บทที่ 9
การปล่อยสองพ่อลูกที่ห่างเหินไว้ด้วยกันเป็นเรื่องถูกต้องแล้วรึเปล่า?
คำถามนั้นกวนใจชายหนุ่มอยู่เรื่อยๆ ยามเดินเล่นนอกบ้านแล้วก็เผลอใช้เวลาสิบนาทีในการชมนกชมไม้ในสวนสมมติให้ตัวเองกำลังเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายหนักคงพอจะเป็นข้ออ้างได้ เพราะไม่มีใครใจร้ายว่าคนที่หายไปนานเพราะปวดท้องได้ลงคออยู่แล้ว
กันต์แกะหมากฝรั่งที่พกมาด้วยใส่ปาก เคี้ยวเมื่อเกิดความรู้สึกอยากสูบบุหรี่ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยในพักหลังมานี้ บางทีเขาก็จะลักไก่โกงสูบบ้างในปริมาณที่น้อยลง แต่ในวันนี้คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่
เขาตกลงกับเจ้าบ้านไว้ว่าจะให้เวลาได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพัง ทีแรกพลศรุตประหลาดใจไม่น้อยที่เขาบอกว่าสามารถนัดมีนาคมให้ได้เพียงแต่ต้องใช้วิธีพิเศษนิดหน่อย โดยห้ามหลุดพูดออกมานอกเสียจากหญิงสาวจะยอมรับเองก่อน
แต่เขาคาดการณ์ผิดนอกเธอจะไม่ยอมรับตามตรงแล้วยังเหนือชั้นกว่าด้วยการทำมึนไปว่าไม่รู้จักกับพลศรุตมาก่อน จนเขาเหนื่อยใจที่จะอยู่ในบรรยากาศประหนึ่งมีเมฆหมอกทะมึนปกคลุมเจียนจะฟ้าถล่ม บางทีหญิงสาวอาจไม่รู้ตัวว่าการแสดงของเธอบอกชัดเจนว่าเธอกำลังประชดอีกฝ่ายอยู่ทั้งคำพูดรวมทั้งสีหน้า
รอยยิ้มของเธอคล้ายกับตอนอยู่หน้ากล้องก็จริง แต่มันดูพร้อมจะหายไปทุกเมื่อจนเขารู้สึกผิดขึ้นมา แผนเหนี่ยวนำความสัมพันธ์แบบแม่เหล็กขั้วเดียวที่เอาแต่ผลักกันนั้นคงต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป
ทีแรกกันต์ไม่สนใจความสัมพันธ์ของเธอกับพลศรุต เพราะเขาไม่ได้คบกับพ่อเธอ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองเริ่มจะโลภเกินไป นอกจากพื้นที่ที่มีนาคมเคยให้เขาก็อยากจะข้ามเส้นเข้าไปจัดการให้อะไรต่อมิอะไรในชีวิตของเธอให้เรียบร้อยขึ้นแม้ว่าจะมีความเสี่ยง
แต่ถ้าเรื่องจบได้ด้วยดีคงไม่ถูกเกลียด เขาคิดเท่านั้นและเชื่อมั่นในทักษะการเอาตัวรอดของตนเองด้วย
“ยืนทำอะไรตรงนี้”
เสียงนั้นทำให้ชายหนุ่มเลิกลั่กขึ้นมาเมื่อหญิงสาวที่ควรอยู่กระชับความสัมพันธ์ในบ้านยืนกอดอกข้างๆ สีหน้าของมีนาคมชวนให้เป็นห่วงมากกว่ากลัว
“จะมาแอบสูบบุหรี่หรือไง”
“โทษที” เหตุผลว่าท้องเสียของเขาคงไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาใช้แล้ว “รู้ทันจนได้ เสียดายไม่ได้เอาไฟแช็คมา ตั้งใจว่าจะเอาก้อนหินมาสีกันให้เกิดประกายไฟพอดี”
มีนาคมหรี่ตาใส่เขา ไม่ขำกับสิ่งที่ได้ยิน
“แต่คุณเคี้ยวหมากฝรั่งนี่”
“ก็...ไม่มีไฟแช็คไง” ชายหนุ่มตีหน้าซื่อ “คงไม่คิดว่าจะมีใครเอาหินมากระทบกันจุดไฟจริงๆ ใช่ไหม”
“จะบ้าหรือไง”
“ก็ว่าเคี้ยวเสร็จแล้วจะกลับเข้าไป” เขาเคี้ยวหมากฝรั่งแรงๆ ให้ดูเหมือนพวกกักขฬะแบบที่ถ้าอยู่ต่อหน้าพลศรุตอาจจะถึงขั้นถูกตะเพิดออกมาว่าไร้มารยาท “ว่าแต่คุณออกมาทำไมน่ะ”
“คุณพลศรุตติดธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ ฉันก็เลยเดินออกมาหาคุณก่อน ทีแรกนึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว” น้ำเสียงนั้นเย็นขึ้นจนคนฟังเสียวสันหลังวาบว่าเธอมีจิตสัมผัสรู้ได้ว่าข้ออ้างแรกของเขาที่เกือบจะใช้คืออะไร
“แต่ก็ไปเข้าห้องน้ำก่อนจริงๆ แหละตอนนี้ยังปวดมวนท้องอยู่เลย”
เขายกมือลูบหน้าท้องของตัวเองวนไปมา
“เมื่อวานกินอะไรแปลกๆ มาเหรอ ตอนเช้าเรากินเหมือนกัน ตอนบ่ายคุณก็อยู่ที่ห้อง ส่วนตอนเย็นคุณออกไปข้างนอกกับเพื่อน” มีนาคมเริ่มขึ้นตอนสอบสวน “ไปกินอะไรกันมาคะ แล้วกับเพื่อนกลุ่มไหน”
“ก็กินอาหารตามสั่งนั่นแหละกับพวกไอ้พี่สิทธา”
“อืม” เธอลากเสียงยาวก่อนจะจับแขนของเขาคล้องเอาไว้ “ลองถามคนอื่นดูนะคะ ถ้าไม่สะอาดคราวหน้าก็อย่ากินร้านนั้นอีก”
กันต์ยิ้มตอบแล้วเป่าหมากฝรั่งให้พองเป็นลูกโป่งขณะจ้องตาหญิงสาวความจำของเธอดีเลิศสมกับเป็นนักแสดงที่จำบทพูดได้ไม่เคยพลาด เขารู้ดีว่านี่เป็นเกมอย่างหนึ่งเพราะเมื่อใครโกหกคนคนนั้นจะต้องหลบตาลงไปก่อนอย่างร้อนตัว ซึ่งเขามีวิธีแก้เพียงแค่มองกลับไปแล้วคิดถึงเรื่องอื่นแทน เช่นยังมีอะไรเหลืออยู่ในตู้เย็นบ้าง หรือควรปรับโทนเสียงในเพลงที่ยังไม่เรียบร้อยให้สูงขึ้นอีกสักนิดไหม
ลูกโป่งหมากฝรั่งแตก เขาเคี้ยวมันใหม่ขณะที่มีนาคมชะโงกหน้ามองเข้ามาใกล้ขึ้น
“โกหกใช่ไหม”
“เปล่า” กันต์คิดถึงทะเลที่เพิ่งไปมาด้วยกัน หากจำไม่ผิดวันนั้นที่ชายหาดมีผู้ชายสวมแว่นดำคนหนึ่งกำลังนั่งดีดอูคูเลเล่ไปด้วยบนเตียงผ้าไปซึ่งห่างออกไป แต่มือที่เลื่อนมาคล้องคอนั้นดึงสติของเขากลับมา “เดี๋ยวๆ จะทำอะไร” เขาหลบตาเอียงคอหลบเมื่อแรงกดให้ก้มหน้าลงเริ่มมากขึ้น
“ประเจิดประเจ้อ” เขาย้ำเมื่อคนฟังยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก “หยุดเลย”
คำเตือนของเขาไม่เป็นผล แรงต่อต้านก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเมื่อถูกจูบแบบที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน ตาเบิกโตของเขาหนักลงอัตโนมัติแม้สมองจะยังบอกว่ามันผิดแผกไปหมด มีนาคมไม่ใช่คนไม่รู้กาลเทศะ เขากับเธอไม่เคยแสดงความรักต่อกันนอกห้องที่เป็นเหมือนเขตปกครองพิเศษซึ่งมีประชากรเพียงสองคนเลย
ไม่มีความอ้อยอิ่งเมื่อหญิงสาวถอนริมฝีปากออก เธอเลิกคิ้วยิ้มเหมือนกำชัยชนะไว้ มีแต่เขาที่รู้สึกเหมือนถูกหนามปักรอบตัวจนต้องหันรีหันขวางมองว่าพลศรุตหรือใครอื่นอาจจะมองเห็นหรือไม่
"เห็นผมแล้วห้ามใจไม่ไหวเลยหรือไง"
“คงจะอย่างนั้น ตอนนี้ฉันอยากจะกลับแล้ว” มีนาคมเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วยขณะพูด เป่ามันจนเป็นลูกโป่งก่อนเอียงคอมองเขาแล้วเคี้ยวต่อ “คุณต้องเลือกระหว่างฉันกับเขา เลือกให้ดี แล้วฉันจะไม่โกรธ”
มือเรียวของเธอยื่นมาล้วงหยิบกระดาษห่อหมากฝรั่งในกระเป๋ากางเกงของเขา ราวกับจะกำหนดว่ามีเวลาให้ตัดสินใจเพียงเท่านั้น ดวงตาคู่สวยยังจ้องเขาไปด้วยอย่างที่กันต์สังหรณ์ว่าไม่มีประโยชน์อะไรจะเล่นละครต่อไปอีก
“ผมเลือกคุณ”
เธอยิ้ม คายหมากฝรั่งใส่กระดาษห่อแล้วโยนทิ้งลงพื้น
ลางสังหรณ์ของกันต์เป็นจริงเมื่อเขาส่งข้อความผ่านโปรแกรมสนทนาหาพลศรุตหลังจากนั้น อีกฝ่ายไม่ได้มีธุระอะไรส่วนตัวอย่างที่หญิงสาวว่า ทำให้เขาแน่ใจว่าการนัดหมายเช่นนี้จะไม่ประสบผลเลยหากตนเองปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง
ท่าทางของมีนาคมยังดูเป็นปกติดียามเป่าผม ชายหนุ่มคาดเดาสิ่งที่อยู่ภายใต้ใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นไม่ออก อาจเพราะเขาจ้องนานเกินไป ดวงตาคู่สวยถึงตวัดมองผ่านกระจก
"คุยกับใครอยู่คะ ไม่ปล่อยโทรศัพท์เลยนะ" เธอวางไดร์ลง เบือนตัวหันมาโดยกอดพนักเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้
"ก็ดูอะไรเรื่อยเปื่อยแหละ" เขาวางโทรศัพท์เหมือนของร้อน มันกระเด้งบนเตียงก่อนที่หน้าจอจะพลิกคว่ำลงไป
"คิดมากเรื่องคุณพลศรุตเหรอคะ เค้าไม่โกรธอะไรที่เราออกมาหรอก"
หญิงสาวเอ่ยราวกับรู้ใจ เพียงแต่ยังรู้ไม่หมดว่าเขายังพิมพ์คุยกับคุณพ่อไฮเทคอยู่เลยเมื่อครู่
"หรือมีอะไรมากกว่านั้นที่ฉันยังไม่รู้คะ" เธอยกมือลูบผม คอของเสื้อคลุมซึ่งผูกเอวไว้หลวมๆ นั้นเผยอออกเห็นเนินอกที่ทำให้เขาเกือบเผลอสูดหายใจลึกออกไป "ไหนลองบอกมาซิ"
"มีอะไรเกี่ยวกับผมที่คุณไม่รู้ด้วยหรือไง"
"เยอะแยะ" เธอยักไหล่ เปลี่ยนมาหยิบกระปุกมาร์กจากโคลนภูเขาไฟกับแปรงพลาสติกสำหรับทามาร์กออกมาด้วย
เขาทำตาโต "ทาบ้างสิ"
ข้อดีของการเป็นแฟนกับสาวสวยคือจะสามารถสวยไปด้วยกันได้
เธอจะบอกเคล็ดลับคุณทุกอย่างไม่มีกั๊ก แม้กระทั่งบริการทาครีมให้ยามหลับด้วย ราวกับเป็นห่วงว่าผิวหน้าหยาบกร้านนี้จะทวีความกระด้างไปเทียบเท่ากับจิตใจซึ่งมีแต่เรื่องใต้สะดือ
มีนาคมลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงอย่างที่เคยทำ เธอยังคงนิ่งเมื่อกันต์ทิ้งตัวนอนหนุนบนตักประสานมือเอาไว้ที่อกไม่ต่างกับมัมมี่
"จะสบายเกินไปแล้วนะ" เธอเริ่มใช้แปรงแตะโคลนภูเขาไฟป้ายลงบนหน้า ความเย็นเป็นอย่างแรกที่เขาได้สัมผัส"มัดผมด้วยสิ"
ชายหนุ่มมัดผมเองทั้งที่ยังหนุนตักอยู่ด้วยยางรัดซึ่งมาจากข้อมือ มองคนที่ขมวดคิ้วหน่อยๆ เวลาเว้นระยะรอบดวงตาเอาไว้ไม่ให้โคลนเลอะไปถูก เธอมีฝีมือเรื่องนี้ผิดกับเขาที่เคยอาสาบริการให้ครั้งหนึ่งแต่ไม่ต่างกับสร้างศิลปะแบบภาพนูนต่ำเลย
"อยากกินเครปชาร์โคลจัง" กันต์นึกถึงเครปญี่ปุ่นที่เปลี่ยนแป้งเป็นสีดำเพื่อการตลาด มีความคล้ายคลึงกับมาร์กโคลนซึ่งต้องป้ายให้หนาพอดิบพอดี ไม่หนาไป ไม่บางไป
"ก็แค่แผ่นเครปสีดำไม่ใช่เหรอ ต่างยังไงกับตอนที่คุณหุงข้าวแล้วใส่น้ำแดงลงไปให้มันเป็นสีชมพูน่ะ"เธอวนแปรงที่กรอบหน้าของเขา
นานมาแล้ว ชายหนุ่มเคยลองผสมน้ำแดงลงไปตอนหุงข้าว แต่ก็ปริมาณน้อยนิดเพื่อให้สีเท่านั้นหญิงสาวตื่นเต้นอยู่ราวสองนาทีได้ แล้วก็บอกว่ามันไม่ได้แตกต่างจากข้าวสวยปกติเลย
"นั่นสินะ แต่อยากกินแบบใส่ไข่ เบคอน ลูกเกด น้ำพริกเผา แล้วก็บลูเบอร์รี่"
"ฉันไม่สงสัยว่าแล้วว่าทำไมคุณท้องเสีย"
"ต่อให้กินแยกมันก็รวมกันในท้องอยู่ดีน่า" เขาบ่น แต่รู้สึกหน้าเริ่มตึงขึ้นมาจนอ้าปากได้ไม่ถนัดนัก
"ก็ลองไปหาสูตรมาทำสิ มีกระทะก้นแบนอยู่นี่" มีนาคมว่าต่อขณะเก็บแปรง
หญิงสาวไม่เคยขัดเขาได้นานเรื่องการแกะสูตรอาหารเพราะเป็นกิจกรรมสำคัญที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน เธอถือเป็นผู้ช่วยเขาแม้จะทำได้แค่หั่น ล้างจาน หรือให้เต้นประกอบจังหวะเมื่อเปิดเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือ
เวลานี้ทุกอย่างดูเป็นปกติดี เธอมาร์กหน้าให้ตัวเองที่หน้ากระจกแล้ว ส่วนเขาก็ไปหนุนหมอนที่นุ่มกว่าตักเนียนๆ ทว่ายังอยากซบคนที่ตอนนี้ขยับหน้าพูดมากไม่ได้อีก
หญิงสาวกลับมานอนข้างเขาบนเตียง ต่างคนต่างจับโทรศัพท์ส่งข้อความหากันเพราะโคลนภูเขาไฟเริ่มแห้ง เปลี่ยนสีจากดำเข้มเป็นเทาอ่อน ต้องใช้เวลาสามสิบนาทีก่อนจะล้างออกได้
mimi march : ฉันขอผักโขม เห็ด ชีสนะ
mimi march :แต่พรุ่งนี้ไม่ต้องเตรียมมื้อกลางวันไปนะ ฉันจะไปกินกับคนที่กอง
GGun : โอเค งั้นดูตารางงานหน่อย
เธอแคปเจอร์หน้าจอตารางงานของเดือนนี้ส่งกลับมาให้ ในอาทิตย์นี้ถูกลงเป็นคิวของละครพีเรียดเรื่องใหม่ไปสี่วัน มีงานอีเวนท์หนึ่งวันปลายอาทิตย์ที่จะมีเวลาว่างหลังจากสามทุ่มเป็นต้นไป ส่วนวันที่ว่างเต็มวันก็มีอยู่หนึ่งวัน
GGun : เครปไว้เย็นวันศุกร์ดีมั้ย
เธอส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจกลับมา เวลาเดียวกับที่เครื่องของเขามีข้อความจากพลศรุตซึ่งเธอคงไม่ทันเห็น
ชายหนุ่มทำเป็นเอนหลังพิงหมอนให้จมลงไปลึกขึ้นขณะเปิดอ่านข้อความของอีกฝ่าย พลศรุตบอกว่าอยากพบมีนาคมอีก แต่ไม่ต้องรีบร้อนนักเพราะไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกว่าผิดปกติเกินไป
ตรงกันข้ามกับกันต์ ถึงเขาจะทำเป็นเฉยเรื่องวันนี้ แต่ในใจแล้วกลับรู้สึกว่าเป็นการเดินเกมที่พลาดไปของตนเอง
GGun : วันนี้เสียดายไม่ได้กินข้าวเย็นที่บ้านคุณพลศรุตเนอะ
มีนาคมไม่พิมพ์ตอบแต่หันมองหน้าเขา มีเพียงดวงตาคู่สวยที่สื่อประโยคคำถาม ส่วนอื่นของใบหน้านั้นเริ่มกลายเป็นสีเทาทั้งหมดจนดูอารมณ์ไม่ออก
GGun : คราวหน้าไปกันใหม่ไหม
mimi march : ชอบเค้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ
GGun : ชอบสิคุณก็ชอบนี่
mimi march : แต่ฉันไม่ได้อยากเจอหรืออยากสนิทนี่
เขาหันมองคนข้างตัวเมื่อนิ้วของเธอพิมพ์ๆ ลบๆ คิ้วขมวดจนทำให้โคลนที่พอกกลายเป็นรอยแตก แต่สุดท้ายเธอก็ลบทิ้งทั้งหมดก่อนคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ชี้นิ้วส่งสัญญาณให้เขาไปล้างหน้าได้แล้ว
"แต่เรื่องเย็นวันศุกร์โอเคใช่ไหม" กันต์ถาม บางส่วนบนใบหน้าร่วงลงมาจนทำให้ต้องยกมือรองเอาไว้
มีนาคมยกมือเป็นสัญญาณโอเคหน้านิ่ง
สูตรเครปญี่ปุ่นหาได้ไม่ยากจากอินเตอร์เน็ต แต่ชายหนุ่มยังหาเวลาไปซื้อวัตถุดิบไม่ได้สักทีแม้เขาจะรู้สึกว่างานของตนเองไม่ได้กินเวลามากมายแต่จะเร่งเท่าไหร่แต่เนื้อเพลงก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นมาเลย
สถานการณ์กับมีนาคมยังดูเป็นปกติดี เธอเริ่มถ่ายภาพฟิตติ้งชุดในวันบวงสรวงละครเรื่องใหม่แล้ว รับบทนางร้ายซึ่งเป็นคุณหญิงทำผมทรงกระบังลม ฟันงามเพราะหมากอย่างที่บริษัทยาสีฟันควรจะจ้างและคิดสปอตโฆษณาดีๆ สักตัวมาฉายช่วงละครออกอากาศ
หากข่าวร้ายคือเขายังคุยกับพลศรุตอยู่แม้จะเป็นไปด้วยการข้อความสั้นๆ แต่เพื่อความรอบคอบเขาจะลบบทสนทนาออกทุกครั้งรวมทั้งตั้งรหัสก่อนเข้าโปรแกรมสนทนาอีกขั้น
แต่วันนี้อีกฝ่ายส่งภาพสวัสดีวันศุกร์พร้อมข้อความ Have a good day มาให้ด้วย
"ทำเป็นเท่สินะ" เขาส่งสติ๊กเกอร์ขอบคุณกลับไปแม้จะไม่ได้รู้สึกดังนั้น ก่อนที่เสียงกระแอมจะทำให้เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอได้
"ถ้ามาแค่เล่นโทรศัพท์ก็กลับไปเล่นที่บ้านไป ไอ้ห่า" สิทธาพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจแม้ใบหน้าจะยิ้ม ในมือยังถือแฟ้มซึ่งใช้เคาะกับประตูเป็นจังหวะไปด้วย ก่อนจะตะโกนออกไปด้านนอกให้เงียบเสียงลงแล้วปิดประตูซ้ำ
อาการอย่างนี้ทำให้เขาเริ่มใจไม่ดี หาตำแหน่งวางสายตาไม่ถูกจนสุดท้ายได้แต่มองเสื้อลายยาอมตราตะขาบเจ็ดตัวซึ่งมีรูของโปรดิวเซอร์คนเก่ง
"ตอนนี้มึงทำแต่เพลงใช่มั้ย"
"ครับพี่" แม้สรรพนามที่ถูกเรียกเปลี่ยนไปแต่เขาก็ยังคงต้องตอบอย่างสุภาพ "มีอะไรรึเปล่าครับ"
"จะอะไร ตามงานมึงไง มีหญิงแล้วงานไม่เดินเลยนะ" สิทธาเปิดแฟ้มยกมือเกาหัวที่ดูมันและยุ่งในเวลาเดียวกันจนไม่ได้มองหน้าเขา กันต์หรี่ตาลงอย่างไม่ใคร่พอใจนักแต่เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นเขาก็ปรับให้สีหน้าให้มายิ้มแป้นแล้นเป็นปกติ
"เดี๋ยวให้ไอ้โป้มันมาตามงานกับแกแล้วกัน แล้วที่ไปอัดเสียงส่งเทสเป็นยังไงบ้าง"
"ทางนั้นยังไม่ได้ตอบอะไรมานะครับ"
สรรพนามนั้นเปลี่ยนกลับไปมาตามอารมณ์ของคนพูด สิทธาเริ่มเอ่ยถึงแนวทางการทำงานหลังจากนี้ของเขาคร่าวๆ ในระหว่างที่กดโทรศัพท์มือหนึ่งไปด้วย เพียงครู่เดียวหญิงสาวที่ทาตาดำเสมอก็เคาะประตูขออนุญาตเข้ามา
คีตกัญซึ่งวันนี้ยังใส่ชุดสีดำเหมือนเดิมนั่งลงข้างที่ถือเป็นหัวหน้างานของตัวเอง ป้ายห้อยคอของเธอมีรูปที่กันต์มองเห็นไม่ถนัดแต่คิดว่าเป็นเจ้าตัวตอนที่ถ่ายรูปสมัครงานหน้าตายแต่ไม่ได้ทาอายเชโดว์เข้มๆ
"หลังจากนี้จะให้โป้มันมาดูงานให้เอ็ง ไม่ใช่เฉพาะเพลงแต่งานนอกอื่นด้วยไม่อย่างนั้นแยกออกมาทำเดี่ยวแล้วไม่ได้มีงานเลยมันก็จะเสียโอกาสไป"
"อ้าว แล้วพี่เก้าอะพี่" เขาหมายถึงคนที่คอยดูคิวงานเรื่องละครหรืออีเวนต์อื่นซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับงานเพลงของค่าย
"ก็ยังทำอยู่แต่เน้นดูให้คนอื่นแทน ตอนนี้น่าจะยังยุ่งพอควร แต่งานอะไรแกก็ไม่ได้มีช่วงนี้นี่ก็ให้ไอ้โป้ตามเฉพาะเพลงไปก่อน กับพวกร้องเพลงที่ผับแอนเรสเทอรองบางวันอะไรอย่างนี้ก็พอได้มั้ย"
กันต์พยักหน้าให้กับคนพูด แม้ในใจจะตงิดๆ ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของหญิงสาวเลย แต่เมื่อถูกตัดสินมาอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีใครค้านอะไรได้ เพราะโดยลำดับแล้วคีตกัญซึ่งยังเป็นเพียงผู้ช่วยโปรดิวเซอร์นั้นไม่ได้มีอิทธิพลอะไร
มิหนำซ้ำด้วยอายุ หญิงสาวก็ดูเป็นต่ออยู่มากในการที่จะทำให้ศิลปินที่อายุมากกว่ายอมเคารพการตัดสินใจ
"ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ" เขายังพูดน้ำเสียงรื่นเริงอยู่แม้ภายในใจจะเครียดจนอยากยกเท้าก่ายหน้าผาก ขณะคีตกัญทำหน้าแหยออกมาอย่างไม่เกรงใจทันทีที่สิทธาผู้เอ่ยธุระจบก็ผุดลุกออกไป
"ค่ะ" เธอยังไม่ลุก แต่ทำหน้าเหมือนอยากลุกจากที่นั่งเต็มที "พี่สิทธาก็โดนผู้ใหญ่บีบลงมาอีกทีว่าให้หางานให้คุณทำ ก็เลยโดนกันเป็นทอดๆ แบบนี้"
"ผู้ใหญ่?" เขาทวนคำแต่คีตกัญไม่สนใจ เธอเปิดรายชื่อเพลงในหน้ากระดาษให้ดูซึ่งด้านข้างมีตารางการแสดงรวมอยู่ด้วย
"โป้ดูแล้วว่ามีเพลงอะไรที่คุณจะสามารถร้องร้านได้บ้าง มีเพลงจากละครเรื่องที่แล้ว เพลงเดี่ยวหนึ่งเพลง และเพลงในอัลบั้มของวง" ปากกาในมือเล็กชี้ที่ละจุดให้สังเกตก่อนจะลากมาให้ดูว่าในเดือนนี้เขาจะไม่ว่างงานอีกต่อไป
"เดี๋ยวนะ" ตารางงานของเขาต้องถูกส่งต่อมาจากพี่เก้าแน่
"ในส่วนงานอีเวนท์ถ้ามีพี่เก้าจะดูให้เหมือนเดิมค่ะ แต่เล่นดนตรีที่ร้านในช่วงค่ำเราประชุมกันแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ค่ะ"
กันต์มองอีกฝ่ายตาค้าง วันนี้ไม่เห็นจะ good day อย่างที่พลศรุตส่งภาพมาอวยพรเลย
"อ้อ มีนิตยสารเพื่อนคอร์ดเพลงติดต่อมาให้ถ่ายค่ะ ปกสุดท้ายก่อนจะปิดกิจการเพราะเดี๋ยวนี้คนแกะคอร์ดแชร์กันในอินเตอร์เน็ตหมดแล้ว"
น้ำเสียงของหญิงสาวไม่ได้เชือดเฉือน แต่สีหน้าเบื่อหน่ายทำให้เขายอมรับโดยดุษฎีว่าอยากจะ อะไรก็ทำไปเถอะ
"โอเคตามนี้นะคะ"
เขาพยักหน้าแกนๆ หยิบกีตาร์โปร่งที่วางพิงกับขาโต๊ะขึ้นมาแล้วจับคอร์ด มองหาปิ๊กไม่เจอจึงหยิบที่หนีบห่อขนมปังแถวซึ่งถูกวางทิ้งไว้มาใช้แทน ก่อนจะเริ่มดีดทำนองที่ทำให้คนฟังขมวดคิ้ว
"บอกมาซิเห็นสีอะไร" เขาถามหญิงสาวผู้เป็นโรคแสนประหลาด
"นี่คุณ" เธอขมวดคิ้ว
"เชิญคุณลงทัณฑ์" กันต์ปล่อยให้จังหวะเงียบก่อนจะโซโล "บัญชา...จนสมอุราจนสาแก่ใจ..."
คีตกัญคล้ายกับจะทนไม่ไหวแล้วเมื่อเขาร้องถึงท่อน 'กักขังฉันเถิดกักขังไป...' เธอยกมือปิดปากแล้วหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก
"ทำงานด้วยกัน ไม่ต้องเกร็งเนอะ" เขายังคงดีดกีตาร์ มองคนที่พยักหน้าหงึกๆ "แล้วก็ลดวันที่เล่นดนตรีลงหน่อยสิจ๊ะ น้องคาโป้"
เธอหยุดหัวเราะ กลับมาสู่อารมณ์เหนื่อยหน่ายเช่นเดิม "ไม่ได้อะค่ะ"
กันต์หยุดดีดกีตาร์ ซบหน้าลงกับโต๊ะ หากกลับไปทำงานแบบเดิมอีกเขาก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่กับมีนาคมเลยน่ะสิ
มีนาคมไม่ได้แสดงความเห็นใจให้กับเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อรู้เรื่อง ใบหน้าสวยยังยกยิ้มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสด ไม่ล้างหน้าซึ่งผิดจากทุกวันที่เมื่อเสร็จจากงานแล้วจะรีบพักผิวให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
วันนี้หญิงสาวสวมเสื้อแขนสั้นเข้ารูปกับกระโปรงยาวเหนือเข่า ผมยังคงมีผงกากเพชรติดอยู่จากงานแฟชันโชว์ของน้ำหอมเมื่อตอนเย็น แม้จะไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์โดยตรงแต่เธอก็ได้รับสินค้ามาหนึ่งเซตเพื่อสำหรับถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดียของตัวเอง
"เราจะเจอกันแค่ในฝันตอนที่คุณหลับไปแล้วมั้ง"กันต์ตอบหน่ายๆ เริ่มเปิดกระทะตามนัดหมายล่วงหน้าซึ่งไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย เขากระวีกระวาดซึ้อของตามรายการในเวลาไม่ถึงชั่วโมงแล้วกลับมารอเธอราวกับสุนัขรอเจ้าของอย่างนั้น
"ทำเอานึกถึงช่วงตอนที่เรายังไม่ถ่ายละครด้วยกันเลย ช่วงนั้นคุณก็ยังใช้ชีวิตกลางคืนนี่"
"ช่วงเริงราตรีน่ะเหรอ" เขาหันมองเธอ ก่อนจะเริ่มเทแป้งสีดำซึ่งผสมตามสูตรก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีลงไป "มีใครไม่รู้ใส่ชุดที่ดูเหมือนลูกบอลดิสโก้ด้วย"
เธอศอกเขาเข้าที่เอว เพราะไม่ลืมเช่นกันว่าครั้งแรกที่ได้พบกันนั้นเป็นวันที่เลิกรากับจุมพลอย่างเด็ดขาด และสภาพเธอก็ดูไม่ได้เลย
"แป้งมันเยอะเกินไปรึเปล่า" หญิงสาวคนแป้งในชามด้วยทัพพี "ทำสักร้อยแผ่นได้เลยมั้ง"
"มันเก็บเข้าตู้เย็นได้นะ สูตรบอกมาแบบนั้น"
"คงไม่คิดว่าเราจะกินกันทุกวันใช่ไหม" เธอขมวดคิ้ว แต่ไม่พยายามทำตัวเป็นลูกมือเลยนอกจากมองนาฬิกาแล้วเตือนว่าเขากำลังทิ้งแป้งเอาไว้นานเกินไประหว่างคีบเบคอนวางลงไป
เครปสีดำหน้าตาพอดูได้เมื่อวางเครื่องอัดแน่นลงครบถ้วน หากที่คาดการณ์พลาดคงจะเป็นขนาดที่เล็กตามกระทะซึ่งทำให้เมื่อตอนที่พับนอกจากไส้ทะลักแล้วแผ่นแป้งยังแตกอีกด้วย
เขาตักเครปไส้แตกลงสู่จาน กำลังจะทาเนยจืดบนกระทะให้ลูกมือจอมขี้เกียจได้ลองทำแล้วแต่เธอกลับยกมือปฏิเสธแล้วขอตัวไปรับโทรศัพท์เสียก่อน
"เดี๋ยวฉันมานะ"
มีนาคมบอกเท่านั้นก็หยิบคีย์การ์ดออกจากห้องไป ทิ้งให้เขายืนงงอยู่กับวัตถุดิบที่เหลือก่อนจะดำเนินภารกิจลวกผักโขมเพื่อผสมกับไส้เห็ดที่เธอเคยรีเควสไว้
เสียงเปิดประตูกลับเข้ามานั้นมาหลังจากที่เขาเริ่มผัดเห็ดแชมบิญองกับกระเทียมและพริกไทย
"ตกลงรีบไปไหนเนี่ย" เห็ดเริ่มนิ่มแล้ว กลิ่นหอมของพริกไทยก็กรุ่นกำลังดี
กันต์หันกลับไปมองเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ ตะหลิวในมือเขาหยุดนิ่งมีแต่ตาที่กะพริบอย่างไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปหรือไม่
ผู้หญิงวัยกลางคนในเสื้อคอบัวยิ้มให้กับเขา มือที่ถือกระเป๋ายกขึ้นโบกนิดๆ รอยยิ้มค่อยๆ คลี่ออกมาก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่อเห็นว่าเขาใส่เพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น มัดผมเป็นมวยเอาไว้ลวกๆ หน้ามันเหงื่อแตกอยู่หน้าเตา
"แม่" เขาเบิกตามองกรรณิการ์ที่ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ มองสลับกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากของเธอยกยิ้ม เลิกคิ้วมองเขากลับ
'เซอร์ไพร์ส'
มีนาคมพูดไม่ออกเสียง กันต์แน่ใจแล้วว่าตัวเองกำลังถูกดัดหลังเรื่องพลศรุต
ความคิดเห็น |
---|