7

บทที่ ๗ แผนร้าย


บทที่ ๗ แผนร้าย

 

กว่าธณริศจะลงไปรับประทานอาหารเช้าก็สายมากแล้ว หลังโต้เถียงกับเด็กสาวเสร็จ เขาก็อาบน้ำผลัดเครื่องแต่งตัว ชายหนุ่มยังมีภาระต้องจัดการ นั่นคือ การสืบข้อมูลจากเขมริกาต่อ เขาลองส่งข้อความไปแต่หญิงสาวไม่ยอมตอบ ดังนั้นจึงลงไปดักพบที่ห้องอาหารเช้าแทน ว่ากันตามจริงชายหนุ่มไม่แน่ใจว่า การที่หล่อนยกเลิกนัดดินเนอร์เป็นแผนเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า แต่ถึงเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่แคร์ คนอย่างธณริศ ไม่มีวันหลงผู้หญิง หลังจากอกหักคราวนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะดึงดูดความสนใจเขาได้มากเท่ากับงาน

ร่างสูงก้าวลงจากรถกอล์ฟ เดินเข้าไปในห้องอาหาร เนื่องจากเป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว จึงมีแขกอยู่เป็นจำนวนมาก ห้องอาหารทางฝั่งตะวันตกนั้นถูกจับจองโดยพนักงานบริษัท สังเกตจากเสื้อยืดลายเดียวกันที่ทุกคนสวมใส่ เมื่อเข้าไปถึงพนักงานก็ออกมาต้อนรับ ชายหนุ่มบอกเบอร์ห้อง

“คุณผู้ชายมีที่นั่งหรือยังคะ”

“ยังครับ”

“งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ “

พนักงานพาธณริศไปนั่งตรงโต๊ะที่อยู่ชิดริมหน้าต่าง ห้องอาหารเช้าของเซ้าท์เฮเว่นนั้นขึ้นชื่อ เรื่องอาหารเช้าเป็นที่สุด ชายหนุ่มเคยอ่านรีวิวในเวบไซต์และพบว่า มีอาหารหลากหลาย แต่พอมาเห็นของจริงก็พบว่า ไม่ต่างจากรีวิวเลยแม้แต่น้อย ซุ้มอาหารมีทั้งไทย และเทศ รวมถึงอาหารเช้าแบบง่ายๆ เช่น โจ๊กกับปลาท่องโก๋ แถมยังมีขนมครกอีกด้วย

“รับชาหรือกาแฟดีคะ”

“กาแฟดีกว่าครับ”

พนักงานพลิกแก้วขึ้น พร้อมกับเดินไปหยิบกาแฟ ขณะที่ธณริศเดินไปที่ซุ้มอาหารเพื่อเลือก เขาตั้งใจกินแค่ ไข่ดาวสองฟองกับขนมปัง แต่ขณะยืนรอปิ้งขนมปังให้ออกจากเตา เสียงจากด้านหลังก็ดังขึ้น พนักงานสาวสองคนของบริษัทคุยกันอยู่

“นี่เธอเห็นหน้าคุณฐา เช้านี้ไหม เหี่ยวยิ่งกว่าดอกไม้โดนน้ำร้อนเสียอีก”

หนึ่งในพนักงานคนหนึ่งวิจารณ์อย่างออกรส

“อ้าวไหงงั้นล่ะ เมื่อวานนี้ก็ยังเห็นขอแต่งงานท่านประธานอยู่ดีๆ”

“อย่าเสียงดังไป ฉันได้ยินเขาเม้าท์กันว่า เช้านี้ท่านประธานเผ่นกลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว แสดงว่า แผนขอแต่งงานปิ๋ว”

เรื่องราวที่ได้ยินจากปากพนักงานสาวทำให้ธณริศหูผึ่ง เขาอยากรู้ว่า เรื่องราวเป็นยังไงกันแน่ จากที่ฟังพิมพ์ภิดาเล่า หล่อนทะเลาะกับแม่ เพราะว่าที่พ่อเลี้ยง ถ้าปะติดปะต่อกับเรื่องราวที่ได้ยินตอนนี้ก็แสดงว่า แม่ของหญิงสาวน่าจะเป็นประธานบริษัท ชายหนุ่มเคยเห็นชื่อ บริษัทนี้มาบ้างแต่ไม่เคยรู้ข้อมูลเจาะลึกจึงเงี่ยหูฟังต่อ

“แหงสิ ก็เมื่อวานลูกสาวออกมาประท้วงขนาดนั้น ขืนท่านประธานยอมรับปาก ก็มีหวังโดนชาวบ้านเอาไปนินทาว่า หลงผู้ชายกันพอดี”

“แต่เขาก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยออกนะ แกคิดว่า ท่านประธานไม่ได้รักคุณรฐกรงั้นหรือ”

“สำหรับคนรวยระดับนี้เขาไม่เรียกว่า รักแล้วย่ะ ส่วนคุณฐา ฉันก็มั่นใจว่า คงไม่ได้รักท่านประธานจริงๆ แค่เลียเก่งก็แค่นั้น”

“ต๊าย พูดแรงนะยะ ระวังคุณฐาได้ยิน เธอจะถูกไล่ออกนะ”

“ก็อย่าให้ได้ยินสิ ฉันได้ยินพวกเด็กๆ เม้าท์กันนะว่า ลับหลังท่านประธานคุณฐาก็มีเล็งพนักงานสาวๆ ไว้หลายคน แต่คงจะเก็บไว้เป็นของหวาน แทนท่านประธานที่อาจจะหนังเหนียวเคี้ยวยาก”

“ปากจัดเสมอต้นเสมอปลายเลยนะหล่อน”

“ก็แค่เม้าท์กัน ฉันว่า เราสองคนไปสั่งออมเล็ตทางนั้นดีกว่า อู๊ย วันนี้อาหารเช้าน่ากินทั้งนั้นเลย ต้องกินให้คุ้ม”

ธณริศไม่ได้เดินตาม เขาพอจับใจความหลักๆ ได้แล้ว แม่ของพิมพ์ภิดาคงกำลังคบหากับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง ขณะที่หล่อนเองก็อาจจะลังเล หรือไม่ก็เพราะลูกสาวแสดงท่าทีว่า ไม่เห็นด้วย สุดท้ายคนเป็นแม่ก็เลยยอมพักรบชั่วคราว ไม่ได้การ เขาคงต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับแม่ของเด็กสาวให้มากกว่านี้ แม้ว่า นี่จะเป็นแค่เกมแก้เบื่อ แต่ชายหนุ่มก็จริงจังกับทุกเรื่อง เขารับปากพิมพ์ภิดาว่า จะทำให้แม่เปลี่ยนใจ ชายหนุ่มจะต้องทำให้ได้ ธณริศเดินกลับโต๊ะอย่างอารมณ์ดี เขาคงลืมไปว่า ได้ละเมิดกฎอีกข้อของตัวเองด้วยการเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอีกครั้ง...

 

ข้อมูลเกี่ยวกับ อรุณา ประธานบริษัท มีอยู่เป็นจำนวนมากในอินเทอร์เน็ตนั่นเพราะหล่อนเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม ชื่อที่คนนอกเรียกกันก็คือ มาดามอุ๊ หล่อนเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยการเข้ามาพลิกฟื้นกิจการบริษัทเครื่องสำอางที่จวนจะล้มมิล้มแหล่อย่างบลูเวฟ จนสุดท้ายก็ลุกขึ้นมาผงาดได้อีกหนแถมตอนนี้ยังทำกำไรนำบริษัทคู่แข่งคนอื่นๆ อย่างไม่เห็นฝุ่น ความเอาจริงเอาจังของหล่อนผนวกกับบุคลิกกล้าไม่กลัวใครทำให้สื่อเรียกกันว่า มาดาม

เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวมีให้เห็นประปราย ธณริศเลือกอ่านเกี่ยวกับข่าวเสียชีวิตของอดีตสามีที่เป็นชาวต่างชาติ แต่รายละเอียดมีไม่มากนักเพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ต่างประเทศ อรุณาเดินทางไปร่วมงานศพของสามี แต่ข่าวกอสซิปที่ดูจะโดดเด่นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมากลับเป็นเรื่องราวกับแฟนหนุ่มรุ่นน้องที่ชื่อ รฐกร

เขาจำอีกฝ่ายได้เพราะเห็นหน้าผ่านทางช่องหน้าประตู รฐกรคงวางแผนมาอย่างดี การจะเข้าหาประธานบริษัทต้องอาศัยข้อมูลหลายอย่าง อีกฝ่ายก้าวไปไกลกว่าต่างกับพิมพ์ภิดาที่ใช้แต่อารมณ์ สำหรับธณริศแล้ว การจะเอาชนะใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก การหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามคือ สิ่งที่ผู้เล่นหมากรุกทุกคนต้องฝึกจนชำนาญ เดลสอนเสมอให้ช่างสังเกต หากเขาต้องการช่วยพิมพ์ภิดาก็ต้องหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ชายหนุ่มกดส่งรูปพร้อมชื่อไปให้กับเดร็ก เพื่อให้ช่วยหาข้อมูลอีกแรง ขณะกำลังดูรูปในโทรศัพท์มือบางของใครบางคนก็เอื้อมมาแตะไหล่

“ไฮ!”

ธณริศสะดุ้งรีบกดปิดมือถือ แต่พอหันไปแล้วเห็นว่า เป็นใคร ก็ยิ้มออกมาทันที

“คุณเข็มนั่นเอง วันนี้ว่างแล้วหรือครับ”

“แหมคุณกริซคะ เข็มขอโทษค่ะที่เมื่อคืนเบี้ยว พอดีมีนัดด่วนจริงๆ คุณกริซคงไม่น้อยใจใช่ไหมคะ”

มือบางที่แตะตรงไหล่ ทำท่าเหมือนจะเลื่อนไปโอบขณะที่ร่างบางเบียดกระแซะ วันนี้เจ้าของโรงแรมเซ้าท์เฮเว่นนุ่งน้อยห่มน้อย เสื้อด้านนอกแม้จะเป็นเสื้อคลุมแต่เนื้อบาง ขณะที่ด้านในคือ ชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่สีเหลืองมะนาว เผยให้เห็นสัดส่วนละลานตา

“ผมจะน้อยใจได้ยังไง ผมทราบครับว่า คุณเข็มงานยุ่งแล้วก็ฮอตเสมอ”

เขาปรายตามองเรือนร่างของหล่อนอย่างจงใจ ทำไมธณริศจะไม่รู้ว่า หญิงสาวจงใจหว่านเสน่ห์ แต่สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการคือ ข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้มากกว่า

“ถ้าฮอตจริง คุณกริซจะเอาแต่จ้องพนักงานสาวๆ พวกนั้นหรือคะ”

ธณริศอมยิ้ม เขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่า ถูกจับตาจากหญิงสาว บางทีเขมริกาอาจจะเข้ามาก่อนแล้วก็เป็นได้ แต่เพราะชายหนุ่มมัวแต่เงี่ยหูฟังว่า พนักงานสาวจะพูดว่า อะไรจึงไม่ทันสังเกต

“เป็นเพราะผมยังไม่เห็นคุณเข็มต่างหาก แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้ว ว่า คุณสวยขนาดไหน”

เขาแสร้งแตะตรงเอวคอด หญิงสาวยิ้มอย่างมีจริต

“ถ้าอย่างนั้นคุณกริซคงไม่รังเกียจ ถ้าหากเข็มจะชวนไปคุยธุรกิจตรงชายหาดใช่ไหมคะ วันนี้แดดกำลังดี เหมาะสำหรับอาบแดดอย่างมาก”

“ด้วยความยินดีครับ ผมชอบอาบแดดกับคนสวยๆ มันทำให้รู้สึกสดชื่น”

“ถ้างั้นเข็มขอลงไปรอที่ชายหาดก่อนดีไหมคะ เผื่อคุณกริซจะกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ”

“ได้เลยครับ ผมขอเวลาแค่สิบห้านาที แล้วจะตามลงไป”

 

พิมพ์ภิดามองไปรอบๆ ห้องอย่างเบื่อหน่าย หลังจากชายหนุ่มลงไปกินอาหารเช้า หล่อนก็ขลุกอยู่แต่ในห้อง อาศัยเสบียงทั้งเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่ในห้องประทังความหิว ชายหนุ่มอนุญาตให้หล่อนสั่งอาหารจากรูมเซอร์วิสได้แต่หญิงสาวไม่ได้ทำ นั่นก็เพราะต้องการหลบวิมล

ตามกำหนดการ พนักงานของบริษัทจะประชุมจนถึงเที่ยงวันก่อนเดินทางกลับโดยรถบัส พิมพ์ภิดาตั้งใจว่า จะยังไม่กลับกรุงเทพฯ ในตอนนี้ หล่อนต้องการเวลาคิดไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น อีกทั้งชายหนุ่มยังสัญญาว่า จะช่วยหล่อน

หญิงสาวรู้ตัวดีว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาหล่อนเป็นลูกที่แย่มาก ธณริศพูดถูกหล่อนเดินหมากผิดเพราะใช้แต่อารมณ์ ชายหนุ่มเป็นผู้ใหญ่กว่า เขาอาจจะมีวิธีการที่ดีกว่าก็เป็นได้ แต่ก่อนอื่นหล่อนต้องหาทางขอโทษป้าชื่น หน้าจอมีมิสคอลอยู่เกือบห้าสิบสายที่ส่งมาแสดงว่า คงไม่ได้นอนทั้งคืน พิมพ์ภิดากดโทรออก พอปลายสายรับ เสียงก็แผดมาตามโทรศัพท์

“คุณหนูอยู่ที่ไหนคะ ทำไมถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์”

เสียงนั้นเจือสะอื้นทำให้พิมพ์ภิดาใจยิ่งรู้สึกผิด ป้าชื่นเป็นคนเดียวที่หล่อนแคร์ ท่านเลี้ยงหล่อนมาตั้งแต่เล็กทั้งรักและเป็นห่วง พิมพ์ภิดาผิดที่แอบหนีมาโดยไม่บอก แถมตอนที่มาถึงก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกด้วย

“เพลินอยู่ภูเก็ตค่ะ”

“นี่คุณหนูตามคุณผู้หญิงไปประชุมหรือคะ โอ๊ย ป้าจะเป็นลม รู้ไหมคะว่า ป้ากลุ้มใจขนาดไหน โทรหาใครๆ ก็ไม่รับ คุณผู้หญิงก็ปิดเครื่อง ท่านเพิ่งจะโทรมาตอนเช้าว่า จะกลับก่อนกำหนด” กว่าป้าชื่นจะรู้ว่า หญิงสาวหายตัวไปก็ตอนเย็นแล้ว นั่นก็เพราะพิมพ์ภิดาไม่ออกมากินข้าว ครั้นพอโทรตามก็ไม่สามารถติดต่อใครได้

“แม่ไปถึงบ้านแล้วหรือคะ”

“ยังค่ะ เห็นบอกว่า จะกลับวันนี้แต่ไม่รู้ว่า จะเข้าบ้านเลยหรือไปบริษัทก่อน คุณหนูก็เหลือเกิน หนีไปไม่ยอมบอกป้า นี่คงทะเลาะกันมาอีกแล้วใช่ไหม”

พิมพ์ภิดาจนด้วยคำตอบ หล่อนไม่อยากโกหกป้าชื่นอีกจึงตอบความจริง

“ไอ้รฐกรขอแม่แต่งงานกลางงานประชุม”

ป้าชื่นเงียบแทนคำตอบ ก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ป้าชื่นมักจะพูดว่า ในฐานะลูกจ้างคงห้ามอะไรไม่ได้

“คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ”

“เพลินเจ็บค่ะป้าชื่น แม่ไม่รักเพลินแล้ว” พิมพ์ภิดาพูดเสียงเครือ ทุกครั้งที่คิดว่า มารดาเปลี่ยนไปแล้ว หล่อนยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว

“ไม่จริงนะคะคุณหนู ป้าชื่นแน่ใจว่า คุณผู้หญิงรักคุณหนู รักมาก แต่คุณหนูก็ต้องให้เวลาท่านบ้าง ท่านเป็นหม้าย ถ้าหากมีคนเข้ามาดูแลก็...”

“แต่ต้องไม่ใช่มัน” พิมพ์ภิดาแหวกลับ หล่อนเกลียดตัวเองที่ทำตัวไร้เหตุผล หญิงสาวเคยพยายามลองเปิดใจ แต่ยิ่งรู้เบื้องหลังของรฐกร หล่อนก็มั่นใจว่า ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี แต่สิ่งที่แย่ก็คือ ไม่ว่า หล่อนจะพยายามพูดเรื่องนี้กับมารดาสักแค่ไหนท่านก็ไม่ยอมเปิดใจรับฟัง

“แต่คุณหนูคะ ถ้าหากคุณผู้หญิงรักคุณรฐกร”

“ไม่ค่ะป้าชื่น แม่แค่หลงมัน แต่เพลินจะไม่ยอมแพ้ เพลินต้องหาวิธีให้แม่เปลี่ยนใจให้ได้ ตอนนี้แม่กลับไปแล้ว แต่รฐกรยังอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็แสดงว่า แม่ยอมฟังเพลินบ้าง เพลินจะลองทำอย่างที่ป้าชื่นบอกด้วยการพูดเปิดอกกับแม่”

“คุณหนูจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่คะ ป้าเป็นห่วงมาก คุณขวัญก็เหมือนกัน”

สู่ขวัญก็เป็นอีกคนหนึ่งที่โทรศัพท์และส่งข้อความมา แต่พิมพ์ภิดาไม่ตอบ

“เพลินคงจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองวันค่ะ แต่ป้าอย่าบอกใครนะคะ เพลินต้องการเวลาคิดทบทวน”

“คุณหนูจะอยู่ที่นั่นได้ยังไงคนเดียวคะ ให้ป้าไปอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ”

“ไม่ต้องค่ะ เพลินอยู่ได้” พิมพ์ภิดารีบห้าม ขืนปล่อยให้ป้าชื่นตามมา มารดาก็จะรู้ว่า หล่อนยังอยู่ที่โรงแรมเดิมและอาจจะส่งคนมาตามก็เป็นได้”

“ คุณหนูพักอยู่ห้องไหน กับใครหรือคะ”

“เพลินมีเพื่อนค่ะ”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ ป้าเป็นห่วง”

“เขาเอ่อ...เป็นเกย์ค่ะ นี่เขาก็ออกไปอาบแดดกับหนุ่มๆ ป้าไม่ต้องเป็นห่วง เพลินปลอดภัยแน่” พิมพ์ภิดาจำต้องปด แต่พอนึกถึงนายหน้าหนวดกล้ามโตแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

“คุณหนูแน่ใจนะคะ”

“แน่ค่ะ ป้าให้เวลาเพลินหน่อยนะคะ บางทีการได้พักผ่อนอาจทำให้เพลินเลิกฟุ้งซ่านก็เป็นได้ เพลินสัญญาว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เพลินจะรีบกลับกรุงเทพฯ ทันที”

“แต่คุณหนูต้องเปิดโทรศัพท์ไว้ตลอดนะคะ เผื่อคุณผู้หญิงกลับมาแล้วอยากโทรหา ป้าจะได้เรียนให้ท่านทราบ”

“ขอให้แม่โทรจริงๆ เถอะ เพลินกลัวว่า แม่จะไม่นับเพลินเป็นลูกแล้ว”

“ไม่เอาค่ะคุณหนู อย่าคิดมาก แม่ลูกกันตัดยังไงก็ไม่ขาดหรอก คุณหนูพักผ่อนให้เต็มที่ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะคะ ป้าจะนับวันรอคุณหนูกลับ”

 

พิมพ์ภิดาวางโทรศัพท์ไปแล้ว แต่หล่อนยังคงกอดโทรศัพท์เอาไว้ ตลอดระยะเวลาที่มีปัญหากับแม่ ป้าชื่น คือ หนึ่งในกำลังใจเดียวของหล่อน เพื่อนหลายคนที่ไม่เข้าใจบอกว่า หล่อนคิดมาก แค่แม่จะแต่งงานใหม่แต่ทำไมต้องทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหา แต่นั่นหล่อนรู้เท่าทันรฐกร

หญิงสาวไม่ห่วงเงินทอง แต่สิ่งที่กลัวคือ มารดาจะสูญเสียบริษัทอันเป็นสมบัติของตระกูลไปต่างหาก หล่อนพลาดที่เต้นตามแผนการของรฐกร แต่นับจากนี้พิมพ์ภิดาจะไม่ทำอะไรผลีผลามอีก หล่อนมีที่พึ่ง สายตามองไปยังประตูหน้าแต่จนแล้วจนเล่าชายหนุ่มก็ยังไม่กลับมา

หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนบรรยากาศไปริมสระน้ำแทน ห้องพูลวิลล่าแห่งนี้วิวสวยมาก มองจากด้านบนจะเห็นน้ำทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น พิมพ์ภิดานอนแล้วก็เผลอหลับไป ได้ยินเสียงตอนประตูเปิดจึงรู้ว่า ชายหนุ่มกลับเข้ามา แต่ไม่นานเขาก็คว้าถุงผ้าของโรงแรมแล้วกลับออกไปอีกครั้ง พิมพ์ภิดาเดาว่า เขาคงไปว่ายน้ำทะเล

เมื่อคืนนี้เป็นคืนที่สองที่หล่อนค้างคืนกับชายแปลกหน้าแต่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัย เขาเป็นคนสูง กล้ามเป็นมัดๆ ผิวสีแทน ชายหนุ่มเคยอยู่อเมริกามาก่อน เพราะแบบนี้เองวันแรกที่เจอกันชายหนุ่มถึงพูดสำเนียงอังกฤษชัดแจ๋ว จะว่าไปแล้ว เขาใจดีกับหล่อนมาก นอกจากยอมให้แชร์ห้องแล้ว ยังช่วยชีวิตหล่อนไว้เมื่อคืนอีกด้วย

หญิงสาวยังคงจำได้ลางๆ ตอนที่จมลงไปใต้ผิวน้ำอันเย็นเฉียบ รอบกายมีแต่ความมืดแต่แล้วกลับมีมือของใครบางคนเอื้อมมาดึงหล่อนขึ้น ทุกอย่างเลือนบางมากแต่เช้านี้พอมองในกระจกกลับรู้สึกแปลกๆ

ริมฝีปากเหมือนจะเจ่ออกมา ชายหนุ่มเล่าว่า หล่อนเกือบตายเพราะหยุดหายใจ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า เขาต้องทำบางอย่างกับหล่อน หญิงสาวเผลอเอื้อมมือมาแตะ

‘จูบงั้นหรือ... ไม่ใช่ เขาเรียกผายปอดต่างหาก’

ความอายทำให้รีบสั่นศีรษะ หน้าแดงวูบ แม้หล่อนจะทำตัวก๋ากั๋นแต่ลึกๆ ลงไปแล้ว พิมพ์ภิดายังเป็นสาวบริสุทธิ์ หล่อนไม่เหมือนกับเพื่อนสาวคนอื่นๆ ในโรงเรียนที่เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น การมีเซ็กส์ในวัยเรียนเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กในต่างประเทศ แต่บิดาเคยสอนหล่อนว่า วัฒนธรรมของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน แม้หล่อนจะเป็นลูกครึ่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องตามเทรนด์นั้น

นับตั้งแต่โตเป็นสาว พิมพ์ภิดายังไม่เคยถูกใจใคร เพื่อนชายหลายคนในโรงเรียนตามจีบหล่อน แต่หญิงสาวไม่เล่นด้วย คงมีแต่ไทก้า หนุ่มนักฟุตบอลคนเดียวเท่านั้นที่หล่อนยอมคุยด้วย นั่นก็เพราะเขามีปัญหาครอบครัวเหมือนๆ กับหล่อน

พ่อของไทก้า เป็นชาวอเมริกาแต่อยู่คนละรัฐกับจอร์ช ส่วนแม่เป็นคนไทย ทั้งสองเลิกกันตั้งแต่ตอนที่ไทก้าเข้าโรงเรียน หลายครั้งที่หล่อนพูดคุยปรับทุกข์กับชายหนุ่ม แม้ไทก้าจะเป็นนักกีฬาสุดฮ๊อตของโรงแรม แต่พิมพ์ภิดากลับรู้สึกเฉยๆ หล่อนไม่เคยรู้สึกถึงแรงดึงดูดระหว่างชายหนุ่ม แต่คืนนั้นตอนที่หล่อนตื่นขึ้นมาบนเตียงของธณริศ

ตอนที่มือของเขากอดเอวหล่อน พิมพ์ภิดาก็รู้สึกเหมือนเนื้อตัววูบวาบเหมือนจะเป็นไข้ ยิ่งคิดว่า เมื่อคืนนี้ริมฝีปากถูกจูบ...

ไม่สิ..นั่นไม่เรียกว่า จูบ เพราะมันคือ การช่วยชีวิต พิมพ์ภิดารู้สึกว่า ตัวเองโชคดี หากเจอกับผู้ชายฉวยโอกาส หล่อนคงแย่ยิ่งกว่านี้ ที่ผ่านมาชายคนนี้ช่วยหล่อนไว้ถึงสองครั้งแล้ว ชายหนุ่มเป็นเกย์หรือเปล่า นั่นคือ สิ่งที่พิมพ์ภิดาถามตัวเอง เขาเป็นคนยังไงกันแน่..

‘ดุ ก้าวร้าว ปากจัด’

แต่พอคิดถึงใบหน้าคมสันพร้อมจมูกโด่งพิมพ์ภิดาก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที หล่อนมั่นใจว่า ภายใต้หนวดเครารกรุงรังจะต้องซ่อนใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้แน่ๆ เขาเป็นคนดีที่หาได้ยากในสังคมแถมยังรับปากว่า จะช่วยเปลี่ยนใจมารดาอีก

พิมพ์ภิดาบอกตัวเองว่า จะไม่ทำอะไรบ้าๆ อีก หล่อนแค่คว้าโอกาสเอาไว้ หญิงสาวมองไปด้านล่างซึ่งเป็นทะเลแต่คราวนี้กลับพบว่า ชายหนุ่มไม่ได้อยู่คนเดียว ใบหน้านวลเผลอเบ้โดยไม่รู้ตัว

ข้างกายเขามีหญิงสาวหุ่นเหมือนนางแบบแมกซิมเดินคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เจ้าหล่อนสวมชุดว่ายน้ำสีเหลืองมะนาว ลักษณะเป็นทูพีซที่เปิดมากกว่าปิด ทรวงงามล้นทะลักจนกลัวว่า สายเดี่ยวบนบ่าจะรับน้ำหนักไม่ไหว ขณะที่ชายหนุ่มถอดเสื้อเปลือยท่อนบน หญิงสาวเผลอพึมพำออกมา

“เสน่ห์แรงเหลือเกินนะ ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลยหรือไง”

พิมพ์ภิดาอดคิดถึง หนุ่มผมทองคนเมื่อคืนไม่ได้ ธณริศทำงานในโฮสต์บาร์ ดังนั้นเขาคงจะถนัดในการโปรยเสน่ห์ให้กับทุกเพศก็เป็นได้ การที่เขาสามารถมาพักห้องพักราคาแพงอย่างนี้ได้ก็ต้องมีสปอนเซอร์ หญิงสาวสั่นศีรษะ บอกตัวเองว่า ไม่ควรสนใจเพราะนั่นคือ เรื่องส่วนตัว แต่พิมพ์ภิดาคงไม่รู้หรอกว่า ใบหน้าแอบบึ้งเมื่อคิดถึงความสนิทสนมของชายหญิงบนชายหาด...

 

ธณริศภาวนาให้พระอาทิตย์เร่งแสงให้แรงกว่านี้ เขาหวังว่า เขมริกาจะเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่กลัวผิวเสียยามตากแดดนานๆ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า หล่อนยังเพลิดเพลินกับการนอนอาบแดดแล้วลูบไล้แผงอกเขาอยู่ต่างหาก ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความทรมาน

เขาเคยคิดว่า เขมริกาเป็นผู้หญิงสวยแต่พอคุยไปลึกๆ ถึงรู้ว่า มีดีก็แค่ความสวย ชายหนุ่มไม่แปลกใจเลยว่า เพราะอะไรกิจการโรงแรมที่เคยโด่งดังติดอันดับประเทศถึงได้ประสบปัญหาขาดทุกอย่างหนักจนถึงขั้นเจ้าของต้องการขายกิจการทิ้ง

เขาจำข้อเสนอที่หญิงสาวพูดเอาไว้ นั่นก็คือ ขอให้ไม่เปลี่ยนชื่อ โรงแรม นั่นคือ สิ่งที่ธณริศตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว ฐานลูกค้าของเซ้าท์เฮเว่นนั้นมีมากเป็นทุนเดิมเนื่องจากโรงแรมเปิดมาหลายปีแล้ว ลูกค้าประจำทั้งไทยและต่างชาติที่เคยมาพักแล้วติดใจ แต่สิ่งที่ทำให้ประสบปัญหาขาดทุนคือ โปรเจคใหม่

ชายหนุ่มมีสายวงในจึงรู้ว่า ฐานรากของตัวตึกมีปัญหาเพราะการคำนวณผิดพลาด สิ่งที่ควรทำคือ รื้อออกและสร้างใหม่แต่นักธุรกิจส่วนใหญ่มักคิดว่า ใช้เงินแก้ปัญหาดีกว่าให้การก่อสร้างดีเลย์ออกไป แต่ธณริศมองว่า การใช้เส้นสายเพื่อปกปิดความบกพร่องสุดท้ายจะทำให้เกิดปัญหาตามมาเป็นหางว่าว และถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือ เจ้าของคนเดียวเท่านั้น

เขานำเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนทีมวิศวะกรและสถาปนิก ทุกคนพร้อมจะเข้ามาประเมินสถานการณ์ทันทีที่เทคโอเวอร์โรงแรมได้ สำหรับมืออาชีพ การยอมเสียในสิ่งที่ควรเสียดีกว่าทำทุกอย่างหยวนๆ สมัยอยู่อเมริกา เคยมีคดีตัวอย่างเรื่องสิ่งก่อสร้างทำให้เจ้าของตึกอยู่ในสภาวะล้มละลายมาหลายครั้งแล้ว

ระบบการคิดของคนอเมริกัน ทุกคนต้องทำงานอย่างมืออาชีพ ไม่มีการอะลุ้มอะล่วย ต้องเป็นไปตามหลักการ ธณริศเองก็ยึดหลักการนี้มาตลอด เขาจำต้องคิดให้รอบคอบเพื่อนำไปคำนวนส่วนต่างเมื่อเทคโอเวอร์โรงแรมแห่งนี้

เซ้าท์เฮเว่นน่าสนใจเพราะทำเล ยิ่งเป็นทะเลเมืองไทยด้วยแล้วขึ้นชื่อติดอันดับ หากเขาปรับปรุงทุกอย่างเสร็จก็พร้อมจะขายต่อในทันที ตอนนี้มีบริษัทในสิงคโปร์และมาเลเซียสนใจที่นี่ หากเขาเทคโอเวอร์ปรับปรุงการบริหารก็น่าจะทำกำไรได้อย่างงาม

ธณริศแทบจะโห่ร้องเป่าปาก เมื่อเขมริกาชวนกลับห้อง ตอนแรกหล่อนทำท่าจะขอมาอาบน้ำด้วยแต่ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ เขาอ้างว่า ต้องคุยธุระสำคัญกับพ่อบุญธรรมแต่แท้จริงแล้วเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้เรื่อง พิมพ์ภิดามากกว่า

แม้จะชอบผู้หญิงสวยแต่ชายหนุ่มก็ชอบที่จะเป็นฝ่ายรุกมากกว่ารับ เขมิรกาเปรียบเหมือนหนังสือที่อ่านแป๊บเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง ตอนแรกหล่อนทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมมาตามนัด แต่พอตอนนี้กลับแบไพ่จนหมดหน้าตัก ธณริศตัดสินใจแล้วว่า จะคุยกับหล่อนแค่ผิวเผินและหลีกเลี่ยงการมีสัมพันธ์ทางกายด้วย เพื่อจะไม่ต้องมาคอยแก้ปัญหาทีหลัง เขาจะรีบส่งบทวิเคราะห์ทั้งหมดให้กับเดลตัดสินใจก่อนจะเริ่มต้นงานลำดับถัดไป

รถกอล์ฟจอดส่งหน้าห้องพัก เขมริกาอิดออดแต่ธณริศแสร้งทำท่าทางเหนื่อยและพูดตัดบท หญิงสาวจึงกล้าโวยวาย หล่อนหน้าม้านยอมนั่งรถกลับเข้าห้องไป ขณะที่ชายหนุ่มรับปากว่า จะลงไปรับประทานอาหารเย็นด้วยถ้าเสร็จธุระ

ชายหนุ่มใช้คีย์การ์ดเปิดเข้ามาในห้อง รีบมองหาพิมพ์ภิดาเป็นลำดับแรก แต่พอเห็นในห้องรับแขกว่างเปล่าก็อดตกใจไม่ได้ เขารีบดูในห้องนอนแต่ก็ไม่พบ จึงรีบผลักประตูออกไปยังสระว่ายน้ำทันที เมื่อเห็นร่างบางที่คุ้นตานอนใช้หมอนปิดหน้าอยู่ในศาลาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

ธณริศไม่รู้ว่า ทำไมหัวใจจึงเต้นแรงเมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้า ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้น เสี้ยวหน้าด้านข้างของเด็กสาวตรึงเขาเอาไว้ ผิวของหล่อนขาว ยิ่งยามไร้เครื่องสำอางจะเห็นสีชมพูระเรื่อ เส้นผมสีดำที่ระอยู่ข้างหมอนที่ใช้หนุน แพขนตายาวมองเห็นจากด้านข้าง แต่ส่วนที่สะดุดตากลับเป็นริมฝีปากที่ไม่ถูกหมอนปิดเอาไว้บางส่วน

ภาพตอนที่ช่วยผายปอดหญิงสาวผุดขึ้นมาในความคิด เขายังจำความนุ่มละมุนของเรียวปากอิ่มได้เป็นอย่างดี เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ในจังหวะที่หมอนเลื่อนหล่นเผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่เต็มตา สายตากวาดมองแทนมือสัมผัส ตั้งแต่จมูก ไล่ไปถึงพวงแก้ม ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากเนิ่นนาน สายตาลดล่ำลงไปถึงทรวงอกอวบอิ่มเกินตัวภายใต้เสื้อยืดคอกลมสีขาวเนื้อบาง แม้จะเป็นแค่ชุดเรียบๆ แต่ก็ทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงราวกับจะหยุด

เขาเผลอจ้องมองหน้าท้องแบนราบและสะดือเล็กบุ๋มที่สวยจนลืมหายใจ เรียวขาสวยกลมกลึงภายใต้กางเกงขาสั้นกุด ธณริศรู้สึกเหมือนถูกต่อยที่ท้องน้อยอย่างแรงเพียงแค่เห็นภาพ สมองผุดภาพตอนเรียวขาคู่นั้นโอบเข้าไว้ ตอนที่เขาเติมเต็มหล่อน ขณะที่สมองก็จินตนาการถึงมือตนยามโอบรอบทรวงงามไว้เต็มกอบเต็มกำ

เขาอยากจุมพิตหล่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือใหญ่เคล้าคลึงยอดอกก่อนจะปลดพันธนาการทั้งหมดออกจนเปลือยเปล่า..

‘เฮ้ย จะบ้าหรือไอ้หมี นั่นมันเด็กนะโว้ย ตัววุ่นวายเลยนะนั่น’

ชายหนุ่มสะดุ้ง เรียกสติตัวเองกลับมาพร้อมยืดตัวกลับในทันที เขาทำบ้าอะไรนี่ที่แอบลักหลับเด็กสาวในความฝันงั้นหรือ

ไม่ได้การ! เขากำลังพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต ไม่ใช่แค่ข้อเดียวแต่หลายข้อเลยด้วย นับตั้งแต่การยื่นจมูกไปยุ่งเรื่องของคนอื่น รวมถึงการเอาตัวเองมาอยู่ใกล้เด็กสาววัยขบเผาะ ธรณิศก่นด่าตัวเองที่ทำตัวเหมือน อีตาลุงหื่นกาม..

พิมพ์ภิดายังเด็ก หล่อนเพิ่งจะอายุสิบแปดปี ถ้าเทียบกับเขาต่างกันถึงสิบเจ็ดปีเลยทีเดียวแต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้เด็กวัยขบเผาะกลับมีเรือนร่างเย้ายวนตา ถ้าเทียบกับเขมริกาแล้ว พิมพ์ภิดาเซ็กซี่กว่ามาก อาจเพราะหล่อนไม่มีจริต ไร้การปรุงแต่ง โดยเฉพาะยามหลับเหมือนเช่นนี้

ชายหนุ่มยังจำตอนที่กอดเอวหล่อนไว้รับรู้ถึงเรือนร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอด กลิ่นหอมจากเรือนกายที่นอนหลับอยู่มีแค่กลิ่นแป้งเด็กจางๆ ผิวที่เนียนละเอียดจนเห็นเลือดฝาด ธณริศเขกหัวตัวเอง

‘บ้าแล้ว ไอ้หมี นั่นมันเด็ก แกต้องเลิกคิด รีบช่วยให้จบๆ แล้วก็หาทางชิ่งเสีย ระวังนี้ก็ต้องเก็บมือเก็บไม้ของตัวเองไว้ให้ดีๆ ก่อนจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์’

ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าจากภาพบาดตาตรงหน้าพร้อมส่ายหัว เขาจะประมาทกับเสน่ห์ของเด็กสาวไม่ได้ สองคืนนับจากนี้จะต้องพยายามอยู่ห่างหล่อนให้มากที่สุด...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น