ทั้งสามคนใช้เวลาอยู่ในคลับหรูเกือบสองชั่วโมง ก่อนจะกลับออกมาด้วยความสนุกสนานกันทุกคน แม้กระทั่งบีที่ตอนแรกเป็นกังวล ก็ลืมหมดสิ้นเมื่อได้ยินเสียงเพลงเร้าใจโดยบีอาสาเป็นคนโทร.เรียกแท็กซี่ให้ในฐานะ ‘สุภาพบุรุษ’ เด็กหนุ่มใช้โทรศัพท์อยู่ครู่เดียวก็วางสาย หันมาบอกด้วยรอยยิ้ม
“อีกราวสิบห้านาที แท็กซี่จะมาถึงครับ”
“งั้นออกไปรอด้านหน้ามั้ย ตรงนั้นมีม้านั่ง”
ลลนาพูด แล้วเดินนำหน้าเด็กหนุ่มสาวเพื่อออกไปรอรถที่หัวมุมถนน ในระหว่างทางที่เดินไป หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีใครกำลังสาวเท้าตามมาอย่างช้าๆ และระมัดระวัง
หญิงสาวหยุดยืนแล้วหันกลับไปมองก็เห็นชายวัยกลางคนศีรษะล้านรูปร่างสันทัดสวมเสื้อโค้ดตัวยาวกำลังมองตรงมาที่เธอ เมื่อสบตากันตรงๆ เขาก็หลบตา แกล้งทำเป็นชะเง้อมองรถ มองถนน ก่อนจะเบนสายตากลับมาลอบมองเธออีกครั้งเมื่อคิดว่าเธอไม่เห็น
สายตาของเขามีทั้งความลังเลบวกกับความไม่แน่ใจ เขาก้มลงมองอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ แล้วก็เงยขึ้นมามองเธอ โดยทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง
“ผู้ชายคนนั้นมีอะไรหรือเปล่าคะพี่เอ็น หนูเห็นเขามองพี่หลายครั้งแล้ว”
แม้กระทั่งเจยังจับสังเกตได้
ลลนาเบี่ยงตัวหลบสายตาที่จ้องมองมาของชายแปลกหน้า กระซิบตอบเด็กสาวเบาๆ “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นเขาตามพวกเรามาจากบริเวณหน้าคลับ”
“หรือจะเรียกแท็กซี่ให้มารับเหมือนพวกเรา เลยเดินมารอตรงนี้”
“พี่เองก็ไม่แน่ใจ ทางที่ดี เรารีบกลับกันดีกว่า”
“รถยังไม่มาเลยค่ะพี่” เจตอบก่อนจะหันไปตีแขนเพื่อนชายเบาๆ “แน่ใจนะบี ว่าโทร.เรียกแท็กซี่แล้ว”
เด็กหนุ่มพยักหน้า “แน่ใจสิ”
“แล้วทำไมยังไม่มาอีก”
“ก็นี่มันยังไม่ถึงสิบห้านาทีเลยนี่นา เพิ่งผ่านไปห้านาทีเท่านั้น” บีตอบพร้อมโชว์หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งมีเวลาแสดงเอาไว้ด้านหน้าให้เพื่อนสาวดู
ลลนาเห็นโทรศัพท์ในมือของบีแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง หรือว่าการเปิดโทรศัพท์เมื่อครู่ของเธอจะทำให้มีคนจากองค์กรอื่นซึ่งไม่รู้ว่ามาดีหรือมาร้ายแกะรอยตามมาได้ แต่เธอแค่เปิดเพื่อถ่ายรูปเท่านั้นนะ ยังไม่ได้โทร.ออกเสียหน่อย มิหนำซ้ำหลังจากถ่ายรูปเสร็จ เธอก็กดปิดทันทีอีกด้วย
ชายแปลกหน้าค่อยๆ สาวเท้ามาตามทางเดินอย่างเชื่องช้า เขาเดินก้มหน้าแต่ยังเหลือบตาขึ้นมองเธอเป็นระยะ ทำให้หญิงสาวรู้สึกมวนท้องขึ้นมานิดๆ ด้วยความกลัว
ถ้าหากเป็นอย่างที่แอลทูบอก...คือมีคนจากองค์กรอื่นซึ่งยังไม่รู้ว่ามาดีหรือมาร้ายต้องการตัวเธอ นั่นแสดงว่าเขาจะลักพาตัวเธอไป และตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
หญิงสาวเห็นชายคนนั้นล้วงมือลงไปในเสื้อโค้ด จินตนาการเลวร้ายที่สุดปรากฏขึ้นทันที
หากว่าเขามีอาวุธเล่า หากเขาจับตัวเธอ รวมทั้งบีและเจไปพร้อมกันเล่า หากเขาลงมือทำร้ายหรือถึงขั้นเอาชีวิตเล่า เธอจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ได้อย่างไร
เป็นเพราะเธอเองใช่ไหมที่ทำให้เด็กอัจฉริยะอีกสองคนเดือดร้อน
ไม่...เธอจะยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้
“เจ...ฟังพี่นะ” ลลนาตัดสินใจพูดภาษาไทยกับเด็กสาวชาวไทย “พี่คิดว่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนจากองค์กรอะไรสักอย่างหนึ่งที่ต้องการตัวพี่”
เจเหลือบมองไปยังชายปริศนา “จริงเหรอพี่”
“ใช่ แอลทูเคยบอกไว้ว่าอาจจะมีองค์กรอื่นต้องการตัวพี่ด้วย”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี รถแท็กซี่ก็ยังไม่มา”
“ถึงรถมา แล้วเราขึ้นรถได้ ก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะถ้าหากชายคนนั้นเป็นคนร้ายหรือเป็นคนจากองค์กรฝั่งตรงข้ามกับเชอร์ชิล การนั่งรถไปที่ตึกแปดเหลี่ยมก็เท่ากับเป็นการเผยสถานที่ของเราให้พวกมันรู้”
“จริงด้วย โธ่...จะทำยังไงดี”
“เจกับบีรอแท็กซี่อยู่ตรงนี้นี่แหละ พี่จะเดินไปทางอื่น หลอกให้ผู้ชายคนนั้นตามไป ถ้ารถแท็กซี่มาแล้วให้เจกับบีขึ้นรถกลับไปเลยนะ ไม่ต้องรอพี่”
เจมีท่าทางกระสับกระส่ายมากขึ้น สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าเป็นกังวลอย่างปิดไม่มิด
“จะทำอย่างงั้นได้ยังไง แล้วพี่เอ็นจะกลับยังไง จะหนีจากชายคนนั้นได้ยังไง”
ลลนาบีบมือเด็กสาว “พี่มีแผนสำรอง แต่ยังอธิบายให้เจฟังตอนนี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าทำตามที่พี่บอก ขึ้นรถแท็กซี่ แล้วกลับไปที่ตึกแปดเหลี่ยมให้เร็วที่สุด ตกลงนะ”
“แล้วถ้าพี่ไม่กลับมาล่ะ หนูจะทำยังไง”
“ถ้าพี่หายไปหรือไม่ได้กลับไปที่ตึกแปดเหลี่ยมในคืนนี้ให้รีบบอกอีตาแอลทูได้เลย บอกเขาว่าพี่จะเปิดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ เผื่อเขาจะแกะรอยตามหาพี่ได้ถ้าเกิดพี่ถูกคนร้ายหรือองค์กรอื่นจับไปจริงๆ”
“ได้ค่ะพี่ หนูจะทำอย่างที่พี่บอก”
“ดี ขอบใจนะ” ลลนาพูด เมื่อหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนทำหน้าเหลอหลาเพราะไม่เข้าใจก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “แล้วก็ช่วยอธิบายทุกอย่างให้บีฟังด้วย”
ลลนากระชับเสื้อโค้ดให้แน่นเข้า ก่อนจะแสร้งทำเป็นโบกไม้โบกมือล่ำลาเด็กหนุ่มสาวทั้งสอง คล้ายกับว่าจะไม่กลับด้วยกัน จากนั้นจึงเดินจากมา ชายแปลกหน้าเลิกให้ความสนใจกับบีและเจในทันที เขาผละจากบริเวณที่ซุ่มอยู่ และก้าวยาวๆ ตามมาด้วยความรีบร้อน
อา...ชายคนนี้ตามเธออย่างแน่นอน
ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้ว
“ซวยแล้วไง” ลลนาพึมพำกับตัวเอง พลางก้าวเดินให้เร็วขึ้น “ใครจะคิดว่าจะต้องโดนลักพาตัวติดๆ กันถึงสองครั้งภายในเวลาไม่ถึงเดือน”
หญิงสาวเลือกที่จะเดินกลับเข้าไปยังถนนเส้นเล็กที่คนพลุกพล่าน เพราะเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงหรูหราหลายแห่ง อย่างน้อยก็อาจจะพอพรางตัวให้กลืนไปกับผู้คนได้บ้างกระมัง
บ้าชะมัด...เธอลืมไปสนิทว่าผมสีแดงเพลิงของเธอคงไม่อาจ ‘กลืน’ ไปกับใครได้แน่ๆ มันจะต้องดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คนอีกต่างหาก
‘พี่เอ็นจะต้องโดดเด่นโดดเด้งที่สุดท่ามกลางแสงไฟในคืนนี้’ เจบอกเธอด้วยเสียงกลั้วหัวเราะในระหว่าที่บรรจงฉีดสเปรย์เปลี่ยนสีผมให้
ใช่เจ...พี่บอกเลยว่ามันโดดเด่นมาก โดดเด่นจนอยากร้องไห้
อันที่จริงลลนาไม่มีแผนสำรองอย่างที่บอกกับเจไปหรอก และยังไม่รู้จะหาวิธีเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร เพียงแต่เธอยอมไม่ได้ถ้าเด็กอัจฉริยะอีกสองคนจะตกอยู่ในอันตรายไปพร้อมกับเธอ ยังไงเสีย ตายเดี่ยวก็ยังดีกว่าตายหมู่ หญิงสาวคิดพลางเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวตามมาอย่างร้อนรน
ชายวัยกลางคนวิ่งตามเธอมาห่างๆ แถมตอนนี้ยังมีผู้ชายร่างสูงใหญ่อีกคนวิ่งตามมาด้วย ทั้งสองถูกขวางเอาไว้ด้วยวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งออกมาจากคลับ จึงทำให้คลาดกับเธอไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หญิงสาวตัดสินใจถอดเสื้อโค้ดสีลูกกวาดที่น่าจะเป็นจุดเด่นของตนเองออก แล้วโยนทิ้งไว้หน้าผับแห่งหนึ่ง ภาวนาให้ชายสองคนนั่นหลงกล และเข้าไปตามหาเธอในผับแห่งนั้นสักระยะ อาจใช้เวลาไม่นาน แต่ก็สามารถประวิงเวลาให้เธอได้บ้าง
หลังจากนั้นลลนาจึงเดินเลี้ยวเข้าไปในถนนสายย่อยที่มืดมิด ซึ่งน่าจะเป็นทางลัดเพื่อออกไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง ได้แต่ภาวนาให้ชายสองคนนั้นไม่เข้ามาในถนนเส้นเล็กเส้นนี้
เงาดำของใครสักคนปรากฏขึ้นที่หน้าถนน เขาชะงักเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะก้าวยาวๆ เข้ามาหา
ยังไม่ทันที่ลลนาสืบเท้าถอยหนี เงาดำทะมึนของใครคนนั้นก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางคุกคาม กระชากตัวเธออย่างแรง
และดันเข้าไปในซอกตึกที่แสนมืดมิด
เลนนอนกระชากร่างบางของแม่จอมยุ่งผมสีแดงเพลิงเข้าไปในซอกตึกแคบๆ มืดๆ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับถนนเส้นเล็กที่เธอวิ่งมา แม้ไฟจากหัวถนนก็ไม่อาจส่องเข้ามาถึง
หญิงสาวดิ้นรนและต่อสู้อย่างเต็มกำลัง จนชายหนุ่มต้องก้มลงกระซิบชิดที่ข้างหู
“ผมเอง แอลทู ตั้งสติหน่อย”
เอ็นเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะโผเข้าหา
“แอล!!! แอลจริงๆ ด้วย มีคนตามฉันมา”
“ผมรู้ ใจเย็นๆ หลบอยู่ตรงนี้ก่อน แล้วทำตามที่ผมสั่ง ผมสัญญาว่าคุณจะปลอดภัย”
สายลับหนุ่มกดลำตัวแนบไปกับความนุ่มนิ่มของเรือนร่างสาว ท่อนแขนข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนกำแพงเย็นชื้นเพื่อปิดบังใบหน้าและเรือนผมสีแดงเพลิงของคนในอ้อมกอด
พยายามทำท่าให้เหมือนไอ้หนุ่มคลั่งรักแถมยังใจร้อนจนไม่อาจรอให้ถึงบ้านได้ จึงพาแฟนสาวเข้ามาหาเศษหาเลยในที่ลับตาคน
คืนนี้ลลนาสวมเพียงกางเกงยีนฟิตเปรี๊ยะที่แนบกระชับไปกับสะโพกผายราวกับเป็นผิวหนังของเจ้าหล่อน กับเสื้อยืดสีดำตัวเล็กกะจ้อยร่อย สกรีนลายกราฟฟิกสีสันสะท้อนแสงจนแสบตาเป็นข้อความว่า ‘ฉันมันตัวแสบ’ รอยขาดยาวที่ด้านหน้าของตัวเสื้อเผยให้เห็นเนินอกขาวสล้างอย่างจงใจ ยิ่งได้มาเห็นในระยะประชิด ยิ่งทำให้เลือดในกายร้อนผ่าว จนชายหนุ่มนึกอยากจะฆ่าคนออกแบบเสื้อตัวจิ๋วตัวนี้เสียเหลือเกิน ส่วนเสื้อโค้ดของเธอคงหล่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง
หญิงสาวยืนนิ่งทว่าตัวสั่น ซึ่งสายลับหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดจากความหนาวหรือความกลัวกันแน่
เขาเปิดเสื้อโค้ดด้านหน้าของตัวเองออก แล้วรั้งให้เธอเข้ามารับไออุ่นในเสื้อโค้ดตัวเดียวกันกับเขา ซึ่งเธอก็ไม่ขัดขืน ซุกตัวเข้าสู่อ้อมอกของเขาโดยง่าย
เสียงฝีเท้าของพวกมันยังคงวนเวียนอยู่ไม่ห่าง และมีทีท่าว่าจะเดินสำรวจมายังบริเวณนี้เสียด้วย เท่าที่เห็น พวกมันมากันสองคน แต่ไม่รู้ว่ามีกำลังเสริมหลบอยู่ที่ไหนอีกบ้างหรือไม่
ถ้าหญิงสาวถูกชิงตัวไปก็จบเห่
ในที่สุด...หนึ่งในสองก็หยุดอยู่ด้านหน้าถนน ก่อนจะสืบเท้าเข้ามาอย่างระมัดระวัง
ใกล้เข้ามาทุกทีๆ...
เลนนอนจ้องลึกลงไปในดวงตาดำขลับที่กำลังตื่นกลัว ก่อนจะสั่งเสียงเด็ดขาด
“เอ็น...จูบผม!”
ความคิดเห็น |
---|