเลขาฯ อยู่พอดี ถ้าได้คนเก่งๆ อย่างน้องชลลี่มาช่วยงานคงจะดีไม่น้อย” ตุลธรทั้งเชิญชวนและชื่นชมลูกสาวเจ้าสัว  

“อย่างนั้นหรอกหรือ ดีๆ งั้นตกลงตามนี้ อาจะให้ชลลี่ไปช่วยงานยักษ์” 

เจ้าสัวสรัลหัวเราะกว้างอย่างถูกใจ เดินเกมเร็วปานจรวดเช่นนี้ เขาชอบใจนัก ตุลธรไม่ต่างจากเขาตอนหนุ่มๆ เลยสักนิด ตอนเขาจีบแม่ของลูกก็เอาเรื่องงานมาขู่ จนเจ้าหล่อนตกล่องปล่องชิ้นกับเขาจนได้ 

ทว่าบุตรสาวคนเดียวของเขาใช่จะธรรมดา 

ชลิดาไม่อ่อนหวานเรียบร้อยเหมือนมารดา แต่ได้นิสัยเลือดร้อนและเอาแต่ใจจากเขาไปเต็มขั้น 

“แต่ชลลี่ไม่ตกลง เรื่องอะไรจะให้ชลลี่ไปทำงานกับคนอื่น บริษัทเราก็มี อีกอย่างชลลี่ก็เป็นเลขาฯ ให้เตี่ยอยู่แล้ว” ชลิดาค้านเสียงแข็ง เรื่องอะไรให้เธอไปเป็นลูกกะจ๊อกคนอื่น 

โดยเฉพาะเจ้านายอย่างตาลุงยักษ์วัดแจ้งนี่ด้วยแล้ว ให้ตายก็ไม่มีวันยอม!

‘ตาลุงยักษ์วัดแจ้ง’ เพียงแค่ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ทำให้มือบอบบางสั่นยิกๆ อยากลุกไปตบหน้าหนาๆ เป็นยางมะตอยของเขาสักฉาดให้สาแก่ใจ 

“เตี่ยยังมีคุณนภา ขาดชลลี่ไปสักคนก็ไม่เดือดร้อนหรอก ไปเรียนรู้งานกับพี่เขาจะได้เอามาปรับใช้กับบริษัทเรา พี่เขาอุตส่าห์ให้โอกาส เราก็รับไว้เถอะ” คนเป็นพ่อโน้มน้าวใจบุตรสาวเพียงคนเดียว 

“เตี่ยพูดแบบนี้ชลลี่น้อยใจนะคะ ที่ผ่านมาชลลี่ไม่มีความหมายกับเตี่ยเลยหรือไง ไหนบอกชลลี่ทำงานเก่ง” เธอเม้มปากหน้างอ อากัปกิริยาเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่มีผิด 

ตุลธรเผลอยิ้มเอ็นดู ท่าทางตอนไม่ได้ดั่งใจของเธอน่ารักเป็นบ้า!

ถ้าเปลี่ยนจากอ้อนพ่อมาเป็นอ้อนเขาบ้างจะเป็นอย่างไร แค่คิดหัวใจก็กระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก 

ชลิดาแยกเขี้ยว ถลึงตาใส่คนตัวโต ไม่ต้องยิ้มเยาะเย้ยเธอเลยนะ! 

“เตี่ยไม่ได้หมายความอย่างนั้น เตี่ยแค่อยากให้ชลลี่ไปเรียนรู้งานกับคนเก่งๆ พี่เขากำลังสนใจจะทำโพรเจกต์ร่วมกับเรา อีกหน่อยก็ต้องทำงานด้วยกันอยู่ดี เตี่ยแก่แล้ว”

“ใครว่า เตี่ยของชลลี่ยังหล่อเหมือนตอนหนุ่มๆ แถมยังเก่งที่สุด” ชลิดาป้อยอหวังให้บิดาเปลี่ยนใจ

“ไม่เท่าคนหนุ่มหรอก เชื่อเตี่ย พี่เขามีเงินเดือนให้ด้วยนา ค่าตัวลูกอาสูงนะยักษ์ สู้ไหวหรือเปล่า” เจ้าสัวใหญ่แกล้งสัพยอกผู้กุมบังเหียนสุรเกียรติ คอนสตรัคชั่น 

“แล้วแต่จะเรียกเลยครับ เท่าไรผมก็สู้ไหว” 

กล้าขอ เขาก็กล้าให้ ถือว่าวินวินกันทั้งคู่ ธุรกิจการท่องเที่ยวสุขภาพก็เป็นอีกธุรกิจที่เขาสนใจ เพราะระยะหลังมานี้ชาวต่างชาตินิยมมารักษาตัวในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อนชาวตะวันออกกลางของเขาหลายคนก็นิยมทำเช่นนั้น 

ที่สำคัญช่วงนี้เขาว่างจัด กำลังอยากแกล้งเด็ก ยิ่งพยศ เขายิ่งชอบ จะปราบพยศแมวป่าให้อ่อนระทวยเป็นแมวน้อยเลยคอยดู! 

“เงินซื้อชลลี่ไม่ได้หรอกนะคะ”

เขาเห็นเธอเป็นใครไม่ทราบ นี่ไฮโซชลลี่ ชลิดา คิดว่าเธอเหมือนบรรดาผู้หญิงหิวเงินของเขาหรือไง กะอีแค่ตำแหน่งเลขาฯ ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างจะได้เงินเดือนสักเท่าไรกันเชียว อย่างมากก็คงไม่เกินสามหมื่นบาท แค่นั้นจะไปพอยาไส้อะไร

“แปดหมื่นห้า น้อยไปไหมครับคุณอา” ตุลธรถามความเห็นชายสูงวัย

ลูกสาวเจ้าสัวแอบตาลุกวาว ตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัวของเจ้าสัวพ่วงตำแหน่งผู้บริหารฝึกหัดที่ทำงานงกๆ กับบิดาเธอได้ค่าขนมแค่เดือนละห้าหมื่น แถมบิดายังจำกัดวงเงินบัตรเครดิตเธออีก ลำพังแค่ค่ากินยังไม่พอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการชอปปิงและแฮงก์เอาต์กับเพื่อนฝูง 

เพราะถึงเตี่ยจะรักและตามใจเธอมากแค่ไหน แต่เรื่องงานท่านจริงจังเสมอ ถึงจะเป็นลูก ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกอย่างไปครองง่ายๆ ตราบใดที่เธอยังไม่มีคุณสมบัติและความสามารถที่มากพอ 

ชลิดาไตร่ตรอง เขาเก่งจริง เธอยอมรับ แต่เธอไม่ชอบหน้าเขานี่นา ถ้าทำงานด้วยกันมีหวังต้องประสาทกินไม่เว้นแต่ละวันแน่ๆ

“ถ้าชลลี่ตอบตกลง เตี่ยให้เพิ่มอีกแสนหนึ่งเลยเอ้า” เจ้าสัวสรัลกระซิบบอกบุตรสาวอย่างใจป้ำ ท่าทางอยากให้เธอตอบตกลงเต็มแก่

แหม...เห็นแก่เตี่ยหรอกนะ เธอยอมตกลงก็ได้ 

แต่ขอเล่นตัวอีกหน่อยก็แล้วกัน รู้สึกเหมือนมีดวงจะได้ของใหม่

“แต่ชลลี่พูดภาษาจีนได้ ภาษาญี่ปุ่นก็พอฟังพูดเข้าใจ”

“งั้นพี่ให้ค่าภาษาชลลี่อีกหมื่นห้าเป็นแสนนึง พอไหวไหมครับ” ตุลธรเสนอเงินเดือนเหมือนประชด

สองแสน! ชาแนลคอลเล็กชันใหม่แทบจะลอยมาประทับตรงหน้า

“รถชลลี่เก่าแล้ว ออดี้คันใหม่ที่เล็งไว้ยังจองทันไหม” บิดาเอาของมาล่อเพิ่ม อยากให้บุตรสาวตกลงเรียนรู้งานกับคนเก่งๆ ที่อาจจะกลายเป็นบุตรเขยคนโปรดในอนาคต

“เตี่ยไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”

“เตี่ยเคยโกหกลูกด้วยเหรอ”

“ถ้างั้นชลลี่ตกลงก็ได้ เห็นแก่เตี่ยหรอกนะถึงยอม เตี่ยก็รู้ว่าเรื่องเงินไม่สำคัญเท่าความกตัญญู”

“นึกว่าเห็นแก่เงินเสียอีก...” 

ใครบางคนงึมงำลอดไรฟันขึ้นมาลอยๆ ถึงเตี่ยจะไม่ได้ยิน แต่คนหูดีอย่างเธอได้ยินย่ะ!

“โอ๊ย!” 

ส้นสูงสามนิ้วกระแทกลงไปที่คนปากไม่มีหูรูดอย่างไม่ออมแรง

“เตี่ยทานขนมจีบสิคะ” ได้แก้แค้นแล้วหญิงสาวก็สบายใจ ค่อยเจริญอาหารขึ้นมาหน่อย


มื้อเย็นกินเวลายาวนานกว่าที่คิด ชลิดานั่งไถโทรศัพท์ในมือไปมาอย่างเบื่อหน่าย คุยแชตกับปวีราก็แล้ว เลือกรูปอัปโหลดลงอินสตาแกรมก็แล้ว สองหนุ่มต่างวัยก็ยังคุยกันไม่จบไม่สิ้น ทั้งเรื่องในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เรื่องกีฬา ของสะสมอย่างนาฬิกาข้อมือ ตลอดจนชีวิตส่วนตัว ยิ่งคุยก็ยิ่งถูกคอ 

ตุลธรเชี่ยวชาญด้านการเข้าหาผู้ใหญ่ เขาจึงรู้จักมักคุ้นกับเพื่อนร่วมรุ่นของเจ้าสัวสรัลหลายๆ คน มิหนำซ้ำพอมารู้ว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบันเดียวกัน ก็ยิ่งคุยกันยาว 

“แบบนี้ยักษ์ก็เป็นรุ่นน้องอาน่ะสิ”

“ครับคุณอา ตอนผมจบ ม. 6 อาจารย์วิชัยยุทธแกก็เกษียณพอดี ยังทันโดนลงโทษอยู่ ผมนี่ซี้แกเลยครับ”

ตุลธรเอ่ยถึงอาจารย์ฝ่ายปกครองท่านหนึ่งที่เคร่งครัดกับระเบียบวินัยของนักเรียนเป็นอย่างมาก เรียกว่านักเรียนคนไหนมาสายต้องเจอกับแกทุกครั้งไป บทลงโทษก็มีตั้งแต่ยืนขาเดียว กางแขนคาบไม้บรรทัด เดินเป็ดบรรทัดหน้าเสาธง โดนแปรงลบกระดานเขกมือ หรือจะเก็บขยะรอบโรงเรียน ชายหนุ่มก็โดนมาแล้วทุกข้อ เพราะไปสายทุกวัน 

เขาเป็นหัวโจกที่มีเพื่อนสนิทเป็นประธานนักเรียน ขณะที่ตัวเองเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาจารย์ท่านนี้ อังกูรกลับเป็นลูกรัก เพราะเนี้ยบและเพียบพร้อมในทุกด้าน ทั้งการเรียน กีฬา และกิจกรรมทางวิชาการ 

สองหนุ่มพูดคุยถึงวีรกรรมสมัยเรียนอย่างออกรส ก่อนจะมาวกมาคุยเรื่องแนวคิดทางธุรกิจของคนหนุ่ม ตุลธรเล่าว่าเขามุมานะกับการสร้างตัว เพราะไม่อยากให้ใครมาดูถูกว่าได้ตำแหน่งมาเพียงเพราะบิดาเป็นเจ้าของบริษัท จนปัจจุบันมีบริษัทเป็นของตัวเองและมีหุ้นอยู่ในหลายบริษัท เจ้าสรัลยิ่งนึกชื่นชมคนหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก

“ทำงานหนักจนไม่มีเวลาหาแฟนเลยสิเรา” เจ้าสัวสรัลหย่อนเบ็ด อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ไหม เพราะตลอดเวลาที่คุยกัน สายตาคนหนุ่มมักว่อกแว่กไปหยุดที่บุตรสาวคนสวยตลอด

“ใช่ครับคุณอา ตอนนี้ผมเลยโสดสนิท ฟงแฟนไม่มีกับใครเขาหรอกครับ” เขาพูดเสียน่าสงสาร

ไม่มีแฟน แต่กิ๊กเป็นร้อยละสิไม่ว่า ชลิดาค้านในใจ

“ชลลี่เองก็ยังโสด ความจริงก็โสดมาตลอดชีวิตนั่นแหละ เจ้าตัวเขาเลือกเยอะ”

“เตี่ย!” จะขายความลับลูกสาวให้ศัตรูรู้ทำไมไม่ทราบ! “ทั้งสวยทั้งเก่งแบบน้องชลลี่ เดี๋ยวก็มีคนดีๆ เข้ามาครับ”

“แต่อาไม่วางใจ กลัวชลลี่เจอคนไม่ดี ผู้ชายเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ถ้าเอาการเอางานแบบยักษ์ก็ว่าไปอย่าง” เจ้าสัวเกริ่น เขาชอบคนเอาการเอางาน ตุลธรสอบผ่านในข้อนี้ ส่วนเรื่องนิสัยใจคอ หากชอบพอกันก็คงต้องให้ไปศึกษากันเอง เขาเพียงแต่มอบโอกาส เป็นหน้าที่ของตุลธรที่ต้องไปสานต่อความสัมพันธ์กับบุตรสาว 

ตุลธรยิ้มสุภาพรับคำชมและรับปากอย่างแข็งขัน ในเมื่อคนเป็นพ่ออนุญาตให้จีบลูกสาวได้ แล้วเขาจะต้องรออะไรอีก 

แต่จีบเธอคงไม่ง่าย ดูท่าสาวเจ้าจะเกลียดขี้หน้าเขาไม่น้อย ถ้ามาแนวก้อร่อก้อติกมีหวังโดนตบหน้าชา คงต้องเอาเรื่องงานมาบังหน้า แล้วค่อยๆ เนียนจีบเธอไป 

“อย่าห่วงเลยครับคุณอา ระหว่างที่น้องชลลี่ยังไม่มีแฟน ผมจะช่วยดูแลน้องเอง” คนหนุ่มตอบรับเป็นนัยๆ 

“ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ชลลี่ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการพ่อคนที่สอง” คนถูกจีบโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่โวยลั่น 

“ชลลี่!” เจ้าสัวเอ็ดบุตรสาวเสียงเขียวที่เสียมารยาทกับแขกคนสำคัญ

แต่ตุลธรกลับไม่ถือสาหาความ ส่งผลให้คะแนนพิศวาสที่บิดามีต่อเขายิ่งพุ่งสูงติดเพดาน ชนิดที่คนเป็นลูกแท้ๆ ตกกระป๋องไปเลยด้วยซ้ำ


สามทุ่มประเทศไทย ภายในห้องนอนของสองสามีภรรยาที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้จนเย็นฉ่ำ ปวีราตั้งนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์มือถือตอนตีห้า เธอตบหมอนแล้วเอนตัวลงนอนอย่างสบายอุรา สองแขนโอบกอดพุงอ้วนนุ่มของตุ๊กตาหมีกลิ่นหอมวานิลลาตัวโปรด ความจริงเธอตั้งท่าจะนอนหลับแต่หัววันแล้ว แต่คุณสามีกลับไม่ต้องการเช่นนั้น 

ระหว่างที่เธอกำลังจะเคลิ้มหลับเข้าสู่ห้วงนิทรา คนตัวโตซึ่งเพิ่งอาบน้ำจนตัวหอมสะอาดก็เข้ามานอนกอด ไม่พอเขายังจูบซุกไซ้ซอกคออย่างต้องการปลุกไฟสิเน่หา แล้วโยนน้องหมีตัวใหญ่ของเธอลงข้างเตียงอย่างไม่ปรานี

ปวีราเกือบอ้าปากโวย แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองแต่งงานแล้ว และเธอก็รับบทภรรยาผู้แสนหวาน เรียบร้อย พูดน้อย และน่ารัก 

“ปัณง่วงแล้วเหรอ ทำไมคืนนี้นอนเร็วจัง กอดหมีไม่อุ่นหรอก มากอดพี่ดีกว่า” เขาว่าพลางสูดกลิ่นหอมข้างแก้มเข้าปอดอย่างชื่นใจ ยากจะต้านทานความต้องการบางอย่างได้ไหว ก็เมียเขาตัวเล็กน่ารักน่าใคร่ถึงเพียงนี้

“ก็พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้านี่คะ” เธองึมงำตอบในลำคอ เพราะใครล่ะ อยากบังคับเธอออกกำลังกายดีนัก คืนนี้ก็จงอดไปเสียเถอะ

“นอนดึกก็ตื่นเช้าได้” 

เขาพยายามสะกิด ส่วนเธอก็พยายามสกัด

“อือ...ไม่เอาค่ะพี่พร้อม” มือเล็กปัดป้องพองาม สุดท้ายก็ไม่รอดถูกดึงเข้าไปกอดทั้งตัว บางสิ่งบางอย่างดุนดันบั้นท้ายงามงอน ทำเอาคนขี้เซารู้สึกตัวเต็มตื่น 

“พี่พร้อมอะ น่าเกลียดที่สุดเลย” ใบหน้าหวานแดงซ่าน สภาพเธอตอนนี้ล่อแหลมสิบแปดบวกเป็นอย่างมาก มือหนาเอื้อมมาบีบก้นงามผ่านกระโปรงบางเบาอย่างมันเขี้ยว

“ทำไมเบบี้ไม่ใส่บราครับ” เขาถามเสียงแหบพร่า ตบะจะแตกอยู่รอมร่อ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเว้นช่วงให้คนร่างกายไม่แข็งแรงได้พักผ่อนบ้าง แต่เธอกลับไม่ให้ความร่วมมือ แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้เธอหลับไปเฉยๆ ได้อย่างไร

“แล้วใครเขาใส่บรานอนกันล่ะคะ อึดอัดแย่” เธอลืมตาแป๋วขึ้นมองดวงหน้าหล่อเหลา มือบางลูบคางที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นประปรายเบาๆ แลดูเซ็กซี่ขยี้ใจเป็นอย่างมาก 

“นั่นสิ พี่ก็ไม่ใส่” เขากระซิบเสียงทุ้มต่ำ

“พี่พร้อมปล่อยให้ปัณนอนดีๆ เถอะค่ะ” สามีกอดเธอแน่นมากจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว

“แล้วแบบนี้ไม่ดีตรงไหนครับ กอดกันแบบนี้อบอุ่นดีออก ปัณตัวนุ่มนิ่มมาก โดยเฉพาะตรงนี้ ทั้งนุ่ม ทั้งหวาน” เขาหรี่ตามองความอวบอิ่ม นิ้วเรียวแกร่งปลดกระดุมชุดนอนผ้าฝ้ายออกจนเผยให้เห็นความอมชมพูเต็มๆ ตา มือหนาวางแหมะลงบนโนมเนื้อนุ่ม ก่อนจะพลิกกายมาคร่อมเธอไว้

“พี่พร้อม” เรียกเขาเสียงแผ่ว หมายจะขอให้ปล่อยเธอไป

“ครับ” เขาขานรับขณะก้มลงจูบทรวงงามสล้าง “พี่ชักชอบให้ปัณใส่ชุดนอนที่มีกระดุมด้านหน้าแล้วสิ”

“พี่พร้อมขา...ปัณง่วง เรางดสักคืนดีมั้ยคะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดชื่นแจ่มใส” 

ถ้ายอมเขา พรุ่งนี้เธอตื่นไม่ไหวแน่ เธอรู้สภาพร่างกายตัวเองดี

"ปัณก็นอนไปสิ พี่สงสารลูก เกิดลูกอยากมาหาคืนนี้จะทำไง ไม่เท่ากับว่าเรากีดกันเขาหรือไง"

“ปัณแค่กลัวว่าจะตื่นไม่ไหว”

“พี่จะทำเบาๆ สัญญาว่าแค่รอบเดียว”

...สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของสามีจนได้

“ปัณแฉะแล้ว...” อังกูรครางเสียงระโหยจนปวีราหน้าแดงก่ำ 

เขาไม่ต้องบรรยายทุกฉากทุกตอนก็ได้มั้ง เธอไม่ได้อยากรู้...แต่ก็อดรู้สึกหวามไหวไม่ได้ คำพูดเหล่านั้นกระตุ้นให้เธอมีอารมณ์บางอย่าง 

สองร่างเปลือยเปล่าเกี่ยวรัดพันกันจมลงสู่ห้วงปรารถนา จนในที่สุดปวีราก็เปิดรับความใหญ่โตเข้ามาในกาย ใบหน้าหวานบิดเบ้ยามถูกความเสียวซ่านเล่นงาน แต่คราวนี้ไม่เจ็บปวดเหมือนครั้งแรกที่ถูกรุกล้ำ หลังจากเขาปลดปล่อยก็ฝังกายอยู่ภายในเนิ่นนานราวกับทั้งคู่จะไม่มีวันแยกออกจากกัน 

ขณะที่หญิงสาวสัมผัสได้ว่าส่วนนั้นของเธออุ่นร้อนและฉ่ำแฉะ ร่างขาวสะพรั่งก็ต้องครางแผ่ว เมื่อเจ้าของมือหนานวดเฟ้นหน้าอกอวบ แล้วก้มลงเลียไล้ทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม ระเรื่อยไปยังซอกคอขาวและหน้าท้องแบนราบ บนเนินนุ่มมีร่องรอยรักแจ่มชัด 

เมียเขาเซ็กซี่อย่างเหลือร้าย ถึงเธอไม่ต้องยั่ว เขาก็อยากได้เธอแทบบ้า 

แต่สัญญาต้องเป็นสัญญา  เขาพยายามยับยั้งชั่งใจ กลัวว่าเธอจะรับมือไม่ไหวจนป่วยเข้าโรงพยาบาลไปอีก อังกูรโยกตัวขึ้นจูบใบหน้าชื้นเหงื่อของภรรยาอย่างถนอมรัก แล้วพาเธอไปอาบน้ำจนหอมสะอาดสดชื่น ก่อนจะเข้าสู่ห้วงฝันอันแสนหวานไปพร้อมกัน เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตีห้า ปวีราก็เด้งตัวตื่น 

อันที่จริงเธอหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน เพราะกลัวจะตื่นมาไม่ทันคุณสามี ร่างบางสะโหลสะเหลลุกออกจากเตียง เธอพยายามทำอย่างที่เพื่อนแนะนำคือทำทุกอย่างให้เร็วขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำครึ่งชั่วโมงจากเดิมคือชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นก็เดินตัวสั่นออกมาจากห้องน้ำ พบมีคนนอนหลับสนิทอยู่หนึ่งอัตรา 

ค่อยยังชั่ว สามียังไม่ตื่น ปวีรายิ้มภาคภูมิใจ ในที่สุดเธอก็ตื่นก่อนสามีได้สำเร็จ

สไตล์การแต่งหน้าของคุณหนูปัณ ยึดหลักสวยใสแบบไม่โบ๊ะ ดูอ่อนหวานและสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ แก้มต้องแดงแบบมีเลือดฝาดเหมือนบ่มแดดยามสาย ริมฝีปากบางอ่อนนุ่มชุ่มชื้นถูกแต่งเติมสีสันพองามเป็นการปิดท้าย พนันได้เลยว่าถ้าพี่พร้อมเห็นเธอลุคนี้แล้วต้องเอ็นดูจนอยากจุ๊บปากเธอแน่นอน

คิดพลางทำท่าส่งจูบผ่านกระจกอย่างทะเล้น

แต่แล้วจังหวะนรกก็มาเยือน ร่างหนาที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่จ้องเธอด้วยแววตาประหลาดใจระคนขบขัน

อย่าบอกนะว่าเขาเห็นท่าทางบ๊องๆ ของเธอเมื่อกี้!? คิดแล้วก็อยากจะเอาปี๊บมาคลุมหัว เขาจะคิดว่าเธอเป็นคนยังไง 

“เอ่อ...อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่พร้อม” ปวีราส่งยิ้มแหยให้สามี

“เล่นซนอะไรแต่เช้าฮึ”

“เปล่าสักหน่อยค่ะ ปัณแค่ลองชุด”

ร่างบางในชุดกีฬาอย่างเสื้อกล้ามกับกระโปรงจับจีบสีขาวสั้นเหนือเข่า ดูน่ารักและทะมัดทะแมงเป็นสปอร์ตเกิร์ล แต่ดูเหมือนกระโปรงจะสั้นขัดใจสามีไปหน่อย แววตาเขาถึงเข้มขึ้นมา 

“ปัณตื่นนอนตั้งแต่กี่โมง” เขาถามพลางเปิดตู้เสื้อผ้า เผยให้เห็นถึงความเป็นระเบียบผ่านการจัดเรียงเสื้อผ้าตามโทนสี จากนั้นชายหนุ่มก็คว้าเสื้อกีฬาตัวโปรดมาสวม

“ก่อนหน้าพี่พร้อมไม่นานหรอกค่ะ” เธอตอบคำถามพลางหยิบผ้าขนหนูเขาไปตากราวริมระเบียง อังกูรเดินตามออกมาแล้วจูงมือบางพากลับเข้าห้อง 

“แสดงว่าปกติปัณเป็นคนตื่นเช้า พี่นึกว่าปัณจะตื่นสายเสียอีก” ชายหนุ่มว่าพลางนั่งลงบนเตียง ก็หลับลึกเสียขนาดนั้น หรือเพราะตอนนั้นเธอป่วย? เขาชักสับสน 

“อันที่จริงปัณก็ชอบตื่นเช้านะคะ”

พูดไปแล้วอยากจะตบปากตัวเอง ถ้าพรุ่งนี้ทำไม่ได้อย่างที่พูดขึ้นมาจะทำยังไง

“ดีแล้ว แต่อันที่จริงไม่ว่าจะตื่นเช้าหรือตื่นสาย พี่ก็ไม่ว่าหรอก”

คนฟังหูผึ่ง หันขวับมาถามทันที “พี่พูดจริงเหรอคะ!”

“อืม พี่ไม่มายด์” เขาไม่ใช่พวกหัวโบราณที่ต้องให้เมียตื่นก่อนและนอนทีหลัง เธอไม่จำเป็นต้องปรนนิบัติอะไรเขา เขาช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ถ้าอยากเขาก็ไม่ห้าม

“แต่ปัณตั้งใจเอาไว้แล้วค่ะว่ายังไงก็จะพยายามตื่นเช้า ปัณอยากทำอาหารให้พี่พร้อมกินก่อนไปทำงาน” เธอบอกถึงแผนการที่วางไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน 

“ไว้พี่จะรอชิม แต่ตอนนี้อยากชิมอย่างอื่นมากกว่า”

“อยากชิมอะไรคะ...อื้อ!”

ไม่ทันถามจบ ร่างบอบบางก็โดนรวบตัวมานั่งบนตักกว้าง กลีบปากบางสีเดียวกับพวงแก้มถูกริมฝีปากหยักหนาทาบทับ อังกูรรับอรุณภรรยาโดยการแทรกลิ้นร้อนผ่าวเข้าไปในโพรงปากนุ่ม คนตัวเล็กก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ราวกับล่วงรู้ทุกอย่างว่าเขาชอบไหนและควรจะทำท่าทางหน้าตาแบบใด

เธอปัดป้อง แต่ไม่ปกปิด แขนเรียวเลื่อนไปโอบรอบคอเขาอย่างเอาใจ ปากเล็กน่ารักจูบตอบสามีคล้ายไม่ประสีประสา ทว่ากลับส่งผลให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวร้อนระอุด้วยไฟปรารถนา กายเนื้อเสียดสีกันอย่างเร่าร้อน คนตัวโตบดคลึงริมฝีปากนุ่มไม่ยอมคลาย ความไร้เดียงสาของภรรยาปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าในตัวเขา ปวีราเปรียบเสมือนแกะน้อยที่ถูกผู้ล่าอย่างเขากลืนกิน คนตัวบางหอมกรุ่นและนุ่มนิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัว 

กว่าคนชิมจะพอใจก็ทำเอากลีบปากบางบวมแดง กายบางอ่อนปวกเปียกอยู่ในวงแขนกว้าง รู้ตัวอีกทีภายใต้กระโปรงกีฬาตัวสวยก็ไม่มีปราการใดขวางกั้นแล้ว 

มิน่าเธอถึงรู้สึกโล่งๆ เย็นๆ ชอบกล

“สายแล้วสิ” ปากหนาขยับพึมพำ แต่ไม่ยักขยับตัว คล้ายอยากเกาะติดอยู่แบบนี้ไปทั้งวัน

คนที่โอบเอวหนาไว้หลวมๆ อ้อมแอ้มบอกอย่างเอียงอาย ใบหน้าบ่มแดดแดงปลั่งน่ามองน่าหอมเป็นหนักหนา

“พี่พร้อมน่ะ...โยนชั้นในปัณหายไปไหนก็ไม่รู้ ตัวโปรดเสียด้วย”

อากัปกิริยาแสนน่ารักยิ่งส่งผลให้คนเป็นสามีเกิดอาการหลงภรรยามากขึ้น เขาก้มมาจุมพิตจมูกโด่งมนเบาๆ อังกูรมองสบกับดวงตากลมใสซึ่งฉายแววออดอ้อนระคนเทิดทูน ท่าทางที่เมียตัวน้อยออเซาะเขาเหมือนไม่อยากห่างจากอกเขาไปไหน ทำเอาชายหนุ่มอยากยกเลิกแผนออกกำลังกายนอกบ้าน แล้วมาออกกำลังกายในร่มกันสองต่อต่อสองแทน

แต่เขาเป็นคนรักษาคำพูดเสมอ ในเมื่อนัดกับเพื่อนฝูงไว้ดิบดีแล้ว สำคัญกว่านั้นคือเขาอยากให้ปวีราได้ทำความรู้จักกับสังคมของเขา

“เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ เอาสักสี่สิบตัวเลยดีไหม”

คนเพิ่งมีเมียจำต้องตัดใจ ร่างสูงผุดลุกออกจากเตียง เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกางเกงในลูกไม้ตัวใหม่มาสวมให้คนตัวเล็กแทนตัวเก่า ส่วนปวีราก็หน้าแดงเถือกเมื่อถูกจับแต่งตัวเหมือนตุ๊กตา

“พี่ว่าปัณเปลี่ยนชุดใหม่ดีกว่า”

“ทำไมล่ะคะ ชุดนี้ออกจะน่ารัก ปัณชอบ” ปวีราก้มมองตัวเอง ชุดนี้ไม่ดีตรงไหน

“เชื่อพี่”

วลีติดปากบวกกับสีหน้าจริงจังยามจ้องมองกระโปรงสั้นเลยหน้าขาขึ้นมาหลายคืบเหมือนเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา ทำให้ปวีราคล้อยตาม ยอมตามใจสามี สุดท้ายก็ออกจากบ้านมาด้วยเสื้อยืดแบรนด์หรูและกางเกงวอร์มขายาว หญิงสาวมองตัวเองในกระจกอย่างไม่มั่นใจสักเท่าไรนัก เพราะน้อยครั้งที่เธอจะใส่กางเกงขายาว เธอชอบใส่เดรสหรือไม่ก็กระโปรงมากกว่า ยึดคติว่าถึงอยู่บ้านก็ต้องสวยไว้ก่อน

มีเมียสวยก็เหนื่อยหน่อยนะคะพี่พร้อมขา

เฮ้อ! ทำยังไงได้ เธอเลือกเกิดไม่ได้เสียด้วยสิ


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น