10
ปิดตำนานรักฉบับเฟรนด์โซน
หากมองภายนอก ภาวัฒน์ อนันต์ธาดา คือผู้ชายสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฐานะทางสังคม ทว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบเลยสักนิด โดยเฉพาะกับเรื่องของ ‘ความรัก’
ใครจะรู้ว่าผู้ชายอย่างเขาตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบเฟรนด์โซนมานานถึงเก้าปี
ภาวัฒน์ยังจดจำได้ดี สมัย ม. 6 ที่เขายังอยู่โรงเรียนชายล้วน เขาออกมากินไอศกรีมกับเพื่อนหน้าโรงเรียน เป็นเหตุให้เจอกับณัฐชา หญิงสาวผมเปียจากโรงเรียนคอนแวนต์ข้างๆ ดวงตาเธอหวานซึ้งและมีรอยยิ้มงดงามกว่าใครๆ ในบรรดากลุ่มเพื่อนของเธอ
เขาตกหลุมรักเธอในทันที เดินหน้าจีบเธอ ทั้งเข้าไปทำความรู้จัก ขอเบอร์โทรศัพท์ โทร. หาเธอก่อนนอนทุกคืน ไปเรียนพิเศษที่เดียวกับเธอ ชวนเธอไปเที่ยว คอยอยู่เป็นเพื่อนในทุกช่วงเวลา
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ณัฐชาไม่มีท่าทีว่าจะรับรักเขา เธอให้เหตุผลว่าเธอมีรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่แอบชอบอยู่แล้ว และเห็นเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ คนหนึ่งเท่านั้น
จำได้ว่าตอนนั้นเขาเสียใจมาก ถึงขนาดนอนซมเป็นไข้อยู่หลายวัน ยายจอมแสบยังเอาโจ๊กมาเยี่ยมเขาอยู่เลย
ถ้าถามว่าเรื่องเป็นยังไงต่อ เขาคงจะเข็ดหลาบและถอยห่างจากณัฐชาใช่หรือไม่
ไม่เลย...ภาวัฒน์ไม่ได้ทำแบบนั้น เขายังคงอยู่เป็นเพื่อนที่ดีของเธอต่อไปตามที่เธอต้องการ หากเธอมีปัญหาอะไร เขาจะคอยอยู่เคียงข้างช่วยเหลือเธอเสมอ
จนกระทั่งเข้าสู่มหาวิทยาลัย โลกของชายหนุ่มเปิดกว้างขึ้น เขาได้คบผู้หญิงคนอื่นบ้าง มีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย แต่ใจเขาก็ยังรักณัฐชาไม่เสื่อมคลาย ในขณะเดียวกันณัฐชาเองก็มีแฟน และมีเขาไว้ในฐานะเพื่อนที่ปรึกษาเหมือนเดิม
ไทม์ไลน์ความสัมพันธ์ดำเนินมาถึงวัยทำงาน ภาวัฒน์และณัฐชาในวัยยี่สิบเจ็ดปีต่างคนต่างไม่มีใครแล้ว ความเหงาในค่ำคืนหนึ่งทำให้ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน
เขาข้ามสเตปโดยการขอเธอแต่งงานหลังจากคืนนั้น เธอก็ปฏิเสธและให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อม เธอไม่สามารถให้เขาเป็นได้มากกว่าเพื่อนจริงๆ
นั่นเองคงมาถึงจุดที่ชายหนุ่มเริ่มปลง จากความรู้สึกโหยหาความรักจากหญิงสาว แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกด้านชา เขายังคงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอเรื่อยมาเมื่อมีโอกาส ต่างคนต่างเติมเต็มความต้องการให้กัน ไม่ผูกมัด ไม่มีพันธะ และที่สำคัญคือไม่เอาใจลงไปเล่น อีกฝ่ายจะไปเมื่อไหร่ก็ได้หากมีคนที่พร้อมจริงจัง กฎพวกนี้เธอเป็นคนบอกเขาเอง
แล้วเหตุไฉนเธอจึงมีท่าทียอมรับไม่ได้เมื่อวันนี้มาถึง วันที่เขาบอกเธอว่าเขาจำเป็นต้องยุติความสัมพันธ์แบบนี้ลง เพราะเขามีคนที่กำลังจะแต่งงานด้วย
“ภีมจะเอาแบบนี้จริงๆ เหรอ”
หญิงสาวในชุดแบรนด์เนมรัดรูปสีดำเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำและน้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินอาบแก้ม
“ใช่ เพราะเรากำลังจะแต่งงานในอีกสามเดือนข้างหน้า”
ภาวัฒน์ย้ำประโยคเดิม แอบเติมคำว่า ‘อาจ’ ในใจ
“ภีมจะแต่งงานกับใคร”
“กับวิว”
“แนทไม่เชื่อหรอก ภีมเคยบอกว่าไม่ได้รักเด็กคนนั้น”
ณัฐชารู้ว่าวาดฟ้าเป็นน้องสาวบุญธรรมที่หลงรักภาวัฒน์มานาน แต่ภาวัฒน์ไม่เคยสนใจไยดี แถมพยายามหลบเลี่ยงไม่อยากพบปะพูดคุย
“เราไม่เคยบอกว่าไม่รักวิว เราบอกว่าเรารักวิวแบบน้องสาวต่างหาก” เสียงเข้มตอบชัดถ้อยชัดคำ
“นั่นแหละ แล้วภีมจะไปแต่งงานกับคนที่ตัวเองมองเป็นน้องสาวมาตลอดได้ยังไง”
ณัฐชาจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้ซึ่งหลงรักเธอหมดหัวใจมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ใบหน้าหล่อเหลานั่นเฉยเมยนิ่งสนิท จนเธอไม่อยากเชื่อว่าเขาไม่เหลือเยื่อใยให้กันสักนิด
“จะได้หรือไม่ได้ ตอนนี้วิวก็ย้ายมาอยู่กับเราที่คอนโดแล้ว อีกสามเดือนข้างหน้าก็กำลังจะแต่งงาน”
ภาวัฒน์ถอนหายใจ ย้ำประโยคเดิมเป็นรอบที่สาม
“เราพอกันแค่นี้เถอะ แนทเคยบอกเราเองว่าถ้าแนทเจอคนที่ใช่ แนทก็จะไป ห้ามเรารั้งแนทเด็ดขาด และถ้าเราเจอคนที่ใช่ เราก็ไป แนทจะไม่รั้งเราเหมือนกัน”
“ใช่ แนทเคยพูดแบบนั้น แต่...”
“อย่าลืมว่าเรารักแนทข้างเดียวมาตั้งเก้าปีเลยนะ”
คนเคยตกอยู่ในเฟรนด์โซนกล่าวถึงความเจ็บปวดในอดีต สิบสองปีเต็มที่รู้จักกัน เก้าปีที่แอบรัก สามปีที่ปลงใจตกลงมีความสัมพันธ์ฉัน friend with benefits กับเธอ โดยไม่เหลือเศษเสี้ยวความรักในหัวใจอีกแล้ว
“กว่าเราจะทำใจได้มันยากแค่ไหน ตอนนี้เรามีคนที่รักเรา พร้อมใช้ชีวิตอยู่กับเรา เราไม่อยากยืดเยื้ออยู่กับแนทอีกแล้ว ปล่อยเราไปเถอะ”
“อื้มได้” ณัฐชาพูดเสียงคัดจมูก หยิบทิชชูเนื้อดีในกระเป๋าออกมาซับน้ำตา
“ถ้าภีมต้องการแบบนั้น เราไม่ต้องติดต่อกันอีก ขอให้โชคดีกับสิ่งที่เลือกแล้วกัน”
ใบหน้าสวยเฉี่ยวเชิดขึ้น ร่างเพรียวระหงคว้ากระเป๋าแบรนด์หรูมาสะพายคล้องไหล่ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวเดินฉับๆ ออกไปจากร้านอาหาร เธอไม่จำเป็นต้องง้อผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนที่เป็นฝ่ายวิ่งตามเธอตลอดอย่างเขาไม่มีค่ามากพอสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย
เช้ามืดของวันเสาร์ แทนที่วาดฟ้าจะได้ซุกตัวนอนใต้ผ้าห่มอุ่นๆ บนเตียงนุ่ม กลับต้องฝืนลืมตาตื่นขึ้นมารับผิดชอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ในฐานะทายาทผู้ประกอบการร้านอาหารชื่อดัง และกำลังอยู่ในช่วงทดลองดูแลกิจการร้านด้วยตัวเอง
หญิงสาวยกมือปิดปากหาวหวอดๆ เดินออกมาจากห้องนอนในชุดคลุมนอนแบบกิมิโน ร่างเล็กเดินไปตามทางเดินสลัวๆ จากโคมไฟสีส้มทอดยาวจดห้องรับแขกกว้าง
ตั้งใจจะมาชงชาดื่มสักถ้วย แต่แล้วสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่นอนอยู่บนโซฟา เสื้อเชิ้ตเขายับยู่ยี่ ชายหลุดออกมานอกกางเกงสแล็ก เนกไท และสูทราคาแพงกองแหมะอยู่บนพื้นพรม
“พี่ภีม” วาดฟ้าปราดเข้าไปหาชายหนุ่มทันที เขย่าตัวพร้อมส่งเสียงเรียกปลุกเขาให้ตื่น
“พี่ภีมคะ ตื่นได้แล้วค่ะ ทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้...”
ฝ่ามือเรียวบางวางทาบบริเวณหน้าผากและลำคอของคนนอนหลับ ก่อนจะรีบชักมือออกเพราะไอความร้อนผะผ่าวที่ส่งออกมาจากร่างกายของเขา
“ตัวร้อนจี๋เลยดูสิ” เธอพึมพำออกมาด้วยความเป็นห่วง
ไม่รอช้า วาดฟ้ารีบวิ่งกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง หาผ้าขนหนูสะอาดผืนเล็กๆ ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานกับกะละมังใบเล็กใส่น้ำนำมาเช็ดตัวให้เขา
“ฮืม...”
ภาวัฒน์ส่งเสียงครางเบาๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เย็นและเปียกชื้นสัมผัสบนใบหน้าเรื่อยมาจนกระทั่งถึงลำคอของตน
“เช็ดตัวหน่อยนะคะ พี่ภีมไข้ขึ้น”
“วิวเหรอ” เขาจำเสียงยายจอมแสบได้แม้ไม่ลืมตามอง
“ค่ะ วิวเอง ขอถอดเสื้อพี่ภีมก่อนนะ”
“หืม?”
ยังไม่ทันตอบรับ กระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาก็ถูกปลดออกอย่างรวดเร็วเสียแล้ว เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่รู้สึกตื่นเต้นตอนมือของเธอกำลังเลิกสาบเสื้อเขาออก...ตอนที่ผ้าขนหนูในมือเธอเลื่อนมาแตะบริเวณอกข้างซ้าย...
หมับ!
ภาวัฒน์รีบฉวยข้อมือเล็กเอาไว้ เพราะกลัวว่าเธอจะจับได้ว่าหัวใจเขากำลังเต้นแรง
“ทำอะไรคะ วิวจะเช็ดตัว” วาดฟ้าหลุบตามองข้อมือของตัวเองที่ถูกพันธนาการโดยอุ้งมือหนา
“ปละ...เปล่า” เขาอึกอักปฏิเสธ รีบปล่อยมือจากยายจอมแสบ
“พี่เอ่อ ทำเองดีกว่า” ชายหนุ่มพยายามชันกายลุกขึ้นนั่ง ทว่ารู้สึกอ่อนเพลียและปวดศีรษะมากเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้
“นอนนิ่งๆ เลย” วาดฟ้าออกคำสั่งพลางกดตัวว่าที่สามีลงบนโซฟาในลักษณะที่เธอแทบจะคร่อมเขาอยู่แล้ว
“วิว” ภาวัฒน์ทำได้เพียงเรียกชื่อน้องสาวนอกไส้เสียงแผ่ว สภาพเธอกับเขาตอนนี้มันช่างล่อแหลมนัก
เธออยู่ในชุดคลุมนอนกิโมโนตัวบางคอเว้าลึกเห็นไปถึงไหนต่อไหนจนเขาต้องเบนสายตาหนี ตัดภาพมาที่เขาในสภาพเปลือยท่อนบนเช่นนี้ ถ้าดวงพรออกมาเห็นคงเข้าใจว่าเขากับวาดฟ้ากำลังทำเรื่องอย่างว่าในห้องรับแขก!
“วิวเชื่อฟังพี่ภีมมาตั้งแต่เด็ก ถึงคราวพี่ภีมต้องเชื่อฟังวิวบ้าง เพราะฉะนั้นนอนนิ่งๆ ให้วิวเช็ดตัวจนกว่าไข้จะลด เข้าใจมั้ยคะ”
“อืม...”
คนป่วยพยักหน้าอย่างเสียมิได้ แอบค้านในใจว่ายายจอมแสบไม่ได้เชื่อฟังเขาสักหน่อย ดื้อด้านออกจะตาย บอกให้เลิกรัก บอกให้ตัดใจจากเขามานานหลายปี เธอก็ยังยืนกรานจะรักเขา
ตาคมจ้องมองเสี้ยวหน้าจิ้มลิ้ม แก้มป่องมีไรผมลอนที่มัดรวบหลวมๆ ไว้หล่นมาคลอเคลีย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าวาดฟ้าน่ามองทีเดียวแม้ไม่ได้แต่งหน้า เธอชุบผ้าขนหนูลงในกะละมังแล้วนำขึ้นมาบิดหมาดๆ อย่างคล่องแคล่ว จากนั้นนำมาเช็ดตัวให้เขาต่อ
“พี่ภีมนี่หุ่นดีจังเลยเนอะ เอาเวลาไหนไปเข้าฟิตเนส”
วาดฟ้าเอ่ยเสียงนุ่มนวลเจือหัวเราะน้อยๆ ขณะลากผ้าขนหนูมาถึงบริเวณหน้าท้องมัดกล้ามแน่น ดวงตากลมโตคู่สวยช้อนมองคนป่วย โดยหารู้ไม่ว่าอากัปกิริยาดังกล่าวทำลมหายใจอีกฝ่ายสะดุดพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้นกับ ภาวัฒน์ อนันต์ธาดา ผู้ปฏิญาณตนว่าจะไม่มีทางรักน้องสาวนอกไส้คนนี้ในแบบที่ผู้ชายรักผู้หญิงเด็ดขาด
กิจการร้านอาหารแถมมรดกอีกห้าสิบล้านน่ะ...เธออยากได้ ส่วนสามี...เธอก็อยากได้ และถ้ามาถึงจุดหนึ่งที่ต้องเลือก วาดฟ้าขอเลือกอย่างหลังก่อน เพราะอย่างแรกอย่างไรเสียต้องเป็นของเธออยู่วันยังค่ำ แต่อย่างหลังเธอมีเวลาจำกัดเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น!
“พี่ภีมไม่สบายหนักมากเลยค่ะพ่อ วิวขอลาดูแลพี่ภีมสักวันนะคะ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อนใส่สมาร์ตโฟนในมือ
“อืม พ่อว่าช่วงนี้วิวคงเหนื่อย พ่อให้ลาพักดูแลไอ้ภีมสักสองสามวันแล้วกัน ไม่ต้องห่วงร้านหรอก ยังมีพ่อกับแม่อยู่” คนเป็นบิดาตอบกลับมาอย่างใจเย็น
“โอเคค่ะพ่อ ขอบคุณนะคะ”
หลังจากวางสาย วาดฟ้าก็กลับมาให้ความสนใจหม้อน้ำซุปเดือดบนเตาไฟฟ้าต่อ ดวงพรช่วยเตรียมวัตถุดิบอยู่ข้างๆ เมื่อคืนเธอวางแผนจะทำคั่วกลิ้งกุ้งเป็นมื้อเช้า จึงต้องเปลี่ยนมาทำข้าวต้มกุ้งแทน
“พี่ดวงคะ วิวขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ค่ะคุณวิว” สาวใหญ่เงยหน้ามองว่าที่ภรรยาของเจ้านาย
“พี่ดวงเคยเห็น...พี่ภีมเขาพาแฟนมาที่คอนโดไหมคะ”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะคุณวิว”
วาดฟ้ายิ้มจืดเจื่อน สบสายตาแม่บ้านประจำคอนโด
“วิวก็แค่อยากรู้น่ะค่ะ”
“...”
“วิวกำลังสงสัยว่าพี่ภีมอกหัก”
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ บอกข้อสันนิษฐานออกมาตามตรง สภาพภาวัฒน์เมื่อเช้าฟ้องว่าเขาไม่ปกติ ตอนเช็ดตัวให้เขาเธอได้กลิ่นเหล้า เดาว่าเมื่อคืนเขาคงดื่มหนักขนาดกลับมานอนพับบนโซฟา ดวงตาของเขาอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง หลายสิ่งหลายอย่างประกอบเข้าด้วยกันคล้ายจะเป็นอาการอกหักร่วมด้วยอาการป่วยไข้
“ไม่หรอกค่า คุณภีมเธอไม่เคยมีแฟน มีแต่เพื่อนสนิทผู้หญิงที่ชื่อแนท นานๆจะมาคอนโดสักทีนึง”
“แนทเหรอ...”
ม้วนฟิล์มแห่งความทรงจำย้อนกลับไปในวันที่เธอเปิดไดอะรีของภาวัฒน์ รูปถ่ายของเขาคู่กับนักเรียนสาวคอนแวนต์ ใต้ภาพมีตัวอักษร P&N ซึ่งตัว N น่าจะมาจากแนทแน่ๆ
แสดงว่าผู้หญิงที่ชื่อแนทเป็นเพื่อนสนิทของพี่ภีมจริงดิ...
“ไม่น่าใช่มั้ง” เสียงหวานพึมพำเบาๆ
“คะ...คุณวิวว่าอะไรนะ” ดวงพรได้ยินไม่ถนัด
“เปล่าค่ะ ช่างมันเถอะ วิวคงคิดมากไปเอง”
วาดฟ้าตอบปัดไปพลางสั่นศีรษะ ทางเดียวที่เธอจะรู้ได้คือถามเอาจากเจ้าตัวตรงๆ ไม่ว่าเธอจะได้คำตอบหรือไม่ ลองเสี่ยงดูสักหน่อยแล้วกัน มากสุดคงแค่โดนเขาดุไม่ก็มองแรงใส่ เธอกล้าหาญอยู่แล้ว เพราะเธอเป็นแม่บ้านใจกล้า!
“นี่ จะป้อนได้หรือยัง จ้องหน้าพี่อยู่ได้”
เสียงแหบแห้งจากคนป่วยช่วยเรียกสติสัมปชัญญะของพยาบาลจำเป็นให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย เธอสะดุ้งเล็กน้อย ไม่รู้ตัวเลยว่าถือช้อนข้าวต้มค้างกลางอากาศแถมยังจ้องมองใบหน้าของเขานานเท่าใดแล้วก็มิอาจทราบได้
“อะแฮ่ม ขอโทษค่ะ” เธอกระแอมแก้เก้อ ยื่นช้อนข้าวต้มที่เป่าจนอุ่นป้อนเข้าปากชายหนุ่ม
ถึงไหนแล้วนะเมื่อกี้ เธอจะถามเขาว่าอะไร...
วาดฟ้ากลับเข้ามาในห้วงภวังค์ความคิดอีกครั้ง คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน ภาวัฒน์จับสังเกตได้จึงเอ่ยถาม
“เป็นอะไร”
“พี่ภีมกับผู้หญิงในรูป ที่ชื่อเอ่อ...แนท ผู้หญิงที่ชื่อแนทเป็นอะไรกับพี่ภีมคะ”
อารามรีบร้อนทำให้เธอโพล่งถ้อยคำสะเปะสะปะแทบจับใจความไม่ได้ออกมา เพียงเท่านั้นภาวัฒน์ก็สามารถเข้าใจแจ่มแจ้งถึงสาเหตุอาการเหม่อลอย ขมวดคิ้วเป็นพักๆ ของยายจอมแสบ
ที่แท้สงสัยเรื่องของเขากับณัฐชาสินะ
“เป็น friend with benefits”
“ฮ้า!”
หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่รู้ควรตกใจเรื่องไหนมากกว่ากันระหว่างเรื่องที่เขาบอกเธอตรงๆ ง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ กับเรื่องความสัมพันธ์สุดพีกของเขากับผู้หญิงคนนั้นดี
“ป้อนมาอีกคำสิ แล้วจะเล่าให้ฟัง” ภาวัฒน์บุ้ยปากไปที่ชามข้าวต้ม แอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นยายจอมแสบลุกลี้ลุกลนรีบตักข้าวต้มป้อนเขา
“แน่ใจนะว่าอยากรู้”
“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
ปากบอกแน่ใจ แต่ใจกลับรู้สึกหวิวโหวงบอกไม่ถูก หากต้องฟังเขาเล่าถึงผู้หญิงคนอื่น เอาเถอะ...เธอจำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้
“พี่รู้จักกับแนทมาสิบสองปี เจอกันตอน ม. 6 พี่ชอบเขามาก ตามจีบอยู่นาน แต่เขาให้พี่เป็นได้แค่เพื่อน พี่ก็ยอมเป็นเพื่อน คอยอยู่เคียงข้างเขาตลอด”
“...”
“พอเวลาผ่านไป พี่เข้ามหา’ลัยเดียวกับแนท แนทก็มีแฟน ส่วนพี่เองก็คบผู้หญิงคนอื่นบ้าง แต่ไม่เคยคบได้นาน เพราะพี่ยังรักแนท”
ประโยคสุดท้ายช่างกรีดแทงหัวใจวาดฟ้าเหลือเกิน ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเองที่ไปอยากรู้เรื่องเขา ถึงต้องมาเจ็บแบบนี้
“พี่รักเขามาเก้าปีจนกระทั่งสามปีก่อน ถึงจุดที่พี่กับแนทต่างคนต่างไม่มีใคร เราเผลอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน หลังจากนั้นพี่ขอเขาแต่งงาน เขาก็บอกว่ายังไม่พร้อม และให้พี่เป็นมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ”
“โห เขาใจร้ายจังเลยเนอะ”
หญิงสาวพูดติดตลก ยิ้มฝืดๆ ใส่ว่าที่สามี ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเมื่อคิดได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีคนอยากจริงจังด้วยถึงขั้นแต่งงานแต่งการ
“เขาไม่ได้ใจร้ายหรอก เขาแค่ไม่ได้รักพี่” ภาวัฒน์ไหวไหล่
“แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงติดสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะตักข้าวต้มป้อนเขา
“พอเขาพูดมาแบบนั้น พี่เหมือนได้สติ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้มันหมดไปเลย พี่เฉยๆ กับเขา เราตกลงมีความสัมพันธ์แบบ friend with benefits กัน ไม่ผูกมัด ไม่มีพันธะ ไม่เอาใจลงไปเล่น ถ้าต่างฝ่ายต่างเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ก็ไปได้เลย”
“อ๋อ วิวเข้าใจแล้วค่ะ” วาดฟ้าพยักหน้า รู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ก็ยังอดเศร้าใจไม่ได้อยู่ดี
ภาวัฒน์สังเกตเห็นท่าทียายจอมแสบจึงพูดต่อ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่บอกเลิกเขาแล้วเมื่อคืน”
“จริงเหรอคะ แล้วพี่ภีมไปบอกเลิกเขาทำไมล่ะ”
“พี่เบื่อความสัมพันธ์คาราคาซังแบบนี้มานานแล้ว และอีกอย่างพี่บอกเขาว่าพี่อาจจะต้องแต่งงาน”
“แต่งงาน...กับวิวเหรอ”
วาดฟ้าชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างจากการเล่นรถไฟเหาะที่พาเธอดิ่งลงเหวแล้วพุ่งขึ้นสูงจนตั้งตัวไม่ทัน
“ไม่รู้” ชายหนุ่มทำหน้าเป็น
“นี่พี่ภีมมีใจให้วิวแล้ว?”
“เปล่า พี่ก็แค่ไม่อยากเอาเปรียบวิว เราอยู่ในช่วงทดลองเป็นสามีภรรยานี่”
“แน่ะ มีใจให้วิวแล้วแหงเลย” วาดฟ้ายิ้มออก ตักข้าวต้มป้อนให้เขาอีกคำ
“คิดเองเออเอง บอกแล้วไงว่าพี่เห็นวิวเป็นน้อง ที่บอกว่าสามเดือนข้างหน้าจะแต่งงาน ก็อาจจะแต่งกับคนอื่นก็ได้”
“ไม่มีทางหรอก พี่ภีมน่ะหนีวิวไม่พ้นแล้ว ถ้าสามเดือนข้างหน้าพี่จะแต่งงาน ชื่อเจ้าสาวบนการ์ดต้องเป็นชื่อวิวเท่านั้นแหละค่ะ”
“งั้นรอชาติหน้าเถอะ” ภาวัฒน์แค่นยิ้มเยาะ กอดอกพิงพนักเตียงอย่างสบายอารมณ์
‘วิวไม่อยากรอถึงชาติหน้าแล้วค่ะพี่ภีม วิวรอมาชาติหนึ่งแล้ว’
วาดฟ้าบอกเขาในใจ
ความคิดเห็น |
---|