บทที่ ๓

บทที่ ๓ 

แผนของกามเทพ

เช้าวันต่อมา พริตาตื่นตามเวลาปกติ แล้วอาบน้ำแต่งตัวและเสียเวลาทาครีมทั้งตัวอยู่เป็นนาน โดยเฉพาะที่มือและแขนนั้นลงหนักและค่อยๆ เกลี่ยนานกว่าทุกส่วน เพราะถึงหล่อนจะเป็นครูสอนศิลปะ แต่อาชีพเสริมอย่างนางแบบมือก็ต้องให้ความสำคัญเหมือนกัน อะไรที่ทำร้ายนิ้วมือหรือทำให้เกิดริ้วรอยบนนิ้วมือ ถ้าเลี่ยงได้ต้องเลี่ยง อย่างเช่นการยกของหนักเกินไป หรือเวลาล้างจานก็ต้องใส่ถุงมือทุกครั้ง รวมไปถึงการดูแลสุขภาพ เรื่องอาหารการกิน เพราะถ้าอ้วนขึ้นมากๆ มือและแขนก็จะเพิ่มขนาด ไม่สวยเรียว แต่หล่อนยังไม่ถึงขั้นไดเอตหรือคลั่งผอม แค่เลือกกินสิ่งที่มีประโยชน์ แล้วนานๆ ทีก็ให้รางวัลตัวเองด้วยหมูกระทะบ้าง 

พอทาครีมเสร็จเรียบร้อย พริตาก็ลงมากินอาหารเช้ากับแม่และผิงเช่นทุกวัน แต่หล่อนไม่ได้ตื่นลงมาแล้วทำหน้าเครียดอย่างที่บุษบากังวลว่าลูกอาจจะคิดมาก วุ่นวายกับการหาตึกแถวให้เช่าทั้งคืน 

“หาที่เช่าใหม่ได้แล้วเหรอกุ้ง” คนเป็นแม่ถามไถ่

“ยังเลยค่ะ”

“อ้าว เห็นหน้าตาสดใส แม่ก็นึกว่าจัดการเรื่องนี้ได้แล้วเสียอีก”

“ยังไม่ได้เลยค่ะ แต่กลอยบอกว่าวันนี้ได้ชัวร์”

บุษบาชะงักไปนิดก่อนจะหัวเราะ เมื่อนึกถึงวิญญาณของลูกสาวฝาแฝดที่ตนไม่เคยได้เจอหน้า แต่ก็รู้ได้ว่าลูกยังคงอยู่ใกล้ๆ ในบางครั้ง เพราะในบ้านนี้มีแต่พริตาเท่านั้นที่มองเห็นพริมา ส่วนผิงที่นั่งอยู่ด้วยก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรแล้วที่บุษบาถามถึงคนที่ตายไป แม้ว่าตอนมาอยู่บ้านนี้ใหม่ๆ จะกลัวพริมาอยู่บ้าง เพราะอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นวิญญาณ แต่พริมาไม่เคยออกมาหลอก มีแต่ช่วยมากกว่า มีครั้งหนึ่งที่ผิงลืมปิดเตาแก๊สจนหม้อเกือบไหม้ พริมามากระซิบเตือน ผิงจึงรีบเข้าไปในครัวได้ทันก่อนจะเกิดความเสียหาย

“แล้วกลอยบอกอะไรอีกบ้าง”

“ไม่ได้บอกอะไรมากค่ะ บอกว่ากุ้งจะผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่ อ้อ แล้วก็บอกว่าถ้าอยากขอบคุณ ให้บอกแม่ด้วยว่าวันพระหน้ากลอยอยากกินเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม เพราะวันพระนี้ไม่ทันแล้ว ขอสักสองปอนด์เลยค่ะ”

พอลูกสาวพูดจบ บุษบาก็หัวเราะร่วน เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรแฝดคนพี่เป็นอย่างนี้เสมอ เวลาทำอะไรแล้วได้รางวัล สิ่งที่ขอส่วนใหญ่จะเป็นขนมอร่อยๆ หรือสิ่งที่เจ้าตัวชอบกิน ไม่เคยขอเป็นของเล่นหรือของแพงๆ เลยสักนิด

“ก็ได้ เดี๋ยวแม่ทำให้ แล้วนี่กลอยอยู่แถวนี้หรือเปล่า”

“ตอนนี้ไม่อยู่ค่ะ”

“งั้นฝากบอกกลอยด้วยว่าเดี๋ยวแม่ทำให้ แล้วถ้าอร่อยหรืออยากกินอีกก็มาเข้าฝันแม่บ้าง แม่คิดถึง”

“ได้ค่ะ ถ้ากุ้งเจอกลอยแล้วจะบอกให้ ให้นางมาบอกเลขเด็ดแม่ด้วย”

“ให้จริงเถอะ” บุษบาหัวเราะและได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ 

หลังจากนั้นทุกคนก็กินมื้อเช้าด้วยกันต่อจนเสร็จเรียบร้อย พอมื้ออาหารจบลง พริตาก็เรียกรถแท็กซี่ไปที่ร้าน เพราะรถยนต์ของหล่อนยังทำสีไม่เสร็จ พอรถแท็กซี่มาถึง ผิงก็ช่วยเอาขนมเค้กที่ทำเสร็จเมื่อวานไปใส่รถให้ จากนั้นจึงไปช่วยบุษบาเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำขนมเค้กในวันนี้ 

พริตานั่งแท็กซี่มาถึงร้าน จ๋ากับแนนซึ่งเป็นบาริสตาและผู้ช่วยของหล่อนก็มาช่วยยกกล่องขนมเค้กเข้าร้านไปใส่ตู้แช่ มีเวลาจัดร้านและทำความสะอาดอีกสองชั่วโมงกว่าร้านจะเปิดตอนสิบโมงเช้า 

พริตาสวมถุงมือป้องกันไม่ให้อะไรมาโดนเล็บ แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กทำความสะอาดเป็นการทุ่นแรงไปในตัว แต่ตอนที่กำลังทำความสะอาดที่โซฟาสำหรับลูกค้าอยู่นั่นเอง สายตาก็พลันเหลือบมองออกไปเห็นตึกแถวฝั่งตรงข้ามขึ้นป้ายประกาศให้เช่าในราคาแสนถูก

ตึกแถว ๑ คูหา พร้อมให้เช่า ๗,๐๐๐/เดือน/

“อะไรนะ อาแปะขี้เหนียวนั่นปล่อยเช่าราคาถูกขนาดนั้นจริงอะ!”

หล่อนขยี้ตารัวๆ อย่างไม่เชื่อสายตา แล้วจึงหันไปเรียกจ๋าและแนน

“จ๋า แนน เห็นนั่นหรือยัง!”

“อะไรคะพี่กุ้ง”

สองสาวถามแทบจะพร้อมกันก่อนมองตามมือเจ้าของร้านสาว ตอนแรกมองแค่กระจกร้านก็ไม่เข้าใจว่าพริตาจะให้ดูอะไร จนคนที่อุตส่าห์เรียกต้องบอกเพิ่ม

“ตรงนู้น ข้างนอกนู่น ป้ายให้เช่าของอาแปะฝั่งตรงข้ามนั่นไง” 

หล่อนชี้ชวนให้ดู สองสาวจึงเดินมาเมียงมองผนังกระจกหน้าร้านที่มองออกไปเห็นถนนหน้าร้านได้ แล้วก็แทบจะขยี้ตารัวๆ เหมือนกันเมื่อเห็นป้ายประกาศ

“เหลือเชื่อ ให้เช่าเจ็ดพันต่อเดือน อาแปะขี้เหนียวแกเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา!” จ๋าอุทาน ในขณะที่แนน ผู้ช่วยเบอร์สองของพริตาก็รู้สึกไม่ต่างกัน 

“โห ลดไปตั้งเยอะแน่ะพี่กุ้ง สงสัยอาแปะแกกินยาลืมเขย่าขวดแน่ๆ”

“สงสัยจะจริง แต่ดูแปลกๆ ชอบกล” 

พริตาเห็นด้วยเหมือนกันว่ามันผิดปกติวิสัยของอาแปะทองผู้เป็นเจ้าของมาก ในเมื่อเจ้าตัวขึ้นชื่อว่าขี้เหนียวสุดๆ เรื่องเงินทองนี่ไม่ได้เลย ต้องเก็บทุกเม็ด ไม่ให้ขาดแต่เกินได้ แล้วถ้าจะบอกว่าให้เช่าถูกเพราะตึกนั้นมีประวัติไม่ดี อย่างเช่นเคยมีคนตาย มีผีดุ หรือมีคดีฆาตกรรมก็ไม่ใช่อีก ตึกนั้นเป็นตึกใหม่ เพิ่งสร้างได้ห้าปีเอง 

“พี่กุ้งลองโทร. ไปถามดูไหม เผื่ออาแปะแกเกิดใจดีผีเข้าให้เช่าราคานั้นจริงๆ เราจะได้ไม่ต้องหาที่อื่นไง”

จ๋าเสนอ ทำให้พริตาหวนคิดถึงคำพูดของพริมาเมื่อคืนนี้ 

‘พรุ่งนี้กุ้งจะได้คำตอบของสิ่งที่กุ้งค้นหา เป็นคำตอบที่ดีด้วย’

หรือว่าพริมาจะหมายถึงสิ่งนี้!

พริตารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ตามป้าย หล่อนรออยู่ครู่เดียวปลายสายก็รับ แต่ไม่ใช่เสียงอาแปะที่คาดว่าจะได้ยิน เสียงที่ตอบมาเป็นผู้หญิง และจากที่ฟังดูน่าจะยังสาวด้วย

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีค่ะ คือฉันเห็นป้ายติดให้เช่าตึกน่ะค่ะ เลยอยากสอบถามเรื่องการเช่าและค่าเช่าตึกค่ะ”

“ไม่ทราบว่าต้องการเช่าไว้ทำธุรกิจหรือว่าเช่าเป็นที่อยู่คะ”

“ทำธุรกิจค่ะ เป็นร้านกาแฟและมีสตูดิโอสอนวาดรูปด้วยค่ะ”

“เหมือนร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามใช่ไหมคะ”

“ไม่ใช่เหมือนค่ะ แต่คือผู้เช่าฝั่งตรงข้ามนี่แหละค่ะ พอดีที่เดิมคุณป้าเจ้าของตึกเขาจะขายตึกแล้ว เลยต้องหาที่ใหม่ แต่ไม่สะดวกไปไกลนักเพราะจะกระทบการเดินทางของผู้ปกครองและลูกค้าค่ะ แล้วเห็นว่าตึกของอาแปะเปิดให้เช่า ก็เลยโทร. มาสอบถามดูค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นค่าเช่าเจ็ดพันบาท ค่าน้ำค่าไฟต่างหาก มัดจำสองพัน สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีเมื่อพร้อมค่ะ”

“คะ? ค่ามัดจำสองพันเหรอคะ”

พริตางงยิ่งกว่าเก่า นอกจากค่าเช่าถูกแล้ว ค่ามัดจำยังถูกด้วย ปกติตึกแถวแบบนี้ค่ามัดจำต้องห้าพันขึ้นไป ไม่มีหรอกที่จะเก็บค่ามัดจำแค่นี้ ความสงสัยแปลกใจทำให้หล่อนเริ่มเอะใจว่าหรืออาแปะจะป่วย หรือว่าที่หล่อนติดต่ออยู่นี้มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า

“เอ่อ ขอโทษนะคะ อันนี้ฉันโทร. มาไม่ผิดใช่ไหมคะ เป็นตึกของอาแปะทองใช่ไหมคะ”

“ไม่ผิดค่ะ เป็นตึกแถวของอาแปะทองค่ะ แต่อาแปะขายตึกแถวให้เจ้าของคนใหม่แล้ว ส่วนดิฉันเป็นพนักงานตัวแทนฝ่ายขายของเจ้าของคนใหม่ค่ะ”

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาทถามไปแบบนี้”

“ไม่เป็นไรค่ะ” ปลายสายตอบก่อนจะวกเข้าเรื่องเช่า “ไม่ทราบสนใจจะเช่าที่นี่ไหมคะ หรือว่าราคาแพงไป สามารถต่อรองได้นะคะ”

“สนใจค่ะสนใจ ไม่แพงไป ได้ราคานี้ก็ถูกจนน่าแปลกใจแล้วค่ะ”

“จะเข้ามาดูวันนี้เลยก็ได้นะคะ”

ปลายสายเชื้อเชิญอย่างเต็มใจนำเสนอสุดฤทธิ์ พริตาถึงกับงงไปนิด ไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี แถมคุยกันได้ง่ายมาก ราคาเช่าก็ถูกอีก

“คะ? ให้ดูวันนี้เลยได้เหรอคะ”

“ได้ค่ะ ถ้าคุณสะดวกก็นัดเวลาเข้ามาดูได้เลยค่ะ”

พริตายังตั้งตัวไม่ทัน แต่ในเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว มีหรือที่หล่อนจะยอมให้หลุดมือไปง่ายๆ อีกทั้งพริมายังบอกด้วยว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี หล่อนจึงเชื่อว่านี่คือทางออกที่ดีที่พริมาเคยพูดไว้

“ถ้าอย่างนั้นช่วงบ่ายโมงไม่ทราบสะดวกหรือเปล่าคะ ถ้าฉันจะขอเข้าไปดูตึกแถว”

“ได้เลยค่ะ บ่ายโมงนะคะ เดี๋ยวขอเบอร์ติดต่อไว้นิดนึงค่ะ”

พนักงานตัวแทนฝ่ายขายของเจ้าของคนใหม่ขอเบอร์ติดต่อไว้ พริตาจึงให้ไป พออีกฝ่ายจดเสร็จก็ทวนเบอร์อีกเล็กน้อย ก่อนจะสรุปใจความสำคัญและการนัดแนะในวันนี้

“ถ้ามาถึงแล้วก็เข้ามาได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่เห็นมีคนอยู่ก็โทร. มาเบอร์นี้ได้เลยนะคะ ดิฉันจะรีบจัดการให้ค่ะ”

“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

พริตากล่าวขอบคุณ รู้สึกโล่งใจและอยากจะกรี๊ดออกมาให้แก่ความโชคดีนี้ ซึ่งพอวางสายหล่อนก็กรี๊ดออกมาจริงๆ สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความโล่งอกสุดๆ 

จ๋ากับแนนซึ่งฟังการสนทนามาพักหนึ่งก็พอจะเดาได้ว่าเกิดเรื่องดีๆ ขึ้น แต่ก็อยากถามเพื่อความแน่ใจ

“เป็นไงคะพี่กุ้ง เช่าได้ไหม แล้วเขาให้ราคายังไง”

“เขายินดีให้เช่าในราคาเจ็ดพันบาทต่อเดือน น้ำไฟต่างหาก ค่ามัดจำสองพันบาท ถ้าอยากเข้าไปดูก็เข้าไปดูได้เลย พี่เลยขอเข้าไปดูวันนี้ตอนบ่าย แล้วถ้าพร้อมก็เข้าอยู่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

“จริงเหรอคะ!” จ๋าร้องตื่นเต้นดีใจ ในขณะที่แนนทำตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ทั้งแปลกใจและดีใจไปด้วยเช่นกัน

“โอ้โห เยี่ยมไปเลยค่ะ ว่าแต่ทำไมอาแปะถึงได้เลิกขี้เหนียวได้” แนนตั้งข้อสงสัย เพราะคนขี้เหนียวไม่น่าจะเลิกขี้เหนียวง่ายๆ 

พริตาเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดว่าเปลี่ยนเจ้าของแล้ว หล่อนก็คงระแวงไม่ต่างจากผู้ช่วยทั้งสอง

“คนที่คุยด้วยเมื่อกี้เขาบอกว่าตึกนั่นอาแปะขายให้คนอื่นแล้ว เขาบอกว่าตัวเองเป็นพนักงานตัวแทนเจ้าของ ท่าทางเจ้าของคนใหม่ที่ซื้อตึกนี่ไว้น่าจะเป็นพวกเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ เพราะคนที่พี่คุยด้วยเหมือนพวกพนักงานขายที่คร่ำหวอดพอสมควรเลย”

สองสาวถึงบางอ้อ แต่บาริสตาสาวยังแอบสงสัยอีกนิด

“แต่ปกติแล้วยิ่งเป็นบริษัทอย่างนี้ จ๋าว่ายิ่งต้องหาทางทำกำไร แต่ทำไมให้เราเช่าถูกจัง”

“พี่ก็สงสัยอยู่ หรือว่าสภาพข้างในตึกนั้นมันไม่โอเคก็ไม่รู้ คงต้องไปดูให้เห็นกับตา จะได้รู้กันไป” พริตาตัดสินใจ

หญิงสาวดูแลร้านไปตามปกติ จนกระทั่งถึงเวลานัดหมาย พริตาก็ขี่รถจักรยานไฟฟ้ามายังตึกแถวฝั่งตรงข้ามซึ่งคั่นด้วยถนนหกเลน หล่อนจอดรถจักรยานไฟฟ้าไว้หน้าตึกแถวที่ประกาศให้เช่าหนึ่งคูหา ตอนนี้ประตูม้วนด้านหน้าถูกดึงขึ้นไว้ และหน้าห้องที่ให้เช่ามีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ แสดงว่าคนของเจ้าของตึกแถวมาแล้ว

หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องที่ให้เช่า แต่ยังไม่ทันเรียกหาตัวแทนผู้ให้เช่า ก็เห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ผู้ชายใส่ชุดดูเหมือนช่าง ส่วนผู้หญิงใส่ชุดทำงานธรรมดา แต่ดูออกว่าเป็นพนักงานบริษัทชัดเจน

“สวัสดีค่ะ ฉันพริตาที่โทร. มาเมื่อเช้านี้ค่ะ”

“สวัสดีค่ะคุณพริตา ดิฉันลัทธพรรณ เป็นตัวแทนผู้ให้เช่าค่ะ” เจ้าหล่อนแนะนำตัวแล้วหันไปทางผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ “ส่วนนี่เป็นช่างของทางเรา ดิฉันให้ช่างมาด้วยเพื่อจะได้ช่วยดูและตอบคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวอาคารค่ะ ถ้าต้องการบิลต์อินอะไรหรือเพิ่มจุดปลั๊กไฟหรือเดินท่อน้ำตรงไหน ช่างของเราจะเป็นคนจัดการให้ค่ะ”

อ้อ แบบนี้สินะที่ได้ราคาถูก เอาช่างมาพร้อม ถ้ามีการใส่เฟอร์นิเจอร์หรือมีการปรับปรุงในตัวอาคารก็ฟันราคาการตกแต่งเพิ่มเติมได้จากตรงนี้ ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนต้องมีการเพิ่มสวิตช์และปลั๊กไฟ

พริตาคิด แต่คำพูดต่อไปของลัทธพรรณทำให้หล่อนแทบอ้าปากค้าง

“แน่นอนว่าเราจะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการติดตั้งหรือปรับปรุงเพิ่มเติมในตัวอาคารค่ะ เป็นการต่อเติมให้ฟรี”

“คะ? ไม่เก็บเลยสักบาทเหรอคะ” หล่อนถามเพื่อความแน่ใจ

“ไม่เก็บค่ะ” ตัวแทนผู้ให้เช่ายืนยัน “ทางเราเตรียมช่างเองเพราะไม่ต้องการเอาช่างนอกเข้ามาทำให้อาคารเกิดความเสียหายที่เราไม่รู้ เจ้าของค่อนข้างละเอียดในจุดนี้ แล้วเราก็มีทีมช่างของเราอยู่แล้ว หากมีการต่อเติมอะไร ให้อยู่ในสายตาและการต่อเติมที่เรารู้ย่อมดีกว่าให้ช่างนอกมาทำทีหลังค่ะ”

ตกลงว่าเจ้าของคนใหม่ไม่เค็ม แต่รักความสมบูรณ์แบบมากกว่า

แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจ ไม่แน่อาจจะมาเรื่องมากทีหลังก็ได้ ใครจะไปรู้

“เอ่อ อันนี้ถามเผื่อไว้นะคะ แล้วถ้าเกิดผู้เช่าเกิดเหตุสุดวิสัย ทำให้เกิดการเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ สมมุติ เอ่อ...ทำประตูพังอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ พอดีว่าจะเช่าทำเป็นร้านกาแฟและสตูดิโอสอนวาดรูป จะมีเด็กๆ มาเรียน ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก เพราะเรารับเด็กตั้งแต่อายุห้าปีจนถึงสิบเอ็ดปี แล้วบางทีเด็กๆ ก็ไม่ทันระวัง ปิดประตูแรงไปเบาไปอะไรแบบนั้น ทางผู้ให้เช่าจะประเมินความเสียหายยังไงคะ”

“ให้ช่างประเมินตามจริงค่ะ” ลัทธพรรณตอบตรงๆ “แต่ถ้าแค่เล็กๆ น้อยๆ เราก็ไม่คิดมากค่ะ พอดีว่าเจ้าของเป็นบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์และมีทีมช่างรับเหมาเป็นของตัวเอง เรื่องซ่อมแซมนิดๆ หน่อยๆ จึงถือเป็นเรื่องเล็กน้อยค่ะ”

‘ผู้ให้เช่าไม่คิดมาก แต่ผู้เช่านี่สิคะจะคิดไม่ตกแล้ว อะไรมันจะดีเกินไปขนาดนี้ ดีจนระแวงเลย!’

แต่ดูเหมือนลัทธพรรณจะรู้ความระแวงของพริตา จึงรีบบอกว่า

“ถ้ายังไงเชิญคุณพริตาเดินชมก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าเห็นตรงไหนที่รู้สึกว่าไม่ชอบใจก็คุยกันอีกทีได้ หรือถ้าไม่สบายใจอยากจ่ายค่าบิลต์อินและค่าติดตั้งสวิตช์ไฟเองก็ได้ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าผู้ให้เช่าจะมาเก็บเพิ่มเติมหลังจากเช่าไปแล้ว ทางเราจะมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นในภายหลังกับทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าค่ะ”

พริตาพยักหน้าเข้าใจ แล้วจึงเดินดูอาคารว่ามีอะไรที่ดูผิดปกติหรือใส่ไส้ให้หล่อนต้องมาวุ่นวายทีหลังหรือเปล่า แต่หลังจากเดินดูอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงก็ไม่พบความผิดปกติอะไร 

พื้นอาคารยังดูดี ไม่มีส่วนแตกร้าวหรือกลวงใต้พื้น ผนัง ฝ้าเพดานก็ไม่มีรอยน้ำรั่ว ประตูทุกบานยังใช้งานได้ดี ห้องน้ำและจุดอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหา เรียกว่าอยู่ในสภาพดีทุกอย่าง 

“เป็นไงบ้างคะ ตึกโอเคไหมคะ” ลัทธพรรณถามหลังจากพาเดินชมทุกซอกทุกมุม

“โอเคมากค่ะ แต่ว่าฉันคงต้องขอปรึกษากับทางบ้านก่อน แล้วจะให้คำตอบอีกที ไม่เกินวันนี้แน่นอนค่ะ”

หญิงสาวยังแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะต้องให้แน่ใจก่อนว่าหล่อนจะไม่เจออะไรแปลกๆ ตามมาหลังจากเซ็นสัญญาเช่าไปแล้ว ซึ่งคนที่จะช่วยตอบคำถามนี้ได้ดีไม่ใช่ช่างนอกหรือใคร แต่เป็นพริมาผู้ที่ไม่มีอะไรมาหลอกได้!

“ได้เลยค่ะ ด้วยความยินดี สะดวกเมื่อไหร่ก็ติดต่อมาได้เลยค่ะ” ลัทธพรรณยิ้มให้ แล้วออกมายืนส่งพริตาขึ้นรถจักรยานไฟฟ้ากลับไป 

คล้อยหลังพริตา ลัทธพรรณก็โทรศัพท์หาใครคนหนึ่งทันที เพราะแท้จริงแล้วหล่อนไม่ใช่ตัวแทนขายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ตามที่อ้างไป แต่เป็นพนักงานฝ่ายขายเฉพาะกิจที่รามิลส่งมา เพราะเขาไม่อยากออกหน้าช่วยพริตาตรงๆ กลัวหล่อนจะคิดว่าเขามาสร้างความดีเพื่อหาความชอบ จึงต้องใช้วิธีนี้แทน

“ท่านประธานคะ ดิฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ รอแค่คุณพริตายืนยันว่าเช่าหรือไม่แค่นั้น เธอบอกว่าขอปรึกษากับคนที่บ้านก่อนแล้วจะให้คำตอบอีกทีค่ะ”

รามิลฟังแล้วค่อนข้างพอใจผลลัพธ์ในเบื้องต้น ถึงแม้ตอนนี้การทำสัญญาระหว่างอาแปะขี้เหนียวยังไม่แล้วเสร็จดี เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการ แต่เม็ดเงินที่มากกว่าปกติทำให้อาแปะทองตาวาวและยอมขายตึกแถวหนึ่งคูหาให้อย่างไม่รีรอ แล้วก็โชคดีที่เขามีพนักงานฝ่ายขายเก่ง ผลจึงออกมาเป็นที่น่าพอใจ

“แล้วคุณพริตาสงสัยอะไรบ้างหรือเปล่า”

“ก็มีสงสัยเรื่องที่เราเตรียมช่างต่อเติมไว้ให้เป็นตัวเลือก แต่ดิฉันบอกไปว่าทางเราเตรียมช่างเองเพราะไม่ต้องการเอาช่างนอกเข้ามาทำให้อาคารเกิดความเสียหาย เพราะเจ้าของคนใหม่ค่อนข้างละเอียด และการใช้ช่างของตัวเองย่อมดีกว่าจ้างช่างนอกค่ะ”

“ทำดีมาก ขอบคุณมาก รอทางนั้นยืนยันเรียบร้อย แล้วสิ้นปีนี้คุณเตรียมรับโบนัสพิเศษได้เลย”

“ขอบคุณค่ะท่านประธาน”

ลัทธพรรณยิ้มแก้มปริรับคำชม แต่ที่ดีใจยิ่งกว่าก็คือโบนัสสิ้นปีนั่นแหละ เชื่อได้เลยว่าเจ้านายจ่ายหนักจัดเต็มแน่ เพราะขนาดเรื่องผู้หญิงคนนี้ยังจัดเต็มขนาดนี้ สงสัยว่าท่านประธานจะมีคุณนายเร็วๆ นี้ บริษัทคงได้จัดงานมงคลอีกไม่ไกลแล้ว!

เมื่อพริตากลับมาถึงร้านก็เล่าเรื่องที่คุยกับตัวแทนเจ้าของตึกแถวให้ผู้ช่วยทั้งสองคนฟัง ซึ่งถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงได้ย้ายไปเช่าที่นั่นแทนเร็วๆ นี้ ผู้ช่วยทั้งสองทั้งดีใจทั้งโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนการเดินทางจนทำให้ค่าเดินทางเพิ่มขึ้น 

พริตาพูดคุยกับผู้ช่วยทั้งสองต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวขึ้นไปยังชั้นสามซึ่งเป็นห้องเรียนวาดรูป ขึ้นมาข้างบนได้หล่อนก็ปิดประตู เพราะไม่อยากให้ผู้ช่วยบังเอิญมาเห็นสิ่งที่หล่อนกำลังจะทำ

หญิงสาวไปยืนข้างหน้าต่างที่มองออกไปเห็นถนนหน้าร้าน ตั้งสมาธิเพื่อเรียกหาพริมา เพราะการเรียกหาวิญญาณแฝดนอกสถานที่ต้องใช้สมาธิมากกว่าการพูดคุยกันที่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่วิญญาณของพริมาจะอยู่ที่บ้านเป็นหลัก แต่ก็มีบ้างที่ไปๆ มาๆ ระหว่างที่อื่นกับบ้าน 

พริมาเคยบอกว่าการไปยังสถานที่อื่นจะต้องเจอกับพลังงานวิญญาณหลากหลาย อย่างเช่นเจ้าที่ ถ้าอยากเข้าไปในสถานที่นั้น บางครั้งก็ต้องมีการพูดคุยขออนุญาตกันก่อน ซึ่งค่อนข้างเสียเวลา ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นเจ้าตัวก็จะไม่ค่อยโผล่ไปที่อื่นโดยใช่เหตุ

“กลอย กลอยอยู่ไหน ได้ยินเสียงกุ้งไหม มาหากุ้งที่นี่หน่อยสิ กุ้งมีเรื่องจะปรึกษา”

อึดใจใหญ่พริมาก็ปรากฏกายขึ้น แล้วเจ้าหล่อนก็ทำให้พริตาเกือบจะกลอกตามองบนใส่ด้วยความขบขัน เพราะครั้งนี้วิญญาณแฝดแสนสุขมีของกินติดไม้ติดมือมาอีกแล้ว เป็นขนมช่อม่วงที่เจ้าตัวเอามาทั้งถ้วย

“อย่าบอกนะว่าเอามาจากบ้านป้าสมอีกแล้ว”

“ผิด อันนี้มาจากข้างบน” พริมาตอบกลับทันที “วันนี้วันพระ ไปฟังท่านๆ ข้างบนเทศน์ธรรมะมา ขากลับเลยว่าจะแวะกินสำรับบุญนิดหน่อย แต่ยังไม่ทันได้กินเลย กุ้งเรียกซะก่อน คว้ามาได้พอดีก็เลยมาทั้งอย่างนี้เลย”

‘เฮ้อ ยายวิญญาณแฝดผู้มีความสุขกับของกิน’

พริตาได้แต่ส่ายหน้าขำๆ แต่ก็ดีใจที่เห็นฝาแฝดมีความสุขดี ดีไม่ดีอาจจะสุขกว่าหล่อนเสียด้วย แต่เรื่องทางโลกของพริมาเอาไว้ก่อน หล่อนไม่ได้อยากรู้ ตอนนี้เอาเรื่องทางโลกจริงๆ ของหล่อนก่อนดีกว่า

“กลอยช่วยกุ้งหน่อยสิ”

“มีอะไรว่ามาเลย”

“ก็ที่เช่าไง ที่กลอยบอกไงว่ากุ้งหาได้ชัวร์ ตอนนี้ได้ที่เช่าใหม่ดีๆ มาอยู่ในตัวเลือกแล้ว แต่มันดีมากจนกุ้งสงสัย มันดีเกินไปแบบแปลกๆ กลัวว่าผู้ให้เช่าเขาจะวางยาหรือเปล่า”

“โธ่ นึกว่าอะไร” 

พริมาว่าแล้วจิ้มขนมช่อม่วงในถ้วยใบเล็กใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะหันไปทางตึกแถวให้เช่าฝั่งตรงข้ามอย่างรู้ได้โดยไม่ต้องให้ฝาแฝดบอกว่าที่ที่ว่าคือที่ไหน เจ้าตัวมองแล้วก็ทำเสียงอืมๆ ในลำคออยู่สักพักก่อนจะตอบแฝดของตน

“สบายใจได้ ไม่มีอะไรจริงๆ เช่าได้เลย”

“แล้วทำไมเขาให้ราคาถูกจัง” พริตาสงสัยไม่หาย

“ถูกมากเหรอ”

“มากเลย เขาให้ราคาเช่าอยู่ที่เจ็ดพัน ค่ามัดจำสองพัน แถมยังเตรียมช่างต่อเติมไว้ให้พร้อมอีก แบบนี้มันดีเกินไปจนดูแปลกๆ หรือเปล่ากลอย”

“แล้วกุ้งได้ถามเขาไหมว่าทำไมถึงให้เช่าถูกแล้วมีช่างตกแต่งเตรียมไว้ด้วย” วิญญาณสาวถามต่อ แต่ก็ยังเพลิดเพลินกับการกินต่อ ราวกับว่าเรื่องกลุ้มใจของฝาแฝดเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมากสำหรับหล่อน เพราะหล่อนรู้ปลายทางของเรื่องนี้ดี แค่ไม่ได้พูดออกไปเพราะยังไม่ถึงเวลา

“ถามแล้ว เขาบอกว่าเจ้าของค่อนข้างละเอียดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็มีทีมช่างอยู่แล้ว ให้ช่างตัวเองทำดีกว่าช่างนอก ฟังเหตุผลเหมือนจะดี แต่กุ้งรู้สึกว่ามันดีเกินไปจนน่าระแวงน่ะสิ”

“งั้นก็คงตามนั้น ไม่ต้องระแวงหรอก ไม่มีอะไร”

“จริงเหรอ” พริตายังไม่แน่ใจอยู่ดี

“จริง คอนเฟิร์ม เช่าได้ ตรงปกทุกอย่าง ไม่มีเรื่องวุ่นวายตามหลังให้กุ้งปวดหัวแน่นอน” พริมาจิ้มขนมช่อม่วงใส่ปากอีกคำแล้วบอกต่อ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กลอยขอแวบก่อนนะ เดี๋ยวเขาจะมีกินเลี้ยงกัน ไปละ”

วิญญาณสาวว่าแล้วหายตัวไปดื้อๆ พริตาถึงกับส่ายหน้า แต่ก็โล่งอกเมื่อพริมายืนยันแบบนี้ หล่อนจึงรีบโทรศัพท์กลับไปหาตัวแทนผู้เช่าเพื่อตอบตกลงและนัดแนะทำสัญญาเช่าในอีกสองวันข้างหน้า 

พอคุยกันได้ลงตัว พริตาก็กลับลงมาชั้นล่างและดูแลร้านตามปกติ วันนี้เป็นวันธรรมดา คนไม่ค่อยเยอะเหมือนวันเสาร์อาทิตย์ มีลูกค้ามาซื้อเครื่องดื่มและขนมอยู่เรื่อยๆ บางทีก็สั่งผ่านแอปพลิเคชัน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้คนสามคนรับมือไม่ไหว แต่ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ซึ่งมีการเรียนสอนวาดรูปด้วย จะมีทั้งเด็กและผู้ปกครองมากันหลายคน พอตัดพริตาที่ต้องสอนเด็กๆ ไปคนหนึ่ง สองคนในร้านก็จะทำงานหัวหมุนเกินไป จึงมีการจ้างพนักงานพาร์ตไทม์เฉพาะช่วงเสาร์อาทิตย์เพิ่มหนึ่งคน เป็นพนักงานนักเรียนที่ต้องการหารายได้พิเศษ

หญิงสาวดูแลร้านไปแบบสบายๆ ช่วงไหนมองแล้วลูกค้าไม่เยอะก็จะปลีกตัวไปเตรียมอุปกรณ์การเรียนให้เด็กๆ บนชั้นสอง และเตรียมจัดขนมเล็กๆ น้อยๆ ไว้เป็นรางวัลให้นักเรียนและเป็นกำลังใจให้พัฒนาฝีมือ จะได้มีความสุขกับการมาเรียน

หล่อนจัดเตรียมอุปกรณ์ไปเรื่อย จนกระทั่งช่วงบ่ายแก่โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หล่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู เห็นเป็นชื่อรุ่นน้องสาวที่ชื่อนัท จึงรับสายนั้น

“ฮัลโหล ว่าไงนัท”

นัทเป็นรุ่นน้องที่สนิทกัน ซึ่งรับสอนพิเศษวาดรูปตามบ้านและสอนที่โรงเรียนกวดวิชาสำหรับติวเด็กเตรียมสอบเข้าโควตาคณะศิลปกรรม โดยปกติแล้วอีกฝ่ายจะมาช่วยสอนวาดรูปให้เด็กๆ ที่นี่ในวันที่หล่อนไม่ว่างหรือมีงานถ่ายแบบมือเข้ามาพอดี 

“พี่กุ้ง วันนี้ช่วงหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มพี่กุ้งมีธุระหรือเปล่าคะ”

“เย็นนี้เหรอ อืม...” หล่อนเสียเวลานึกเล็กน้อย “พี่ว่าง นัทมีอะไรเหรอ”

“คืองี้พี่กุ้ง นัทรับสอนศิลปะให้เด็กคนหนึ่ง แล้วต้องไปสอนทุกๆ วันศุกร์ก็คือวันนี้ แต่นัทดันท้องเสียกะทันหัน กลัวไปสอนแล้วมัวแต่วิ่งจู๊ดๆ เข้าห้องน้ำก็น่าเกลียดไป เลยอยากให้พี่กุ้งช่วยไปสอนแทนนัทให้หน่อย”

รุ่นน้องสาวทำเสียงออดอ้อน พริตาไม่ได้ติดขัดอะไรถ้าจะต้องไปช่วยสอนแทนให้ เพราะต่างคนต่างช่วยเหลือพึ่งพากันมาตลอด แต่ติดปัญหาเดียว นั่นคือ...

“แล้วผู้ปกครองเขาจะยอมเหรอ จู่ๆ เปลี่ยนครู ส่งคนอื่นไปแทน”

“เดี๋ยวนัทโทร. บอกเขา แต่นัทโทร. มาถามพี่กุ้งก่อน ถ้าพี่กุ้งว่างและตกลง นัทก็ว่าคงต้องใช้วิธีนี้ แต่ถ้าไม่ว่างคงต้องหยุดไปสอน แต่ก็สงสารเด็ก น้องเขาเรียนโฮมสกูลด้วย ศิลปะเป็นวิชาที่เขาชอบ อาทิตย์หนึ่งจะได้เจอกันครั้งหนึ่ง เขาน่าจะตั้งตารอ”

พริตาเข้าใจดี หนึ่งสัปดาห์ได้เรียนครั้งหนึ่ง ก็ยิ่งอยากมีเวลาให้สิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่ จู่ๆ จะบอกว่ายกเลิกการเรียนก็น่าสงสารเห็นใจเด็กจริงๆ นั่นแหละ

แต่ในความสงสารเห็นใจกลับมีสิ่งที่ทำให้หล่อนแอบทำหน้านิ่วอยู่ด้วย แวบหนึ่งหล่อนนึกไปถึงน้องวีเพราะคำว่าเรียนโฮมสกูล แต่ก็ต้องรีบปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป เพราะในโลกนี้มีเด็กหลายคนที่เรียนโฮมสกูล ไม่ใช่แค่น้องวี ลูกชายของรามิลเสียหน่อย 

“พี่ว่าง ยินดีช่วย แต่นัทต้องไปคุยกับผู้ปกครองทางนั้นให้รู้เรื่องก่อน ถ้าเขาไม่มีปัญหา พี่จะไปสอนแทนให้”

“ขอบคุณมากค่ะพี่กุ้ง งั้นเดี๋ยวนัทโทร. หาผู้ปกครองก่อน แล้วถ้าเขาโอเค นัทจะส่งพิกัดบ้านที่ต้องไปสอนและรายละเอียดมาให้นะคะ”

“โอเค มีอะไรก็ส่งข้อความหรือโทร. หาพี่ได้เลย”

พริตาว่าแล้ววางสายไปก่อนจะทำงานของตัวเองต่อ จนกระทั่งเกือบยี่สิบนาทีต่อมา รุ่นน้องสาวก็ส่งข้อความมาบอกว่าผู้ปกครองยินดีให้ส่งครูไปสอนแทน ทั้งยังแนบพิกัดบ้านที่ต้องไปสอนมาให้เรียบร้อย

นัท_Nut : พิกัดตามนี้เลย เป็นหมู่บ้านใหญ่ อลังการเลยแหละ ตอนเข้าไปก็ต้องแลกบัตรด้วย แล้วขาออกแม่บ้านของบ้านจะปั๊มบ้านเลขที่ใส่หางบัตรแลกไปให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้า ก็รับบัตรคืนตามปกติเลยค่ะ

กุ้ง_Sunshine : โอเค พี่เข้าใจแล้ว นัทก็หายไวๆ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปสอนแทนให้

นัท_Nut : ขอบคุณพี่กุ้งมากจริงๆ เดี๋ยวค่าสอนกับค่าเสียเวลา แล้วก็ค่ารถต่างหาก นัทจะโอนให้ตอนเย็น ถ้านัทหายดีแล้วจะขอเลี้ยงหมูกระทะสักมื้อนะ พี่กุ้งของน้อง รักนะจุ๊บๆ

รุ่นน้องสาวส่งข้อความมา ตามด้วยสติกเกอร์ยกมือไหว้ทำตาซาบซึ้งอีกสองตัว พริตาได้แต่หัวเราะก่อนจะส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนทำนิ้วโอเคกลับไป เป็นอันว่าตกลงตามนั้น

หล่อนอยู่ดูแลร้านต่ออีกนิด พอเห็นสมควรแก่เวลาก็กลับบ้าน ปล่อยให้ผู้ช่วยสองคนดูแลร้านต่อ เพราะหล่อนต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทบทวนการสอนที่รุ่นน้องส่งตามมาให้อีกครั้งว่าวันนี้ต้องไปสอนเรื่องอะไร จะได้สอนต่อได้อย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าหล่อนเอาขนมเล็กๆ น้อยๆ อย่างอมยิ้มซึ่งเด็กชอบติดมือไปด้วย

พอเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย พริตาก็ขึ้นแท็กซี่ที่เรียกผ่านแอปพลิเคชัน ปักหมุดตามที่รุ่นน้องให้มา ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านหรู ที่หล่อนเชื่อแล้วว่าเป็นหมู่บ้านใหญ่และหรูจริงๆ เพราะแต่ละหลังเนื้อที่ไม่ใช่น้อยๆ

แม่เจ้า! ต้องเอาบ้านหล่อนมารวมกันให้ได้สามหลัง ถึงจะได้เนื้อที่บ้านหลังนี้หลังเดียว

พริตาครางในใจ แต่แล้วก็ชักจะตงิดๆ ใจ ตอนที่ลงจากรถแท็กซี่แล้วเห็นป้ายที่ติดอยู่หน้าประตูบ้าน มันเป็นป้ายชื่อบ้านที่ทำให้หล่อนอยากถอยกลับไปตั้งหลักไกลๆ เลยก็ว่าได้

‘วสุคันธรักษ์’

นามสกุลนี้เป็นนามสกุลของรามิล แล้วหล่อนก็จำได้แม่นด้วย เพราะตอนที่แอบชอบเขาสมัยเป็นนักเรียน หล่อนจะไวต่อการได้ยินการประกาศชื่อและนามสกุลของเขาที่โรงเรียนมาก ได้ยินเมื่อไรเป็นต้องเงี่ยหูฟัง หันหาเจ้าของชื่อทุกที

“อย่าบอกนะว่าเด็กที่เรียนโฮมสกูลที่ว่าจะเป็น...”


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น