1

ตื่นมาก็ได้เมีย

1
ตื่นมาก็ได้เมีย

 

ชายหนุ่มเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ผิวขาวนอนอยู่บนเตียงกว้างในสภาพเปลือยเปล่า เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เมื่อแสงแดดส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่านี่คือห้องนอนในคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำของเขาเอง

ความทรงจำสุดท้ายช่างเลือนรางนัก...ภาวัฒน์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนตนเข้ามานอนในห้องได้อย่างไร รู้แค่เพียงว่าสนุกสุดเหวี่ยงกับบรรดาเพื่อนฝูงที่นานๆ จะมาปาร์ตีที่คอนโดสักที

ประมาณห้าทุ่มเศษ เพื่อนของเขาต่างก็ทยอยกลับกันไปทีละคนสองคน จนเหลือเพียงยายจอมแสบที่ไม่ได้ถูกรับเชิญมาร่วมงานปาร์ตี แต่ดันติดร่างแหไปด้วย เพราะบังเอิญแวะเอากับข้าวที่บ้านมาให้เขา 

‘คงกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะมั้ง’ 

ชายหนุ่มคิดในใจ พลางพลิกตัวบิดขี้เกียจไปทางอีกฟากหนึ่งของเตียง แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีใครบางคนนอนคลุมโปงอยู่ข้างกาย

“เชี่ย ใครวะ” เขาเผลอสบถคำหยาบเสียงทุ้มต่ำ ลนลานลุกขึ้นนั่ง ยังไม่ทันจะเลิกผ้าห่มออกดู สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในนั้นก็ขยับดิ้นขลุกขลักพร้อมกับส่งเสียงในลำคอ

“หื้อ...”

ใบหน้าคมสันคลายความกังวลลงไปเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เสียงที่เปล่งออกมาจากผ้าห่มผืนหนาบ่งบอกว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวคู่ขาสุดเซ็กซี่ของเขาเอง แต่แล้วความโล่งใจดังกล่าวก็มลายไป เมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

‘แต่เมื่อคืนแนทไม่ได้มาที่นี่นี่นา!’

แล้วผู้หญิงที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนนี้เป็นใครกันล่ะ 

ก่อนที่ภาวัฒน์จะได้คำตอบเพื่อไขความกระจ่างในใจ ผ้าห่มผืนหนาก็ถูกสลัดทิ้งลงจากเตียง เผยให้เห็นเรือนร่างอวบอิ่มที่นอนหันหลังให้ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างจากเขาเลยสักนิด

เช้าๆ แบบนี้เขาคงจะมีอารมณ์จัดสักยกสองยก หากไม่ใช่ว่าคนที่นอนหันหลังอยู่ดูคุ้นหูคุ้นตาอย่างไรชอบกล

“นี่คุณ” อุ้งมือหนาเอื้อมไปแตะไหล่ขาวเบาๆ

คนที่นอนหันหลังอยู่จึงพลิกตัวหันกลับมาตอบรับเสียงงัวเงีย

“มีอะไรคะพี่ภีม”

“วิว!” ชายหนุ่มตะโกนชื่อน้องสาวนอกไส้ดังลั่น หัวใจตกลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม

‘ทำไมกัน ทำไมถึงได้เป็นยายจอมแสบ...’

“เสียงดังเชียว ตื่นแล้วเหรอคะที่รักของวิว” 

วาดฟ้าหยอดคำหวานยิ้มๆ พลางขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตาไล่ความง่วงงุน หาได้มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจไม่ ช่างต่างจากภาพจำนางเอกละครไทยที่ภาวัฒน์เคยเห็นผ่านตานัก ซึ่งฝ่ายหญิงมักจะร้องไห้เสียใจหลังจากตื่นมาพบว่าตัวเองเสียเวอร์จินให้แก่ฝ่ายชายแล้ว

คราวนี้มันกลับกัน...เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากร้องไห้

“ที่รักกับผีอะไรเล่า!” เขาต่อว่า ลนลานคว้าผ้าห่มผืนหนามาปิดคลุมกายไว้ ราวกับจะโดนวาดฟ้าข่มขืนทางสายตาก็มิปาน

“ทำไมวิวถึงมานอนอยู่ตรงนี้ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น!”

“ถามอะไรตลกจังคะพี่ภีม เห็นๆ อยู่ว่าเราอยู่ด้วยกันในสภาพแบบนี้แล้ว เมื่อคืนมันจะเกิดอะไรขึ้นได้นอกจากว่าเรามีอะไรกัน”

“ไม่มีทาง! ถึงเมายังไงพี่ก็ไม่มีทางทำแบบนั้นกับวิวแน่นอน” ภาวัฒน์ยืนยันเสียงแข็ง ขณะที่ยายจอมแสบหัวเราะคิกคัก จ้องมองเขาด้วยแววตาซุกซนเหมือนลูกแมว

“แหม ทำไมจะไม่ได้ทำคะ เมื่อคืนพี่ภีมเอาแต่เรียกหาวิวทั้งคืน บอกให้พอก็ไม่พอ ดูสิ ปวดเอวไปหมดแล้วเนี่ย” วาดฟ้าพูด ก่อนจะขยับเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่จากทางด้านหลังเอาไว้แน่น เกยคางบนไหล่แข็งแรงอย่างออดอ้อน

“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้วิว คุยกันดีๆ ให้รู้เรื่องก่อน” เขาดันร่างของน้องสาวนอกไส้ออกห่าง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายฉายแววเคร่งเครียดและจริงจัง

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่จำไม่ได้ว่าพี่...”

“มีอะไรกับวิวใช่ไหมคะ”

“ใช่”

“พี่ภีมจะไปจำได้ยังไง ก็พี่ภีมเมาซะขนาดนั้น วิวเองก็เมาเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ตกกระไดพลอยโจนกับพี่ภีมแบบนี้หรอกค่ะ” 

คล้ายกับมีแสงสว่างจุดประกายในหัวสมองของภาวัฒน์อีกครั้ง หลังได้ฟังคำบอกเล่าจากยายจอมแสบ อุ้งมือหนาทั้งสองข้างวางลงบนไหล่บอบบาง

“หรือว่าเมื่อคืนเราอาจจะแค่เกือบ แต่ไม่มีอะไรกันจริงๆ ก็ได้นะ เพราะเราเมากันทั้งคู่นี่ อย่างน้อยถ้ามีพี่ก็น่าจะรู้ตัวสิ”

“พี่ภีมจะบอกว่าไอ้ที่เรานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น กับรอยจ้ำๆ แดงๆ ตามเนื้อตัววิวมันเกิดขึ้นโดยที่เราไม่มีอะไรกันจริงๆ น่ะเหรอคะ มันแค่เกือบจริงๆ เหรอ” 

หญิงสาวถามย้ำ เลิกคิ้ว กอดอกรอฟังคำตอบจากชายหนุ่ม

“...”

ภาวัฒน์เถียงไม่ออก เมื่อเห็นรอยจ้ำดังกล่าวปรากฏอยู่หลายต่อหลายแห่งบนผิวเนื้อขาวๆ ของยายจอมแสบจริง

“และนี่คงเป็นหลักฐานสำคัญเลยล่ะค่ะ” วาดฟ้าเขยิบถอยห่างไปอีกเล็กน้อย เลิกผ้าห่มผืนหนาออก เผยให้เห็นผ้าปูเตียงซึ่งมีรอยคราบเลือดติดอยู่

‘ฉิบหายแล้ว ไอ้เวรภีม ทำไงดีวะ!’ 

ชายหนุ่มได้แต่สบถร้อนรนอยู่ในใจ หลักฐานมัดตัวขนาดนี้เขาจะไปไปไหนรอด

“แต่พี่ภีมไม่ต้องเครียดไปนะคะ วิวไม่ถือเรื่องนี้อยู่แล้ว” 

“หมายความว่ายังไงไม่ถือเรื่องนี้?” เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจเธอ

“วิวไม่ถือเรื่องมีเซ็กซ์ก่อนแต่งงานค่ะ ความจริงเราลองมีกันก่อนแต่งงานก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้รู้ว่าเซ็กซ์เราเข้ากันได้หรือเปล่า จะได้ไม่มีปัญหาในชีวิตคู่ทีหลัง” วาดฟ้าพูดจบก็ยิ้มจนตาเป็นสระอี

ในขณะที่ภาวัฒน์ต้องมานั่งคิดวิเคราะห์แยกแยะทีละประโยคของหญิงสาว ไอ้ประโยคแรกเขาก็พอเข้าใจได้อยู่หรอก แต่ไอ้ประโยคหลังๆ อย่าง ลองมีเซ็กซ์ก่อนแต่งงาน? ดูว่าเซ็กซ์เข้ากันได้หรือเปล่า จะได้ไม่มีปัญหาในชีวิตคู่ทีหลัง? ทั้งหมดนี้มันคืออะไรกัน!

“ไปไกลแล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาพูดล้อเล่นนะ”

“แล้วใครว่าวิวล้อเล่นล่ะคะ วิวพูดจริง พี่ภีมได้วิวเป็นเมียแล้ว จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจยังไงพี่ภีมก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี แต่งงานกับวิวนะคะ” 

“ฮะ!”

“พี่ภีมฟังไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ง-งาน” วาดฟ้าเน้นคำว่าแต่งงานชัดเจน ก่อนจะหัวเราะร่าดั่งผู้ชนะ ทว่าใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เพิ่งถูกเธอขอแต่งงานกลับซีดเผือด 

“ไม่! พี่ไม่แต่ง”

“ต้องแต่งค่ะ วิวมีทางเลือกให้พี่ภีมสองทาง จะให้อาเจนมาเจรจาสู่ขอวิวดีๆ หรือจะให้วิวเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ”

“วิว กล้าดียังไงมาขู่พี่ฮึ!” ภาวัฒน์เริ่มโมโหที่ถูกยายจอมแสบบีบคั้น 

“วิวไม่ได้ขู่นะคะวิวทำจริง สมน้ำหน้า ใครใช้ให้พี่ภีมใจร้ายใส่วิวมาตั้งหลายปีล่ะ สุดท้ายก็ตายน้ำตื้นเอง เขาถึงเรียกว่ากรรมตามสนองไง”

“เงียบไปเลย!” ชายหนุ่มขว้างหมอนใบใหญ่ใส่ยายจอมแสบที่ลอยหน้าลอยตาทำท่าล้อเลียน

“ใครใช้ให้มารักล่ะ รักเองก็เลิกเองสิ จะมาทำให้คนอื่นเขาลำบากใจทำไม” เขาสาดถ้อยคำเผ็ดร้อนรุนแรงใส่น้องสาวนอกไส้ ที่ริอ่านมารักคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายอย่างเขา

วูบหนึ่งที่ภาวัฒน์เหมือนจะเห็นความเศร้าอยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้นก็ชวนให้รู้สึกผิด แต่แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวมันก็เลือนหายไปกลายเป็นแววตาเจ้าเล่ห์ซุกซนเหมือนลูกแมวดังเดิม

“พี่ภีมจะพูดยังไงก็ช่าง วิวไม่สนหรอกค่ะ พี่ภีมทำลงไปแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ภีมต้องรับผิดชอบวิว”

วาดฟ้ายกยิ้มมุมปากน้อยๆ คว้าเสื้อคลุมอาบน้ำที่แขวนอยู่ใกล้ๆ มาสวม ยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มซ้ายของชายหนุ่มตอนเผลอ

“ทำบ้าอะไรเนี่ยวิว” เขาใช้มือเช็ดแก้มซ้ายของตัวเองแรงๆ

“ก็มอร์นิงคิสไงคะ ไปอาบน้ำละ ถ้าคิดถึงจนทนไม่ไหวจะเข้ามาอาบด้วยกันก็ได้นะ”

“อย่ามาหื่น”

“ขอบคุณที่ชมค่า” เธอลากเสียงหวาน กำลังจะก้าวขาลงจากเตียงเพื่อเดินไปยังห้องน้ำ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกในช่วงเวลาไม่เหมาะไม่ควรเสียแล้ว 

ภาวัฒน์ตกใจแทบช็อก เมื่อคนที่เปิดประตูมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมารดาผู้ถือคีย์การ์ดอีกชุด สำหรับผ่านเข้าคอนโด ของเขาในกรณีฉุกเฉิน

“คุณแม่/อาเจน!” สองหนุ่มสาวสบถออกมาพร้อมกัน

“นี่มันอะไรกันน่ะ อย่าบอกนะว่าตาภีมกับวิว...”

คุณเจนเนตรอยากจะเป็นลมเสียให้ได้ ไม่ต้องถามให้เสียเวลาเลยก็รับรู้ได้ในทันที เมื่อสภาพของลูกชายคนเดียว กับลูกสาวบุญธรรมของพี่ชายซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเธอด้วยมันฟ้องให้เห็นอยู่ทนโท่แล้ว

 

กระเป๋าหนังสีดำราคาแพงถูกเหวี่ยงลงบนโต๊ะกลางห้องรับแขก สตรีวัยห้าสิบสี่ปีผู้ยังคงความสง่างามเพราะไม่ยอมแก่ไปตามวัย ยืนกอดอกจ้องมองลูกชายและหลานสาวบุญธรรมซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันด้วยสายตาดุดันระคนสับสน

“เล่ามาให้หมดเลยนะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง เราสองคนคบกันมานานแค่ไหนทำไมแม่ไม่เห็นรู้เรื่อง”

ภาวัฒน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิ้วเข้มกระตุกเข้าหากัน เงยหน้าขึ้นตอบเพื่อไขข้อข้องใจให้มารดาบังเกิดเกล้า

“ผมกับวิวไม่เคยคบกันครับคุณแม่”

“ไม่เคยคบกัน แต่มีอะไรกันเนี่ยนะ!” คุณเจนเนตรตะโกนเสียงดัง คำตอบของลูกชายมันช่างเซอร์ไพรส์หัวใจคนรุ่นเธอเหลือเกิน เด็กสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด ไม่ได้คบกัน ไม่ได้แต่งงานกัน แต่ก็สามารถมีอะไรกันเป็นเรื่องปกติ

“ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น” ชายหนุ่มบอกชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะหันไปมองยายจอมแสบข้างกาย 

“เงียบทำไมล่ะ บอกคุณแม่พี่ไปสิว่าเราไม่ได้ตั้งใจ”

วาดฟ้ายังคงก้มหน้าคอตก ขบริมฝีปากเบาๆ มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแน่น ดวงตาที่เคยร่าเริงสดใสวูบหนึ่งเกิดประกายเคร่งเครียดบางอย่าง แล้วสักพักก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม

“ใช่ค่ะอาเจน เมื่อคืนพ่อให้วิวแวะเอากับข้าวที่ร้านมาให้พี่ภีม พอดีว่าตอนนั้นมีพวกเพื่อนๆ ของพี่ภีมกำลังนั่งดื่มสังสรรค์กันอยู่ พวกพี่เขาชวนให้วิวอยู่ดื่มด้วย วิวผิดเองค่ะที่ดื่มเยอะจนเกินลิมิตของตัวเอง เมื่อคืนวิวเมามาก พี่ภีมเองก็เมามากเหมือนกัน พอพวกเพื่อนๆของพี่ภีมกลับไป เราก็...อย่างที่อาเจนเห็นนี่ละค่ะ มันเกิดขึ้นเพราะความเมา พี่ภีมกับวิวไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น”

หญิงสาวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผู้เป็นอาของเธอฟัง ใบหน้าท่าทางและน้ำเสียงเรียบนิ่งเป็นปกติ ต่างกับภาวัฒน์ที่ตอนนี้กำลังตื่นตระหนก คิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนซ้ำไปซ้ำมา

‘ทำไมยายจอมแสบเป็นคนเดียวที่จำเหตุการณ์ได้ ในขณะที่เราจำอะไรไม่ได้เลยนะ’

เขาถามตัวเองในใจ จะว่าไปแล้วเวลาดื่มเขาก็เมาจนภาพตัดบ่อย แต่ถ้าเมาขนาดนั้นเขาจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำเรื่องอย่างว่ากับยายจอมแสบได้เล่า

“เฮ้อ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว อาคงปล่อยผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ วิวเป็นผู้หญิงยังไงก็เสียหายมากกว่า” 

คุณเจนเนตรเดินเข้าไปแตะบ่าของหลานสาวบุญธรรมเบาๆ แม้จะโกรธอยู่บ้างที่เด็กสองคนใช้ชีวิตประมาทจนพลาดพลั้ง แต่อย่างไรเสียเธอก็รักและเอ็นดูวาดฟ้าไม่ต่างจากหลานแท้ๆ ของเธอเอง เพราะฉะนั้นลูกชายของเธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้

“อาจะให้ตาภีมแต่งงานกับวิว”

คำประกาศิตเด็ดขาดของมารดาทำให้ภาวัฒน์ถึงกับสะดุ้ง รีบประท้วงเรียกร้องหาความเป็นธรรมในเรื่องนี้ทันที 

“ไม่ได้นะครับคุณแม่ ผมกับวิวไม่ได้รักกันน่ะ จะให้มาแต่งงานร่วมชีวิตกันได้ยังไง”

“แต่ว่าวิวรักพี่ภีมนะคะ” ยายจอมแสบแย้งเสียงแผ่วพลางส่งมอบรอยยิ้มละมุนมาให้ คิดว่าเขาดูไม่ออกหรืออย่างไรว่ารอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าไร้เดียงสานั่นซ่อนความเจ้าเล่ห์แสนกลไว้สารพัด

“เอาละๆ” คุณเจนเนตรบีบนวดขมับเบาๆ เริ่มปวดศีรษะจากเรื่องราวความรักอีนุงตุงนังที่ตนไม่เคยรู้มาก่อน

“ตาภีม เราเป็นผู้ชายนะ กล้าทำก็กล้ารับหน่อยสิ”

“แต่ผมก็เสียหายเหมือนกันนะครับคุณแม่!”

“ถ้าเราคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียหาย งั้นแม่ให้วิวรับผิดชอบก็ได้” สตรีวัยกลางคนเจนเนตรเสนอทางเลือก 

“รับผิดชอบยังไงครับ” ภาวัฒน์เลิกคิ้วถาม

“ให้วิวรับเราเป็นสามีไง”

คำตอบของมารดาทำเอาชายหนุ่มอยากวิ่งไปกระโดดระเบียงคอนโด ตายให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ว่าทางไหนเขาก็มีแต่เสียกับเสีย 

“โธ่ แม่ครับ” เขาโอดครวญ แต่ดูท่าว่ามารดาจะไม่เห็นใจเขาเลยสักนิด 

“แม่รู้ว่านิสัยเราเป็นยังไงตาภีม เราจะบอกว่าน้องเป็นฝ่ายปล้ำเราตอนเมาโดยที่เราไม่สมยอมเหรอ”

ใช่ มันควรจะเป็นแบบนั้น เพราะภาวัฒน์ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ตื่นมาเขาก็เจอยายจอมแสบนอนอยู่ข้างๆ พร้อมหลักฐานมัดตัวชนิดดิ้นไม่หลุดเสียแล้ว 

“เอาเถอะแม่ตัดสินเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ คงต้องให้ลุงจักรกับป้าไพมาช่วยตัดสินอีกคน”

คุณเจนเนตรเอ่ย ก่อนหน้าที่จะเรียกหนุ่มสาวออกมาคุย เธอได้โทร. รายงานพี่ชายกับพี่สะใภ้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะวาดฟ้านั้นมีศักดิ์เป็นลูกสาวบุญธรรมของทั้งสอง ดังนั้นจึงต้องให้มาร่วมช่วยกันตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป

เสียงกริ่งรัวหน้าประตูดังขึ้น ดวงพร เมดสาวใช้ประจำคอนโด ของภาวัฒน์เป็นคนเดินไปเปิดประตูให้ตามคำสั่งของเจ้านาย

“ไอ้ภีม ไอ้หลานเวร! แกทำอะไรลูกฉันวะหา!” 

‘จักร ’ ชายวัยหกสิบรูปร่างผอมสูงแถมไว้หนวดเฟิ้มตะคอกถามเสียงดัง หลังจากเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ดวงตาดุกร้าวตวัดไปทางหลานชายตัวดี

“อ้าว คุณลุงจะมาว่าผมฝ่ายเดียวได้ยังไง ก็เห็นๆ อยู่ว่ายายวิวก็มีส่วนในเรื่องนี้เหมือนกัน” 

ภาวัฒน์บุ้ยปากไปทางยายจอมแสบ ซึ่งได้แต่นั่งยิ้มแหยๆ หลบหน้าหลบตาผู้ใหญ่ทุกคนอยู่ข้างหลังเขา

“มีส่วนยังไงฮึไอ้ภีม แกนั่นแหละขืนใจลูกสาวฉันใช่ไหม!”

“ใจเย็นๆ สิตาเฒ่า ฟังเด็กๆ มันเล่าก่อน เรายังไม่รู้เลยว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไง”

ประไพปลอบโยนคนเป็นสามีที่พอเริ่มชราลงก็กลายเป็นตาเฒ่าจอมโวยวาย เธอต้องคอยปรามแบบนี้อยู่เสมอ

“ไหนบอกพ่อมาซิวิว เมื่อคืนพ่อให้ลูกแวะเอากับข้าวมาให้ไอ้เจ้าภีมไม่ใช่หรือ แล้วมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน” 

จักรเอ่ยถามลูกสาวขณะหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม เมื่อคืนเขากับภรรยาเข้านอนแต่หัวค่ำ ไม่รู้เลยว่าลูกสาวไม่ได้กลับมาที่บ้าน มารู้อีกทีก็จากปากน้องสาวเขาแล้ว

“ค่ะ”

วาดฟ้าสูดลมหายใจเข้าปอด ยืดตัวนั่งหลังตรงเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองมีความกล้ามากพอ ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้คนเป็นบิดาและมารดาได้ฟังอีกครั้ง

“ว่าแล้วเชียว!” ชายชราจักรตบเข่าฉาด 

“เพราะกินเหล้าจนเมาทั้งคู่เลยได้เสียกันแบบนี้ ทำไมทำอะไรไม่คิดให้มันรอบคอบก่อนนะวิว พ่อบอกกี่ครั้งแล้วไอ้เรื่องกินเหล้าเนี่ยอย่าให้มันเกินขอบเขตของตัวเอง”

“วิวขอโทษพ่อกับแม่นะคะ วิวประมาทเอง” หญิงสาวยกมือกระพุ่มไหว้บุพการีทั้งสอง ใบหน้าสวยหวานเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“แต่พี่จักรกับพี่ไพไม่ต้องกังวลไป ฉันจะให้ตาภีมรับผิดชอบวิว” คุณเจนเนตรบอกกับพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่ดูท่าว่าพี่ชายกับลูกชายของเธอจะยังไม่เห็นดีด้วย

“เฮ้อ วิวเอ๊ย ความประมาทของลูกแท้ๆ เลยได้คนอย่างไอ้ภีมมาทำผัว”

ถ้อยคำตัดพ้อของผู้มีศักดิ์เป็นลุงทำให้ภาวัฒน์รู้สึกเดือดดาล นี่เขาเป็นหลานแท้ๆ ของลุงหรือเปล่า เหตุไฉนความรักความเมตตาจึงเผื่อแผ่ไปให้ยายจอมแสบเพียงคนเดียว

‘เฮอะ! ก็คนอย่างผมนี่แหละคุณลุงที่ยายวิวอยากได้เป็นสามี ไม่งั้นคงไม่แอบรักแอบชอบมาตั้งแต่อายุสิบแปดหรอก’

ชายหนุ่มค้านอยู่ในใจ แต่กลับไม่โต้เถียงออกไป เพราะจุดประสงค์ของเขาคือการที่ไม่ต้องแต่งงานกับยายจอมแสบ ยิ่งถ้าคุณลุงไม่เห็นดีด้วย จะยิ่งทำให้การแต่งงานเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

“แล้วแกจะเอายังไงล่ะตาเฒ่า เด็กมันได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วนะ”

ประไพกระซิบถามสามี จริงๆ แล้วเธอก็ไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก ภาวัฒน์และวาดฟ้าต่างกันมาก ทั้งในเรื่องของอายุ สังคม หน้าที่การงาน ภาวัฒน์อายุสามสิบปี มีหน้าที่การงานเป็นถึงรองประธานบริษัท อยู่ในแวดวงสังคมคนดัง เหล่าไฮโซเซเลบ ส่วนวาดฟ้าอายุเพียงยี่สิบสามปี เพิ่งจะเรียนจบหมาดๆ สังคมการใช้ชีวิตก็สุดแสนธรรมดา แม้ไม่ได้ยากจนขัดสนใดๆ เธอไม่ได้คิดว่าลูกสาวไม่คู่ควรกับชายหนุ่มผู้ดูเพียบพร้อม แต่เธอกลัวว่าหากต้องแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ลูกสาวอาจทนรับแรงกดดันจากความต่างนี้ไม่ไหว

“คงต้องเป็นไปตามนั้นแหละ ยังไงยายวิวก็เสียหายทั้งขึ้นทั้งร่อง” จักรถอนหายใจอีกครั้งพลางหันไปมองหน้าหลานชายตัวดี 

“ไอ้เจ้าภีม แกต้องรับผิดชอบลูกฉัน!”

“อะไรนะ!” ภาวัฒน์ร้องอุทานเสียงหลง ผิดคาด...ผิดคาดไปหมด ทำไมตอนนี้กลายเป็นว่าคุณลุงเห็นด้วยล่ะ นี่เขาจะต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นสามีของยายจอมแสบทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องแบบนั้นไปจริงๆ น่ะเหรอ?

“ไม่ต้องเลยนะตาภีม เป็นลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ” คุณเจนเนตรกล่าวเสียงเข้มใส่คนเป็นลูกชาย ที่สุดท้ายดูเหมือนจะยอมจำนนในที่สุด

“ก็ได้ครับคุณแม่ ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้” ภาวัฒน์ยิ้มอ่อนแรง แววตาที่เคยอ่อนล้าแข็งกล้าขึ้นในบัดนั้น สมองอันชาญฉลาดผุดแผนการบางอย่างได้ทันท่วงที

“แต่ผมมีข้อแม้ เพราะสำหรับผมแล้วการแต่งงานร่วมชีวิตกันมันถือเป็นเรื่องสำคัญ ถึงผมกับวิวจะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเราไม่เคยเรียนรู้กันในสถานะคนรัก ฉะนั้นผมขอเวลาสามเดือนให้เราลองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันดู ถ้ามันโอเคผมจะจัดงานแต่งงานทันที”

“แล้วถ้าแกไม่โอเค ลูกสาวฉันก็เสียหายหนักน่ะสิ มาอยู่กินกับแกตั้งสามเดือน” ชายชราจักรสั่นศีรษะไม่เห็นด้วย ไม่ว่าทางไหนลูกสาวเขาก็ดูเสียเปรียบทั้งสิ้น

“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ วิวเห็นด้วยกับพี่ภีม วิวกับพี่ภีมไม่เคยอยู่ร่วมกันในสถานะคนรัก ขืนแต่งงานกันไปแล้วเข้ากันไม่ได้คงต้องหย่าร้างเปล่าๆ วิวตกลงจะลองอยู่กับพี่ภีมเป็นเวลาสามเดือนก่อน ถ้าเราเข้ากันได้ค่อยแต่งงานค่ะ”

เมื่อเด็กทั้งสองตัดสินใจหนักแน่นแบบนั้น ผู้ใหญ่ที่เหลือจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับและให้โอกาส หากอนาคตจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที

 

วันอาทิตย์เป็นวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ของภาวัฒน์ เขาไม่ต้องเข้าบริษัท จึงได้นัดแนะเพื่อนสนิทที่สุดในกลุ่มอย่าง ‘ชนาเทพ’ ออกมานั่งพูดคุยปรับทุกข์กันที่ร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่งบนห้างสรรพสินค้า 

“สรุปคือเมื่อคืนหลังจากที่พวกเรากลับไป แกมีวันไนต์สแตนด์กับน้องวิวเหรอวะ” ชนาเทพเปิดปากถาม หลังจากฟังเพื่อนสนิทเล่าวกไปวนมาจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์

“ฉันไม่รู้ บอกแล้วไงว่าเมื่อคืนฉันเมาจำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าดูจากสภาพเมื่อเช้าคงใช่แหละมั้ง” ภาวัฒน์ถอนหายใจ ยกแขนข้างหนึ่งพาดบนพนักเก้าอี้ ขณะทอดสายตาอันแสนเคร่งเครียดเหม่อมองทิวทัศน์ด้านนอก 

“แกว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงวะไอ้คิง ฉันมีอะไรกับวิวทั้งที่ตัวเองเมาขนาดนั้น แถมตื่นมายังจำไม่ได้อีกเนี่ยนะ” 

“อืม...ฉันว่ามีความเป็นไปได้สูง เวลาแกเมาหนักๆ แกจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่เรี่ยวแรงแกไม่ได้หายไปไหนนี่ จำไม่ได้เหรอว่าตอนสมัยเรียนแกเมาแล้วนัดผู้หญิงในผับไปต่อกันที่คอนโด ของแก แต่พอตื่นเช้ามาแกกลับจำอะไรไม่ได้เลย”

“เออว่ะ จริงด้วย” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ ถึงกระนั้นทฤษฎีของเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ช่วยให้เขาวิตกกังวลน้อยลงเลย

“แกอาจมีอะไรกับน้องวิวจริงๆ โดยที่แกจำไม่ได้ก็ได้ ถ้าหลักฐานมันชัดเจนขนาดนั้นแกก็ยอมรับผิดเถอะ” ชนาเทพว่าพลางยกถ้วยกาแฟเอสเปรสโซร้อนขึ้นจิบ และกัดขนมครัวซองต์ตามคำโต

“นี่ฉันต้องมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วจริงเหรอวะเนี่ย” ภาวัฒน์เอ่ยปรารภกับตัวเอง ไม่มีแก่ใจจะดื่มกาแฟ จึงปล่อยให้มันเย็นชืด ก่อนจะเลื่อนจานขนมครัวซองต์ของตัวเองให้เพื่อนสนิทเขมือบต่อ

“ทำไม ฉันว่าดีออก แกลงจากคานคนแรกของกลุ่มเลยนะ”

กลุ่มเพื่อนของภาวัฒน์มีสมาชิกทั้งหมดห้าคน กอดคอกันเรียนมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย กระทั่งบัดนี้มิตรภาพก็ยังแน่นแฟ้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อนแต่ละคนของเขาอยู่ในสายอาชีพที่แตกต่างกันออกไป คนหนึ่งเป็นศัลยแพทย์ สองคนเป็นวิศวกรกับสถาปนิก ชนาเทพสร้างบริษัทเล็กๆ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง คงมีแต่ภาวัฒน์เท่านั้นที่ต้องทำงานสืบทอดกิจการบริษัทของครอบครัว 

ถึงอาชีพการงานจะแตกต่างกัน แต่สิ่งเดียวที่มีเหมือนกันคือสถานะโสด!

แล้วมันเท่ตรงไหน หากเขาต้องพ้นจากสถานะโสดคนแรกของกลุ่มทั้งที่ใจยังรักอิสระ แถมผู้หญิงที่ต้องแต่งงานด้วยยังเป็นยายวาดฟ้าจอมแสบอีก

“แต่ฉันไม่เคยรักวิวแบบคนรัก ฉันรักวิวแบบน้องสาว เห็นกันมาตั้งแต่เด็กอะ ถ้าฉันจะแต่งงานกับใครสักคนก็ต้องเป็นคนที่ฉันรู้สึกมากกว่านั้นสิวะ”

“แต่สิ่งที่แกทำเมื่อคืนมันมากกว่าน้องสาวไงไอ้ภีม”

“...”  

เงียบ ภาวัฒน์เถียงไม่ออก

“ถึงแกจะเมาหรือไม่ได้เมาแกก็ทำไปแล้ว ครอบครัวของแกรักน้องวิวมากขนาดไหนแกรู้ดี เขาไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ หรอก เพราะฉะนั้นแกจึงต้องทำสิ่งที่ผู้ใหญ่อยากได้จากแกนั่นก็คือรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน”

ชนาเทพเอื้อมมือไปตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนสนิท หลังจากกล่าวจบด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานประหนึ่งผู้บริหารคุยกับลูกน้องในบริษัทของตัวเอง สีหน้าเพื่อนสนิทไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมเท่าใดนัก แต่ก็ดูยอมรับความจริงและปลงตกได้มากขึ้น

“อืม ยังไงฉันก็คงไม่มีทางเลือกอยู่แล้วสินะ”  

“เอาน่า ลองให้โอกาสน้องวิวดูสักครั้ง แกมีเวลาตั้งสามเดือนเชียวนะเว้ย ไม่แน่ว่าในระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แกอาจรู้ห้วใจตัวเองว่ารักน้องวิวมากกว่าน้องสาวก็ได้”

ภาวัฒน์ครางหึในลำคอ สั่นศีรษะแรงๆ เป็นเชิงปฏิเสธเด็ดขาด

“ไม่มีทางเสียหรอก ฉันคิดกับวิวแค่น้องสาวยังไง ฉันก็คิดเหมือนเดิมอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางคิดเป็นอื่นแน่นอน”

“แกมาพนันกับฉันไหมล่ะ” ชนาเทพเอ่ยอย่างนึกสนุก 

“ถ้าภายในสามเดือนนี้แกเกิดตกหลุมรักน้องวิวขึ้นมา แกต้องซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับชั้นเฟิสต์คลาสให้ฉันไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ถ้าไม่ ฉันจะเป็นฝ่ายซื้อตั๋วเครื่องบินให้แกเอง ตกลงไหม”

“ได้ ตกลง ฉันกำลังอยากไปเที่ยวฮอกไกโดอยู่พอดี งั้นฉันกลับไปจัดกระเป๋าล่วงหน้าเลยแล้วกันนะ” ภาวัฒน์กระตุกยิ้มมุมปาก ท่าทีเคร่งเครียดแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นตั้งใจในเสี้ยววินาที

แม้เดิมพันครั้งนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนักหนา แต่เขาก็พร้อมกระโจนลงไปเล่น เพื่อพิสูจน์ให้เพื่อนสนิทและทุกๆ คนเห็นว่าเขาจะไม่มีวันคิดกับยายจอมแสบมากกว่าน้องสาว

เอาเถอะ ได้ตั๋วเครื่องบินระดับเฟิสต์คลาสไปเที่ยวญี่ปุ่นฟรีๆ มีใครในโลกบ้างที่ไม่อยากได้ของฟรี แถมความสะใจที่ชนะเดิมพันอีกมาเต็มกระเป๋า

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น