๒ 

เจ้าแม่จัดให้

 

เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่ทุกคนกำลังร่วมกินอาหารเช้าด้วยกันที่ห้องอาหาร รติยาก็ขอลาหยุดกับตุลยาเป็นกรณีพิเศษ เพราะตอนนี้หล่อนทำงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ผู้อำนวยการของโรงเรียนเปรมธิมา ซึ่งมีตุลยาน้องสาวของอติรุจเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ส่วนอติรุจนั้นเป็นเจ้าของบริษัทอาร์แอนด์ทีเอสเตต แล้วก็ยังเป็นเจ้าของโรงเรียนเปรมธิมาด้วย แต่เขาเป็นเจ้าของโรงเรียนแค่ในนาม เพราะในอนาคตโรงเรียนแห่งนี้จะตกเป็นของน้องมิว ลูกสาวคนเดียวของตุลยา 

ส่วนธนาดลนั้นได้ที่ดินและเงินทุนก้อนใหญ่เทียบเท่ากับราคาของโรงเรียนเปรมธิมาไป หากธนาดลต้องการไปทำธุรกิจของตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปตามที่พ่อของอติรุจได้วางแผนอนาคตล่วงหน้าไว้ให้ลูกๆ ก่อนที่จะจากไปเมื่อหลายปีก่อน

แต่เพราะรติยาขอลาหยุด ทุกคนเป็นห่วงคิดว่าหล่อนไม่สบาย รติยาจึงรีบอธิบายว่าหล่อนสบายดี แต่ที่ขอลาหยุดเพราะอารดาขอให้ไปอยุธยาเป็นเพื่อน แล้วหล่อนก็ได้แต่บอกเลี่ยงๆ ไปว่า ช่วงนี้เพื่อนสาวมีปัญหาคิดไม่ตก ก็เลยอยากไปไหว้พระขอพรที่วัดที่เคยไปด้วยกัน

ทุกคนเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่หล่อนบอก มีแต่อติรุจเท่านั้นที่เดาได้ว่า ไหว้พระขอพรที่ว่าคงเป็นภารกิจขอพรเจ้าแม่อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเพื่อนสนิทของภรรยาคนนี้ ไม่มีทางชวนไปเที่ยว หรือแค่ไหว้พระทำบุญเก้าวัดอย่างแน่นอน ดังนั้นตอนที่กินอาหารเช้าเสร็จแล้วและมาขึ้นรถหน้าบ้านเพื่อไปทำงาน เขาจึงกระซิบบอกภรรยาที่มารอส่งว่า

‘รุ้งห้ามขอพรผิดเชียวนะ’

รติยายิ้มที่สามีฉลาดเดาได้ หล่อนจึงยืนยันให้เขาสบายใจว่า 

‘คราวนี้ไม่ขอพรผิดแน่นอนค่ะ รุ้งจดใส่กระดาษท่องจำไว้แล้วเรียบร้อย และจะต้องขอให้เจ้าแม่ช่วยปุ๊กให้สัมฤทธิผลให้ได้ด้วย ให้เจ้าแม่ท่านช่วยเอาความนก ความแห้วของยายปุ๊กออกไปเสียที เพราะรุ้งไม่อยากถูกลากไปขอพรหาแฟนด้วยกันที่ไหนอีกแล้ว’

นั่นแหละอติรุจจึงได้เบาใจและไปทำงานได้

ส่วนรติยาพอส่งสามีไปทำงานเรียบร้อยก็มาเตรียมตัวให้พร้อม ท่องจำคำขอพรที่เตรียมไว้ จนกระทั่งอารดาขับรถมารับที่บ้าน หล่อนก็ออกไปกับเพื่อนรัก สองสาวขับรถไปด้วยกันและคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปตลอดทาง แต่พอเข้าเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อารดาเกิดหิวขึ้นมาจึงเลี้ยวรถเข้าไปในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ทั้งอาหารไทยและอาหารจานด่วน 

“คุณเพื่อนรุ้งที่น่ารักจ๋า ฉันหิวข้าว ขอแวะกินอะไรกันก่อนได้ไหม เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรมาเลย” 

“เอ้า ยายคนนี้ แล้วไม่บอก ตอนมารับฉันจะได้ให้แม่บ้านเตรียมอาหารให้”

“คือว่า ตอนแรกฉันคิดจะแขวนท้องไปรอกินทีเดียวหลังไหว้เจ้าแม่เสร็จ แต่ตอนนี้กระเพาะบอกแม่จ๋าหนูไม่ไหวแล้ว ขออะไรใส่ปากใส่ท้องก่อน” อารดาทำตาออดอ้อนใส่

“เฮ้อ ยายนี่ ไปๆ ไปกินข้าวให้เรียบร้อยเลยไอ้เพื่อนบ้า” รติยาว่าแล้วก็ลงจากรถไปพร้อมกับอารดา สองสาวเข้าไปในร้านอาหารจานด่วนที่อยู่ในปั๊มน้ำมัน โดยอารดาเลือกครัวซองต์ไข่ชีสง่ายๆ กับน้ำแก้วเดียว เพราะมื้อเช้าไม่ใช่คนกินเยอะอยู่แล้ว ส่วนรติยาดื่มแค่น้ำแก้วเดียว เพราะยังอิ่มอยู่  

สองสาวกินอาหารด้วยกันอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกจากปั๊มน้ำมันและขับรถไปที่วัดอันเป็นเป้าหมาย ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงวัดและจอดรถที่ลานจอดรถ ก่อนจะลงจากรถและไปไหว้พระประธานประจำวัดก่อน จากนั้นก็เดินไปที่ศาลเจ้าแม่ด้วยกัน

อารดากับรติยาจุดธูปตรงจุดที่ทางศาลเจ้าแม่จัดไว้ให้ จากนั้นก็ขึ้นไปไหว้เจ้าแม่ที่ชั้นบน ซึ่งวันนี้คนน้อยเหมือนครั้งที่แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเจ้าแม่เปิดทางให้ หรือเพราะอารดาดวงดีก็ไม่รู้  สองสาวนั่งลงบนพื้นเบื้องหน้าเจ้าแม่แล้วยกมือขึ้นไหว้ แต่คนเป็นเพื่อนที่ถูกลากมาก็ไม่วายบอกว่า 

“ถ้าฉันเป็นเจ้าแม่นะ ฉันคงคิดว่าแกนี่ทู่ซี้สุดยอดจริงๆ” รติยาเปรย ไม่รู้จะขำหรือจะสงสารดีกับวีรกรรมของเพื่อน ที่แค่หล่อนกลับจากไปฮันนีมูนกับสามีได้สองสัปดาห์ แม่เพื่อนรักก็โทรศัพท์มาชวนไปหาเจ้าแม่ด้วยกัน ตอนแรกหล่อนก็ไม่อยากมาหรอก แต่พอคิดว่าถ้าอารดาได้แฟนเป็นตัวเป็นตนสักทีก็อาจจะช่วยให้เพื่อนสาวหายเวิ่นเว้อเสียที จึงได้ยอมมาด้วย

“เจ้าแม่ท่านคงชินกับแม่สาวหน้าด้านหน้าทนอย่างฉันแล้วแหละ ก็ช่วยไม่ได้ ฉันมันอาภัพคู่นี่”

“อาภัพคู่ อื้อฮือ พูดซะน่าสงสารเชียวนะจ๊ะคุณปุ๊ก” รติยาอดแซวไม่ได้ จะว่าอาภัพคู่ก็ไม่ใช่ เพราะใช่ว่าอารดาจะไม่มีใครมาจีบหรือไม่เคยมีแฟนเลยสักคน แต่คนที่เข้ามาล้วนคบหากันไม่ยืดมากกว่า ดังนั้นถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ไม่ใช่อาภัพคู่ แค่ยังไม่เจอคู่ที่แท้จริงของตัวเองมากกว่า

“ฉันน่าสงสารน่ะถูกต้องแล้ว ครั้งก่อนฉันอุตส่าห์ลากแกมาขอพรเป็นเพื่อน แต่สุดท้ายคนที่ได้แฟนจนกลายเป็นผัว กลับเป็นแกไปเสียได้ ดวงฉันมันช่างอาภัพจริงๆ” 

อารดาจีบปากจีบคอแสร้งถอนหายใจและทำหน้าน่าสงสารไปด้วย แต่ในสายตาของรติยาแล้วกลับกลายเป็นความขบขันมากกว่า เมื่อหล่อนมองออกว่าเพื่อนแกล้งทำล้วนๆ ไม่ได้รู้สึกสลดหรือรู้สึกอาภัพรักอย่างที่พูดไปเลยสักนิด

“แกนี่มันจริงๆ เลย” รติยาถอนหายใจอีกรอบ “ฉันชักสงสัยแล้วว่าถ้าการมาขอพรครั้งนี้ได้ผล เพราะเจ้าแม่ท่านเบื่อหน้าแกแล้ว ก็เลยยอมส่งใครสักคนมาให้ แบบเป็นคนที่ใช่และเป็นเนื้อคู่ของแกจริงๆ เนื้อคู่ของแกคนนั้น เขาต้องเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้”

“หืม...ฉันออกจะเป็นคนดีศรีสยาม”

“ศรีสยองน่ะสิแก”

“เชอะ ไม่พูดด้วยแล้ว ยายคนมีผัวแล้ว” อารดาค้อนปะหลับปะเหลือกใส่ก่อนจะตัดบท “ไม่รู้แหละครั้งนี้ฉันจะออดอ้อนเจ้าแม่ขอให้ท่านเมตตาสาวน้อยตาดำๆ คนนี้ ยังไงครั้งนี้ฉันก็ไม่ขอพรผิดวิธีแน่นอน”

รติยาถึงกับนิ่วหน้าทันที “เดี๋ยวนะ แกขอผิดวิธีเหรอ ยังไง? ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลย”

“ฉันไม่กล้าบอกแกน่ะสิ” อารดายอมรับอ้อมแอ้ม เล่นเอารติยาถึงกับนิ่วหน้าหนักกว่าเดิม แล้วจึงซักไซ้เพื่อนรักต่อหน้าเจ้าแม่เสียเลย 

“บอกมาเสียดีๆ ว่าแกขอท่าไหน ถึงได้ผิดวิธี”

“ก็...ครั้งก่อนฉันขอและบนบานไปด้วย เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเจ้าแม่ท่านไม่ชอบให้บนบาน”

อารดายอมเปิดปากบอกว่าครั้งที่แล้วหล่อนขอและบนบานไปด้วยว่าถ้าได้แฟนจริงจะทำนั่นทำนี่ให้ ไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าแม่ไม่ชอบให้บนบาน บวกกับเพื่อนรักอย่างรติยาดันขอพรให้หล่อนมีแฟน แต่ขอผิดชีวิตเปลี่ยนเลยกลายเป็นสองเด้ง ผลสุดท้ายคนที่มีแฟนไปก่อนก็เลยกลายเป็นรติยา ส่วนหล่อนที่ขอพรไม่ถูกวิธีจึงได้กินแห้วไปตามระเบียบ

“ถามจริง! ปกติแกจะไปมูที่ไหน ก็ต้องศึกษาวิธีมาก่อนว่าที่นั้นๆ ต้องขอพรยังไง ด้วยอะไร แล้วนี่พลาดได้ไง”

“ก็พลาดไปแล้ว เลยต้องมาขอเจ้าแม่ใหม่ให้ถูกวิธีนี่ไง” อารดาทำหน้าจ๋อยแล้วจึงพนมมือ “พอๆ ฉันขอเจ้าแม่แล้ว ส่วนแกจะขออะไรก็ขอไป แต่อย่าขอให้มีผัวคนที่สองก็แล้วกัน งานเข้าได้ผัวเพิ่มขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะจ๊ะ”

“ไอ้เพื่อนบ้า! ฉันมีแต่คุณรุจคนเดียวย่ะ”

“จ้ะๆ ยายคนผัวรัก ผัวหลง และหลงผัวมาก!” อารดาเน้นคำสุดท้ายแล้วก็หัวเราะอย่างขบขัน แม้จะอิจฉาเพื่อนอยู่ลึกๆ ที่ได้สามีดี แต่หล่อนคิดว่าครั้งนี้ละจะต้องเป็นทีของตัวเองบ้าง เจ้าตัวจึงตั้งสมาธิและหลับตาลง ก่อนจะขอพรต่อเจ้าแม่ศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าด้วยความตั้งใจยิ่ง

‘เจ้าแม่ขา วันนี้ลูกมาขอพรเจ้าแม่อีกครั้ง ขอให้เจ้าแม่ช่วยเมตตา ประทานแฟน หรือจะประทานผัวมาให้ลูกเลยก็ได้นะเจ้าคะ หรือจะให้ลูกข้ามขั้นตีหัวลากเขาเข้าห้องกันเลยก็ได้เจ้าค่ะ แต่ขอให้เขาคนนี้เป็นคนเดียวและคนสุดท้าย ให้ลูกได้แต่งงานกับเขา ได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าด้วยเถิดเจ้าค่ะ เพี้ยง!’ 

สิ้นคำขอพรของหล่อน ลมแรงก็พัดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างวูบหนึ่ง พร้อมกับกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้เย็นสดชื่นและเสียงกรุ๊งกริ๊งกังวานใสเหมือนเสียงระฆังแก้ว ไพเราะมากจนเจ้าตัวถึงกับลืมตาและหันมองซ้ายขวาด้วยความแปลกใจ

แต่ครั้นพอหาที่มาของเสียงไม่เจอ ก็คิดจะหันไปถามเพื่อน แต่พอหันมาเจอเพื่อนรักกำลังพนมมือพึมพำขอพรอยู่ก็ไม่อยากขัดจังหวะ จึงได้แต่มองไปรอบๆ อย่างสงสัย ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่นี้มีลมพัดผ่านมาจริง หรือว่าคิดไปเอง แล้วกลิ่นดอกไม้หอมนั้นมาจากไหน แล้วยังเสียงกรุ๊งกริ๊งนั่นอีก

หรือจะเป็นเสียงกระดิ่งลมแถวๆ นี้?

อารดาคิดแล้วก็มองหากระดิ่งลม แต่ก็ไม่เห็นมี จึงได้แต่ทำหน้างุนงงสงสัย ก่อนจะยักไหล่ไม่อยากหาคำตอบนั้นต่อ แต่รติยาที่ลืมตาขึ้นมาทันเห็นเพื่อนทำหน้าแปลกๆ อดไม่ได้ที่จะถาม

“เป็นอะไรไปปุ๊ก”

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“แต่แกทำหน้าแปลกๆ เหมือนมองหาอะไร มีอะไรหรือเปล่า”

“อืม...ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีมั้ง ฉันคงคิดไปเอง”

หญิงสาวบอกปัด ไม่อยากอธิบายให้เพื่อนเป็นกังวล เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเหมือนกัน แต่สำหรับรติยาที่มีประสบการณ์ได้รับพรจากเจ้าแม่มาก่อนกลับอมยิ้ม เมื่อคิดว่าอารดาอาจจะได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งคล้ายระฆังแก้ว แล้วก็กลิ่นดอกไม้ที่หล่อนมักจะได้กลิ่นทุกครั้งก่อนจะได้เจอกับอติรุจ แต่กลิ่นนั้นหายไปหลังจากที่หล่อนตกลงใจเป็นแฟนกับอติรุจแล้ว

ถ้าอารดาสัมผัสได้เหมือนอย่างที่หล่อนเคยสัมผัส แสดงว่าเจ้าแม่ท่านเมตตาประทานพรให้ หรือไม่ท่านก็คงเบื่อหน้ายายเพื่อนตัวดีเต็มทน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น เพราะหล่อนจะได้ไม่ต้องคอยวิ่งไปขอพรที่นู่นที่นี่เป็นเพื่อนยายเพื่อนตัวดีอีกแล้ว

หลังจากสองสาวขอพรเสร็จเรียบร้อยก็นั่งอยู่หน้าเจ้าแม่ครู่ใหญ่ อารดาไม่ได้เสี่ยงเซียมซีกับโยนไม้ปวยคว่ำหงายเพื่อถามให้มั่นใจว่าที่ขอจะสำเร็จหรือไม่ เพราะใจยังไม่กล้าพอที่จะยอมรับความจริง หากเจ้าแม่บอกว่าไม่สำเร็จ หล่อนคงจิตตกไปอีก 

แต่พอครู่ถัดมามีคนขึ้นมาไหว้เจ้าแม่มากขึ้น ทั้งสองคนจึงลงจากศาลเจ้าแม่เพื่อให้คนอื่นได้มาขอพร ส่วนทั้งสองคนพอออกมาจากศาลเจ้าแม่ได้ก็ไปให้อาหารปลาริมแม่น้ำ แต่อารดากลับมองซ้ายมองขวา ทำตัวยุกยิกไม่เลิก จนรติยาต้องถาม

“แกเป็นอะไร มองหาอะไรเหรอ”

“ฉันกำลังมองหาว่าที่แฟนของฉันว่าจะปรากฏตัวตอนไหน”

“หา!” คนเป็นเพื่อนถึงกับร้องและทำหน้าเหลอใส่ อารดาจึงเฉลยให้ฟัง

“ก็ตอนคราวของแก พอขอพรเสร็จแล้วฉันไปห้องน้ำ ส่วนแกก็มาสะดุดรักเจอกับคุณรุจเลย แสดงว่าถ้าพรของเจ้าแม่สัมฤทธิผล ฉันก็ต้องได้เจอเนื้อคู่ที่วัดนี้ด้วยสิ”

“มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง ถ้าทุกคนมาขอพรแล้วได้เจอเนื้อคู่ที่วัดกันหมด ป่านนี้คงได้เล่ากันปากต่อปาก กลายเป็นวัดที่มาแล้วต้องได้คู่กลับไปหมดทุกคนแล้ว”  รติยาท้วง คิดว่าคราวของอารดาคงไม่เหมือนกับหล่อน เพราะคนเราคงไม่บังเอิญเจอเนื้อคู่ในสถานที่เดียวกันแบบนี้หรอก 

อารดาจึงได้แต่ทำหน้าจ๋อยและยอมรับเสียงอ่อย

“ก็จริงของแก แถมตอนนี้รอบๆ ตัวฉันในรัศมีสิบเมตรก็มีแต่คนที่มากันเป็นครอบครัวทั้งนั้น”

“ใจเย็นๆ ค่ะคุณเพื่อน ยังไงตอนนี้แกก็ขอพรแล้ว เดี๋ยวเจ้าแม่ท่านก็ส่งมาให้เอง ก็ครั้งนี้แกขอพรถูกแล้ว ยังไงก็คงไม่ผิดพลาดหรอก” หล่อนให้กำลังใจเพื่อน แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน เพราะการหาเนื้อคู่ใช่ว่าพึ่งเจ้าแม่ได้อย่างเดียว มันก็ต้องพึ่งวาสนาของตัวเองด้วยว่าจะมีเนื้อคู่หรือเปล่า 

อารดาพยักหน้ารับ เลิกคิดมากแล้วให้อาหารปลาต่อจนกระทั่งอาหารหมด จากนั้นสองสาวก็เดินไปที่ลานจอดรถและขึ้นรถไปด้วยกัน ออกจากวัดและเดินทางไปยังร้านขายของฝากที่อยู่ด้านหลังของวัดมงคลบพิตร แต่เพราะการไปเดินซื้อหนังปลาและยังเดินเล่นซื้อนั่นซื้อนี่อีกหลายอย่างทำให้คนกินเก่งใช้พลังในการเดินไปมากเลยชวนรติยาไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือต่อ จนรติยาถึงกับส่ายหน้า แม่เพื่อนตัวกินจุนี่มีกระเพาะลับหรืออย่างไร

มื้อก่อนหน้านี้ยังย่อยไม่หมดก็สามารถกินมื้อต่อไปได้แล้ว แต่รติยาก็ไม่ขัดข้อง แค่ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าไม่ช่วยกิน เพราะฉะนั้นอารดาห้ามสั่งมาเยอะจนล้นโต๊ะอีก 

แม่สาวสายกิน ฟินทุกอย่างที่เป็นอาหารก็รับปากทันที

“ก็ได้ ในเมื่อแกไม่ช่วย งั้นวันนี้เอาแค่ก๋วยเตี๋ยวเรือก็พอ ไม่จัดชุดใหญ่แบบครั้งก่อน”

อารดาให้สัญญา แต่กลับทำให้รติยาแปลกใจ เพราะคราวนี้แม่เพื่อนสายกินแหลก นอกจากออกตัวว่าจะไม่สั่งอาหารเยอะแล้ว ยังเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือริมถนนธรรมดา ผิดแผกไปจากทุกทีที่ค้นในเว็บว่าร้านไหนขึ้นชื่อ เป็นร้านแนะนำต้องไปกินร้านนั้น 

“มาแปลกนะวันนี้”

“ก็แกบอกว่าไม่ช่วยกิน ฉันก็เลยล้มร้านที่เตรียมไว้ในใจ พามากินแบบนี้แทน อยากลองของแปลกดูบ้าง  บางทีร้านเล็กริมทางแบบนี้ก็แอบซ่อนความอร่อยที่คาดไม่ถึงไว้ก็มี เหมือนร้านส้มตำหน้าคอนโดฉันไง ร้านเล็กๆ ไม่มีชื่อ แต่อร่อยแซ่บเว่อร์ กินทีฟินไปทั้งอาทิตย์”

“จ้ะ ฟินไปทั้งอาทิตย์ แล้วนอนให้น้ำเกลือไปอีกสามวัน เพราะส้มตำปูปลาร้าเป็นเหตุสังเกตได้”

“ไม่ต้องมาล้อเลย” อารดาตัดบทแล้วหันไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกับป้าแม่ค้าที่มารับออร์เดอร์ แต่เพราะก๋วยเตี๋ยวที่สั่งเป็นชามเล็กๆ หล่อนจึงสั่งทีเดียวสามชามรวดแบบไม่ต้องคิดมาก แถมยังสั่งกากหมูเจียวมาอีกหนึ่งถ้วย พร้อมสั่งขนมถ้วยตามสูตรการเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ

“อื้อฮือ นี่ขนาดฉันบอกว่าจะไม่ช่วยกิน แกยังสั่งขนาดนี้เลยเหรอ” รติยาอดแซวไม่ได้ แต่คนกินเก่ง กินโหดเหมือนโกรธอาหารกลับแย้งว่า

“แหม ก๋วยเตี๋ยวเรือชามเล็กกระจิ๊ดเดียว คีบเส้นทีเดียวก็หมดแล้ว สามชามนี่เท่ากับหนึ่งชามพิเศษแหละ ไว้รอฉันสั่งมาทีเดียวหกชามแกค่อยกรี๊ด” อารดายิ้มแฉ่งให้อย่างไม่สะทกสะท้านในความกินเก่งของตัวเอง 

คนเป็นเพื่อนถึงกับยอมแพ้ในข้ออ้างนี้และสั่งก๋วยเตี๋ยวมาให้ตัวเองหนึ่งชาม แล้วพอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ สองสาวก็กินไปคุยกันไปพลางๆ แต่คนที่มีความสุขกับการกินที่สุดก็เห็นจะเป็นอารดาเหมือนเดิม แต่มีความสุขแค่ไหนก็ไม่ลืมว่าภารกิจของหล่อนวันนี้นอกจากมาไหว้เจ้าแม่แล้ว ก็ยังมีอีกภารกิจหนึ่งรออยู่ด้วย

“รุ้ง เดี๋ยวแกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

“ไปไหน”

“ฉันต้องเอาของไปให้คุณอมรเดช แต่ว่าไปคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ ถึงฉันกับเขาจะตกที่นั่งเดียวกันและการดูตัวอะไรนั่นมันก็ล้มเลิกไปแล้ว แต่เพราะฉันงอแงก่อน พ่อก็เลยฝากของมาขอโทษคุณอมรเดชและบังคับว่าฉันต้องเอาไปให้เอง ไหนๆ แกก็รู้จักกับคุณอมรเดชอยู่แล้ว ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ แค่เอาของไปให้แล้วก็กลับ”

“แล้วแกไม่กลัวจะกลายเป็นบุพเพอาละวาดเหรอ”

“ยังไง”

“ก็ถ้าผู้ชายคนแรกที่แกมีปฏิสัมพันธ์ด้วยหลังจากที่แกไปขอพรคือคุณอมรเดชจะว่าไง แกไม่สังเกตหรือว่าตั้งแต่แกก้าวขาออกจากวัดมา แกก็เจอแต่ผู้หญิงและคนที่มีครอบครัวแล้ว ขนาดตอนไปซื้อหนังปลาที่วัดนั้น แม่ค้าก็เป็นผู้หญิง แล้วพอมาร้านก๋วยเตี๋ยว คนรับออร์เดอร์เมื่อกี้ยังเป็นผู้หญิงเลย แล้วถ้าเกิดไปเจอคุณอมรเดช พรของเจ้าแม่เกิดโยนเขาให้แกขึ้นมาจะทำยังไง” รติยาเตือน แม้จะไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นจริง แต่ถ้าเอาประสบการณ์ตรงของหล่อนมาคิดละก็ แล้วกลายเป็นว่าคนคนนั้นของอารดาเป็นอมรเดชขึ้นมาได้เป็นเรื่องยุ่งแน่ เพราะอีกฝ่ายมีแฟนอยู่แล้ว และอารดาก็ไม่ได้มีใจชอบพอแต่แรก 

คำพูดของรติยาทำเอาอารดาถึงกับคิดหนัก นั่นสิ ถ้าหวยออกมาอย่างนั้นหล่อนแย่แน่

“งั้นเอางี้ ฉันเอาของไปให้ แต่แกช่วยพูดกับเขาแทนฉัน แค่สองสามประโยค ส่งของให้เสร็จก็กลับ ดีไหม”

“เอาอย่างนั้นก็ได้” รติยาตกลงยอมช่วยเพื่อน แล้วพอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟสองสาวก็กินไปคุยกันไปพลางๆ แต่คนที่ดูจะมีความสุขกับการกินก็ยังคงเป็นอารดาเหมือนเดิมจนคนเป็นเพื่อนอดแซวไม่ได้

“กินแบบนี้ผู้หนีหมด”

“ดีสิ จะได้รู้กันไปว่าผู้ชายที่ได้มา เขายอมรับที่ฉันเป็นแบบนี้ได้จริงๆ บอกตรงๆ นะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าเจ้าแม่จะส่งผู้ชายแบบไหนมาให้ แต่คราวนี้ฉันขอไปว่าขอให้เราคบกันยืนยาว ให้ฉันได้แต่งงานอยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่าเลย เพราะฉันเองก็เหนื่อยแล้วที่จะต้องวิ่งหาความรักที่ไม่สมหวัง”

“ยังไงก็รอดูกันต่อไป แต่ฉันว่างวดนี้ไม่น่าพลาดแล้วละ”

“ทำไมแกมั่นใจขนาดนี้”

“ก็แกบอกเองว่าขอถูกวิธีแล้วไง” 

คนเป็นเพื่อนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกเรื่องสัมผัสพิเศษที่สัมผัสได้ก่อนจะเจอเนื้อคู่ เพราะไม่รู้ว่าควรบอกดีหรือไม่ หรือถ้าบอกแล้วมันจะส่งผลอะไรหรือเปล่า เพราะฉะนั้นให้อารดารู้ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า

สองสาวกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันจนหมด อารดาก็ขับรถพาเพื่อนรักกลับกรุงเทพฯ และตรงไปยังโรงแรมของอมรเดช เมื่อมาถึงโรงแรมและจอดรถเรียบร้อย อารดาก็เดินเข้าไปในอาคารพร้อมกับรติยา ในมือหอบหิ้วของหลายอย่าง แต่พอเข้ามาถึงล็อบบีของโรงแรม อารดาก็เพิ่งนึกขึ้นได้

“อุ๊ย ฉันลืมของอีกชิ้นที่อยู่หลังรถ”

“เอ้า เป็นงั้นไป”

“เดี๋ยวฉันกลับไปเอาของที่รถก่อน อืม....” อารดากำลังคิดว่าจะให้เพื่อนรอตรงไหนดี พลันสายตาเหลือบไปเห็นแท่นวางโพรโมตร้านอาหารของโรงแรมที่เขียนไว้ว่าตอนนี้ร้านอาหารฝรั่งเศสข้างบนกำลังจัดโพรโมชันเบเกอรีและขนมเค้กอยู่ เจ้าตัวจึงบอกเพื่อนทันที 

“แกขึ้นไปรอที่ร้านอาหารฝรั่งเศสก่อน”

“ทำไม รอตรงนี้ก็ได้”

“ฉันว่าจะกินของหวานล้างปากหน่อย”

“หา! นี่แกยังกินได้อีกเหรอ!” รติยาร้องแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าขำๆ แต่สุดท้ายก็ยอมไปรอที่ร้านอาหารฝรั่งเศส ส่วนอารดาก็รีบวิ่งไปเอาของที่รถ 

อารดากลับเข้ามาในอาคารของโรงแรมอีกครั้ง แต่ตอนที่หล่อนกำลังรอลิฟต์เพื่อขึ้นไปร้านอาหารฝรั่งเศสนั้นเอง กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาพร้อมกับความสดชื่นเย็นๆ หล่อนทำจมูกฟุดฟิดแล้วก็ขมวดคิ้ว เพราะเป็นกลิ่นเดียวกับตอนที่ไปขอพรเจ้าแม่ที่วัดเลย แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร คิดว่าโรงแรมคงฉีดสเปรย์ปรับอากาศกลิ่นเดียวกับที่วัด

ทว่าตอนที่หล่อนสนใจอยู่กับกลิ่นหอมนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเด็กอายุราวห้าขวบวิ่งแข่งกันมากับเด็กอีกคนที่ดูจะอายุน้อยกว่า แล้วชนหล่อนเข้าอย่างจัง

“ว้าย!” อารดาเซถลาไปด้านหน้าตามแรงชน ปฏิกิริยาอัตโนมัติทำให้หล่อนยื่นมือออกไปหมายจะยันผนังแต่ไม่ถึง ทำให้หล่อนเหมือนจะวูบลงไปด้านหน้า คิดอย่างเดียวว่าอีกเดี๋ยวคงได้เจ็บตัวแน่ แต่แล้ววงแขนของใครคนหนึ่งสอดเข้ามาตรงช่วงใต้ราวนมแล้วคว้าเอวหล่อน รับน้ำหนักของหล่อนไว้

หญิงสาวคว้าท่อนแขนของคนที่มาช่วยเอาไว้เป็นหลักยึด แล้วพยายามยืนให้ได้ด้วยตัวเอง สัมผัสแข็งแกร่งที่รับรู้ ทำให้คิดได้อย่างเดียวว่าคนที่ช่วยไว้ต้องเป็นผู้ชาย ซึ่งแวบแรกนั้นหล่อนคิดว่าเขาอาจจะเป็นคนที่เจ้าแม่ประทานมาให้หรือเปล่า 

แต่อีกใจก็กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะกินแห้ว...

ถ้าเผื่อเขาเป็นผู้ชายที่มีแฟนหรือภรรยาแล้วล่ะ

ถ้าเผื่อเขาไม่หล่อ ไม่ตรงสเปกหล่อนล่ะ

หล่อนคิดวุ่นวายไปหมดก่อนจะค่อยๆ หันมองคนที่ช่วยเหลือตนเองไว้ แล้วก็แทบกรี๊ดเมื่อเห็นว่าคนที่ช่วยตนเองไว้นั้นหล่อมาก ทั้งโครงหน้าหล่อเหลา เบ้าหน้าฟ้าประทาน แล้วยังคิ้วเข้มกับจมูกที่โด่งเป็นสัน ดวงตาก็คมกล้า มีแววอ่อนโยนอบอุ่น แต่ชั่วขณะหนึ่งกลับดูจริงจังและเหมือนมีกำแพงในใจกั้นไว้

อารดามองเขาอย่างเคลิบเคลิ้มหลงใหลในความหล่อ แล้วก็หลุดปากพึมพำออกมาอย่างลืมตัว

“หล่อ!”

คนหล่อขมวดคิ้ว นิ่วหน้าใส่ เพราะแขนของเขารับน้ำหนักหล่อนมาครู่หนึ่งแล้ว และตอนนี้เขาก็เมื่อยแล้วด้วย

“คุณคงไม่คิดจะยืนอยู่อย่างนี้ทั้งวันหรอกใช่ไหม”

อารดาหายเคลิ้มเป็นปลิดทิ้ง ตามมาด้วยความอับอายก่อนจะถอยออกมาจากเขาก้าวหนึ่ง ส่วนเด็กสองคนที่ชนหล่อนนั้นพอชนเสร็จแล้วก็วิ่งหนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หล่อนจึงไม่ทันได้ต่อว่าหรือตักเตือน ซึ่งเรื่องนั้นปล่อยไปก่อนเถอะ จัดการเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า

ทว่าตอนที่หล่อนกำลังจะเอ่ยกับผู้ชายสุดหล่อที่รู้สึกคุ้นๆ หน้าขึ้นมา เสียงของผู้ชายอีกคนที่เหมือนจะเดินมาด้วยกันและหล่อนยังไม่ทันได้หันไปมองฝ่ายนั้นก็ร้องทักดังมา

“คุณปุ๊ก!”

“คุณอมรเดช?” หญิงสาวทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะหันมองหนุ่มหล่อที่ช่วยหล่อนไว้อีกครั้ง คราวนี้ถึงบางอ้อทันที แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยคุยกับเขาและเคยเห็นเขาไกลๆ แต่ก็จำได้แล้วว่าเขาคือใคร!

“คุณธนาดล!”

ฝ่ายธนาดลก็ยังคงขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่เหมือนเดิม ตอนแรกเขาจำไม่ได้ว่าหล่อนเป็นใคร แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหล่อนในงานแต่งงานของพี่ชาย หล่อนวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในงานและอยู่ใกล้เจ้าสาวตลอด ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าคงเป็นคนมาช่วยงาน หรือไม่ก็เพื่อนคนหนึ่งของรติยา 

“คุณ...เป็นเพื่อนของคุณรุ้งเหรอ” เขาถามเหมือนไม่แน่ใจ

“ใช่ค่ะ” อารดาส่งยิ้มเจื่อนให้ นี่หล่อนไม่สวย ไม่สะดุดตาเขาเลยสินะ แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้ เพราะหล่อนเองที่คุ้นหน้าเขาก็เพราะหลังงานแต่งงานของเพื่อน หล่อนเป็นคนนั่งดูรูปวันงานและช่วยเพื่อนเลือกรูปสวยๆ จากช่างภาพ แต่ไม่คิดเลยว่าพอได้เจอตัวจริงใกล้ๆ แบบนี้ เขาจะหล่อมาก หล่อจนใจละลายเลย

ฝ่ายอมรเดชที่ดูเหมือนจะหลุดวงโคจรความสนใจของทั้งคู่ไปชั่วคราว ก็กระแอมเบาๆ และถามไถ่

“คุณปุ๊กมาทำอะไรที่นี่ครับ”

“อ๋อ ปุ๊กเอาของมาให้คุณอมรเดช เอ่อ ขอโทษเรื่องนั้นน่ะค่ะ” หล่อนพูดอย่างรู้กัน ไม่อยากอธิบายต่อหน้าใคร ธนาดลเห็นว่าอารดาคงมีเรื่องอยากคุยเป็นการส่วนตัวกับลูกพี่ลูกน้องของเขาจึงหันไปบอกอมรเดชอย่างขอตัว

“ผมไปก่อนนะครับพี่อาร์ท”

“ได้ แล้วเจอกัน ครั้งหน้ามาหาพี่ มาดื่มกันสักหน่อย”

“ครับ” ธนาดลรับคำก่อนจะหันไปก้มศีรษะให้เพื่อนของพี่สะใภ้เล็กน้อยและหมุนกายเดินจากไป ปล่อยให้อารดาได้แต่มองตามอย่างเสียดาย ทั้งที่ใจอยากจะชวนเขาคุยต่อ บวกกับว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่หล่อนมีปฏิสัมพันธ์ด้วยหลังจากไปขอพรกับเจ้าแม่ หล่อนจึงคิดว่าเขาต้องใช่คนที่เจ้าแม่ประทานให้มาแน่ๆ

คล้อยหลังจากธนาดลไปแล้ว อารดาก็รีบยื่นของที่ตั้งใจเอามาให้อมรเดช

“นี่ค่ะ ของที่จะเอามาให้คุณอมรเดช เป็นการขอโทษเรื่องนั้น ยังไงปุ๊กก็เป็นฝ่ายเสียมารยาททำเรื่องวุ่นวายให้คุณ  คุณอมรเดชช่วยรับไว้หน่อยนะคะ ไม่งั้นพ่อเชือดปุ๊กแน่ค่ะ”

อมรเดชยอมรับของจากอารดาและยิ้มให้ เขากับหล่อนไม่ได้คิดอะไรต่อกัน แม้จะถูกจับคู่ดูตัวกัน เพราะฉะนั้นความรู้สึกของเขากับหล่อนจึงเหมือนพี่น้องและเพื่อนกันมากกว่า

“ครับ ผมรับไว้แล้ว คุณปุ๊กก็ไม่ต้องคิดมากนะครับ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของคุณเลยสักนิด”

“ขอบคุณนะคะ”

“แล้วนี่คุณปุ๊กจะไปไหนต่อหรือเปล่าครับ”

“เปล่าค่ะ ตั้งใจเอาของมาให้คุณอมรเดช” อารดายิ้มให้ก่อนจะเฉลย “พอดีปุ๊กมากับรุ้ง นี่บอกให้รุ้งไปรอที่ร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นบนแล้ว เห็นโพรโมชันเบเกอรีแล้วอดใจไม่ไหวค่ะ อาหารและเบเกอรีของที่นี่อร่อยมากค่ะ”

“ด้วยความยินดีครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อน พอดีติดพันเรื่องงานอยู่”

“ได้ค่ะ ปุ๊กไม่รบกวนแล้ว เชิญตามสบายเลยค่ะคุณอมรเดช”

“ครับ ขอตัวนะครับ” อมรเดชว่าแล้วก็ขอตัวไปทำงาน 

อารดายิ้มให้พอดีกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก ไม่นานนักหล่อนก็มาถึงชั้นที่หมายและตรงไปยังร้านอาหาร

 แต่พนักงานจำได้ว่าหล่อนเป็นเพื่อนของรติยา ภรรยาของผู้ถือหุ้นของโรงแรม จึงรีบเข้ามาต้อนรับและพาไปยังโต๊ะที่รติยานั่งรออยู่ พอมาถึงโต๊ะอารดาก็ขอบคุณพนักงานแล้วหยิบเมนูของหวานมาสั่ง สั่งเสร็จก็หันมาทำหน้าตื่นเต้นใส่เพื่อน

“ไอ้รุ้ง! ฉันเจอคนที่บุพเพอาละวาดแล้ว แกต้องไม่เชื่อแน่ๆ เลยว่าเป็นเขา”

“หา? คุณอมรเดชน่ะเหรอ!” คนเป็นเพื่อนยังตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าแค่เพื่อนหายไปเอาของ กลับมาจะได้ว่าที่สามีแล้วเรียบร้อย

“บ้า ไม่ใช่ย่ะ”

“แล้วใคร” รติยาถามกลับ นิ่วหน้าด้วยความสงสัย  เพราะถ้าอารดาบอกว่าหล่อนต้องไม่เชื่อแน่ๆ แสดงว่าคนคนนั้นเป็นคนที่หล่อนเองก็รู้จักด้วย 

“คุณธนาดล”

“คุณดลเนี่ยนะ!” คนเป็นเพื่อนถึงกับร้องเสียงหลง ทำหน้าแปลกใจและไม่เชื่อแบบสุดๆ จนอารดาต้องยืนยัน

“ใช่ คุณธนาดลนั่นแหละ เมื่อกี้ฉันเจอเขาตอนรอลิฟต์อยู่ เขามากับคุณอมรเดช ฉันก็เลยส่งของให้คุณอมรเดชตอนนั้นเลย เนื้อคู่ของฉันที่เจ้าแม่ส่งมาให้ต้องเป็นคุณดลแน่ๆ เลยแก”

“แกเจอทั้งสองคนพร้อมกัน แล้วอะไรทำให้แกมั่นใจขนาดนั้น” รติยายังสงสัยไม่หาย อารดาจึงเล่าให้ฟังว่าเมื่อครู่นี้เจ้าตัวถูกเด็กวิ่งมาชน แล้วก็ได้ธนาดลเข้ามาช่วยไว้ แถมใส่สีตีไข่เสร็จสรรพ 

“คุณธนาดลเขาเข้ามาช่วยฉันเหมือนในซีรีส์เกาหลีเลย เขาโอบกอดฉันไว้ด้วยแขนแข็งแรงข้างหนึ่ง แล้วเขาก็มองลึกเข้ามาในดวงตาของฉันด้วยใบหน้าหล่อเหลา เหมือนเจ้าชายที่ได้พบกับเจ้าหญิง ช่างเป็นรักแรกพบสุดฟินและหวานซึ้งเหลือเกิน”

คนเล่าทำหน้าเคลิบเคลิ้มสุดฟินตามไปด้วย แต่มีหรือที่รติยาจะเชื่อ ในเมื่อหน้าตาท่าทางของเพื่อนก็เห็นชัดอยู่แล้วว่า โม้มากและเล่นใหญ่เกินเบอร์ 

“ไอ้ปุ๊ก เอาเรื่องจริง ไม่เอามโน”

“โธ่ ไอ้รุ้ง แกนี่ดับฝันฉันหมดเลย” อารดาค้อนใส่ที่เพื่อนรู้ทัน แล้วจึงยอมเล่าความจริง “ฉันโดนเด็กวิ่งมาชนน่ะของจริง แล้วคุณธนาดลเขาก็มาช่วยไว้ก็เรื่องจริง เขาใช้แขนประคองฉันไว้ แต่เขาดันบอกว่า ‘คุณคงไม่คิดจะยืนอยู่อย่างนี้ทั้งวันหรอกใช่ไหม’ ฉันนี่อายเลย”

พออารดาเล่ามาถึงตรงนี้รติยาก็ปล่อยก๊ากทันที ต้องแบบนี้สิถึงจะเป็นธนาดลตัวจริง ไอ้ก่อนหน้านี้ที่เพื่อนบอกว่าเขาโอบกอดไว้แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตานี่เชื่อไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะถึงธนาดลจะเป็นผู้ชายอบอุ่นเหมือนอติรุจสามีของหล่อน แต่เขามีอย่างหนึ่งที่แตกต่างไปจากพี่ชาย 

เขาเป็นคนที่มีกำแพงในใจ จะยอมให้คนที่เขามั่นใจแล้วว่าไว้ใจได้จริงๆ เข้าหา แล้วจากที่อติรุจเคยเล่าให้ฟัง  ธนาดลเป็นผู้ชายที่เคี้ยวยาก ฉลาด ไม่หลงกลมารยาหญิงง่ายๆ ถ้าใครจะมาอ่อยหรือทอดสะพานให้ รับรองว่าเหนื่อย!

“เฮ้อ ไอ้ปุ๊กนะไอ้ปุ๊ก ตกลงแกยังไม่ตอบฉันเลยว่า ทำไมถึงคิดว่าคุณธนาดลเขาจะกลายมาเป็นคู่บุพเพอาละวาดของแกได้” 

“ก็เขาเป็นคนแรกที่ฉันเจอและมีปฏิสัมพันธ์ด้วยหลังจากไปขอเจ้าแม่มา ฉันพูดกับคุณธนาดลก่อนจะได้พูดกับคุณอมรเดช” อารดาเฉลยแล้วทำหน้าเขินหน้าฟินกับความหล่อของธนาดลไม่เลิก “เขาหล่อมาก หล่อจนฉันใจสั่นเลย”

“พูดอย่างกับไม่เคยเจอเขามาก่อนงั้นแหละ”

“ก็ไม่เคยเจอจริงๆ นี่”

“พูดจริง?” รติยาไม่เชื่อว่าอารดาจะไม่เคยเจอธนาดลเลย “ในงานแต่งงานฉัน ยังไงแกก็ต้องได้เจอมาแล้ว”

คนเป็นเพื่อนเท้าความถึงงานแต่งงานของตัวเองที่อารดาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แล้วก็เป็นคนสุดท้ายที่แกล้งเจ้าบ่าวก่อนที่จะได้เข้าไปพาตัวเจ้าสาวออกมาที่ห้องบอลรูมเพื่อทำพิธีได้ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่อารดาจะไม่เคยเจอธนาดลเลย

“พูดให้ถูกก็ต้องบอกว่า ไม่เคยเจอในระยะประชิดมาก่อน ฉันมักจะเห็นเขาจากที่ไกลๆ ทุกครั้ง ใกล้สุดก็ระยะห้าเมตรเห็นจะได้ นอกนั้นก็เห็นเขาจากรูปถ่ายงานแต่งของแก ไม่เคยได้เฉียดใกล้ หรือได้คุยกับเขาสักคำ”

“จริงเหรอเนี่ย” รติยาแปลกใจ แต่พอคิดแล้วก็น่าจะจริง เพราะหล่อนยังไม่เห็นรูปถ่ายงานแต่งงานของตัวเองที่มีอารดากับธนาดลร่วมเฟรมพร้อมกันเลย เหมือนกับว่าสองคนนี้สวนทางกันตลอด จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งหล่อนเคยนัดกินข้าวกับอารดา แล้ววันนั้นมีอติรุจกับธนาดลไปด้วย แต่สุดท้ายอารดาก็โทร. มาบอกว่ามีธุระด่วนมาไม่ได้กะทันหัน 

ส่วนอีกครั้งหนึ่งอารดานัดหล่อนไปลองชุดแต่งงาน ก็มีอติรุจไปด้วย ส่วนธนาดลวันนั้นจริงๆ ต้องมาเป็นเพื่อนพี่ชายเพื่อช่วยดูชุดสูทแต่งงาน แต่สุดท้ายก็ติดประชุมมาไม่ได้ แล้วก็ยังมีอีกครั้งที่หล่อนนัดเพื่อนมากินข้าวด้วยกันที่บ้าน แต่วันนั้นนงนภาแม่ของสามีมีธุระต้องไปจัดการเรื่องงานการกุศล ธนาดลก็เลยไปเป็นเพื่อน เลยไม่ได้เจอกับอารดาอีกตามระเบียบ ซึ่งพอมาคิดๆ ดูแล้วก็ท่าจะจริง อารดาไม่เคยได้เจอกับธนาดลแบบจังๆ เลยสักครั้ง

“แกนึกออกแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าฉันไม่เคยเจอคุณธนาดลแบบจริงจังสักครั้ง”

“ย่ะ นึกออก แต่ตอนนี้แกได้เจอแล้ว เอาไงต่อ”

“เอาไงต่อ ถามได้ ก็เดินหน้าจีบสิจ๊ะคุณเพื่อน เจ้าแม่อุตส่าห์ประทานให้มาขนาดนี้ ลางจะมีผัวมาแล้วค่ะ” อารดาทำหน้ากรุ้มกริ่มพูดติดตลก แต่คนเป็นเพื่อนแอบหวั่นใจอยู่ลึกๆ 

ก็ธนาดลไม่ได้เข้าหาได้ง่ายๆ เหมือนอติรุจ เพราะฉะนั้นถ้าอารดาจะจีบผู้ชายคนนี้จริง คงต้องใช้ความพยายามขั้นสุดเลยทีเดียว

“ยังไงแกก็เผื่อใจไว้นิดหนึ่งดีกว่า”

“ทำไม เขามีแฟนแล้ว หรือมีคนที่ดูๆ กันอยู่แล้วเหรอ”

“เท่าที่รู้มายังไม่มี”

“งั้นก็ไม่ต้องกังวล” อารดาไม่ยี่หระเลยสักนิด

“แต่ฉันว่าแกควรกังวล เขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะจีบได้ง่ายๆ ไม่ได้ตกหลุมรักใครเพราะความสวยด้วย เขาเป็นคนที่เข้าหายากกว่าคุณรุจ   บางครั้งก็ดูเป็นเสือซ่อนเล็บเหมือนพี่ชาย แต่หนักหนาสาหัสกว่าพี่ชายเสียอีก อืม...เรียกว่าไม่ได้ใจดีเหมือนหน้าตาก็ได้”

“ไม่ลองก็ไม่รู้ คนเราน่ะมันต้องลงมือทำก่อน แล้วถ้าไม่สำเร็จก็ให้รู้ไปว่าเราทำไม่สำเร็จจริงๆ ดีกว่ามานั่งเสียใจภายหลัง แล้วนี่มันยุคไหนเข้าไปแล้ว ผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนไม่ผิดค่ะคุณหนูรุ้งของคุณแม่ขา” อารดาบอกอย่างมาดมั่นว่าตนเองจะเดินหน้าจีบธนาดล 

รติยาจึงได้แต่ยิ้มขื่นๆ ให้แม่เพื่อนตัวดีที่ยังไม่เคยเจอฤทธิ์พี่น้องรัตนธนการของจริง คงต้องรอให้เจอเองถึงจะเข้าใจว่า ‘มันไม่ง่ายอย่างที่คิด’ 


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น