7
เช้านี้คริษฐายังคงอยู่ในลุคเท่บาดตาไม่เปลี่ยน ผมสั้นประบ่าถูกรวบเป็นดังโงะครึ่งหัว วันนี้เป็นวันทำงานวันที่สามของคริษฐาแต่ท่าทีของเพื่อนร่วมงานเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนท่วงท่าของคริษฐาก็ดูดีไปเสียหมด แน่นอนว่ามีหลายคนอยากจะเป็นแบบคริษฐาที่ทั้งเก่งทั้งสวยทั้งเท่จนยกให้หญิงสาวเป็นไอดอล เช้านี้สาวๆ หลายคนจึงทักทายคริษฐาอย่างเป็นมิตรและมองด้วยสายตาชื่นชม
แม้ว่าคริษฐาจะไม่ใช่คนพูดมาก แต่เมื่อมีคนเข้ามาพูดคุยทักทายหญิงสาวก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เป็นมิตร จากผู้หญิงอันตรายในสายตาสาวๆ จึงกลายเป็นไอดอลหญิงไปโดยปริยาย
“เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็สวัสดีค่ะพี่เคท สวัสดีค่ะน้องเคทนะ มาไม่ทันไรแย่งเอฟซีฉันไปหมดเลย” ปวินที่เดินมาพร้อมกันว่าให้ก่อนที่กรินยกรซึ่งเดินอยู่ข้างปวินอีกทีจะเอ่ยบ้าง
“ก็เคทมันพ่อแม่ช่างปั้นนี่หว่า มองมุมไหนก็เพอร์เฟกต์ แกอย่าบ่นมากเลยปราน บุญแค่ไหนแล้วที่ไอ้เคทมันไม่ได้เป็นทอม ถ้ามันเป็นนะ ผู้หญิงทั้งบริษัทเนี่ยเทใจให้มันหมด น้องจุด จุด จุดของแกก็อาจจะทำใจตกลงตรงหน้ามันก็ได้”
“น้องอะไรอะเกรซซี่ น้อง จุด จุด จุด เนี่ย”
“เอ...น้องอะไรน้า”
“หยุดเลย แกสองคนอย่ามาปากโป้งแถวนี้ เอาเวลาไปทำมาหากินเถอะ” ปวินรีบร้องห้ามเมื่อถูกเพื่อนทั้งสองล้อเลียน
ไอ้น้องจุด จุด จุด ที่พากันพูดถึงน่ะต้องการจะสื่อถึงแฟนเขาที่เขาไม่อยากให้สาวๆ ที่ทำงานรู้ว่าเป็นใครนั่นเอง
“แหมๆๆ พูดถึงไม่ได้เลยนะ” หนึ่งสาวเท่และหนึ่งหนุ่มใจสาวเอ่ยพร้อมกันก่อนจะหัวเราะ
ปวินรักแฟนหลงแฟนมาก แต่ก็กลัวแฟนจะได้รับผลกระทบถ้าสาวๆ ทั้งบริษัทรู้ว่าแฟนของเขาคือใคร ปวินจึงค่อนข้างจะกลัวว่าเพื่อนที่รู้เรื่องแฟนของเขาดีหลุดปากไป เพราะอย่างนี้จึงถูกเพื่อนๆ ยกเรื่องนี้ขึ้นมาแกล้งอยู่เป็นประจำ
“พอเลย แล้วนี่ไอ้เจี๊ยบอะ”
“เออ เคท เจี๊ยบล่ะ”
“เจี๊ยบเพิ่งไลน์มาว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนนี้เคลียร์อยู่ที่โรงพัก เดี๋ยวเข้ามา” คริษฐาตอบไปตามตรงแม้จะรู้ว่าเป็นการเปลี่ยนเรื่องคุยของปวินก็ตาม ทว่าไม่ทันจะได้บอกต่อว่าอุบัติเหตุที่ว่าร้ายแรงหรือไม่ ลูกทีมของปวินก็เดินเข้ามาพร้อมกับรายงานว่ามีการเรียกประชุมด่วน ให้หัวหน้าทีมและสถาปนิกในทีมที่กำลังว่างไม่ติดโพรเจกต์เข้าประชุม การสนทนาจึงยุติลง
เวลาต่อมา
ความเงียบก่อเกิดเมื่อผู้เป็นประธานบริษัทก้าวเข้ามาในห้องประชุม เนื่องจากมีโครงการใหม่เข้ามาจึงต้องมีการประชุมเลือกสถาปนิก หัวหน้าทีมสถาปนิกของบริษัทจึงต้องมาประชุมกันในวันนี้พร้อมกับลูกทีมที่ว่างพร้อมจะรับงาน สถาปนิกคนใหม่ของบริษัทอย่างคริษฐาเองก็เข้าประชุมเช่นกัน แม้ว่าเธอจะไม่ใช่หัวหน้าทีมสถาปนิก แต่หัวหน้าทีมอย่างปวินก็ยืนยันหนักแน่นว่าเธอต้องเข้าประชุมกับเขา
ด้านขวาของคริษฐาคือปวิน ถัดจากปวินไปก็คือหัวโต๊ะซึ่งเป็นที่นั่งของนนทกร หญิงสาวลอบสำรวจชายหนุ่มที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะแล้วก็ลอบถอนใจ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกไม่ปลื้มท่าทีของนนทกรดั่งเช่นวันแรกที่เจอ...ผู้ชายคนนี้ช่างขี้เก๊กวางท่า เล่นตัวเหมือนคนบางคนที่เธอรู้จักซะจริง
“เรามีโพรเจกต์ใหม่ ลูกค้าต้องการให้เราออกแบบและก่อสร้างคอนโดมิเนียมให้ ผมต้องการสถาปนิกสองคนที่เก่งภาษาเพราะลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ และที่สำคัญคือมีความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมรัสเซีย” นนทกรไม่รีรอเอ่ยเข้าเรื่องทันที ก่อนจะทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดีฟังหัวหน้าทีมโอ้อวดสรรพคุณของลูกทีมเพื่อให้คนของตัวเองได้โพรเจกต์นี้ไป
“ผมขอเสนออรนิตาและวริศครับ ทั้งคู่มีความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมรัสเซียพอสมควร ที่สำคัญเก่งภาษากันทั้งคู่ด้วย สถาปนิกในบริษัทนี้คงหาใครเก่งภาษาเท่าสองคนนี้ได้ยากแล้วละครับ พูดภาษาอังกฤษได้อย่างกับเจ้าของภาษาทีเดียว” เสียงที่ค่อนข้างจะโอ้อวดดังขึ้นหลังจากที่หลายๆ คนเสนอตัวรับโพรเจกต์นี้
นนทกรเลิกคิ้วมองพิจารณาไปยังสองคนที่ผู้พูดนำเสนอ ก่อนจะเบนสายตามาถามปวินที่นั่งข้างๆ
“แล้วคุณล่ะปวิน คุณคิดเห็นยังไง”
ปวินที่นั่งเงียบมาตลอดปรายตามองคมกฤต ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ของนริศ ซึ่งชอบแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับเขามาตลอด “ก่อนจะตอบ ผมขอทราบข้อมูลก่อนนะครับ ลูกค้ามาจากประเทศอะไรครับ”
“ลูกค้าเป็นชาวรัสเซียที่มีภรรยาชาวไทยค่ะคุณปราน” ริสาตอบแทนนนทกรอย่างรู้งาน ก่อนจะยื่นเอกสารเกี่ยวกับลูกค้าให้แก่ปวิน “ลูกค้าต้องการสนทนากับสถาปนิกโดยไม่ผ่านล่ามเลยต้องการคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี คุณปรานเองก็เก่งภาษาส่งโพรเจกต์เก่าให้คริษฐาแล้วมารับโพรเจกต์นี้สิคะ โพรเจกต์นี้ค่าตอบแทนมหาศาลเลยนะคะ”
“ถึงปวินจะมีฝีมือ แต่เรื่องการสนทนาปวินคงสู้อรนิตากับวริศไม่ได้หรอกนะ” คมกฤตแทรกขึ้นก่อนที่นนทกรจะถามปวินอีกครั้ง
“คุณคิดว่ายังไงปวิน”
“ผมขอเสนอจิรชาครับ จิรชารู้เรื่องสถาปัตยกรรมรัสเซียเป็นอย่างดีเหมาะสมกับโพรเจกต์นี้” ชายหนุ่มตอบไปตามที่คิด แต่ก็ทำให้หลายคนประหลาดใจ เนื่องจากปวินนั้นไม่ได้เสนอคนของตัวเองหรือเสนอตัวเองเหมือนกับคนอื่นๆ ซ้ำยังเสนอจิรชาที่เป็นหัวหน้าทีมสถาปนิกอีกคนหนึ่งของบริษัท และหญิงสาวก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้
“ใครคือจิรชา”
“จิรชาเป็นหัวหน้าทีมสถาปนิกหญิงคนเดียวของบริษัทครับ วันนี้เธอเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยทำให้ไม่ได้มาเข้าประชุม แต่ผมมั่นใจครับว่าจิรชาเหมาะสมกับโพรเจกต์นี้ และถ้าเธอทำโพรเจกต์จะต้องเป็นไปได้ด้วยดี”
“แล้วอีกคนล่ะ คุณคิดว่าใคร คุณ?”
“ไม่ใช่ผมครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องสถาปัตยกรรมรัสเซียเท่าไหร่ แต่ผมก็มีคนที่คิดว่าเหมาะสมครับ”
“ใคร? เพื่อนคุณที่นั่งอยู่ข้างๆ เหรอ” นนทกรถามทั้งที่พอจะเดาได้ไม่ยากว่าปวินจะต้องเสนอเพื่อนของตนที่ยังไม่มีโพรเจกต์เป็นของตัวเอง
“ไม่ผิดครับ เป็นคริษฐาจริงๆ คริษฐาเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ รอบรู้เรื่องสถาปัตยกรรมประเทศต่างๆ เป็นอย่างดี และลูกค้าเป็นชาวรัสเซีย เขาไม่ต้องการใช้ล่ามอาจจะเพราะเขาอยากจะสื่อสารว่าเขาต้องการแบบไหนโดยตรงกับสถาปนิก ดังนั้นผมคิดว่าคงไม่มีใครเหมาะกว่าคุณมาการิต้าแล้วละครับ”
“มาการิต้า?”
“ชื่อรองของคริษฐาน่ะครับ คริษฐาเพื่อนผมคนนี้เป็นลูกเสี้ยวรัสเซีย พูดภาษารัสเซียได้ อ่านเขียนได้ไม่แพ้เจ้าของภาษา มีใครจะเก่งกว่านี้ล่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณลองแนะนำตัวเป็นภาษารัสเซียให้ฟังหน่อยสิ”
“มินยา ซาวูท มาการิต้า อะ คัก วาส ซาวูท? (ฉันชื่อมาการิต้า แล้วคุณล่ะชื่ออะไร)” สำเนียงรัสเซียที่เปล่งออกมาพร้อมกับแววตาจริงจังที่ส่งมา ทำให้นนทกรรู้สึกหวิวๆ ในหัวใจไม่น้อย แต่ก็สามารถควบคุมความรู้สึกไว้ได้ ชายหนุ่มเข้าใจและตอบกลับด้วยสำเนียงเดียวกัน
“มินยา ซาวูท นนทกร ถึงแม้นี่จะเป็นการทดสอบขั้นพื้นฐาน แต่ผมก็จะลองไว้วางใจคุณสถาปนิกคนใหม่ก็แล้วกัน โพรเจกต์นี้ผมให้ทีมคุณปวินและคุณจิรชารับผิดชอบร่วมกัน พรุ่งนี้บ่ายผมมีนัดกับลูกค้า เที่ยงตรงวันพรุ่งนี้คุณกับคุณจิรชามารอผมหน้าบริษัทด้วย ผมจะพาไปพบลูกค้า หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ”
“ค่ะบอส” คริษฐาตอบรับโดยไม่ต้องถามว่าคนที่นนทกรหมายถึงนั้นคือใคร ก็สายตาเขาที่มองมาที่เธออย่างจับผิดนั้นบ่งบอกอยู่แล้วนี่ว่าเขาหมายถึงใคร
ปวินลอบสังเกตก่อนจะถอนใจเบาๆ นนทกรท้าทายคนผิดแล้ว
ริสาที่ลอบสังเกตการณ์อยู่กำหมัดแน่นเมื่อเห็นสายตาที่นนทกรมองไปยังคนที่เธอชิงชัง จากความแค้นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นความริษยาไปแล้วเมื่อเห็นสายตาของเจ้านาย...ปวินก็ไม่มองเธอ นนทกรที่เหมือนจะไม่สนใจใครก็ยังไปมองคนที่เธอเกลียดอีก เห็นทีเธอจะปล่อยให้คริษฐามีความสุขไม่ได้แล้ว
“ชะนี ฉันว่าหล่อนตกผู้ได้” เสียงแสดงความตื่นเต้นของกรินยกรที่ดังมาจากข้างๆ ทำให้คริษฐาที่นั่งพิมพ์ข้อความตอบโต้กับจิรชาอยู่ต้องเงยหน้ามองอย่างประหลาดใจ
“อะไรเกรซซี่ ตกผู้ได้อะไรของแก”
“ก็คุณนนทกรไง ฉันว่าหล่อนตกเขาได้”
“เพ้อเจ้อ”
“ไม่เพ้อย่ะชะนี ฉันว่าชัวร์ สายตาเขาที่มองหล่อนไม่ธรรมดา ไหนๆ ก็โสดแล้ว อย่าปิดกั้นตัวเองสิชะนี ลองมองผู้ชายคนอื่นบ้าง บางทีหล่อนอาจจะได้ผู้ใหม่ก็ได้” กรินยกรเอ่ยแนะนำ ตัวเขาเองก็อยู่ในห้องประชุมและลอบสังเกตประธานหนุ่มอยู่ตลอดเพราะมีนิสัยชอบมองคนหล่อ แต่พอมองไปมองมาก็สังเกตได้ว่าหลายครั้งนนทกรนั้นแอบเมียงมองเพื่อนของเขาอยู่ เพื่อนที่ดีก็ควรจะชงสิจริงมั้ย
“แกก็เห็นใช่มั้ยปราน นังชะนีของเราน่ะตกผู้ได้โดยไม่ได้ตั้งใจหนึ่งอัตรา แล้วเป็นผู้ที่เพอร์เฟกต์ด้วย”
ปวินไม่ตอบรับ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นแต่เขาไม่ได้คิดจะเชียร์นนทกรเหมือนที่กรินยกรทำ...เรื่องอะไรจะเชียร์คนอื่น ยังไงเขาก็อยู่ข้างญาติผู้พี่
“เฮ้อ แกเพ้อเจ้อแล้วเกรซซี่”
“งั้น...สมมุตินะแก ถ้าเขาชอบแกจริงๆ แกจะทำยังไง”
“ถ้าเขาชอบฉันจริงๆ ฉันก็จะแสดงให้เขาเห็นว่าฉันเห็นเขาเป็นเจ้านาย ไม่ได้คิดอะไร” แน่นอนคำตอบที่ตอบไปก็คล้ายกับตอนที่ตอบพิมพ์จันทร์ คริษฐาเป็นคนชัดเจนในบางเรื่อง ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจถ้านนทกรชอบเธอจริงๆ เธอก็จะทำอย่างที่บอกแก่กรินยกร แต่คำตอบของเธอกลับทำให้กรินยกรไม่พอใจจนต้องฟาดลงที่แขนของเธอ
“ชะนี หล่อนคิดผิดแล้ว ถ้าเขามาชอบหล่อนชวนหล่อนไปกินข้าวหรือจีบหล่อน หล่อนต้องสงวนท่าทีแต่ไม่ปฏิเสธ ถึงหล่อนไม่ได้คิดจะเปิดใจแต่ก็ใช้เขาทำให้เฮียคีย์หัวร้อนได้ คิดเยอะๆ สิชะนี”
“ไม่เกรซซี่ ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ฉันไม่ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกใคร ฉันไม่ได้ชอบเขาและฉันจะไม่ให้ความหวังใดๆ แก่เขาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ให้เจ็บตั้งแต่เพิ่งสนใจดีกว่าเจ็บตอนที่ทุ่มไปทั้งใจแล้ว”
“แสดงว่า...แกไม่คิดจะเอาใครมาแทนเฮียใช่มั้ย” ปวินแทรกถามพร้อมกับขยับเข้ามาจับสังเกตอาการเพื่อนสาว ว่าจะเฉไฉ หรือจะตอบ
“ฉันเคยพูดไปแล้ว ถ้าฉันทำให้เฮียแกหมอบราบคาบแก้วไม่ได้ฉันยอมเป็นม่ายตลอดชีวิต ก็หมายความอย่างนั้น ถ้าฉันกับเขาคลาดกันจริงๆ ฉันยอมโสดๆ สวยๆ รวยๆ อยู่บนคาน ไม่ขอแต่งงานใหม่ให้หัวเสียเหมือนแต่งงานครั้งแรก” หญิงสาวตอบอย่างมั่นอกมั่นใจก่อนจะชี้หน้าปวินและมองด้วยสายตาข่มขู่
“ฉันรู้ว่าแกชอบส่งข่าวให้เฮียของแก แต่ถ้าเรื่องที่ฉันคิดจะทำหลุดไปถึงหูเฮียคีย์ ฉันจะแฉให้คนรู้ทั้งบริษัทเลยว่าแกกิ๊กกับใครอยู่ และฉันจะแฉแกให้น้องเขาฟังด้วยว่าก่อนคบกับเขาแกน่ะมีวีรกรรมอะไรบ้าง”
“พะ...เพื่อนเคทใจเย็นๆ สิ เพื่อนปรานน่ะอยู่ข้างเพื่อนเคทแล้ว ไม่ปากโป้งหรอก นะเชื่อสิ” ปวินที่โดนเอาเรื่องลับสุดยอดมาขู่รีบบอกเพื่อนเสียงอ่อน งานนี้แม้อยากจะช่วยญาติผู้พี่แค่ไหนปวินก็ไม่กล้าที่จะทำ
‘งานนี้ตัวใครตัวมันนะเฮีย’
“ดี งั้นต่อไป แกต้องเอาทุกเรื่องที่แกรู้จากเฮียคีย์มาบอกฉัน ตกลงมั้ย”
“ตกลง สบาย เรื่องแค่นี้เอง จัดให้”
“เอาเรื่องแฟนมาขู่เข้าหน่อย ยอมทรยศพี่เชื้อเชียวนะไอ้ปราน ใช้ไม่ได้เลย” กรินยกรว่าเข้าให้ก่อนจะยิ้มขบขันแม้จะค่อนข้างปวดหัวกับความคิดที่ชัดเจนของคริษฐา แต่งานนี้เขาก็เข้าข้างเพื่อนและเชียร์เพื่อนสุดชีวิตอยู่แล้ว
หลังจากพูดคุยกับเพื่อนพอหอมปากหอมคอแล้วคริษฐาก็มุ่งตรงไปที่ไซต์งานทันที เพราะวันนี้ปวินต้องอยู่บริษัทต่อ เนื่องจากมีงานที่ต้องส่งมอบโครงการที่เสร็จสมบูรณ์แล้วให้ลูกค้าอีกราย ในฐานะผู้ช่วยเธอจึงต้องไปที่โครงการเผื่อว่าทีมวิศวกรจะมีปัญหาอะไรที่ต้องปรึกษาสถาปนิก
คริษฐาเหลือบมองร้านน้ำปั่น ขณะที่เตรียมตัวจะลงจากรถราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เธอสนใจ ร้านนี้ใช่ไหมนะที่ปวินซื้อโกโก้ไปฝากเธอเมื่อวันก่อน...ลองแวะหน่อยดีกว่า
สาวร่างบางก้าวลงจากรถก่อนจะเงยหน้าขึ้นสู้แดดที่ร้อนจ้า “วันนี้แดดร้อนมากเลยแฮะ เหมาะที่จะดื่มโกโก้ปั่นสักแก้วจริงๆ”
คริษฐามุ่งตรงเข้าไปในร้านทันที นัยน์ตาคู่หวานมองภายในร้านที่มีบรรยากาศน่านั่ง ก่อนจะมองหาเจ้าของร้านหรือพนักงาน ทว่าทันทีที่มองไปที่เคาน์เตอร์คนที่พบกลับไม่ใช่คนอื่นคนไกล
“หมวดต้น?”
“คุณนาย” คู่สนทนาเรียกตามคำเรียกที่คุ้นเคยก่อนจะเปลี่ยนปฏิกิริยาเป็นไม่ใส่ใจ “รับโกโก้ปั่นนะครับ”
“เอ่อ ค่ะ เอ่อ...ทำไมหมวดมา...”
“ผมลาออกจากราชการแล้วครับ” ร้อยตำรวจโทอติรัตน์ อดีตผู้หมวดหนุ่มหน่วยปราบปรามยาเสพติดเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเศร้า ซ้ำยังหลบสายตาจนคริษฐารับรู้ได้
“ลาออกเหรอคะ”
“ครับ จะสองเดือนได้แล้วละครับ”
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้คริษฐารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายแปลกไป “หมวดรักงานมาก ทำไมอยู่ๆ ถึง...”
“แฟนผมใฝ่ฝันอยากเปิดร้านเครื่องดื่ม ผมเลยมาสานฝันให้เธอน่ะครับ”
“อ๋อ อย่างนี้เอง ออกมาสร้างฝันกับแฟนนี่เอง แล้วคุณนิอยู่ไหนล่ะคะเนี่ย ไม่ได้เจอตั้งนานแน่ะ” หญิงสาวถามถึงแฟนสาวของอีกฝ่าย
ทว่าอติรัตน์กลับชะงักนิ่งไป มือที่กำลังปิดฝาแก้วโกโก้ถึงกับหยุดนิ่ง ทว่าก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ชายหนุ่มก็กลับมานิ่งได้สมกับที่เคยทำงานเสี่ยงอันตราย
“คุณนายไม่ทราบเหรอครับ”
“ทราบอะไรเหรอคะ”
“นิตายไป...เกือบสองเดือนแล้ว ให้ตายสิ นี่ผู้กองไม่ได้เล่าให้คุณนายฟังเลยเหรอ”
“คะ...คุณนิ คุณนิน่ะเหรอคะ” สิ่งที่ได้รู้ทำให้คริษฐาตกใจและไม่อยากเชื่อหูตัวเองอยู่ไม่น้อย...เธอคนนั้นน่ะเหรอเสียชีวิตไปแล้ว
“ครับ นิถูกยิงตายเมื่อเกือบสองเดือนก่อน ตอนนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้”
“เกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย”
“ผมพูดมากไม่ได้หรอก แต่ฝากไปบอกผู้กองด้วย ถ้าเขากับคนอื่นยังไม่เลิกยุ่งกับคดีนั้นรายต่อไปอาจเป็นญาติพี่น้องของคนที่ยังไม่หยุด หรืออาจจะเป็นคุณนายก็เป็นไปได้ นี่โกโก้ครับ ทั้งหมด…คุณนาย!!!” ไม่ทันจะได้บอกราคาของเครื่องดื่ม สาวร่างบางก็หมดสติไปจนอติรัตน์ตั้งตัวไม่ทัน ชายหนุ่มรีบพุ่งไปหมายจะรับร่างบางก่อนที่จะร่วงลงไปชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล ทว่าก็ช้ากว่าใครคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามารับไว้ก่อน...เขาคือนนทกรที่บังเอิญแวะเข้ามาในร้านและได้เห็นเหตุการณ์นั่นเอง
ความคิดเห็น |
---|