๒
สายลมพัดผ่านต้นไม้สีขาวนวล ใบไม้สีม่วงอ่อนโบกสะบัดไปมา ส่งเสียงกังวานใสดุจระฆังเงินเนื้อดี กลิ่นหอมเย็นโชยมาตามลม น่าจะเป็นกลิ่นของดอกไม้ แต่ไม่รู้ว่าดอกไม้อะไร ชลันธรหมุนมองไปรอบตัว สิ่งที่ผ่านเข้ามาในคลองสายตาดูไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย หญิงสาวก้มมองพื้นหญ้า ใบหญ้าสีทับทิมใต้ฝ่าเท้านุ่มราวกับกำมะหยี่ แวบแรกหล่อนนึกว่ามันเป็นของปลอม แต่เมื่อมองอย่างพิจารณาจึงรู้ว่ามันเป็นของจริง
“ที่นี่ที่ไหน”
ชลันธรพึมพำเสียงเบาแล้วก้มลงมองตัวเอง หล่อนสวมชุดนอนลายการ์ตูน ยืนอยู่บนเนินหญ้าสีแดงอมชมพูใกล้บึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งล้อมรอบด้วยต้นไม้สีขาว มีใบรูปหัวใจสีม่วงอ่อน สถานที่แปลกประหลาดเช่นนี้ มีอยู่ในโลกด้วยหรือ
“หรือที่นี่จะไม่ใช่โลกมนุษย์”
หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้า ไม่มีพระอาทิตย์ ไม่มีพระจันทร์ ไม่มีดวงดาว และไม่มีก้อนเมฆ แผ่นฟ้าเป็นสีเหลืองนวล เหมือนสีของดวงจันทร์ยามเต็มดวง หล่อนเดินไปหยุดยืนข้างบึงน้ำ สายน้ำใสเหมือนกระจก มองเห็นกรวดขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือหลากสี
“สวยจัง”
ชลันธรก้มลงหยิบก้อนกรวดสีน้ำเงินขึ้นมาดู ก่อนเบิกตาอย่างตกใจ เมื่อพบว่ามันไม่ใช่ก้อนกรวด ทว่าเป็นไพลินน้ำงามที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นมา หญิงสาวก้มมองพื้นทรายริมตลิ่ง ตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อพบว่ามันไม่ใช่ทราย ทว่าเป็นผงทองคำบริสุทธิ์ ส่องประกายระยิบระยับจับตา
“สงสัยเราจะฝัน” หญิงสาวโคลงศีรษะไปมา ก่อนจับผมทัดใบหู เมื่อผมปอยหนึ่งหล่นลงมาบังดวงตา ทว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผมซอยสั้นของหล่อน กลายเป็นผมยาวถึงกลางหลัง ดำเหมือนขนกา นุ่มราวกับเส้นไหม
ชลันธรคุกเข่าลงกับพื้นทราย ชะโงกมองเงาตัวเองในน้ำ ภาพที่เห็นทำหล่อนแทบเป็นลม หญิงสาวที่มองตอบมาจากผิวน้ำสวยเหมือนนางในวรรณคดี ใบหน้ารูปไข่งามพิสุทธิ์ ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่งรับกับโหนกแก้มสีระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบ ผมดำขลับยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวเนียนละเอียด สวยจนหล่อนไม่เชื่อว่าเป็นเงาของตัวเอง
“เกิดบ้าอะไรขึ้น ผมฉันยาวได้ยังไง” หญิงสาวทึ้งผมตัวเอง ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มลึกดังขึ้น
“ใครหัวเราะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” หล่อนตวาดพลางลุกขึ้นยืน ก่อนเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เมื่อเห็นเจ้าของเสียงเต็มตา เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม เรือนร่างสูงสง่า ผิวขาวเหลืองนวลเนียน ผมดำยาวถึงกลางหลัง สวมผ้านุ่งยกดอกแทรกดิ้นทองผืนยาว คาดทับด้วยปั้นเหน่งทองคำฝังทับทิม ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า คาดสังวาลทองเส้นเล็ก และสวมสร้อยคอไพลินเม็ดใหญ่
ชลันธรกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ชายคนนี้หล่อเหมือนไม่ใช่คน ใบหน้าคมคายสมบูรณ์แบบ หน้าผากกว้างดูมีอำนาจ คิ้วดกหนาได้รูปสวย จมูกโด่งตั้งตรง ริมฝีปากหยักลึก ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้ม สีโปรดของหล่อน ยิ่งมองก็ยิ่งสวย หล่อนเคยเห็นคนหน้าตาดีมามาก แต่ไม่มีใครเหมือนชายคนนี้ เพราะคนพวกนั้นยืนบนน้ำไม่ได้ สงสัยจะเป็นผีพรายปลอมตัวมา
“เราดูเหมือนผีหรือ” เขาถามพลางเดินเข้ามาหา
หญิงสาวถอยหลังกรูด นอกจากเดินบนน้ำได้แล้ว ชายคนนี้ยังอ่านใจได้ด้วย
“เราไม่ได้อ่านใจเจ้า” เขาหัวเราะอีกครั้ง เสียงทุ้มลึกน่าฟัง “เราแค่ดูจากดวงตาของเจ้าเท่านั้น รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่งเลย”
“ถ้าไม่ใช่ผีแล้วเดินบนน้ำได้ยังไง” หญิงสาวถอยหลังอีกสามก้าว เผื่อเขาคืนร่างเป็นปีศาจ หล่อนจะได้วิ่งหนีทัน
“เราทำได้มากกว่านี้อีก แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าควรรู้” เขาเดินขึ้นจากน้ำมาหยุดยืนบนพื้นทราย
“ไม่ต้องบอก ไม่อยากรู้ ไม่ชอบรอ ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
ชลันธรหันหลังเดินหนี ก่อนหยุดตัวเองแทบไม่ทัน เมื่อชายคนนั้นมายืนดักอยู่ข้างหน้า เขามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร อย่าบอกนะว่าหายตัวได้ด้วย
“เราอยู่ที่ไหน ที่นั่นคือบ้านของเจ้า เราอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าจะไปไหนอีกชลันธร”
“คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง”
“เรารู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า เราเฝ้าดูเจ้าตั้งแต่เกิด” เขายื่นมือมาที่แก้มหล่อน ทำท่าเหมือนจะทัดผมให้ หญิงสาวถอยหนีอย่างไว้ตัว เขาชักมือกลับไป ไม่มีท่าทางโกรธเคือง แถมยังยิ้มพอใจ
“เฝ้าดูตั้งแต่เกิด?” หล่อนขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง เราเคยเจอกันเหรอ”
“ใกล้จะเช้าแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า มีเรื่องไม่คาดฝันรอเจ้าอยู่อีกมาก กลับไปเถอะ อีกไม่นานเราจะได้พบกัน” เขาโบกมือตรงหน้าหล่อน กลิ่นหอมประหลาดโชยมา กลิ่นดอกไม้ผสมกับสมุนไพร หนังตาของหล่อนหนักอึ้ง จากนั้นทุกอย่างก็มืดดับลง...
เสียงนาฬิกาปลุกดังก้องขึ้น ร่างบางที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มสะดุ้งตื่น ชลันธรยื่นมือไปกดปุ่มปิดเสียง แล้วโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ก่อนถอนใจยาวอย่างโล่งอก ความฝันเมื่อคืนเหมือนจริงจนน่าขนลุก โดยเฉพาะนัยน์ตาสีน้ำเงินคู่นั้น ทั้งที่ตื่นนอนเต็มตาแล้ว หล่อนยังจำมันได้อยู่เลย
“สงสัยจะกินมากเกินไป” หญิงสาวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ยกมือเสยผมตามความเคยชิน ก่อนจะอ้าปากค้าง เมื่อพบว่าผมของหล่อนยาวเหมือนในฝันไม่มีผิด
“ไม่จริง” หญิงสาวลงจากเตียง ถลาไปเกาะโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาคู่สวยเบิกโต ผมของหล่อนยาวขึ้นจริงๆ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อก่อนเข้านอนมันยังสั้นอยู่เลย
“นี่อะไร” หญิงสาวยกมือข้างซ้ายขึ้นดู กำไลทองรูปพญานาคมาจากไหน ทำไมมันถึงถอดไม่ออก หรือว่าหล่อนยังไม่ตื่นจากความฝัน
ชลันธรหยิกแก้มตัวเอง ก่อนร้องครางอย่างเจ็บปวด หล่อนไม่ได้กำลังฝัน แต่หล่อนกำลังจะเป็นลม...
เสียงฝีเท้าตึงตังดังมาจากชั้นสอง ก่อนเจ้าของเสียงจะวิ่งลงบันไดมา ชลันธรไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จู่ๆ ผมของหล่อนก็ยาวถึงกลางหลัง แถมมีกำไลที่ถอดไม่ออกอยู่บนข้อมือ หล่อนลองตัดผมทิ้ง แต่ไม่ว่าจะตัดสักกี่ครั้ง มันก็ยาวออกมาเท่าเดิม พอหมดหนทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หล่อนจึงวิ่งลงมาขอให้พ่อกับแม่ช่วย โดยหวังว่าพวกท่านจะไม่เป็นลมไปเสียก่อน
“พ่อแม่ช่วยน้ำด้วย น้ำเป็นอะไรไม่รู้” หญิงสาววิ่งเข้าไปในห้องอาหาร พ่อกับแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว แม่กำลังยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม ส่วนพ่อกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ พอได้ยินเสียงของหล่อน ทั้งสองก็หันมามอง แวบแรกสีหน้าของพ่อกับแม่ดูตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน
“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร” แม่ยื่นมือมาจับผมของหล่อน
“ไม่รู้ค่ะ เมื่อคืนน้ำฝันว่าตัวเองผมยาว พอตื่นขึ้นมาผมของน้ำก็ยาวจริงๆ น้ำตัดมันทิ้งตั้งหลายครั้ง แต่มันก็ยาวออกมาเท่าเดิมทุกครั้ง แล้วกำไลนี่ด้วย” หล่อนยื่นแขนให้แม่ดู “มันมาจากไหนก็ไม่รู้ ถอดเท่าไรก็ไม่ออก เกิดอะไรขึ้นคะแม่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
แม่มองหน้าหล่อน กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พ่อระเบิดอารมณ์ออกมาก่อน
“ไอ้งูบ้า มันทำอย่างที่พูดจริงๆ ด้วย”
“อย่าพูดถึงเจ้าพี่แบบนั้นค่ะคุณธิศ” แม่หันไปห้าม แต่พ่อไม่ฟัง
“มันทำกับพวกเราขนาดนี้ มณียังปกป้องมันอีกเหรอ”
“มณีไม่ได้ปกป้องใคร มณีแค่ไม่อยากให้คุณธิศล่วงเกินเจ้าพี่”
ชลันธรมองพ่อกับแม่ พวกท่านพูดเรื่องอะไรกัน มีงู มีเจ้าพี่ เรื่องพวกนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับหล่อนตอนนี้ด้วยหรือ
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันค่ะ” หญิงสาวพูดแทรกขึ้น “เจ้าพี่ที่แม่พูดถึงเป็นใครคะ แล้วเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ”
“เรื่องมันนานมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนน้ำเกิดอีก เราไปคุยกันที่ห้องทำงานของพ่อดีกว่าจ้ะ คุณธิศไปด้วยนะคะ”
แม่จูงมือหล่อนเดินออกจากห้องอาหาร โดยมีพ่อเดินตามหลังด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ พอไปถึงห้องทำงานของพ่อ แม่ก็พาหล่อนไปนั่งที่โซฟา แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ส่วนพ่อเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ชลันธรมองหน้าพ่อ แล้วหันมามองหน้าแม่ ตอนลงมาขอความช่วยเหลือ หล่อนกังวลว่าพ่อกับแม่จะกลัว แต่เปล่าเลย พวกท่านไม่กลัวสักนิด แถมยังทำท่าเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นกับหล่อน มันยังไงกันแน่ ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
“ถึงห้องทำงานแล้วค่ะ แม่มีอะไรจะเล่าให้น้ำฟังคะ” หญิงสาวทวงสัญญา
มณีเนตรถอนใจยาว แล้วจับมือลูกสาวไปกุมไว้
“น้ำฟังแม่ดีๆ นะลูก เรื่องที่แม่เล่าอาจดูไม่น่าเชื่อ แต่รับรองว่าทุกคำที่แม่พูดเป็นเรื่องจริง”
“ค่ะ น้ำจะฟังอย่างมีสติ จะไม่โวยวายเด็ดขาด” หญิงสาวรับปากหนักแน่น ยิ่งแม่พูดแบบนี้ หล่อนยิ่งอยากรู้
“กำเนิดที่แท้จริงของแม่ไม่ใช่มนุษย์”
ชลันธรกะพริบตาปริบๆ แค่ประโยคแรกก็ทำเอาหล่อนไปไม่เป็นแล้ว แม่ของหล่อนไม่ใช่มนุษย์ แล้วแบบนี้หล่อนจะเป็นอะไร
“แม่ไม่ใช่มนุษย์เหรอคะ”
“จ้ะ” แม่พยักหน้า “แม่เป็นนาคีในวงศ์โอปปาติพญานาค๑ แม่อาศัยอยู่ในเมืองรัตนบาดาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนลับแลที่ชื่อว่านาคาพิภพ”
“แม่เป็นนาคีจากดินแดนลับแล...” หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่ว ยิ่งฟังยิ่งอัศจรรย์ ถ้าไม่เห็นผมของตัวเองงอกยาวถึงกลางหลังกับตา หล่อนไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด
“นาคาพิภพปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผู้ปกครองพำนักอยู่ในเวียงวังสวยงาม ส่วนประชาชนอาศัยอยู่ในบ้านเรือนรอบนอก ต่างทำมาหากินเพาะปลูกพืชผล และติดต่อค้าขายระหว่างกันไม่ต่างจากเมืองมนุษย์ เพียงแต่เมืองบาดาลสงบสุขกว่าเมืองมนุษย์มาก นาคาทุกตนอยู่เย็นเป็นสุข ชอบสวดภาวนาและฟังธรรม เมืองรัตนบาดาลที่แม่อยู่มีราชาชื่อว่ามุจลินท์นาคราช”
“ไอ้งูบ้า” พ่อเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“อย่าเรียกเจ้าพี่แบบนั้นค่ะ” แม่เตือนพ่อ แล้วเล่าต่อ “องค์มุจลินท์นาคราชมีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของแม่ ทรงเป็นนาคารูปงาม มีพระฉวีสีทองเรืองรอง ดวงเนตรสีน้ำเงินเข้ม ทรงเป็นราชันในหมู่นาคา ด้วยมีตบะและญาณบารมีแก่กล้าที่สุดในนาคาพิภพ”
ชลันธรร้องอ๋อในใจ ที่แท้ไอ้งูบ้าของพ่อกับเจ้าพี่ของแม่คือคนคนเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นเขาก็คือลุงของหล่อน แล้วทำไมพ่อถึงไม่ชอบเขา
“งั้นแม่ก็เป็นเจ้าหญิงสิคะ แล้วแม่มารักกับพ่อได้ยังไง ในเมื่อแม่อยู่เมืองบาดาล ส่วนพ่ออยู่เมืองมนุษย์”
“แม่ขึ้นมาเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์ แล้วได้พบกับพ่อโดยบังเอิญ จากนั้น…”
“จากนั้นแม่ก็ตกหลุมรักพ่อ แล้วไม่กลับไปเมืองบาดาลอีกเลย” แม่หยุดพูดดื้อๆ หล่อนจึงพูดแทน
“ใช่จ้ะ” แม่พยักหน้า แก้มแดงระเรื่อ ส่วนพ่อยิ้มกว้าง ผ่านมาหลายปี แต่ความรักของพวกท่านไม่เคยลดลง สักวันหล่อนจะมีความรักแบบนี้บ้าง
“แม่คืนร่างเป็นนาคีให้น้ำดูได้ไหมคะ” หญิงสาวขอร้อง รูปวาดพญานาคผุดขึ้นในใจ ไม่รู้ว่าพญานาคจริงๆ จะมีรูปร่างแบบในจินตนาการของช่างเขียนหรือเปล่า
“แม่ทำไม่ได้หรอกจ้ะ ตอนนี้แม่เป็นมนุษย์ ไม่มีอิทธิฤทธิ์ใดๆ อีกแล้ว”
“เหรอคะ” หล่อนเอ่ยอย่างผิดหวัง “แล้วแม่เป็นมนุษย์ได้ยังไงคะ”
“พระเชษฐาช่วยให้แม่เป็นมนุษย์ แล้วยังช่วยให้แม่ได้อยู่กับพ่อด้วย ถ้าไม่มีพระองค์ก็คงไม่มีน้ำในวันนี้”
“มันช่วยเปล่าๆ ที่ไหน” พ่อพูดขัดขึ้น “หมอนั่นหลอกพ่อ บังคับให้สัญญาบ้าๆ คิดแล้วโมโหชะมัด”
“สัญญาอะไรคะ” หล่อนหันไปถามพ่อ
“พ่อต้องยกลูกให้เขา เมื่อลูกอายุครบสิบเก้าปี เขาจะมารับลูกไปอยู่เมืองบาดาล พ่อภาวนาให้เขาแค่พูดเล่น แต่กำไลนาคราชนั่น” พ่อชี้กำไลบนข้อมือของหล่อน “เป็นสิ่งยืนยันว่าสิบเก้าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยลืมสัญญาเลย”
ชลันธรพูดไม่ออก เรื่องของพ่อกับแม่เหมือนละครจักรๆ วงศ์ๆ ส่วนเรื่องของหล่อนเหมือนละครตบจูบ เพราะเหตุนี้เอง พ่อถึงมีท่าทางเคร่งเครียดทุกครั้ง เมื่อถึงวันเกิดของหล่อน
“จริงเหรอคะแม่”
“จริงจ้ะ” แม่พยักหน้ายืนยัน “กำไลนาคราชเป็นของหมั้นพระราชทาน แต่ลูกไม่ต้องกังวลหรอกนะ องค์นาคาสัญญากับแม่ว่าจะไม่บังคับลูก ถ้าลูกไม่เต็มใจอภิเษกสมรส พระองค์จะทรงยกเลิกสัญญา แล้วปล่อยลูกเป็นอิสระ”
“น้ำไม่เต็มใจค่ะ” หล่อนตอบทันควัน “ถ้าเขามาแม่บอกเขาไปเลยนะคะ ว่าน้ำไม่ยอมรับการหมั้นหมายครั้งนี้”
“ดีมากลูก พ่อเห็นด้วย อย่าไปยอมเด็ดขาด” พ่อรีบสนับสนุนหล่อน แม่หันไปมองพ่อ สีหน้าไม่สบายใจ
“อย่ายุลูกสิคะ เรื่องนี้เราสองคนไม่เกี่ยว คุณธิศต้องให้ลูกตัดสินใจเอง”
“น้ำตัดสินใจแล้วค่ะ” หล่อนยืนยันหนักแน่น “น้ำไม่มีวันแต่งงานกับลุงของตัวเอง น้ำจะแต่งงานกับคนที่น้ำรักเท่านั้น”
“นาคาในเมืองบาดาลมีหลายประเภท แตกต่างกันตามกำเนิดของแต่ละตน นาคาชั้นสูงอย่างแม่และองค์มุจลินท์เป็นโอปปาติกะ คือกำเนิดแล้วเติบโตเลย ไม่มีพ่อแม่แบบมนุษย์ พวกเรานับถือกันตามศักดิ์ฐานะ ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด องค์นาคาจึงไม่ใช่ลุงของลูกจ้ะ”
“เรื่องนั้นทำให้น้ำเปลี่ยนใจไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้มีเรียนคาบเช้า น้ำขอตัวไปอาบน้ำก่อน ไม่อยากไปสาย เดี๋ยวรถจะติด”
ชลันธรเดินออกจากห้อง เรื่องชาติกำเนิดของแม่ หล่อนพอรับได้ เพราะอย่างไรก็เป็นแม่ แต่เรื่องคู่หมายอมนุษย์ หล่อนรับไม่ได้จริงๆ ถ้าต้องถูกคลุมถุงชนกับคนที่ไม่รู้จัก หล่อนขอกลั้นใจตายดีกว่า
ชลันธรเดินออกจากห้องน้ำ ทรุดตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับผมยาวถึงกลางหลังของตนอย่างไร เพราะตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน หล่อนไม่เคยไว้ผมยาวเลยต้นคอสักครั้ง
หญิงสาวหยิบหวีมาแปรงผม เรื่องที่แม่เล่ายังวนเวียนอยู่ในหัว แม่ของหล่อนเคยเป็นนาคีในวงศ์โอปปาติพญานาค หล่อนมีคู่หมั้นเป็นราชาเมืองรัตนบาดาล เขาเป็นพญานาครูปงาม มีเกล็ดสีทอง ดวงตาสีน้ำเงิน
“เกล็ดสีทองเหรอ”
หล่อนหยิบจี้ห้อยคอขึ้นมาดู เกล็ดพญานาคชิ้นนี้เป็นสีทอง ไม่รู้ว่ามันเป็นเกล็ดของเขาหรือเปล่า
“คุณน้ำคะ มาลีเองค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น หล่อนหันไปมอง แล้วเอ่ยอนุญาต
“เชิญค่ะ”
มาลีเปิดประตูเดินถือตะกร้าหวายเข้ามา สาวใช้ร่างเล็กวางตะกร้าบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วจับเส้นผมของชลันธรขึ้นมาดู
“คุณน้ำไปต่อผมมาเมื่อไรคะ เมื่อวานยังเห็นสั้นอยู่เลย”
“พี่มาลีมีอะไรหรือเปล่าคะ แล้วโบกับกิ๊บพวกนี้เอามาทำไม” หล่อนเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะไม่อยากโกหก
“คุณมณีให้มาลีมาช่วยทำผมค่ะ คุณน้ำอยากได้ทรงไหนคะ”
“ทรงไหนก็ได้ค่ะ อย่าให้เกะกะก็พอ”
“งั้นถักเปียพันรอบศีรษะนะคะ คุณน้ำหน้ารูปไข่ ต้องสวยมากแน่เลย”
มาลีหยิบหวีไปแปรงผมให้หล่อน หลังจากแปรงจนพอใจจึงเริ่มเกล้าผม โดยเริ่มถักจากด้านซ้ายก่อน แล้วถักวนไปจนรอบศีรษะ
“ผมของคุณน้ำสวยจัง เหมือนจริงขนาดนี้ ราคาต้องแพงแน่ๆ คิดยังไงถึงไปต่อผมคะ”
“ไม่ได้คิดค่ะ ใกล้เสร็จหรือยังคะ น้ำต้องรีบไปมหา’ลัย”
“ติดกิ๊บตรงนี้ก็เสร็จแล้วค่ะ” มาลีติดกิ๊บดำบนผมของหล่อน แล้วถอยออกมาดูผลงาน “คุณน้ำไว้ผมยาวแล้วสวยยังกับนางในวรรณคดี น่าจะไว้ตั้งนานแล้ว”
“พี่มาลีทำผมเก่งจัง” หญิงสาวยกมือแตะเรือนผม ก่อนหันไปมองสาวใช้ของตน เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“กำไลสวยจังเลยค่ะ ของขวัญวันเกิดเหรอคะ”
ชลันธรก้มมองกำไลบนข้อมือ เมื่อเช้าหล่อนมัวแต่ตกใจ จึงไม่ได้สังเกตว่ามันสวยแค่ไหน ตัวกำไลทำจากทองคำบริสุทธิ์ สลักเป็นรูปพญานาคตวัดหางพันรอบคอตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างประดับด้วยไพลินน้ำงาม ส่องประกายเจิดจ้าราวกับมีชีวิต
“ค่ะ เพิ่งได้มาเมื่อวาน พรุ่งนี้พี่มาลีมาทำผมให้น้ำอีกนะคะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ มาลีไปทำงานก่อนนะคะ” สาวใช้ร่างเล็กเดินออกจากห้อง แล้วดึงประตูปิดตามหลัง
ชลันธรมองเงาตัวเองในกระจก ความฝันเมื่อคืนหวนกลับมาในความทรงจำ ตอนนี้หล่อนเหมือนหญิงสาวในความฝันไม่มีผิด ถ้าผมยาวสลวยของหล่อนเกิดจากฝีมือของพระคู่หมั้นสูงศักดิ์ เป็นไปได้ไหมว่าชายหนุ่มในความฝันคือองค์มุจลินท์นาคราช
“เหลวไหลน่า เขาจะหน้าตายังไงก็ไม่เกี่ยวกับเรา ผู้ชายเอาแต่ใจตัวเองแบบนั้น อย่าได้เจอกันอีกเลยดีกว่า”
หญิงสาวคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง พ่อกับแม่ยังบังคับหล่อนไม่ได้ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ถึงคิดว่าตัวเองจะทำได้ หล่อนจะต่อต้านเขาให้ถึงที่สุด ไม่เชื่อก็คอยดู!
ความคิดเห็น |
---|